xs
xsm
sm
md
lg

สิงคโปร์เปิดรับผู้เดินทาง 8 ชาติฉีดวัคซีนครบ ‘ไม่ต้องกักตัว’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



สิงคโปร์อนุญาตให้ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบโดสจาก 8 ประเทศเข้าเมืองได้โดยไม่ต้องกักตัว โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 19 ต.ค. ในความพยายามลดข้อจำกัดเพื่อปรับตัวสู่การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19

รัฐบาลสิงคโปร์เคยใช้มาตรการปิดพรมแดน ล็อกดาวน์ รวมถึงติดตามผู้สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโควิดเพื่อยับยั้งการระบาด แต่เนื่องจากเวลานี้ประชากรฉีดสิงคโปร์วัคซีนครบเกินกว่า 80% แล้ว ภาครัฐจึงหันมาให้ความสำคัญกับการผ่อนคลายข้อจำกัดต่างๆ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ

สิงคโปร์เริ่มเปิดโครงการ ‘travel lane’ สำหรับผู้เดินทางจากบรูไนและเยอรมนีเมื่อเดือน ก.ย. และในวันพรุ่งนี้ (19) จะขยายเพิ่มอีก 8 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ แคนาดา เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี เนเธอร์แลนด์ สเปน และสหรัฐอเมริกา ส่วนโครงการ travel lane สำหรับเกาหลีใต้จะเริ่มในวันที่ 15 พ.ย.

ภายใต้โครงการนี้ ผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดส รวมถึงมีผลตรวจโควิดเป็น “ลบ” ทั้งก่อนออกเดินทางและขณะที่มาถึงสิงคโปร์ จะได้รับอนุญาตให้เข้าเมืองได้โดยไม่ต้องกักตัว

“สิงคโปร์ไม่สามารถที่ล็อกดาวน์และปิดประเทศได้ตลอดไป” นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง กล่าวระหว่างที่ชี้แจงยุทธศาสตร์ “อยู่ร่วมกับโควิด-19” เมื่อวันที่ 9 ต.ค.

“ไวรัสสายพันธุ์เดลตาระบาดได้ง่ายมาก และมันได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกแล้ว ต่อให้ประชากรทุกคนได้รับวัคซีนครบหมด เราก็ไม่สามารถกำจัดมันให้หมดไปได้... เกือบทุกประเทศก็ยอมรับความจริงในข้อนี้”

นอกจากดูแลผู้ติดเชื้อที่มีอาการน้อย-ปานกลางให้สามารถรักษาตัวได้เองที่บ้านแล้ว ลี ย้ำว่า สิงคโปร์จำเป็นจะต้องเปิดรับผู้เดินทางจากต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทข้ามชาติหลายพันแห่งมีสำนักงานประจำภูมิภาคตั้งอยู่ที่นี่ และธุรกิจเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งพาสิงคโปร์ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการบิน

“เราจำเป็นต้องทยอยเปิดพรมแดนอย่างปลอดภัย บริษัทและนักลงทุนจำเป็นต้องใช้สิงคโปร์เป็นฐานในการทำธุรกิจทั้งระดับภูมิภาคและระดับโลก คนที่ทำงานให้บริษัทเหล่านี้ก็จำเป็นต้องเดินทางเพื่อหาเลี้ยงชีพ” ลี กล่าว

ฟิลิป โกะห์ รองประธานสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ชี้ว่า ความสำเร็จของสิงคโปร์ในการเปิดรับผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบน่าจะมีส่วนช่วยพลิกฟื้นอุตสาหกรรมการบินของโลกที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโควิด-19

ที่มา : เอเอฟพี
กำลังโหลดความคิดเห็น