xs
xsm
sm
md
lg

“คอลลิน พาวเวลล์” คนนำกองทัพสหรัฐฯ บุกอิรักรอบแรก "เสียชีวิต" แล้วจากโรคแทรกซ้อนโควิด "บุชผู้ลูก" ออกสารชื่นชม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เอเจนซีส์ - ครอบครัวพาวเวลล์แถลงผ่านเฟซบุ๊กในวันจันทร์ (18 ต.ค.) ว่า พล.อ.คอลลิน พาวเวลล์ เสียชีวิตลงในวัย 84 ปี ด้วยโรคแทรกซ้อนจากโควิด-19 หลังรับการรักษาที่ศูนย์การแพทย์แห่งชาติวอลเตอร์ รีด ถึงแม้ว่าจะได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้วก็ตาม จบสิ้นตำนานผู้นำทัพสหรัฐฯ บุกอิรักรอบสงครามอ่าวเปอร์เซียที่ลือลั่น และยังสร้างวาทะเด็ดจนเป็นที่จดจำไปทั่วโลกที่ว่า "อิรักมีอาวุธพลานุภาพการทำลายล้างสูง"

CNBC สื่อสหรัฐฯ รายงานวันนี้ (18 ต.ค.) หลังข่าวการเสียชีวิตของวีรบุรุษสงครามอิรักของพล.อ.คอลลิน พาวเวอร์ เผยแพร่ออกไปในวันจันทร์ (18) ทำให้ทั้งบรรดาผู้นำสหรัฐฯ และอดีตเพื่อนร่วมงานของเขาออกมาแสดงความชื่นชมในตัวของพาวเวลล์ในฐานะผู้นำและวีรบุรุษ

อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ จอร์จ ดับเบิลยู บุช ผู้ลูกและอดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ลอรา บุช ส่งสารแสดงความเสียใจต่อการจากไป โดยสรรเสริญเขาว่า “เป็นข้าราชการผู้ยิ่งใหญ่” โดยชี้ไปถึงตั้งแต่ช่วงที่เขาทำงานรับใช้กองทัพสหรัฐฯ ในฐานะทหารในสมัยสงครามเวียดนาม

อ้างอิงจาก NBC News บุชผู้ลูก และนางบุช ระบุว่า มีความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการจากไปของเขา และยังชี้ว่า มีประธานาธิบดีสหรัฐฯ จำนวนมากที่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำและประสบการณ์ของพาวเวลล์ และเป็นที่ชื่นชอบของประธานาธิบดี โดยพาวเวลล์ได้รับเหรียญแห่งเสรีภาพจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นเหรียญสดุดีขั้นสูงสุดถึง 2 ครั้ง และเขายังได้รับการนับถือจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ และบุชผู้ลูกกล่าวว่า นอกเหนือจากสิ่งอื่นใด พาวเวลล์เป็นชายที่รักครอบครัวและเป็นเพื่อน

ทั้งนี้ พาวเวลล์ได้รับการแต่งตั้งจากบุชผู้ลูกให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และทำให้เขากลายเป็นแอฟริกันอเมริกันคนแรกที่ได้รับเกียรตินี้

และก่อนหน้าในสมัยอดีตประธานาธิบดี จอร์จ เอช.ดับเบิลยู บุช ผู้พ่อ พบว่า พาวเวลล์เป็นแอฟริกันอเมริกันคนแรกในประเทศและยังเป็นคนที่เข้ารับตำแหน่งเมื่ออายุน้อยสุดในฐานะประธานเสนาธิการทหารสหรัฐฯ สร้างชื่อจากการเป็นผู้ควบคุมปฏิบัติการพายุทะเลทรายช่วยคูเวตออกมาจากเงื้อมมือของอดีตประธานาธิบดีซัดดัม ฮุสเซน แห่งอิรักในสมรภูมิสงครามอ่าวเปอร์เซีย

อ้างอิงจาก moaa.org พบว่า การสูญเสียของฝ่ายสหรัฐฯ ในสงครามอ่าวเปอร์เซียนั้นมีทหารอเมริกันเสียชีวิต 148 นาย บาดเจ็บ 467 นาย และมีชาวอเมริกันถูกส่งไปรบในสงครามอ่าวเปอร์เซีย 694,550 คน และตายในสมรภูมิรบสำหรับในกรณีการบาดเจ็บที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ (noncombat injuries) เป็นจำนวน 235 นาย

การเสียชีวิตของเขาถูกประกาศโดยครอบครัวพาวเวลล์ผ่านทางเฟซบุ๊กในวันจันทร์ (18) มีใจความระบุว่า พล.อ.คอลลิน พาวเวลล์ เสียชีวิตลงด้วยโรคแทรกซ้อนจากโควิด-19 เช้าวันนี้ (18) หลังจากเข้ารับการรักษาที่ศูนย์การแพทย์แห่งชาติวอลเตอร์ รีด (Walter Reed National Medical Center) และเขาได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบโดสก่อนหน้า และสำหรับครอบครัวแล้วถือเป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของผู้ที่เป็นทั้งสามี พ่อ ปู่และตา และชาวอเมริกันที่ยิ่งใหญ่

CNBC รายงานว่า ข่าวการเสียชีวิตของเขาทำให้สงครามอิรักกลับเข้ามาในความทรงจำอีกครั้งเพราะพาวเวลล์เป็นผู้ออกมาโต้ถึงการที่สหรัฐฯ นำทัพบุกเข้าอิรักก่อนสหประชาชาติเป็นเพราะสหรัฐฯ มีข่าวกรองที่น่าเชื่อถือแต่ในภายหลังกลับกลายเป็นว่าเป็นสิ่งผิดพลาดเกือบทั้งหมด

ซึ่งหลังจาก 40 ปีของชีวิตในการทำงานให้สหรัฐฯ ทางการเมืองและการทหารในฐานะผู้นำทางการทหาร นักการทูต และที่ปรึกษาความมั่นคงสหรัฐฯ พบว่าอิทธิพลแนวคิดของเขานั้นเปลี่ยนแปลงต่อการทูตของสหรัฐฯและในภายหลังกลับถูกขัดขวางด้วยคำโต้แย้งของพาวเวลล์เองสำหรับการที่สหรัฐฯ กระโจนเข้าสู่สงครามอิรักซึ่งเริ่มมาตั้งแต่ปี 2003

และในภายหลังจากสหรัฐฯ ต้องเข้าสู่สงครามที่ยาวนานและหลายครั้งในตะวันออกกลาง พาวเวลล์ออกมายอมรับว่าการสนับสนุนสงครามอิรักของเขาหลอกหลอนเขามาตลอด

โดยหลังจากที่สหรัฐฯ ถูกก่อการร้าย 11 กันยายน ปี 2001 ที่ตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์พบว่า พาวเวลล์ออกมาสนับสนุนในการใช้กำลังทางทหารอย่างรวดเร็วในการจัดการต่อเครือข่ายอัลกกออิดะห์

เมื่อต้นปี 2003 ในการแถลงต่อสหประชาชาติระยะเวลาการขึ้นกล่าวนาน 75 นาที พาวเวลล์อ้างว่าสหรัฐฯ ได้รับรายงานข่าวกรองที่บ่งชี้ว่า “อิรักมีอาวุธพลานุภาพการทำลายล้างสูงและยังมีความทะเยอทะยานที่ต้องการจะผลิตเพิ่ม” แต่กลับกลายเป็นว่าข่าวกรองที่ว่านี้เป็นเท็จเกือบทั้งหมด โดยในปี 2016 พาวเวลล์ได้เรียกคำแถลงปี 2003 ของตัวเองว่า คำแถลงความล้มเหลวการข่าวครั้งใหญ่

อ้างอิงจาก NBC News พบว่า พวเวลล์ถูกพบว่ามีมะเร็งทางโลหิตวิทยา (myeloma) จำนวนมากในร่างกายซึ่งทำให้ร่างกายลดความสามารถในการต่อสู้การติดเชื้อลง
กำลังโหลดความคิดเห็น