xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ]SONDHI TALK : สนธิมองการเมือง เรื่อง "ผีกระสือ" กับ "ผีหัวขาด"

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 22 ต.ค.64 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยเรื่องที่ได้เล่าในวันนี้ เริ่มจากการไว้อาลัยต่อการจากไปของ อ๊อด คีรีบูน หรือ รรณชัย ถมยาปริวัฒน์ ศิลปินนักร้องชื่อดังผู้เข้าถึงธรรมะและผันตัวมาเป็นศิษย์วัดป่าบ้านตาด  เรื่องน่าตื่นตระหนกกรณีเจ้าของบัตรเครดิตและบัตรเดบิตถูกหักเงินโดยไม่รู้ตัว การบริหารจัดการน้ำท่วมที่ผ่านมา 10 ปีไม่มีอะไรดีขึ้น การแข่งขันด้านปัญญาประดิษฐ์ หรือ Ai ที่สหรัฐอเมริกาแพ้จีนอย่างราบคาบ และเรื่องสุดท้าย สัญญาณการเลือกตั้งมาเเล้ว จริงหรือ? หลายคนสอบถามกันมา อยากฟังเรื่องการเมือง ซึ่ง กลุ่มต่างๆ เริ่มขยับกันเเล้วพอเห็นเป็นรูปเป็นร่าง ทั้งคนเเดนไกลเเละคนในประเทศ ความขัดเเย้งก็ยังคงมีอยู่ให้เห็นตลอด ใครคือผีกระสือ ใครคือผีหัวขาด ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.108



คำต่อคำ SONDHI TALK [22 ต.ค. 64] : "มองการเมืองกับสนธิ เรื่อง ผีกระสือ กับ ผีหัวขาด"

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เมื่อวานนี้เป็นวันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม เป็นวันออกพรรษา แล้วประเดี๋ยวจบรายการนี้ปั๊บ ผมจะออกเดินทางไปที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี แล้วก็ต่อไปที่ จ.เลย วัดป่าภูแปก ญาณสัมปันโน แล้วก็มีโปรแกรมที่จะไปไหว้พระธาตุพนมต่อ

ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้ตอนก่อนเปิดรายการ ท่านผู้ชมคงได้ฟังเพลงชื่อ เพลง "เพื่อแผ่นดินไทย" เพลงๆ นี้เป็นเพลงที่แต่งและขับร้องโดยคุณอ๊อด คีรีบูน รณชัย ถมยาปริวัฒน์ ก่อนเสียชีวิต คุณอ๊อด แต่งเพลงนี้ให้กับพวกเรา คนที่้รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ด้วยกันทุกคน ยังไม่ได้ออกอากาศที่ไหนเลยแม้แต่นิดเดียว สดๆ มาก รายการนี้ ทีมงานผมตั้งใจจะเอาเพลงนี้ขึ้นมาโพสต์ในเฟซบุ๊ก แล้วก็ให้ท่านผู้ชมได้ฟังกัน ดาวน์โหลดกันไป

เงินทำบุญที่เราได้มาในขณะนี้ เราก็แบ่งไปหลายวัด ก็มีทั้งคนที่มีจิตศรัทธาร่วมอนุโมทนาบุญกันเยอะมาก โดยหลักๆ แล้วผมก็แจ้งไปทางวัดว่า ถ้าเป็นส่วนตัวของบริษัทผม ก็ระบุไปว่าให้ทำใบอนุโมทนาบัตรออกมา แต่ว่าสำหรับพวกเราที่ร่วมกันทำบุญนั้น ผมบอกว่าเป็นเพื่อนและแฟนพันธุ์แท้ของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เป็นผู้ที่บริจาคในการทำบุญ ก็คือว่าทุกๆ ท่านที่ร่วมทำบุญ ก็จะได้กุศลผลบุญกันทุกคน ขออนุโมทนาด้วยนะครับ

เผอิญมีอีกส่วนหนึ่งที่ผมจะเก็บเอาไว้ และผมจะเอาไปทำบุญวัด วันที่ 14 พฤศจิกายน วันอาทิตย์ เดือนหน้านะครับ เนื่องจากว่ามีวัดๆ หนึ่งที่ จ.กำแพงเพชร อ.เมือง ชื่อวัดป่าดอยลับงา ต.ขุนราม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งพ่อแม่ครูอาจารย์ผม พระอาจารย์นพดล ท่านเป็นเจ้าอาวาส ความผูกพันก็คือ ท่านเป็นพระพี่เลี้ยงผม สมัยที่ผมบวชอยู่ที่วัดป่าบ้านตาด และผมก็ออกเดินทางไปแสดงธรรมเทศนาตามจังหวัดต่างๆ เพชรบุรีบ้าง ไปแม้กระทั่งสมุย ไปวัดแหลมสอ ที่เกาะสมุย พระอาจารย์นพดล พระพี่เลี้ยง ท่านก็ไปพร้อมกับผม แล้วตอนหลังท่านก็ออกมาสร้างวัดโดยหลวงตามหาบัว ท่านเป็นคนสนับสนุนให้ออกมา หลวงพ่อนพดล ก็เลยสร้างเจดีย์ของหลวงตามหาบัว ขึ้นมา ที่วัดป่าดอยลับงา ท่านให้วางศิลาฤกษ์เมื่อ 2 ปีก่อน เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2562 ซึ่งก็เป็นช่วงที่ผมเพิ่งจะออกจากเรือนจำ ผมออกจากเรือนจำวันที่ 4 กันยายน 2562 ธันวาคม ผมก็ไปร่วมพิธีวางศิลาฤกษ์ ชื่อเจดีย์พระธรรมวิสุทธิมงคล มาแล้ว


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เราได้มีการแจกฟ้าทะลายโจรเหมือนเดิม ช่วงวันที่ 15-21 ตุลาคม 2564 สัปดาห์นี้เราแจกไปแล้ว 4 แสนกระปุก 32 (ล้านแคปซูล) ไม่ใช่น้อยๆ นะครับท่านผู้ชม ช่วยชีวิตคนไปมากมายมหาศาล อาทิตย์ที่แล้วเราแจกไปที่วัดป่าบ้านตาด 7,000 กระปุก วัดป่าวังศิลา 5,000 กระปุก กองบังคับการตำรวจภูธร จ.สกลนคร 3,000 กระปุก มูลนิธิพุทธคยาอินเดีย 1,500 กระปุก ที่กำแพงแสนอีก 1,000 กระปุก อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี 500 กระปุก


ท่านผู้ชมอย่าเพิ่งประมาทนะครับ ไม่ใช่ว่าฉีดวัคซีนไปแล้ว 2 เข็ม แล้วท่านจะมาบอกว่าฉีดแล้ว 2 เข็ม จบ ไม่จบครับ เพราะว่ายังมีคนที่ฉีดแล้วก็ติดอยู่ ล่าสุดนั้น เพื่อเป็นการเตือนสติพวกเรา ข้อมูลก็คืออย่างที่ผมเคยพูดให้ฟังแล้ว ผมพูดซ้ำอีกทีก็ได้

สิงคโปร์ฉีดไปแล้ว 2 เข็ม ให้กับประชากร 82 เปอร์เซ็นต์ ปรากฏว่ามีคนติดเชื้อเพิ่มเติมหลังจากฉีกแล้วอีกมากมาย จนกระทั่งสิงคโปร์ต้องประกาศล็อกดาวน์อีกครั้งหนึ่ง ฉะนั้นคนในสิงคโปร์ตอนนี้ก็ Work From Home นักเรียนก็กลับไปเรียนออนไลน์ แม้กระทั่งประเทศอย่างอังกฤษ สหราชอาณาจักร ยอดเชื้อพุ่งขึ้นสูงมากๆ แล้วก็สังเกตดู มีคลัสเตอร์เกิดขึ้นเยอะแยะไปหมดในประเทศไทย คลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นที่เชียงใหม่หลายคลัสเตอร์ แล้วก็ภูทับเบิก ที่คนนิยมไปท่องเที่ยว ปรากฏว่าคนติดเชื้อไปหลักร้อยเลย เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ อย่าประมาท จริงอยู่ ฉีดแล้ว 2 เข็ม แต่ไม่ได้แปลว่าจะป้องกันได้ เราต้องระวัง เพราะว่าในที่สุดแล้ว ถ้าเรายังใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวัง ผมเห็นใจว่าประเทศต้องเปิด ต้องคลายล็อกดาวน์ คนต้องทำมาหากิน แต่จะทำอะไรก็ตาม พวกเราต้องมีสติ ที่ชุมชนเยอะๆ ห้างสรรพสินค้าที่คนเดินกันแน่นๆ ถ้าไม่จำเป็นอย่าไปเลย เชื่อผมเถอะครับ ร้านอาหาร ถ้าไปก็ไปร้านที่คนนั่งน้อยๆ ไม่ใช่ว่า เออ อยากกินร้านนี้จัง เข้าคิวกันยาวเหยียดเลย เข้าไปนั่งกันแน่นเอี้ยดเลย นั่นอันตราย ท่านผู้ชมอย่าประมาทเป็นอันขาด แล้วอีกไม่นานผมจะมีข้อเสนอแนะ วิธีสร้างภูมิคุ้มกันให้ท่านผู้ชมได้รับทราบว่าคนเราจะสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างไร มันมีอาหารเสริมบางประเภท ซึ่งผมจะเล่าให้ฟังทีหลังว่าได้ผลชะงัดเลยในการสร้างภูมิคุ้มกัน

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้ผมมีเรื่องที่จะคุยบางเรื่อง อย่างเช่น เรื่องการเสียชีวิตของคุณอ๊อด คีรีบูน หรือคุณรณชัย ถมยาปริวัฒน์ ผมเอาประวัติชีวิตของอ๊อด คีรีบูน ซึ่งเป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมอย่างสูง ที่ใช้ธรรมนำหน้า ประวัติชีวิตของคุณอ๊อด คีรีบูน เป็นประวัติชีวิตที่น่าศึกษา น่าสนใจ แล้วผมก็ภูมิใจที่ผมมีน้องชายอย่างคุณอ๊อด คีรีบูน ผมเคยพูดในรายการ คนมาสัมภาษณ์ผม ผมบอก อ๊อด คีรีบูน เป็นคนดีในหมู่คนดี

เรื่องที่สอง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีการดูดเงิน โกงเงิน ผ่านระบบออนไลน์หลายหมื่นคน ผมจะเอาเรื่องนี้มาวิเคราะห์ให้ท่านผู้ชมได้ฟัง และผมก็มีมิติมุมมอง ข้อคิดหลายอย่าง

เรื่องที่สาม เป็นเรื่องต่างประเทศ แต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเปลี่ยนแปลงของโลกนี้ คือมันเริ่มมีสงครามไซเบอร์ ในเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ท่านผู้ชมครับ ที่ผมต้องมาพูด เพราะว่าจู่ๆ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐอเมริกา ออกมายอมรับแล้วว่า ในเรื่องของปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) นั้น สหรัฐอเมริกาแพ้จีนอย่างราบคาบเลย นัยของ AI หรือปัญญาประดิษฐ์ จะมีผลต่อโลกเราอย่างไร ? ผมจะอธิบายให้ฟังอย่างละเอียด

เรื่องที่สี่ เป็นเรื่องที่ผมเองก็หงุดหงิดใจมานานแล้ว ท่านผู้ชมก็คงจะหงุดหงิดใจมานานแล้ว น้ำท่วมประเทศไทย จากมหาอุทกภัยในปี 2554 ถึง 2564 ระยะเวลา 10 ปีนั้น พวกนักการเมืองไทย หรือผู้บริหารประเทศไทย ได้ทำอะไรกันไปบ้าง ? เดี๋ยวผมจะเอาอะไรบางอย่างมาฟ้องท่านผู้ชม ท่านผู้ชมจะได้จำเอาไว้ว่าเรา ในขณะนี้ ชีวิตคนไทยมาจนถึงทุกวันนี้ ผมมีบทสรุปอย่างเดียวว่า จะรอรัฐมาช่วยไม่ได้หรอก เราต้องช่วยตัวเราเอง เราพึ่งพาอะไรไม่ได้

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องที่ท่านผู้ชมหลายท่าน inbox มาถามผมในเรื่องของการเมืองเมืองไทยในขณะนี้ว่าเป็นอย่างไร ผมก็เลยอธิบายป่าทั้งป่าให้ฟังว่าการเมืองไทยมันเป็นอย่างไรบ้าง ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ว่า ในขณะนี้มันเป็นกระบวนการของ ผีหัวขาด กับ ผีกระสือ แล้วผีหัวขาดคือใคร ? อะไร กลุ่มไหน คือผีหัวขาด ? แล้วใครบ้างที่เป็นกระสือ ? ท่านผู้ชมคอยติดตามเรื่องนี้ต่อไปก็แล้วกันนะครับ


อาทิตย์ที่แล้วเป็นอาทิตย์ที่ผมเศร้าโศกสลดอย่างมาก ไม่ได้น้อยกว่าการเสียชีวิตของน้องชายอันเป็นที่รักของผม 2 คน คนหนึ่งคือคุณตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง อีกคนหนึ่งคือ คุณเติมศักดิ์ จารุปราณ คนที่รักผม เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2564 วันจันทร์ที่ผ่านมา ผมเดินทางไปงานศพ งานสวดพระอภิธรรมศพคุณอ๊อด คีรีบูน หรือคุณรณชัย ถมยาปริวัฒน์ ที่วัดเขมาภิรตารามราชวรวิหาร จ.นนทบุรี ท่านผู้ชมครับ อ๊อด คีรีบูน เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในสมอง เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม ที่โรงพยาบาล อายุแค่ 57 ปี การจากไปของ อ๊อด คีรีบูน นั้น เป็นศิลปินนักร้องระดับตำนานของวงการเพลงไทยยุค 80 ถือว่าเป็นความสูญเสียของ Role model ที่ยิ่งใหญ่ของวงการ คนทั่วประเทศ ศิลปิน นักร้อง นักแสดงทั้งวงการ รู้จักอ๊อดดีในฐานะศิลปินที่มีความสามารถ และมีชื่อเสียงอย่างยาวนาน ที่สำคัญ ทุกคนยอมรับว่า อ๊อด คีรีบูน เป็นคนดีมากๆ สำหรับผมแล้ว อ๊อด คีรีบูน เป็นคนดีในบรรดาคนดีทั้งหลาย

ผมเองรู้จักอ๊อด ในฐานะเป็นญาติมิตรทางธรรม เราทั้งคู่เป็นลูกศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์เดียวกัน คือองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อ๊อด คีรีบูน เคยให้สัมภาษณ์พูดถึงผมเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2559 หลังจากที่ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกผม 20 ปี กรณีผิด พ.ร.บ.ตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่ได้เรียกประชุมผู้ถือหุ้นในการค้ำประกันธุรกรรมทางการเงิน โดยเอาบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ ไปค้ำประกันบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ


อ๊อด บอกว่า "ขอตอบเลยว่า ธรรมะจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์พระสายวัดป่า กับผู้ชายที่ชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล นี่แหละที่ทำให้ชีวิตและมุมความคิดของผมเปลี่ยน และตัดสินใจเข้าร่วมการชุมนุมของพันธมิตรฯ" อ๊อด บอกว่า "พี่สนธิ จิตใจท่านเหมือนพ่อแม่ครูอาจารย์เลยนะ เป็นเพียงแต่อยู่ในคราบของฆราวาส" อ๊อด ยังพูดต่อว่า "มีคนถามว่าไม่กลัวว่าจะเสียชื่อเสียงจากการที่ออกมาเลือกข้างบ้างหรือ ?" อ๊อด บอกว่า "ชื่อเสียง เกียรติยศ สรรเสริญ มันไม่เป็นอนิจจังหรอกหรือ มันไม่เที่ยงนี่ จะไปห่วงอะไร ขอให้ห่วงแต่ว่าเกิดมาชาตินี้เคยเสียสละ ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ ให้กับส่วนรวมบ้างดีกว่า นี่ไม่ได้ตอบเอาเท่นะ เอาจริง" อ๊อด เขาพูดถึงผมต่อก่อนจะจบ ว่า "พี่เขาเสียสละเพื่อคนทั้งประเทศเลยนะ ถึงขนาดยอมตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง มันได้ถูกพิสูจน์แล้วนี่ว่าตายเป็นตายจากปากกระบอกปืนที่ใช้ในสงครามกว่า 200 นัด พร้อมระเบิด M79 ที่ถล่มใส่รถพี่เขา แต่ก็เดชะบุญ พี่เขารอดมาได้ ส่วนเจ๊งเป็นเจ๊ง ทุกคนที่เคยติดตาม ASTV อยู่ ได้เห็นกับตาจนทุกวันนี้"

อ๊อด เป็นศิลปินที่มีน้อยมากเลยที่ใช้ธรรมนำชีวิตตัวจริงเสียงจริง คำพูดของอ๊อด ที่บอกว่า "ชื่อเสียง เกียรติยศ สรรเสริญ มันไม่เป็นอนิจจังหรอกหรือ มันไม่เที่ยงนี่ จะไปห่วงอะไร ขอให้ห่วงแต่ว่าเกิดมาชาตินี้เคยเสียสละ ทำประโยชน์อะไรให้กับประเทศชาติ ให้กับส่วนรวมบ้างดีกว่า" คุณอ๊อด ไม่ได้พูดเพื่อเอาเท่ ท่านผู้ชม ถ้าเราไปศึกษาประวัติ เส้นทางชีวิตของอ๊อด ในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การเป็นศิลปิน การมีชื่อเสียงโด่งดัง ชีวิตครอบครัว ภรรยา ลูกสาว การศึกษาธรรมะ รวมไปถึงการเสียสละและทำประโยชน์เพื่อสังคม วันนี้พิสูจน์แล้วว่า อ๊อด เป็นตำนานศิลปินที่ใช้ธรรมนำหน้าในการดำเนินชีวิตจริงๆ

ท่านผู้ชมครับ คนอายุ 57 ปี เกิดเมื่อปี 2507 พ่อเป็นชาวบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา แม่เป็นคน จ.ชัยภูมิ มีพี่น้อง 4 คน อ๊อด เป็นลูกคนสุดท้อง ย้ายเข้ามาอยู่ในกรุงเทพฯ เรียนที่โรงเรียนเชิงหวาย บางซ่อน กรุงเทพฯ สภาพโรงเรียนเป็นโรงเรียนวัด ก็มีการชกต่อยกัน อ๊อด เล่าให้ฟังว่า ได้ผ่านเหตุการณ์มาทุกเหตุการณ์ ชกต่อยกันทุกเย็น จนกระทั่งวันหนึ่งมีเพื่อนๆ ที่อยู่ในชั้น รุ่นพี่ด้วย มาชวนไปขอเครื่องรางของขลัง ตะกรุดต่างๆ อ๊อด เกือบจะไปแล้ว อ๊อดเล่าให้ฟังว่า แต่เผอิญคืนนั้นนอนอยู่ แล้วอ๊อด ถามแม่ว่า แม่ ถ้าผมใส่ตะกรุดและเครื่องราง แล้วโดนรถชน จะรอดไหม ? แม่ก็บอกว่า มันจะรอดอะไร มันก็ขาหักสิ กระดูกแตก หรือไม่ก็ตาย อ๊อด ยังไม่เข้าใจ ยังถามต่อ แล้วถ้าผมกระโดดจากตึกลงมาข้างล่างล่ะ ? แม่ก็ตอบว่า กะโหลกแตก ตายแน่นอน อ๊อด เลยพูดให้ฟังว่า ได้ยินแม่พูดอย่างนั้น ปัญญามันเกิดทันที อ๊อด ก็ตัดสินใจว่าวันรุ่งขึ้นที่จะไปขอตะกรุดลงยันต์กับเพื่อนนั้น ไม่ไป ไม่เอาแล้ว อ๊อด เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา วัย 12 (ตอนนั้นเพิ่ง 12 ขวบเอง) ก็เริ่มเชื่อในสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผล คิดถึงเหตุและผลก่อนจะเชื่อเรื่องไหน ประจวบกับมีอาจารย์สอนศิลปะท่านหนึ่ง เป็นลูกศิษย์ของพระสายวัดป่า ชักชวนไปงานบุญ ชีวิตของอ๊อด ก็เลยได้มาสัมผัสกับพระสงฆ์สายวัดป่าโดยปริยาย


อ๊อด ไปเที่ยวที่ จ.ระยอง แล้วก็ไปยังวัดธรรมสถิต ซึ่งปัจจุบันหลวงพ่อ พระอาจารย์ชิน (สมุห์สุชิน) ท่านเป็นเจ้าอาวาสอยู่ หลังจากนั้นแล้ว อ๊อด รณชัย ก็เข้าไปศึกษาต่อที่โรงเรียนศีลาจารพิพัฒน์ จนจบ มศ.3 สอบเข้าวิทยาลัยเกษตรกรรมเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ขุดดิน ทำแปลงเกษตร เลี้ยงหมู ไป 1 ปี พอขึ้นปี 2 พบว่าไม่ใช่แนวทางที่ชอบ ก็เลยไปสอบเอนทรานซ์ใหม่ เข้าได้ที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระหว่างนั้นอ๊อด ทำงานไปด้วย ทำงานเพลงไปด้วย ให้กับค่ายเพลง RS SOUND ของเฮียจั๊ว เกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์ และเฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ RS SOUND

ยุคของอ๊อด คือยุคของชมพู ฟรุตตี้ อ๊อด บรั่นดี ในขณะที่ค่ายแกรมมี่ก็มี สาว สาว สาว, McINTOSH และ ดิ อินโนเซนส์


วันนี้ผมต้องเอาประวัติอ๊อด มาเล่าให้ฟัง เพราะว่าประวัติของเขาเป็นประวัติที่น่าทึ่งมาก อ๊อด บอกว่า ชีวิต 1 ปี ในมหาวิทยาลัยของผมตอนนั้นมาพร้อมกับชื่อเสียงในฐานะนักร้อง เพราะเริ่มเข้าห้องอัดทำอัลบัมเรียบร้อยแล้ว จากผู้ชายธรรมดาคนหนึ่ง ผมได้เห็นว่าความดังมันเป็นอย่างไร และอ๊อด บอกว่า ความดังแทบจะทำให้ผมขาดใจตายเลย

สี่ปีที่อ๊อด อยู่ที่จุฬาฯ ทำงานหนัก เรียนหนัก ทุกสัปดาห์ไปทัวร์คอนเสิร์ตตามต่างจังหวัด ออกรายการตามสถานีวิทยุ ให้สัมภาษณ์ดึกดื่นเที่ยงคืน กลับถึงบ้าน เช้าต้องไปเรียนต่อ วนเวียนอย่างนี้จนกระทั่งเขาสำเร็จการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ ในช่วงนั้น ในยุคดนตรี 80 วงคีรีบูน ที่อ๊อด เป็นหัวหน้าและนักร้องนำ ทีมของอ๊อด เขาเรียกว่าทีมแจ๊กผู้ฆ่ายักษ์ ใครคือแจ๊ก ? ใครคือยักษ์ ?


ตอนนั้นอ๊อด มีเพลงกับ RS 5 ชุด คือ 2526 ชุด "หากรัก" 2527 "รอวันฉันรักเธอ" ชุด 2528 "เพื่อน" ชุด 2529 "เพียงก่อนนั้น" และ "อ๊อด อิน ยูเอสเอ" อ๊อด มีเพลงที่โด่งดังมาก เช่น หากรัก รอวันฉันรักเธอ ลาสาวแม่กลอง อดีตรักยามเย็น ปลูกรัก

2530 (34 ปีที่แล้ว) อ๊อด ได้ออกอัลบัมที่ 5 อัลบัมสุดท้ายจากลา ชื่อว่า "ตลอดกาล" หลังจากนั้นวงคีรีบูน ก็แตกไป อ๊อด มีความสามารถด้านการแสดงด้วย เล่นภาพยนตร์เรื่อง "ความรักของคุณฉุย" คู่กับนก-รัชนก พูลผลิน


ที่มีฉายาว่า "แจ๊กผู้ฆ่ายักษ์" นั้น เกิดขึ้นกับวงคีรีบูน เพราะก่อนนั้นตลาดเพลงเป็นของวงสตริงคอมโบ้รุ่นพี่ เช่น ดิ อิมพอสซิเบิ้ล วงชาตรี วงอิสซึ่น วงแกรนด์เอ็กซ์ ที่ครองใจวัยรุ่นในยุคนั้น แต่ท่านผู้ชมครับ หลังจากอัลบัมงานเพลงชุดที่ 2 "รอวันฉันรักเธอ" ของวงคีรีบูน ออกมา ทำให้ยอดขายถล่มทลายหลายล้านตลับในปี 2527 ท่านผู้ชมครับ 37 ปีที่แล้ว อัลบัมออกมา ขายได้หลายล้านตลับ ไม่ใช่เรื่องเล็กนะท่านผู้ชม ยี่ปั๊วแห่เข้าคิวหน้าบริษัทตั้งแต่ตี 4 เพื่อจะแย่งซื้อเทปชุดนี้


อ๊อด เขาเล่าให้ฟังนะครับ ด้วยน้ำเสียงที่ปกติธรรมดา ไม่มีความรู้สึกที่ขมขื่น นี่คือคนที่เอาธรรมนำหน้า บอกว่า ผลประโยชน์ที่ได้รับจากต้นสังกัดคือ RS นั้น น้อยมาก ได้รับเงินเป็นเบี้ยหัวแตก เบิกที 4,000-5,000 บาท (คนขายเทปได้หลายล้านตลับแต่เบิกได้ทีละ 4,000-5,000 ก็สะท้อนให้เห็นแล้วนะครับว่าเจ้าของค่ายเพลงนั้นเป็นอย่างไร ใจเป็นทะเลใช่ไหม ท่านผู้ชม) ซึ่งไม่พอสำหรับความเป็นศิลปิน เพราะอ๊อด เขามีภาษีสังคมมาก ทั้งงานผ้าป่า งานบวช งานแต่ง ถ้าใส่ซองน้อย คนก็คิดว่า โอ้โห อ๊อด คีรีบูน ใส่ซองแค่นี้เองหรือ แต่อ๊อด ก็ไม่เคยเรียกร้องจากบริษัทเพิ่ม เพราะถือว่ารับปากไว้ ก็ทำตามนั้น

ท่านผู้ชมครับ จุดเปลี่ยนของอ๊อด คืออะไร ? จุดเปลี่ยนอยู่ที่ว่า ถึงแม้อ๊อด จะดัง แต่เขาระลึกเสมอว่าเขาเป็นหนี้บุญคุณของพระพุทธศาสนา อ๊อด บอกว่า แม้ว่ามีชื่อเสียงแล้ว ผมก็ยังไปดูแลรับใช้ครูบาอาจารย์สายวัดป่าเหมือนเดิม ผมขนอิฐ ขนปูน สร้างวัดในที่ไกลๆ แห้งแล้ง บางสัปดาห์ที่ไม่มีทัวร์คอนเสิร์ตผมกับครูบาอาจารย์ก็จะขับรถไปส่งเสบียงให้กับพระที่ปฏิบัติอยู่ตามถ้ำ อย่างเช่น ป่าละอู แถวหัวหิน ท่านให้ช่วยงานอะไร ผมก็ช่วยหมดทุกอย่าง และส่วนใหญ่ก็เป็นงานหนักที่ต้องใช้แรง ใช้การเสียสละ ต้องฝืนตัวเองเพราะไม่ใช่งานสนุก แต่เป็นสิ่งที่ต้องทำ


อ๊อด พูดต่อ ผมคิดว่าตัวเองเป็นหนี้บุญคุณพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาทำให้ผมเปลี่ยนจากคนในอดีตมาเป็นคนอีกคนหนึ่ง จากคนที่คิดไม่เป็น ให้คิดเป็น ระลึกอยู่เสมอว่าตัวเองเป็นหนี้บุญคุณพระพุทธศาสนา เพราะความรู้ความเข้าใจที่ได้รับจากครูบาอาจารย์ทำให้ผมเปลี่ยนเป็นคนที่รู้จักคิด รู้จักเชื่ออย่างมีเหตุผล

สิ่งที่อ๊อด พูดนี้ มันสะเทือนใจคนไทยมาก เพราะคนไทยมีอยู่มากที่ไม่เชื่ออย่างมีเหตุผล และยิ่งช่วงหลังๆ เชื่อตามโซเชียลมีเดีย ไม่ใช้หลักปฏิจจสมุปบาท อิทัปปัจจยตา ว่า เมื่อมันมีสิ่งนี้ สิ่งนี้ถึงจะเกิดขึ้น


อ๊อด เคยได้รับงานรับใช้พ่อแม่ครูอาจารย์ แล้วมีบทเรียนทางธรรมสอนอ๊อด อ๊อด มาเล่าให้ฟัง ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ผมต้องถ่ายทอดให้ท่านผู้ชมฟังว่าคนอย่างอ๊อด เป็นคนอย่างไร

มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อแม่ครูอาจารย์ให้ไปเอาของที่ต้องเดินข้ามเขา ที่สำคัญต้องเดินผ่านป่าช้า อ๊อด กลัวมาก พอกลับมาถึงก็บอกว่า ผีอยู่ในป่าช้าครับ แล้วพ่อแม่ครูอาจารย์ก็ถามอ๊อด ว่า แล้วตัวเราน่ะ (คือตัวอ๊อด) มีป่าช้าไหม ? อ๊อด บอกว่า เมื่อเจอคำถามนี้ ผมเป็นเด็ก ก็งงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจว่าตัวเราจะมีป่าช้าได้อย่างไร พ่อแม่ครูอาจารย์ก็เลยสอน ท่านผู้ชมครับ อันนี้เป็นสัจธรรมซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิด ท่านผู้ชมต้องจำเอาไว้ "ตัวเรา (คือตัวพวกเรานี่ล่ะ ท่านผู้ชม ตัวผม หลายๆ ท่าน) นี่แหละเป็นป่าช้า มีทั้งผีเป็ด ผีไก่ ผีวัว ผีปลา แล้วจะไปกลัวผีอะไร" ยกเว้นคนที่ทานมังสวิรัติมาตั้งแต่เด็ก เหมือนอย่างอาจารย์ปานเทพ ทุกวันนี้ทานมังสวิรัติ ก็ไม่ต้องมีผีป่าช้าอยู่ในตัว อ๊อด บอก ผมคิดตาม ก็เลยเห็นจริงอย่างท่านว่า


พ่อแม่ครูอาจารย์สอนอ๊อด ต่อ คนกับผีอะไรน่ากลัวกว่ากัน ? คน ไม่ถูกใจก็นำปืนมายิง นำมีดมาฟัน มาแทง เราได้เห็นผีมันทำอะไร เราได้เคยมีข่าวลงหน้าหนังสือพิมพ์ไหมว่าผีฆ่าคน จะมีก็เฉพาะในหนัง อ๊อด ก็เลยสรุปว่า "ผมเห็นจริงด้วยทุกประการ และเริ่มเข้าใจมากขึ้นว่าพระพุทธศาสนาสอนให้เราคิดอย่างเป็นเหตุเผ็นผล ไม่เคยสอนให้เราเชื่ออะไรอย่างงมบาย และด้วยคำสอนของครูบาอาจารย์ ก็ทำให้หลังจากนั้นผมสามารถเผชิญกับปัญหาใหญ่ที่เข้ามาในชีวิต และผ่านพ้นไปได้ แม้ว่าจะต้องเผชิญกับบททดสอบอยู่นานหลายปี"

"โลกธรรม" ของอ๊อด คีรีบูน เป็นอย่างไร ? อ๊อด เขาบอกอย่างนี้ครับ ชีวิตช่วงนั้นของผมเรียกว่าดังถึงขีดสุดก็ว่าได้ เป็นตัวทำเงินให้บริษัท อาร์เอส (อย่าลืมนะครับ บริษัทที่มีใจกว้างดั่งทะเล) แต่ผมกลับไม่รู้สึกยินดีกับความดังนี้เลย อาจจะเป็นเพราะว่าผมใกล้ชิดกับวัดป่าสายกรรมฐาน ได้ซึมซับคำสั่งสอนของท่านมา จึงรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรยึด อย่างท่านบอก "ดีก็บ่ยึด ไม่ดีก็บ่ยึด แต่เอาจิตตามรู้มัน เท่านั้นเอง" หมายความว่าอย่างไร ? หมายความว่า สิ่งไหนมันไม่ดี เราก็รู้ว่ามันไม่ดี อย่าเข้าไปเกี่ยวข้อง เขาชมว่าเป็นนักร้องที่ดังเหลือเกิน เสียงเพราะ เราก็ฟัง รู้ไว้แค่ว่า นั่นคือคำชม แต่ไม่เอาจิตไปรู้สึกขนลุกขนพองด้วยความดีใจกับสิ่งเหล่านั้น

หลังจากนั้นแล้ว ปี 2527 อ๊อด ก็บวช ขณะที่มีชื่อเสียงดังสุดขีดเลย บวชที่สำนักสงฆ์บ้านห้วยปลาหลด จ.ตาก แล้วยังไปเดินธุดงค์ในป่าเป็นเดือน กับพระสายกรรมฐาน ลูกศิษย์สายกรรมฐานของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่แหวน สุจิณโณ หลวงปู่ฟั่น อาจาโร วัดป่าอุดมพร จ.สกลนคร หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี วัดป่าหินหมากเป้ง จ.หนองคาย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี สึกแล้วก็ยังทำหน้าที่รับใช้ส่งเสบียงให้กับพระป่าในสำนักสงฆ์ ในถ้ำป่าละอู่ จ.ประจวบคีรีขันธ์


อ๊อด มีโอกาสสนทนากับพระอาจารย์กุหลาบ ซึ่งเป็นพระสายวัดป่า และคำพูดของพระอาจารย์กุหลาบ มีผลต่อชีวิตอ๊อด มาก "การเป็นนักร้องของอ๊อด ด้านหนึ่งก็ดีนะ ทำให้คนมีความสุข แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้คนหลงนะ" อ๊อด บอกว่าคำพูดนี้มันเหมือนมีดชายธงที่เสียบเข้าไปในหัวใจเลย "ดีนะ ทำให้คนมีความสุข แต่อีกด้านหนึ่งก็ทำให้คนหลง" นั่นคือสร้างกิเลสให้คนอย่างมหาศาล

2531 อ๊อด คิดถึงคำพูดนี้มานาน แล้วอ๊อด ก็ทบทวนโดยการนั่งสมาธิไตร่ตรองถึง 2 วัน ในที่สุดอ๊อด ตัดสินใจฉีกสัญญากับอาร์เอสต่อหน้าผู้บริหาร ส่งผลให้มีคดีความกับต้นสังกัดติดตัว อาร์เอสฟ้องอ๊อด ทั้งเฮียจั๊ว และเฮียฮ้อ สองผู้มีน้ำใจกว้างดั่งทะเล ในขณะที่สมาชิกแต่ละคนในวงคีรีบูน ต่างจบมหาวิทยาลัยหมด แยกย้ายไปตามเส้นทางของแต่ละคน อ๊อด ถูกศาลพิพากษาจำคุก 4 ปี ให้รอลงอาญา 2 ปี เพราะไม่เคยทำผิดมาก่อน

อ๊อด เขาบอกว่า "ชีวิตผมตอนนั้นเหมือนเจอทางตัน ลำบากที่สุดในชีวิตก็ว่าได้ ต้องไปร้องเพลงในผับ ในบาร์ ที่พัทยา เต็มไปด้วยควันบุหรี่ และนักเที่ยวที่พยายามยัดเยียดให้ผมดื่มเหล้ากับเขาให้ได้" มรสุมชีวิตกระหน่ำซ้ำเติมเมื่อพี่ชายของอ๊อด ประสบอุบัติเหตุมอเตอร์ไซค์ล้ม หัวฟาดพื้น ต้องผ่าตัดสมอง มีค่าใช้จ่าย 300,000 บาท อ๊อดทำทุกอย่าง ร้องเพลงตามผับ บาร์ เพื่อหาเงินมารักษาชีวิตพี่ชาย นั่งสมาธิ ตั้งจิตอธิษฐานถึงท่านพ่อเฟื่อง โชติโก เจ้าอาวาสคนแรกของวัดธรรมสถิต จ.ระยอง ที่นับถือ พี่ชายก็รอด แต่สมองเสียหาย อ๊อด บอกว่า "ตอนนั้นผมรู้สึกทุกข์มาก เพราะปัญหาหลายอย่างเข้ามารุมเร้า แต่โชคยังดีที่การรับใช้ครูบาอาจารย์สายวัดป่าทำให้ผมได้รู้จักกับหลวงปู่ไว

หลวงปู่ไวย เป็นอาจารย์หมอ จบแพทย์แผนปัจจุบัน สอนอยู่เมืองนอก แต่กลับมาบวชตลอดชีวิตในเมืองไทย สนใจศึกษายาแผนไทยจริงจัง หลวงปู่ไวย บอกกับอ๊อด ว่า "ยาฝรั่งตามหลังยาไทยอยู่ไม่ต่ำกว่า 80 ปี หลวงปู่ไวย เขียนชื่อยาไทยให้ผมไปซื้อที่ร้านเจ้ากรมเป๋อ ให้พี่ชายกิน สมองค่อยๆ ดีขึ้นจนทุกวันนี้ ถึงแม้จะพูดจาสื่อสารกับเราได้ยาก แต่ก็สามารถดูแลตัวเองได้ทุกอย่าง เพียงแค่นี้ผมก็มีความสุขแล้ว หลังจากพี่หาย ผมตัดสินใจบวช" อ๊อด บวชครั้งหลังสุดนี้ทำให้หัวใจได้สัมผัสกับธรรมะขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อ๊อด บวชครั้งแรกเมื่ออายุ 22 บวชเสร็จก็ตัดสินใจเลิกสัญญากับอาร์เอส อ๊อด บวชครั้งที่ 2 กับหลวงตามหาบัว ขณะที่เขาอายุ 28


ท่านผู้ชมครับ อีกจุดหนึ่งที่ทำให้อ๊อด เปลี่ยนไป คือปาฏิหาริย์จากการทอดผ้าป่าช่วยชาติกับหลวงตามหาบัว อ๊อด ล้มลุกคลุกคลานอยู่ 4-5 ปี ชีวิตก็มีปาฏิหาริย์เมื่อได้ทอดผ้าป่าช่วยชาติกับหลวงตามหาบัว บุญกุศลทำให้ชีวิตดีขึ้น สึกแล้วยังเข้าไปช่วยงานหลวงตามหาบัว ช่วยทำสปอตโฆษณา เป็นโฆษกพูดตามงานต่างๆ ช่วยทำโรงทาน จัดดอกไม้ในงานต่างๆ ยกเครื่องเสียง ตั้งโต๊ะ เต็นท์ อ๊อดบอกว่า ผมทำทุกอย่างด้วยใจ แทบไม่น่าเชื่อ หลังจากนั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี จากที่ไม่มีอะไรเลย ก็เริ่มเห็นแสงสว่างเป็นครั้งแรก


ผมและแม่ของภรรยา ซึ่งเป็นครูมาตลอดชีวิต ร่วมมือกับนักวิชาการทางการศึกษา เพื่อตั้งหลักสูตรที่เรียกว่า "ดนตรีคีรีบูนพัฒนาอัจฉริยภาพ" ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมในวัยอนุบาลด้วยการใช้กระบวนการทางดนตรี เพราะอ๊อด เชื่อว่า อยากจะพัฒนาการศึกษาเด็กไทย คิดว่าดีที่สุดคือต้องเริ่มจากอนุบาล และปฐมวัย


ท่านผู้ชมครับ อ๊อดพูดอย่างนี้ "ผมยังจำคำที่หลวงตามหาบัว พูดได้ดีว่า ใครที่มาช่วยกันในงานผ้าป่าช่วยชาติ ไม่ใช่บุญธรรมดาเลยนะ แต่เป็นมหาบุญมหากุศลจริงๆ เพราะถ้าเราช่วยให้ประเทศชาติรอด พระพุทธศาสนาซึ่งเจริญที่สุดในโลก ที่ประเทศไทย ก็จะอยู่รอดไปด้วย เพราะถ้าตอนนั้นต่างชาติเข้ามา พุทธศาสนาก็อาจจะอ่อนแอ อาจจะไม่มีกฎหมายให้เราลาบวชได้ ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าชาติอยู่รอด พระพุทธศาสนาก็อยู่รอด สถาบันพระมหากษัตริย์ของเราก็อยู่รอดด้วย เท่ากับเป็นการช่วยยกทั้ง 3 สถาบัน" อ๊อด พูดว่า "ด้วยผลบุญกุศลในครั้งนั้นทำให้ทุกวันนี้ชีวิตผมดีขึ้นเรื่้อยๆ แม้ไม่ร่ำรวย แต่ก็อยู่ในจุดที่สามารถดูแลตัวเองได้ ไม่ต้องหันไปมองหญ้าข้างทางเหมือนสมัยก่อนอีกแล้ว"

ผมจะเอารูปที่อ๊อด บำเพ็ญกุศลในวัดป่าบ้านตาด ในงานศพของหลวงตามหาบัว


ท่านผู้ชมครับ นี่คือแสงสว่างจากการสร้างปัญญาให้เด็กรุ่นใหม่ และการตั้งโรงเรียนก็คือการสร้างแสงสว่างทางปัญญาให้เด็กรุ่นใหม่ด้วยดนตรี

อ๊อด คีรีบูน พูดว่า "สำหรับวิชาความรู้ในโลกต่างๆ ที่เราเรียนมันเป็นอวิชชา เศรษฐศาสตร์ที่เรียน ก็เป็นเศรษฐศาสตร์ทางตะวันตก เศรษฐศาสตร์ของการทุน เศรษฐศาสตร์ในการทำให้รวยมากขึ้น เพราะเราเรียนรู้ได้ไม่จบไม่สิ้น" ไม่มีวันจบครับ กิเลส "จะสนองกิเลสได้อย่างไร ตัณหามนุษย์ แต่พระพุทธศาสนาเป็นวิชาที่เรียนรู้แล้วจบแล้วสิ้น จบเพื่อดับกิเลสเรา ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดอีก"

อ๊อด พูดอย่างนี้ครับ "ชาติหน้าฉันใดผมไม่ได้อยากเกิดเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงโด่งดังกว่าที่เคยเป็น แต่ผมขอตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าข้าพเจ้ายังต้องเวียนว่ายตายเกิด ขอให้เกิดมาเป็นคนที่มีสัมมาทิฏฐิประจำดวงจิต เป็นคนมีเหตุมีผล แล้วก็ขอให้เกิดอยู่ในบวรพุทธศาสนา และถ้าเป็นไปได้ ก็ขอให้ข้าพเจ้าได้บวช"

ท่านผู้ชมครับ อ๊อด เสียชีวิตไปด้วยโรคมะเร็ง จริงๆ แล้วอ๊อด เคยเป็นมะเร็ง อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เล่าให้ฟังว่า อ๊อด สมัยก่อนเคยเป็นมะเร็งที่ปอด แต่รักษาตนเองจนไม่พบมะเร็งแล้วถึง 2 ครั้ง โดยในการป่วยครั้งที่ 2 มะเร็งปอด ตับ มาและลุกลามถึงกระดูกสันหลัง ขนาดที่เดินแทบจะไม่ได้ เพราะเกรงกระดูกสันหลังจะหัก อ๊อด ได้แจ้งอาจารย์ปานเทพ ว่า รักษาตนด้วยอาหารสมุนไพรต่างๆ ตำรับยาจากพระสงฆ์ที่อ๊อด เคารพนับถือ ใช้แนวทางธรรมชาติบำบัด จนกระทั่งไม่พบมะเร็งที่กระดูกสันหลังอย่างปาฏิหาริย์ ด้วยความเชื่อมั่นในพระธรรมคำสั่งสอน


หลังจากนั้นสุขภาพของอ๊อด ก็ดีขึ้น นี่อาจารย์ปานเทพ เล่าให้ฟังนะครับ มิหนำซ้ำยังท้าอาจารย์ปานเทพ มาวิ่งแข่งอีกนะ เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองปกติดีแล้ว แต่ในที่สุด 2 ปีที่แล้ว มะเร็งก็ได้กลับมา และในที่สุดแล้วก็สิ้นชีวิตไป

ท่านผู้ชมครับ อ๊อด คีรีบูน เขาทิ้งมรดกไว้อย่างหนึ่ง คือ โรงเรียนคีรีบูน จีเนียส มิวสิค (Keereeboon Genius Music School) คุณอ๊อด คีรีบูน เป็นผู้คิดทำหลักสูตรดนตรีสอนในเด็กเล็ก ตั้งแต่ระดับเตรียมอนุบาล ถึงระดับประถมศึกษา มาประมาณ 20 ปี โดยตั้งชื่อว่า "หลักสูตรดนตรีคีรีบูนเพื่อพัฒนาอัจฉริยภาพ" วิธีการทำของอ๊อด อ๊อด จะส่งครูไปสอนในโรงเรียนต่างๆ ทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด มีเชียงใหม่ อุบลราชธานี ภูเก็ต ปัจจุบันหลักสูตรนี้บรรจุเข้าไปเป็นหนึ่งในวิชาการเรียนรู้ในโรงเรียนถึง 37 โรงเรียน และอ๊อด เปิดโรงเรียนที่ชื่อ คีรีบูน จีเนียส มิวสิค ตั้งอยู่เชิงสะพานพระราม 5 ซอยวัดสังฆทาน มีสอนทั้งเด็กเล็ก จนถึงเด็กโต


โรงเรียน คีรีบูน จีเนียส มิวสิค เกิดขึ้นเมื่อผู้ปกครองเด็ก เมื่อได้เรียนหลักสูตรดนตรีคีรีบูนเพื่อพัฒนาอัจฉริยภาพในโรงเรียน รู้สึกว่าไม่พอ เด็กๆ ชอบมาก อยากให้ลูกหลานเรียนเพิ่มเติม อ๊อด ก็เลยมาตั้งโรงเรียนชื่อ คีรีบูน จีเนียส มิวสิค เมื่อขาดอ๊อดไป ภรรยาและลูกสาวต้องเข้ามาดูแลอย่างเต็มตัว ตอนนี้เพื่อนของอ๊อด ซึ่งเป็นนักร้องนำในวงฟอร์เอฟเวอร์ จะบินกลับมาจากออสเตรเลีย เพื่อมาช่วยสานต่อเจตนารมณ์ที่อ๊อดตั้งเป้าหมายไว้


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่มีลูกหลาน อยากจะส่งลูกเข้ามาเรียน ดนตรี คีรีบูน จีเนียส มิวสิค ใครสนใจลองโทรศัพท์ไปติดต่อที่เบอร์ 0-2526-4970 หรือ 08-1753-1188 หรือเว็บไซต์ www.keereeboon.com ท่านผู้ชมครับ


วันนี้เรื่องของอ๊อด คีรีบูน สำหรับท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะเบื่อ ขี้เกียจฟัง แต่เนื้อเรื่องมีธรรมะสอดแทรก มีความหมาย ท่านผู้ชมตั้งใจฟังให้ดีๆ ครับ มันเป็นชีวิตของอ๊อด คีรีบูน - รณชัย ถมยาปริวัฒน์ เด็กหนุ่มคนหนึ่งซึ่งโด่งดังมาก แต่ไปเผชิญและไปเจอกับธรรมะ แล้วเปลี่ยนตัวเอง ทำถึงขนาดฉีกสัญญาที่ตัวเองโด่งดังมากกับค่ายเพลงอาร์เอส ที่เจ้าของคือเฮียจั๊ว และเฮียฮ้อ ผู้ที่มีจิตใจกว้างดั่งทะเล ทิ้งเลย ไม่สนใจ โดนฟ้องหาว่าผิดสัญญา ศาลจำคุก 4 ปี แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี จากนั้นแล้ว อ๊อด คีรีบูน หรือ รณชัย ถมยาปริวัฒน์ ก็ดำเนินมาในแนวทางของธรรมมาตลอด จนกระทั่งวินาทีสุดท้ายที่มีชีวิตอยู่บนโลกนี้

ท่านผู้ชมครับ ผมภูมิใจที่ผมมีน้องชายอย่างอ๊อด คีรีบูน และผมก็เสียใจ ขอให้อ๊อด คีรีบูน ไปสู่ที่ชอบ อย่างที่บอก ผมก็ได้แผ่เมตตาในการสวดมนต์และนั่งสมาธิภาวนา โดยใส่ชื่ออ๊อด คีรีบูน เพิ่มเข้าไปอีกรายหนึ่ง หลังจากที่ใส่ชื่อหลายๆ คนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตั้ว-ศรัณยู วงษ์กระจ่าง เติมศักดิ์ จารุปราณ และหลายๆ ท่าน ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรื่องของอ๊อด คีรีบูน อาจจะฟังดูน่าเบื่อ ไม่ตื่นเต้นเหมือนข่าวอาชญารรม หรือการฉ้อโกงอะไร แต่มีเนื้อหาสาระมาก ถ้าท่านผู้ชมเห็นด้วย แชร์เรื่องนี้ไปเยอะๆ หลายคนชอบเพลงของอ๊อด คีรีบูน แต่หลายคนไม่รู้ว่าอ๊อด คีรีบูน เป็นคนที่ใฝ่ในธรรม และใช้ชีวิตจนวินาทีสุดท้ายด้วยการเอาธรรมนำหน้า

ท่านผู้ชมเงินหายบ้างหรือเปล่า ? ใครโดนแฮปไป หรือโดนแฮกไป ? ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมโดนเมียแฮปเงินไป ก็ยังพอทำใจได้ใช่ไหม เพราะว่าอย่างน้อยก็เป็นเมีย พูดมากก็อาจจะโดนทุบตีไป โดยเฉพาะคนที่เกรงกลัวเมีย หรือว่าให้ความเคารพเมียเป็นอย่างสูง ก็ได้แต่กัดฟันกรอดๆๆ

แต่สัปดาห์ที่แล้ว มีเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือนความเชื่อมั่นท่านผู้ชมทั้งหลายในหมู่ผู้บริโภคและคนฝากเงิน เพราะว่ามีบัญชีประชาชนจำนวนมากเป็นหมื่นๆ บัญชี ถูกถอนเงินทีละเล็กทีละน้อย เจ้าของบัญชีไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าใครถอนไป


ผมมีตัวอย่างเล่าให้ฟังเป็นเรื่องๆ เลย รายหนึ่งบอกว่า แฟนเพิ่งโดนธนาคารกรุงศรีฯ จากบัตรเดบิต ซึ่งไม่เคยผูกซื้อของอะไรเลย ATM อยู่ในกระเป๋าตลอด โดนดูดไป 231 ครั้ง ครั้งละ 29 บาท ในเวลา 18 ชั่วโมง โดยไม่มี SMS แจ้งเตือน รู้เพราะจะโอนแอปฯ จ่ายค่าของ เงินหายไปจึงสงสัย ท่านผู้ชมครับ 231 ครั้ง ตีว่าครั้งละ 30 บาท ก็ 6,000 กว่าบาท สำหรับคนที่เงินเดือนประมาณ 20,000-30,000 บาท จู่ๆ เงินหายไป 18 ชั่วโมง 6,000 บาท ถึงจะหายไปครั้งละ 29 บาท ก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน

ผู้เสียหายรายนี้เช็กจาก statement ในแอปฯ ก็รู้ว่ามีเงินออกอย่างผิดปกติ ธนาคารปรินท์เอกสารออกมาให้ไปแจ้งความ ข้อมูลถอน 20 แผ่น ธนาคารให้ข้อมูลว่าเงินโดนหักออกจากบัตรเดบิต ซื้อของออนไลน์ในเว็บ ธนาคารขอเวลาตรวจสอบไม่เกิน 90 วัน แหม มันใช้เวลา 18 ชั่วโมง ดูดเงินออกไปจากแอปฯ ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา 200 กว่าครั้ง แล้วพอรู้ตัวปั๊บ ธนาคารฯ ขอ 90 วัน มันใช้เวลา 18 ชั่วโมง แต่ธนาคารขอเวลา 90 วัน แล้วประชาชนคนไทยมันจะไปไหนรอดล่ะแบบนี้


กรณีที่สอง โดนหักจาก Google Play ผ่านทาง Shopee Pay แล้วมาหักผ่านบัญชีธนาคารกสิกรไทยที่ผูกเอาไว้อีกที เจ้าตัวไม่เคยผูกบัญชีไว้กับ Google Play นะ เป็นการหักซื้อแอปฯ และเกม รายนี้โดนหักไปครั้งละ 55 บาท ต่อเนื่องกันหลายครั้ง สนุกมากท่านผู้ชม เขาถามไปที่ Google Play บอกตรวจสอบให้ไม่ได้ ให้ตรวจสอบที่ Shopee Pay พอเช็กไปที่ Shopee ทาง Shopee ก็บอกให้ติดต่อ Google อีก ถามธนาคาร ธนาคารตรวจสอบไม่ได้ บอกให้ไปติดต่อ Shopee ทาง Shopee บอกถ้าจะตรวจสอบว่าเป็นบริษัทอะไรหักไป ต้องไปแจ้งความ

กรณีที่สาม ผมโดนบัตรเดบิต ตั้งแต่วันที่ 1-3 ตุลาคม 3 วัน ประมาณ 1,100 กว่ารายการ รวม 30,000 กว่าบาท งานนี้งานใหญ่ ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ บอกว่าจะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ คนที่ติดต่อไปคอลเซ็นเตอร์ มองโลกในแง่ดีเกินไป เพราะจนทุกวันนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ เขาก็ถามว่ามีโอกาสจะได้คืนไหม ?


ท่านผู้ชมครับ ผมประเมินและอ่านจากข่าวแล้ว คนที่โดนผลกระทบจากการแฮกบัญชีหมู่ครั้งนี้ น่าจะมีเกินหมื่นกว่าคน ผมคิดว่ายังมีอีกเยอะ ขี้เกียจโวยวาย ปริมาณอาจจะไม่มากนัก แต่ขยับตัวเลขขึ้นเป็น 20,000-40,000 คน เป็นลำดับ ผมเชื่อว่า (ขอโทษนะท่านผู้ชม) น่าจะเป็นแสน เพราะว่าระบบนี้เป็นระบบที่ต่างประเทศใช้กันมาก คือจะแฮกเข้าบัญชีเลย ไม่ได้แฮกเฉพาะแอปฯ นะ บัญชีส่วนตัวของคน มันสามารถจะแฮกเข้าไปเลยนะ สมมุติว่าแบงก์กรุงเทพ หรือแบงก์กสิกรไทย มีบัญชีส่วนตัวอยู่ 10 กว่าล้านบัญชี สมมุติว่าท่านผู้ชมมีเงินอยู่ในบัญชีประมาณ 1 ล้าน หรือ 8 แสน ถ้าท่านผู้ชมโดนดูดไปทีละ 50 บาท ท่านผู้ชมไม่รู้สึกหรอก คำนวณผิดหรือเปล่า เพราะว่าเวลาเราดู Balance Sheet ออกมา ถ้าเงินหายไปสัก 50 บาท เราไม่รู้สึกอะไร ช่างมัน

พวกนี้ที่อเมริกา ในต่างประเทศ ทำกันเยอะมาก ส่วนใหญ่แล้วจะดึงเงินออก 1 ดอลลาร์ หรือ 2 ดอลลาร์ ถ้า 1 ล้าน account จะเท่าไรล่ะ ?

ปรากฏว่ามีกลุ่มซึ่งโดนหักเงินจากบัญชีโดยไม่รู้ตัว ก็มีการตั้งกลุ่มขึ้นมา แชร์ประสบการณ์ ตั้งขึ้นวันศุกร์ที่ 15 วันนี้วันที่ 22 วันศุกร์ที่แล้วนี่เอง วันนี้มีคนเข้าเป็นสมาชิกกลุ่ม 1 แสนกว่าคนแล้ว


แสดงว่ามีคนโดนแฮกหลักแสนคน ท่านผู้ชม ไม่ใช่หลักหมื่นตามที่เขาบอกกัน คนที่เข้ามาในกลุ่มที่บอกว่าโดนแฮกไปนั้น คนโดนแฮกจริง โกงจริง คนไม่แน่ใจว่าตัวเองได้รับผลกระทบ เงินหายโดยไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร รวมทั้งคนที่อาจจะเข้ามาดูสถานการณ์ หรือเข้ามาดู เข้ามาฟังว่าเขาเจออะไรบ้าง ตัวเองจะได้ระมัดระวัง ท่านผู้ชมครับ ผมเชื่อว่า ผมเชื่อเลยว่าจำนวนคนที่ถูกแฮก ถ้าเปิดเผยข้อมูลกันจริงๆ ทั่วประเทศน่าจะเป็นหลักแสน

ธนาคารแห่งประเทศไทย ออกมาชี้แจงวันที่ 19 ตุลาคม ว่าแค่หมื่นกว่า ผมไม่เชื่อครับ "แบงก์เผยปมตัดเงินผิดปกติ คนร้ายสุ่มข้อมูลบัตรทำธุรกรรมวงเงินต่ำ ไม่ต้องยืนยันตัวเอง" ธนาคารบอก ยืนยันให้ลูกค้าภายใน 5 วัน


19 ตุลาคม สามวันที่ผ่านมา คุณสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย และนายผยง ศรีวณิช ซึ่งมี 2 ตำแหน่ง ตำแหน่งหนึ่งคือ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย ได้ชี้แจงว่ามีการตัดเงินที่ผิดปกติผ่านบัตรเครดิตและบัตรเดบิตของลูกค้าจำนวนมาก ว่า ธุรกรรมดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการรั่วไหลของข้อมูลของระบบธนาคาร (อ๋อ แน่นอนครับ ธนาคารต้องปกป้องตัวเองทันที) โดยสาเหตุสำคัญเกิดจากการที่มิจฉาชีพสุ่มข้อมูลบัตร นำไปสวมรอยทำธุรกรรมผ่านร้านค้าออนไลน์ต่างประเทศที่ไม่มีการใช้ OTP (OTP คือ One Time Password) ก็คือใช้แล้วก็เลิกไปเลย ถ้าจะใช้อีกต้องคิดพาสเวิร์ดขึ้นมาใหม่ ซึ่งจริงๆ แล้วทุกคนควรจะใช้ระบบ OTP ก็คือพาสเวิร์ดใช้ครั้งเดียวแล้วยกเลิกไปเลย แล้วเอาพาสเวิร์ดตัวใหม่ขึ้นมา เสียเวลานิดหนึ่งแต่ว่าสบายใจ

การใช้งานส่วนใหญ่มีจำนวนเงินต่อรายการต่ำ เช่น ประมาณ 1 ดอลลาร์สหรัฐ มีใช้หลายๆ ครั้ง ธนาคารมีการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ โดยแต่ละธนาคารจะกำหนดเพดานและเงื่อนไขในการใช้งานของบัตรตามลักษณะประเภทร้านค้าและประเภทสินค้าต่างกัน

ท่านผู้ชม ตอนนี้ก็เลยแตกตื่นกันหมด หามาตรการกัน ก็คือบอกว่า ยกระดับความเข้มข้นในการตรวจจับธุรกรรมที่ผิดปกติ ให้ครอบคลุมทั้งธุรกรรมที่มีจำนวนเงินต่ำ และมีความถี่สูง ถ้ามีธุรกรรมผิดปกติ อย่างเช่น เบิกตลอดเวลา 39 บาท 29 บาท ภายในระยะเวลา 18 ชั่วโมง เบิกไปแล้ว 231 ครั้ง ธนาคารจะระงับการใช้บัตรทันที แจ้งลูกค้าในทุกช่องทาง รวมทั้งติดตามเฝ้าระวังรายการธุรกรรมจากต่างประเทศเป็นพิเศษ ผมเชื่อว่า การแฮกครั้งนี้ต่างประเทศเข้ามามีส่วนด้วย เพราะระบบมันเหมือนกัน ถ้ามันแฮกได้ที่อเมริกา มันแฮกได้ที่ฮ่องกง มันแฮกได้ที่รัสเซีย มันแฮกได้ที่สิงคโปร์ มันก็ต้องแฮกได้ในประเทศไทย และในประเทศไทยตอนนี้เป็นขนมหวาน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่้องใหม่ ธนาคารในต่างประเทศที่โดนแฮกแบบนี้ เขามีระบบป้องกันภัยของเขาเรียบร้อยแล้ว มันเริ่มแฮกยากในประเทศต่างๆ ที่มันเคยแฮกได้ง่าย มันก็เลยย้ายถิ่นฐานเพื่อมาแฮกในประเทศที่อ่อนหัดอย่างเช่นประเทศไทย


ธนาคารก็เลยพยายามที่จะเพิ่มการแจ้งเตือนลูกค้าในการทำธุรกรรมทุกรายการ กรณีตรวจสอบได้ว่าลูกค้าได้รับผลกระทบจากการทุจริตตามข้างต้น กรณีบัตรเครดิต ลูกค้าจะได้รับการคืนเงินภายใน 5 วันทำการ ส่วนกรณีบัตรเดบิต ธนาคารจะยกเลิกรายการดังกล่าว ท่านผู้ชมครับ ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย จะเร่งหารือกับผู้บริการเครือข่ายบัตร เช่น VISA, Master Card เพื่อกำหนดให้มีการใช้การยืนยันตัวตน เช่น ระบบ OTP (One Time Password) ก็คือระบบ OTP ใช้พาสเวิร์ดครั้งเดียวแล้วใช้ไม่ได้อีก ต้องคิดพาสเวิร์ดขึ้นมาใหม่

ท่านผู้ชมครับ ผมมีข้อคิดของผมอย่างนี้ ท่านผู้ชมจำได้ไหมเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ผมเพิ่งพูดเรื่อง "แฉกลโกงสั่งของออนไลน์ รู้ทันวิวัฒนาโกง จากการโกงแชร์ FOREX 3D สู่การโกงออนไลน์ยุค 5G" มีอยู่เรื่้องหนึ่งที่ผมย้ำเตือนผู้บริหารประเทศ และข้าราชการ ในการบริหารจัดการปัญหาเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่บ้านเมือง แบงก์ชาติ นักการเมือง ผมบอกว่า เงิน 500 บาท 1,000 บาท 2,000 บาท ของพวกเขาอาจจะมีค่าเท่ากับเงินหมื่น เงินแสน เงินล้าน ของคนมีเงิน คนมีเงินเยอะๆ เงิน 1,000 บาท 100 บาท 500 บาท อาจจะไม่อยู่ในสายตาของเขา แต่เขาก็ลำบาก เพราะฉะนั้นแล้วผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจ นักการเมือง อย่าไปดูเบาเรื่องนี้ อย่าไปคิดว่าจำนวนเงินที่ถูกโกงนี่มูลค่าไม่มาก ต้องตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกระจายกันเป็นวงกว้าง คนเสียหายเยอะมาก

ท่านผู้ชมครับ เป็นปกติธรรมดาเลย คนในวงการธนาคารก็พยายามจะโบ้ยว่าไม่ใช่ความผิดของระบบ ไม่ใช่ความผิดของธนาคาร การถูกแฮกเกิดเพราะความเลินเล่อ การดูเบาของเจ้าของบัญชี เจ้าของบัตรเครดิต/เดบิต เจ้าของ ATM เป็นหลัก แต่ผมอยากจะพูดอย่างนี้ครับ ท่านธนาคารทั้งหลายครั้ง สมาคมธนาคารฯ ธนาคารชาติครับ คุณหัดยอมรับผิดบ้างได้ไหม สิ่งที่คุณกำลังทำอยู่ กำลังทำลายความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในแวดวงการเงินการธนาคารอย่างสิ้นเชิง บางคนรีบไปถอนเงินออกจากธนาคารทันที เพราะว่าตื่นตระหนกมาก

ท่านผู้ชมครับ ระบบการเงิน การชำระเงินออนไลน์ การร้องเรียน ของธนาคารพาณิชย์ไทยมีช่องโหว่จริงๆ ด้วยความรู้เห็นเป็นใจของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็คือพูดง่ายๆ ว่า พอเข้าสู่ระบบออนไลน์ Mobile Banking ธนาคารพาณิชย์ก็กระโจนเข้ามาเลย ละเลยมาตรการด้านความปลอดภัย เหตุที่ธนาคารพาณิชย์ไทยกระโจนเข้ายุค Online Banking, Mobile Banking เพราะว่าต้องการลดต้นทุน ความผิดอยู่ที่ธนาคาร ไม่ใช่อยู่ที่ผู้ใช้บริการ

ผมจะเล่าให้ฟัง ต้นทุนการทำธุรกรรมเบิก-ถอนที่เคาน์เตอร์ เวลาท่านผู้ชมเข้าแบงก์ ถ้าบวกค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเช่า ค่าบุคลากร รายการเบิก 1 รายการ ต้นทุนของธนาคารคือ 70 บาท พอต่อมาก็เป็น ATM เครื่องฝากเงิน (CDM) ต้นทุนการเบิก-ถอนต่อรายการ ตกจาก 70 บาท เหลือ 6-7 บาท


พอมาถึงยุค Online Banking/Mobile Banking ต้นทุนการทำธุรกรรมเหลือเพียง 3-4 บาท ท่านผู้ชม เมื่อต้นทุนมันถูกเหลือ 3-4 บาท ทุกคนกระโดดงับกันหมดเลย และนี่คือสาเหตุที่แท้จริงที่ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งทยอยปิดสาขา ยกเลิกสาขา ควบรวมสาขา เพื่อลดต้นทุน รวมไปถึงล่าสุด หลายแบงก์เริ่มลดจำนวนตู้ ATM ไปด้วย ผลักลูกค้าให้ไปทำธุรกรรมในระบบ Online/Mobile Banking แทน


เมื่อธนาคารผลักลูกค้าเข้าสู่ระบบอัตโนมัติ ทำธุรกรรมทางออนไลน์กับโทรศัพท์มือถือ ลดต้นทุน สิ่งที่ลืมให้รอบคอบเพียงพอ คือ ระบบความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Cyber Security

ผมจะอุปมาอุปไมยให้ท่านผู้ชมฟัง ระบบความปลอดภัยธนาคาร ท่านผู้ชมมีคอมพิวเตอร์ใช่ไหม มันจะมีซอฟต์แวร์ระบบ Anti-Virus ในคอมพิวเตอร์ มีทั้งแบบราคาถูก แบบราคากลาง และแบบแพง มีเซอร์วิสทั้งซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อย่างดี ท่านผู้ชม McAfee จำได้ใช่ไหมครับ McAfee คือยี่ห้อ Anti-Virus พอท่านผู้ชมซื้อคอมพิวเตอร์มา ระบบต่อต้านไวรัสคอมพิวเตอร์ McAfee จะติดเครื่องมาด้วย แต่พอท่านผู้ชมใช้คอมพิวเตอร์ไปสักพักหนึ่ง มีความรู้สึกว่า McAfee มันยังกันไวรัสได้ไม่หมด McAfee มันก็เสนอว่า ต้องการอัปเกรด McAfee ไหม ก็จ่ายเงินมา ฉันใดฉันนั้น ธนาคารทุกแห่ง รวมทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย ระบบ Cyber Security นั้นเตรียมในระบบพื้นฐานเฉยๆ แล้วให้ประชาชนเข้ามาเสี่ยงกันเอง คิดว่าช่างมันเถอะ แต่สิ่งที่เขาควรจะทำแต่ไม่ได้ทำ คือระบบ Security ทางไซเบอร์ เมื่อเขาเริ่มให้ใช้กันแล้ว จะเริ่มจากจุดข้างล่างไม่ได้ ต้องทำเอาไว้ถึงระดับกลางเป็นอย่างน้อย ที่แฮกกันยากหน่อย ท่านผู้ชมครับ แต่มันใช้เงินในการลงทุนไง นี่ก็ย้อนกลับไปไงท่านผู้ชม ย้อนกลับไปที่ไหน ? ย้อนกลับไปที่ต้นทุนธนาคารอีก

เพราะฉะนั้นแล้ว กรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดจะเห็นได้ชัดเลยว่ากระบวนการดูแลลูกค้า การแสดงความรับผิดชอบ ระบบการตอบสนองวิกฤตของธนาคารไทยที่มีมูลค่าสินทรัพย์รวมๆ กันหลายสิบล้านๆ บาท รวยกันขนาดนี้ สินทรัพย์มากขนาดนี้ แต่วิธีการรับผิดชอบของธนาคารพาณิชย์ไทยเมื่อลูกค้าโดนโกง โดนดูดเงิน โดนแฮกจากบัญชี ในช่วงแรกคือการโยนกลองกันไปมา ยื้อเรื่องไว้ 2-3 เดือน เหมือนกับที่ผมเล่าให้ฟังถึงผู้เสียหายตอนต้น โดนโกงมา 231 ครั้ง ครั้งละ 29 บาท เป็นเงิน 6,700 บาท เช็ก Statement ธนาคารปรินท์เอกสารให้ไปแจ้งความ ข้อมูลถอน 20 แผ่น ธนาคารให้ข้อมูลว่าเงินโดนหักออกจากบัตรเดบิต ซื้อของออนไลน์ในเว็บ และธนาคารขอใช้เวลา 90 วัน ในการเช็ก ท่านผู้ชมครับ 90 วัน

ท่านผู้ชมครับ เห็นด้วยกับผมไหมว่า ธนาคารนอกจากจะประกอบอาชีพเป็นเสือนอนกิน คือกินส่วนต่างระหว่างดอกเบี้ยเงินกู้กับเงินฝากแล้ว ธนาคารยังมีอาชีพใหม่อีกอย่างหนึ่งคือ อาชีพโยนกลอง ไม่ใช่เฉพาะธนาคาร ประเทศไทยครับ ผมเคยพูดสนุกสนานกับเพื่อนร่วมงานของผมเวลาทานข้าวเช้า ประชุมข่าว ผมบอกว่า เฮ้ย เมืองไทยนี่มันน่าจะมีกีฬาใหม่ขึ้นมาอย่างหนึ่งนะ เขาเรียก กีฬาโยนกลอง ดูว่าหน่วยงานไหนโยนกลองเก่งมาก ราชการนี่ที่หนึ่งเลย พอมีเผือกร้อนมาหน่อย ก็ เอาไปเลย! ผมไม่เกี่ยว ผมไม่รู้เรื่อง ที่รับต่อ ก็โยนต่อไป ผมไม่รู้เรื่อง คุณต้องไปถามคนนั้น ต่อไปเรื่อยๆ สรุปแล้วคนที่โดนกลองตีกบาล คือประชาชน ยืนหัวโน มึนไปหมด สรุปแล้วพวกมึงจะเอาอย่างไรกับกูแน่

ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะเตือนธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้งหลาย อย่าดูเบา อย่าละเลยปัญหานี้ อย่าโยนความผิดให้ลูกค้า ผู้บริโภค ต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง จริงใจ และเร่งด่วน และที่สำคัญ เมื่อเราเข้ามาสู่ยุคดิจิทัล ยุคแอปพลิเคชัน ยุค Mobile Banking ธนาคารแห่งประเทศไทย และธนาคารทุกธนาคาร ต้องลงทุนในเรื่อง Cyber Security ในระดับที่สูงมาก เหมือนกับผมยกตัวอย่างเรื่องซอฟต์แวร์ Anti-Virus ในคอมพิวเตอร์ที่ท่านผู้ชมซื้อมา แล้วมันติดมากับเครื่อง ยี่้ห้อที่ทุกคนรู้จักดี คือ McAfee แต่พอใช้ไปสักระยะหนึ่ง McAfee มันจะโพสต์ขึ้นมาในจอท่านเลยว่า เนื่องจากว่าตอนนี้ท่านมีไวรัสเข้ามา ระบบ McAfee ที่มากับเครื่องท่านรับไม่ได้แล้ว ท่านต้องอัปเกรด ท่านสนใจจะอัปเกรดไหม


เพราะฉะนั้นแล้ว แทนที่ธนาคารทั้งหลายจะลงทุนในระบบ Cyber Security ในระดับ Ground Floor แบบนี้ ต้องลงทุนในระบบระดับที่มันขึ้นมาอยู่ชั้น 10 ก่อน แล้วลองดูเหตุการณ์อีกที นั่นคือหมายถึงต้องลงทุนในเรื่องของการพัฒนาซอฟต์แวร์ในเรื่อง Cyber Security

แต่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ท่านผู้ชมครับ พวกที่แฮกนี่มันเคยแฮกมาแล้วที่อเมริกา แฮกมาแล้วตามประเทศต่างๆ ประเทศต่างๆ มันก็เลยพัฒนาระบบ Cyber Security ขึ้นมาจนกระทั่งมันแฮกไม่ได้ เมื่อมันแฮกไม่ได้ มันก็เลยมาหาประเทศที่ความงี่เง่า ความเห็นแก่ตัวของธนาคาร เป็นอันดับ 1 ประชาชนช่างหัวมัน นี่คือสิ่งที่ผมเสนอในมิติความคิดของผมครับ

วันนี้ผมขออนุญาตพูดเรื่องต่างประเทศสักเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องสงคราม แต่เป็นเรื่องวิสัยทัศน์ และเป็นเรื่องข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ผมจะพูดวันนี้จะมีนัยสูงมากของการแข่งขันระหว่างจีนกับอเมริกาและโลกนี้ และมันเริ่มเป็นความจริงขึ้นมาแล้ว ท่านผู้ชมจำได้ไหมผมเคยพูดหลายๆ เรื่องในอดีต แต่ผมพูดก่อนที่เหตุการณ์จะเกิดขึ้นล่วงหน้า ท่านผู้ชมหลายท่านที่ติดตามผมมาจะจำได้ ว่าสิ่งที่ผมเคยพูด เคยทำนายนั้น ไม่ผิด ท่านผู้ชมจำได้ไหมผมเคยพูดมานานแล้วในเรื่องของ G เปลี่ยนโลก ออกในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ถ้าท่านผู้ชมยังจำได้ ไปเช็กในยูทูป ลองดู เช็กย้อนหลังว่าผมพูดว่าอย่างไร


เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม สองอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ สำนักข่าวรอยเตอร์เขารายงานว่า นายนิโคลัส เชลแลน (Nicolas Chaillan) คนๆ นี้คือใคร ? เขาเป็นเจ้าหน้าที่อันดับที่ 1 ฝ่ายซอฟต์แวร์ของเพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหมของอเมริกา เขาเปิดเผยว่า ความเชื่องช้าของอเมริกาในการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีการทหารและความล้มเหลวในเรื่องของการต่อกรกับจีน ทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในความเสี่ยง เขาพูดอย่างนี้ครับ

เขาบอกว่า "เรา (สหรัฐฯ) ไม่อาจสู้จีนได้ในช่วง 15-20 ปีข้างหน้านี้ ในความเห็นของผมตอนนี้ เราแพ้แล้ว มันจบแล้ว" คนๆ นี้เป็นอดีตหัวหน้าทีมเจ้าหน้าที่ฝ่ายซอฟต์แวร์กองทัพอากาศสหรัฐฯ เขาพูดกับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ในอังกฤษ เมื่อเดือนกันยายน 2564 พูดจบแล้วเขาลาออกเลยนะท่านผู้ชม จากหัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายซอฟต์แวร์ เขาบอกว่า เขาลาออกเพื่อประท้วงความล่าช้าในการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีของกองทัพสหรัฐฯ เขาบอก จีนที่ขณะนี้เป็นชาติอำนาจเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก ได้ชนะอเมริกาแล้วในการต่อสู้ในเรื่อง สงครามปัญญาประดิษฐ์ คือ AI (Artificial Intelligence) และกำลังก้าวไปกุมอำนาจครอบงำโลกในด้าน AI เนื่องจากความก้าวล้ำในการพัฒนา AI ขีดความสามารถด้านการเรียนรู้ของเครื่องคอมพิวเตอร์ทางไซเบอร์


ท่านผู้ชมครับ AI คืออะไร ? Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์ คือเครื่องจักรที่คิดได้เหมือนมนุษย์ แล้วคิดล้ำกว่ามนุษย์มาก ท่านผู้ชมครับ ทั้งเฟซบุ๊ก ทั้งไลน์ ทั้งแพลตฟอร์มหลายอย่าง ใช้ AI เข้ามาช่วยในการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการค้า เรื่องการตลาด ท่านผู้ชมเคยสังเกตไหม สมมุติว่าท่านผู้ชมเข้า Shopee หรือ LAZADA ท่านผู้ชมเคาะปั๊บ สั่งซื้อสินค้าอะไรก็ตามที่ท่านผู้ชมชอบ สักพักหนึ่งมันจะมีคลื่นของสินค้าในแนวเดียวกัน โผล่มาให้ท่านผู้ชมได้ดูเต็มไปหมดเลย นี่คือการทำงานของ AI หรือแม้กระทั่งท่านผู้ชมที่ชอบดู Netflix เวลาท่านเข้าไปดูหนังเรื่องไหนปั๊บ พอหนังใกล้จะจบมันจะมีว่า มีเรื่องแบบนี้ คล้ายๆ แบบนี้ More Like This สังเกตไหมครับ เวลาท่านผู้ชมดูปั๊บ มันก็จะมีอีกบรรทัดหนึ่งเขียน พอใกล้จะจบแล้วมันจะเขียนว่า More Like This ก็คือหนังเรื่องที่คล้ายๆ กับเรื่องที่ท่านผู้ชมดูจบไป นั่นคือผลงาน AI เพราะถ้าไม่มี AI เจ้าหน้าที่ Netflix จะดูคนทั่วโลกได้อย่างไรว่าคนนี้ดูเรื่องนี้อยู่ ดูเรื่อง Hometown Cha-Cha-Cha พอหมด Hometown Cha-Cha-Cha จะดู Vincenzo ต่อหรือเปล่า มันต้องมานั่งดู คนดูเป็นร้อยล้านคน ถ้าไม่งั้นเจ๊ง แล้วทั้งหมดนี้ AI จะทำงานได้ก็ด้วย 5G เพราะฉะนั้น AI จะบอกเสร็จ


AI เข้าไปสู่ขีปนาวุธ AI จะคอยคุมทิศทาง เข็มทิศของขีปนาวุธนั้น สมมุติว่ามีขีปนาวุธต่อต้านกำลังมา AI จะบอกทันทีเลยว่าข้างหน้ามีอันนี้นะ ให้เปลี่ยนทิศทาง นี่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง นี่คือการใช้กับอาวุธ

เจ้าหน้าที่คนนี้บอกว่า ถึงแม้อเมริกาจะทุ่มงบประมาณมากกว่าจีนอย่างน้อย 3 เท่า ในการป้องกันทางไซเบอร์ แต่เขาบอกว่า ไม่บังเกิดประโยชน์อะไร เพราะว่าอเมริกาทุ่มผิดทิศผิดทาง และที่เขาพูดนี่ทำให้ผมคิดถึงเมืองไทย และทำงานระบบราชการที่เต็มไปด้วยกฎระเบียบมากมายก่ายกอง ในการเปลี่ยนแปลงด้านนี้ นายเชลแลน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟอกซ์ บอกว่า ถ้าตอนนี้เรา (คืออเมริกา) ไม่เปลี่ยนวิธีการจัดการเกี่ยวกับเรื่องปัญญาประดิษฐ์ และความมั่นคงในไซเบอร์ ในช่วง 15-20 ปีข้างหน้านี้ เราจะไม่มีทางชนะเลย เราต้องตื่นเดี๋ยวนี้ก่อนมันจะสายเกินไป ไม่อย่างนั้นลูกของเรา หลานของเรา จะไม่มีวันแข่งกับจีนได้เลย

นอกจากนี้ เขายังพูด แอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Tik Tok เป็นอาวุธสำคัญของจีนในการเก็บข้อมูลของพลเมืองสหรัฐฯ


พอมีคนถามสาเหตุของการลาออก ทำไมเขาถึงลาออก อดีตหัวหน้าเจ้าหน้าที่อันดับ 1 ฝ่ายซอฟต์แวร์ของเพนตากอน หรือกระทรวงกลาโหม ตอบว่า ผู้นำหน่วยงานของเพนตากอนนั้น เป็นพวกชอบพูด แต่ไม่ชอบทำ คุ้นๆ ไหมท่านผู้ชม คนที่ชอบพูดแต่ไม่ชอบทำ พวกเราเจอกันเยอะ

ขณะที่เวลากำลังจะหมดลงเรื่องๆ และจีนกำลังกำหนดอนาคตของโลก ควบคุมทั้งหมด ตั้งแต่ประเด็นการสื่อสารมวลชน ไปถึงภูมิรัฐศาสตร์ของโลก เพราะฉะนั้นแล้ว เขาบอกว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก นี่คือคำพูด ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในระบบ AI ปัญญาประดิษฐ์ ของอเมริกาที่ลาออกแล้ว เป็นถึงขั้นหัวหน้าซอฟต์แวร์เลย

เรามาดูฝั่งจีนบ้าง เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม สามเดือนกว่าที่แล้ว สถาบันสารสนเทศและเทคโนโลยีการสื่อสารจีน เขาเปิดเผยว่า ปี 2563 ขนาดของอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของจีนมีมูลค่าประมาณ 43,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1.41 ล้านล้านบาท ตัวเลขข้างต้นบ่งชี้อุตสาหกรรมประเภทดังกล่าวของจีนเติบโตราว 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่ทั่วโลกโตแค่ 12 เปอร์เซ็นต์ ทั่วโลกมูลค่า 5.1 ล้านล้านบาท แต่ของจีนล่อเข้าไป 1.41 ล้านล้านบาท กินเข้าไป 20 กว่าเปอร์เซ็นต์ เกือบ 30 เปอร์เซ็นต์


การพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อถือได้ กลายเป็นพันธกิจของอุตสาหกรรมทั่วโลก เพราะว่าเทคโนโลยีที่นำมาซึ่งโอกาส ความเสี่ยง และความท้าทาย เขาบอกว่าอย่างนี้ครับท่านผู้ชม น่าสนใจมาก การประชุมปัญญาประดิษฐ์โลก ในปี 2564 ที่มหานครเซี่ยงไฮ้ ท่านผู้ชมรู้ไหม สถาบันวิจัย ผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยจีน รวม 20 กว่าแห่ง ในการประชุม ได้ออกแผนริเริ่มเพื่อส่งเสริมพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อถือได้ แผนริเริ่มข้างต้นมีเป้าหมายเร่งสร้างความร่วมมือและฉันทามติระหว่างประเทศ สนับสนุนการทำความเข้าใจในปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อถือได้ ใช้ประโยชน์จากคุณค่าทางอุตสาหกรรมและสังคมของเทคโนโลยีนี้อย่างเต็มกำลัง


นอกจากนี้แล้ว ยังมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อกำกับ ดูแล สร้างความน่าเชื่อถือด้านปัญญาประดิษฐ์ สังกัดพันธมิตรอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ เป้าหมายเพื่อเดินหน้าพัฒนาอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ที่เชื่อถือได้ยิ่งขึ้น คณะกรรมการชุดใหม่นี้ทำหน้าที่การวิจัยในเทคโนโลยี การกำหนดมาตรฐาน ซึ่งสำคัญมาก เหมือนกับโทรศัพท์มือถือ กำหนดมาตรฐานเป็น Android หรือ iOS ถ้าจีนนำทางด้านนี้ อีกหน่อยจีนกำหนดมาตรฐานก่อนเพื่อน แล้วมีคนใช้ AI ของจีนมากที่สุดในโลก ในที่สุดแล้ว ทั่วโลกไม่ว่าจะเป็นอเมริกา หรือยุโรป ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกับจีน

ท่านผู้ชมครับ ผมจะเอารูปผลงาน AI เล็กๆ น้อยๆ ขำขัน ให้เห็น เป็นรูปหุ่นยนต์บริการนวดให้ผู้ชมงานปัญญาประดิษฐ์ 2020 ในนครเซี่ยงไฮ้ ทางตะวันออกของจีน เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2564 หุ่นยนต์นวด แล้วหุ่นยนต์นวดได้อย่างไร ? เพราะว่าใช้ปัญญาประดิษฐ์ประกบเอาไว้ในตัว ให้รู้ว่านวดตรงต้นคอนะ มือขวาก็ต้องตรงต้นคอนะ กดที่หัวนะ


คือพูดง่ายๆ ว่าเรียนรู้วิธีการของมนุษย์ แล้วพัฒนาไปล่วงหน้า มันสมอง AI ตอนนี้ถึงขั้นที่เรียกว่าเล่นหมากล้อมกับแชมป์หมากล้อมของโลก ในที่สุดแชมป์หมากล้อมของโลกก็ยังแพ้ สู้ไม่ได้

ท่านผู้ชมครับ น่าสนใจมาก หัวข้ออาจจะเป็นเรื่องไม่ตื่นเต้น เพราะไม่ได้พูดเรื่องขีปนาวุธจะยิงประเทศโน้น ถล่มตูมตามประเทศนี้ แต่อันนี้คืออนาคตของโลกนะท่านผู้ชม ท่านผู้ชมเคยดูหนังเรื่อง Terminator ใช่ไหม อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ มนุษย์เหล็ก


นั่นล่ะครับหุ่นยนต์ที่มี AI ประกอบอยู่ในตัว แล้วสิ่งหนึ่งที่น่ากลัวมาก สตีเฟน ฮอว์กิง (Stephen Hawking) นักฟิสิกส์ชื่อกระฉ่อนโลก หรืออัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในยุคใหม่นี้ที่เสียชีวิตไปแล้ว เขาพูดเลยว่าที่เขาเป็นห่วงในโลกนี้เขาห่วงอยู่ 2 เรื่อง เรื่องแรกที่ห่วงก็คือ ประชากรโลกมีมากจนเกินไป มากกว่าทรัพยากรธรรมชาติที่มีในโลก เรื่องที่สองที่สตีเฟน ฮอว์กิง เป็นห่วง เขาบอกว่า AI ในอนาคต ปัญญาประดิษฐ์จะครองโลก และเครื่องจักรกลจะมีอำนาจเหนือมนุษย์ นี่คือคำทำนายของ สตีเฟน ฮอว์กิง น่ากลัวไหม ? สำหรับผมแล้วน่ากลัวมาก


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า ในโลกนี้ประเทศไหนครองสิทธิบัตร AI มากที่สุด เกือบ 75 เปอร์เซ็นต์ ? 75 เปอร์เซ็นต์ ของสิทธิบัตรในโลกนี้เรื่องเทคโนโลยี AI คือ ประเทศจีน 10 ปีที่ผ่านมา มีการยื่นขอสิทธิบัตร AI ในจีนเกือบ 300,000 รายการ คิดเป็น 74.7 เปอร์เซ็นต์ ของการยื่นขอจดสิทธิบัตร AI ทั่วโลก ท่านผู้ชมนึกดูก็แล้วกัน เยอะขนาดไหน เยอะจริงๆ

เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้สงครามเย็น AI กำลังจะเกิดแล้ว จะบั่นทอนเสถียรภาพของโลก วารสาร nature ของสหราชอาณาจักร กล่าวเตือนเรื่องการแพร่ขยายเทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ทางการทหาร เขาเรียกร้องให้มุ่งให้ความสำคัญกับจริยธรรมและความร่วมมือระดับโลกมากขึ้น


ท่านผู้ชมครับ บทความดังกล่าวพูดถึงการแข่งขันเพื่อนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ทางการทหาร ซึ่งอาจจะเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพ

ท่านผู้ชมครับ ระเบิดปรมาณูลูกแรกทดสอบในทะเลทรายในอเมริกา แล้วเอาไปใช้ที่ญี่ปุ่น 2 เมือง คือ ฮิโรชิมา กับ นางาซากิ ทิ้งจนกระทั่งเมือง 2 เมืองนั้นราบพนาสูรเลย นี่แค่ระเบิดปรมาณูนะ ยังไม่ถึงระเบิดนิวเคลียร์ตอนหลังนะ ซึ่งอานุภาพ พลานุภาพ แรงกว่าระเบิดปรมาณูมากมายมหาศาล ตอนนั้นคิดระเบิดปรมาณูขึ้นมาเพื่ออะไรรู้ไหม ท่านผู้ชม ? เพื่อเอาชนะสงคราม แต่พอเอาชนะสงครามแล้ว พลังงานทางปรมาณูก็เกิดขึ้นตามหลัง แต่เป็นพลังงานปรมาณูเพื่อสันติ อย่างเช่น พลังงานนิวเคลียร์ ใช้ปั่นไฟฟ้า แต่ในที่สุดแล้วก็ยังลองการสร้างอาวุธนิวเคลียร์เพื่อมาเข่นฆ่าทำลายกัน

ท่านผู้ชมครับ อเมริกาเอง 2564 เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คณะกรรมการความมั่นคงแห่งชาติของอเมริกา ได้แนะนำให้อเมริกาเร่งพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่ออะไรรู้ไหม ? เพื่อรักษาความมั่นคงของชาติ และความสามารถในการแข่งขันกับจีนและรัสเซีย แล้วก็รื้อฟื้นความคิดแนวยุคสงครามเย็น จัดทำรายงานด้านการมุ่งเอาชนะศึกสงคราม เอาชนะในสงครามที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์

เพราะฉะนั้นแล้ว วารสาร nature แย้งว่า การเพิ่มขีดความสามารถด้านการรบด้วยปัญญาประดิษฐ์ จะลดระดับความปลอดภัยของโลกซึ่งเผชิญกับภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อันได้แก่ ความขาดเสถียรภาพทางด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมของโลก บทความนี้เป็นบทความในวารสารอังกฤษ พูดชัดเจนเลยว่า การแสวงหายุทธาภิวัฒน์ หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Militarization อย่างไม่หยุดยั้ง ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องและปกป้องเรา เพราะมันได้เปลี่ยนแนวการใช้ทรัพยากร และหันเหความสนใจของเราไปจากภัยคุกคามที่ใกล้ตัวมากกว่า เช่น เหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรงสุดขั้วในโลกที่ทั่วโลกกำลังสั่นคลอนจากโรคโควิด-19 ถือเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความตื่นตระหนกแห่งศตวรรษ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาเผชิญกันทั่วโลก

ท่านผู้ชมครับ สำหรับท่านผู้ชมที่นึกภาพสงคราม AI ที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ถูกนำไปใช้ทางการทหารไม่ออก ผมเล่าให้ฟังแล้วไงครับ ลองกลับไปดูหนังเรื่อง คนเหล็ก The Terminator ภาพยนตร์เรื่อง คนเหล็ก The Terminator นั้น สร้างเมื่อปี 2527 สามสิบเจ็ดที่ผ่านมา


คนที่สร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มีวิสัยทัศน์และมองโลกอนาคตใช้ได้ หนังเรื่องนี้กำกับโดยเจมส์ คาเมรอน ซึ่งเป็นผู้กำกับและผู้สร้างหนังเรื่องต่อไปที่ยิ่งใหญ่มาก ก็คือ TITANIC

เนื้อเรื่องสำหรับท่านผู้ชมที่ยังไม่เคยดู หุ่นยนต์ไซบ็อก นักฆ่า ถูกส่งข้ามเวลาจากปี ค.ศ.2029 หรือ 2572 กลับมาในปี 2527 เพื่อสังหารผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ ซาร่า คอร์เนอร์ ซึ่งนำแสดงโดยลินดา แฮมิลตัน ซึ่งในชีวิตจริงเป็นอดีตภรรยาของเจมส์ คาเมรอน ผู้ผลิตหนังเรื่องนี้ ส่งข้ามเวลากลับมาเลยนะครับ เพื่อมาสังหารเธอ เพื่อไม่ให้กำเนิดลูกชายที่จะกลายเป็นผู้ช่วยมนุษย์โลกไม่ให้สูญพันธุ์จากการครองโลกของหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์

ท่านผู้ชมครับ ผมเคยพูดมานานแล้วเกี่ยวกับอุตสาหกรรมปัญญาประดิษฐ์ โดยระบุว่า หนึ่งในกุญแจสำคัญของอนาคตอุตสาหกรรม AI ก็คือเครือข่ายโทรคมนาคมความเร็วสูงแบบ 5G ซึ่งปัจจุบันนี้คนที่เป็นยักษ์ใหญ่ในการผลิต 5G ก็คือ หัวเว่ย ของจีน


และนี่ไงท่านผู้ชม เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ บล็อกหัวเว่ย ไม่ให้ใช้ระบบปฏิบัติการ Android ของกูเกิล ให้กระทรวงยุติธรรมออกหมายจับ จับลูกสาวของหัวเว่ย นางเมิ่ง หว่านโจว ไว้เป็นตัวประกัน เมื่อปี 2561 เพิ่งปล่อยมาเมื่อปลายเดือนกันยายน ที่ผ่านมานี่เอง นอกจากนี้ ยังพยายามบล็อกไม่ให้ชาติพันธมิตรสหรัฐฯ ใช้เครือข่ายหัวเว่ย บล็อกบริษัทไอทีจีน แอปพลิเคชันของจีน Tik Tok, WeChat ไม่ให้เติบโตในตลาดอเมริกาและตลาดพันธมิตร

แต่ในขณะเดียวกัน จีนเองก็มีไพ่เล่นหลายใบ จีน ข้อแรก จีนควบคุมค่าเงินหยวนของตัวเองได้อย่างเบ็ดเสร็จ วันนี้เงินดอลลาร์เป็นแบงก์กงเต็กไปแล้ว ก็อีกล่ะครับ ผมเคยพูดมานานแล้วว่า เงินดอลลาร์คือแบงก์กงเต็ก ตั้งแต่สมัยนั้นคนยังไม่เชื่อ มากระแนะกระแหนกัดผม วันนี้แบงก์อเมริกาเป็นแบงก์กงเต็ก จีนจะยกเลิกการชำระสินค้าเป็นเงินสกุลดอลลาร์อเมริกาเมื่อไรก็ได้ อาจจะเปลี่ยนเป็นเงินยูโร หรือเงินสกุลอื่น

จีนยังกำหนดชะตากรรมพันธบัตรของอเมริกา จีนเป็นเจ้าหนี้ใหญ่อันดับ 2 ของอเมริกา รองจากญี่ปุ่น ณ เดือนมิถุนายน 2564 จีนถือพันธบัตรสหรัฐฯ มูลค่า 1.062 ล้านล้านดอลลาร์ แล้วข้อที่สี่ ข้อสุดท้าย เรื่องเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเชื่อมโยงกับปัญหาความมั่นคงทางไซเบอร์และความมั่นคงทางทหารด้วย

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้เป็นสัญญาณว่าทั้งสองประเทศต้องหันมา หันหน้าแล้วคุยกัน หาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่ประจันหน้ากัน เพราะว่าการประจันหน้ากันคือการแข่งขันไปในเชิงทำลายล้างซึ่งกันและกัน แล้วประเทศอย่างประเทศไทย มันก็คือหญ้าแพรกที่อยู่บนพื้นขณะซึ่งคชสารสองตัวชนกันครับ


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมคิดเหมือนผมไหม เบื่อเหมือนผมไหม ประเทศไทยมีอยู่ 2 เรื่อง ถ้าไม่ภัยแล้ง ก็น้ำท่วม ท่านผู้ชมไปดูสิครับ ทุกๆ ปีเราจะมีปัญหาเรื่องภัยแล้ง และเราก็จะมีปัญหาเรื่องน้ำท่วม ไม่เคยขาดเลยแม้แต่ปีเดียว และเราก็มีการจัดสรรงบประมาณต่างๆ เพื่อแก้ภัยแล้ง และแก้น้ำท่วม โดยสรุปง่ายๆ แล้ว เรากำลังตำน้ำพริกละลายน้ำลงไป โดยที่ไม่มีทิศทาง

เวลามีน้ำท่วมใหญ่ๆ ครั้งหนึ่ง มันก็จะมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องที่ทุกคนก็จะโวยวายขึ้นมา จะมีกูรู ผู้รู้ นักวิชาการ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ระบบราชการ นักการเมือง เข้ามากระโดดงับเพื่อที่จะของบประมาณและเพื่อที่จะคุยโวโอ้อวด หิว หาแสง

วันนี้ผมดูแล้วผมก็อดขำไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาพูดตลอดเวลา วันนี้ ปีนี้ เขาบอกว่า น้ำท่วมปีนี้มันน้อยกว่าปี 54 เยอะ น้อยกว่ามาก ไม่มีประเด็นอะไรน่าตกใจ บางคนเป็นผู้นำของประเทศ ผู้นำท้องถิ่น สมัยหนึ่งก็บอกว่า น้ำท่วมห้ามพูด ให้พูดว่าน้ำรอระบาย มาถึงยุคท่านผู้ว่าฯ อัศวิน ท่านก็บอกว่า น้ำไม่ได้รอระบาย แต่ น้ำมาก ก็คือแล้วแต่จะประดิษฐ์วาทกรรม เพื่อไม่ให้สะท้อนให้เห็นภาพของความล้มเหลวในการแก้ปัญหาต่างๆ


ประเด็นไม่ใช่ว่าปีนี้น้ำน้อยกว่าปี 2554 ประเด็นคือว่า ปีนี้น้ำท่วมใช่ไหม ? ใช่ คำถามคือว่า สิบปีที่ผ่านมา การบริหารจัดการน้ำของไทย ท่านผู้ชมครับ 6-8 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ท่านได้ตั้งคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นี่ยังไม่รวมกับสมัยที่จัดแผนแม่บทของการแก้ปัญหาน้ำ เอาอย่างนี้ดีกว่าท่านผู้ชม เรามาดูเม็ดเงินที่ลงไป

2559 งบประมาณปีนั้น เราจัดเงินไว้ 52,630 ล้านบาท ปี 2560 จัดเงินไว้ 54,200 ล้านบาท ปี 2561 จำนวน 60,355 ล้านบาท ปี 2562 จำนวนเงิน 62,831 ล้านบาท และปีที่แล้ว จัดเอาไว้ 59,431 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ รวม 5 ปี งบประมาณแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม จัดเอาไว้ 349,802 ล้านบาท


มิหน้ำซ้ำแล้วยังมีแผนแม่บทเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2561-2580 เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง จัดหาเพื่อสนับสนุนการพัฒนา ซึ่งเป็นข้อมูลในเดือนพฤษภาคม 2564 สามปีแรกของแผนแม่บท (2561-2563) รัฐบาลจัดสรรงบประมาณพัฒนาแหล่งน้ำ 305,180 ล้านบาท หลังจากนั้นต่อไปอีก 3 ปี คือ 2564-2566 เตรียมจัดโครงการภายใต้แผนพัฒนาทรัพยากรน้ำใน 5 ภูมิภาค อีกจำนวน 526 โครงการ วงเงิน 879,000 ล้านบาท นี่เฉพาะระดับชาตินะท่านผู้ชมครับ เรามาดูกรุงเทพมหานครบ้าง


กรุงเทพมหานครเราได้งบประมาณด้านการระบายน้ำ และบำบัดน้ำเสีย ปี 2560 จำนวน 6,800 ล้านบาท ปี 2561 จำนวน 5,900 ล้านบาท ปี 2562 จำนวน 6,200 ล้านบาท ปี 2563 จำนวน 8,200 ล้านบาท ปี 2564 จำนวน 6,100 ล้านบาท ปี 2565 จำนวน 7,000 ล้านบาท ท่านผู้ชมครับ รวม 6 ปี กทม. จัดสรรงบประมาณไว้ 40,200 ล้านบาท นี่เฉพาะกรุงเทพมหานครนะ เมื่อกี้ผมพูดทั่วประเทศ

ท่านผู้ชมจำเรื่องอุโมงค์ยักษ์ได้ไหม ? มีการวางแผนสร้างอุโมงค์ยักษ์ไว้ 10 จุด สมัยคุณสุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม. สร้าง 4 จุด มาสมัยอัศวิน ขวัญเมือง เพิ่มอีก 6 จุด กทม. เตรียมพร้อมสร้างอุโมงค์ยักษ์อีก 6 จุด อุโมงค์ยักษ์ 4 แห่ง มูลค่า 16,000 ล้านบาท อุโมงค์ยักษ์เพิ่มเติมอีก 6 แห่ง มูลค่า 26,000 ล้านบาท รวมแล้ว 42,000 ล้านบาท


ท่านผู้ชมเคยคิดบ้างไหมว่าการแก้ปัญหาน้ำท่วม ถ้ารวมไปจนถึงอนาคตข้างหน้าที่จัดไว้อีก 8 แสนกว่าล้าน เบ็ดเสร็จแล้วเงินที่ลงไปเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม เข้าหลักล้านล้านบาท ท่านผู้ชมครับ ผมฟังแล้วผมจะสติเสีย สติแตก ผมไม่เข้าใจ 1 ล้านล้านกว่าบาท รัฐบาลแก้อะไรได้บ้าง

ท่านผู้ชมครับ ถ้าผมจำไม่ผิด พ่อหลวง คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระองค์ท่านพูด น้ำ อย่าไปกั้นมัน เมื่อน้ำมาแล้ว ทำอย่างไรระบายออกให้เร็วที่สุด วัตถุประสงค์มีอยู่แค่นี้ ผมใช้สามัญสำนึกของคนที่คิด ไม่ว่าจะน้ำท่วมที่สิงห์บุรี ไม่ว่าจะน้ำท่วมที่ไหน ทุกคนจะบอกเลยว่าน้ำป่าไหลหลาก ไหลมา หลักการง่ายๆ ก็คือว่าจะทำอย่างไร ที่น้ำป่าจังหวัดนี้มันไหลมา เพราะว่าคนที่อยู่ในจังหวัดนั้น ข้าราชการประจำอยู่ดูแลเรื่องน้ำ ย่อมรู้ว่าเวลาหน้าน้ำมาทีไร หรือฝนตกหนักมาทีไร น้ำจะไหลมาทางไหนบ้าง เมื่อไหลมาทางไหนแล้ว จะทำอย่างไรที่จะให้น้ำที่มันไหลมาแต่ละทางนั้นรวมตัวกันแล้วก็ไหลเข้าไปสู่แหล่งระบายน้ำที่ระบายเข้าสู่แม่น้ำหลักของจังหวัดนั้น หรือแม่น้ำเจ้าพระยา

แม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อสูงขึ้นมาเวลาฝนตกหนัก แล้วเราจะแก้อย่างไร ? เราไม่ต้องไปแก้ เราไม่ต้องไปสร้างเขื่อน เราก็ระบายน้ำที่มันท่วม ไม่ว่าจะเป็นอยุธญา ไม่ว่าจะเป็นจังหวัวดไหนก็ตาม ให้มันออกเร็วที่สุด จาก 7 วัน ให้เหลือ 3 วัน ให้เหลือ 1 วัน แล้วทำให้ดีที่สุดให้เหลือไม่เกินครึ่งวัน จะระบายไปไหน ไม่ใช่หน้าที่ที่ผมจะต้องมาศึกษา แต่นี่คือหลักการง่ายๆ common sense สามัญสำนึก เพราะว่าถ้าคุณไปกั้นน้ำ น้ำมันเป็นของเหลว ไปเจอกำแพงมันก็วิ่งไปทางโน้นวิ่งไปทางนี้ ก็ปล่อยให้มันท่วมไปสิ แต่ว่าให้มันท่วมแล้วให้มันลด อย่างช้าที่สุดไม่เกิน 1 วัน ทำได้ท่านผู้ชม ทำไมจะทำไม่ได้

ทีนี้พอเราได้งบประมาณมาแล้ว มันก็เป็นขนมหวานที่จะทำให้คนที่ทำโครงการต่างๆ ผู้รับเหมาก่อสร้างต่างๆ ยิ่งสร้างให้มันสับสนมากขึ้น ยุบยับไปหมด ผลประโยชน์ที่จะดึงออกมา ลักเล็กขโมยน้อยมันก็มีเยอะแยะไปหมด ท่านผู้ชมลองคิดตามผมสิ งบประมาณในการแก้ปัญหาน้ำท่วมต่อไปอีก 5-6 ปีข้างหน้า บวกของเก่ารวมแล้วประมาณ 1 ล้านล้านบาท ท่านผู้ชม บ้าไปแล้ว! แล้วที่ทำมาตั้งแต่ปี 2561 ก่อนหน้านั้นปีละ 5 หมื่นกว่าล้านๆ ทำไมไม่มีการรายงานว่าทำอะไรไปบ้าง แล้วถ้าทำจริง น้ำมันจะไม่ท่วมแบบนี้หรอก

สุโขทัย น้ำท่วมกี่ครั้ง หน้าน้ำมาทีไร สุโขทัยน้ำท่วมหมด แล้วทำไมถึงไม่แก้กันตรงนั้น ทำไมแก้ไม่ได้ ท่านผู้ชมจำเรื่องหาดใหญ่ได้ไหม ?


หาดใหญ่ เคยมีน้ำท่วมหาดใหญ่อย่างชนิดที่ทำให้เสียหายมาก ผมยังจำได้ พอน้ำเริ่มลดแล้ว ผม กับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และประชาชนอีกจำนวนหนึ่ง ลงไปหาดใหญ่ ไปช่วยทำความสะอาดให้ ปรากฏว่ารัชกาลที่ 9 ท่านลงไปดู ท่านศึกษา ท่านก็บอกว่า คุณสร้างถนนเอาไว้แล้วคุณก็ไปบล็อกทางเดินน้ำ เพราะฉะนั้นวิธีการก็คือต้องขุดอุโมงค์ลอดใต้ถนน ถ้าช่วงไหนน้ำเยอะ อุโมงค์ก็ถี่หน่อย ห่างกันสัก 10-20 เมตร ถ้าแถวไหนน้ำมาไม่มากนัก อุโมงค์ก็ห่างออกไปเป็น 100 เมตรได้ ท่านผู้ชม หาดใหญ่น้ำไม่ท่วม พระปรีชาสามารถของพระองค์ท่านที่มองปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ที่สำคัญ พระองค์ท่านไม่มีค่าคอมมิชชัน พระองค์ท่านทำด้วยเจตนารมณ์ในการช่วยประชาชน แล้วพระองค์ท่านก็ดูเลยว่า มันแก้ง่ายๆ ด้วยการแบบนี้ๆๆๆ


แต่พอเข้ามาสู่นักวิศวะ นักวิชาการ นักการเมือง เรื่องมันเริ่มจะมากขึ้นแล้วคราวนี้ อุโมงค์ต้องลอดอย่างนี้ ต้องโยงไปทางนั้น คือพูดง่ายๆ ว่า ให้มีงบการก่อสร้างมากขึ้น ทั้งหมดนี้ก็คือการทำมาหาแ...ก (ขอประทานโทษท่านผู้ชม) ด้วยความสัตย์จริง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี และ พล.อ.ประยุทธ์ ลงที่สิงห์บุรี ไปแย่งแสงกันแหลกราญหมด


ประเด็นไม่ได้อยู่ที่คุณจะลง ลงไปทำไม ประเด็นมันคือ คุณเอามาพูดหน่อยสิ ท่านนายกฯ ท่านจะต้องเข้ามาว่า เฮ้ย ปี 59 งบประมาณ 52,630 ล้านบาท ปี 60 จำนวน 54,200 ล้านบาท ปี 61 จำนวน 60,355 ล้านบาท ปี 62 จำนวน 62,831 ล้านบาท ปี 63 จำนวน 59,431 ล้านบาท รวม 5 ปี ท่านนายกฯ 349,802 ล้าน ท่านนายกฯ ต้องถามว่า เฮ้ย 3 แสนกว่าล้าน ที่จ่ายไป ทำอะไรไปบ้าง แล้วทำไมน้ำมันยังท่วมแบบนี้อีก หมายความว่าอย่างไร ? หมายความว่าต้องใช้งบประมาณจนถึง 1 ล้านล้านบาท หรืออย่างไร น้ำถึงจะไม่ท่วม

มีผู้รู้คนหนึ่ง เขาบอกว่า พี่สนธิครับ คอนเซปต์ง่ายๆ ในการแก้น้ำท่วม ไม่ยากอะไรเลย แล้วถูกด้วย เอาสะพานเดชาติวงศ์ ที่นครสวรรค์ เป็นตัวตั้ง พอน้ำไหลมาปั๊บ เอาเครื่องกังหันดูดน้ำให้ออกไปเร็วๆ เลย น้ำมาจากทางเหนือเท่าไร ก็ดูดออกไป แล้วก็ไปขยายทางระบายน้ำด้านล่างของแม่น้ำเจ้าพระยา ไปขยายทางที่จะออกทะเลที่สมุทรปราการ แล้วก็ให้มันออกไป แล้วตรงนั้นก็หาทางที่จะสร้างเขื่อนที่คอยปิดเมื่อเวลาน้ำมันขึ้นก็ปิด ไม่ให้น้ำทะลักเข้ามา เมื่อน้ำลงก็เปิดเพื่อให้น้ำซึ่งอยู่ข้างใน ถูกระบายออกไป พี่สนธิครับ ผมศึกษาแล้ว เบ็ดเสร็จไม่เกิน 7-8 หมื่้นล้าน แก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างน้อยที่สุด 70-80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือน้ำป่าที่ทะลักจากภูเขา อย่างสิงห์บุรี หรือสุโขทัย ทุกคนต้องรู้ คุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็ต้องรู้สิว่าถ้าหน้าน้ำมาทีไร น้ำมาทางไหนล่ะ เพราะฉะนั้นงบประมาณก็ต้องไปหาทางที่จะดำเนินการให้น้ำที่มาจากทางไหนก็ตามที่มันจะท่วมเมืองสุโขทัยทั้งเมือง หรือท่วมไร่นา ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Divert ผลักดันมันออกไปในช่องทางที่สามารถจะเข้าสู่แม่น้ำยม แม่น้ำ... ลงไปสู่แม่น้ำเจ้าพระยา

ท่านผู้ชมครับ ผมพูดจากสามัญสำนึก common sense และผมคิดว่า common sense ตัวนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก

ท่านผู้ชมครับ ช่วงนี้เป็นช่วงที่เสียงปี่เสียงกลองในเรื่องทางการเมืองเริ่มดังขึ้นแล้ว หลายๆ คนก็คาดการณ์ว่าน่าจะมีการยุบสภา หรือเลือกตั้ง หลายๆ คนก็ตั้งเป้าเอาไว้ว่าน่าจะเป็นต้นปี แต่ก็มีไม่น้อยที่เช็กข้อมูลในเชิงลึกมาแล้ว ก็บอกว่าน่าจะยุบประมาณสิงหาคม อาจจะเป็นเพราะปัญหาเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จะได้อยู่ต่อหลังครบ 8 ปีหรือไม่นั้น ยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ เพราะฉะนั้นแล้ว สิงหาคม น่าจะเป็นเป้าหมายที่ถูกต้อง

ก็มีท่านผู้ชมหลายท่านส่ง inbox มา ขอความเห็นมา ให้ผมพูดเรื่องการเมืองสักหน่อย ผมคิดว่าวิธีอธิบายเรื่องการเมืองในขณะนี้น่าจะอธิบายเป็นป่าทั้งป่าจะดีกว่า อธิบายป่าทั้งป่าแล้วก็แยกแต่ละพรรคออกมา ในการแยกนั้นคงจะไม่ลงลึกรายละเอียดถึงพรรคเล็กพรรคน้อย แต่เอาเฉพาะพรรคหลักๆ ซึ่งก็จะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย แล้วก็พรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนพรรคก้าวไกล

สำหรับพรรคก้าวไกล ผมมีข้อมูลที่น่าสนใจในการเลือกตั้งครั้งนี้ให้ท่านผู้ชมเอาไปวิสัชนากันดู


เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมพูดถึงเรื่องพรรคไทยภักดี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2564 ของนายแพทย์วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรค ซึ่งแถลงข่าวเปิดตัวไปแล้ว และผมก็ได้วิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ไปแล้วระดับหนึ่ง ส่วนก่อนหน้านั้น วันที่ 4 กรกฎาคม 2564 คุณหญิงสุดารัตน์ ก็ได้เปิดตัวพรรคไทยสร้างไทย ซึ่งคุณหญิงสุดารัตน์ ก็แน่นอน เป็นหนึ่งในอดีตพรรคเพื่อไทยที่ออกมา

คุณจาตุรนต์ ฉายแสง ก็ให้ความสนใจ ถึงกับบอกว่าน่าจะตั้งพรรคใหม่ขึ้นมา ได้ข่าวว่าใช้ชื่อพรรคว่า พรรคเส้นทางใหม่

พรรคเศรษฐกิจไทย ซึ่งว่ากันว่าเป็นพรรคสำรองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยที่จะให้ท่านปลัดฉิ่ง ท่านอดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย ฉัตรชัย พรหมเลิศ เป็นหัวหน้าพรรค


แต่ปรากฏว่าตอนนี้ก็แผ่วลงไปเยอะเลย โอกาสที่พรรคเศรษฐกิจไทยจะเกิดขึ้นนั้น คงจะยาก เหตุผลเพราะว่าปลัดฉิ่งตอนนี้เขาเรียกว่า เท้าลอย แล้ว เหมือนกับเป็นกระสือ คือลอยไปลอยมา อำนาจต่างๆ ที่เคยมีวางเอาไว้ คนของตัวเอง ก็ถูกท่านปลัดกระทรวงมหาดไทยคนใหม่ โยกย้ายไปจนหมด เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านปลัดฉิ่ง ก็อยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะว่าได้รับคำมั่นสัญญากับผู้หลักผู้ใหญ่ในรัฐบาลว่าเมื่อเกษียณแล้วให้มาเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งจะเป็นพรรคที่คอยเสริมเติมแต่งให้กับพรรคพลังประชารัฐ

ก็มีข่าวเหมือนกันว่า คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กับคุณยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานรัฐสภา คุณมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ เตรียมตั้งพรรคใหม่เช่นกัน ยังไม่นับรวมถึง พรรคกล้า ที่คุณกรณ์ จาติกวณิช ก่อตั้ง หลังจากลาออกมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาเคลื่อนไหวสักพักใหญ่แล้ว

ที่น่าสนใจมากๆ ก็คือว่า ในกลุ่มสี่กุมาร มีคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อุตตมา สาวนายน และคุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ตลอดจนคุณสุวิทย์ เมษินทรีย์ จะเข้าไปร่วมพรรคไหน หรือจะตั้งพรรคใหม่


เท่าที่ทราบจากข่าววงในจริงๆ ทั้ง 4 คนนี้ไม่ได้สนใจที่จะเข้ามาเล่นการเมือง หากทว่าทั้ง 4 คนนี้ พร้อมที่จะตั้งกลุ่มขึ้นมากลุ่มหนึ่ง โดยที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด และก็จะชี้ถึงประเด็นปัญหาต่างๆ ของประเทศชาติ ว่ามีอยู่ตรงไหนบ้าง และที่แก้ปัญหามาตั้งแต่พวกเขาออกมา แก้ถูกหรือแก้ผิด ถ้าแก้ผิดควรจะแก้อย่างไร คือพูดง่ายๆ ว่าทำตัวเป็นผู้วิเคราะห์เศรษฐกิจ โดยเขาจะเน้นหนักไปในด้านเศรษฐกิจ เพราะว่านี่คือความเชี่ยวชาญของกลุ่ม 4 คนนี้

กลุ่ม 4 คนนี้ก็มีความเข้มแข็งอยู่ในตัวเอง ก็เพราะว่าเป็นกลุ่มของเศรษฐกิจที่ค่อนข้างจะมีประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นคุณอุตตม ซึ่งเคยผ่านการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เคยเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ต่อมาก็เป็นว่าการกระทรวงพลังงาน สุวิทย์ เมษินทรีย์ ก็เป็นตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่หลายที่ รวมทั้งเป็นรัฐมนตรี อว. ก่อนที่จะออกจากตำแหน่งนี้ไป ส่วนสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ก็เป็นหัวหน้ากลุ่ม เป็นคนที่โค้ช หรือเป็นคนที่มองภาพรวม และเป็นคนที่แนะนำเรื่องราวต่างๆ ว่าควรจะเดินไปอย่างไร ประสบการณ์ของคุณสมคิด นั้น มีมากมายมหาศาลอย่างชนิดที่เรียกว่า หาตัวจับไม่ได้

เพราะฉะนั้นแล้ว สี่คนนี้จะมีข้อดีตรงที่ว่า มีความเข้มแข็งถ้าเขารวมกลุ่มได้ ในขณะซึ่งเมื่อเรามามองพรรคทุกพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ แม้กระทั่งพรรคอย่างเช่นพรรคเพื่อไทย หรือพรรคหลายๆ พรรคที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้ ล้วนแล้วแต่เป็นพรรคการเมืองที่ขาดทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง

การหารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไม่ใช่เรื่องที่จะหายาก แต่การหาทีมเศรษฐกิจที่จะทำงานประสานและสอดคล้องซึ่งกันและกันนั้น เป็นเรื่องที่ทุกพรรค แม้กระทั่งพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่มี และผมก็เชื่อว่าหลังจากเหตุการณ์การเลือกตั้งไปแล้ว อนาคตข้างหน้าของประเทศไทยนั้นจะสำคัญอยู่ที่ว่า จะทำอย่างไรให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ในเชิงเศรษฐกิจ ซึ่งเราในขณะนี้ตกต่ำอย่างมากๆ แล้วก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเลย การเจริญเติบโตของเราก็ค่อนข้างจะต่ำที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียน ก็คือว่าไม่มีน่าภูมิใจเลยแม้แต่นิดเดียว 7 ปีที่ผ่านมานี้ ช่วง 2 ปีหลังที่ผ่านมานี้ เป็นช่วงที่โรคระบาดมาซ้ำเติมภาวะเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก


ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์ทางการเมืองยังฝุ่นตลบอยู่ ผมอยากจะเริ่มที่พรรคพลังประชารัฐก่อน ผมจะวิเคราะห์เป็นพรรคๆ ให้ฟัง พรรคพลังประชารัฐนั้น ถ้าพูดอย่างชนิดที่เรียกว่าพูดแบบชาวบ้านเขาพูดนะ เป็นพรรคผีหัวขาด กับ ผีกระสือ ต่างกันตรงไหน ผีหัวขาด กับ ผีกระสือ ก็คือพรรคพลังประชารัฐไม่มีหัว พล.อ.ประวิตร อาจจะเป็นหัวหน้าพรรคก็จริง แต่ว่า พล.อ.ประวิตร ก็ไม่ต้องการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นแล้ว พล.อ.ประวิตร จำเป็นต้องชู เพราะฉะนั้นแล้วก็พูดได้ว่าพรรคพลังประชารัฐคือพรรคผีหัวขาด ไม่มีหัว ก็เลยต้องหาหัวมาเสียบ การหาหัวมาเสียบก็ขึ้นอยู่กับว่า หัวที่เอามาเสียบนั้น ประชาชนชอบหรือไม่ชอบ ในช่วงหลังนั้นจะมีโพลออกมาเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูเปอร์โพล ซึ่งเชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้นได้รับความนิยมถึง 68 เปอร์เซ็นต์ ก็เลยทำให้คนที่เชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ นั้นฮือฮากันมาก

สำหรับผมแล้ว ผมดูโพลไปอย่างหนึ่ง ผมดูแล้วผมก็ไม่ได้เชื่อไป 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะว่าโพลทุกวันนี้ บางโพลจ่ายเงิน 500,000 บาท ให้ทำโพล เจ้าของโพลก็มานั่งเขียนผลออกมาเองด้วยตัวเอง เพราะฉะนั้นสำหรับผมแล้ว ไม่น่าเชื่อถือ โพลนี้ ถ้าจะให้ผมเชื่อจริงๆ ผมน่าจะเชื่อโพลของนิด้าโพลมากกว่า

เพราะฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ในขณะนี้ท่านต้องการเล่นการเมืองต่อ ก็ต้องมีพรรค พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนผีกระสือ ลอยไปลอยมา ไม่มีราก ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ก็เหมือนกับผีหัวขาด คำถามว่า ผีกระสือตรงนี้จะหยุดลอยแล้วมาเสียบเป็นหัวหน้าพรรคได้อีกหรือไม่ เพราะว่าผมดูแล้วแนวโน้มที่ทุกคนบอกว่า พล.อ.ประวิตร จะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ คนเดียวนั้น อาจจะไม่ใช่อย่างนั้น อาจจะมีชื่อที่แซมโผล่เข้ามา ก็คือ พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งตอนนี้เข้ามาเป็นที่ปรึกษาพรรค


แต่ความแตกแยกในพรรคพลังประชารัฐ ถึงแม้ว่าคุณสิระ เจนจาคะ จะออกมาพยายามชี้แจงปิดรอยแผลที่มีขึ้นในพรรคนั้นให้เต็มที่ แต่ข้อเท็จจริงก็มีคือแตกแยกกันหนัก เพราะว่าการที่พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคมานั้น พีระพันธุ์ นั้นสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มานานแล้ว ว่ากันว่าเป็น connection เซนต์กาเบรียล เช่นกัน และขณะเดียวกัน พีระพันธุ์ นั้นก็สนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เช่นกัน การส่งพีระพันธุ์ มานั้น คนที่อยู่ในแวดวงการเมือง บอกว่าก็ต้องการที่จะผลักดันให้คนอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นั้น ต้องถูกกดดันและลาออกจากเลขาธิการพรรคไป แต่ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตร ถ้าไม่มีธรรมนัส พรหมเผ่า คอยทำงานให้ พล.อ.ประวิตร ก็คือคนแก่ๆ คนหนึ่งเท่านั้นเอง เพราะในขณะนี้ ร.อ.ธรรมนัส เดินสายทำงานให้กับ พล.อ.ประวิตร อย่างเต็มสูบ


ขณะเดียวกัน สมมุติว่าแตกหักกันจริงๆ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อาจจะยกพวกตัวเองซึ่งมีอยู่ประมาณ 30 เสียง ออกจากพรรคพลังประชารัฐ แล้วไปร่วมกับพรรคอื่น ก็จะทำให้พรรคพลังประชารัฐเสียศูนย์ไปอย่างฮวบฮาบไปเลย จะอย่างไรก็ตาม ท่านผู้ชมครับ ผมคิดว่าพรรคพลังประชารัฐมีหลายก๊ก หลายแก๊ง แก๊งของคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็พยายามที่จะทำตัวสร้างชื่อสร้างเสียงขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปลดล็อกกระท่อม การทำเรื่องฟ้าทะลายโจร และล่าสุดได้ข่าวมาว่าพยายามที่จะเตะตัดขาคุณอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย ผู้ซึ่งริเริ่มทำเรื่องกัญชามาตั้งแต่ต้น ว่าเมื่อเข้ามาถึงมือของสมศักดิ์ เทพสุทิน แล้ว จะหาทางปลดล็อกกัญชาให้ได้ ให้เป็นกัญชาเสรีให้ได้ เพื่อจะเอาเสียงคนที่อยู่ในแวดวงกัญชา ซึ่งมีอยู่ประมาณ 3-4 ล้านคน ให้ได้


เอาเป็นว่าในขณะนี้ผมมามองอย่างนี้ เมื่อมองอย่างนี้แล้ว ก่อนผมจะวิเคราะห์ต่อ ผมจะขอวิเคราะห์ข้ามล่วงหน้าไปที่พรรคก้าวไกล

พรรคก้าวไกล ครั้งนี้ผมเชื่อว่า ข้อสังเกตอย่างหนึ่ง เงินบริจาคประชาชนที่ให้คนละ 100 บาท พรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ได้รับเงินบริจาคเยอะที่สุด มูลค่าเงินที่บริจาคมาคือ 12 ล้านบาท นั่นคือ 120,000 เสียง ที่บริจาคมา เพราะฉะนั้นแล้ว 120,000 เสียง ยอด 12 ล้านบาท เป็นยอดรวมที่คนบริจาคเข้าพรรคทุกพรรครวมกันแล้วยังไม่เท่ากับพรรคก้าวไกล 1 พรรค เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าพรรคก้าวไกลมีฐานเสียงคนรุ่นใหม่ที่ค่อนข้างจะเข้มแข็ง แต่โอกาส ส.ส.เขต ในอนาคต ผมก็ยังคิดว่าพรรคก้าวไกลจะไปไม่ถึงฝั่ง ถึงแม้ว่าคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเริ่มบุกอีสานไปแล้วก็ตาม เพราะว่าอีสานยังเป็นพื้นที่ต้องช่วงชิงกัน 3 พรรค ระหว่างพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย

แต่ผมจะทำนายไว้ก่อนล่วงหน้า ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ลองฟังคำทำนายของผมไว้หน่อยนะ พรรคก้าวไกล จะกุมเสียงกรุงเทพมหานครได้เกือบหมด เพราะว่ากรุงเทพมหานครตอนนี้เริ่มเบื่อพรรคพลังประชารัฐ จริงๆ แล้วพรรคพลังประชารัฐมีจุดอ่อนมาก จุดอ่อนมากๆ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังถึงจุดอ่อน แล้วผมก็ไม่ได้คิดว่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ที่ยึดตำแหน่งอยู่ใน ส.ส.เขตในกรุงเทพฯ จะกลับมาได้ง่ายดายเหมือนสมัยก่อน ไม่ง่ายล่ะครับ ส่วนประชาธิปัตย์นั้น ผมคิดว่าไม่มีโอกาสแล้ว ผมก็เลยอยากจะฟันธงว่า พรรคก้าวไกล จะยึดพื้นที่ในกรุงเทพฯ มากที่สุด อาจจะมีพลังประชารัฐแซมเข้ามา 1-2 คน หรืออาจจะมีพรรคภูมิใจไทยสัก 1-2 คน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ผมยังมองไม่เห็น


เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเราพิจารณาจากตรงนี้ เนื่องจากการเลือกตั้งใช้บัตรสองใบ พรรคก้าวไกลก็จะเสียเปรียบ ด้วยเหตุนี้ ส.ส.ของพรรคก้าวไกล ที่เคยมีอยู่จำนวนหนึ่งที่มากพอสมควร ก็จะหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง ฉะนั้นยอดของพรรคก้าวไกลก็จะลดอย่างฮวบฮาบ ในขณะเดียวกัน ผมก็มองว่าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งคราวที่แล้วได้ที่สอง 110 กว่าเสียง ผมเชื่อว่างวดหน้าจะได้น้อยกว่า 110 เสียง น่าจะ 90 ต้นๆ เหตุผลเพราะว่าพรรคพลังประชารัฐ ถ้าดูให้ดีๆ แล้ว ไม่มีผลงานอะไรเลยนอกจากการลด แลก แจก แถม ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็ไปอ้างว่าเป็นผลงานของพรรคพลังประชารัฐ แต่ในขณะเดียวกันนั้นก็ยังไม่มีอะไรที่เป็นรูปธรรมที่พรรคพลังประชารัฐทำเพื่อประชาชนจริงๆ แม้กระทั่งในเรื่องของ ฟทจ. ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับ ฟ้าทะลายโจร ก็ไม่ได้คืบหน้าอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว คือพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่ใช้วาทกรรมในการทำงาน และความที่เป็นพรรครัฐบาล ผลงานไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ผมคิดว่าถ้าจะต้องการสั่งสอนคนที่ทำงานแล้วไม่มีผลงาน ต้องสั่งสอนพรรคพลังประชารัฐ

ท่านผู้ชมครับ ผมเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ คนจะเลือกพรรคพลังประชารัฐน้อยลงกว่าเก่า ด้วยเหตุนี้ผมก็คิดว่า อันดับ 1 ในที่สุดแล้วก็ยังจะต้องกลับมา แล้วพรรคพลังประชารัฐยังแบ่งเป็นก๊กเป็นแก๊งเต็มไปหมด แก๊งของเสี่ยเฮ้ง แก๊งของเสี่ยแฮ้ง แก๊งสามมิตร แก๊งของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แล้วการที่เอาคุณนฤมล หรือคุณแหม่ม หรือที่เขาเรียกว่า บิ๊กอาย มาดูแลการเลือกตั้งในกรุงเทพมหานครนั้น ก็ถือว่าเป็นจุดจบของพรรคพลังประชารัฐเช่นกัน


ลองตามดู ผมมั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐจะบาดเจ็บสาหัสในกรุงเทพมหานคร และพรรคก้าวไกล จะได้เยอะ

ทีนี้ เรามาถึงพรรคเพื่อไทยบ้าง พรรคเพื่อไทยน่าเสียดาย เพราะพรรคเพื่อไทยในที่สุดแล้วก็จบลงด้วยกระบวนทัศน์เก่าๆ ก็คือว่าเป็นพรรคของคุณทักษิณ และเป็นของตระกูลชินวัตร วันนี้ที่วุ่นวายกันมากที่สุดแล้วคุณทักษิณ ชินวัตร ก็โทรศัพท์ไปหากลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มทางอีสาน ก็ถูกถามว่าตกลงใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรค จะชูใครเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีเสียงว่าจะชูคุณเพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็มีเสียงว่าจะเอาคุณหญิงอ้อ พจมาน ณ ป้อมเพชร มาเป็นผู้บัญชาการการเลือกตั้ง คือสรุปง่ายๆ พูดกันถึงขนาดที่ว่าจะเอาลูกเขยของคุณทักษิณ มาเป็นหัวหน้าพรรค ชูเป็นนายกฯ คือสรุปง่ายๆ ว่าทั้งหมดนี้ก็คือเป็นพรรคของตระกูลชินวัตร และอีกอย่างในขณะนี้ 


ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง คุณภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งเป็นสมาชิกของพรรคเพื่อไทยที่ค่อนข้างจะมีอิทธิพลพอสมควร ออกมาพูดอย่างชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทย มีหนึ่งเดียว ไม่มีแตกแยกสาขา ไม่มีอะไรทั้งสิ้น มีแห่งเดียว อย่าไปฟังคนอื่น นั่้นก็คือว่าพูดตัดขาดเลยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ตัดขาดกับคุณจาตุรนต์ ฉายแสง และอีกประการหนึ่ง ผมเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยนั้นยังมีฐานเสียงที่แข็งพอสมควร อยู่ที่ทางภาคอีสาน และ 7 ปีที่ผ่านมานี้ ประชาชนทางภาคอีสานและประชาชนทั่วไป รู้สึกเดือดร้อน ขมขื่น กับการบริหารงานทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ภูมิธรรม เวชยชัย
ด้วยเหตุนี้ พรรคเพื่อไทย มีโอกาสจะกลับมาเป็นที่ 1 เหมือนเดิม หลังจากที่การเลือกตั้งคราวที่แล้ว และอาจจะได้มากขึ้นกว่าเดิม คำถามคือ จะได้มาก-น้อยแค่ไหน ผมไม่รู้ แต่ถ้าได้มาก มากถึงขนาดว่าอาจจะขาดอยู่ไม่กี่เสียง ก็สามารถจะเกินกว่าครึ่งได้ ถ้าถึงวันนั้นแล้ว น่าสนใจมากว่า ส.ว. จะคิดอย่างไร ยังจะเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ ส.ส.หรือไม่ จะเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งแน่นอนว่าถ้าพรรคพลังประชารัฐชู พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมา แล้วเกิดพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเสียงน้อยกว่าเก่า แล้วพรรคเพื่อไทยได้มากกว่าเก่าเยอะ แล้วถ้าพรรคเพื่อไทย รวมพรรคภูมิใจไทย และรวมพรรคอื่นๆ แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งผมไม่ได้มั่นใจในอุดมการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์อีกต่อไปแล้ว จากการที่พลิกตัวเอง จากการตัดสินใจมาร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ภายใต้การนำของคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์


ท่านผู้ชมครับ อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นแล้ว การตระบัดสัตย์ เป็นเรื่องปกติธรรมดาในเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้ เพราะฉะนั้นแล้ว พรรคเพื่อไทย ปัญหาใหญ่ในขณะนี้ก็คือ ยังแสวงหาคนมาเป็นหัวหน้าพรรค แล้วชูคนเป็นนายกฯ ยังไม่ลงตัว ส่วนพรรคพลังประชารัฐ มีตัวชูโรง ตัวเด่นอยู่แล้ว ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แต่ มีโอกาสไหมที่จะชูเพิ่มอีก 2 คน หรือให้ชูทั้ง 3 คน ให้เลือกเอา อาจจะมีพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อีกคนหนึ่ง หรือท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ผู้ว่าฯ หมูป่า ก็เป็นไปได้


อะไรๆ ทุกวันนี้ในการเมืองเมืองไทย เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าชูผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอกาสที่ประชาชนจะเลือกพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น อาจจะมี แต่ถ้ายังชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผมคิดว่าสู้พรรคเพื่อไทยไม่ได้อย่างแน่นอนที่สุด

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่จะจบเรื่องพรรคเพื่อไทย ผมมีข้อคิดอย่างนี้ ปัญหาของพรรคเพื่อไทย อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ เป็นปัญหาของตระกูลชินวัตร ไม่เคยเป็นพรรคมหาชนเลยครับ ที่อ้างว่า พรรคเพื่อไทย หัวใจประชาชน นั้นไม่ใช่ จริงๆ เป็นพรรคเพื่อทักษิณ หัวใจชินวัตร น่าจะถูกต้องกว่านะครับ ไล่มาสิครับ ตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตร สมัคร ไม่มีทางเลือก สมชาย ยิ่งลักษณ์ แล้วทำไมต้องสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ? เพราะสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ มาเป็นหัวหน้าพรรค อยู่บัญชีหมายเลข 1 เพื่อจะชูตัวเป็นนายกฯ ไม่มีความหมาย เพราะว่าทักษิณ รู้อยู่แล้วว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีวันที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้


นั่นคือโอกาสที่สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ นั่งเป็นหัวหน้าพรรคได้ แต่ถ้ามีโอกาสแล้ว โอกาสที่จะมีมากกว่า 200 เสียง หรือใกล้ๆ 200 เสียง เป็นพรรคใหญ่อันดับ 1 ที่ชนะพรรคอันดับ 2 ไปหลายสิบเสียง นี่ผมเชื่อว่านายทักษิณ ขณะนี้กำลังเลือกอยู่ว่าจะเอาใครดี ผมว่าคุณพจมาน คงไม่ลงมาเล่นเอง บางคนบอกว่าเป็นลูกเขย ณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของเอม พิณทองทา หรือนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามีอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร หรือแม้กระทั่งคนอย่างเพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ หรือแม้กระทั่งมีชื่ออย่างเช่น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และมีชื่อใหม่เข้ามา คือ นายเศรษฐา ทวีสิน เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ แสนสิริ แต่ผมจะลองโยนหินถามทางเข้าไปสักชื่อหนึ่งก็แล้วกัน และถ้าเกิดเป็นจริงขึ้นมา ผมก็จะไม่ประหลาดใจ แต่ท่านผู้ชมจะประหลาดใจมาก คุณชัชชาติ ก็ไม่ใช่จะไม่มีโอกาสเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย


เพราะในขณะนี้ทักษิณเอง ความที่ต้องการจะผูกเอาไว้ทุกอย่างกับครอบครัวตัวเอง ก็รู้ว่าตรงนี้ก็คือจุดบอดของตัวเอง คำถามคือ ทักษิณ ต้องการที่จะให้คนที่เข้ามาชูอันดับ 1 เพื่อเป็นนายกฯ นั้น เป็นคนที่ตัวเองคุมได้ ผมไม่รู้ว่าเขาคุมคุณชัชชาติ ได้หรือเปล่า แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนที่สุดคือ ภาพลักษณ์ของคุณชัชชาติ นั้น เป็นภาพลักษณ์ที่ไม่เสีย ถึงแม้ว่าจะเคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในยุคของพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะว่าชัชชาติสะท้อนถึงคนรุ่นใหม่ คนหนุ่มที่ยังมีโอกาสอยู่

ท่านผู้ชมครับ ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจสำหรับผมถ้าชัชชาติ ได้รับการเลือก เพราะว่าถ้าชัชชาติ ได้รับการเลือกนั้น จะทำให้คะแนนเสียง โอกาสที่คุณทักษิณ ชินวัตร หรือแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทย ที่จะส่งคนลงกรุงเทพมหานคร ก็อาจจะมีสิทธิที่จะได้เสียงในกรุงเทพมหานคร เป็น ส.ส.กรุงเทพฯ หลายคนเช่นกัน และผมคิดว่าอย่าไปประมาทเรื่องนี้

พรรคประชาธิปัตย์นั้น ตอนนี้กลายเป็นพรรค ผมจำได้สมัยที่ผมยังหนุ่มๆ อยู่ คล้ายๆ พรรคชาติไทยยุคของบรรหาร ศิลปอาชา พรรคประชาธิปัตย์วันนี้อุดมการณ์ไม่มีเหลืออะไรแล้ว ขออย่างเดียวก็คือว่า ท่าทีทางการเมืองพรรคประชาธิปัตย์ตอนนี้กลายเป็นว่า ทำอย่างไรก็ได้ไม่ให้อดอยากปากแห้ง ขอให้ได้เป็นรัฐมนตรี แต่พรรคประชาธิปัตย์นั้นมีแผลเต็มไปหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้ากากอนามัย ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารงานของคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ หรือตลอดจนสารพิษ ซึ่งอยู่ภายใต้การบริหารของคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์

ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์ตีกินกับคนใต้ คนใต้ครับ พี่น้องทางใต้ครับ ให้รับทราบความจริงว่า ที่หลายคนที่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ สายพรรคประชาธิปัตย์ทางใต้ ไปอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวการที่ปลดล็อกเรื่องกระท่อม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โกหก โกหกอย่างบัดซบเลยครับ คนที่ปลดล็อกเรื่องกระท่อม ชื่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นคนปลดล็อกเรื่องกระท่อม ไม่ใช่พรรคประชาธิปัตย์


พรรคประชาธิปัตย์จะชำนาญในเรื่องตีกินเก่งที่สุด เพราะฉะนั้นแล้ว คนใต้ถ้าฟังผมพูดวันนี้ ต้องรู้ว่าในอดีตที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์แทบจะไม่ได้ทำอะไรให้คนใต้ แล้วสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์พึ่งพาอาศัยอยู่ตลอดเวลา ก็คือเรื่องของเกษตรกร นั่นคือเหตุผลที่คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ทุ่มเทให้กับการประกันราคาพืชผล ประกันราคาพืชผล

การประกันราคาพืชผลนั้นก็มีเงื่อนงำหลายประการ ซึ่งยังไม่สามารถจะพิสูจน์ได้ว่าเมื่อตั้งราคาประกันยางเท่านี้ ราคาประกันของเท่านี้ แต่ปรากฏว่าในข้อเท็จจริงก็คือว่า นายทุนจะรู้ล่วงหน้าว่าจะมีการประกันราคา ก็เลยสะสมพวกพืชผลต่างๆ เหล่านั้นเอาไว้ในโกดังของตัวเอง เมื่อมีการประกาศการประกันราคาขึ้นมา ตัวเองซื้อพืชผลมาในราคา 1 บาท เมื่อประกันราคาได้ 1.50 บาท ก็สามารถกำไร 50 สตางค์ ได้ทันทีเลย นี่คือลักษณะที่มันเกิดขึ้นจากกระบวนการ ขั้นตอน การประกันราคาพืชผล

ท่านผู้ชมครับ อีกอย่างหนึ่งที่ผมต้องการเรียนให้พี่น้องชาวใต้รับทราบ พรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ทำอะไรให้พี่น้องชาวใต้ในเรื่องใบกระท่อมเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นใครก็ตามอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์ปลดล็อกเรื่องใบกระท่อม ไม่ใช่ สมศักดิ์ เทพสุทิน ต่างหากเป็นคนปลดล็อกใบกระท่อม และท่านผู้ชมครับ ทางใต้นั้นคนที่ติดโรคระบาดมากมายมหาศาล ผมยังไม่เคยเห็นบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเข้าไปแก้ไขในเรื่องโรคระบาดให้กับพี่น้องชาวใต้เลย มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ที่่ส่ง ฟทจ. ไปให้ทางใต้ ยังทำงานมากกว่า ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ที่อยู่ทางใต้ทุกคน ไปถามคนที่สงขลาดู ว่าได้รับ ฟทจ. จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ไปแล้วขนาดไหน กี่อำเภอ กี่ตำบล รวมทั้งปัตตานี ยะลา นราธิวาส ด้วย

ผมก็เลยมองไม่เห็นอนาคตของพรรคประชาธิปัตย์ตามที่คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ เพ้อเจ้อออกมาว่าจะได้ร้อยกว่าเสียง แล้วชูคุณจุรินทร์ เป็นนายกฯ เป็นเรื่องที่ตลกขบขันมากที่สุด คือถ้าไม่ได้ดูรายการตลกที่ไหน ฟังคำให้สัมภาษณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ว่า คุณจุรินทร์ จะเป็นนายกรัฐมนตรี และจะมี ส.ส.ร้อยกว่าคน นี่คือความตลกขบขันที่หาที่ใดเปรียบไม่ได้เลย ลองเปิดฟังดู แค่ฟังแค่นี้ก็น่าที่จะรู้อยู่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ ที่ผมกำลังกังวลในขณะนี้ก็คือว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ถ้าสมมุติว่าพรรคเพื่อไทยเสนอใครก็ตามขึ้นมา เดี๋ยวนี้ไม่ใช่การเสนอใครก็ตามขึ้นมาแล้ว ถึงจะเสียงข้างมากจะได้นะครับ ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เพราะว่ามีเงื่อนไขของ ส.ว. ซึ่งสำคัญมาก แล้ว ส.ว.ในขณะนี้ ทุกวันนี้ ครั้งสุดท้ายที่จะเลือกนายกฯ อีกครั้งหนึ่งก่อนที่จะหมดสิทธิ์ในเรื่องนี้ต่อไป เขาอาจจะทุ่มสุดตัวเลยเพื่อเลือก พล.อ.ประยุทธ์ อีกครั้งหนึ่งก็ได้ โดยที่เขาไม่สนใจ ไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์


คำถามมีอยู่ว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงสูงมาก แต่ว่าพรรคพลังประชารัฐเกิดได้คะแนนมาเป็นที่สอง แต่ก็ห่างพรรคเพื่อไทยเยอะพอสมควร สมัยก่อนนี้ 110 กว่าเสียง กับ 130 เสียง มันห่างสิบกว่าเสียง แต่ถ้าเกิดห่างกันประมาณ 30-40 เสียง หรือแม้กระทั่ง 50 เสียง จะให้ความชอบธรรมกับระบอบประชาธิปไตยแบบนี้ได้อย่างไร นี่คือสิ่งที่ผมกังวล แต่ขณะเดียวกัน การเสนอชื่อของพรรคที่ไม่ใช่พรรคพลังประชารัฐนั้น ก็มีเงื่อนไขตรงที่ว่า แล้ว ส.ว.จะว่าอย่างไร ตรงนี้ต่างหากที่ผมจะเห็นว่าเป็นอุปสรรคและจะเป็นปัญหาในทางการเมืองเมืองไทย ซึ่งจะไม่สงบอย่างแน่นอนที่สุด ถ้าเหตุการณ์เป็นไปเช่นนั้น นอกเสียจากว่าพรรคเพื่อไทยมาอย่างถล่มทลาย หรือที่ทักษิณ ชอบโม้ว่า มาแบบแลนด์สไลด์

แลนด์สไลด์ อย่างไร ? ถ้าเขาสามารถเข้ามาได้เกิน 250 เสียง จากจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 50 เสียง เขาก็เกินครึ่งแล้ว ถ้าอย่างนั้นปฏิเสธเขาไม่ได้ หรือว่าถ้าเขาเข้ามาใกล้ 200 แล้วเขาบวกพรรคภูมิใจไทยเข้าไปอีกพรรคหนึ่ง เขาก็สามารถที่จะถือเสียงข้างมากได้ คำถามคือ ส.ว. จะว่าอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ จะว่าอย่างไร พล.อ.ประวิตร จะว่าอย่างไร และ พล.อ.อนุพงษ์ จะว่าอย่างไร


ท่านผู้ชมครับ จะเป็นอย่างไรก็ตาม ผมเรียนให้ทราบก่อนนิดหนึ่งว่าในขณะนี้พี่น้อง 3 ป. กำลังออกแบบการลงจากเวที กำลังหาบันไดลง เป็นไปได้ว่าการที่ชูคุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ซึ่งเป็นอดีตผู้พิพากษานั้น ถ้าได้เป็นนายกฯ คนๆ นี้จะเป็นคนที่ระวังหลังให้พี่น้อง 3 ป. จะมีการร่างกฎหมายหรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่เนื่องจากเป็นนักกฎหมาย ก็สามารถที่จะออกแบบทางลงให้กับพี่้น้อง 3 ป. ได้อย่างดีที่สุด สามคนนี้เสวยอำนาจมาเกือบ 8 ปี อะไรๆ ก็ผ่านมามากแล้ว ลาภ ยศ ทุกอย่าง สรรเสริญ ได้มาหมด ปัญหาคือ สามคนนี้ลึกๆ อาจจะอยากพักแล้ว แต่ว่าขี่อยู่บนหลังเสือ ยังลงไม่ได้ ผมถึงบอกว่าเลือกตั้งงวดหน้านี้ เป็นบริบทที่จะชี้ว่าอนาคตประเทศไทยจะเดินไปอย่างไร คำถามมีอยู่ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นนายกฯ อีกครั้งหนึ่ง คำถามมีอยู่อย่างนี้ ท่านยังรวบอำนาจเหมือนเดิมหรือเปล่า ยังตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวท่านเองหรือเปล่า ถ้ายังจะใช้ระบบราชการเหมือนเดิมขับเคลื่อนประเทศไทย ผมคิดว่าประเทศไทยไม่มีอนาคตหรอกครับ

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ก็จบเพียงแค่นี้ ท่านผู้ชมครับ รอรับกุศลผลบุญจากการถวายผ้ากฐิน เดี๋ยวผมจะออกเดินทางแล้ว ที่จะไปยังวัดป่าบ้านตาด ด้วยรถยนต์ ขอบพระคุณมากครับ แล้วพบกันใหม่อาทิตย์หน้า สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น