xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : มหาลัย มหาหลอก มหาโกง - ถ้าเป็น VIP ย้อนศรได้? - สปีชเวทีโลก COPY26?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 5 พ.ย.64 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยเรื่องพูดในวันนี้ เริ่มต้นด้วยดราม่ารถวีไอพีขับย้อนศร เกิดอะไรขึ้นสังคมไทย VIP ต้องมีตำรวจนำ ในมุมมองจากสนธิ ต่อด้วยการสปีชของนายกฯ ในเวที COP26 ที่กอปปี้คำพูดของโอบามาและบันคีมูน จริงๆ เเล้วนายกฯ ควรพูดบนเวทีโลกควรเป็นอย่างไร จะต้องพูดอย่างไรถึงจะเหมาะสมสำหรับประเทศไทย ต่อด้วยเรื่องครอบครัวของ "ทิวา เงินยวง" อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่กำลังตกระกำลำบาก แต่ไม่ได้รับการเหลียวแลจากทางพรรคเท่าที่ควร ทั้งที่เคยรับปากกันไว้ เรื่องเฟซบุ๊กจะเปลี่ยนชื่อเป็น Metaverse ยกระดับโซเชียลมีเดียให้กลายเป็น "โลกเหนือจักรวาล" สร้างโลกเสมือนจริงให้เชื่อมโยงกับโลกของความเป็นจริง อีกเรื่องที่อยากให้ทุกคนได้ฟัง "ธุรกิจการศึกษา เป็นจุดเริ่มต้นของการโกง" มาเปิดมหาโกง คอร์รัปชัน ในวงอุดมศึกษา มาดูเเวดวงอาจารย์มหาวิทยาลัยกัน ว่าจริงๆ เเล้วไม่ต่างจากแวดวงสีกากี หรือเเวดวงข้าราชการเลย ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.110



คำต่อคำ SONDHI TALK [5 พ.ย. 64] : มหาลัย มหาหลอก มหาโกง

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 สองอาทิตย์ที่แล้วมา วุ่นวายมากท่านผู้ชม เดินทาง ขับรถไปทอดกฐิน ร่วมทำบุญกับท่านผู้ชม ไปที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี วัดป่าภูแปก จ.เลย และอาทิตย์ที่แล้วก็ไปที่วัดป่าวังศิลา จ.เชียงราย ขับรถไปตลอดครับ ทั้งไปทั้งกลับ ก็มีความสุขดี

ท่านผู้ชมครับมีเรื่องที่อยากจะพูด เป็นเรื่องเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ช่วงนี้ท่านผู้ชมครับ เฟซบุ๊กเขามีนโยบายใหม่ทั่วโลก เขาใช้วิธีปิดกั้น ไม่ให้มองเห็นมากเหมือนแต่ก่อน ก็คือพูดง่ายๆ ก็คือเขาต้องการให้เพจแต่ละเพจซื้อบูสเตอร์เขา ก็คือว่าถ้าอยากให้มีการเปิดให้มันเห็นมากขึ้นก็ต้องจ่ายเงินเขาไป ซึ่งเพจ"คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไม่เคยทำ ของเราเริ่มด้วยเป็นออร์แกนิกแท้ๆ ไม่เคยมีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อยอดคนดูซึ่งเคยดูกันประมาณ เราเฉลี่ยแล้วอาทิตย์หนึ่ง รายการทุกรายการออกมาเมื่อดูจบแล้ว ภายในครึ่งวัน หรือว่าทั้งอาทิตย์เลยก็จะมีคนเข้ามารีช (reach) เขาเรียกรีช เอื้อมมือถึงประมาณ 2 ล้าน 5 แสนคน ถึง 3 ล้าน 5 แสนคน ขึ้นอยู่กับประเด็น แต่ช่วงหลังตั้งแต่ปิดกั้นมายอดลดลงมาเหลือประมาณ 1 ล้านคน ลดมาหลายแสนคนเลย ทีนี้ อาทิตย์นี้เนื่องจากว่าถ้าสมมติว่ายอดมันลงมา 1 ล้าน 5 แสนคน หรือ 1 ล้าน 6 แสนคน ยอดถ้าไม่ปิดกั้นก็จะตกประมาณ 2 ล้านกว่าคน อาทิตย์นี้เผอิญยอดที่เขาปิดกั้นแล้วยังเข้ามาดูถึง 2 ล้านกว่าคน เพราะฉะนั้นแล้วยอดจริงที่ควรจะเข้ามาดูน่าจะถึง 3 ล้าน 5 แสนคน


ที่สังเกตอย่างหนึ่งก็คือคลิปสั้นแต่ละคลิปอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เกินล้านทั้งสิ้น ทุกคลิปเลย บางคลิปขึ้นถึง 3 ล้าน บางคลิป 2 ล้านกว่า ที่ผมเอาเรื่องนี้มาคุยเพราะว่าผมอยากให้ท่านผู้ชมแชร์เรื่องราวต่างๆ ออกไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพราะว่าการปิดกั้นนั้น บางทีปิดกั้นบนพื้นฐานของ ที่เขาบอกว่าใครก็ตามที่นานๆ เข้ามาทีหนึ่งหรือว่ายเข้ามาไม่ถี่นัก 2 อาทิตย์เข้ามาสักครั้งหนึ่ง หรืออาทิตย์หนึ่งเข้ามาสักครั้งหนึ่ง ไม่เหมือนกับท่านผู้ชมที่ชมประจำ ทุกอาทิตย์ เข้ามาดูตลอดเวลาไม่เคยพลาด พวกก fc นี่จะไม่พลาด เขาก็จะไม่ปิดกั้นคนพวกนี้ เขาหมายถึงคนใหม่ๆ ที่เข้ามา หรือคนที่สนใจเคยดูมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วไม่ได้ดูอีกก็อยากกลับมาดูอีก เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมต้องแชร์ออกไปเยอะๆ แล้วก็ที่สำคัญก็คือกด See First ต้องกดบนปุ่มที่เขาเขียน See First กดยอด กดฟอลโล แล้วกด See First จะได้ไม่พลาดเนื้อหาที่สำคัญ


ท่านผู้ชมครับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเรียนให้ท่านผู้ชมทราบนิดหนึ่ง เพราะว่าเฟซบุ๊กตอนนี้กำลังจะเปลี่ยนแปลงนโยบายเยอะ อีกช่องหนึ่ง ก็คือช่องทางยูทูป ก็ติดตาม SUBSCRIBE ไปเลย กด SUBSCRIBE ไป เพราะเฟซบุ๊กช่วงหลังนี้ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เจ้าของเฟซบุ๊ก จะเน้นเรื่องการกำไรอย่างเดียว ทำมาหากิน จะบังคับให้คนที่ทำเพจต่างๆ จ่ายเงินเขาเพื่อที่จะบูสต์ยอดให้คนเข้ามาเห็นได้มากขึ้น ทีนี้เราไม่ได้เป็นเพจขายของ เราก็ไม่รู้จะไปจ่ายเงินทำไม เราให้ปัญญาคน มันก็เลยเกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นมา


ท่านผู้ชมครับ ก็อัปเดตกันนิดหนึ่งท่านผู้ชม เรื่องแอปฯ SONDHI TALK ตอนนี้ก็ไปภถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว คงไม่เกินเดือนนี้ เราก็คงส่ง SONDHI TALK เข้าไปใน App Store และก็ Google Play และก็เราก็จะมีการเปลี่ยนแปลงรายการของเราเยอะพอสมควร ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับท่านผู้ชมที่สมัครเป็นสมาชิก ท่านผู้ชมถามว่า สมาชิกเสียเงินไหม ? เสียครับท่านผู้ชม แต่คิดแค่ 100 บาทเท่านั้นเอง 100 บาทต่อเดือน แต่ว่าสิ่งที่ท่านผู้ชมจะได้รับ ได้รับมากกว่าสิ่งที่ท่านผู้ชมเห็นในเฟซบุ๊ก อย่างมากมายมหาศาลที่ท่านผู้ชมดูในเฟซบุ๊กไม่ได้เลย

กลับมาเรื่องกฐินสักนิดหนึ่ง เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ผมได้ไปเป็นประธานกฐินที่วัดป่าวังศิลา อ.ป่าแดด จ.เชียงราย ซึ่งเป็นวัดสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต แล้วก็บุญกฐินเราก็ไปมอบให้ ทั้งบุญกฐินของวัดป่าบ้านตาด บุญกฐินวัดป่าภูแปก ญาณสัมปัณโณ บุญกฐินของวัดป่าวังศิลา แล้วก็วันที่ 14 พฤศจิกายน ก็จะไปทำบุญกฐินเพื่อจะหาเงินสร้างเจดีย์หลวงตามหาบัว ที่วัดพระธาตุดอยลับงา


เพราะฉะนั้นแล้ว 4 วัดนี่ ร่วมอนุโมทนาบุญด้วย ที่ท่านผู้ชมบริจาคเงินมาเพื่อทำบุญ ขอให้อานิสงส์อันนี้ที่ท่านผู้ชมได้ทำบุญใหญ่ จงส่งผลให้ 16 ชั้นฟ้า 15 ชั้นดิน ครุฑ นาค อินทร์ ยม พรหม ยักษ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายและพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลายที่มรณภาพไปแล้ว ได้มาอวยชัยให้พรและแผ่เมตตาให้ท่านผู้ชม ให้จงมีความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรง หวังสิ่งใด ประสงค์สิ่งใดขอให้สมหวังและสมประสงค์ในสิ่งต่างๆ เหล่านั้น ข้าพเจ้านายสนธิ ลิ้มทองกุล และผู้ที่ร่วมทำบุญผ่านเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก็ขอมอบกุศลผลบุญเหล่านี้ให้กลับคืนไปให้กับประเทศชาติ เพื่อประเทศชาตินั้นจงมีความสุขสงบสันติ

ท่านผู้ชมครับเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานี้ ประมาณวันจันทร์ ผมได้ไปกราบหลวงปู่เจริญ ราหุโล ที่วัดป่าพระธาตุเขาน้อย ตำบลบ้านคา อำเภอบ้านคา จังหวัดราชบุรี


หลวงปู่เจริญ ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดหินหมากเป้ง และก็หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ที่วังสะพุง หลวงปู่เจริญ ถ้าท่านเคยดูรายการในการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับพี่น้องพันธมิตรฯ ที่เสียชีวิตจากการเดินไปประท้วงที่หน้ารัฐสภา ด้วยปืน ด้วยแก๊สน้ำตาของตำรวจ จำนวนสิบกว่าคน ก็จะเห็นว่าทุกปีในวันที่ 7 ตุลาคม ซึ่งเป็นวันรำลึกครบรอบของการเสียชีวิตของพี่น้องทั้งหลายนั้น หลวงปู่เจริญ ก็จะมาเป็นประธานในคณะสงฆ์ที่สวดอุทิศส่วนกุศลให้ ถ้าท่านผู้ชมเคยจำได้ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ท่านไม่ได้มาแล้ว เหตุผลเพราะท่านอายุมาก ท่าน 80 กว่า ท่านจะ 90 แล้ว ท่านก็เดินแทบไม่ไหว


ท่านก็อยู่ที่วัด ผมก็เลยตัดสินใจไปกราบท่านที่วัด ที่อำเภอบ้านคา ที่จังหวัดราชบุรี ไปก็ประมาณสักนั่งรถไป 2 ชั่วโมงกว่านิดๆ ท่านก็ดูยังมีสติสมบูรณ์ เพียงแต่ว่าท่านเดินเหินลำบาก ท่านต้องนั่งรถที่คล้ายๆ รถคนพิการ แล้วก็กดรถไฟฟ้า กดปุ่มวิ่งไปวิ่งมา ท่านก็ดีใจมากที่ท่านเจอผม แล้วผมก็ไปกราบท่าน

ท่านผู้ชมครับ หลวงปู่เจริญ เป็นคนที่มอบสร้อยหยก 2 เส้นนี้ให้กับผม ตอนที่ผมอยู่ในเรือนจำ 2 ปี 11 เดือน กับ 27 วัน 3 ปีที่ผมอยู่ ที่เขามีงานทำบุญวันที่ 7 ตุุลาคมนั้น หลวงปู่เจริญไม่มาเลย หลวงปู่เจริญ มาวันที่ 7 ตุุลาคม พ.ศ. 2562 หลังจากผมออกจากเรือนจำได้เดือนหนึ่ง เพราะท่านรู้ผมออกมาแล้ว พอเจอหน้าท่าน ท่านก็เอาสร้อยหยก 2 เส้นใส่ข้อมือผมทันที


ท่านบอกท่านเจริญภาวนาสร้อยหยกนี้มาเป็นปี ไปงวดนี้ท่านก็หยิบถุงมาถุงหนึ่งและท่านก็หยิบสร้อยมุกมา แล้วท่านก็สวมข้อมือผมแล้วท่านก็บริกรรมคาถา ท่านก็บอกว่าสร้อยนี้ถูกปลุกเสกโดยเกจิอาจารย์ที่ท่านนิมนต์มา 9 รูป เป็นเวลา 7 วัน แล้วท่านก็พูด ท่านก็บอกว่าให้ใส่ไว้ที่ข้อมือ ผมก็ได้ใส่มาตลอด เพราะฉะนั้นแล้วก็ต้องเรียนให้ทราบ แล้วท่านก็ให้ไปเดินไปในวัดท่านพาไปชม ท่านบอกว่าชอบพระพุทธรูปบูชาองค์ไหนให้หยิบไปเลย ผมก็เลยได้พระพุทธนาคปรก ที่ผมได้ เพราะว่าเป็นนาค 9 เศียร ซึ่งตรงกับพระประธานในห้องพระผม ซึ่งเป็นพระพุทธรูปทรงนาคปรกเช่นกัน ผมก็เลยถือโอกาสเอามาตั้งบูชาไว้ที่นี่ ก็เลยต้องกราบเรียนท่านผู้ชมให้เข้าใจนิดหนึ่งว่า เอ๊ะ ว่าทำไมจู่ๆ คุณสนธิ มีสร้อยมุกขึ้นมาอีกสร้อยหนึ่ง เพราะว่าท่านผู้ชมเป็นคนที่ช่างสังเกต

ตอนนี้ฟ้าทะลายโจรเราแจกไปเยอะแล้ว เกือบๆ 5 แสนกระปุกแล้ว แล้วเราก็เผอิญมีเรื่องที่จะต้องซื้อฟ้าทะลายโจรเพิ่มเติม เพราะว่าเข้าหน้าหนาวแล้ว คนติดเชื้อก็ยังอยู่ และที่สำคัญ ยังมีคนที่เดือดร้อนจากการติดเชื้อและขาดการเหลียวแล เอาใจใส่ดูแลจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะว่ารัฐไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สนใจแต่ยาฝรั่ง ก็ปรากฏว่ามีท่านผู้ชมบางท่านได้ลงทุนทำเสื้อฟ้าทะลายโจรมา เพราะเห็นผมใส่ แล้วท่านบอกว่าคุณสนธิ เอาไปมอบให้กับท่านผู้ชมที่ต้องการ จะบริจาคเข้ามายังมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน 500 บาทขึ้นไป ก็จะได้เสื้อฟ้าทะลายโจร 1 ตัว


ท่านผู้ชมครับ มี 2 สีนะครับ มีสีเทา อีกสีหนึ่ง ตัวนี้ ทุกๆ 500 บาท ก็จะได้รับเสื้อที่ท่านผู้ชมลงทุนสร้างมา ทำมาให้ เพราะฉะนั้นแล้วผมจะเอาบัญชีมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เพื่อบริจาคเข้าบัญชีฟ้าทะลายโจร เพราะว่าเงินในบัญชีนั้น ตอนนี้ร่อยหรอลงเยอะ เหลืออยู่ประมาณ 1 ล้านกว่าบาท ก็ต้องเลยเรียนให้ท่านผู้ชมทราบนิดหนึ่่ง

การบริจาคฟ้าทะลายโจร เราก็ยังบริจาคอยู่เหมือนเดิม อาทิตย์ที่แล้วเราก็ให้ไปทุกที่เลยท่านผู้ชม เยอะแยะไปหมดท่านผู้ชม ผมไล่ไป ตอนนี้บริจาคไปประมาณ 40 ล้านแคปซูลท่านผู้ชมครับ เรื่องใหญ่นะเรื่องนี้ ส่งไปให้เรือนจำกลางเชียงราย 5,000 กระปุก สถานทูตลาวขอมา 1,500 กระปุก ฝาง กาญจนบุรี อยุธยา โรงพยาบาลสิรินธร จังหวัดขอนแก่น 1,000 กระปุก มีหมดทุกที่ มีวัดโพธิ์ทอง นครศรีธรรมราช โรงพยาบาลหาดใหญ่ 500 กระปุก บ้านบ่อสมุทรปราการ บุคคลทั่วไป/ชุมชน อีก 1,000 กระปุก


เพราะฉะนั้นแล้วเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ท่านผู้ชมบริจาคมาเพื่อจัดทำฟ้าทะลายโจรนั้นก็เอาไปใช้ในงานการนี้โดยเฉพาะ และอีกไม่นาน คงประมาณก่อนสิ้นปีนี้เราจะเอาบัญชีทั้งหมดมาลงในเฟซบุ๊กของเราเพื่อให้ท่านผู้ชมได้รับทราบว่าเราเอาเงินไปทำอะไรบ้าง รวมจนถึงเงินทำบุญด้วย เป็น 2 บัญชี ว่าเราบริจาคให้ไปที่ไหนด้วย เพราะฉะนั้นแล้วฟ้าทะลายโจร อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ มีผู้ที่ต้องการจะทำบุญแล้วก็บอกว่า เอาอย่างนี้เถอะคุณสนธิ เอาเสื้อไปแล้วกัน อากจจะเป็นเจ้าของโรงงานเสื้อ ผมไม่ได้ถาม ก็ทำมาเยอะพอสมควร ถ้าคุณสนธิ จะบริจาค จะรับก็รับไปแล้วก็เอาให้ประชาชนที่ต้องการจะบริจาคเพื่อลงทุนซื้อฟ้าทะลายโจรไปคนละตัว

ท่านผู้ชมครับ เดือนนี้เป็นเดือนพฤศจิกายน อากาศเริ่มเย็นแล้ว ท่านผู้ชมได้สังเกตไหม ฝุ่นเริ่มกลับมาอีกแล้ว อ๋อแน่นอนผมกำลังบอกท่านผู้ชม ต้องซื้อเครื่องกรองอากาศ เพราะว่าเครื่องกรองอากาศนั้นสำคัญมาก ผมเคยเสนอไปว่าเครื่องกรองอากาศของ manature ที่ผมเคยยกตัวอย่างให้ฟังว่าดีที่สุด ไม่ต้องล้างไส้กรองเลย ใช้ไส้กรองไปตลอดถึงเวลาไม่ต้องเปลี่ยนเอาไส้กรองออกมาล้าง แล้วก็มีประจักษ์พยานเยอะแยะไปหมด


คนที่ซื้อไปแล้วชม ผมเองผมก็ใช้มา 10 กว่าปีแล้ว เครื่องที่ผมใช้มา 10 กว่าปียังไม่เสีย ตอนนี้รีบๆ สั่งเข้ามา เพราะว่าเท่าที่ผมทราบเครื่องกรองอากาศเหลืออยู่ไม่ถึง 200 เครื่องตอนนี้จากจำนวน 1,000 เครื่อง เหลือไม่ถึง 200 เครื่อง แล้วฝุ่นตอนนี้เยอะมาก หน้าหนาวนี้ฝุ่นกลับมาอีกแล้ว เขามีราคาพิเศษให้ตอนนี้เครื่องละ 22,900 บาท สามารถผ่อน 0% ได้นาน 10 เดือน

ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ ผมไม่ได้มีหน้าที่รีวิวอาหารให้ใคร ไม่รับจ้าง เผอิญหลานสาวผมคนหนึ่งซึ่งเขาทำงานอยู่บริษัทต่างชาติ เป็นลูกของน้องสาวผม เขามาเยี่ยมผม เขาบอก ลุง หนูเอาขนมมาฝากให้ลุงทาน เพราะเห็นว่าลุงเช้าๆ ลุงไม่ทานอะไรหรือทานข้าว อยากให้ทานอันนี้บ้าง ปรากฏว่าท่านผู้ชมครับ มันเป็น... เขาเรียกว่าอะไร มันเป็นอาหารที่ทานกันตอนเช้าสำหรับคนรุ่นใหม่ คอร์นเฟลก แต่เป็นคอร์นเฟลกที่ไม่เหมือนคอร์นเฟลก ผมเอาออกมาใส่จานเทลงไปและใส่นมสดลงไปโดยที่ผมไม่ต้องใส่น้ำตาล เพราะว่าคอร์นเฟลกที่เขาทำมันหลานอยู่แล้วและเขาก็มีนัท มีถั่วต่างๆ พรีเมียมหมดเลย ผมทานผมชอบ นี่ผมทานมาหลายวันแล้ว ก็เลย ผมก็เลยมาดูรายละเอียดว่า มันเป็นของใครบ้าง ผมจะเอาชื่อขึ้นมา เอาเบอร์โทรศัพท์มาให้ท่านผู้ชม เขามีไลน์ ซึ่งผมขึ้นในจอให้ดูและมีเบอร์โทรศัพท์ขึ้นให้ดูด้วย ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้สตางค์เลย และผมก็ยังจะสั่งซื้อกับเขาอีก เพื่อมาแจกคนอีก กล่องขนาดนี้ 240 บาท ใช้หมดแล้วก็ยังจะสามารถใช้ต่อได้อีก


สตอรี่ไลน์ นิทานเรื่องนี้ก็คือ เจ้าของเป็นอดีตแอร์การบินไทย ทำงานแอร์จนกระทั่งถึงขั้นที่จะต้องตัดสินใจว่าจะอยู่ต่อหรือว่าจะออก ทั้งๆ ที่เขาให้สิทธิอยู่ต่อ เพราะว่าผลประเมินเขาออกมาดีมาก แต่ว่าคนที่เขาทำอันนี้เขาบอกว่าไม่ไหวแล้ว เขาอยากจะมีอิสรภาพกับตัวเขาเอง เขาก็เลยออกมาตั้งแต่โควิดออกมาใหม่ๆ ทำเรื่องพวกนี้ แล้วรายได้ไม่ได้ต่างจากการเป็นแอร์ แต่สิ่งหนึ่งที่เขาได้ และการเป็นแอร์ไม่สามารถให้เขาได้ ความเป็นอิสระเสรีภาพ การได้อยู่กับบ้าน การได้ดูแลลูก 2 คน ดูแลครอบครัว ที่สำคัญเขามีความสุข ไม่มีความกดดันใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ต้องไปรับทราบความเน่าเฟะของผู้บริหารของการบินไทย แม้กระทั่งในยุคฟื้นฟู ก็ยังบัดซบเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ท่านผู้ชมครับ ลองดู ผมไม่ได้รับจ้างรีวิวสินค้า

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้มันมีเรื่องราวหลายเรื่อง บางเรื่องผมเอามารวมในตอนต้นคล้ายๆ เมดเลย์ ท่านผู้ชมจำได้ใช่ไหม เรื่องแรก เป็นข่าวใหญ่ในวงการโซเชียล ก็คือรถวีไอพีย้อนศร เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง มันมีมิติบางมิติ ผมอ่านแล้ว ผมดูแล้ว ผมคิดแล้ว ผมก็ทุเรศสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมคนที่มีอิทธิพล ว่า โคตรทุเรศเลยพวกมึง แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่ามันเป็นอย่าง

เรื่องที่สองคือเรื่องดรามา หลังควันหลงการประชุม COP26 ซึ่งเป็นการภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ครั้งที่ 26 ดรามานี้ก็คือ มีการกล่าวหา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และขำขันกันว่าคนที่เขียนสปีชให้ พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ไปลอกเอาคำพูดของบารัก โอบามา มาทั้งดุ้นเลย ไม่ผิด ผมก็มีความคิดของผมอันหนึ่ง มีมิติของผมอันหนึ่ง งานนี้ก็ช่วยไม่ได้ท่านผู้ชมครับ ผมคงต้องโทรศัพท์ ฮัลโหล ฮัลโหล คุณดอน คุณดอน นี่ฝีมือของคุณดอน ปรมัตถ์วินัย แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่ามันตลกอย่างไร และท่านผู้ชมตั้งใจฟัง ผมจะเสนอเวลาไปเวทีต่างประเทศควรจะพูดอะไรบ้างและควรจะพูดอย่างไร ที่สำคัญเราต้องรู้จักตัวเราเองว่า เราคือประเทศไทย ซึ่งเป็นประเทศที่กระจอก อย่าไปนึกว่าตัวเองยิ่งใหญ่เท่าโจ ไบเดน ถึงได้ออกมาพูดอย่างอหังการ มมังการ นี่ผมไม่ได้โทษท่านนายกฯ นะ ถ้าผมจะโทษ ผมก็จะโทษไอ้ทีมสปีชที่เขียนให้ ซึ่งเป็นทีมของคุณดอน ปรมัตถ์วินัย

เรื่องที่สามในเมดเลย์คือเรื่อง Metaverse คือเรื่องของ มาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก กำลังจะเปลี่ยนชื่อเฟซบุ๊ก เป็น Metaverse และ Metaverse คืออะไร ? เป็นเรื่องใหม่เลย เดี๋ยวผมอธิบายให้ฟัง

เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องของคุณทิวา เงินยวง กับพรรคประชาธิปัตย์ คุณทิวา เงินยวง เสียชีวิตไป 10 กว่าปีแล้ว เป็นอดีต ส.ส. น้ำดีของพรรคประชาธิปัตย์ ผมพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์โดยตรง ผมอยากให้ท่านผู้ชมมาร่วมฟังด้วย และคิดตามผม และเห็นด้วยไหมกับแนวความคิดของผม

เรื่องสุดท้าย ผมเตรียมเอกสารข้อมูลมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาส ผมก็เลยเอาโอกาสนี้มาพูดเรื่องมหากาพย์ทุจริตในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นต้นตอความเสื่อมถอยของสถาบันอุดมศึกษา และความฉิบหายของประเทศไทย


ท่านผู้ชมครับเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ใน 2 วันที่่ผ่านมา ในเวลาแปดนาฬิกาตอนเช้า มันมีเรื่องที่มันสะท้อนให้เห็นถึงความโหล่ยโท่ยของสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีอิทธิพลหรือว่ามีเส้นมีสาย เวลาประมาณ 08.00 น. บริเวณถนนกำแพงเพชร 7 ใกล้กับวัดอุทัยธาราม ถนน 2 ช่องทางสวนกัน ท่านผู้ชมหลายคนที่ดูโซเชียลมีเดียคงเห็นแล้ว แต่ผมจะย้ำอีกทีหนึ่ง คือช่วงโควิดระบาด เส้นทางจราจรเส้นนี้จะเปิดให้รถวิ่งไปทางเดียวกัน 2 ช่องทาง รถที่ถ่ายคลิปมาจากถนนเพชรอุทัย เลี้ยวซ้ายมาถนนกำแพงเพชร 7 มันมีรถวีไอพีของหมอบุญ วนาสิน แต่เอาเถอะจะเป็นหมอบุญ หมอบวม หมอบาป หมอบ้า หรือหมออะไรก็ตาม หมอวรนุช อย่างไรก็ตาม ไม่สำคัญ สำคัญว่าคนที่นั่งรถเบนซ์สีขาวมา มันมีรถตำรวจนำทางมา 2 คัน แล้วจากแถวที่ยาวเหยียด แถวที่เขาติดกันยาวเลยมันแแซงออกมาแล้วมันก็วิ่งๆ ขอให้รถที่กำลังจะสวนมาทางนี้หลบทาง มันก็โบกมือหลบทางเพื่อให้รถคันนี้จะใช้อภิสิทธิ์ คันแรกเป็นของ สน.มักกะสัน คันที่สองที่ขี่คือ พ.ต.ต.สังเวียน คำรังษี สว.จร.สน.ทองหล่อ มุ่งหน้าจากถนนกำแพงเพชร 7 เลี้ยวขวาที่เข้าวัดอุทัยธาราม ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 50 เมตร


ปกติแล้วถนนดังกล่าวมีสภาพคับแคบอยู่แล้ว ทีนี้มีตำรวจ 2 คัน นำขบวนรถเบนซ์สีขาว เป็นบุคคลระดับสูง ระดับวีไอพี แซงมาย้อนศรที่เลนข้างหน้า ตำรวจบนรถจักรยานยนต์คันแรกชี้ให้รถที่สวนมาให้หลบ ปรากฏว่าเจอผู้หญิงนักเลงตัวจริงเสียงจริง ที่่ไม่หลบ เปิดประตูหน้าต่างมา ฉันไม่หลบ นี่มันทางที่เราไป ฉันไม่ได้ทำผิดกฎจราจรอย่างไร ตำรวจก็หน้าซีด หน้าแดงก่ำ ตกอกตกใจนนึกไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าและตัวเองก็รู้ว่าตัวเองผิด เพราะว่ารถที่ตัวเองนำทางนั้น มันเป็นรถอะไรก็ไม่รู้ ไอ้บ้าบัดซบคนไหนก็ไม่รู้ที่นั่งข้างใน มันก็ไม่ได้มีตำแหน่งอะไรทั้งสิ้น แต่ทำตัวเป็นรถในราชวงศ์ ราชสำนัก ที่สามารถจะมีรถตำรวจนำทางได้ ผมคิดว่าไอ้คนนั่งในรถนั้นคงจะเหงื่อแตกพลั่กๆ ความอหังการ มมังการ ที่อวดว่ามีตำรวจนำทางหมดสิ้นไปหมดเลย คือท่านสุภาพสตรีท่านนั้นเขาไม่ยอมหลบ ปรากฏว่าสื่อมวลชน ตลอดจนโซเชียลฯ ก็ติดตาม เช็ก สอบทะเบียนดังกล่าว ปรากฏว่ารถคันดังกล่าวเป็นของญาติของหมอชื่อดังคนหนึ่ง คือ นพ.บุญ วนาสิน

ทีนี้ นายแพทย์บุญ วนาสิน ผมตั้งฉายาแก เขาเรียกว่าบุญไฟเซอร์ กับบุญโมเดอร์นา ทิพย์นั่นเอง คือนักสืบโซเชียลฯ ก็คือสุดยอด สุดติ่งกระดิ่งแมวเลย เช็กมาได้ว่ารถคันนั้นจะไปที่แยก อสมท เป็นเส้นทางประจำที่วิ่งทุกวัน ฉะนั้นสารวัตรจราจรที่เห็นว่าใกล้จะถึงจุดหมาย ก็คือวัดอุทัยธาราม ก็เลยนำรถวีไอพี ขับสวนช่องทางมาและเจอสุภาพสตรีนักเลงจริง ทีนี้ สน.มักกะสัน ก็สัมภาษณ์กับสื่อยอมรับว่าเป็นความผิดของตำรวจจราจร สังกัด สน. มักกะสัน ซึ่งเป็นคนใหม่และลืมปิดกั้น เขาบอกว่ารถมอเตอร์ไซค์ สน.มักกะสัน ที่นำมา ไม่ใช่รถนำขบวนวีไอพี แต่ท่านขี่ไปเพื่อจัดการจราจรในเส้นนั้น เพื่อจะปิดกั้นการจราจร เพราะปกติเส้นนั้นเป็นวันเวย์ เป็นข้อผิดพลาดของ สน.มักกะสัน ส่วนมอเตอร์ไซค์คันที่สอง ที่ผมปรากฏในรูปที่ผมลงไว้เป็นรูปที่ 2 ยืนยันไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์ของ สน.มักกะสัน ปรากฏว่าเป็นรถของ สน.ทองหล่อ ก็บอกว่ารถเบนซ์ที่มีกะพริบ ไม่รู้ว่าเป็นเบนซ์ของใคร ใครนั่งอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วที่สำคัญคือมีรถที่ขับตามรถเบนซ์สีขาวคันนั้น เป็นพรวนเลย วิ่งตามมา ทำให้รถติดเละเทะไปหมด


ท่านผู้ชมครับประเด็นที่ผมอยากจะพูด คือเรื่องนี้เป็นเรี่องที่ทุเรศ ประเด็นที่ผมอยากจะพูดคือว่าไอ้พวกรถที่มีรถตำรวจนำหน้า ผมขอประทานโทษพวกมึงใหญ่มาจากไหนวะและก็ไม่ใช่เป้นรถในราชสำนัก ไม่ใช่เป็นขบวนเสด็จที่เขายอมรับกัน แม้กระทั่งขบวนเสด็จบางที บางพระองค์ท่านก็เสด็จเงียบๆ ท่านไม่มีใครนำหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านเป็นเพียงแต่เจ้าหน้าที่แจ้งไฟจราจรว่ามีพระองค์นี้เสด็จนะให้เปิดไฟเขียวตลอด ให้ผ่านไป แต่ช่วงหลังๆ เราจะเจอนักการเมือง เจอทหารใหญ่ และก็มาถึงล่าสุดนี่ก็คือเจอนักธุรกิจ ท่านผู้ชม เงินมันซื้อได้จริงๆ นะในประเทศไทย ท่านผู้ชมฟังแล้วเศร้าไหม พวกนี้มันใช้ชีวิตอย่างพวกเราไม่ได้หรืออย่างไร รถติดก็ติดสิ ก็รอให้ไฟเขียวก็ไปสิ ไม่เห็นเป็นห่าอะไรเลย ชาวบ้านเขาก็รอกันเยอะแยะไปหมด ผมก็รออยู่ตลอดเวลา แต่เผอิญผมรู้ว่ารถติด ผมก็หลีกเลี่ยง ผมออกจากบ้านตีห้า ผมก็ไม่ติด ผมกลับถึงบ้านช่วงบ่ายๆ ซึ่งรถก็ไม่ติด เพราะผมรู้ว่ารถติด ผมก็ไม่ไป เมื่อไรก็ตามที่เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา ผมนี่ต้องคารวะสุภาพสตรีคนที่กล้าลุกขึ้นมา เรื่องนี้น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้พวกใหญ่คับฟ้าทั้งหลาย ซึ่งไม่อีกกี่ปีก็ตายกันไปแล้ว จะไปใหญ่อะไรบนถนน เท่นักเหรอมีรถตำรวจนำหน้า ในขณะที่ชาวบ้านรถติดกันเป็นแถว แล้วมึงเป็นใครวะ มึงก็สองขาสองมือสองตา หนึ่งกระเจี๊ยวเหมือนกู มึงยิ่งใหญ่อย่างไร นี่ผมฝากให้พวกมึงทั้งหลายพวกที่ชอบมีรถตำรวจนำนัก ทั้งๆ ที่ไม่มีหน้าที่อะไรเลยแม้แต่นิดเดียว


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม จนถึงต้นเดือนพฤศจิกายน ได้มีการประชุมผู้นำโลก มีตัวแทนจากประเทศต่างๆ ไปประชุมที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ ในเรื่องของการ ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า COP26 นั่นก็คือเป้าหมายการประชุมคือการพยายามควบคุมเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยผิวโลก ไม่ให้เกิน 1.5 องศา และ 2 องศา เมื่อเทียบกับก่อนยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยตัดสินใจตกลงกันว่าจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็น 0 ภายในปี 2050 ก็คืออีก 30 ปีข้างหน้านั้น

ก็เป็นปกติธรรมดาท่านผู้ชม เผอิญมันมีดรามาเล็กน้อยของนายกรัฐมนตรีของไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และมีดรามาของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของประเทศสหรัฐอเมริกา แต่ผมมจะพูดถึงเรื่องของ พล.อ.ประยุทธ์ก่อน


พล.อ.ประยุทธ์ ท่านกล่าวสปีชในเวทีประชุม COP26 ท่านพูดอย่างนี้ท่านผู้ชม ท่านพูดเป็นภาษาไทย ซึ่งตรงนี้ก็มีคนบอกว่าทำไมไม่พูดภาษาอังกฤษ ท่านพูดภาษาไทยถูกต้องแล้วครับ เพราะว่าเมื่อเป็นคนไทยเมื่อไปประชุมต่างประเทศก็พูดภาษาไทย ผู้นำจีนไปต่างประเทศ ก็พูดภาษาจีนและก็มีล่ามแปลให้ ไม่ผิดหรอกครับ ท่านพูดบอกว่า เราทุกคนไม่มีแผนสองในเรื่องการรักษาเยียวยาสภาพภูมิอากาศ คือพูดง่ายๆ ว่าไม่มีแพลน B เพราะเราจะไม่มีโลกที่สอง ซึ่งเป็นบ้านของพวกเรา เหมือนโลกนี้อีกแล้ว ท่านผู้ชมครับ ปรากฏว่าเพจไทยคู่ฟ้า กระบวนการ IO ท่านนายกฯ รู้สึกปลาบปลื้มมากกับคำพูด เป็นทีเด็ดวจีทองคำของนายกฯ ทำเป็นอินโฟกราฟิกมาเลย ขึ้นเพจไทยคู่ฟ้า เราทุกคนไม่มี "แผนสอง" ในเรื่องการรักษาเยียวยาสภาพภูมิอากาศ เพราะเราจะไม่มี "โลกที่สอง"


ภูมิอกภูมิใจมาก เพราะมันเป็นประโยคที่มันคมท่านผู้ชม มันคมเหลือเกินแต่เผอิญโซเชียลมีเดีย อย่าไปเล่นกับมันนะท่านผู้ชม เพราะว่ามีคนบอกว่า เฮ้ย ที่พลเอกประยุทธ์พูดนั้น มันเป็นคำพูดของบารัก โอบามา ที่เคยพูดเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2558 เป็นการตอบคำถามสื่อมวลชน

สปีชของโอบามา พูดอย่างนี้ เขาบอกว่าสปีชบารัก โอบามา พูดบอกว่า ภาษาอังกฤษท่านผู้ชม We are the first generation to feel the impact of climate chage and the last generation that can do something about it.


นอกจากนั้นแล้วยังเป็นคำพูดที่นายบันคีมุน อดีตเลขาสหประชาชาติเป็นคนพูดคนแรกกับสื่อมวลชนที่หน้าสำนักงานใหญ่สหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก เมื่อปี 2557 และกล่าวหลายครั้งถึงประเด็นปัญหาสภาพภูมิอากาศ โดยนายบัน คีมุนพูดเสมอว่า นี่ภาษาอังกฤษของนายบัน คีมุน There is no plan B, because there is no plant B. คือแพลน B ไม่มีแล้ว เพราะเราไม่มีโลก B


ตรงนี้ครับท่านผู้ชม ก็เลยถูกค่อนแคะจากเด็กในโลกโซเชียลฯ ว่า ไม่พูดภาษาอังกฤษเอย เลียนแบบเขาเอย เอานู้น เอานี่ ก็ผมเล่าให้ฟังว่าท่านนายกฯ พูดไม่ผิดภาษาไทย เพราะการกล่าวสุนทรพจน์เป็นตัวเองนั้นมีนัยหลายอย่าง ในการแสดงอัตลักษณ์ตัวเองในเชิงภาษา ในเชิงภาษามันมีสิ่งที่ซ่อนอยู่ เขาเรียกว่า Lost in Translation

ผู้นำหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็นมหาอำนาจประเทศอื่นๆ ก็พูดภาษาตัวเอง มีล่ามทำหน้าที่อยู่แล้ว แต่ประเด็นที่ผมอยากจะเสนอแนะในเรื่องสุนทรพจน์ของท่านนายกฯ ซึ่งสุนทรพจน์ท่านนากฯ อันนี้ เป็นฝีมือของทีมงานของกระทรวงการต่างประเทศของคุณดอน ปรมัตถ์วินัย ฮัลโหล ฮัลโหล คุณดอน ไม่ได้พูดถึงคุณมานานแล้ว แต่คุณนี่ไม่จืดเลยนะ ต้องมีอะไรให้ตื่นเต้นมาตลอด


ท่านผู้ชมครับ การที่ท่านเป็นนายกฯ ของคนไทย มีโอกาสไปประชุมหารือในเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็นเวทีนี้หรือเวทีไหน ควรจะพูดในฐานะเป็นตัวแทนประเทศไทย อย่าไปลืมตัวท่านนายกฯ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งใหญ่ในสากลโลก อย่าไปพูดเหมือนกับตัวเองพูดแล้วทุกคนต้องทำตาม หรือกพูดให้มันคม ให้มันเท่ เราต้องระลึกเสมอว่าเราเป็นประเทศเล็กๆ เรื่องเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถ้าประเทศใหญ่ๆ มันไม่ให้ความร่วมมือ เราก็ช่วยอะไรไม่ได้ แล้วท่านนายกฯ มาพูดเรื่อง plan B planet B มันก็ได้เพียงภาพความเท่ ไม่ได้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงตรงนี้ ไอ้ฝรั่งที่มันเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศใหญ่ๆ มันฟังท่านนายกฯ พูดมันคงจะหัวเราะจนฟันคลอน เรื่องนี้คนคิดคือกระทรวงการต่างประเทศ น่าจะทำการบ้านมากกว่านี้

สิ่งที่ท่านนายกฯ พูด ท่านนายกฯ ต้องพูดชัดเจน ว่าในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย เราเป็นประเทศที่เล็กๆ ประเทศหนึ่ง ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรทั้งสิ้นเหมือนกับประเทศใหญ่ๆ หลายประเทศที่ท่านเข้ามาร่วมประชุมในที่นี่ แต่อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นกับบรรยากาศโลก เมื่อมันร้อนขึ้นมาแล้วจะทำให้โลกอยู่ไม่ได้นั้น ประเทศท่านประเทศใหญ่กับประเทศเล็กอย่างเราก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน เป็นเพียงแต่ว่าการตัดสินใจในการที่จะร่วมมือเพื่อลดความร้อนโลก โลกร้อนนั้น ต้องเริ่มจากประเทศใหญ่ก่อน นี่คือสิ่งที่นายกฯ ควรจะพูด ส่วนประเทศเราเป็นประเทศเล็ก เราก็ยืนยันที่จะทำตามกติกานี้ ในฐานะเพื่อนร่วมโลก ผมหวังว่าพวกท่านทั้งหลายที่มีอิทธิพลในโลกนี้ ทางด้านอุตสาหกรรม ด้านการค้า และมีอุตสาหกรรมทางการบิน จะต้องมีกติกาแล้วจะต้องสำเหนียกระลึกเสมอว่าพวกท่านเท่านั้นจะต้องเริ่มลดมา เพราะประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทยนั้น พร้อมจะทำตามอยู่แล้ว ผมต้องการให้เราอยู่ร่วมกันในโลกนี้อย่างสันติ และอยากให้โลกนี้สงบและอยู่ต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน ไม่ใช่อยู่แค่รุ่นของเรารุ่นเดียว คุณดอนครับ แค่นี้ แค่นี้พอไหม นี่คุณเอาสปีชอะไรไม่รู้พูดไป นอกจากไปก็อปปี้บัน คีมุนแล้ว ยังไปก็อปปี้บารัก โอบามา เพื่อให้ท่านายกฯ เท่ นี่ท่านนายกไม่ได้เท่อะไรเลยนะ เขาหัวเราะเยาะเย้ย ฝรั่งบางคนมันพูด เฮ้ย นี่มันบารัก โอบามา พูดนี่หว่า บางคนรู้ความจริง เข้าใจประวัติศาสตร์ เฮ้ย นี่มันบัน คีมุนพูดนี่หว่า อายเขา ลองเอาคำพูดของผมไปคิดให้ดีๆ ปีหน้าประเทศเราเป็นเจ้าภาพในการประชุมเอเปก


ผมหวังว่าคำพูดของผมครั้งนี้จะเตือนสตินายกรัฐมนตรีประเทศไทยในปีหน้าให้รู้จักถ่อมเนื้อถ่อมตัวว่าประเทศไทยไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่ประเทศไทยมีข้อคิดบางประเภท แล้วก็อย่าเผือกไปลอกคำพูดที่เท่ๆ ออกมา นั่นคือสิ่งที่ผมอยากจะวิพากษ์วิจารณ์ ส่วนนายไบเดน ก็ตลก เพราะนายไบเดน ต้องการที่จะโชว์ออฟว่าเขาเป็นผู้นำโลก ปรากฏว่าพอจบเรื่องการประชุม นายไบเดน กล่าวสุนทรพจน์แดกดันผู้นำรัสเซียและจีน ว่าน่าเสียดายที่ผู้นำจีนและผู้นำรัสเซียไม่มา

จริงๆแล้วนายไบเดน วันนี้มีปมด้อยมาก ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีถึง 9 เดือนแล้ว แต่ยังไม่โอกาสได้เจอกับ สี จิ้นผิง เลย แม้แต่นิดเดียว นายไบเดน จึงถือโอกาสใช้เวทีโลกกัดจีน ว่าน่าเสียดายที่ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไม่ได้มา


ท่านผู้ชมครับ นายไบเดน แกล้งโง่หรือว่าโง่จริงๆ ? คนที่เป็นผู้นำประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาต้องศึกษาบุคลิก คาแรกเตอร์ของผู้นำประเทศที่ตัวเองกำลังเผชิญหน้าอยู่อย่างเช่นประเทศจีน ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทุกวันนี้นายไบเดน ยังใช้กองกำลังของกองทัพเรือสหรัฐฯ ไปสร้างกลุ่ม QUAD ขึ้นมาเพื่อไปกดดันจีน ส่งทหารไปฝึกอบรมทหารของไต้หวัน เพื่อป้องกันตัวเองและยุยงส่งเสริมให้ไต้หวันหาทางแยกตัวเองออกจากจีน ประกาศตัวเองเป็นอิสรภาพ แล้วก็ด่าจีนในเรื่องของซินเจียง อุยกูร์ ด่าจีนในเรื่องของฮ่องกงไม่หยุดไม่ยั้ง เฮ้ย ไบเดน ที่เขาเรียกว่า สลีปปี้ ไบเดน คำพูดของโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้เฒ่าซึมเซา คุณไม่รู้หรือว่า ที่เขาไม่อยากเจอคุณ 8 เดือน 9 เดือน เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าจะเจอคุณทำไม เสียเวลาเขา


เพราะว่าตราบใดที่คุณยังมานั่งด่าเขาเรื่องอุยกูร์ ตราบใดที่คุณยังมานั่งด่าเขาเรื่องฮ่องกง ตราบใดที่คุณยังมานั่งแทรกแซงไต้หวัน ซึ่งสำหรับจีนแล้ว เขาถือว่า อุยกูร์ ซินเจียง ฮ่้องกง ไต้หวัน เป็นส่วนหนึ่งของประเทศจีน คุณยังไม่เก็ตอีกเหรอ ว่านิสัยสันดานคุณ ยุ่งกับเขาแบบนี้ เขาจะเจอคุณทำไม ไม่จำเป็นต้องเจอ เพราะฉะนั้นแล้ว เป็นเรื่องที่อัดอั้นตันใจนายบลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศ เจอนายหวัง อี้ ก็แอบกระซิบว่าเมื่อไรไบเดน ถึงจะได้เจอ สี จิ้นผิง หวัง อี้ ก็เล่นงิ้วปักกิ่ง รำไปรำมา ก็บอกว่า เราก็คงจะต้องพัฒนาความสัมพันธภาพให้ดี ก็คือสรุปง่ายๆ กูไม่อยากเจอมึง ท่านผู้ชมสังเกตไหม และนี่คือดรามาอันที่สอง ที่ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง


ท่านผู้ชมครับ รู้จักคำว่า Metaverse ไหม M-e-t-a-v-e-r-s-e Metaverse คือเวอร์ชันใหม่ของเฟซบุ๊ก ในอนาคตที่จะเริ่มปฏิบัติการประมาณต้นปีหรือไตรมาสแรกของปีหน้า เฟซบุ๊ก กำลังจะเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น Metaverse เป็นกระบวนทัศน์ คอนเซปต์ของอนาคตจริงหรืออนาคตที่หลอก เป็นลักษณะโลกที่เสมือนจริง


เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ.2564 เวลาประมาณ 7 โมงเช้าในประเทศไทย ได้มีการสัมมนาประจำปีของเฟซบุ๊ก นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอผู้ก่อตั้งและเจ้าของเฟซบุ๊ก ที่ผมบอกเป็นเจ้าของเพราะว่าเขาถือหุ้นอยู่ 52% ได้่ส่งข้อความว่า Hello Meta แล้วเขาประกาศขอรีแบรนด์เฟซบุ๊ก เปลี่ยนชื่อเป็น Meta มีภาพของตัวเองข้อความป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ Meta มีสัญลักษณ์โลโก้ สัญลักษณ์ที่ดัดแปลงมาจากสัญลักษณ์ของอินฟินิตี หรือว่าไม่มีที่สิ้นสุด

1 ธันวาคม สัญลักษณ์ของเฟซบุ๊กที่ใช้ในตลาดหลักทรัพย์ที่จะใช้คำว่า FB ก็จะใช้คำว่า MVR แทน


ท่านผู้ชมครับ เฟซบุ๊ก นายมาร์ค ซักเคอร์เบิร์ก เขาต้องการแสดงจุดยืนในการมุ่งสู่วิวัฒนาการโลกที่เสมือนจริงอย่างเต็มตัว เขาบอกว่าแพลตฟอร์มที่จะเกิดขึ้นนั้นจะเปลี่ยนโลกอินเทอร์เน็ตให้กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถสัมผัสประสบการณ์เสมือนจริงได้ ทั้งในการใช้บริการบริการเลือกซื้อสินค้า พบปะเพื่อนฝูง ทำงาน การเข้าถึงคอนเทนต์ที่หลากหลาย ใช้เวลาร่วมกับคนอื่นในโลกของ Metaverse ด้วย


ท่านผู้ชมครับ ความจริงเฟซบุ๊กได้ส่งสัญญาณมาหลายปีแล้วบริษัทเขากำลังจะสร้างโลก Metaverse ขึ้นมา เช่นเมื่อสามปีที่แล้ว เขาวางแผนไว้แล้ว เขาซื้อบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ VR หรือที่เขาเรียกว่า Virtual Reality อย่าง coulus ที่เป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์ ขึ้นชื่อมากในการผลิตอุปกรณ์ VR ที่เข้าถึงได้ง่ายราคารไม่แพง เฟซบุ๊ก เองก็ผลิตทั้งแว่น VR V2 มาเสริมประสบการณ์การประชุมและการเล่นเกม กันยายนที่ผ่านมา 2564 เฟซบุ๊กเปิดตัวแว่นอัจฉริยะ ผมเอารูปขึ้นมาให้ดู เรียกว่า Ray-Ban Stories เฟซบุ๊กพัฒนาแว่นอันนี้กับบริษัทแว่นตา Ray-Ban ซึ่งแว่นตานี้จะติดกล้องคู่เลย มีความละเอียด 5 เมกะพิกเซล ถ่ายวิดีโอได้ด้วยกล้องจากแว่น แต่ได้แค่ 30 วินาที บนแว่นมีปุ่มแคปเจอร์ หรือใช้คำสั่งเสียงของเฟซบุ๊ก assistant ช่วย ให้ผู้ใช้แว่นสามารถจะถ่ายรูปและวิดีโอสั้นๆ ฟังเพลง รับสายหรือโทรศัพท์ออกได้


นอกจากนั้นแล้วเฟซบุ๊กยังพัฒนาแพลตฟอร์ม โลกเสมือนในชื่อเฟซบุ๊ก horizon ไปจนถึงล่าสุดมาถถึงจุดที่เขาพร้อมแล้ว เขาเลยรีแบรนด์เป็นชื่อ Meta อย่างเต็มตัว ซึ่งกลายเป็นข่าวใหญ่ทั่วโลก ประเด็นท่านผู้ชม ฟังกันมาตั้งนานผมคิดว่าท่านผู้ชมหลายๆ ท่านสงสัย แล้ว Metaverse มันคืออะไร ? อธิบายให้ฟังง่ายๆ คุณผู้ชมครับคำว่า Metaverse เฟซบุ๊กไม่ได้เป็นคนคิดค้นขึ้น แต่เป็นศัพท์ใหม่ที่เป็นการผสมคำระหว่าง Meta+universe โดยคำว่า Meta แปลความหมายว่า เหนือกว่า หรือ Beyond เหนือกว่า เพราะฉะนั้นความหมายตามตัวอักษร Metaverse ก็คือ โลกที่อยู่เหนือจักรวาลที่เราอยู่นั่นเอง

 ต่อจากการอธิบายคำศัพท์ ก็ลงมาในเชิงปฏิบัติการละ Metaverse คือ Metaverse จะทำยังไงก็ได้เพื่อประสานกันระหว่างโลกแห่งความเป็นจริง อย่างผมออกรายการโลกของความเป็นจริงกับโลกเสมือนจริงเข้าด้วยกัน โลกเสมือนจริงกับโลกแห่งความเป็นจริง เขาจะเอาโลกเสมือนจริงกับโลกแห่งความเป็นจริง เข้่ามาบูรณาการเข้ามาหากัน เข้าด้วยกัน ท่านผู้ชมครับ การจะทำอย่างนั้นได้จะต้องอาศัยเทคโนโลยีสำคัญๆ 3 อย่างในการทำงาน ร่วมกันแบบไร้รอยต่้อคือ 1. Virtual Reality นั่นคือจำลองภาพให้เหมือนจริงเลย เหมือนกันท่านผู้ชมจะเข้าไปช้อปปิ้ง ห้างเซ็นทรัล ก็จะมีการจำลองภาพเสมือนจริงของห้างเซ็นทรัล และท่านก็ใช้ตัวท่านเองเข้าไปเดินในนั้น


2. AR ก็คือ Augmenter Reality คือการนำเทคโนโลยีมาประสานกับโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเท่านั้นเอง คือโลกแห่งความเป็นจริงอย่างนี้ โลกเสมือนจริงอย่างนี้ แล้วใช้เทคโนโลยี AR เข้ามาเชื่อมต่อกลับไป ทีนี้จะทำให้สำเร็จจะต้องมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นตัวเชื่อมกลาง คือทำให้โลกทั้งสองโลก คือออนไลน์และออฟไลน์ สามารถสมานกันจนเป็นเนื้อเดียวกันได้ ทีนี้ถ้าเราพิจารณาจากวิวัฒนาการของโลกเสมือนจริงหรืออีกนัยหนึ่ง Metaverse แท้ที่จริงแล้วคือการอัปเกรดโลกอินเตอร์เน็ตเสมือนจริงจาก 2มิติ 2D ให้เป็น 3มิติ หรือ 3D คือตอนนี้โลก 3 มิติ มีเอามาใช้เยอะแยะ แต่ในเชิงอุตสาหกรรม ในเชิงการออกแบบออกแบบ ออกแบบนี่เขาออกแบบ 3D เหมือนจริงเลยแต่ตอนที่เขาจะเชื่อมตัวท่านผู้ชมเอง เข้าไปในโลกนั้นแล้ว จากสมัยก่อนเราจะเข้าโลกอินเทอน์เน็ตเราต้องผ่านหน้าคอมพิวเตอร์ จอแบนๆ ไม่เป็นจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต สมาร์ททีวี โลกของ Metaverse คือโลกของการพยายาม เอาเราเข้าไปอยู่ในนั้นเลย ให้เรามองเห็นสภาพแวดล้อม สั่งการด้านต่างๆ ได้ในรูปแบบของ 3 มิติ ใช้มือหยิบจับของได้ เหมือนกับอยู่โลกแห่งความเป็นจริง

ท่านผู้ชมครับ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า สายพันธุ์ใหม่คือตัวปฏิกริยาที่เร่งให้ Metaverse อันนี้กลายเป็นที่สนใจ มีความสำคัญมากขึ้นจากข้อจำกัดของการแพร่ระบาดโลก ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวเข้ากันเช่น ประชุมทางไกล รีโมทคอนเฟอร์เรนต์ การประชุมเสมือนจริง virtual conference การประชุมสัมนาออนไลน์ การจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริง virtual concert การช้อปปิ้งเหมือนจริง การโชว์รูปเหมือนจริง ผมเอารูปทั้งหมดมาขึ้นให้ดู สรุปแล้วท่านผู้ชมวิวัฒนาการโลกเสมือนจริงหรือที่เขาเรียกว่า Metaverse เป็นมากว่า โซเชียล เน็ตเวิร์ก และเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชขีวิตยุคใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ความจริงแนวคิดเรื่องโลกเสมือนจริงนั้น อยู่คู่กับสื่อบันเทิง ภาพยนตร์และเกมส์มานานแล้ว และ Metaverse เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งที่ กำลังมีอีกหลายๆ บริษัท พยายามจะสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมา ทำให้คนเราเข้าไปมีส่วนรวม รวมทั้งการใช้ชีวิตในนั้นได้ด้วย สิ่งที่ทำให้ Metaverse ยกระดับขึ้นมา แตกต่างกับโซเชียล เน็ตเวิร์ก ในปัจจุบันก็คือเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นจนสามารถที่จะเชื่อสองโลกเสมือนจริงกับโลกความเป็นจริง แทบจะแยกไม่ออกจากกันต่อไปได้ละ เพราะฉะนั้นแล้วท่่านผู้ชมครับ Metaverse อาจจะมาในรูปแบบของโลก VR (Virtual Reality) ที่ตอบโต้ได้อย่างเป็นอิสระ หรือไม่ก็เป็นพื้นที่ออนไลน์แห่งหนึ่ง ที่พวกเราสมารถสร้างตัวแทนอวตารขึ้นมาเพื่อใช้มันออกไปเดินช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว หาที่อยู่อาศัย ประชุม สังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือเล่นเกมได้ ครบ จบในที่เดียว โดยมีการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในลักษณะ immersive ในลักษณะของวิดีโอ 3 มิติ หรือว่าวิดีโอ 360 องศา เพื่อให้แชร์ประสบการณ์กับผู้อื่นเหมือนกับอยู่ในสถานที่จริงและจะกลายเป็นวิวัฒนาการใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ ในโลกเสมือน ความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด ที่คนเราสามารถจะเป็นใครก็ได้ มีหน้าตาอย่างไร ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น


ท่านผู้ชมอาจจะสร้างตัวแทนเสมือนอวตารขึ้นมา อาจจะเป็น ถ้าเป็นผู้หญิงอาจจะสร้างเป็นตัวแทนหน้าตาเหมือน ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ก็ได้ ก็เลยไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป ในความเปลี่ยนแปลงโลกยุคใหม่ ท่านผู้ชมครับ แต่ท่านผู้ชม อย่าลืมว่าเหรียญมีสองด้าน โทษของเหรียญอีกด้านหนึ่งของแนวคิดโลกเสมือนจริง Metaverse มันสามารถที่จะส่งไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตให้กลมกลืน เพราะผู้ใช้มีตัวละครอวตารเป็นของตัวเอง ใช้มันเพื่อนเล่นเกม ดำเนินกิจวัตรประจำวัน ควบคุมระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ มากมาย ที่น่าคิดคือปลกระทบต่อชีวิตจริง ความรู้สึกนึกคิดของตัวเรา รวมทั้งกระทบต่อสังคมโดยส่วนรวม ตลอดจนที่สำคัญมาก ความเหลื่อมล้ำทางฐานะของสังคม นี่ยังไม่นับความั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นแฮกเกอร์ กับการรบกวนระบบสื่อสาร ท่านผู้ชมครับลามไปจนถึงการพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์ ที่อาจจะกระทบมนุษย์อย่างพวกเรา อย่างที่เราไม่คาดคิดกันมาก่อนก็ได้ VR : Virtual Reality นั่นคือจำลองภาพให้เหมือนจริงเลย เหมือนกันท่านผู้ชมจะเข้าไปช้อปปิ้ง ห้างเซ็นทรัล ก็จะมีการจำลองภาพเสมือนจริงของห้างเซ็นทรัล และท่านก็ใช้ตัวท่านเองเข้าไปเดินในนั้น 2. AR ก็คือ Augmented Reality คือการนำเทคโนโลยีมาประสานกับโลกแห่งความเป็นจริงและความเสมือนจริงเข้าด้วยกัน คือโลกแห่งความเป็นจริงอย่างนี้ โลกเสมือนจริงอย่างนี้ แล้วใช้เทคโนโลยี AR เข้ามาเชื่อมต่อ ทีนี้จะทำให้สำเร็จจะต้องมีอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเป็นตัวเชื่อมกลาง คือทำให้โลกทั้งสองโลก คือออนไลน์และออฟไลน์ สามารถสมานกันจนเป็นเนื้อเดียวกันได้

ทีนี้ถ้าเราพิจารณาจากวิวัฒนาการของโลกเสมือนจริง คือ Virtual World หรืออีกนัยหนึ่ง Metaverse แท้ที่จริงแล้วคือการอัปเกรดโลกอินเทอร์เน็ตเสมือนจริงจาก 2 มิติ 2D ให้เป็น 3 มิติ หรือ 3D คือตอนนี้โลก 3 มิติ มีเอามาใช้เยอะแยะ แต่ในเชิงอุตสาหกรรม ในเชิงการออกแบบ ออกแบบนี่เขาออกแบบ 3D เหมือนจริงเลย แต่ตอนที่เขาจะเชื่อมตัวท่านผู้ชมเอง เข้าไปในโลกนั้นแล้ว จากสมัยก่อนเราจะเข้าโลกอินเทอร์เน็ตเราต้องผ่านหน้าคอมพิวเตอร์ จอแบนๆ ไม่เป็นจอคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็ปเล็ต สมาร์ททีวี โลกของ Metaverse คือโลกของการพยายามเอาเราเข้าไปอยู่ในนั้นเลย ให้เรามองเห็นสภาพแวดล้อม สั่งการด้านต่างๆ ได้ในรูปแบบของ 3 มิติ ใช้มือหยิบจับของได้ เหมือนกับอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง

ท่านผู้ชมครับ การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่คือตัวปฏิกริยาที่เร่งให้ Metaverse อันนี้กลายเป็นที่สนใจ มีความสำคัญมากขึ้นจากข้อจำกัดของการแพร่ระบาดโรค ไม่ว่าจะเป็นการปรับตัวเข้ากันเช่น ประชุมทางไกล รีโมทคอนเฟอเรนซ์ การประชุมเสมือนจริง virtual conference การประชุมสัมนาออนไลน์ การจัดคอนเสิร์ตเสมือนจริง virtual concert การช้อปปิ้งเหมือนจริง การโชว์รูปเหมือนจริง ผมเอารูปทั้งหมดมาขึ้นให้ดู


สรุปแล้ว วิวัฒนาการโลกเสมือนจริงหรือที่เขาเรียกว่า Metaverse เป็นมากว่า โซเชียลเน็ตเวิร์ก และเข้ามาเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตยุคใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ ความจริงแนวคิดเรื่องโลกเสมือนจริงนั้น อยู่คู่กับสื่อบันเทิง ภาพยนตร์และเกมมานานแล้ว และ Metaverse เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งที่กำลังมีอีกหลายๆ บริษัท พยายามจะสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมา ทำให้คนเราสามารถเข้าไปมีส่วนรวม รวมทั้งการใช้ชีวิตในนั้นได้ด้วย

สิ่งที่ทำให้ Metaverse ยกระดับขึ้นมา แตกต่างกับโซเชียล เน็ตเวิร์ก ในปัจจุบันก็คือเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าขึ้นจนสามารถที่จะเชื่อมสองโลกเสมือนจริงกับโลกความเป็นจริง แทบจะแยกไม่ออกจากกันต่อไปได้ เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมครับ Metaverse อาจจะมาในรูปแบบของโลก VR (Virtual Reality) ที่ตอบโต้ได้อย่างเป็นอิสระ หรือไม่ก็เป็นพื้นที่ออนไลน์แห่งหนึ่ง ที่พวกเราสมารถสร้างตัวแทน อวตาร ขึ้นมาเพื่อใช้มันออกไปเดินช้อปปิ้ง ท่องเที่ยว หาที่อยู่อาศัย ประชุม สังสรรค์กับเพื่อนฝูงหรือเล่นเกมได้ ครบ จบในที่เดียว โดยมีการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในลักษณะ immersive ในลักษณะของวิดีโอ 3 มิติ หรือว่าวิดีโอ 360 องศา เพื่อให้แชร์ประสบการณ์กับผู้อื่นเหมือนกับอยู่ในสถานที่จริงและจะกลายเป็นวิวัฒนาการใหม่ที่เกิดขึ้นในโลกออนไลน์ ในโลกเสมือน ความเป็นไปได้ไร้ขีดจำกัด ที่คนเราสามารถจะเป็นใครก็ได้ มีหน้าตาอย่างไร ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ท่านผู้ชมอาจจะสร้างตัวแทนเสมือน(อวตาร) ขึ้นมา อาจจะเป็น ถ้าเป็นผู้หญิงอาจจะสร้างเป็นตัวแทนหน้าตาเหมือน ลิซ่า ลลิษา มโนบาล ก็ได้ ก็เลยไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันอีกต่อไป ในความเปลี่ยนแปลงโลกยุคใหม่

แต่ท่านผู้ชม อย่าลืมว่าเหรียญมีสองด้าน โทษของเหรียญอีกด้านหนึ่งของแนวคิดโลกเสมือนจริง Metaverse มันสามารถที่จะส่งไปสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ จะเข้ามาเปลี่ยนชีวิตให้กลมกลืน เพราะผู้ใช้มีตัวละครอวตารเป็นของตัวเอง ใช้มันเพื่อเล่นเกม ดำเนินกิจกรรมประจำวัน ควบคุมระบบสาธารณูปโภคอื่นๆ มากมาย ที่น่าคิดคือปลกระทบต่อชีวิตจริง ความรู้สึกนึกคิดของตัวเรา รวมทั้งกระทบต่อสังคมโดยส่วนรวม ตลอดจนที่สำคัญมาก คือความเหลื่อมล้ำทางฐานะของสังคม นี่ยังไม่นับความั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็นแฮกเกอร์ กับการรบกวนระบบสื่อสาร ลามไปจนถึงการพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ที่อาจจะกระทบมนุษย์อย่างพวกเรา อย่างที่เราไม่คาดคิดกันมาก่อนก็ได้


วันนี้ผมมีเรื่องที่ผมจะพูดกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์และอดีตผู้หลักผู้ใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ เช่น คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ขอพูดกับท่านชวน หลีกภัย ขอพูดกับท่านหัวหน้าพรรคคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ขอพูดกับท่านเลขาพรรคค คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และอีกหลายๆ ท่าน รวมทั้งคุณหญิงกัลยา โสภณพาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ผมจะพูดเรื่องนี้ ผมจะพูดเรื่องคุณทิวา เงินยวง ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พศ. 2564 เมื่อประมาณ 4 วันที่ผ่านมานี้ ภรรยาของคุณทิวา เงินยวง คือคุณปารณีย์ เงินยวง ชื่อเดิมท่านชื่ออุไรวรรณ เงินยวง คุณทิวา เงินยวง เป็นอดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ 2 สมัย ส.ส. กรุงเทพมหานคร เป็น ส.ส.น้ำดี คุณทิวา เสียชีวิต ด้วยโรคมะเร็งในกระเพาะอาหาร เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ.2553 ประมาณ 11 ปีที่แล้ว ข้อความอินบ็อกซ์ที่ส่งมาหาผม เดี๋ยวผมจะเอาขึ้นให้ดูนะครับ


คือขอเข้ามาพบผม เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ภรรยาคุณทิวา ได้ขอความช่วยเหลือเรามาแล้วในเรื่องของความลำบากยากเย็นของ 2 คนแม่ลูก ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่หลังจากที่สามีเสียชีวิตไปแล้ว ผมก็ได้อนุเคราะห์เงินส่วนตัวช่วยไปก้อนหนึ่ง เอาประวัติคุณทิวา เงินยวง มาออกสักนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์จะได้รู้ ได้รับทราบ ท่านจบปริญญาตรี สาขานิติศาสตรบัณฑิต ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโท มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาเอก ที่นีซ (NICE) ประเทศฝรั่งเศส ท่านเข้าสู่การเมือง ท่านได้รับเลือกตั้งเข้าเป็น ส.ส. กรุงเทพมหานคร และเป็นผู้อำนวยการหาเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ในกรุงเทพมหานคร หลังจากนั้นแล้วท่านออกจากการเมือง ท่านก็ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ท่านได้รับเลือกเป็น ส.ส. เขต 6 กรุงเทพมหานคร เขตบึงกุ่ม เขตคลองสามวา เขตคันนายาว และเขตหนองจอก


ปีที่ท่านเสียชีวิต คุณทิวา เงินยวง ได้รับฉายาจากสื่อมวลชนประจำรัฐสภาให้เป็นคนดีศรีสภาทิวา เงินยวง สื่อมวลชนในขณะนั้นอธิบายอย่างนี้ครับ ผู้ทำหน้าที่ของปวงชนและ ส.ส. เขต 6 กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ตราบลมหายใจสุดท้าย แม้ช่วงป่วยเป็นโรคมะเร็งร้ายในยุค ส.ส. ชอบกระโดดร่ม หรือบางช่วงมีมวลชนเสื้อแดงมาปิดล้อมสภา ก็ไม่ได้ทำให้จิตวิญญาณนัการเมืองถดถอยลง ยังเดินมาประชุมสภาอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งในช่วงวิกฤตการเมืองแตกแยกทางความคิดลุกลามเข้าไปในสภา ก็ไม่ได้กระทบต่อการทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ท่านวางตัวได้เหมาะสม ไม่เล่นเกมการเมือง ท่านใช้เหตุผลอภิปรายในสภาอย่างมีสติ ไม่ใช้อารมณ์ จนเป็นที่เคารพของ ส.ส. ต่างพรรค ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงแบบอย่างที่ดีของนักการเมืองระดับชาติที่ควรติดตาม คุณปารณีย์ เงินยวง มาพบผมเรื่องอะไร ?


หลังจากที่ 2 ปี หายไป คือคุณปารณีย์ ตอนนี้กับลูกชาย เช่าห้องอยู่เดือนละ 3,000 บาท 2 คนแม่ลูก ห้องเล็กๆ ขัดสนเงินทอง มีภาระหนี้สินจนหาทางออกไม่เจอ คุณทิวา เงินยวง บ้านขาดเสาหลัง พอคุณทิวา เป็นมะเร็งก็มีค่ารักษาไม่น้อย สัปดาห์ละ 1 แสนบาท รักษาอยู่ปีกว่า เอาบ้านไปขายฝากเพื่อเอาเงินมาใช้ในการรักษา ภรรยาและลูกก็ไปเช่าบ้านที่เป็นทาวน์เฮาส์ คุณทิวา เสียชีวิตไป ขาดเสาหลักในครอบครัว ฐานะทางบ้านก็ลำบากมาเรื่อย คุณปารณีย์ เลี้ยงชีพด้วยการขายของออนไลน์ ขายต้นไม้ เลี้ยงลูกชาย 2 คนพอไปได้ แต่มาลำบากมากๆ เมื่อปี พ.ศ. 2562 ในเดือนเมษายน เกิดเพลิงไหม้ที่บ้านเช่าที่คุณปารณีย์ เช่าอยู่ ต้นเพลิงเกิดจากห้องเก็บของในบ้าน เผอิญห้องเก็บของในบ้านมีพัดลมเก่าๆ เพราะว่าจน ไม่อยากจะซื้อพัดลมใหม่ บ้านเช่าไฟไหม้ บ้านข้างเคียงสองด้านไฟไหม้หมด คุณปารณีย์ ต้องรับผิดชอบในฐานะที่เป็นบ้านต้นเพลิง รวมค่าเสียหายแล้วประมาณ 5 แสนบาท คุณปารณีย์ เดินบากหน้าเข้าไปพึ่งพรรคประชาธิปัตย์ ถิ่นเก่า เข้าออกพรรคไปหาคนหลายคนมากที่คุณทิวา เคยสนิทสนมด้วย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการตอบรับเลย ที่ช่วยมาก็มีคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน ช่วยมา 5 หมื่นบาท คุณชวน หลีกภัย เรี่ยไรคนในพรรคคนละ 3 พันบาท รวมทั้งคุณหญิงกัลยา โสภณพณิช นามสกุลโสภณพณิช ช่วยมา 3 พันบาท ซึ่งคุณหญิงกัลยา สนิทสนมกับคุณทิวา เป็นอย่างดี คุณชวนเรี่ยไรได้มาทั้งหมด 3 หมื่นบาท เพราะเข้าใจว่าจะได้อยู่ในกรอบของกฎหมาย เรี่ยไรไม่เกิน 3 พันบาท ส่วนคุณสุเทพ บอกว่าไม่สะดวกให้พบ ทั้งๆ ที่ย้อนไปสมัยที่คุณทิวา ยังทำงานอยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในยุคที่รุ่งเรือง เป็นรัฐบาลคุณสุเทพ เป็นท่านรองนายกรัฐมนตรี ย้อนไปในปี พ.ศ. 2552 ในตอนที่คุณทิวา เริ่มป่วย คุณสุเทพ เขียนโน้ตฝากไปที่โรงพยาบาลพร้อมเงิน 5 หมื่นบาท เขียนไว้อย่างนี้ครับ "อาจารย์ทิวา ครับ ผมยังหาเวลามาเยี่ยมไม่ได้ ฝากเงินมา 50,000 บาท เผื่อจะต้องใช้จ่ายค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดผมจะช่วย อย่ากังวล ขอให้หายเร็วๆ สุเทพ 1 พ.ค. 52"


ผมเอานามบัตรและลายมือคุณสุเทพเอาขึ้นจอให้คุณผู้ชมดู คุณสุเทพ จะรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาทั้งหมด แต่จนแล้วจนรอดก็คือเงิน 5 หมื่นบาทก้อนนั้นที่ให้ หลังจากนนั้นคุณสุเทพ ไม่ได้ติดต่อ หรือช่วยค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด

พอไฟไหม้บ้าน จะไปขอความช่วยเหลือ ก็บอกว่าไม่สะดวกจะให้พบ คุณปารณีย์ ก็เลยจำเป็นต้องไปกู้เงินนอกระบบดอกเบี้ยร้อยละ 10 เพราะต้องใช้เงินด่วนไปซ่อมบ้านที่เช่าอยู่ ค่าซ่อมบ้านที่ข้างเคียง ไม่เช่นนั้นก็จะเป็นคดีความ เอาพระเก่าของคุณทิวาไปขาย จำนำทองเพื่อชำระค่าดอกเบี้ย จนสุดท้ายจ่ายไม่ไหวเลยหนีหนี้ ปัจจุบันกลายเป็นคนเร่ร่อน 2 คนแม่-ลูก ท่านผู้ชมครับ อดีตสามีที่เสียชีวิตไป อดีตเป็นสมาชิกอาวุโสของพรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้ง เป็น ส.ส. กทม. 2 ครั้ง ทุกคนยกย่องคุณทิวา เงินยวง เป็นคนดี เป็นนักการเมืองน้ำดี

สมัยก่อนทำงานด้านกฎหมายให้รัฐบาลเคียงบ่าเคียงไหล่คนในพรรค คนวิ่งเข้าหาเยอะมาก แต่วันนี้หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว ภรรยาและลูกกลายเป็นคนพเนจรไปแล้ว ลูกชายคนเล็กของคุณทิวา ยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ราคาค่าเทอมถูกที่สุด อีก 4 เทอมจะจบ ผมได้รับเรื่องฟังแล้ว ผมมีความรู้สึกเศร้า ผมเศร้าจริงๆท่านผู้ชม คุณทิวา ผมเคยได้ยินชื่อเสียงมานานแล้ว และผมก็ไม่เคยรู้จักกันเป็นส่วนตัวด้วย ตอนที่คุณปารณีย์มาขอความช่วยเหลือผม นั้น ผมก็ช่วยเหลือเพราะว่าคุณทิวา เป็นคนดี

ผมเพียงอยากจะพูดกับพวกพรรคประชาธิปัตย์ เงินที่เขาค้างอยู่ 500,000 บาท ผมเชื่อว่าทั้งคุณเฉลิมชัย ที่จ่ายมาแล้ว 50,000 บาท คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผมเชื่อว่าเงินส่วนตัวของท่านที่ท่านเก็บเอาไว้หรือแอบเก็บเอาไว้


ท่านมีเป็นหลายล้าน หลายสิบล้าน หรืออาจจะหลายร้อยล้าน คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช นามสกุลโสภณพนิช ก็บอกชัดเจนสามีของท่านคือคุณโชติ โสภณพนิช ทายาทของตระกูลโสภณพนิช เจ้าของธนาคารกรุงเทพ จะบอกว่าไม่มีเงินก็คงไม่ได้น่าเสียดายที่ท่านช่วยไปแค่ 3 พันบาท ท่านชวน หลีกภัย อีกหลายๆ ท่านที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์

ท่านผู้ชมครับ ผมพูดถึงพรรคประชาธิปัตย์เพราะผมไม่อยากให้พรรคประชาธิปัตย์จะต้องถูกประณามว่านอกจากเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นแล้ว ยังละทิ้งคนที่ไม่มีประโยชน์ต่อตัวเอง เพราะเขาเสียชีวิตไปแล้ว จะดีจะชั่วคุณปารณีย์ กับบุตรชาย พ่อเขาและสามีเขาคืออดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่ใช่สมาชิกธรรมดา เป็นสมาชิกที่ถูกยกย่องว่าเป็นคนดีในทางการเมือง ก็พรรคประชาธิปัตย์เน้นเรื่องความดีความงามไม่ใช่หรือ ทำไมพรรคประชาธิปัตย์ถึงไม่แสดงความดีความงามและแสดงน้ำใจให้กับคนที่ตายไปแล้วที่เป็นคนดีห้องพรรค ที่สื่อมวลชนยกย่อง เงิน 500,000 บาท สำหรับผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ มันไม่มีความหมายหรอก

ผมจะเรียนถึงคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ นิดหนึ่ง


คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ครับ ถ้าคุณจะทำตามคำพูดที่คุณเขียนไว้ในบัตรว่าค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดคุณจะดูแลคุณจะดูแลให้ เอาล่ะคุณทำตามคำมั่นสัญญาข้อเขียนที่คุณเขียนในนามบัตรก็พอ คุณถามภรรยาของคุณทิวาว่าค่ารักษาวันละ 1 แสนบาทตั้งแต่ต้นหมดไปเท่าไรเดี๋ยวผมจะหาเงินออกมาให้ แค่นั้นก็พอแล้วเพราะถ้าเขารักษาอาทิตย์ละ 1 แสนบาท ถ้าเขารักษา 10 อาทิตย์ ก็หนึ่งล้านบาท เขาก็สามารถเอาเงินนี้มาคืนเงินนอกระบบ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างสงบกับลูกของเขา ถึงคุณจะอ้างว่าคุณไม่ใช่สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้วก็ตาม แต่ในฐานะคนที่เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี แล้วก็เขียนนามบัตรไว้อย่างนั้นน่ะ หลักฐานมี ผมเอาขึ้นให้เรียบร้อยแล้ว คุณสุเทพครับ คุณสุเทพ หยุดเพ้อฝันได้แล้ว ในเรื่องของการชูลุงตู่เป็นนายกฯ เอาเรื่องที่เป็นสัจธรรม เป็นคุณธรรม และเป็นมโนธรรม คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ คุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน แม้กระทั่งคุณจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีพรรคประชาธิปปัตย์ คุณนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย คุณนิพนธ์ เงินทองก็เยอะแยะ เป็นเจ้าของอุตสาหกรรมหลายอย่างที่ทางใต้ ผมไหว้เถอะครับ แสดงน้ำใจหน่อยได้ไหม


ท่านผู้ชมเป็นพยานนะครับ ว่าผมเอาเรื่องนี้ไม่ได้มาฟ้อง แต่มาพูดกับบรรดาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทั้งหลาย อย่าพลาดโอกาสอันนี้ครับ อย่าทอดทิ้งภรรยาหม้ายและก็ลูกชายของคุณทิวา เงินยวง เขาไม่ใช่แค่ไม่มีเงินเรียนหนังสือ บ้านเขาถูกไฟไหม้และบ้านที่เขาอยู่คือบ้านเช่า บ้านเดิมขายทิ้งไปแล้ว ขายฝากเอาเงินมารักษาสามี พวกคุณลงขันกัน คืออย่าไปอ้างกฎหมาย ให้ลงกันไม่เกิน 3 พันบาท ไม่ใช่ ส่วนตัวพวกคุณมีกันเยอะ คุณอย่ามาทำเป็นแกล้งจนกับผม ผมรู้ดี พวกคุณมีตังค์แต่คุณมักจะรักมากกว่าควักออก เอาเถอะอย่างไรก็ตาม ผมไม่สนใจพวกคนลงขันกันหน่อยได้ไหมเงิน 5 แสนบาทแค่นี้ไม่ใช่เงินเยอะเลยสำหรับพวกคุณ ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค รัฐมนตรีแต่ละคน คุณหญิงกัลยา 5 หมื่น คุณเฉลิมชัย เพิ่มไปอีก 5 หมื่น คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค ออกแรงแข็งขันหน่อยสัก 1 แสน ก็ 2 แสนบาทเข้าไปแล้ว คุณสุเทพ รับไปทั้งก้อนอีก 3 แสน หรือคุณสุเทพ บอกว่าให้มา 1 แสนก็แล้วกัน คุณจุติ ไกรฤกษ์ 5 หมื่น พวกนี้ คุณนิพนธ์ บุญญามณี อีก 1 แสน รวมๆ แล้วมัน 5 แสน ทำให้พวกคุณเป็นคนที่มีคุณธรรมและมโนธรรมอย่างแท้จริง แทนที่จะใช้วาทกรรมแสดงออกว่าคุณเป็นคนมีคุณธรรมและมโนธรรมผมขอเถอะครับ และเขาไม่ใช่ใครที่ไหน สามีเขาคือคุณทิวา เงินยวง คนที่ช่วยพรรคประชาธิปัตย์มาตลอดชีวิต และคนที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์มีชื่อเสียง จากการเป็น ส.ส.น้ำดีที่สื่อมวลชนในสภายกย่องให้คุณทิว เงินยวง เป็นคนดีศรีสภา อันนี้ชื่อเสียงกลับเข้าไปหาพรรคประชาธิปัตย์ อย่าใช้วิธีการว่าอะไรที่ดี มีชื่อเสียง คุณรับ แต่ความรับผิดชอบอะไรที่จะจำเป็นต้องมีพวกคุณปฏิเสธหมด

คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ครับ ถึงเวลาคุณที่จะต้องแสดงน้ำใจในการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หรือแม้กระทั่งคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผมไม่เชื่อหรอกครับคนพวกนี้ คนละ 5 หมื่น คนละแสน ไม่มีเงิน ผมไม่เชื่อเด็ดขาด ยังไงก็ไม่เชื่อ พวกคุณหลายคนซ่อนเงินเก่ง ควักเงินที่ซ่อนออกมาช่วยภรรยาของคุณทิวา เงินยวง ลูกชายของคุณทิวา เงินยวง ให้ผ่านวิกฤตที่กู้เงินมานอกระบบ 5 แสนบาทแล้ว ผ่อนจ่ายดอกเบี้ยร้อยละ 10 จนไม่มีจ่าย ต้องหนี หนีหัวซุกหัวซุน ภรรยาคุณทิวา เงินยวง ส.ส.น้ำดี ศรีแห่งสภา คนของพรรคประชาธิปัตย์ ต้องหนีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายทุกเดือน หนีหัวซุกหัวซุน พวกคุณยังนอนหลับสบายกันดีอยู่หรือเปล่า

จริงๆ แล้วภรรยาของคุณทิวา เงินยวง ขอร้องว่าอย่าพูดถึงเรื่องพรรคประชาธิปัตย์ เขาหมดหวังกับพรรคนี้ไปแล้ว แต่ผมทนไม่ได้ ผมจำเป็นต้องมาพูด ผมทนไม่ได้จริงๆ ถ้าจะโกรธมาโกรธผมดีกว่า ซึ่งปกติธรรมดาแล้วพวกคุณก็ไม่ชอบขี้หน้าผมอยู่แล้ว เพิ่มความไม่ชอบเข้าไปอีกนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมคิดเห็นอย่างไร ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปปัตย์ มีความน้ำใจที่เป็นคุณธรรมและมโนธรรม บ้างไหม ผมฝากไว้เพียงแค่นี้ล่ะครับ คนเราขนาดคนที่มีประโยชน์คนที่มีบุญคุณกับตัวเองแล้วเป็นสมาชิกตัวเอง ยังไม่สามารถที่จะร่วมมือกันช่วยเหลือแล้วพวกคุณจะเข้ามารับใช้พวกผมได้อย่างไร และผมจะเชื่อใจพวกคุณได้อย่างไร

ท่านผู้ชมครับถ้าผมจะบอกอะไรอย่างหนึ่งท่านผู้ชมจะเชื่อหรือเปล่า เราพูดถึงการต่อต้านคอร์รัปชัน เราพูดถึงนักการเมือง เราพูดถึงทหารบางคน แต่ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่ามหาโกงคอร์รัปชันอยู่ที่ไหน? ถ้าไม่รู้ผมจะเล่าให้ฟัง


มหาโกงคอร์รัปชันนั้นอยู่ในแวดวงอุดมศึกษา มหาลัย มหาหลอก มหาลวง ผมตั้งใจจะพูดเรื่องนี้มาสักพักแล้ว สมัยก่อนผมเคยพูดเรื่องธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษา ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 53 เมื่อประมาณหนึ่งปีกว่าที่แล้ว เดือนตุลาคม 2563 ในช่วงนั้นมีคดีอื้อฉาวของการทำร้ายเด็กอนุบาลของครูผู้ช่วยในโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ซึ่งตอนนั้นสร้างความเศร้าสลดใจให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง รวมไปถึงประชาชนผู้ได้รับข่าวสาร และได้ดูคลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด รวมถึงจากปากคำของเด็กๆ และผู้ปกครอง ถึงวิธีการทำร้ายเด็ก ซึ่งจากข้อมูลต่างๆ ที่ปรากฏมาตลอด ก็ชี้ชัดว่าโรงเรียนในเครือสารสาสน์ฯ ที่มีสาขามาถึง 40-50 สาขานั้น ทำกำไรบานตะไทเลย เมื่อหักต้นทุนแล้ว ธุรกิจทางการศึกษาของโรงเรียนเครือสารสาสน์ ทำกำไรสูงถึงเกือบ 40% เลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้ จากกรณีเหตุของโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ก็เลยได้ข้อสรุปประเด็นหนึ่งถึงสาเหตุของการตกต่ำและความรุนแรงที่เกิดขึ้น

ท่านผู้ชมครับ มันเกิดขึ้นจากการทำธุรกิจการศึกษาที่เน้นผลกำไรมากกว่าผลลัพธ์ทางการศึกษา นั่นก็คือเด็กที่เป็นผลผลิตทางการศึกษา นี่เองที่มาของการลดต้นทุนทุกรูปแบบ การจ้างครูผู้ช่วยที่มีวุฒิแค่ ม .6 ไม่มีใบประกอบวิชาชีพครูมาดูแลเด็กเล็ก ทำทุกอย่างเพื่อให้เครือนี้กำไรปีละ 300-400 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ ในฐานะส่วนตัวผมเคยในอดีตช่วงหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ผมเคยเป็นอาจารย์สอนมหาวิทยาลัย เป็นวิทยากร เป็นอาจารย์หลักสูตรปริญญาโท ปริญญาเอก อย่างคณะวารสารศาสตร์ธรรมศาสตร์ สื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผมเคยรับเชิญเป็นอาจารย์พิเศษ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ปริญญาเอกอีกหลายปี มีลูกศิษย์อย่างเช่น ดร.นิพนธ์ นาคสมภพ แม้กระทั่งคุณหมวย อริสรา กำธรเจริญ ผู้สื่อข่าวช่อง 3 เป็นต้น แต่ในที่สุดผมก็เลิกที่จะเป็นอาจารย์พิเศษ เพราะผมทนไม่ได้กับแนวความคิดของมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ที่เปิดสอนหลักสูตรพิเศษปริญญาโท ปริญญาเอก หลักสูตร MBA ,Executive MBA ,Young MBA หลักสูตรปริญญาโทภาคภาษาอังกฤษ ถึงจะไม่พูดตรงๆ แต่ว่าหลักการของหลักสูตรพวกนี้คือ "จ่ายครบจบแน่"

ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่ประหลาดใจว่าทำไมช่วงหลายปีหลังๆ ที่มีการบังคับให้บรรดาอธิการบดีมหาวิทยาลัยต่างๆ ได้เปิดเผยทรัพย์สินส่วนบุคคลออกมา ท่านผู้ชมครับ หลายคนรวยเป็นร้อยล้าน บางคนรวยเป็นพันล้าน ยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดทรัพย์สินคุณเกศินี วิฑูรชาติ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สมัยที่ 2 พร้อมสามี จำนวนเงิน 1,227.7 ล้านบาท


มีวงเงินลงทุนหลายร้อยล้านบาท ที่ดิน 218 แปลง 704 ล้านบาท ทองคำแท่งหนัก 420 บาท ไม่มีหนี้สิน แจ้งรายได้ปีละ 10.4 ล้านบาท ค่าตอบแทนกรรมการอิสระ 7.1 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาบริษัทครอบครัว 796,000 บาท เพิ่มขึ้นจากตอนที่พ้นตำแหน่งวาระแรกถึง 125.1 ล้านบาท

มิถุนายน พ.ศ. 2564 สำนักงาน ป.ป.ช. เผยแพร่บัญชีรายงานแสดงทรัพย์สิน-หนี้สิน ผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูงหลายรายชื่อน่าสนใจ มีอยู่คนคือคุณบัณฑิต เอื้ออาภรณ์ กรณีดำรงตำแหน่งอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กรรมการบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ปตท.สผ. ครบ 3 ปี มีทรัพย์สินรวม 243 ล้านบาท ภรรยามีพอร์ตหุ้นเพียบ รวม 77.9 ล้านบาท ครอบครองทองคำแท่งหนัก 200 บาท มูลค่า 4.8 ล้านบาท


มหาวิทยาลัยมหิดล ศ. นพ.บรรจง มไหสวริยะ แจงบัญชีทรัพย์สินเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ทรัพย์สินมี 63 ล้าน 7 แสนกว่าบาท มีเงินฝาก 18 ล้าน เงินลงทุนเกือบๆ 19 ล้าน เงินให้กู้ยืม 8 ล้าน ที่ดิน 8 ล้าน โรงเรือนสิ่งปลูกสร้าง 9 ล้าน ทรัพย์สินอื่นๆ อีกเกือบ 2 ล้านบาท ไม่มีหนี้สิน มีรายได้ต่อปีประมาณ 6.22 ล้านบาท ตีสักเดือนละ 5 แสนบาท แบ่งเป็นเงินเดือนบำนาญ 3 ล้านบาท เงินประจำตำแหน่ง 1.56 ล้านบาท เงินประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2.4 แสนบาท เงินปันผลสหกรณออมทรัพย์มหิดล 3.6 แสนบาท ดอกเบี้ยเงินฝากสหกรณ์ 5 แสนบาท ดอกเบี้ยหุ้นกู้ของโรงพยาบาล ธนบุรีโฮลดิ้ง จำกัด 5 แสนบาท มีรายจ่ายรวม 1 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 7.2 แสนล้านบาท คู่สมรสคือแพทย์หญิงพรรณแข มไหสวริยะ ทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 108.5 ล้านกว่าบาท ไม่มีหนี้สิน


ท่านผู้ชมครับ มาดูฝั่งราชภัฏบ้าง มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต รองศาสตราจารย์ ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน แจ้งบัญชีแสดงรายการแสดงทรัพย์สินและหนี้สินกรณีเข้ารับตำแหน่ง อธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2563 ระบุว่ามีทรัพย์สิน 86.7 ล้านบาท ท่านมีเงินฝากตั้ง 70 ล้านบาท โรงเรือน-สิ่งปลูกสร้าง 6 ล้านบาท มีรถยนต์ 1 คัน มูลค่า 3 ล้านบาท มียานพาหนะรวมแล้ว 8.5 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 2.28 ล้านบาท มีหนี้สิน 39,888 บาท ส่วนนางโรจนา ผลพันธิน คู่สมรส มีทรัพย์สิน 36,591,905 บาท รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 123,386,150 บาท มีหนี้สินอยู่ 39,888 บาท


มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา วันที่ 8 พฤษภาคม ป.ป.ช. แสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รศ.ดร.ฤาเดช เกิดวิชัย พ้นจากตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) สวนสุนันทา แจ้งมีทรัพย์สิน 46 ล้านบาท รายละเอียดทรัพย์สินก็มีเงินสด 2 แสนบาท มีรายได้จากสวนผลไม้ จ.จันทบุรี 14 ล้านบาท รายได้จากการทำนาเลี้ยงกุ้ง จ.สุพรรณบุรี 7 ล้านบาท รายได้จากค่าเบี้ยประชุม 5 ล้านบาท ค่าตอบแทนจากการสอนภาคพิเศษ/ที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์ปริญญาโท และปริญญาเอก ปีละประมาณ 1 แสนบาท รวม 7 แสนบาท รายได้จากงานวิจัย คำนวณรายรับ ร้อยละ 10 จากงบประมาณโครงการ ระหว่างปี 2556-2562 คิดแล้วเป็นจำนวนเงิน 4 ล้านกว่าบาท รายได้จากโครงการบริการวิชาการ คำนวณรายรับ ร้อยละ 10 จากงบประมาณโครงการ รวมแล้วเบ็ดเสร็จ 42.76 ล้านบาท เมื่อรวมทรัพย์สินแล้ว คู่สมรส นางระพีพร เกิดวิชัย ซึ่งมีอยู่ 36 ล้านบาท รวมทั้งคู่มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 83 ล้านบาท ไม่มีหนี้สินเลย


ท่านผู้ชมครับ ที่เอามาเล่าให้ฟังจะยกตัวอย่างให้ฟัง ข้อมูลที่น่าสนใจคือ รายได้จากโครงการบริการวิชาการของ รศ.ดร.ฤาเดช ชื่อเล่นชื่อ ตุ้ม ท่านอดีตเป็นนักข่าวกีฬาของหนังสือพิมพ์ข่าวสด มีระบุรายละเอียดว่า คำนวณจากรายรับ 10% ของงบประมาณโครงการ ระหว่างปี 2557-2562 10% มีอยู่ 42.7 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ เท่ากับว่าท่านอธิการบดีและผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็อาจจะได้รายได้จากโครงการการบริหารวิชาการ ซึ่งคิดเป็น 10% ของงบประมาณโครงการเช่นกัน อะไรบ้างล่ะท่านผู้ชม โครงการปริญญาโท โครงการพิเศษ MBA โครงการโน่น โครงการนี่ ยอดเท่าไร ท่านรับไป 10% ก็เลยไม่น่าแปลกใจที่อธิการบดีมหาวิทยาลัยบางแห่ง คณบดีบางคณะ ในหลายมหาวิทยาลัย ได้รับความนิยมจากประชาชน ที่ได้รับความนิยมจากประชาชนมีชื่อเสียงในวงการโซเชียลมีเดีย ก็เลยมีทรัพย์สินจำนวนหลายร้อยล้านบาท เพราะทำโครงการอย่างนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้ว

ท่านผู้ชมครับ ผมขอย้ำนะครับ ผมไม่ได้หมายความว่า อาจารย์มหาวิทยาลัย หรืออธิการบดีที่ผมเอ่ยชื่อมานั้นได้เงินมาโดยไม่สุจริต หรือดำเนินการคอร์รัปชันใดๆ ผมต้องการชี้ให้เห็นว่าอาจารย์มหาวิทยาลัย ผู้บริหารมหาวิทยาลัยสมัยนี้มีช่องทางทำมาหากิน ทำรายได้และมีทรัพย์สินมากมายมหาศาลได้อย่างไร

จากข้อมูลเหล่านี้ผมก็ได้มอบหมายให้รายการ ทีมงานของเก็บข้อมูลสะสมตลอดระยะเวลาปีกว่าๆ ที่ผ่านมา สิ่งที่ผมค้นพบคือ รูปแบบของธุรกิจการศึกษาที่เป็นต้นตอของการคอร์รัปชันอันนำมาสู่ความตกต่ำถึงขีดสุดของสถาบันอุดมศึกษาของไทยนั้นมีความหลากหลายมากและไม่ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจแต่อย่างใด บุคลากรสถาบันศึกษาของไทย โดยเฉพาะสถาบันอุดมศึกษา ยิ่งนับวันยิ่งคุณภาพยิ่งตกต่ำและย่ำแย่ไปเรื่อยๆ ถ้าเราจะดูหลักๆ แล้ว แกนหลักของมหาวิทยาลัยคืออะไร

ในต่างประเทศสิ่งที่ชีวัดมาตรฐานของมหาวิทยาลัยคือจำนวนบุคลากรที่มีตำแหน่งทางวิชาการและมีผลงานวิชาการ อย่างเช่น มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีคนจบปริญญาอีกกี่คน นอกจากจบปริญญาเอกกี่คนแล้ว บางแห่งลงรายละเอียดลึกเลยว่าจบจากไหน บางแห่งก็จบปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยที่ไม่มีชื่อ หรือว่าปริญญาเอกจากราชภัฏพวกนี้ ด้วยความเคารพคนที่เรียนราชภัฏนะครับ ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามอะไรทั้งสิ้น ในข้อเท็จจริงถ้าจบปริญญาเอกระหว่างจุฬาลงกรณ์ ธรรมศาสตร์ และราชภัฏนั้น เกรดของจุฬาธรรมศาสตร์จะสูงกว่าเยอะ มีบุคลากรดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์กี่คน ทำไมจะต้องพูดเช่นนี้ ? เพราะคนกว่าจะขึ้นมาเป็นศาสตราจารย์ เงื่อนไข ข้อบังคับ กติกา ค่อนข้างเข้มงวดมาก ผลงานการวิจัยจะต้องชัดเจน หัวข้อทำวิจัยจะต้องชัดเจน แล้วการเขียนวิทยานิพนธ์ออกมานั้นจะต้องชัดเจนในเรื่องของการดูแลและอธิบายข้อความของผลของวิทยานิพนธ์ แต่กติกาที่มันเข้มงวดตอนหลังมันถูกผ่อนคลายไปเยอะ เนื่องจากมีผลประโยชน์เข้ามาแทรก เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง นอกจากนั้นแล้วเขายังดูผลงานวิจัย ว่ามหาวิทยาลัยนี้มีผลงานวิจัยกี่งาน เพราะฉะนั้นอาจารย์ระดับที่ขึ้นไป ต้องมีผลงานวิจัย ยังบทความทางวิชาการอีก นี่คือสิ่งที่ต่างชาติประเมิน

เมืองไทยใช้มาตรฐานเดียวกัน แล้วก็ยังเป็นสิ่งสำคัญในการจัดอันดับมหาวิทยาลัยว่าจำนวนอาจารย์ที่ดำรงตำแหน่งเป็นศาสตราจารย์ เป็นรองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ในแต่ละคณะในแต่มหาวิทยาลัยเขาจะใช้เป็นเกณฑ์ในการรับนักศึกษา ว่าจะรับได้จำนวนเท่าไร จะใช้ในการคำนวณว่าจำนวนตำแหน่งเหล่านี้ ในส่วนของอาจารย์จะรับนักศึกษาปริญญาโทได้เท่าไร ซึ่งหากถ้าตำแหน่งเหล่านี้ปลอม ไม่มีคุณภาพ และก็จะปลอมไม่มีคุณภาพต่อๆ ไป ซึ่งปัจจุบันมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เป็นเช่นนี้ คือเป็นตำแหน่งปลอม คุณภาพไม่มี และก็ยังดำเนินวิธีการเหล่านี้ต่อไป ที่เลวร้ายคือไม่ได้ปลอมเฉพาะตัวบุคคล ท่านผู้ชมครับตอนนี้เขาทำเป็นระบบ เป็นเครือข่าย

ผมยกตัวอย่างมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม มหาวิทยาลัยพิษณุโลก ว่ากันว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง ผศ. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และ รศ. คือรองศาสตราจารย์ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเร็วๆ นี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และหาวิทยาลัยพิษณุโลก มีตำหน่งรองศาสตราจารย์ และผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่ดำเนินการไม่ถูกต้องและเข้าข่ายในการทุจริตรวมทั้งหมด 90 กว่าตำแหน่ง


มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม 30 กันยายน 2564 นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม หรือที่เรียกว่า อว. พูดเร็วๆ นี้ ในการประชุมคณะกรรมพลเรือนสถาบันอุดมศึกษา ได้มีการพิจารณาผลการตรวจสอบกระบวนการได้มาซึ่งตำแหน่งทางวิชาการ และทั้งตำแหน่งรองศาสตราจารย์ (รศ.) และผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) ของคณาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และมีมติตามาตรา 14 (6) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติมขอให้สภามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ทบทวนการแต่งตั้งบุคลากรของมหาวิทยาลัยให้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ จำนวน 43 ราย ที่ส่งมาให้ทบทวนใหม่ แบ่งเป็นตำแหน่งและรองศาสตราจารย์ (รศ.) จำนวน 14 ราย และผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) จำนวน 29 ราย 


ทั้งนี้ ก.พ.อ. มีความเห็นว่ามีการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขตามที่คณะอนุกรรมการตรวจสอบ พบว่ามีการปลอมแปลงเอกสารการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และมีการปลอมแปลงลายเซ็นต์กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และให้สภา มรภ.มหาสารคามเร่งพิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่และรายงานผลให้ ก.พ.อ. ทราบภายใน 45 วัน นับแต่วันที่สภามหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามทราบเหตุดังกล่าว เพราะฉะนั้นแล้วเมื่อมีการพูดเช่นนี้แล้วก็เป็นการกล่าวหาที่ค่อนข้างจะร้ายแรง กันยายน 30 กันยายน ตุลาคม พฤศจิกายน 2 เดือนวันที่ 15 พฤศจิกายนนี้ ก็จะครบ 45 วันละ ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม ต้องชี้แจงมา ดร.เอนก รมว.อว. ยังพูด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทำผิดกฎหมาย และจะให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรมดำเนิการต่อไป เอาล่ะ เรามาที่มหาวิทยาลัยพิษณุโลก


นอกจากนี้การประชุมคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) ครั้งที่ 9/2564 มีมติในกรณีเกิดขึ้นที่คล้ายคลึงกับมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม คือ การทุจริตการขอตำแหน่งวิชาการของ มหาวิทยาลัยพิษณุโลก โดยให้สภามหาวิทยาลัย ถอดถอนตำแหน่ง 50 ราย เป็น ผศ. 42 ราย และ รศ. 8 ราย และ สป.อว. จะไม่นำความกราบบังคมทูลโปรดเกล้าฯ ศ. 1 ราย ท่านผู้ชม เรื่องใหญ่แล้วนะ โดยให้สภามหาวิทยาลัยพิษณุโลกไปตรวจสอบและทบทวนใหม่ ลักษณะคล้ายกับ มรภ.มหาสารคาม ทางกระทรวง อว. ทำหนังสืออย่างเป็นทางการถึงทุกสถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งทั้งรัฐและเอกชน ให้ระวังและป้องกันการเกิดทุจริตการขอตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งส่งผลเสียต่อระบบการศึกษาและธรรมาภิบาลของมหาวิทยาลัย ท่านผู้ชมครับ ข้อมูลของมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งนั้นพบว่ามีการทุจริต ผศ. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และ รศ. รองศาสตราจารย์ กว่า 90 คน นี่คือการทุจริต จากข้อมูลที่ตรวจสอบบุคคลที่มีตำแหน่งทางวิชาการมหาวิทยาลัยทั้ง 2 แห่งจำนวน 191 คน พบว่า ท่านผู้ชมพร้อมหรือยัง มีการทุจริตถึง 111 คน คิดเป็น 58% ถือว่าเยอะมาก เป็นขบวนการซื้อขายเพื่อให้ได้ตำแหน่ง เป็นเครือข่ายระดับประเทศ มีความเชื่อมโยงกัน ท่านผู้ชมครับเราเข้ามาอธิบายกันนิดหนึ่งว่า การทุจริตขอตำแหน่ง ผศ. ผู้ช่วยศาสตราจารย์ และ รศ. รองศาสตราจารย์ นั้นเขาทำยังไง ตามระเบียบนั้นต้องมีกรรมการสอบ ห้ามใช้คนในมหาวิทยาลัยหรือมีคนในมหาวิทยาลัย ได้เพียง 1 หรือ 2 คน ที่เหลือต้องใช้เป็นคนนอกที่มีคุณวุฒิและมีชื่อเสียง มีวุฒิภาวะ มีคุณวุฒิ มีชื่อเสียง

ท่านผู้ชมครับวิธีการที่เขาทำกันต่อเนื่องคือ กระบวนการเหล่านี้สามารถไปดึงคนนอกที่อยู่ตามมหาวิทยาลัยภูมิภาคต่างๆ ทั้งภาคเหนืออีสานใต้ เข้ามาเป็นกรรมการ มาฮั้วกันท่านผู้ชม ผลัดกันให้ผลัดกันรับ คือกลุ่มคนๆ เดียวกัน แต่อยู่ตามที่ต่างๆ ปีนี้เข้ามาคุยมหาวิทยาลัยนี้ อีกชุดหนึ่งก็ไปมหาวิทยาลัยนั้น อีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง เอาชุดเก่าชุดแรกเอาเข้ามาสวมเข้าไป นอกจากนี้ในบางมหาวิทยาลัยที่ต้องการเอาตำแหน่งที่สร้างความคลุมเครือ ยังมีสร้างความคลุมเครือให้อีก ท่านผู้ชมเคยได้ยินไหมครับ ผู้ช่วยศาสตราจารย์พิเศษ รองศาสตราจารย์พิเศษ ไปแลกกับผลประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจนักธุรกิจ ที่ผมพูดถึงนี้ กรณีมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามมีคนโพสต์เข้าไปในพันทิปดอทคอมอธิบายเรื่องพิเศษ ว่าในวงการอาจารย์เพิ่มเติมความเป็นพิเศษ พิเศษจริงๆ เช่นเชิญปลัดกระทรวง อธิบดี เจ้าของธุรกิจ มาสอนแต่เรียกว่าอาจารย์พิเศษ ภายหลังมีการรูปหน้าปาดจมูกอาจารย์พิเศษเยอะเลยคือผู้ที่ไม่มีตำแหน่งบรรจบให้ส่วนตำแหน่งทางวิชาการ ผศ. พิเศษ รศ. พิเศษ หรือกระทั่ง ศ. คือศาสตราจารย์พิเศษ เป็นตำแหน่งที่กำหนดขึ้นมากำหนดขึ้นมาโดยสภาของมหาวิทยาลัยแต่ละวิทยาลัย ท่านผู้ชมครับกระบวนการนี้ ไม่ใช่แค่ขอตำแหน่งทางวิชาการ ท่านผู้ชมครับอย่ามองแค่ตำแหน่งเพราะเมื่อมีตำแหน่งแล้วสามารถทำโครงการขอทุนวิจัยขอทำโครงการต่างๆที่จะตามมาเมื่อมีตำแหน่งแล้วขอได้ประโยชน์เลยทำให้เครือข่ายพวกนี้จะมีประโยชน์ทั้งทางวิชาการและทางบริหารสิ่งที่ได้ 3 อย่างก็คือได้เกียรติ ได้โอกาส และก็ได้เงิน เกียรติ เช่น ตำแหน่งทางวิชาการศาสตราจารย์รองศาสตราจารย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ตำแหน่งผู้บริหาร เช่น เป็นผู้อำนวยการ คณบดี อธิการบดี เงินเช่นตำแหน่งหากทำงานวิจัยกับจะได้ค่าตอบแทน 3,500 บาทถึง 16,000 บาทต่อคนต่อหนึ่งเดือน แยกเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ค่าตำแหน่งอยู่ที่ 3,500 บาท ถึง 5,500 บาทต่อหนึ่งเดือนรองศาสตราจารย์ 5,000 บาท ถึง 8,000 บาทถ้าเป็นศาสตราจารย์จะได้ 10,000 ถึง 16,000 บาท ขึ้นอยู่กับผลงานจำนวนปีที่ทำโอกาดจะไปขอทุนวิจัยก็ต้องมีตำแหน่งเช่นขอจากสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) หากมีตำแหน่งทางวิชาการการันตีก็มีโอกาสได้รับการยอมรับโอกาสยังมีอีกหลายอย่างเช่นตั้งคณะกรรมการประเมินวิชาการทางผลงานภายในมหาวิทยาลัย ท่านผู้ชมครับ คนที่เป็นประธานจะต้องเป็นกรรมการในสภามหาวิทยาลัยพอมาถึงตรงนี้ก็จะเป็นเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างฝ่ายบริหารข้างล่าง ทางวิชาการ คืออธิการบดีรองอธิการบดี ฝ่ายนโยบาย ฝ่ายตรวจสอบ

ท่านผู้ชมครับคนกลุ่มนี้ยกตัวอย่างเช่นคนหนึ่งมาดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง อีกคนไปดำรงตำแหน่งนายกสภามหาวิทยาลัย เมื่อออกจากแห่งนี้ไปอีกก็เป็นการเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเกาะกลุ่มเชื่อมโยงประโยชน์ เช่น เมื่ออธิการบดีอยากจะได้งบประมาณจัดสรรซื้ออาคารตึก ซื้ออาคารมหาวิทยาลัย สภามหาวิทยาลัยก็จะอนุมัติ เพราะมันเป็นเครือข่ายเดียวกัน และไม่มีการคอรัปชั่นอะไรที่สะดวกเท่ากับการจัดซื้อและจัดสร้างตึกอาคารและมหาวิทยาลัยจะต้องจัดสร้างตึกอาคารได้ทุกปีปีละหลายๆ แห่งต่อหนึ่งสถาบัน เมื่อกรรมการสภามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกันจะเดินทางไปดูงานต่างประเทศ อธิการบดีก็เซ็นอนุมัติ เมื่อกรรมการสภามหาวิทยาลัยบางคนได้ทุนทำโครงการอธิการบดีก็อนุมัติ วิธีการนี้คือวิธีการผลัดกันเกาหลังเพราะฉะนั้นแล้วเวลาตั้งกรรมการสภามหาวิทยาลัย จึงมีการดึงเอาบุคคลที่ไม่เหมาะสมเข้ามาเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย ในลักษณะที่ไม่หมุนเวียน เช่น มหาวิทยาลัยรามคำแหง


จะมีกลุ่มหนึ่งที่ยึดตำแหน่งกรรมการสภามหาวิทยาลัย อธิการบดี มาอย่างยาวนานรากงอก ขณะที่มหาลัยอื่นๆจะใช้ผู้ที่มีประสบการณ์ทางธุรกิจ การบริหารจัดการคนนอกระบบราชการ คนนอกระบบทางวิชาการ หมุนเวียนกันไป แต่รามคำแหงไม่ใช่ใช้คนเก่าฝังรากลึก รากงอก

ท่านผู้ชมครับโอกาสที่คนเหล่านี้ ได้อีกอย่างคือเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นชื่อเสียงเกียรติยศสิ่งที่ตามมาอีกอย่างก็จะเห็นได้ว่าการได้รับปริญญากิตติมศักดิ์ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ที่จะมีพวกช่วยโอกาสแทรกซึมเข้าไปในการแต่งตั้งตำแหน่งทางวิชาการ ที่มีทั้งของจริงและของปลอม ของดีและของไม่ดีปนอยู่รวมทั้งตำแหน่ง ท่านผู้ชมครับค่านิยมของสังคมหรือตำแหน่งทางวิชาการแม้แต่คนที่เป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเวลาจะเลื่อนตำแหน่งก็ช่วยกันถึงขนาดที่ว่ากระทรวงมีกฎระเบียบว่าเป็นอาจารย์ธรรมดาจบปริญญาตรีโทเอกมากี่ปีต้องสอนหนังสือมากี่ปี จึงจะได้เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ ถ้าจบปริญญาตรีใช้เวลานานหน่อยและยังจะต้องมีผลงานทางวิชาการ ต้องเขียนตำราพวกนี้สามารถช่วยกันลดขั้นตอนย่นระยะเวลาได้ เป็นกรณีพิเศษ บางแห่งท่านผู้ชมครับยื่นขอตำแหน่งรองศาสตราจารย์ใช้เวลาแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ถึงขั้นท่านผู้ชมครับซื้อขายตำแหน่งกันเลยโดยถ้าปลอมกันทางแท่งหรือรัฐคิวราคาก็จะแพง แต่สิ่งที่ชัดเจนก็คือเอื้อประโยชน์กันในระยะยาวและไม่ใช่เพียงแค่ในระดับมหาวิทยาลัยแต่เป็นการทางระบบการจะตรวจสอบจึงมีข้อยกเว้นเป็นทั้งระบบเลยท่านผู้ชมอาจารย์มหาวิทยาลัยทุกแห่งต่างรู้ดีและไม่มีใครออกมาพูดเพราะพูดไปแล้วก็ทำอะไรไม่ได้ คนที่ให้ข้อมูลบอกว่าใครพูดเรื่องนี้ต้องระวังเป็นเรื่องที่มีผลประโยชน์เยอะและมีอิทธิพลคนที่อยู่ในวงการบอกว่าทุกที่มากน้อยแตกต่างกันความรุนแรงของปัญหาไม่เหมือนกันสิ่งที่น่าเป็นห่วงมากก็คือการคอร์รัปชันที่จะมีผลกระทบต่อการศึกษาเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อบุคคลและบุคลากร ท่านผู้ชมครับท่านผู้ชมเชื่อไหมอธิการบดี บางคนบางมหาวิทยาลัยนั่งตำแหน่งที่ปรึกษา 200 หลักสูตรรายได้เดือนละ 2,000,000 บาท มีเรื่องล่ำลือว่าอธิการบดีของมหาวิทยาลัยชื่อดังบางคนมีรายได้เดือนละหลายล้านบาท ท่านผู้ชมเป็นไปได้อย่างไร แต่เป็นรายได้ที่ถูกกฎหมาย ก็มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาหลักสูตร มีที่ปรึกษาหลักสูตรของคณะ มีทางกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดตามวิทยาเขต มากกว่า 200 หลักสูตรหลักสูตรค่าที่ปรึกษาอย่างน้อยก็ 10,000 บาทต่อหลักสูตรต่อเดือน ค่าที่ปรึกษาอย่างเดียวก็เดือนละสองล้านบาท ที่อธิการคนนี้ได้หรอกไปเหนาะๆ ก็ไม่น่าประหลาดใจ บางคนเป็นอธิการบดี 3 ปี มีรายได้ 80 กว่าล้านบาท นี่ยังไม่นับเบี้ยประชุม ยังไม่นำเงินที่เป็นคณะกรรมการภายในของมหาวิทยาลัย และทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายด้วย


ท่านผู้ชมครับท่านอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ 9 ผู้ช่วยศาสตราจารย์วุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ ดำรงตำแหน่ง 2 วาระ ระหว่าง 21 ตุลาคม พ.ศ.2564 ถึง 2 มีนาคม 2563 อธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงที่ 10 ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สืบพงษ์ ปราบใหญ่ ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา และท่านเป็นลูกเขยของท่านอดีตปลัดกระทรวงคมนาคมโดนข้อหาฟอกเงินทุจริตคือท่านสุพจน์ ทรัพย์ล้อม เพราะฉะนั้นแล้วแต่ละมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยจะมีปัญหากันจะชี้ให้ดูว่าอธิการบดีไม่ใช่คนที่มีความสามารถอย่างเดียวเท่านั้น เดี๋ยวนี้กลับไม่สำคัญ สำคัญคือเครือข่ายของเขาคือเครือข่ายอะไร เพราะเมื่อคืนเป็นอธิการบดีแล้ว มันมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนหลายรูปหลายแบบ ซึ่งไม่ผิดกฎหมาย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมามันจะทำให้คุณภาพมาตรฐานการศึกษาของนักศึกษานั้นมันลดต่ำลงไปที่ผมพูดไปเมื่อกี้มันไม่ใช่คอร์รัปชันเล็กน้อยแต่มันเป็นคอร์รัปชันเชิงระบบ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องของธรรมาธิบาลมหาวิทยาลัยที่มีความโปร่งใสแค่ไหน ในการคัดสรรคัดเลือกคนในการบริหารจัดการ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ราชการครูบาอาจารย์ทุกคนที่เข้ามาสู่ระบบทำให้ดีทำให้ถูกต้อง ทำให้คนเก่งและคนดีไม่อยากอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมครับในมหาวิทยาลัยที่ไม่มีความโปร่งใสก็จะได้คนที่ได้คุณภาพการเรื่องนี้คณะกรรมการปฏิรูปการศึกษาแต่ก็ไม่รู้ว่าให้ความสำคัญแค่ไหนทั้งกรรมการปฏิรูปและกระทรวงศึกษาธิการรวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรัฐสภารวมไปถึงรัฐบาลด้วย

ท่านผู้ชมครับ ถึงวันนี้แล้วไม่ใช่คอร์รัปชันเล็กๆ น้อยๆ แล้ว แต่เป็นเรื่องของระบบทุกคนรู้ว่ากระทรวง อว. มีกติกาอะไรทุกคนก็ใช้ระบบแบบนี้เป็นเพียงแต่ว่าไปซิกแซ็กเล่นแร่แปรธาตุทำให้เป็นการคอร์รัปชันเชิงระบบอยากจะเอาผิด เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกติกายกเว้นถูกจับได้ อย่างกรณี 91 คนของมหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม และมหาวิทยาลัยพิษณุโลก ที่จับได้เพราะมีการปลอมลายเซ็นรายชื่อถ้าหากไม่มีการปลอมลายเซ็นหรือจับไม่ได้ก็กระทำแบบย่ามใจ

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้ไหมประเทศไทยมีสถาบันระดับอุดมศึกษา 310 แห่ง รวมทางพ่อสถาบันทหารตำรวจ พยาบาล มหาวิทยาลัยสงฆ์ ราชภัฏ ราชมงคล แม้แต่มหาวิทยาลัยสงฆ์ก็มีการจับตามาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ลักษณะการกระทำเหมือนกัน มีปัญหาในเรื่องของคุณภาพปริญญาแต่วิธีการคล้ายๆ กัน


ท่านผู้ชมครับ ในระบบของมหาวิทยาลัยราชภัฏและมหาวิทยาลัยราชมงคล เราจะพบเรื่องนี้ขึ้นทุกปี มีการปลอมหรอกผลงานคนในระดับนายกสมาคมมหาวิทยาลัย ลอกผลงานวิชาการคนอื่น ท่านผู้ชมครับท่านผู้ชมฟังเรื่องราวมาทั้งหมดท่านผู้ชมคิดเหมือนผมหรือเปล่า ถ้าทำอย่างนี้แวดวงอาจารย์มหาวิทยาลัยไม่ได้แตกต่างจากแวดวงสีกากี แวดวงข้าราชการแม้แต่นิดเดียว ให้ความเคารพให้ความเป็นครูบาอาจารย์การซื้อตำแหน่ง ผศ. รศ.หรือคณบดี อธิการบดี กรรมการสภามหาวิทยาลัย ไม่ได้ต่างกับการซื้อตำแหน่ง ผู้กำกับ รองผู้การ ผู้การหรือรองอธิบดีอธิบดี ปลัดกระทรวง ใช้เงินขึ้นมาเพื่อแสวงหาลาภยศสรรเสริญกันต่อไป รวมถึงผลัดกันเกาหลังเธอทำอย่างนั้นให้ฉันฉันทำอย่างนี้ให้เธอ ที่สำคัญท่านผู้ชมไม่ได้ทำกันเป็นจุดๆ แต่ทำกันเป็นขบวนการทำกันมาเป็น 10 ปีแล้วคนที่อยู่ในระบบร่ำรวยมหาศาล เป็นร้อยๆ พันๆ ล้าน

ท่านผู้ชมครับทุกวันนี้ผมอดคิดไม่ได้มหาวิทยาลัยไทยที่ทยอยเจ๊งไปเรื่อยๆ ความจริงแล้วสถาบันอุดมศึกษาไทยไม่ได้ถูกกระทบกับการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยีหรอกแต่เป็นสนิมที่เกิดจากเนื้อในมากกว่า ท่านผู้ชมครับเมื่อเดือนที่แล้วต้นเดือนตุลาคม พ.ศ.2564 มีการเผยแพร่บทความชิ้นหนึ่งเรื่องการคอรัปชั่นในสถาบันอุดมศึกษาโดยดร.มานะ นิมิตรมงคล ท่านเป็นเลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน แห่งประเทศไทย


ดร.มานะ พูดอย่างนี้ครับ สาเหตุที่ทุกวันนี้การศึกษาไทยตกต่ำ ก็เพราะว่าในมหาวิทยาลัยมีคอร์รัปชันกันอย่างโจ๋งครึ่มมาก และกระทบต่อคุณภาพการศึกษาโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นการคอร์รัปชันในการจัดซื้อจัดจ้าง คอร์รัปชันของปัจเจกบุคคล ซึ่งบางเรื่องผมได้ฟังก็ยังอึ้งอยู่เหมือนกัน เช่น อธิการบดีมหาวิทยาลัยบางคนเปิดเผยว่ามีรายได้เดือนละ 2 ล้านบาท มหาวิทยาลัยบางแห่งมีการให้ตำแหน่งแก่คนที่ไม่คู่ควร เช่นนักธุรกิจ นักการเมือง โดยเพิ่มคำเรียกที่ทำให้คนสับสน เช่นรองศาสตราจารย์พิเศษ ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้ ผู้บริหารบางแห่งยอมให้คนนอกใช้ชื่อสถาบันไปรับงานบริการทางวิชาการจากหน่วยงานอื่นแล้วแบ่งเปอร์เซ็นต์เข้าหน่วยงานโดยไม่ต้องรับผิดชอบแต่อย่างไร สมมุติจะมีงานวิจัยชิ้นหนึ่ง สมมติจะมีงานประมูลชิ้นหนึ่ง ก็เอาหน่วยงานในมหาวิทยาลัยอันนี้เข้ามาร่วมในการประมูลโดยใช้ชื่อหน่วยงานนี้เป็นตัวนำหน้า เมื่อเป็นหน่วยงานไหนมาแล้วเงื่อนไขในการประมูลก็จะถูกลดลงมา สามารถที่จะยื่นข้อเสนอได้แค่คนเดียว โดยที่ไม่ต้องมีคู่แข่งแต่คนที่เป็นหุ้นส่วนกลับหน่วยงานของทางมหาวิทยาลัยได้งานสัมปทานมา สมมุติ 100 ล้านบาท ต้องแบ่ง 10% คือ 10 ล้านบาทโยนกลับเข้าไปให้หน่วยงานของมหาวิทยาลัยโดยที่มหาวิทยาลัยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรทั้งสิ้นเลยเพียงแต่ใช้ชื่อเข้าไปประมูล มหาวิทยาลัยรามคำแหง ท่านผู้ชม ซื้อตึกเน่าๆ ราคา 400 ล้านกว่าบาท และปล่อยทิ้งร้างมา 10 กว่าปี ท่านผู้ชมดูชื่ออาคารเอกศาสตร์


ซื้อตึกสูง 25 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนรามคำแหง แขวงหัวหมากเขตบางกะปิ กทม. ตั้งอยู่บนโฉนดที่ดินเลขที่ 2362 ซื้อมาจากธนาคารทหารไทยด้วยเงินประมาณ 400 ล้านบาท ปี พ.ศ. 2549 15 ปีที่แล้ว ตอนซื้ออ้างว่าจะใช้เป็นอาคารสำนักงานการเรียนและอื่นๆ แต่ในปีต่อมาปีพ.ศ. 2555 มหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ส่งหนังสือไปถามคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าถ้ารามคำแหงต้องการใช้งานชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 5 เท่านั้น ส่วนที่เหลือ 20 ชั้นสามารถปล่อยเช่าได้หรือไม่ ท่านผู้ชมอยู่ตรงนี้ก่อน แสดงว่าการซื้อทางนี้ไม่โปร่งใส เพราะถ้าอ้างว่าถามต้องการใช้ชั้นที่ 1 ถึงชั้นที่ 5 แสดงว่ารามคำแหงมีความต้องการใช้พื้นที่แค่ชั้น 1 ถึงชั้น 5 เมื่อจะใช้แค่ชั้น 1 ถึงชั้น 5 ทำไมจะต้องไปซื้อตึก 25 ชั้นท่านผู้ชมเข้าใจหรือยัง เห็นหรือยัง


นี่คือการทำงานไม่โปร่งใสเข้าข่ายเจตนาคอร์รัปชัน คณะกรรมการกฤษฎีกามีตอบกลับบอกว่า มหาวิทยาลัยรามคำแหงซื้อจากเงินรายได้ของมหาวิทยาลัยปัจจุบันได้มีการปรับปรุงเสร็จแต่ยังไม่มีการเข้าไปใช้เพราะฉะนั้นแล้วไม่ถือว่าเป็นที่ราชพัสดุเป็นกรรมสิทธิ์ของมหาวิทยาลัยเพราะฉะนั้นก็จะสามารถใช้กี่ชั้นจะให้เช่าต่ออีกกี่ชั้นก็ได้

ท่านผู้ชมครับท่านผู้ชมตามผมมาประเด็นคือตั้งแต่ซื้ออาคารเอกศาสตร์มาเป็นเวลา 15 ปี ท่านผู้ชมไม่มีการใช้งานเลยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมามีการร้องเรียนความไม่ชอบมาพากลหลายๆ กรณี กรณีมีแต่ตึกไมคืบหน้า มูลค่าหลายร้อยบาทแต่ก็จะทิ้งร้างไว้ อาคารเอกศาสตร์เป็นอาคารที่แบงก์ยึดธนาคารทหารไทยมาเป็นปีเจ้าของพยายามวิ่งเต้นขาย ทางธนาคาร SMEs มีการเสนอขาย 300 กว่าล้านบาท แต่ไม่มีใครซื้อเพราะอยู่ติดถนนริมถนนเป็นเรื่องที่จอดรถ ระบบดับเพลิงไฟต้องพร้อมแต่ตึกนี้ไม่พร้อม วันนี้ถ้าหากจะเปิดใช้ก็ต้องมีการลงทุนก็ต้องใช้งบประมาณ 100 ล้านบาทในการพัฒนา ก็ในเมื่อเขามีหลักฐานที่เขาเสนอขาย 300 กว่าล้านบาท ไม่มีใครซื้อ แต่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ไปซื้อตอน 400 ล้านบาท ก็แสดงว่าส่วนต่าง 300 กว่าล้านบาทกับ 400 ล้านบาทมันเข้ากระเป๋าหมาตัวไหน ที่มีตำแหน่งศาสตราจารย์ รองศาสตราจารย์ หรือตำแหน่งอธิการบดี ผมไม่รู้ ซื้อมา 10 ปี โอกาสใช้แทบไม่มี แต่ต้องใช้อีกจำนวนหนึ่งจำนวนมาก จำนวนเงินที่จะต้องจมลงไปดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นเงินที่ใช้ซ่อมบำรุงในระยะทางจากมหาวิทยาลัยที่จะต้องเดินมา มันคุ้มค่าหรือไม่ ซื้อมา 10 ปียังไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรเลย


เรื่องนี้ต้องยื่นฟ้องไปที่ ป.ป.ช. แล้วโยมไปเลยว่าซื้อในยุคใครเป็นอธิการบดี คณะกรรมการที่สั่งซื้อชุดนั้นต้องโดนคดีหมดทุกคนผมอยากให้ทำเป็นตัวอย่าง แล้วพอเรามาดูรายชื่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงในอดีตพบว่าในช่วง พ.ศ. 2549 ในช่วงนั้นอธิการบดีในช่วงนั้นชื่อรองศาสตราจารย์รังสรรค์ แสงสุข เป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงสมัยที่ 4 ท่านผู้ชมดำรงตำแหน่งยาวนาน 13 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2537 ถึงพ.ศ. 2550 ดร. รังสรรค์ เสียชีวิตด้วยมะเร็งปอด 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ด้วยวัย 73 ปี




ท่านผู้ชมครับนี่ผมเล่าแต่ละเรื่องให้ฟังท่านผู้ชมไปผูกเรื่องเองไปหาตัวละครเองที่ผมเอ่ย ในระดับนักเรียนไทยถ้าย้อนไปดูโปรแกรมประเมินสมรรถภาพนักเรียนมาตรฐานสากลที่เขาเรียกพิซ่า PISA ซึ่งประเมินนักเรียนอายุ 15 ปีซึ่งเป็นวัยที่จบการศึกษาภาคบังคับจากทั่วโลก จะพบว่าเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว การประเมินคุณภาพการศึกษาของไทยในอาเซียนไทยอยู่ในอันดับสุดท้ายหรือเมื่อไรก็ตามที่มีการประเมินคุณภาพการศึกษาไทยทุกทุกครั้งไทยจะอยู่อันดับท้ายๆ ตลอดเลย

ท่านผู้ชมครับ เขาจะประเมินสามด้านคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ การอ่าน โดยทำการประเมินทุกสามปีเมื่อเทียบกับกลุ่มตัวอย่างเด็กไทยกับกลุ่มตัวอย่างเด็กทั่วโลก 600,000 คน เขาประเมินหมดเลยทั่วโลกเด็กไทยจะอยู่ในโซนข้างล่าง กล่าวคือจากการประเมินล่าสุดพบว่าเด็กไทยได้คะแนนดังนี้คณิตศาสตร์ได้คะแนนเฉลี่ย 419 คะแนน คิดเป็นอันดับ 57 ใน 78 ประเทศ อันดับล่างละ วิทยาศาสตร์คะแนนเฉลี่ย 426 คะแนน ได้อันดับ 53 จาก 78 ประเทศ ด้านการอ่านได้คะแนน 393 อันดับที่หก 66 จาก 77 ประเทศเกือบบ๊วย


มีข้อคิดว่าอันดับการอ่านของเด็กไทยยิ่งตกต่ำลงไปเรื่อยๆ พอมาถึงระดับอุดมศึกษาก็เกิดปรากฏการณ์ที่อาจารย์มหาวิทยาลัย คือการลอกผลงานการทำงานวิจัยการจ้างทำงานวิจัย จ้างทำวิทยานิพนธ์ เขียนวิทยานิพนธ์มั่วๆ ซั่วๆ ตั้งแต่ระดับปริญญาตรีไปจนถึงปริญญาเอก

อย่างกรณีของวิทยานิพนธ์ลวงโลกของนายณัฐพล ใจจริง ที่ผมเคยพูดมาการเมืองไทยสมัยจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา พ.ศ. 2491 - พ.ศ. 2500 ซึ่งเป็นวิทยานิพนธ์ระดับดุษฎีบัณฑิต รัฐศาสตร์มีจุดผิดพลาดมหันต์เต็มไปหมด แต่กลับผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ และบัณฑิตวิทยาลัยจุฬา


นอกจากนั้นยังมีการจ้างทำงานผลงานทางวิชาการเพื่อขอตำแหน่ง กลับกลายเป็นว่าท่านผู้ชมครับ ทุกอย่างจ้างได้หมดสะท้อนให้เห็นถึงแนวความคิดการทำธุรกิจทางการศึกษาซึ่งในทางวิชาการจะสะท้อนว่าเมื่อเงินซื้อได้ทุกอย่างคุณภาพการศึกษาคุณภาพการวิชาการของคุณย่อมไม่มี และเมื่อไม่มีคุณภาพก็ไม่สามารถจะไปสอนคนอื่นให้มีคุณภาพได้ ท่านผู้ชมครับทั้งนี้ทั้งนั้นจุดเริ่มต้นของการคอร์รัปชัน และความชิบหายทั้งปวงคือการผลประโยชน์เรื่องการเมืองในมหาวิทยาลัยต่างๆเริ่มตั้งแต่การสรรหาอธิการบดีกับคณะผู้บริหารตอบมาด้วยกรรมการสภามหาวิทยาลัยที่เป็นผู้กำกับดูแลกำหนดนโยบายทุกคนใช้สารพัดเล่ห์อุบายเพื่อให้พวกของตนชนะทำให้เกิดการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ตักตวงผลประโยชน์เลี้ยงพวกวางเครือข่ายหักหลังกลั่นแกล้งเอาคืนกันไปมา

ท่านผู้ชมครับในระดับอุดมศึกษาหรือมหาวิทยาลัยยังมีการทุจริตคอร์รัปชันของบุคลากร ครูอาจารย์หลายรูปแบบที่ถือว่าเป็นการทำลายคุณภาพการศึกษาของไทยทำนายอนาคตของลูกหลานที่เราเองยังนึกไม่ถึงว่า เฮ้ยมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ท่านผู้ชมครับความล่มสลายของระบบการศึกษาบ้านเรา จากการคอร์รัปชันไประบบเป็นเครือข่ายนั้นนี่ส่วนหนึ่งของรัฐที่ล้มเหลวก็คือรัฐไทยนั่นเอง


ท่านผู้ชมครับอาทิตย์นี้ วันอาทิตย์ที่ 7 พฤศจิกา พ.ศ. 2564 เป็นวันเกิดของผมซึ่งไม่มีความลับอีกต่อไปเพราะว่า ส่วนใหญ่แล้วจะรู้กันทั่วโดยเฉพาะ FC ผม ปกติแล้วทุกๆ วันเกิดจะมีการจัดเลี้ยง มีคนเอาร้านก๋วยเตี๋ยวมาออก มีคนเอาไอติมมาออกมีพันธมิตรหรือ FC หลายคนที่อยู่ต่างจังหวัดก็ขนขนมครกมา ท่านพระอาจารย์สุชิน วัดธรรมสถิตย์ ก็เอาขนมครกจากระยองมาปีนี้ไม่มีครับท่านผู้ชมวันอาทิตย์และผมไม่จัดงานใดทั้งสิ้นและผมก็จะไม่อยู่เพราะว่าผมจะไปปฏิบัติธรรม เพราะว่าช่วงนี้ยังถือว่าไม่ควรเข้ามาสังสรรค์หรือใกล้ชิดกัน เนื่องจากการระบาดของโควิดยังไม่จบสิ้นเราต้องรักษาระยะห่างและระมัดระวังตัวพวกเราเองให้ดี เพราะฉะนั้นแล้วขอแจ้งให้ทราบอย่างเป็นทางการ FC หลายท่านที่เคยมาทุกๆ วันเกิดผม จะมาอวยพรวันเกิดหรือเอาขนมนมเนยมาให้ผม หรือเอากระเช้าดอกไม้มาให้ผม หรือเอากระเช้าผลไม้มาให้ผม ปีนี้ไม่มีครับ แค่ระลึกถึงวันเกิดผมได้ก็ดีใจแล้วท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมครับก่อนจะจากกันไปก็คืออาทิตย์หน้าจะมีเรื่องสำคัญมากคือเรื่องพม่าที่ผมเคยรับปากท่านผู้ชมเอาไว้แล้ว ข้อมูลทางพม่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับพม่าท่านผู้ชมจะไม่เคยได้รับฟังจากที่ไหนมาก่อน และถ้าได้ฟังแล้วท่านผู้ชมไม่ต้องไปฟังใครอีกต่อไปเรื่องพม่า แล้วยังมีแถมเรื่องของการอัปเดตการก่อสร้างสถานกงสุลสหรัฐอเมริกาในจังหวัดเชียงใหม่ด้วย สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น