xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ไม่ดีตรงไหน ? เอาปากกามาวง!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 1 ต.ค.64 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยสิ่งที่จะเล่าในวันนี้เราจะอดทนกับ “ลุงตู่” ไปอีกนานไหม?ตีความ รธน.มาตรา158 นั่งนายกฯ เกิน 8 ปี ได้หรือไม่? ทำไมช่วงนี้ลุงตู่ทำอะไรก็ผิด? รวมถึงเรื่องของ “พิยดา โกงมือถือ” มิจฉาชีพวัยทีน สะท้อนโลกดิจิทัลกับรัฐที่ล้าหลัง และเบื้องลึกเกมตัวประกัน “เมิ่ง หว่านโจว” ลูกสาว “หัวเว่ย” กับความเป็นอันธพาลทางธุรกิจโลกของอเมริกา ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.105



คำต่อคำ SONDHI TALK [1 ต.ค. 64] : ไม่ดีตรงไหน ? เอาปากกามาวง!!

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เป็นวันเริ่มต้นของไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ อีกไม่กี่วัน ภายในเดือนนี้ ก็จะเป็นช่วงของการทำบุญใหญ่ ก็คือการทอดกฐิน

วันนี้ก่อนจะเข้ารายการ ผมอยากจะพูดอะไรบางอย่างที่เป็นปกติธรรมดา ปีที่แล้วผมก็พูดมาแล้ว คือวันที่ 30 กันยายน คือเมื่อวานนี้ เป็นวันที่ข้าราชการที่ถึงเวลาเกษียณอายุจะต้องอำลาจากไป แล้วคนที่เข้ามาใหม่ปีนี้ หรือคนที่ขึ้นในตำแหน่งของคนที่เกษียณอายุก็เริ่มมีความสุขกับอำนาจบารมี ตำแหน่งแห่งที่ที่ตัวเองรอคอยมานาน หรือวิ่งเต้นมานาน


มีรูปๆ หนึ่งและกลอนบทหนึ่งที่ผมอยากจะเอาขึ้นให้ท่านผู้ชมได้เห็น แล้วก็ฝากให้กับคนที่เกษียณอายุไปแล้ว และคนที่ยังไม่เกษียณ แต่ใกล้ๆ เกษียณ ให้จำเอาไว้ กลอนเขาว่าอย่างนี้ครับ

"เป็นรามลักษณ์ยักษ์ลิงแน่จริงหรือ ?
แท้ก็คือหัวโขนเขาโยนใส่
พอจบบทหมดเรื่องถอดเครื่องไป
เดิมเช่นไรก็เป็นเหมือนเช่นเดิม"

30 กันยายน ได้เวลาถอดหัวโขน

ท่านผู้ชมครับ คนที่ทำงานรับใช้ชาติ ประชาชน รับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์มาตลอดชีวิตในการรับราชการจนถึงเมื่อวานนี้ ก็ขอให้เกษียณอายุด้วยความสุข ขอให้รู้ว่าคุณได้ทำหน้าที่ของคุณดีที่สุดแล้ว และผมก็คิดว่าพวกเราก็ฝากขอบคุณที่คุณได้ทำงานในตำแหน่งหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

ส่วนคนที่เกษียณอายุพร้อมกับเงินที่แอบซ่อนเอาไว้จากการคอร์รัปชัน รีดไถชาวบ้านเขา หรือว่าประพฤติตนเป็นข้าราชการที่ชั่วช้า ฉากหน้าดูเหมือนเป็นคนดี แต่ลับหลังคดโกงชาติ คดโกงบ้านเมืองและรีดไถพ่อค้าประชาชน ผมก็ภาวนาขอให้พวกมึงจงพินาศฉิบหาย อย่าได้มีความสุขกับการเกษียณ ขอให้มีอันเป็นไป ตกนรกหมกไหม้ทุกๆ คน ดีไหมท่านผู้ชม วิธีนี้ดุเดือดดี แล้วผมก็จะทำอย่างนี้ทุกปี

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่จะเข้ารายการว่ามีอะไรบ้าง เรามาพูดถึงเรื่องการแจก ฟทจ. ขิงผง และเครื่องช่วยหายใจสักหน่อย อาทิตย์ที่แล้ว 24 กันยายน จนถึงวันนี้ เหมือนเช่นเคย เราแจก ฟทจ. ไปแล้วเยอะเลยครับ หลายแสนขวด 350,000 กระปุก ราวๆ 28 ล้านแคปซูล เยอะแยะไปหมดครับ วัดป่าภูแปก ญาณสัมปันโน สำนักธรรมสถานปัญญาธรรม ลพบุรี ชุมชนคลองสาน เขตคลองสาน ชุมชนโรงแก้ว บางคอแหลม บางปูใหม่ สมุทรปราการ สถานีตำรวจภูธรสารภี เชียงใหม่ โรงพยาบาลสนามวัดพระบาทน้ำพุ สระบุรี ศาลากลางจังหวัดอ่างทอง ฯลฯ และมีอีกเยอะแยะไปหมด


ท่านผู้ว่าฯ ปู ซึ่งท่านย้ายมาจาก จ.สมุทรสาคร ท่านมาที่ จ.อ่างทอง ท่านบอกว่าตอนที่ท่านเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ท่านขอ ฟทจ. ไปช่วยพี่น้องชาวสมุทรสาคร ท่านบอกว่า ที่เราบริจาคไป โดยมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ใน จ.สมุทรสาคร ใช้รักษาผู้ป่วยในระดับสีเขียว ท่านบอกว่าได้ผลดีมาก ท่านก็เลยขอให้ทางเราส่งไปอีก เราก็ส่งไปให้ท่านอีกเช่นกัน

นอกจากนี้ เรายังส่งมอบเครื่องช่วยหายใจ High Flow ไปจังหวัดภาคใต้ถึง 10 เครื่อง 4 จังหวัด เขาบอกว่าขาดแคลนมา 10 เครื่อง เรากระจายไปโรงพยาบาลท่าศาลา นครศรีธรรมราช 2 เครื่อง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี 3 เครื่อง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส 3 เครื่อง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยะลา 2 เครื่อง


ท่านผู้ชมครับ เป็นที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง ก็คือว่า สถานพยาบาลต่างจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานสาธารณสุข หรือว่าจะเป็นโรงพยาบาลต่างจังหวัด ขาดแคลนเครื่องพวกนี้ ผมไม่รู้ว่ากระทรวงสาธารณสุขจัดสรรงบประมาณกันอย่างไร และไม่ได้ตรวจสอบอย่างไร จริงๆ แล้วหน้าที่ที่จะต้องเอาของให้ น่าจะเป็นหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ผมไม่อยากบอกว่าเป็นความผิดของใคร เอาเป็นว่า เวลาอยู่ต่างจังหวัดแล้ว เวลาทำอะไร มันมักจะเสียเปรียบเสมอ คนส่วนกลาง คนเมืองกรุง หรือพวกกระทรวงต่างๆ ก็จะได้ประโยชน์กันเต็มที่

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้เรามีเรื่องที่จะคุยกันหลายเรื่อง เรื่องแรกที่จะคุย คือเรื่องของคุณพันช์ พิยดา ซึ่งเป็นข่าวคราวว่า อายุแค่ 19 ปี แต่อำมหิต โหดเหี้ยม โกงแม้กระทั่งเด็กอายุ 14 ปี โกง ขายของออนไลน์ โดยขายโทรศัพท์มือสอง จนเด็กนั้นไม่ได้รับของเพราะถูกโกง เส้นเลือดในสมองแตกตาย ตำรวจจับพิยดา ได้แล้ว อายุ 19 ปีเอง แต่ทำไมถึงชั่วช้าอย่างนี้ก็ไม่รู้ ผมเชื่อว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ทำงานคนเดียว ต้องมีเครือข่าย ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง มันมีอุทาหรณ์หลายเรื่อง และมีมิติในมุมมองอีกหลายมุมมอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กพวกนี้ คนที่โกงพวกนี้ ฉกฉวยช่องว่างของนโยบายรัฐที่บังคับไปถึงผู้คน จนกระทั่งสู่ระดับล่างของคนจนที่ไม่มีเงินมีทอง ก็เลยทำให้คนพวกนี้ใช้ช่องว่างช่วงนี้โกงคนจน แล้วผมจะเล่าให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เรื่องที่สอง ก็คือเรื่องลุงตู่ ทำอะไรก็ผิด แค่พูดทักทายกับวัววันลงพื้นที่ ก็มีคนเอามาด่า ลงที่สุโขทัย ก็มีคนเอาคลิปมาอ้างว่าลุงตู่ถูกด่า ซึ่งผมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ใช่คลิปลุงตู่ถูกด่า เป็นคลิปเก่าของพวกม็อบสามนิ้วด่าพวก ส.ว. ที่กำลังขับรถเข้าสภา แต่ลุงตู่ถูกด่าจริง แต่ที่ จ.ชัยภูมิ และเขาบอกว่าที่ลพบุรี ก็ถูกด่าด้วย

เรื่องที่สาม ผมเอากระบวนการ IO ของลุงตู่โหนเจ้า ทุเรศมาก บัดซบจริงๆ แล้วผมจะเล่าให้ฟังว่า IO ชุดนี้อ้างอิงถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่าได้ฝากแผ่นดินไว้กับลุงตู่ เดี๋ยวฟังเรื่องนี้ต่อไป แล้วจะรู้ว่าเขาทำกันอย่างไร

ต่อมา ด้วยความที่รัฐบาลเป็นช่วงระยะเวลาขาลง ลุงตู่ทำอะไรก็ผิด รัฐบาลก็เลยดึงคุณกนก กับคุุณธีระ จาก TOP News มาที่ช่อง 5 เพื่อฉุดเรตติ้งรั้งท้าย นอกจากนั้นแล้วรัฐบาลยังทุ่มเงินอีก 2 ล้าน จ้างที่ปรึกษาทำโพลสำรวจการรับรู้ของประชาชนที่มีต่อนโยบายและผลงานของรัฐบาล และความเชื่อมั่นที่มีต่อการบริหารงานแผ่นดินของนายกฯ

เรื่องที่ห้า รัฐธรรมนูญมาตรา 158 ทางสองแพร่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ฝ่ายค้าน หรืออีกหลายฝ่ายเสนอมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้น จะหมดสภาพความเป็นนายกฯ ในวันที่ยี่สิบกว่า เดือนสิงหาคม เพราะว่าอยู่ครบมา 8 ปี ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ค่อยมาดูกันอีกที

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องคดีประวัติศาสตร์ของนางเมิ่ง หว่านโจว ลูกสาวของเจ้าของหัวเว่ย ที่เพิ่งถูกทางการแคนาดาปล่อยตัวออกมา มีเบื้องหน้าเบื้องหลังอย่างไร มีมิติมุมมองอย่างไร และอเมริกาทำอย่างนี้กับเมิ่ง หว่านโจว เป็นคนแรก หรือมีอีกหลายรายที่อเมริกาก็ใช้จิตใจที่สกปรก และใช้วิธีการสกปรก จัดการกับคู่ต่อสู้ ฝ่ายตรงกันข้าม ผมมีตัวอย่างให้ดู ไม่ว่าจะเป็นกรณีบริษัท อัลสตอม ของฝรั่งเศส ที่อเมริกายึดบริษัทเขามาโดยยัดข้อหาที่เลื่อนลอยให้กับซีอีโอของบริษัท หรือใกล้ตัวหน่อยก็คือคดีที่ ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล ท่านถูกจับตัวที่อเมริกา แล้วสู้คดีอยู่ 1 ปี ถึงถูกปล่อยตัวออกมา บนข้อหาที่บัดซบที่สุด ทำไมอเมริกาถึงเล่นงานเมิ่ง หว่านโจว ทำไมถึงเล่นงานอัลสตอม และทำไมถึงเล่นงาน ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล แพทเทิร์นเหมือนกันหมดครับท่านผู้ชม


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดเรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เด็กหญิงอายุ 19 ปี ชื่อเล่น พันช์ พิยดา ผมอาจจะเรียกว่า "วัยรุ่นอำมหิต เกมโกงสะท้อนโลกยุคดิจิทัล กับรัฐบาลที่ล้าหลัง" พิยดา คือใคร ? อายุแค่ 19 ปี แต่ทำการโกงแบบนี้มานับร้อยรายแล้ว ทำมาตั้งแต่อายุ 14-15 จิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตเกินวัย หากินบนความเดือดร้อนและคราบน้ำตาของเยาวชนที่อยากได้โทรศัพท์มือถือแต่มีเงินน้อย ทำแบบนี้มาหลายปี รอดคุกรอดตะรางมาจนกระทั่งเรื่องดังในสังคม เพราะเด็กที่ถูกโกง เส้นเลือดในสมองแตกตาย

ย้อนกลับไปที่เรื่องตอนต้นก่อน เรื่องนี้ท่านผู้ชมบางท่านอาจจะได้ข่าวมาแล้ว แต่ไม่ละเอียด ผมจะไม่เล่าลงลึกถึงรายละเอียด เพราะว่ามีโทรทัศน์หลายช่อง อมรินทร์ทีวี เกาะติดเรื่องราวนี้อย่างละเอียดถี่ถ้วน แต่ผมจะชี้จุดแต่ละจุดให้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมมันถึงเกิดขึ้น

21 กันยายน 2564 ประมาณ 9 วันที่แล้ว น้องก้อง เด็กอายุ 14 ปี เรียนชั้น ม.2 โรงเรียนแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ อยากจะซื้อโทรศัพท์มือถือมือสองเพื่อที่จะเอามาเรียนออนไลน์ เพราะลูกคนจน เรียนออนไลน์ ไม่มีซื้อโทรศัพท์ ก็เลยเก็บเงินเก็บทอง ขอเงินพ่อ ได้มา 5,000 บาท เข้าไปในเว็บไซต์ อินสตาแกรม ก็เจอ phonebymint ขายโทรศัพท์ถูกมาก 5,000 บาท ก็เลยโอนเงินไป ปรากฏว่าของไม่มา พอทักแชตไปถาม กลับถูกบล็อกการติดต่อทุกทาง เสียใจมากที่ถูกโกง ร้องไห้อยู่หลายวัน อาการซึม จนในที่สุดเส้นโลหิตในสมองแตก


ท่านผู้ชมครับ เรื่องราวนี้ก็เลยแพร่สะพัดไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตพากันถล่มร้านดังกล่าว ในที่สุดตำรวจก็สืบทราบว่าคนที่โกงเงินค่าไอโฟนเหยื่อ คือ น.ส.นฤมล ชำนาญชล อายุ 18 ปี และ น.ส.สายน้ำผึ้ง ชนะมาร อายุ 19 ปี สืบสาวไปสืบสาวมา สองคนก็ซัดทอดว่า พิยดา อยู่เบื้องหลัง ท่านผู้ชม เด็กอายุ 18-19 เป็นวัยที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะเสียด้วยซ้ำ ร่วมมือกันคดโกง แสดงว่าเป็นขบวนการกันอย่างแน่นอนที่สุด ต้องมีผู้หลักผู้ใหญ่เป็นคนอยู่เบื้องหลัง เด็กสองคนนั้นก็อ้างว่า พิยดา จ้างให้เปิดบัญชี บัญชีธนาคารที่เป็นนอมินีพิยดา ตำรวจตรวจแล้วไม่ได้มีแค่ 2 คน แต่มีมากกว่า 20 ราย อินสตาแกรมที่เปิดขายมือถือก็มีแอคเคานต์นับไม่ถ้วน รายไหนถูกจับก็ปิดไป หนีไป แล้วเปิดใหม่ ยอดผู้ติดตามร้านมีคนตั้ง 60,000 คน ใช้วิธีขายโทรศัพท์ที่ไม่มีของ หรือต้องการจะโกงจริงๆ ถูกกว่าในตลาด ผ่านอินสตาแกรม ล่อเหยื่อ แล้วเหยื่อส่วนใหญ่ 99.99 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนจนทั้งสิ้น แต่อยากจะซื้อของซึ่งไม่มีปัญญาที่จะจ่าย พอเจอของ second hand 5,000 บาท เออ ได้

ท่านผู้ชมครับ ทุกวันนี้เด็กที่เรียนออนไลน์มีอยู่เยอะเลยที่ไม่มีอุปกรณ์ในการเรียน ซึ่งเดี๋ยวผมจะกลับมาทีหลัง ถามคุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งผมก็อดไม่ได้ที่จะต้องโยงไป ก็ท่านเป็นรัฐมนตรี ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี เดี๋ยวจะหาว่าผมมีอะไรกับลุงตู่อีก แต่งานนี้ลุงตู่ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ปรากฏว่าใน IG ของพิยดา มีภาพชีวิตที่ดีๆ มีรถยนต์ BMW มีกระเป๋าแบรนด์เนมเยอะแยะไปหมด เมื่อสืบไปสืบมาแล้ว เด็กพิยดา ในวัย 16 ปี (เมื่อสามปีที่แล้ว) โกงคนอื่น เริ่มโกงตั้งแต่เด็กแล้ว ใช้บัตรประชาชนของแม่แท้ๆ ที่ตายไปแล้ว ว่าจ้างคนไปเปิดบัญชี เพื่อหลีกเลี่ยงการสืบสาวมาถึงตัวเธอ ว่าจ้างคนจำนวนมากมาเปิดบัญชีให้เธอเพื่อหลอกเหยื่อ

เขาบอกว่าปัจจุบันมีเหยื่อถูกนักต้มตุ๋นรายนี้หลอกมาแล้วกว่า 500 ราย ท่านผู้ชมครับ เด็กอายุ 16 ปี คิดอย่างนี้ได้อย่างไร ถ้ามันเป็นอย่างนี้โดยมีใครอยู่เบื้องหลัง ผมต้องยกย่องเลยว่านี่มันชั่วจริงๆ แค่ 16 ปี ก็โกง รู้จักเปิดบัญชี ใช้นอมินีต่างๆ เหมือนกับเป็นคนชั่วช้าสามานย์และโกงคนอย่างเป็นระบบ และอย่างเป็นมืออาชีพ 4 ปี หลอกเหยื่อมา 500 ราย


ในที่สุดแล้ว พิยดา หลบหนีอยู่สองวัน 28 กันยายน คือเมื่อวานซืนนี้ พร้อมทนาย เข้ามอบตัวที่ จ.เชียงใหม่ ทางจังหวัดเชียงใหม่ก็มีหมายจับ ศาลจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ทุจริตหรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน พิยดา ปฏิเสธทุกข้อหา และอ้างว่าไม่รู้จักผู้ต้องหาที่เป็นผู้หญิงสองคนที่ถูกจับก่อน เธอปฏิเสธแม้กระทั่งบอกว่าไม่ได้ขายโทรศัพท์ แต่ขายสินค้าออนไลน์อย่างอื่น อ้างว่าร่ำรวย มีรถ BMW ป้ายแดง 2 คัน กระเป๋าแบรนด์เนมนับสิบใบ ใช้ชีวิตแบบอู้ฟู่ ปรากฏว่าในตอนหลัง พอถูกตำรวจเค้นมากๆ พิยดา ก็เลยซัดทอดไปที่แฟนหนุ่มของตัวเอง อายุ 19 เหมือนกัน ว่าอยู่เบื้องหลัง นัยว่าพ่อแม่ของแฟนหนุ่มเป็นคนวางแผนให้ ซึ่งเรื่องนี้จริงหรือไม่จริง ผมไม่รู้ แต่ประเด็นก็คือ ตอนนี้พิยดา ถูกขังคุกแล้ว ไม่ได้ถูกประกันตัว

พิยดา หลบหนีไปกบดานที่บ้านป้า แถววัดอินทราวาส ย่านตลิ่งชัน 2 วัน ใช้รถยนต์เป็นพาหนะหลบหนี พิยดา ขับรถไม่เป็น ให้แฟนหนุ่มชื่อ นายฟิล์ม เป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง อายุไล่เลี่ยกัน ขับรถพาหนีขึ้นเหนือไปกบดานที่ จ.ลำปาง แล้วติดต่อทนายความเพื่อมาสู้คดี

ท่านผู้ชมครับ เด็กคนนี้ใช้วิธีลงประกาศข้อความ ข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อหลอกขายสินค้าโดยที่สินค้าไม่มีจริง ลักลอบนำข้อมูลส่วนบุคคลของคนอื่นไปลงทะเบียนเพื่อเปิดใช้บริการกระเป๋าเงิน อย่างเช่น true wallet และมีเจตนาอำพราง โดยนำหมายเลขดังกล่าวไปรับโอนเงินที่ได้มาจากการหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นเป็นทอดๆ ไป ลูกค้าหรือผู้ซื้อสินค้าจะถูกผู้ขาย หรือมิจฉาชีพ กำหนดให้ต้องถ่ายภาพใบหน้าคู่กับบัตรประชาชนส่งให้กับผู้ขาย เพื่อเป็นเงื่อนไขในการสั่งซื้อ และให้ชำระเงินค่าสินค้าแก่ผู้ขายก่อนล่วงหน้าผ่านเลขหมายบัญชีอิเล็กทรอนิกส์ ตามแต่พิยดา จะแจ้งให้ทราบ แต่เมื่อมีการโอนเงินไปแล้วก็บล็อกหมดทุกอย่าง คนซื้อไม่สามารถจะติดต่ออะไรได้เลย


ทีนี้ วิธียักยอกถ่ายเทเงินฉ้อโกงประชาชนของพิยดา ขั้นตอนที่หนึ่ง โพสต์เชิญชวนในอินสตาแกรมให้คนมาเปิดบัญชีม้า (บัญชีหน้าม้า) ให้กับตน ใครมาเปิดบัญชีให้ฉัน เดี๋ยวให้ค่าตอบแทน 8,000 บาท และเอาบัตรประชาชนของคนเหล่านั้นที่ยอมเปิดบัญชีให้โดยใช้บัตรประชาชนตัวเอง ไปสมัครเปิดบัญชีผ่านแอปพลิเคชันของธนาคารต่างๆ รวมทั้ง money wallet ซึ่งมีช่องโหว่ให้กระทำได้โดยที่ไม่ต้องไปปรากฏตัวจริงอย่างการเปิดบัญชีตามธนาคารสาขาต่างๆ

ขั้นตอนที่สอง เมื่อลูกค้าติดเบ็ด ต้องการโอน ต้องการซื้อสินค้า พิยดา ก็จะส่งบัญชีม้าไปให้รับโอน ถึงจะเป็นบัญชีคนอื่น แต่เงินก็เข้าไปที่แอปฯ ในมือถือที่เธอคุมอยู่คนเดียว

หลังข่าวการฉ้อโกงแยบยล เลือดเย็น เป็นข่าวครึกโครม ก็มีคนตรวจสอบไป คงชาวเน็ตนี่ล่ะ ว่ามีคนที่ไปร่วมขบวนการฉ้อโกงกับพิยดา ยอมให้เอาไปเปิดบัญชีม้า ได้ชื่อบัญชีม้ามาตั้ง 200 คน อาจจะมีเพิ่มมากกว่านั้น ก็คือพูดง่ายๆ ว่าบัญชีหน้าม้าเต็มไปหมดเลย จะโอนเงินเข้าบัญชีหน้าม้าบัญชีไหนก็ตาม มันจะวิ่งเข้าไปที่แอปพลิเคชันของพิยดา ซึ่งเป็นคนคุมเอาไว้

ขั้นตอนที่สาม วิธีการหาลูกค้า ร้าน phonebymint ของพิยดา ก็จะโพสต์ข้อความอ้างว่าเป็นร้านใหญ่ที่สุด โฆษณาชวนเชื่อ สร้างกระแส สินค้าจะส่งด่วนให้ฟรีภายใน 2 ชั่วโมง เมื่อคนเชื่อถือในการแชตพูดคุย แม่ค้าโจรก็จะพูดง่ายขายคล่อง ต่อรอง ลดราคา มีของแถม เพื่อเร่งปิดดีลอย่างรวดเร็ว เมื่อลูกค้าตกลงซื้อก็จะส่งเลขบัญชีมา ให้ลูกค้าโอน ลูกค้าโอนเข้าบัญชีม้า พอเธอได้เงินแล้ว เธอปิดบัญชี ปิดล็อกไลน์ ปิดการซื้อขาย ข้อความการทวงถามจากลูกค้ามาไม่ถึงพิยดา อีกต่อไป

ท่านผู้ชมครับ การสืบสวนปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางการเงิน ในที่สุดได้โอนเข้าบัญชีเงินฝากปลายทางชื่อ น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ ตั้งแต่มกราคม-กันยายน 2562 มีผู้เสียหาย 83 ราย มูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 1,147,300 บาท ท่านผู้ชมครับ เงินอาจจะดูไม่เยอะ ล้านกว่าบาท แต่เป็นเงินรายละ 3,000 บาท 5,000 บาท 4,000 บาท ของคนจนทั้งนั้น ของนักเรียนจนๆ ที่อยากจะได้อุปกรณ์/เครื่องมือเพื่อมาช่วยในการเรียนหนังสือของตัวเอง

ท่านผู้ชมลองมาดูซิว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ได้มีการประชุมคณะกรรมการธุรกรรมของสำนักงาน ปปง. เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2563 (ปีที่แล้ว) เมื่อเขามีหลักฐานเชื่อได้ว่า น.ส.พิยดา กับพวก มีพฤติการณ์เข้าข่ายการฟอกเงิน ได้ทรัพย์สินจากการกระทำผิดไปจำนวน 10 รายการ พร้อมดอกผล มติคณะกรรมการฯ ก็เลยให้อายัดทรัพย์สิน 10 รายการ เป็นเวลา 90 วัน มีอะไรบ้าง ? เงินสดของ น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ 5 แสนบาท ท่านผู้ชม เด็กอายุ 19 มีเงินสดอยู่ในบัญชี 5 แสนบาท โทรศัพท์ไอโฟน XR จำนวน 1 เครื่อง โทรศัพท์ไอโฟน 11 จำนวน 1 เครื่อง ที่ดินบางรักน้อย อ.เมือง จ.นนทบุรี เนื้อที่ 59 ตารางวาเศษ พร้อมสิ่งปลูกสร้าง มูลค่า 6.7 ล้านบาท เด็กอายุ 19 ที่ดิน 6.7 ล้านบาท เงินฝากในบัญชีหลายแห่ง บางแห่งกว่า 3.7 แสนบาท บางแห่งก็เป็นหลักร้อย สรุปง่ายๆ รวมเป็นเงินทั้งหมด 7,944,474 บาท นี่จากเด็กอายุ 19 นะท่านผู้ชม งานการก็ไม่ได้ทำ ได้เงินมาจากการโกงคนจนอย่างเดียวเลย




พิยดา (น้องพันช์) เกิดวันที่ 29 พฤษภาคม 2545 อายุ 19 เป็นคนจังหวัดนนทบุรี พ่อชื่อ กลยุทธ ทองคำพันธ์ แม่ชื่อ อัญญรัตน์ บรรณเกียรติ แม่เสียชีวิตไปแล้วเมื่อปี 2561 เธอเคยยื่นขอทำพาสปอร์ต แจ้งหมายเลขโทรศัพท์สำหรับการติดต่อ แต่ตรวจสอบพบว่าเป็นเบอร์โทรของแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว อย่าลืมนะท่านผู้ชม เธอเอาบัตรประชาชนของแม่ที่ตายไปแล้ว ไปทำธุรกรรมโกงชาวบ้านเขา คนๆ นี้ เมื่อตรวจสอบข้อมูลประกันสังคมของพิยดา รวมทั้งญาติใกล้ชิดสนิทสนม อย่างเช่น ผู้เป็นพ่อ และป้า ก็ไม่พบการลงทะเบียนแสดงตนว่าเป็นลูกจ้างบริษัทไหน คือพวกนี้อยู่ในกลุ่มขบวนการร่วมกันฉ้อโกง ที่ผมเชื่อว่า พิยดา ไม่ได้ทำงานคนเดียว


มีเพื่อนที่ออกรายการโหนกระแส บอกว่าคดีแรกของพิยดา คือการใช้บัตรประชาชนของเพื่อนสนิทไปใช้กระทำผิด ท่านผู้ชม ตั้งแต่อายุ 16 ก็คิดชั่วๆ แล้ว ปัญหามันอยู่ที่ไหน ?

การฉ้อโกงวันนี้ 80-90 เปอร์เซ็นต์ ผ่านสังคมสื่อออนไลน์ ช่องทางโลกดิจิทัล เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ แพร่กระจายไปทั่วประเทศ เมื่อตำรวจได้รับแจ้งความ ต้องขอข้อมูลติดต่อแพลตฟอร์มเหล่านี้ ท่านผู้ชมครับ เฉลี่ย 3 สัปดาห์ ต่อ 1 กรณี ไม่มีทางเท่าทันหรอก พอวิ่งไปดักช่องที่ธนาคาร ก็เกิดปัญหาอุปสรรคความล่าช้า เพราะยุค Mobile Banking มิจฉาชีพใช้ Mobile Banking โอนเงินผ่าน 3 แบงก์ 4 แบงก์ ในเวลาไม่เกิน 3-5 นาที แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ปปง. ไปตามเส้นทางการเงินที่ได้รับแจ้งความ ใช้เวลาอย่างเร็วที่สุด 3 วัน ส่วนแบงก์เล็กใช้เวลา 10 วัน ท่านผู้ชมเห็นหรือยังว่าความแตกต่างระหว่างระบบราชการ กับเทคโนโลยีทางการเงิน ซึ่งมันไวมาก ด้วยเหตุนี้การฉ้อโกงถึงฉ้อโกงเกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีกในสังคมออนไลน์

กองบัญชาการไซเบอร์ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. ก็เลยมีการประชุมร่วมกับธนาคารแห่งประเทศไทย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพิ่มความรวดเร็วในการตรวจสอบ แนะนำธนาคารพาณิชย์ต่างๆ สร้างบัญชีเพื่อการซื้อขายออนไลน์ขึ้นมา ต่อท้ายชื่อบัญชีว่าต้องมีชื่อพ่อค้าแม่ค้า ธนาคารทุกแห่งต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น หลีกเลี่ยงการใช้บัญชีผี บัญชีคนตาย ต้องมีที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ถูกต้อง ชัดเจน และตรวจสอบได้ นี่คือข้อบกพร่องของธนาคาร ธนาคารอยากให้มีคนใช้แอปฯ มากๆ ธนาคารก็เลยละเว้นเรื่องรายละเอียด ความรอบคอบ ต้องแก้ไขตรงนี้ให้ได้ ถ้าแก้ไขไม่ได้ เราจะมีการโกงออนไลน์ต่อไปอีกมาก

ท่านผู้ชมครับ ทีนี้มาที่ประเด็นสำคัญ การฉ้อโกง การซื้อขายไอโฟนของ น.ส.พิยดา นั้น เหยื่อจำนวนมากเป็นเด็กนักเรียนวัยรุ่น จำเป็นต้องใช้มือถือในการเรียนออนไลน์ในช่วงโควิด-19 ระบาด ส่วนใหญ่จะเป็นนักเรียนที่มีฐานะยากจน อย่างน้องก้อง เครียดจนตาย ถ้าเป็นนักเรียนในครอบครัวที่มีฐานะดี ก็สามารถซื้อไอโฟนมือหนึ่ง หรือซื้อไอแพดมาได้


กลยุทธ์ล่อเหยื่อไอโฟนมือสองราคาถูกในอินสตาแกรมของพิยดา ก็เลยกลายเป็นกับดักที่บรรดานักเรียนยากจนที่ต้องการอุปกรณ์ดีๆ มีคุณภาพ ราคาย่อมเยาว์สำหรับการเรียนออนไลน์เดินเข้าไปติดกับเป็นจำนวนมาก

ท่านผู้ชมครับ พิยดา เด็กอายุ 19 นี้ และคนที่อยู่เบื้องหลัง โหดเหี้ยมอำมหิตไหม ? โคตรอำมหิตเลย เมื่อลูกค้าที่ถูกโกงเริ่มจับได้ไล่ทัน ก็จะเปลี่ยนชื่อ ปิดร้านนั้นหนี ยังมีร้านชื่ออื่นในอินสตาแกรมอีกมาก ซึ่งอาจจะเป็นร้านเดียวกันก็ได้ มีจุดขายคล้ายๆ กัน เป็นไอโฟนมือสอง พวกที่ขายมือสองที่อยู่ในอินสตาแกรม ผมว่าจับมาตรวจสอบได้ทุกเจ้าเลย ต้องมีอยู่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ ที่โกงเขา ท่านผู้บัญชาการไซเบอร์ต้องจัดการกับคนพวกนี้ ผมไม่เชื่อหรอกว่าทุกคนจะค้าขายอย่างสุจริต เพราะว่ามันตามตัวไม่ได้นี่ ปิดอินสตาแกรม ปิดแอปฯ ติดต่อไม่ได้ เงินเข้ากระเป๋าแล้ว นี่คือความเป็นจริงของการฉ้อโกงออนไลน์ ไม่ได้มีแค่การซื้อขายมือถือ เกิดขึ้นในทุกรูปแบบ

ท่านผู้ชมครับ ความก้าวหน้าในยุคดิจิทัลเทคโนโลยีพัฒนาไปเร็วมาก เร็วจนอำนาจรัฐตามไม่ทัน เจ้าหน้าที่รัฐที่บังคับใช้อำนาจก็ล้าหลัง ซูเปอร์ล้าหลัง ดูอย่างพิยดา สิ มิจฉาชีพอายุแค่ 19 กว่าทางการจะจับได้ไล่ทัน หลอกคนมาแล้วตั้ง 3-4 ปี พอดิจิทัลเทคโนโลยีเข้ามา เจ้าหน้าที่รัฐก็ได้แต่ตั้งรับ แต่ก็ตั้งรับไม่เป็น

ท่านผู้ชมครับ ย้อนกลับมานโยบายการศึกษา ให้นักเรียน นักศึกษา เรียนออนไลน์ คนออกนโยบายน่ะ งี่เง่า ไม่ได้เข้าใจว่าจะมีคนกี่คนที่มีอุปกรณ์ใช้ในการเรียนได้ โทรศัพท์มือถือ แทบเล็ต อินเทอร์เน็ตก็ตาม รัฐบาลไม่สนใจจะเติมเต็มตรงนี้เสียก่อน แล้วค่อยๆ ไปทีละสเตป ก็เลยเกิดช่องว่างให้มิจฉาชีพ คนอย่างพิยดา พวกนี้ออกมา แล้วสังเกตดู มิจฉาชีพพวกนี้จะหลอกแต่คนจน และหลอกแต่เยาวชนทั้งนั้น

ทั้งหมดนี้ที่เกิดขึ้น กระทรวงศึกษาธิการต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย คิดนโยบายอะไรแล้วไม่ได้พิจารณาถึงความเป็นจริงในสังคมไทย

ท่านผู้ชมครับ อย่าว่าแต่เรียนออนไลน์ในโทรศัพท์มือถือเลย แล้วมือถือเก่าๆ วางอยู่ รูปก็เล็ก ตาเด็กก็เสีย พ่อแม่ของลูกที่มีเงินเขาก็ซื้อไอแพดให้ อันใหญ่ คนจนลำพังแค่ซื้อของมือสองยังซื้อไม่ได้เลย นับประสาอะไรกับไอแพด กระทรวงศึกษาฯ คิดบ้างหรือเปล่า ? ก็ไม่คิด

ปรากฏว่าผู้ปกครองส่วนใหญ่พบอุปสรรค/ข้อจำกัดในการเรียนออนไลน์ของลูกหลาน ถึงกี่เปอร์เซ็นต์ ? ท่านผู้ชมรู้ไหม ? 79.1 เปอร์เซ็นต์ คุณตรีนุช คุณฟังบ้างหรือเปล่า ไม่ใช่คุณโชว์หน้าโชว์ตาขึ้นมา เอ้า ต้องเรียนออนไลน์ โน่นนี่นั่น คุณฟังข้อเท็จจริงในสังคมบ้างหรือเปล่า คนที่หาเช้ากินค่ำ และต้องออกไปทำงานทุกวัน คนที่มีลูกหลานมากกว่า 1 คน ในช่วงเรียนประถมฯ-มัธยมฯ


ในการสำรวจเขาพบว่าความไม่พร้อมในอุปกรณ์การเรียน โดยเฉพาะผู้ปกครองที่มีรายได้น้อย ที่ไม่มีคอมพิวเตอร์ แทบเล็ต อินเทอร์เน็ต มีถึง 59.8 เปอร์เซ็นต์ นี่ผลสำรวจสะท้อนว่านักเรียนส่วนใหญ่เรียนออนไลน์นั้น ผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่แค่ 50 เปอร์เซ็นต์ เอง ผู้ปกครองครับ ผมเห็นใจ ก็เพราะว่าเรามีรัฐที่เฮงซวยแบบนี้ไง ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง นึกแต่จะออกนโยบาย แต่ไม่นึกถึงข้อเท็จจริงในสังคมที่ประชาชนกำลังเผชิญกัน สมหรือยังท่านผู้ชม ที่เขาต้องด่ารัฐบาลชุดนี้

ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลงพื้นที่ จ.สุโขทัย ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดที่โดนวิกฤตน้ำท่วมจากพายุเตี้ยนหมู่ ผมจำเป็นต้องเอาเรื่องนี้มาพูด แต่ผมพูดครั้งนี้ผมไม่ได้วิพากษ์วิจารณ์ท่านนายกฯ ผมกลับเห็นใจเสียด้วยซ้ำ

ท่านผู้ชมครับ เชื่อหรือเปล่าว่าคนเราเวลาดวงตก ทำอะไรดวงก็ตกไปหมดเลย พูดอะไรก็พูดผิด ทั้งๆ ที่เรื่องไม่เป็นเรื่องเลยแม้แต่นิดเดียว


วันนี้ผมจะมาอธิบายความในความคิดของผม หลายท่านที่ไม่ชอบท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ก็บอกว่าผมออกมาปกป้องท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งไม่ใช่ ท่านผู้ชมที่ติดตามรายการผมมาตลอดเวลา รวมทั้ง IO ทั้งหลายที่นั่งฟังผมอยู่ในขณะนี้ ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดเรื่อง IO ของท่านนายกฯ ก็ยอมรับว่าผมเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้อย่างถึงแก่น โดยที่ผมพูดตามเหตุตามผล และตามข้อเท็จจริง และตามหลักฐาน ไม่มีการยั้งเลยแม้แต่นิดเดียว อะไรท่านนายกฯ ผิด ผมก็พูด ไม่ว่าจะเป็นในฐานะประธาน ก.ตร. ซึ่งท่านทำความล้มเหลวมากในฐานะประธาน ก.ตร. เมื่อเปรียบเทียบกับท่านพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ ซึ่งเขาเอาจริงเอาจังกับอัยการที่นอกแถว แต่ท่านนายกฯ อะไรเกิดขึ้นท่านก็ไม่สนใจ

สำหรับท่านที่เชียร์ท่านนายกฯ วันนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องราวที่ท่านบอกว่า คุณสนธิ พูดดีนะวันนี้ คนที่เกลียดท่านนายกฯ ก็จะบอกว่า คุณสนธิ มาสนับสนุนนายกฯ เกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ครับ ท่านผู้ชมที่ติดตามผมมาตลอดว่าผมไม่ได้เข้าข้างใคร อะไรที่เป็นอย่างไร ผมก็พูดไปตามความคิดของผม

ประเด็นที่ผมจะพูดในเรื่องการเยือนสุโขทัยนั้น มันมีการดรามาสร้างกระแสโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ หาว่าลงไปสร้างภาระให้กับหน่วยงานในพื้นที่ ข้าราชการทุกหน่วยงานต้องทิ้งภารกิจ แทนที่จะเอาเวลาไปช่วยเหลือประชาชนที่กำลังเดือดร้อน กลับต้องมาต้อนรับ พล.อ.ประยุทธ์ ท่านผู้ชมครับ ผมเชื่อว่าความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือว่า ในยามที่ชาวบ้านเดือดร้อน ทุกข์แสนสาหัส หากนายกฯ ได้ลงมาให้เห็นหน้าเห็นตา มาดูแลสั่งการ กำชับข้าราชการในพื้นที่ในการให้ความช่วยเหลือประชาชน ก็ย่อมซาบซึ้งใจ เหมือนไม่ถูกทอดทิ้ง เพราะในยามนี้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ผมชม ผมไม่ได้ตะแบงด่าไปเสียทุกเรื่อง


ยิ่งเรื่องที่ท่านนายกฯ ไปแจกถุงยังชีพ พบปะประชาชน ได้สัมผัสถึงสภาพจิตใจของผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมที่หดหู่ ท้อแท้ ก็พยายามพูดจาปลอบใจ ให้กำลังใจ ตามสไตล์ของท่านพูดกับชาวบ้าน แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ ไหนว่าพูดเก่งไงล่ะ จริงๆ แล้วท่านนายกฯ คนนี้ไม่ได้เป็นคนพูดเก่งเลย เป็นคนพูดเพ้อเจ้อมากกว่า ไม่ได้ใช้สติในการพูด ยกตัวอย่างที่ท่านพูด "ปีที่แล้วพายุมา 5 ลูก ยังไม่หนักเท่านี้ ปีนี้เข้ามาลูกเดียว สวดมนต์ว่าอย่ามาอีกเลย มาลูกเดียวพอแล้ว" ตรงนี้ก็เลยกลายเป็นดรามาว่านายกรัฐมนตรีลงไปแก้ปัญหาให้ชาวบ้านที่โดนเรื่องน้ำท่วม ก็แนะให้ชาวบ้านสวดมนต์ ท่านผู้ชมครับ หยุดก่อนๆ หยุดตรงนี้ก่อนท่านผู้ชม อย่าเพิ่งไปว่าท่าน จริงๆ เจตนาของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจตนาที่ดี นัยก็อาจจะหมายความในลักษณะว่า ทำไมมันโชคร้ายอย่างนี้นะ มาแค่ลูกเดียว ปีที่แล้วมาตั้ง 5 ลูก ยังไม่หนักเท่าปีนี้ ปีนี้มาแค่ลูกเดียว หวังว่าคงจะเป็นลูกสุดท้ายนะที่มา ตรงนี้ก็ความหมายเหมือนกัน แต่เผอิญท่านไปใส่คำว่าต้องสวดมนต์ สวดมนต์ว่าอย่ามาอีกเลย มาลูกเดียวพอแล้ว ก็เลยถูกดึงเอาประเด็นสวดมนต์เข้ามาโยงว่า ท่านนายกฯ คิดอะไรไม่ออกก็บอกชาวบ้านให้สวดมนต์ เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต


ทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วนัยก็คือว่า พูดอีกนัยหนึ่งก็บอกว่า เอ้า พวกเรามาภาวนากันนะ อย่าให้มาอีกเลย มาลูกเดียวก็พอ นั่นคือความหมายของผู้ใหญ่ที่พูดปลอบใจ เอ้อ โชคร้ายจริงๆ นะ ขออย่าให้เกิดอีกนะ นั่งภาวนากัน ขออย่าให้เกิดอีก หรือไม่ต้องพูดภาวนาก็ได้ แต่ความที่ท่านเป็นคนที่พูดจาไม่ระมัดระวัง ท่านก็บอกว่า ขอเรามาสวดมนต์ว่าอย่ามาอีกเลย ก็เลยถูกดรามาดึงเรื่องสวดมนต์เข้ามา

แล้วท่านก็พูดต่อ "เราอาจจำเป็นต้องคิดใหม่ว่าเราจะอยู่อย่างไรต่อไปในวันหน้า บ้านจะปลูกอย่างไร จะขยับเป็นสองชั้นหรือไม่ หรือขยับไปพื้นที่ที่สูงขึ้น" เมื่อเสียงสวดมนต์เป็นดรามา ฝ่ายตรงข้ามไล่งับ คนที่ดรามาก็บอกว่า ท่านนายกฯ ยิ่งพูดอย่างนี้ยิ่งทำให้คนหดหู่มาก หนักกว่าเดิม ไม่คิดว่าจะมีผู้นำที่ไร้สติปัญญาได้ขนาดนี้ เวรกรรมอะไรของคนไทยที่ต้องมาเจอแบบนี้ พูดมาได้ว่าไม่อยากเจอพายุก็สวดมนต์ น้ำท่วมก็สร้างบ้านสองชั้น หรือย้ายบ้านหนี จริงๆ แล้วนัยถ้าฟังให้ดีๆ แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้บอกให้ชาวบ้านแก้ปัญหาด้วยการสร้างบ้านสองชั้นเพื่อหนีน้ำ ไม่ใช่ ท่านกำลังบอกว่า ความหมายก็คือว่า เราอาจจะต้องพิจารณาใหม่นะ เวลาเราสร้างบ้านหรือซ่อมบ้าน ทำเป็นสองชั้นดีไหม เพื่อจะได้หลีกเลี่ยงน้ำท่วม แต่ท่านก็ยังพูดไม่เป็นอีกเหมือนกัน ท่านก็บอกว่า "เราจะอยู่อย่างไรต่อไปในวันหน้า บ้านจะปลูกอย่างไร จะขยับเป็นสองชั้นหรือไม่" ก็อีกล่ะท่านผู้ชม ก็บอกว่า บางทีอาจจะถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องมาพิจารณาว่าพื้นที่แบบนี้ ที่มาประจำ น้ำมาประจำเลย อาจจะต้องหาทางขยับขยายในอนาคต หลังจากเรื่องนี้ไปแล้วว่า เออ เป็นไปได้ไหมที่จะขยับขยายเพื่อให้บ้านขยับขึ้นไปสองชั้น แล้วถ้านายกฯ จะพูดต่อ มีต่อสร้อยอีกหน่อยก็จะเป็นอันดีมาก ถ้าไม่มีเงินไม่มีทอง เดี๋ยวรัฐจะลองเจรจากับทางธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย ให้ ในพื้นที่ที่มีน้ำท่วม ถ้าชาวบ้านเขาจะกู้เงินเพื่อปรับบ้านให้เป็นบ้านสองชั้น ก็ปล่อยให้เขากู้เป็นเงินกู้ระยะยาว ดอกเบี้ยต่ำ ผ่อนส่ง 5 ปี 10 ปี ถ้าท่านเสริมตรงนี้เข้าไปมันก็จะสมบูรณ์แบบ แต่ท่านเป็นคนปากไว หลายเรื่องปากไว เวลาท่านด่าคน ท่านก็ปากไวเหมือนกัน ท่านไม่ได้คิดอะไร บทท่านนึกจะด่า ท่านก็ด่า ใช่ไหมครับท่าน IO ของท่านนายกฯ ที่ผมพูดนี่ไม่ผิดใช่ไหม คิดให้ดีๆ ครับ


จริงๆ แล้วท่านนายกฯ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย เป็นเพียงแต่พูดไม่เป็น แล้วก็ปากไว พูดโดยไม่ใช้สติ จริงๆ แล้วท่านพูดไปเพื่อปลอบใจ หรือเอาตัวเองเข้าไปร่วมแชร์ความทุกข์ เรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง อยู่คู่ประเทศไทยมานานแล้ว ทุกรัฐบาลเจอมาแล้วทั้งนั้น เรื่องฝนฟ้าเป็นเรื่องธรรมชาติที่เหนือการควบคุมของมนุษย์ ก็คงได้แต่สวดมนต์ให้สิ่งเหนือธรรมชาติมาช่วยปกป้องเพื่อคลายความทุกข์ หรือให้พร้อมรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ก็อย่างที่ผมบอกไง ขึ้นอยู่กับคุณพูดอย่างไร วิธีการพูด ถ้าท่านบอกว่า เรื่องฝนฟ้าเป็นเรื่องธรรมชาติที่บางครั้งเราก็ควบคุมไม่ได้ ผมจะช่วยเต็มที่ แต่พวกเราไม่ต้องกังวล หรือพวกเราถ้ากังวลก็พยายามช่วยกันคิดในแง่ดีก็แล้วกัน หรือสวดมนต์ก็แล้วกัน เวลาเราสวดมนต์ไหว้พระ เราก็ภาวนาแล้วกันให้ภัยธรรมชาติมันผ่านไปไวๆ ถ้าพูดอย่างนี้จะเห็นความปรารถนาดีของท่านนายกฯ มากขึ้น


สรุปแล้วผมคิดว่า อย่าไปตำหนิท่านนายกฯ เรื่องนี้ ถ้าจะตำหนิก็คือว่า ท่านเป็นคนพูดจาโดยไม่ใช้สติกำกับในการพูด ท่านพูดจาไวมาก ท่านอาจจะเคยชินในการพูด สังเกตสิเวลา พล.อ.ประยุทธ์ พูดอะไรก็ตาม ผมคนหนึ่งล่ะฟังท่านพูดไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก เพราะท่านพูดเร็วมาก บทท่านจะพูดท่านก็พูดใส่เป็นชุดเลย ความเคยชินในการเป็นทหาร ผู้บัญชาการทหารบก เวลาท่านให้โอวาทคนหรือสั่งลูกน้อง ท่านสั่งเป็นชุด หรือท่านด่าเป็นชุด นิสัยอย่างนี้ท่านก็ยังแก้ไม่ได้ ขนาดอยู่มา 7 ปี แล้วนะ น่าเสียดาย

อีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้ผมเห็นใจท่านนายกฯ มาก พวกเราอย่าไปว่าท่านเลย เรื่องดรามาว่าลุงตู่คุยกับวัว ผมเห็นข่าวแล้วผมยังตกใจเลย เฮ้ย อะไรวะ มันเป็นไปได้อย่างไร เป็นประเด็นไปได้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ไปเยี่ยมโครงการโคบาลประชารัฐ


ปรากฏว่าระหว่างนั้นมีวัวตัวหนึ่งร้องทักทายเป็นระยะๆ ทำให้นายกฯ ขยับหน้ากากอนามัย เปิดปากพูดกับวัวตัวนั้นว่า "รู้แล้ว เขาบอกแล้ว เห็นมั้ย เห็นด้วยมั้ย" ท่านผู้ชมครับ ท่านยังเอามือไปลูบหัววัวอย่างอารมณ์ดี วัวนี่ปกติธรรมดาแล้วมันก็ทักทายคนประจำอยู่แล้ว คนก็เอามาว่า นายกฯ เริ่มสติหลุดถึงกับพูดกับสัตว์ มีแต่วัวเท่านั้นที่พูดกับนายกฯ รู้เรื่อง เป็นไปอย่างนั้นเลย


ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ก็หยุดสักนิดหนึ่ง คนที่ไม่ชอบนายกฯ ตู่ หยุดคิดตามผมหน่อย อย่าไปว่าท่านเลย ถ้าว่าท่านนายกฯ ก็ว่าผมได้ เพราะผมพูดกับแมว พูดกับหมาประจำ หมาของผม ฮานะ ถ้าเคยเห็นในรูป ผมเคยลงให้ดู ไปผ่าตัดขา ตัดขาออกข้างหนึ่ง เพราะว่าขามีมะเร็งเกาะเข้าไปในกระดูก หมอบอกถ้าไม่ตัดจะตาย ก็เลยต้องตัด ผมรอให้หมารักษาตัวจนกระทั่งเริ่มชินกับการเดิน 3 ขา ผมก็ไปเยี่ยมมัน ผมกอดมัน ผมบอก ฮานะ ลูก เจ็บมั้ย พ่อเป็นห่วงนะ มันก็งี้ดๆๆๆ เอาลิ้นมาเลียหน้าผม รักฮานะ นะ อยู่กับพ่อไปนานๆ นะ เอ็งอย่าเพิ่งตายก่อนพ่อนะ ให้พ่อตายก่อนเอ็งนะ


หรือผมพูดกับแมวของผม ผมว่าแมวของผม พันธุ์บริติชชอร์ตแฮร์ ซึ่งมันหยิ่งยะโส มันไม่ค่อยอ้อนผม แล้วตอนหลังผมมีแมวไทย เป็นแมวจรที่ผมเอามาเลี้ยงในบ้าน ตั้งชื่อว่า แมงโก้ อายุขวบกว่าแล้ว นี่ก็ขี้อ้อน วิ่งเข้ามาพันแข้งพันขาผม หรือมีแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศ ชื่อ จอมขวัญ เวลาผมนั่งดูทีวี มันชอบกระโดดมานั่งบนตักผม ให้ผมลูบหัว ทีนี้แมวตัวใหม่ที่เข้ามามันเป็นแมวจร มันเคยชินกับมนุษย์ มันไม่เคยชินกับแมวด้วยกัน มันก็ไปขู่แมวผม ผมก็ว่า เฮ้ยๆๆ อย่าทะเลาะกัน ขู่กันอยู่ได้ หนวกหู ถ้าจะกัดกัน ก็กัดกันไปเลย จะได้รู้ว่ามันเจ็บตัวด้วยกันทั้งคู่


ผมก็พูดกับแมว ผมก็พูดกับหมา แล้วท่านนายกฯ พูดกับวัวแล้วมันจะเป็นอะไรล่ะ ก็ท่านทักวัว วัวมันเรียกท่านนายกฯ

เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ บางคนก็ตั้งชื่อ ผมคุยกับแมว ผมก็ตั้งชื่อแมวเอง คุยกับหมาที่ผมเลี้ยงเหมือนกัน ท่านผู้ชมครับ วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรก็ผิดไปหมด นิสัยใจคอท่าน วิธีการพูดของท่าน แล้วก็อารมณ์ของท่านเวลาท่านพูด มันก็เลยพลอยทำให้เกิดดรามานี้ขึ้นมา ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เห็นใจท่านนายกฯ เถอะ อย่าไปว่าเขาเลย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลยแม้แต่นิดเดียว เพียงแต่เขาพูด ใช้คำพูดที่ไม่ถูกเวลา และใช้คำพูดที่ถูกแปลความหมายไปในทางที่ผิด ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ ก็คือชาวบ้านลำบากจะตายแล้ว นายกฯ ให้สวดมนต์ ไม่ใช่


แต่สิ่งที่นายกฯ พลาดก็คือ เมื่อท่านลงพื้นที่แล้วท่านไม่ได้หาทางออกให้ชาวบ้าน ท่านไม่ได้เรียกท่านผู้ว่าราชการจังหวัดมาสั่งงาน ท่านไม่ได้เรียกพวกบรรดาท่านผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรัฐบาล จริงๆ ลงไปแบบนี้ วันหลังท่านนายกฯ ลงไปในย่านภัยพิบัติ คนที่ท่านต้องเอาไปก็คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายอาคม ให้ลงไปสัมผัสกับชาวบ้าน คุณอาคม เห็นหรือยัง มีทางไหนไหมที่คลังจะช่วยเจรจากับธนาคารให้ช่วยชาวบ้านเขาหน่อย ซ่อมแซมบ้าน สร้างบ้านขึ้นมาเป็นสองชั้น ได้ไหมคุณอาคม คุณอาคม ซึ่งนั่งอยู่บนหอคอยงาช้างมาตลอดชีวิต เมื่อเท้าไปสัมผัสดินเข้าก็อาจจะเห็น บอกว่า ใช่ครับ ได้ครับ เดี๋ยวผมจะปรึกษาหารือกับธนาคารกรุงไทย ไม่ต้องปรึกษาหารือหรอก คุณเรียกผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทยมาเลย ออมสินด้วย บอกเลย ลองจัดหาสินเชื่อให้ชาวบ้านซิ ถ้าเขาต้องการจะขยับขยายบ้านให้เปลี่ยนจากชั้นเดียวเป็นสองชั้น ถ้าเขาต้องกู้เพิ่ม ลองหาวิธีการให้เขาหน่อย


นี่คือวิธีการที่ถูกต้องท่านนายกฯ แต่ท่านไม่ได้ทำ แต่ช่างมันเถอะท่าน นี่ก็สะท้อนถึงทักษะในการบริหารจัดการของท่านที่ท่านต้องลงสู่รายละเอียด และต้องสั่งงานให้ถึงลูกถึงคน ถ้าอย่างนี้แล้ว ผมคิดว่าท่านจะได้ใจชาวบ้าน 100 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็จะไม่มีใครตำหนิติเตียนท่าน

แต่ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ท่านบอกให้สวดมนต์ กับเรื่องที่ท่านคุยกับวัวรู้เรื่องน่ะ ทิ้งไปเลย วันนี้นายกฯ ปวดหัวมากจากการที่ผูกขาดอำนาจของตัวเองมาตลอด 7 ปี วันนี้ท่านรู้แล้วใช่ไหมว่ายังมีคนที่รักท่านอยู่ แต่คนที่เกลียดและเริ่มเกลียดท่าน มีมากกว่าคนที่รักท่านมากมาย สิ่งหนึ่งซึ่งผมไม่ได้ออกมาปกป้อง พล.อ.ประยุทธ์ แต่ผมคิดว่าไม่ยุติธรรมกับท่าน มีการเอารายการ เอาคลิปเก่า ที่มีรถวิ่งผ่านประชาชนที่ยืนเข้าแถว แล้วประชาชนก็ให้วรนุชกับรถคันนั้น รถ 2-3 คัน


เจ้าของรายการเอาคลิปนี้ออกมาบอกว่า นี่ไงข้อเท็จจริงว่าประชาชนด่านายกฯ ว่าเป็นวรนุช ให้ของลับนายกฯ ท่านผู้ชมครับ ท่านอาจจะเห็นคลิปนั้น คลิปนั้นเป็นคลิปเก่าแล้ว เป็นคลิปที่พวกม็อบสามนิ้วไปล้อมรัฐสภาแล้วก็ด่าพวก ส.ว. ที่กำลังนั่งรถเข้าสู่รัฐสภา

ถึงแม้ว่าคลิปที่ผมชี้แจงไปเมื่อกี้จะเป็นคลิปเก่าที่ถูกส่งมา และไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านนายกฯ แต่มันมีคลิปใหม่อันหนึ่งที่ผมก็ต้องให้ท่านนายกฯ ดูเหมือนกัน ท่านนายกฯ คงรู้ดี ตอนที่ท่านไป จ.ชัยภูมิ เมื่อวานซืนนี้เอง 29 กันยายน ท่านลงพื้นที่ตรวจ ให้กำลังใจ ไปกันชุดใหญ่เลย มีท่านนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ สุชาติ ชมกลิ่น กระทรวงแรงงาน ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีฯ ดิจิทัล อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม บุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ส.ส. ในพื้นที่ มารับนโยบาย ท่านผู้ชมครับ ปรากฏว่าคนชัยภูมิ คนแก่คนเฒ่าพูดภาษาอังกฤษกันทุกคนเลย พูดว่าอะไรรู้ไหม ? I HERE TOO ส่วนท่านผู้ชมจะแปลอย่างไรก็ตอบมา ไม่เป็นไรครับ ร้องกันลั่นเลย ในคลิปมีบอกหมด พูดกันจนกระทั่งตำรวจทำอะไรไม่ถูก เพราะฉะนั้นแล้ว อย่างที่ผมเรียนให้ทราบครับ คนรักนายกฯ ก็มี แต่ผมเชื่อว่ามีคนเกลียดท่านนายกฯ มากกว่าเยอะ


ท่านนายกฯ ท่านก็พูดดี ท่านก็บอก ชัยภูมิ รับรองอย่างไรผมก็ทิ้งไม่ได้ เพราะอะไรรู้ไหม ? เพราะนี่บ้านคุณแม่ผม แต่ผมไปเกิดโคราช คุณแม่เป็นคนชัยภูมิ ฉะนั้นความรักผมต้องอยู่ตรงนี้อยู่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ครับ ผมจะเตือนสติท่านนิดหนึ่ง ถ้าท่านจะไปต่างจังหวัด ไปหาคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น ท่านไปคนเดียวก็ได้ ท่านไม่ต้องขนไปเลย นี่ท่านขนไปทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีอีก 2-3 คน ท่านรู้ไหมว่าทางจังหวัดเขาต้องเตรียมตัวรับท่านอย่างไร เขาไม่เตรียมไม่ได้ เขาต้องเอางบประมาณซึ่งเขาไม่ค่อยจะมีอยู่แล้ว เอามาทำโน่นทำนี่เพื่อไม่ให้เขาเสียหน้าเสียตา ไปสร้างความลำบากให้เขา ท่านไม่ต้องไปเป็นพิธีการหรอก เอ้า พรุ่งนี้ผมจะไปชัยภูมินะ ไม่ต้องบอกใครทั้งสิ้น ไปกันเงียบๆ ให้ผู้ว่าฯ มารับคนเดียวก็พอ ผู้ว่าฯ ไหนคุณพาไปดูซิ ชัยภูมิน้ำท่วมตรงไหนบ้าง สั่งงานสั่งการแบบนี้ อย่าไปทำความลำบากเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเขา ทุกวันนี้ถ้าท่านให้เจ้าหน้าที่รัฐให้ความช่วยเหลือเขาจากส่วนกลาง ส่งไปให้ถึงมือเขาโดยเร็ว ยังจะดีกว่าที่ท่านไปลงพื้นที่อีก แต่อย่างว่านะท่านผู้ชมครับ ผมเข้าใจท่านนายกฯ ท่านนายกฯ วันนี้ท่านโดดเดี่ยว ท่านอยากได้กำลังใจ ท่านก็ลงไป แต่ผมเชื่อว่าเหตุการณ์ที่ชัยภูมิ บ้านเกิดคุณแม่ท่าน และที่ลพบุรี ก็พอที่จะเป็นอุทาหรณ์ให้ท่านรู้ว่ายังมีคนเกลียดท่านอยู่อีกไม่น้อยเลย


ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้ผมพูดถึงท่านนายกฯ แก้ตัวให้ท่านนายกฯ ท่านผู้ชมบางท่านที่เป็นติ่งท่านนายกฯ อาจจะปรับตัวไม่ทันนะ ตอนนี้ผมจะมาพูดเรื่องที่ผมต้องตำหนิท่านนายกฯ อาจจะไม่ใช่ท่านนายกฯ โดยตรง แต่อาจจะเป็นขบวนการเครือข่ายท่านนายกฯ หรือที่เขาเรียกว่า PMOC : Prime Minister Operation Center หรือพวก IO ของท่านนายกฯ


ช่วงหลังๆ นี่ท่านผู้ชมที่เล่นโซเชียลมีเดียจะได้อ่านกระบวนการยุทธการทางข้อมูลข่าวสาร หรือที่เราเรียกกันว่า IO ที่ช่วงหลังๆ นี้ ล่าสุดในช่วงที่คะแนนเสียงท่านนายกฯ เริ่มตก และท่านนายกฯ กำลังถูกตั้งข้อสงสัยว่าควรหรือไม่ควร ทำไมถึงดื้อด้าน อยู่เป็นนายกฯ นอกจากจะครบ 8 ปีแล้ว ยังจะต้องดิ้นรนต่อไปเพื่อหาทางที่จะอยู่ต่ออีก ก็เลยมีขบวนการ IO ที่งวดนี้กระทำการอุกอาจมาก ทุเรศทุรังบัดซบ งวดนี้แอบอ้างสถาบันเบื้องสูงในทำนองที่ว่า เหตุผลที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเป็นนายกฯ ต่อไปก็เพราะว่า รัชกาลที่ 9 สั่งเสียฝากแผ่นดินไว้ให้ลุงตู่ดูแล ท่านผู้ชมครับ หลายท่านเคยเห็นข้อความต่างๆ เหล่านี้หรือเปล่า ผมเห็น ผมเห็นแล้วผมอึ้ง ผมไม่นึกเลยว่าเขาเล่นโหนเจ้ากันแรงขนาดนี้ มีการ copy & paste ข้อความนี้ส่งๆ ต่อกันทางโซเชียลมีเดีย ส่งเฟซบุ๊ก ไลน์กลุ่ม ส่งกันเป็นวงกว้าง ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้อันตรายมาก สุ่มเสี่ยงมากต่อสถาบัน เดี๋ยวผมจะเล่าเนื้อความให้ฟัง เนื้อความมียาวเป็นหน้ากระดาษเลย ผมสรุปให้ฟังเป็นข้อๆ ก็แล้วกัน


ข้อแรก เขาเริ่มต้นด้วยคำว่า "ลุงคนนี้มีดีอะไร" โดนไล่ ถูกประณามหยามเหยียดสารพัด แต่ทำไมลุงจึงต้องอดทนอยู่ตรงนี้กันนะ อยากรู้ ตามหาความจริงกัน


ข้อที่สอง เขาก็เล่าถึงเรื่องการเข้ารัฐประหาร บอกว่าลุงไม่อยากจะเข้ามาทำงานหรอก แต่มันดันมีพวกล้มเจ้า อยากเปลี่ยนแผ่นดิน อยากเปลี่ยนการปกครอง อยากเปลี่ยนรัฐธรรมนูญเพื่อการนิรโทษกรรมให้นักโทษหนีคดี พยายามเข้ามาใฝ่หาอำนาจทางการเมืองเพื่อบรรลุเป้าหมาย ผมได้เคยพูดให้ท่านผู้ชมฟังแล้วใช่ไหมว่า ประเด็นของการเข้ามามีอำนาจ คือประเด็นของการที่คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ กลุ่มแกนนำ กปปส. กับลุงตู่ นั้น สมรู้ร่วมคิดกัน สร้างความวุ่นวายขึ้นมาแล้วให้ลุงตู่ปฏิวัติ ผมเคยพูดแล้วใช่ไหมท่านผู้ชม มีหลักฐานออกมา มีสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นข้อกล่าวอ้างของการที่ลุงตู่เข้ามาเพราะมีขบวนการล้มเจ้า จะมีการนิรโทษกรรมสุดซอยนั้น ไม่เป็นความจริง ขบวนการล้มเจ้ามีมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมี และถ้าผมจำไม่ผิด ในยุคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเสนาธิการทหารบก ช่วงนั้นก็มีขบวนการล้มเจ้า ดา ตอร์ปิโด ออกมาใช้คำพูดหยาบคาบ หมิ่นประมาท จาบจ้วงสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ผมต้องเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ไม่ใช่ลุงตู่พูด ลุงตู่เป็นเสนาธิการทหารบก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นผู้บัญชาการทหารบก เงียบเฉย จนกระทั่งผมเอามาพูดบนเวทีผม ทหารถึงมีการขยับเข้าไปแจ้งความกับตำรวจ ผมก็โดนข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เคยเล่าให้ฟังแล้ว ผมไม่เล่าทวนอีกแล้วกัน แต่ในที่สุดศาลฎีกาก็สั่งยกฟ้องผม

นอกจากนั้นแล้วก็จะพูดไปเรื่อย มีการแบ่งแยกดินแดน โน่นนี่นั่น แล้วก็สรุปว่า แล้วจะให้ลุงตู๋นั่งเฉยได้อย่างไร ใน IO ตรงนั้นพูดว่า เมื่อรูปการณ์เป็นเช่นนี้ ในหลวง รัชกาลที่ 9 ท่านทรงตระหนักดีและหวั่นพระราชหฤทัยมาตลอด ทรงห่วงใยความปลอดภัยของบ้านเมืองและประชาชน จึงรับสั่งฝากแผ่นดินไทยไว้กับลุงทหารของพระราชา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลุงจึงถวายคำสัตย์ตามคำรับสั่ง ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุนี้ ลุงจะไม่เข้าสู่การเมืองอย่างแน่นอน ท่านผู้ชมครับ หยุดพักกันสักนิดหนึ่ง เรื่องนี้เรื่องใหญ่แล้ว เพราะถ้า IO เขียนมาอย่างนี้ ผมว่าอิ๊บอ๋ายแน่นอนงานนี้


IO อยากจะสร้างความชอบธรรมให้ลุงตู่ ก็ใช้วิธีการที่คิดไม่ถึงว่าทำได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งโกหกพกลมแบบนี้ อีกอย่างหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ ข้อความที่ผมพูดเมื่อกี้ ขัดแย้งกันเอง เพราะว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตตั้งแต่ปี 2559 การเลือกตั้งทั่วไปเกิดขึ้นปี 2562 หรือ 3 ปีหลังจากรัชกาลที่ 9 สวรรคต และเกือบ 5 ปี หลังรัฐประหาร 2557 นั่นแปลว่าอย่างไร ? ผมว่าข้อมูลตัวเลขก็ผิดแล้ว สรุปง่ายๆ ว่าพวกนี้จงใจที่จะดึง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เสียมาก คือดึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เข้ามาเกี่ยวข้อง ว่าฝากฝังแผ่นดินให้ลุงตู่ ท่านผู้ชมตามผมมาเรื่องนี้

ข้อที่สาม IO ยังพูดต่อ ลุงอยู่เพราะเป็นยุคเปลี่ยนแผ่นดิน บ้านเมืองต้องการคนซื่อสัตย์สุจริต คนไม่ชอบ ไม่เข้าใจ พากันมีอคติ ตำหนิลุง ไม่เหมาะสม ไม่ควร แต่ขุนศึกอย่างลุงเมื่ออยู่บนหลังม้าแล้วมันก็ต้องสู้สุดใจ จะให้ลุงวางดาบลงจากหลังม้าในขณะที่ข้าศึกศัตรูของแผ่นดินยังเหิมเกริมอยู่รอบด้าน มันก็ทำไม่ได้ ประกอบกับเป็นช่วงผลัดเปลี่ยนแผ่นดินอีก เรียกว่าเป็นยุคที่บ้านเมืองกำลังอ่อนแอและอ่อนไหวต่อสถานการณ์รอบด้าน จึงจำเป็นต้องมีคนที่ซื่อสัตย์สุจริตต่อบ้านเมืองมาทัดทานค้ำจุนไว้ ลุงจึงจำต้องเป็นแม่ทัพนำศึกต่อไป

ท่านผู้ชมครับ ตรงนี้ คนที่คิดคำพูดเหล่านี้ คิดกระบวนทัศน์ในการอธิบายความจำเป็นที่ลุงตู่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีนี้ เป็นคนที่จาบจ้วงต่อสถาบันกษัตริย์มาก คำถามมีอยู่ว่า คุณไปได้ข่าวมาจากไหนว่า รัชกาลที่ 9 ฝากฝังแผ่นดินให้ลุงตู่ ? ในการเข้าเฝ้าฯ นั้น จะมีคนที่อยู่ด้วย แล้วทำไมคำพูดนี้ถึงมาออกในช่วงที่ลุงตู่คะแนนเสียงตกต่ำ นี่คุณคิดวิธีไม่ออกแล้วหรือ ถึงคิดวิธีที่ค่อนข้างจะหน้าด้านมาก แล้วลากเอาสถาบันกษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

อีกข้อหนึ่ง IO เขียนว่า ลุงตู่เป็นคนดี แต่คนรอบข้างเป็นนักการเมืองเฮงซวย ท่านผู้ชมครับ นี่มันย้อนแย้งกันหรือเปล่า นักการเมืองรอบด้านเป็นคนเฮงซวย แล้วที่ลุงตู่เป็นนายกฯ ได้ ไม่ใช่เป็นเพราะพวกนักการเมืองเหรอ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ก็นักการเมืองทั้งนั้น แล้วนักการเมืองเป็นคนเฮงซวย แล้วลุงตู่มาเป็นนายกฯ ทำไม รู้ว่าเขาเฮงซวยแล้วมาเป็นนายกฯ ทำไม อ๋อ มาเป็นก็เพราะว่าได้รับการฝากฝังแผ่นดินไว้จากรัชกาลที่ 9 นี่ไงท่านผู้ชม เท่เสียไม่มีดีเลย เป็นขุนศึกขี่้ม้าออกมา ไม่ยอมถอย คนที่เขียน IO คุณต้องรู้นะ ลุงตู่ของคุณไม่เคยออกรบนะ ทั้งลุงป้อม ลุงตู่ ลุงป๊อก ไม่เคยออกรบ ไม่เหมือนทหารสมัยโบราณ ไม่เหมือนทหารยุคก่อนที่เขาออกรบ เขารบที่เวียดนาม เขารบโน่นเขารบนี่ ลุงตู่ ลุงป้อม และลุงป๊อก ท่านผู้ชมครับ เป็นนักการเมืองเต็มตัว เอาดีใส่ตัวเองก็เพราะว่า ใช้อ้างว่านักการเมืองมันเฮงซวย โยนขี้ให้นักการเมืองหมด แต่ตัวเองเหยียบหัวนักการเมืองเพื่อขึ้นมาเป็นใหญ่ ที่ผมพูดนี่ผมไม่ได้เข้าข้างใครนะ แต่ผมคิดว่า IO ชุดนี้ใช้ไม่ได้

มีอีก เขียนว่า ลุงเข้ามาบริหาร ตั้งหน้าตั้งตาฟื้นฟูพัฒนาประเทศไทย รับผิดชอบหนักอยู่คนเดียว เอ้า คุณเขียนเอง แล้วยังไม่รู้ว่าด่าตัวคุณเอง ก็เพราะว่าลุงรับผิดชอบอยู่ตัวคนเดียวไง บ้านเมืองมันถึงได้อิ๊บอ๋ายกันจนทุกวันนี้ อะไรๆ ก็ลุงทั้งนั้น รวบอำนาจมาที่ตัวลุง แต่พอผิดพลาดทีไร ก็โยนออกๆๆๆ


ยังเขียนต่อว่า ทุกวันนี้ลุงจึงรับผิดชอบหนักอยู่คนเดียวทุกด้าน อ้างถึงโควิด ลุงรับคนเดียว ผมวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องของโรคระบาดนี้มาหลายครั้งแล้ว จำได้ไหมท่านผู้ชมที่ผมบอกว่า การระบาดรอบที่ 3 ลุงตู่ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่ารอบที่ 3 กำลังมา ก็ยังอนุญาตให้คนกลับไปบ้านเที่ยวสงกรานต์ นั่นคือจุดเริ่มต้นของการระบาดที่แท้จริง แต่ใน IO ไม่ยอมพูดถึง ทำไมคุณถึงสอบตกอย่างนี้ล่ะ ไหนๆ คุณจะทำ IO ทั้งทีแล้ว คุณแฟร์สักหน่อย เอาข้อเท็จจริงมาลงเสียหน่อย

ข้อแปด หลักการข้อ 8 ที่ผมย่อมาให้ท่านผู้ชมฟัง ที่ลุงตู่ไม่ลาออก เพราะเป็นทหารของพระราชา ต้องอยู่เพื่อประเทศชาติและราชบัลลังก์ ท่านผู้ชมครับ สรุปแล้วประเทศไทยมีลุงตู่คนเดียวใช่ไหมที่รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ คนอื่นเป็นกบฏไปหมดแล้วหรืออย่างไร มีลุงตู่คนเดียวใช่ไหม แล้วผมไม่ได้รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์หรืออย่างไร แล้วพี่น้องทั้งหลาย ท่านผู้ชมทั้งหลาย ที่เขารักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ รักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 รักพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 คุณเอาเขาไปไว้ที่ไหน

ก็คือสรุปง่ายๆ ว่า ถ้าจะให้ชาติอยู่รอด สถาบันกษัตริย์อยู่รอด ราชบัลลังก์อยู่รอด ก็ต้องลุงตู่ เฮ้ย ผมว่าคุณเพ้อเจ้อฉิบหายนะ ไหนๆ คุณทำ IO แล้ว คุณทำให้มันแนบเนียนกว่านี้หน่อยได้ไหม เขาเขียนว่า ทำไมไม่ลาออก ตอบแทนลุงได้เลยว่า ที่ลุงพูดเสมอว่าไม่ออก ไม่ใช่ลุงดื้อและหน้าด้านอยู่ตามที่พวกสามกีบมันด่ากัน แต่เพราะบ้านเมืองยังไม่เข้ารูปเข้ารอย ยังไม่สงบเรียบร้อยมั่นคง ยังมีเสี้ยนหนาม ใช่ว่าลุงอยากให้เป็นเช่นนี้เสียเมื่อไร ถ้าไม่ใช่เพราะต้องอยู่เพื่อประเทศชาติ ราชบัลลังก์ และประชาชน การเปลี่ยนแม่ทัพกลางศึกไม่มีใครเขาทำกัน นอกเสียจากว่าแม่ทัพตายกลางสมรภูมิรบ แล้วจะมีใครที่เหมาะสมกว่าและไว้ใจได้ในเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ คนรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ จึงอยู่เคียงข้างลุงเพื่อช่วยกันค้ำจุนราชบัลลังก์ ปกป้องราชอาณาจักรไทยอยู่อย่างทุกวันนี้

ท่านนักเขียนที่เขียน IO แผ่นนี้ ผมยกตัวอย่างแล้วไง วันที่ดา ตอร์ปิโด ออกมาจาบจ้วงสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ลุงตู่นั่งเฉย แล้ววันนี้คุณมาเทิดทูน เชิดชูว่าลุงตู่ต่อสู้เพื่อสถาบันกษัตริย์ คุณหยุดดึงเจ้ามาเกี่ยวข้องได้ไหม คุณต้องหยุดดึงเจ้ามาเกี่ยวข้อง เพราะว่าข้อแรก ผมจะเล่าประวัติศาสตร์ตำนานให้คุณฟังนิดหนึ่ง คุณจะได้เข้าใจ

ประเด็นจากข้อความและภาพที่ส่งต่อแพร่หลายข้างต้น ที่ผมเล่าให้คุณฟัง (มีภาพด้วยนะ เดี๋ยวผมเอาภาพขึ้นให้) ทำให้ผมเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจ ก็คือ การแอบอ้างว่าในหลวง รัชกาลที่ 9 ทรงฝากฝังประเทศชาติเอาไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เฮ้ย มีใครได้ยินบ้าง พระองค์ท่านไม่เคยฝากฝังแบบนี้ ผมจะเอาเหตุผลของผมให้ฟัง


ยุคที่พระมหากษัตริย์ฝากฝังประเทศชาติเอาไว้ มีอยู่รัชกาลเดียว คือรัชกาลที่ 4 ก่อนพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จะเสด็จสวรรคต ทรงฝากแผ่นดินไว้กับขุนนาง เพราะขณะนั้นองค์สยามมกุฎราชกุมารยังทรงพระเยาว์มาก ขุนนางใหญ่ที่ทรงฝากฝังไว้นั้นมีความสัมพันธ์ถึงขั้นผูกญาติ เป็นที่ไว้วางพระราชหฤทัยมานาน เดี๋ยวผมจะย้อนประวัติศาสตร์ให้ท่านผู้ชมฟัง

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2411 (153 ปีที่แล้ว) ระหว่างการผลัดแผ่นดิน รัชกาลที่ 4 ไปยังรัชกาลที่ 5 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเริ่มประชวรและมีพระอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความห่วงใยต่อพระโอรส พระธิดา และราชวงศ์ทั้งหลาย อาจจะมีผู้แย่งชิงอำนาจเมื่อแผ่นดินสิ้นกษัตริย์ ทรงทราบดีว่าข้าราชการที่มีอำนาจมากที่สุดในเวลานั้นคือเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ หรือ ช่วง บุนนาค


จึงรับสั่งกับพระยาบุรุษรัตนราชพัลลภ ผู้เฝ้าพยาบาลอยู่ตลอด ให้ไปบอกเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ว่า "ข้าให้เรียนคุณศรีสุริยวงศ์ ข้าเป็นคนลูกมาก รากดก แล้วลูกก็ยังเล็กเด็กอยู่ ไหนๆ คุณศรีสุริยวงศ์ก็ได้อุปถัมภ์บำรุงข้ามา ถ้าข้าไม่มีตัวแล้ว ขอให้คุณศรีสุริยวงศ์อุปถัมภ์บำรุงลูกข้าเหมือนอย่างตัวข้า ขออย่าให้มีภัยอันตรายเป็นที่กีดขวางด้วยการแผ่นดิน ถ้าจะมีความผิดสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นข้อใหญ่ ขอแต่ชีวิตไว้ให้เป็นแต่โทษเนรเทศ"

เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ก็กราบทูลว่า ท่านได้สั่งให้ทหารล้อมวัง ตั้งกองรักษาการณ์พระบรมมหาราชวังและพระตำหนักสวนกุหลาบที่เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ คือรัชกาลที่ 5 อายุเพียง 15 พรรษา ประทับเรียบร้อยแล้ว ยังมีพนักงานตำรวจ ทหาร อย่างยุโรป ประจำหน้าที่ทุกแห่ง

รัชกาลที่ 4 ทรงรับสั่งให้พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าโสมาวดีฯ แจ้งแก่เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ ว่า การเลือกพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่ ขอให้เอาความมั่นคงของประเทศเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้พระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนาง ข้าราชการที่ปรึกษาประชุมกันให้ดี พระองค์ทรงมีความปรารถนาเดียวกันคือต้องการให้บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุขต่อไปเท่านั้น ทั้งยังสั่งให้พระยาศรีสุนทรโวหาร เขียนกระแสรับสั่งนี้เป็นลายลักษณ์อักษรไปอ่านในที่ประชุมเสนาบดี

ท่านผู้ชมครับ ในเช้าวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการให้พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงเทเวศร์วัชรินทร์ ซึ่งเป็นพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ที่มีพระชนมายุมากกว่าพระองค์อื่นๆ พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ซึ่งเป็นพระราชวงศ์ผู้ใหญ่ในราชการ และเจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (นายช่วง บุนนาค) อัครเสนาบดี ที่สมุห์พระกลาโหม หัวหน้าข้าราชการทั้งปวง เข้าเฝ้าฯ พร้อมกันที่พระแท่นบรรทม โดยพระองค์ท่านทรงมีพระบรมราชโองการมอบราชกิจในการดูแลพระนครแก่ทั้งสามท่าน พร้อมตรัสว่า ขอให้ผู้ใหญ่ทั้งสามได้ช่วยกันดูแลบ้านเมืองต่อไป ให้ทูลพระเจ้าแผ่นดินองค์ใหม่เอาธุระรับฎีกาของราษฎรผู้มีทุกข์ร้อนดังที่พระองค์เคยปฏิบัติมา โดยไม่ทรงเอ่ยวาจาให้ผู้ใดขึ้นครองราชย์แทนพระองค์ จากนั้นจึงสวรรคต


การผูกญาตินั้น ต่อมาพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี ซึ่งเป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 กับเจ้าจอมมารดาสำลี จากตระกูลบุนนาค ได้ทรงไปเป็นพระมเหสีของรัชกาลที่ 5 โดยดำรงพระอิสริยยศเป็นพระนางเจ้าฯ พระราชเทวี

ท่านผู้ชมครับ นี่คือเหตุการณ์การฝากฝังเหตุการณ์เดียว เมื่อ 153 ปีที่แล้ว เรากลับมาถึงวันนี้ ยุคปัจจุบัน ในขณะที่พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงประชวรมาก เป็นระยะเวลาที่องค์สยามมกุฎราชกุมาร พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเจริญพรรษากว่า 60 ปีแล้ว ทรงมีพระพรรษาสูงกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เสียอีก ทรงได้รับการฝึกอบรม มีความพร้อมที่จะดูแลแผ่นดินได้ด้วยตัวเอง ดังนั้นการที่มีบุคคลเข้าเฝ้าฯ เป็นทางการ เป็นสาธารณะ ไม่มีทางที่จะเกิดกรณีสั่งเสียฝากฝังแผ่นดิน ที่สำคัญ รัชกาลที่ 10 ไม่ใช่รัชกาลที่ 5 ที่อายุเพียง 15 ปี พระองค์ท่านทรงมีพรรษาแก่กว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากเกิดขึ้นจริง ทำไมไม่มีข่าวปรากฏมาก่อนเลย ทั้งที่ผู้ที่เข้าเฝ้าฯ ผู้เห็นเหตุการณ์ มีจำนวนไม่น้อย

ท่านผู้ชมครับ การกระทำของ IO แอบอ้างสถาบันเรื่องนี้ ว่าทรงฝากฝังแผ่นดินไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเรื่องที่เสียหายกับสถาบันอย่างชนิดที่ยอมรับไม่ได้เลย ทั้งๆ ที่สถาบันอยู่เหนือการเมืองและไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใด คุณยิ่งแพร่กระจายเรื่องนี้ออกไป ฝ่ายที่เกลียด พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะพลอยจงเกลียดจงชังรัชกาลที่ 9 ไปด้วย คุณทำอะไรคุณไม่ได้คิดเลยหรือ พวกคุณนี่จะทำ IO ทั้งที คุณจะอวย พล.อ.ประยุทธ์ ว่าเหมาะสมที่จะเป็นนายกฯ ต่อไป คุณก็หาวิธีอวยอย่างอื่นสิ แต่คุณอย่าโหนรัชกาลที่ 9 แล้วคุณก็แอบอ้างเรื่องที่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ผมเอาตัวอย่างให้คุณดูแล้วว่าทำไมรัชกาลที่ 9 ต้องฝากฝังแผ่นดินไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ คุณบ้าไปหรือยัง ก็ในเมื่อรัชกาลที่ 10 พระองค์ท่านตอนนั้นพระองค์ท่าน 60 กว่าพรรษา พระองค์ท่านฝึกงานกับพระเจ้าอยู่หัวมาตั้งนาน ตั้งแต่เด็กตั้งแต่เล็ก สมัยที่พระองค์ท่านออกไปอยู่ตามป่า ไปตามโครงการพระราชดำริทั้งหลาย ซ้อนท้ายรถอีแต๋นที่ขับไถนา พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ตรงไหนล่ะ ตอนนั้น ยังไม่รู้เรื่องชาติบ้านเมืองเลยแม้แต่นิดเดียว ฉะนั้นคุณทำอะไร คุณระวังตัวหน่อยสิ พล.อ.ประยุทธ์ ผมไม่รู้ว่าท่านรู้เรื่องนี้หรือเปล่า ถ้าท่านรู้ ท่านต้องสั่งให้หยุดเดี๋ยวนี้ หยุดได้แล้ว และอย่าได้ใช้สถาบันกษัตริย์มาเป็นเครื่องมือให้ความชอบธรรมที่พวกคุณจะอยู่ต่อ คุณอยากอยู่ต่อ พวกคุณอยากอยู่ต่อ เพราะความหลงในอำนาจ อยากใหญ่

ท่านผู้ชมครับ นี่คือเรื่องที่ผมต้องพูด ไม่พูดไม่ได้ ท่านผู้ชมเอาเหตุผลข้อเท็จจริงที่ผมอธิบายให้ฟัง แล้วลองใช้สติปัญญาตรึกตรองดู วันนี้เราก็ยังมีขบวนการล้มเจ้าอยู่ ไหนคุณอ้างว่ามีขบวนการล้มเจ้า แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรบ้างล่ะทุกวันนี้ ก็ยังมีเหมือนเดิม ปิยบุตร แสงกนกกุล


อาจารย์ต่างๆ ในธรรมศาสตร์ ก็ยังไม่ต้องการกษัตริย์เหมือนเดิม แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ทำอะไรบ้างล่ะ เห็นหรือยัง ท่านผู้ชมครับ ผมรับไม่ได้เรื่องนี้ และผมขอร้อง IO ทั้งหลาย พวกคุณหยุดเสียทีได้ไหม คุณจะใช้วิธีไหน คุณจะอวยอย่างไรก็ตาม เรื่องของคุณ แต่คุณอย่าเอาสถาบันกษัตริย์มาสร้างความชอบธรรมให้คุณได้อยู่ต่อ

คุณจะได้อยู่ต่อหรือไม่ได้อยู่ต่อ ขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณ ถ้าคุณบริหารชาติบ้านเมืองไปด้วยความซื่อสัตย์จริงๆ วันนี้ไม่จริง เรื่องวัคซีน เงินเข้ากระเป๋าใคร เรื่องยาฟาวิฯ บ้า ที่คุณออกมาแถลงข่าวว่าจะต้องสั่งซื้อตั้งไม่รู้กี่ร้อยล้านเม็ด จนกระทั่งวันนี้ไม่มีใครใช้ ทั่วโลกแล้ว แล้ววันนี้คุณก็ไม่พูดแล้วเรื่องยาบ้านี้ แต่คุณสั่้งซื้อไปแล้ว เงินเข้ากระเป๋าใคร ? นี่ไง ถ้าคุณบริหารชาติบ้านเมืองด้วยความโปร่งใส ประชาชนมีความหวัง มองเห็นอนาคต ลูกหลานเขามีการศึกษาที่ดี แม้กระทั่งการที่จะให้ประชาชนพึ่งพาตัวเองด้วย ฟทจ. ก็ไม่มี ไม่มีหลักการ ปล่อยให้หมอแก่ๆ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าคุณมีผลประโยชน์ด้วยหรือเปล่า กำหนดวิถีทางรักษาประชาชน ด้วยวิธีทานยาฝรั่งซึ่งคุณรับค่าคอมมิชชันกัน

ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราว่าช่วงนี้เป็นช่วงขาลงของรัฐบาล หรือว่าเป็นช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านเหน็ดเหนื่อยใจอย่างมากที่สุด ผมเชื่อว่าท่านมีความทุกข์ใจมากพอสมควร ก็เป็นปกติธรรมดา ก็คงจะไม่ผิดความจริงไปหรอกครับ ด้วยเหตุนี้มันก็มีขบวนการหลายอย่างที่รัฐบาลเตรียมต่อสู้กลับมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการประชาสัมพันธ์ ท่านตั้งท่าที่จะสู้ให้ตั้งแต่ท่านว่าจ้าง ดร.เสรี วงษ์มณฑา และคุณเกษมสันต์ ออกมาเป็นที่ปรึกษา


หรือดำเนินการที่จะจัดการในเรื่องของโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อเชียร์ตัวท่าน ถึงกับจัดงบประมาณ ประมาณ 100-200 ล้านบาท ให้เอาไปจัดการ ซึ่ง 100-200 ล้านบาทนี้ คงจะเป็นการซื้อสื่อโฆษณา หรือไปจ่ายเงินจ่ายทองให้คอลัมนิสต์ช่วยเชียร์ท่านนายกฯ

ล่าสุด ท่านผู้ชมครับ รัฐบาล ก็แน่นอนที่สุด ท่านนายกฯ ต้องรับทราบ หรือเป็นคนสั่งการ ก็ตัดสินใจที่จะดึงทีมงานจาก TOP News ซึ่งประกอบด้วย คุณกนก คุณธีระ แล้วก็คุณสันติสุข มะโรงศรี คุณสถาพร เกื้อสกุล ซึ่งเป็นดาราในช่อง TOP News เข้ามา เพื่อที่จะมาร่วมมือกับโทรทัศน์ช่อง 5 ในการผลิตข่าว


พล.ท.รังษี กิติญาณทรัพย์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ททบ.5 กับนายแพทย์ชัยวัฒน์ เตชะไพฑูรย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กาแล็กซี่ มัลติมีเดียคอร์ปอเรชั่น จำกัด เซ็นสัญญากัน คือสรุปง่ายๆ อ้างว่าเพื่อผลักดันเรตติ้งของช่อง 5 โดยการดึงตัวคุณกนก รัตน์วงศ์สกุล คุณธีระ ธัญไพบูลย์ ผู้ดำเนินรายการข่าวเข้มและเล่าข่าวขัน ซึ่งเป็นอดีตผู้ประกาศข่าวแม่เหล็กของสถานีโทรทัศน์เนชั่นทีวี ดึงเอาคุณสันติสุข มะโรงศรี ผู้ดำเนินรายการข่าวมีคน และข่าวเป็นข่าว ดึงคุณสถาพร เกื้อสกุล ผู้ดำเนินรายการผ่าประเด็นโลก และผ่าประเด็นร้อย ส่วนคุณอัญชะลี ไพรีรัก ก็ยังคงอยู่ TOP News เหมือนเดิม ก็คือว่าเปิดแนวรบทั้งสองด้าน ด้านหนึ่งคือโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ซึ่งต้องไปพึ่งพาบารมีของบริษัทไดเร็คทีวี แต่ตอนนี้เห็นคุณอัญชะลี เธอลงในเฟซบุ๊กบอกว่า ได้มีการไปก่อสร้างสำนักงานแล้ว มีทั้งสตูดิโอ 2 ห้อง มีสตูดิโอ 1 ห้อง สตูดิโอใหญ่ 2 ห้อง สตูดิโอเล็ก 2 ห้อง เริ่มลงเสาเข็มกันแล้ว คือทำงานใหญ่โต เน้นที่ฮาร์ดแวร์


ผมก็จะขอเตือนคุณอัญชะลี นิดหนึ่ง ในฐานะเป็นรุ่นน้องผม และเป็นคนที่ผมรักใคร่ชอบพอ บอกว่าฮาร์ดแวร์มันไม่สำคัญหรอก มันสำคัญที่ซอฟต์แวร์ สำคัญที่คุณภาพบุคคล และผมจะเตือนไปถึงทุกๆ ท่านที่เพิ่งย้ายไปช่อง 5 ว่าในที่สุดแล้ว เวลาคุณออกมาปกป้องอะไรก็ตาม หรือโปรโมตสินค้าใดก็ตาม ทั้งคนหรือทั้งสินค้าต้องเป็นของที่มีคุณภาพ ถ้าของไม่มีคุณภาพ คุณปกป้องให้ตายก็ไม่ประสบผลสำเร็จ

"คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ใช้ห้องทำงานของผมห้องนี้ออกรายการ ท่านจะทำเป็นทีวีก็ได้ ไม่เป็นไร ผมก็สามารถจะจัดเวลาเลย พอผมจบรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก็จะมีรายการอะไรเข้ามา มีการตัดต่อภาพ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ซอฟต์แวร์อยู่ที่นี่ ไม่ได้อยู่ที่ว่าต้องมีอาคารยิ่งใหญ่ ใหญ่โตมโหฬาร

แต่ว่า ท่านผู้ชมครับ ผมก็เห็นใจนะครับ เพราะเมื่อเขาพูดบอกว่า ต้องการที่จะเอามาอัปเลเวลช่อง 5 เรามาดูเลเวลช่อง 5 กันหน่อย ท่านผู้ชมครับ เรตติ้งช่อง 5 โทรทัศน์ทั้งหมดมี 18 ช่อง ช่อง 5 อยู่อันดับที่ 18

tvdigitalwatch.com ระบุว่า ช่อง 5 มีเรตติ้งทีวีดิจิทัลอันดับรั้งท้ายอย่างยาวนาน เป็นมานานแล้ว ช่อง 5 โหล่ บ๊วยเลย ล่าสุดเดือนสิงหาคม 2564 เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา เรตติ้งเฉลี่ยของช่อง 5 อยู่ที่ 0.018 อยู่อันดับ 18 อันดับสุดท้าย จาก 18 ช่องที่วัดเรตติ้ง


เรตติ้งปีล่าสุด อยู่อันดับ 18 ปี 63 อันดับสุดท้ายเช่นกัน เรตติ้งคือ 0.018 ปี 62 เรตติ้งเฉลี่ย อันดับ 21 จำนวน 25 ช่อง เรตติ้งอยู่ที่ 0.029 และพบว่าตัวเลขของคนที่มาดูช่อง 5 นั้น ยิ่งวันยิ่งลดลงๆ ท่านผู้ชมครับ ผมเห็นใจทีมงานคุณกนก หรือใครก็ตาม เพราะว่าการออกมาปกป้องใครคนใดคนหนึ่งนั้น ต้องปกป้องบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง จะเชียร์จะอวยนายกฯ อย่างไรก็ตาม ก็ต้องบนพื้นฐานแห่งความเป็นจริง และที่สำคัญที่สุด ต้องถามตัวเองว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นคนที่มีคุณภาพจริงเหมือนอย่างที่คุณจะพูดหรือจะเชียร์หรือเปล่า ในบางเรื่องอาจจะใช่ แต่ในหลายๆ เรื่องมันไม่ใช่เลย เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเห็นใจ เพราะว่าข้าวต้องซื้อ ไฟต้องจ่าย ค่าใช้จ่ายต้องมี เพราะฉะนั้น บางครั้งก็จำเป็นเพื่อความอยู่รอดปลอดภัย สรุปง่ายๆ ว่า ตอนนี้มี IO ทางโทรทัศน์เชียร์ท่านนายกฯ อยู่ 2 ช่อง ช่องแรก คือ TOP News ซึ่ง ณ วันนี้ ก็น่าจะเป็นคุณอัญชะลี ไพรีรัก เป็นหัวหอกอยู่ที่นั่น อันที่สองก็คือ ใช้วิธีผ่องถ่ายทีมงานที่สำคัญมาอยู่ที่ช่อง 5 แต่ยังไงก็น่าจะดีขึ้น เพราะช่อง 5 มันบ๊วยสุด มันก็คงจะต้องดีกว่าเก่า เพราะก็ต้องยอมรับว่าคนที่ไปแต่ละคนเขาก็มีแฟนประจำของเขาจำนวนหนึ่ง พอประมาณ ก็เลยเล่าให้ท่านผู้ชมฟังนิดหนึ่ง

สิงหาคม 2564 ท่านนายกฯ ตั้ง ดร.เสรี และเกษมสันต์ ขึ้นมา ก็ต้องการที่จะช่วยเสริมความเข้าใจประชาชน ทำทั้งคู่มือประชาชน คู่มือชุมชน ช่องทางติดต่อ สายด่วน ไลน์แอปพลิเคชัน เว็บไซต์ หลายๆ อย่างทำไปหมด เหมือนกัน เอามาเชื่อมสิ่งที่ ดร.เสรี กับคุณเกษมสันต์ ทำ เอามาเชื่อมต่อช่อง 5 รุ่นใหม่ ยุคปรับเรตติ้ง แล้วโยงไปจนถึง TOP News วันนี้นายกฯ รัฐบาล ไม่ต้องการพึ่งเนชั่นทีวีอีกต่อไปแล้ว เพราะเนชั่นทีวีเป็นปฏิปักษ์ ตรงกันข้ามกับ TOP News ซึ่งคนที่อยู่เบื้องหลัง TOP News คือ คุณสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม เป็นคนที่วิ่งเต้น ติดต่อ เจรจา ครั้งหนึ่งก็เป็นคนที่ทำงานให้กับลุงป้อม เพื่อเอาเนชั่นทีวีมาแบ็กลุงป้อม พอวันนี้แตกกับเนชั่นทีวี ลุงป้อมกับลุงตู่แตก เอ้า ตายล่ะ เงินอยู่ที่ลุงตู่ เพราะลุงตู่กำลังเดือดร้อน ต้องการคนเข้าไปช่วยเหลือ คุณสนธิญาณ ก็เลยเข้าไปเป็นที่ปรึกษาของลุงตู่ ก็ปกติธรรมดา ผมไม่ได้ว่าอะไรทั้งสิ้น คนอยู่ในอาชีพเดียวกัน ถ้าไปได้ดี ถ้ามีเงินมีทองใช้ ผมก็ดีใจด้วย ผมก็อยู่ของผมอย่างนี้ล่ะครับ เพราะฉะนั้นแล้วก็เตรียมตัวดูช่อง 5 ในยุคปรับปรุงใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ถ้าดูให้ดีๆ แล้ว ผมว่าก็คงไม่ได้ต่างจากช่อง TOP News หรอก เหมือนกัน ที่อวยนายกฯ ลูกเดียว ปกป้องนายกฯ องครักษ์พิทักษ์นายกฯ ทางสื่อมวลชน ขยายความจาก TOP News มากลายเป็นช่อง 5 ไปแล้ว ก็สรุปง่ายๆ ว่า เพิ่ม channel ออกมา ผมว่าถ้าจะให้ดี ถ้าท่านนายกฯ ดี ท่านลองหา ท่านมีสปอนเซอร์เยอะนี่ ให้เข้าไปซื้อทีวีดิจิทัลสักช่องหนึ่งก็แล้วกัน เหมือนกับครั้งหนึ่งคุณสนธิญาณ พยายามจะร่วมมือกับช่อง 18 แต่เจรจาตกลงกันไม่ได้ วันนี้คุณแอน จักรพงษ์ ซื้อไปเรียบร้อยแล้ว ลองเจรจากับคุณฉาย ดูสิ เผื่อคุณฉาย เขาจะขายทิ้ง ท่านนายกฯ แอบจัดงบประมาณมาก็ได้ ไปซื้อเนชั่นทีวี กลับไปอยู่เนชั่นทีวี แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังเชื่อว่าพวกนี้เข้าไป ช่อง 5 เรตติ้งจะดีขึ้น เหตุผลที่สำคัญที่สุดคือมันต่ำมาตั้งแต่อดีตแล้ว ทำอย่างไรก็ต้องดีขึ้นแน่นอน ขอให้ทุกคนโชคดีก็แล้วกันนะครับ อวยกันให้ไส้แตกเลยก็แล้วกัน ผมก็จะอยู่ของผมอย่างนี้ล่ะครับ


ท่านผู้ชมครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วเกิดประเด็นทางข้อกฎหมาย และบทบัญญัติทางรัฐธรรมนูญขึ้นมา หลังจากมีการโยนประเด็นออกมาจากนายสุทิน คลังแสง ซึ่งเป็นประธานวิปฝ่ายค้าน จากพรรคเพื่อไทย ที่ตั้งข้อสังเกตเรื่องการอยู่ในตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าหลังจากนี้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน นายสุทิน ยกรัฐธรรมนูญ มาตรา 158 วรรคสี่ ฉบับ 2560 บัญญัติว่า "นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง"

ประธานวิปฝ่ายค้าน ชี้ประเด็นโดยยกวาระการดำรงตำแหน่งของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า หากนับจากวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ เข้ารับตำแหน่งนายกฯ หลังจากที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โหวตเห็นชอบและต่อมามีการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งในวันที่ 25 สิงหาคม 2557 ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะต้องครบการเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นเวลา 8 ปี ในเดือนสิงหาคม 2565 ก็คือปีหน้า ไม่สามารถเป็นไปได้นานกว่านั้น

นี่เป็นประเด็นที่น่าสนใจ ส.ส.ฝ่ายค้าน หรือสมาชิกรัฐสภา ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. น่าจะยื่นคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นนี้แน่นอน เพื่อคลายความคลุมเครือและทำให้เกิดบรรทัดฐานชัดทางกฎหมาย

ถามว่าจะมีทางที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้นับจากวันที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ เมื่อสิงหาคม 2557 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันหรือเปล่า ในประเด็นนี้แม้กระทั่งกุนซือทางกฎหมายของพรรคพลังประชารัฐ อย่างเช่นนายไพบูลย์ นิติตะวัน ยังชี้ว่า เมื่อไม่ได้เขียนชัดเจนไว้ในบทเฉพาะกาล จึงเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องใช้วิธีการตีความและพิจารณารัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้อง ผมจะค่อยๆ ไปทีละเรื่อง ท่านผู้ชมจะได้ไม่สับสน

คือมาตรา 158 วรรคสี่ นายกฯ จะดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 8 ปี แล้วก็มีอีกมาตราหนึ่ง คือ 170 เหตุให้รัฐมนตรีสิ้นสุดลงภายใต้การพิจารณาเรื่อง เจตนารมณ์ของผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ


ในมาตรา 170 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ยังระบุว่า "นอกจากเหตุที่ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามวรรคหนึ่งแล้ว ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดเวลาตามมาตรา 158 วรรคสี่ ด้วย" ก็คือว่า 170 ก็ไปอิงกับ 158 วรรคสี่ เหมือนเป็นการตอกย้ำในมาตรา 158 วรรคสี่

เราต้องไปดูว่าผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน คือกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ มีจุดมุ่งหมายอย่างไรถึงเขียนล็อกเอาไว้ให้คนเป็นนายกฯ รวมกันได้ไม่เกิน 8 ปี

ท่านผู้ชมครับ นอกจากนั้นแล้วยังมีมาตราที่สำคัญอีกมาตราหนึ่ง คือ มาตรา 264 โดยมาตรา 264 วรรคหนึ่ง เขียนไว้ว่า "ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ด้วย" ก็คือว่า เป็นคณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ให้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติ คือตามบทบัญญัติของมาตรา 158 ด้วย ซึ่งหมายความว่า อาจต้องนับอายุนายกรัฐมนตรีต่อเนื่องรวมกันตั้งแต่วันแรกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับการเสนอชื่อและรับรองจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็คือเข้าข่ายมาตรา 158 วรรคสี่ เป๊ะเลย

อย่างไรก็ตาม ท่านผู้ชมครับ พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ได้ยาวอีกแค่ไหน นี่เป็นคำตอบที่ต้องอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตีความชี้ขาดอย่างไร ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญช่วงหลังนี้ก็มีความไม่น่าไว้วางใจและไม่น่าเชื่อถืออยู่มากมายหลายเรื่อง เพราะว่ามีคนที่มาจากศาลรัฐธรรมนูญ มาถึงศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เป็นผู้พิพากษา แต่เป็นคนที่มาทางสายรัฐศาสตร์ ทางมหาดไทย ศาลรัฐธรรมนูญในยุคนี้ก็เลยเป็นศาลที่ค่อนข้างจะเพี้ยน ความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ต่ำต้อยมาก

ผมจะวิเคราะห์เรื่องนี้ให้ฟัง ท่านผู้ชม รัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ พูดอย่างนี้ครับ นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกิน 8 ปี ไม่ได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ ถือเป็นบทบัญญัติที่มีขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญไทย บทบัญญัติที่คล้ายกันแต่เข้มข้นน้อยกว่ามาก มีในรัฐธรรมนูญ 2550 เมื่อสิบปีที่แล้วก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 171 วรรคสี่ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่า 8 ปี มิได้ ซึ่งในรัฐธรรมนูญเดิม แปลว่า ถ้าเว้นวรรคช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว จะเป็นรวมกี่ปีก็ได้ ไม่จำกัด แต่ขออย่าให้เป็นติดต่อกันเป็นเวลา 8 ปี หรือพูดง่ายๆ ว่า เป็น 4 ปี แล้วเว้นวรรค จะเป็นต่อไปก็ได้ ไม่เป็นไร แล้วเว้นวรรค แล้วเป็นต่อ แต่ถ้าเป็นติดต่อกัน 8 ปี ไม่ได้


ท่านผู้ชมครับ แล้วถามว่าบทบัญญัตินี้มีไว้ทำไม ? ขอตอบโดยคำตอบของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ที่อธิบายในหนังสือบันทึกเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ 2560 ความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 จัดพิมพ์โดยสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ข้อความนี้สำคัญมากท่านผู้ชม เจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ "การกำหนดระยะเวลาแปดปีไว้ก็เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวเกินไป อันจะเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้" ท่านผู้ชมครับ ประเด็นนี้สำคัญมาก ประเด็นนี้ถือว่าเป็นประเด็นการปฏิรูปการเมือง ถ้าจะเรียกอย่างนั้น ที่สำคัญ ท่านผู้ชมจำตรงนี้ไว้ เพราะเราจะมาพูดกันอีกทีในตอนท้ายของเรื่องนี้ ประเด็นที่เป็นไฮไลต์ในวันนี้คือ หากจะนำรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ มาใช้กับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะครบ 8 ปี เมื่อไร

ก่อนอื่นต้องทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้งนะ ครั้งแรก 24 สิงหาคม 2557 ครั้งที่สอง 9 มิถุนายน 2562 ครั้งที่หนึ่ง เป็นไปตามรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 ครั้งที่สอง เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 ก็เลยเกิดการตีความ 3 ทาง ฝ่ายแรก อ่านมาตรา 158 วรรคสี่ และรัฐธรรมนูญทั้งฉบับแล้ว เห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ถึงแค่วันที่ 24 สิงหาคม 2565 เท่านั้น เพราะถึงแม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครั้งแรกมาก่อนรัฐธรรมนูญ 2560 จะประกาศ แต่ในบทเฉพาะกาลมาตรา 264 วรรคแรก กำหนดไว้ว่า ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นคณะรัฐธรรมนูญตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญนี้" นัยก็คือว่า อุปมาอุปไมยเหมือนกับคณะองคมนตรีที่เคยมีมาก่อนจะมีรัฐธรรมนูญ 2560 เมื่อมีรัฐธรรมนูญ 2560 แล้ว คณะองคมนตรีก็ยังเป็นเหมือนเดิม ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลง ขอเน้นคำว่า "เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้" ดังนั้น จึงต้องอยู่ในบังคับของมาตรา 158 วรรคสี่ เพราะถ้ารัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ประสงค์จะไม่ให้ใช้บทบัญญัติว่าด้วยคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีมาตราใดมาใช้บังคับกับคณะรัฐมนตรีที่มีอยู่ก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ก็ต้องเขียนระบุไว้ชัดเจน ดังที่บัญญัติไว้ชัดเจนในมาตรา 264 วรรคสอง ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการขาดคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรีเสียส่วนใหญ่ ซึ่งประกอบไปด้วย มาตรา 160 (6) บางส่วน มาตรา 170 (3), (4) บางส่วน มาตรา 170 (5) บางส่วน และมาตรา 112

แต่ท่านผู้ชมครับ ไม่ได้มีการยกเว้นมาตรา 158 วรรคสี่ หากเป็นไปตามนี้ ระยะเวลา 8 ปี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเริ่มนับตั้งแต่วันที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557 และสิ้นสุดได้ถึงเพียงวันที่ 24 สิงหาคม 2565 ท่านผู้ชมครับ นั่นคือฝ่ายแรก

ฝ่ายที่สอง เขาเห็นต่างไป เขาเห็นว่าในหลักนิติธรรมมีอยู่ว่า รัฐธรรมนูญหรือร่างกฎหมายต้องไม่บังคับใช้ย้อนหลังเป็นโทษทางอาญาแก่บุคคล แม้ในกรณีรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ จะมิใช่โทษทางอาญาโดยตรงก็ตาม แต่เป็นการรอนสิทธิของบุคคล จึงน่าจะเข้าข่ายหลักนิติธรรมได้ นั่นคือการอธิบายของฝ่ายที่สอง ที่บอกว่าท่านนายกฯ มีสิทธิที่จะอยู่ต่อได้ กล่าวคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อครั้งเป็นนายกฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2557 ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 นั้น รัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดระยะเวลาไว้ เพิ่งจะมากำหนดระยะเวลาไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ประกาศใช้เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2560 ดังนั้นการเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับมาตรา 158 วรรคสี่

การที่มาตรา 264 วรรคแรก กำหนดให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญในปี 2560 ก็เพื่อให้การบริหารประเทศเดินหน้าไปอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่านไม่ขาดคณะรัฐธมนตรีเท่านั้น หาได้หมายความว่าคณะรัฐมนตรีชุดเปลี่ยนผ่านจะต้องอยู่ภายใต้บทบังคับของรัฐธรรมนูญ 2560


เพราะฉะนั้นแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จะอยู่ภายใต้บังคับของมาตรา 158 วรรคสี่ ก็ต่อเมื่อได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2562 เท่านั้น

ระยะเวลา 8 ปี ตามมาตรา 158 วรรคสี่ เริ่มนับหนึ่งตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2562

ฝ่ายที่สาม อย่างไรก็ตาม ในฝ่ายที่สองยังมีความแตกย่อยออกไปอีก แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ผมก็จะพูดออกมาว่า ฝ่ายย่อย ฝ่ายหลังนี้ เห็นว่าระยะเวลา 8 ปี ในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเริ่มประกาศใช้รัฐธรรมนูญ 2560 ในวันที่ 6 เมษายน 2560

ประเด็นข้อกฎหมายอาจจะต่างกันได้ และไม่มีใครถูก ใครผิด จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญผู้มีหน้าที่ชี้ขาด และรัฐธรรมนูญบัญญัติให้เป็นที่สุด ผูกพันทุกองค์กรให้ชี้ขาดออกมา ผมเชื่อเหลือเกินว่า หลังจากวันที่ 24 สิงหาคม 2565 หากคุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ จะต้องมีผู้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน

ท่านผู้ชมครับ ศาลตัดสินใจอย่างไร ก็ให้รอวันนั้น หรือหากเกิดการยุบสภา เลือกตั้งทั่วไปขึ้นก่อนการเลือกนายกรัฐมนตรีในรัฐสภา ก็จะเป็นประเด็นสำคัญเช่นกัน เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเหลือเวลาในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่มาก ซึ่งหากกรณีเป็นไปตามความเห็นฝ่ายที่ 1 สังคมจะต้องถกเถียงกันหนัก ทะเลาะเบาะแว้งกันหนักเลย

ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับท่านผู้ชม อย่างไรก็ตาม ถ้าหากถามความเห็นผม ผมขอกลับไปข้อความสำคัญข้างต้นที่ผมบอกว่าให้จำเอาไว้ ในเรื่องเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญที่ระบุไว้อย่างชัดเจนและเป็นลายลักษณ์อักษร ท่านผู้ชมสามารถเปิดดูได้ เขาระบุไว้ว่า "การกำหนดระยะเวลาแปดปีไว้ก็เพื่อมิให้เกิดการผูกขาดอำนาจในทางการเมืองยาวเกินไป อันจะเป็นต้นเหตุเกิดวิกฤตทางการเมืองได้"

ท่านผู้ชมครับ รัฐธรรมนูญหรือกฎหมายใดๆ ที่เป็นเกณฑ์ขั้นต่ำของสังคม เพื่อเป็นหลักประกันความสงบสุขนั้น สามัญสำนึก มาตรฐานจริยธรรม ความเสียสละ และอื่นๆ อยู่เหนือกฎหมาย ถูกกฎหมาย ถูกรัฐธรรมนูญ ไม่ได้แปลว่าถูกต้องเสมอไป ประเด็นนี้ผมจึงตอบไม่ได้ มีแต่สามัญสำนึกของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น ที่จะตอบได้ ส่วนเรื่องการตีความกฎหมาย แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร แต่ส่วนตัวผมเห็นว่า การตอบด้วยตัวเอง ตัดสินใจด้วยตัวเอง ของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมแล้วไม่ว่าจะมาจากรัฐธรรมนูญฉบับไหน รวมแล้วเกิน 8 ปี หรือไม่ จะสง่างามมากกว่า

เป็นนายกฯ เกิน 8 ปี แล้วจะเกิดวิกฤตหรือเปล่า ? การปฏิรูปการเมืองโดยสร้างบรรทัดฐานตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 158 วรรคสี่ ควรได้รับการสานต่อหรือไม่ ? หรือท่านมองว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไม่ได้เป็นของคนชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วบ้านเมืองจะเกิดวิกฤต นั่นคือการมองแบบหลงตัวเอง มองแบบเหมือนอย่างที่ IO ที่เมื่อกี้ผมพูดให้ฟัง

ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้มีอยู่คนเดียวที่จะตอบได้ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านผู้ชมครับ ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ครับ และคนที่เชียร์ พล.อ.ประยุทธ์ ครับ ประวัติศาสตร์จะเป็นคนตัดสินตัวท่านเอง


ท่านผู้ชมครับ เมื่อประมาณสักเกือบอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ในวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564 สำนักข่าวต่างประเทศได้รายงานว่า แคนาดาได้ปล่อยตัวนางเมิ่ง หว่านโจว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินของบริษัท หัวเว่ย หลังจากที่ถูกควบคุมตัวในขณะซึ่งแวะผ่านเมืองแวนคูเวอร์ เพื่อจะเดินทางต่อกลับไปยังเมืองจีน ปักกิ่ง ถูกคุมตัวในวันที่ 1 ธันวาคม 2561 ตามหมายจับของสหรัฐอเมริกา และถูกดำเนินคดีในข้อหา ละเมิดการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐอเมริกา

ท่านผู้ชมครับ เมิ่ง หว่านโจว คือใคร ? เมิ่ง หว่านโจว คือลูกสาวของนายเหริน เจิ้งเฟย แล้วเหริน เจิ้งเฟย คือใคร ? เหริน เจิ้งเฟย ก็คือผู้ก่อตั้งและเจ้าของบริษัท หัวเว่ย

เมิ่ง หว่านโจว เป็นลูกสาวที่เรียนจบที่เฉิงตู แล้วต่อมาปริญญาโทที่เมืองอู่ฮั่น สาขาบัญชี แล้วก็ไปทำงานให้กับพ่อ แม่ของเมิ่ง หว่านโจว ชื่อ เมิ่ง จุน ซึ่งหย่าขาดจากพ่อของเธอ คือ เหริน เจิ้งเฟย แล้วเธอกลับมาใช้นามสกุลของแม่ คือ แซ่เมิ่ง ตั้งแต่อายุ 16 ปี

เมิ่ง หว่านโจว เป็นคนที่เก่งมาก เริ่มการทำงานจากการเป็นเลขาฯ ของพ่อ แล้วได้เลื่อนตำแหน่งมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาเป็นหนึ่งในรองประธานที่มีอำนาจ 1 ใน 4 คือที่หัวเว่ยมีรองประธานอยู่ 4 คน ทั้งสี่คนนี้เหมือนกับกุมชะตาและการดำเนินการของหัวเว่ย โดยที่เมิ่ง หว่านโจว กุมเรื่องการเงินการทองของหัวเว่ย จัดการระบบเรื่องการเงินทุกอย่างของหัวเว่ย เพราะฉะนั้นต้องถือว่าเธอเป็นรองประธานที่มีอิทธิพลมากที่สุด วันนี้เธออายุประมาณ 40 กว่าปี


เธอเองก็มีประวัติครอบครัวที่ค่อนข้างจะโชกโชน เธอแต่งงานครั้งแรก มีลูกกับสามีคนแรก 3 คน แล้วก็หย่าขาด แล้วก็มาแต่งงานครั้งที่สองกับอดีตพนักงานของหัวเว่ย ที่ทำงานอยู่หัวเว่ยถึง 10 ปี แล้วก็มีลูกอีก 1 คน

เมิ่ง หว่านโจว ถูกอเมริกาเล่นงานตอนที่เธอเดินทางผ่านแวนคูเวอร์ เพื่อจะเดินทางต่อกลับไป เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไมอเมริกาต้องมาเล่นเมิ่ง หว่านโจว แล้วเรื่องนี้ทำไมเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก ระดับโลก ทุกประเทศในโลกนี้ให้ความสนใจกับคดีของเมิ่ง หว่านโจว มาก เพราะจากการที่ เมิ่ง หว่านโจว ถูกจับ มันก็เลยเป็นผลที่ทำให้ประเทศจีนตัดสินใจจับคนแคนาดา 2 คน ที่ชื่อ ไมเคิล ทั้งคู่ ไมเคิล คนหนึ่งนามสกุล Kovrig และอีกไมเคิล หนึ่ง นามสกุล Spavor

ไมเคิล ทั้งสองคน ได้ถูกปล่อยตัวหลังจากที่เมิ่ง หว่านโจว ได้รับการปล่อยตัวเมื่อวันที่ 25 กันยายน (ประมาณ 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา) เธอปล่อยตัววันศุกร์ เธอรีบเดินทางขึ้นเครื่องบินที่รัฐบาลจีนเหมาลำไป คือสายการบินแอร์ไชน่า บินจากแวนคูเวอร์ แล้วเธอมาถึงเมืองเซินเจิ้น ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่หัวเว่ย ในวันที่ 26 ซึ่งก็เป็นเวลาเที่ยงคืน เมื่อเธอลงมา มีคนต้อนรับเธอ 1,000-2,000 คน และชาวจีนเป็นร้อยๆ ล้านคน ติดตามการเดินทางของเธอทางอินเทอร์เน็ต ดูว่าเครื่องบินไปถึงไหนแล้ว จากไหนถึงไหนบ้าง


เมิ่ง หว่านโจว เป็นตัวแทน เป็นสัญลักษณ์ของประเทศจีนที่ไม่ยอมก้มหัวให้กับอำนาจของสหรัฐอเมริกา อเมริกาเล่นงานเมิ่ง หว่านโจว ถือว่าเป็นการเล่นงานชกใต้เข็มขัด เพราะว่าเมิ่ง หว่านโจว เผอิญเป็นลูกสาวของเหริน เจิ้งเฟย (หัวเว่ย) อเมริกากีดกันหัวเว่ย และ 5G ซึ่งเดี๋ยวผมจะพูดตอนท้าย ว่าปฏิญญาทั้งหมดมันเป็นเรื่องอะไรบ้าง

ที่แน่ๆ เบื้องหลังของการปล่อยตัวเมิ่ง หว่านโจว ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

เมิ่ง หว่านโจว ถูกกักตัว ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า House Arrest ก็คือว่าอยู่ในบ้าน ต้องใส่กำไลข้อเท้า ไปไหนก็ต้องรู้เรื่องทุกอย่าง เธอถูกกักตัวอยู่ประมาณ 1,028 วัน หรือคำนวณออกมาแล้วก็คือ 2 ปี 9 เดือน 28 วัน เธอน้อยกว่าผมนิดหนึ่ง ผมอยู่ในเรือนจำ 2 ปี 11 เดือน กับ 27 วัน แต่เอาเถอะ


เหตุผลหนึ่งที่เมิ่ง หว่านโจว ซึ่งเมิ่ง หว่านโจว ได้แสดงข้อเท็จจริงและแสดงอะไรหลายอย่างที่ทำให้ทนายความและคนที่ศึกษาในด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ค่อนข้างมั่นใจว่าคดีของเมิ่ง หว่านโจว นั้น สามารถชนะคดีในแคนาดาได้ เพราะว่าดูแหล่งข่าวจากหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ ซึ่งติดตามข่าวนี้มาตลอด ก็ระบุชัดเจนว่า ท่านผู้พิพากษาที่เมืองแวนคูเวอร์ ท่านได้แสดงอาการที่ไม่ค่อยพอใจกับสำนักงานอัยการของแคนาดาในเรื่องของคดีความนี้ และมีโอกาสที่จะยกเลิกการกักขังเมิ่ง หว่านโจว ตามคำขอร้องของสหรัฐอเมริกา ในที่สุดแล้วอเมริกาก็รู้ว่าโอกาสที่จะจับตัวเมิ่ง หว่านโจว และจับหัวเว่ย เป็นตัวประกันนั้นคงทำไม่ได้อีกต่อไป เพราะว่าเมิ่ง หว่านโจว ชี้แจงชัดเจนในไลน์ของเธอ หรือในเวย์ปั๋ว หรือในคำพูดของเธอที่เธอพูดตลอดเวลาออกมาบอกว่า เธอเป็นลูกของประเทศจีน เธอไม่กลัวการติดคุก และประเทศจีนก็ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องห่วงใยเธอมาก เธอพร้อมที่จะเผชิญอะไรก็ได้ที่จะเกิดขึ้น

พอเจอคนที่แข็งปั๋งออกมาแบบนี้ ประกอบกับอเมริกาช่วงหลัง เมื่อเร็วๆ นี้ กำลังต้องการให้จีนช่วยหลายๆ เรื่อง ก็เลยทำให้มีการเจรจากัน แล้วโจ ไบเดน ต้องการจะพบสี จิ้นผิง มาก ในการประชุม G20 ที่ประเทศอิตาลี ในวันที่ 31 ตุลาคม คือปลายเดือนนี้ ก็เลยทำให้มีการเจรจาต่อรองกัน


แหล่งข่าวระบุว่า วันพฤหัสบดีที่ 9 กันยายน ต้นเดือนกันยายน ประมาณ 21 วันที่ผ่านมานี้ นายโจ ไบเดน ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับนายสี จิ้นผิง แล้วก็มีการพูดว่า จะขอแลกตัวชาวแคนาดา 2 คน คือ Michael Kovrig กับ Michael Spavor คือสองไมเคิล ซึ่งแคนาดาก็ต้องการคนของตัวเองกลับไป งานนี้ประเทศจีนใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือแกจับคนของฉัน ฉันก็จับคนของแก โดยตั้งข้อหาว่าเป็นสปาย มีอยู่คนหนึ่งถูกพิพากษาจำคุกไปแล้ว 18 ปี หรือตลอดชีวิตก็ไม่ทราบ แต่ก็หนักอยู่

การแลกตัวของคนแคนาดา 2 คน อาจจะเป็นแค่ของแถม ผมเคยพูดให้ท่านผู้ชมฟังเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า อเมริกาตอนนี้กำลังถังแตก เพราะเงินจะใช้ก็มีไม่พอ อเมริกาต้องการหาทางเพิ่มเพดานหนี้ให้สูงขึ้นเพื่อกู้ต่อ นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังหญิงของสหรัฐฯ มีแผนจะเดินทางไปประเทศจีน โดยจะขอให้จีนช่วยซื้อพันธบัตรดอลลาร์เพิ่ม ขณะที่ตลอดระยะเวลาปลายปีที่ผ่านมา จีนมีแต่ขายพันธบัตรดอลลาร์ทิ้ง ขายทิ้งๆๆๆ

แต่การปล่อยตัว ทำไมถึงมาปล่อยวันที่ 25 ทั้งๆ ที่คุยกันตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน ก็เพราะว่านายจัสติน ทรูโด ขอร้องว่า ขอให้ผ่านการเลือกตั้งไปก่อน คือขอให้เลือกตั้งแคนาดาผ่านพ้นไปก่อน ซึ่งนายจัสติน ทรูโด ก็ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่เด็ดขาดเหมือนครั้งแรกที่เขาได้รับตำแหน่ง เมื่อพ้นวันที่ 20 ไปแล้ว เหตุการณ์ก็เลยเกิดขึ้น ในวันที่ 25 ถึงมีการปล่อยตัวกันขึ้นมา

อเมริกาต้องการให้จีนช่วยซื้อพันธบัตร แต่ว่าจีนโอกาสที่จะซื้อพันธบัตรคงจะน้อยลง เพราะว่าจีนปล่อยพันธบัตรอเมริกาออกตลอดเวลา ตอนนี้คนที่ถือพันธบัตรอเมริกามากที่สุดในโลก ก็คือญี่ปุ่น ญี่ปุ่นถืออยู่ 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (1.2 trillion dollars) จีนถืออยู่ 1.01 แล้วก็จะถือน้อยลงๆ เรื่อยๆ


ท่านผู้ชมครับ จริงๆ แล้วการจับนางเมิ่ง หว่านโจว ในข้อหาที่ทำผิดข้อตกลง คือพูดง่ายๆ ว่าอเมริกาบอกว่าเขาแซงก์ชันอิหร่าน แล้วถ้าใครทำธุรกรรมกับอิหร่าน ถือว่าผิด ผมคิดว่านี่เป็นคำสั่งหรือเป็นระเบียบที่ค่อนข้างจะเกเร ทำไมอเมริกาทะเลาะกับอิหร่านแล้วอเมริกาจะต้องบังคับให้ทุกคนร่วมทะเลาะกับอิหร่านด้วย

ข้อหาของเมิ่ง หว่านโจว ก็คือว่า เมิ่ง หว่านโจว ใช้บริษัทๆ หนึ่ง ชื่อ สกายคอม เป็นคนทำธุรกรรมกับอิหร่าน ซึ่งทำธุรกรรมผ่านธนาคารชื่อ HSBC นางเมิ่ง หว่านโจว ก็ติดต่อ HSBC เพื่อขอข้อมูล HSBC มา เพื่อชี้ให้เห็น นี่คือการต่อสู้ในฐานะจำเลย ให้เห็นว่าข้อมูลที่ HSBC หรือที่อเมริกาได้ไปนั้น เป็นข้อมูลที่ผิด

การที่นางเมิ่ง หว่านโจว ดูแลในเรื่องการเงินของหัวเว่ย ก็เลยทำให้ตัวเธอเองนั้นมีเรื่องที่จะต้องเกี่ยวข้องกับการโอนเงินโอนทอง ระบบที่อเมริกาใช้ ระบบนี้เป็นระบบที่ค่อนข้างจะเกเรและค่อนข้างจะสกปรก สมมุติว่าท่านผู้ชมทำธุรกรรมกับอิหร่าน แล้วท่านผู้ชมมีบริษัทอยู่ในอเมริกา มันก็จะยึดบริษัทของท่านผู้ชม ท่านผู้ชมเดินทางไปอเมริกาก็จะโดนจับทันที ทั้งๆ ที่ท่านผู้ชมอาจจะไม่ได้ทำธุรกรรมในอเมริกา เพียงแต่ว่าเงินที่ท่านผู้ชมทำธุรกรรมกับอิหร่านนั้น หลายๆ กรณีมันต้องผ่านเคลียริง ซึ่งมันต้องผ่านนิวยอร์ก พอผ่านเคลียริงปั๊บ อเมริกาถือว่าคุณทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย บนพื้นแผ่นดินอเมริกา นี่คือกฎหมายอันธพาล คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้ากูทะเลาะกับใครแล้วกูบอกมึงต้องห้ามค้าขาย ห้ามคุยด้วย มึงต้องห้ามค้าขายและห้ามคุยด้วย แล้ววิธีการของอเมริกาที่ทำแบบนี้ก็ไม่ใช่วิธีการใหม่ เคยทำมาแล้วหลายอย่าง เคยปล้นบริษัทฝรั่งเศสบริษัทหนึ่ง ชื่อ อัลสตอม ยกมาให้ GE (General Electric)


การจับกุมเมิ่ง หว่านโจว เจ้าหน้าที่การเงิน รองประธานคนที่ 1 ของหัวเว่ย ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคม ลูกสาวของนายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ณ สนามบินนานาชาติแวนคูเวอร์ เมื่อเดือนธันวาคม 2561 เจ้าหน้าที่ทางการแคนาดา ตอนนี้ในสากล ในสังคมต่างประเทศ เขาบอกว่าแคนาดาก็เป็นสุนัขรับใช้ของอเมริกา กล่าวหาว่าบริษัทลูกของหัวเว่ยส่งออกชิ้นส่วนที่ผลิตในสหรัฐฯ ไปยังอิหร่าน หรือประเทศอื่นๆ ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายคว่ำบาตร ที่กฎหมายดังกล่าวกำหนดโทษสูงสุดไว้ 30 ปี รุนแรงมาก เลยกลายเป็นสัญลักษณ์ความขัดแย้งระหว่างอเมริกา-จีน

แต่อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า การจับกุมเมิ่ง หว่านโจว ไม่ใช่กรณีแรกของอเมริกาที่ใช้อำนาจในการจับกุมนักธุรกิจใหญ่ระดับนานาชาติ เพื่อต่อรองและบีบบังคับให้บริษัทนั้นๆ ต้องยอมตามความต้องการของสหรัฐฯ หรือบริษัทในสหรัฐฯ


ท่านผู้ชมครับ เราย้อนหลังกลับไปนิดหนึ่งเมื่อ 8 ปีที่แล้ว (2556) เฟรเดอริก เปียรุชชี อดีตผู้บริหารระดับสูงของอัลสตอม เขาดำรงตำแหน่งเป็นประธานฝ่ายขายต่างประเทศ คนฝรั่งเศส เขาถูกจับที่สนามบินนานาชาติเจเอฟเค มหานครนิวยอร์ก หลังจากลงเครื่องบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค โดยเจ้าหน้าที่อเมริกาใส่กุญแจมือควบคุมเขาด้วยข้อหาติดสินบนเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย ในสัญญาซื้อขายอุปกรณ์ใช้ในโรงไฟฟ้า ท่านผู้ชม บริษัทฝรั่งเศสนี่นะ ติดสินบนเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย ระหว่างที่มาที่เจเอฟเค สนามบินจอห์น เอฟ. เคนเนดี นิวยอร์ก ถูกจับ เหตุผลเพราะไปติดสินบนเจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย

เอาล่ะ มาดูแบ็กกราวน์ แล้วท่านผู้ชมจะเข้าใจ 8 ปีที่แล้ว บริษัท อัลสตอม ถือว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ในชาติฝรั่งเศส อยู่ในธุรกิจพลังงาน ธุรกิจขนส่ง ธุรกิจรถไฟ ธุรกิจความเร็วสูง อัลสตอม เป็นคนผลิตอุปกรณ์ให้รถไฟ AGV, TGV, Eurostar คือรถไฟความเร็วสูงในยุโรป อัลสตอม เป็นคนผลิตอุปกรณ์ ยังมีธุรกิจอุปกรณ์กำเนิดไฟฟ้า


อัลสตอม มีส่วนแบ่งการตลาดธุรกิจ Electrical Generator ถือเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ถืออยู่ 15 เปอร์เซ็นต์ เป็นคู่แข่งของใครรู้ไหมท่านผู้ชม ? เป็นคู่แข่งของ GE : General Electric

หลังจากถูกจับ นายเปียรุชชี คิดว่าเขาไม่น่าจะโดนอะไรหนักหนา เพราะเขาไม่ได้เป็นคนจัดการเรื่องเงินทอนให้กับเจ้าหน้าที่ทางการอินโดนีเซีย ด้วยเหตุเกิดขึ้นในประเทศที่สาม และเป็นเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อสิบปีก่อน เกิดขึ้นเมื่อปี 2546 ท่านผู้ชม มันมาจับปี 2556 แต่เขาคิดผิด เพราะคนที่จับเขาเป็นเจ้าหน้าที่ FBI เขาถูกตั้งข้อกล่าวหา อนุมัติการจ่ายเงินสินบนภายใต้กฎหมายต่อต้านการคอร์รัปชัน ซึ่งอนุญาตให้ทางการสหรัฐฯ สามารถจัดการกรณีคอร์รัปชันในต่างประเทศได้ หากธุรกิจทำเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ คือท่านผู้ชมทำธุรกิจเป็นเงินดอลลาร์สหรัฐ จะอยู่ที่ไหนก็ตาม มันถือว่าผิดกฎหมายของมัน หรือการติดต่อสื่อสารผ่านเซิร์ฟเวอร์ ใช้อีเมล ผ่านเซิร์ฟเวอร์ในอเมริกา ทุเรศไหมครับ คือขยายขอบเขตอำนาจศาลอเมริกาไปครอบจักรวาล นี่คืออเมริกา

เปียรุชชี ตอนหลังออกมา เล่าให้ฟังเบื้องหลังว่า ตอนนั้นเขาจับผมเพื่อสร้างแรงกดดันไปยังซีอีโอของอัลสตอม เพราะในช่วงนั้นผมมีความใกล้ชิดกับประธานบริษัท การจับผมเหมือนกับการจับตัวซีอีโอ กระทรวงยุติธรรมของอเมริกากดดันให้ซีอีโอของอัลสตอม ให้ความร่วมมือ ซึ่งเขาก็ตกลงจะจ่ายค่าปรับภายใต้กฎหมายต่อต้านการทุจริตในต่างประเทศของเมริกา คิดเป็นมูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากต้องจ่ายค่าปรับแล้ว ยังถูกบีบให้ขายหุ้น 70 เปอร์เซ็นต์ ของบริษัท อัลสตอม ให้คู่แข่งจากอเมริกา นั่นก็คือ General Electric เท่ากับอัลสตอมถูกตัดแขนขาทางธุรกิจจนหมด

นอกจากนายเปียรุชชี แล้ว นายลอเรนซ์ ฮอว์กินส์ รองประธานภาคพื้นเอเชียของอัลสตอม ก็ถูกอเมริกาจับกุมด้วย

วันที่ 23 เมษายน 2557 หลังจาก 2556 นายเปียรุชชี ถูกจับ อีกปีหนึ่ง 2557 ประธานบริษัทอัลสตอม เลยประกาศทันทีว่ามีแผนจะขายธุรกิจพลังงานให้กับ GE ในวงเงิน 13,000 ล้านเหรียญ ในที่สุดอัลสตอมถูกอเมริกาปรับหลายร้อยล้านดอลลาร์ ส่วนเปียรุชชี ถูกจำคุกเป็นเวลา 2 ปี ที่เพนซิลวาเนีย และโรดไอส์แลนด์ ถูกทำทัณฑ์บน 3 ปี


ท่านผู้ชมครับ ที่สำคัญที่สุดและถือว่าเป็นแรงจูงใจหลักของสหรัฐฯ ในการดำเนินคดีกับนายเปียรุชชี ก็คืออัลสตอมถูกบีบบังคับให้ขายกิจการบางส่วนให้กับ GE คู่แข่งจากสหรัฐฯ และเปิดทางให้บริษัทสหรัฐฯ เข้ามาควบคุมโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทุกแห่งในฝรั่งเศสโดยปริยาย

อดีตผู้บริหารอัลสตอม พูดอย่างนี้ว่า ผมโกรธมาก เพราะเขาใช้วิธีเดียวกันกับที่เขาใช้กับผมมาก่อน พอพวกเขาไม่ได้รับความร่วมมือจากบริษัทเป้าหมาย คือ ผม ก็ใช้วิธีเอาผู้บริหารระดับสูงบริษัทนั้นยัดเข้าคุก สิ่งที่เกิดขึ้นกับหัวเว่ย กับคุณเมิ่ง เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผมมาก่อน มันเป็นวิธีราคาถูกในการกำจัดคู่แข่ง รวมทั้งเป็นวิธีที่ถูกที่สุดในการแย่งชิงความได้เปรียบทางเทคโนโลยี เมื่อพวกเขาพ่ายแพ้ในสนามใดสนามหนึ่ง นี่คืออดีตผู้บริหารบริษัทอัลสตอม พูด

เปียรุชชี พอออกมาเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ กับดักของอเมริกา (American Trap) ตีพิมพ์ครั้งแรกในประเทศฝรั่งเศส ปี 2562 เปิดโปงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า อัลสตอม เปรียบไปแล้วเหมือนหัวเว่ยของฝรั่งเศส แต่ถูกอเมริกาแบล็กเมล และบังคับซื้อไปแบบหน้าด้านๆ

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะไม่รู้เรื่อง หรือจำไม่ได้ว่ามีกรณีคล้ายคลึงกับกรณีเช่นเมิ่ง หว่านโจว หรือเปียรุชชี ของอัลสตอม เคยเกิดขึ้นกับคนไทยมาแล้วเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน


กรณีอเมริกาจับ ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล 23 มีนาคม 2543 ยี่สิบเอ็ดปีที่แล้ว ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล อายุ 57 ปี อดีตประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจ พรรคความหวังใหม่ และอดีตรัฐมนตรีช่วยฯ คลัง ถูกเจ้าหน้าที่ศุลกากรอเมริกาจับกุม ข้อหาสมรู้ร่วมคิดฝ่าฝืนมติสหประชาชาติคว่ำบาตรค้าน้ำมันกับอิรัก และขัดคำสั่งประธานาธิบดีอเมริกา พร้อมกับนายอำนาจ วรชาติ และนายไซม่อน ตัน นักธุรกิจค้าน้ำมันชาวสิงคโปร์ ที่เมืองซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย ต่อมาศาลให้ ดร.สุรศักดิ์ ประกันตัว กว่าจะได้ประกันตัว ท่านลำบากมาก เพราะทุกคนทิ้งท่านกันหมดเลย ใครที่รู้จัก ท่านเคยเป็นผู้บริหารระดับสูง อาวุโสอยู่ที่แบงก์กรุงเทพ แบงก์กรุงเทพก็เทท่านทิ้ง กว่าที่จะเอาเงินลูกเขย ซึ่งเป็นสกุล โอสถานุเคราะห์ มา จ้างทนายมาประกันตัวได้ ดร.สุรศักดิ์ ถูกกักบริเวณบ้านายดนัย เกาจีนานันต์ ซานดิเอโก กักตัวมานานเกือบ 1 ปี แล้วในที่สุด 15 กุมภาพันธ์ 2544 หนึ่งปีให้หลัง ศาลรัฐบาลกลางอเมริกา เมืองซานดิเอโก สั่งปล่อยตัว ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล เป็นอิสระ ตรงกับประเทศไทย เช้ามืดวันที่ 16 กุมภาพันธ์

ท่านผู้ชมครับ โดยท่านผู้พิพากษาศาลบัลลังก์กลาง รัฐบาลกลางเมืองซานดิเอโกถามอัยการว่า ได้มีการเจรจากับจำเลย และมีทางออกกันอย่างไร อัยการแถลงว่ามีการเจรจากันแล้ว ศาลเลยถามว่าจะนัดตัดสินครั้งหน้าหรือวันนี้เลย ทั้งโจทก์และจำเลยบอกให้ตัดสินเลย ผู้พิพากษาบอกให้พิจารณาตามคำฟ้องของอัยการ

กรณีของ ดร.สุรศักดิ์ นานานกูล ศาลพิจารณาความผิด ซึ่งอัยการเห็นว่าจากพยานหลักฐานต่างๆ มีความผิดเพียงข้อหาเดียว คือ นำเงินเข้าสหรัฐฯ เกิน 10,000 เหรียญดอลลาร์ โดยไม่ได้แจ้ง เพื่อนำมาใช้ มาให้นายอำนาจยืม จำนวน 150,000 ดอลลาร์สหรัฐ นายสุรศักดิ์ ยอมรับผิด ศาลพิพากษาสั่งปรับ 100 ดอลลาร์สหรัฐ มิหนำซ้ำยังยกเว้นค่าปรับให้ แล้วให้ทำทัณฑ์บน ห้ามทำผิดในอเมริกาอีก 1 ปี แล้วปล่อยตัวเป็นอิสระ

เบื้องหลังคดีสหรัฐฯ จับกุม ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล ดร.สุรศักดิ์ ท่านเป็นมืออาชีพของธนาคารกรุงเทพ นักการเงินธนาคาร และการจัดการ ชำนาญ แหลมคม รู้เท่าทันกลุ่มทุนการเงินระหว่างประเทศสัญชาติอเมริกา ที่เข้ามารุกรานแล้วปล้นเศรษฐกิจไทย มีบทบาทสั้นๆ ในช่วงท้ายของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็เป็นที่ปรึกษาให้


บทบาทสั้นๆ แต่ละบทบาทนี้เป็นเบื้องหลังที่ทำให้ ดร.สุรศักดิ์ ถูกอเมริกาเล่นงาน ท่านผู้ชมครับ ช่วงที่นายจอร์จ โซรอส มาทุบตีหรือมาเล่นเงินบาทกับยูเอสดอลลาร์ ตอนนั้น ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล แนะนำ พล.อ.ชวลิต ให้บอกกับ ดร.อำนวย วีรวรรณ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ว่าอย่าไปสู้โซรอส ให้เรารีบลดค่าเงินบาทเลย สมัยก่อน 1 ดอลลาร์ เท่ากับ 25 บาท ให้ลดไปเลย ลดไปเป็น 35 บาทก็ได้ ถ้าลดไปแล้ว นายโซรอส จะเข้ามาโจมตีค่าเงินบาทไม่ได้ ดร.อำนวย ท่านเรียนมา ท่านเทรนด์มาจากอเมริกา ท่านก็ถาม พล.อ.ชวลิต นายกรัฐมนตรีว่า ดร.สุรศักดิ์ คือใคร ? เป็นใคร มาจากไหน นี่คือจุดแรก

ขัดขวางไม่ให้โซรอส แต่ในที่สุดแล้ว ชวลิต ยงใจยุทธ ก็ต้องยอมตามอำนวย วีรวรรณ ในที่สุดเงินบาทก็เลยถูกถล่มทลายเสียเละเทะไปหมดเลย นั่นคือข้อแรก

ข้อที่สอง พอเมื่อถูกถล่มทลายอย่างเละเทะไปหมดแล้ว เรากำลังขาดเงินทุนสำรอง เงินทุนสำรองที่เราขาดนั้น เผอิญมีเส้นสายทางประเทศจีน ก็มีทีมงาน 5-6 คน ที่บินไปปรเทศจีนเพื่อเจรจาขอยืมเงินแบงก์ชาติจีนมา 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเอามายันเงินที่เราต้องกู้ IMF เพื่อที่ IMF จะไม่ต้องเข้ามาในประเทศไทย เพราะถ้า IMF เข้ามาประเทศไทยแล้ว มันก็จะฉิบหายเหมือนกับปี 2540 ที่มันฉิบหายไปแล้วเพราะ IMF เข้ามา ทีมที่ไปก็มีหลายคน มีทั้งคุณนิพัทธ พุกกะณะสุต คุณศิริ กาญเจริญดี ผู้บริหารระดับสูงของแบงก์ชาติ


ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล พูดคุยกันเต็มที่ ทางจีนพร้อมที่จะเอาเงิน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ให้ประเทศไทยยืมไป ศิริ กาญเจริญดี ไม่พอใจ ก็เลยบอกว่าขอแยกคุยต่างหาก ก็ไปคุยกับทางแบงก์ชาติของจีน ท่านผู้ชมครับ จาก 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ที่จีนรับปากมา ศิริ กาญเจริญดี ออกมาแล้วก็บอกว่า เรียบร้อยแล้วครับ ท่านผู้ชมรู้ไหมตัวเลขเหลือเท่าไร ? 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพราะศิริ กาญเจริญดี ไม่เคยเชื่อจีน คิดแบบฝรั่ง เพราะฉะนั้นแล้ว ประเทศไทยที่พินาศฉิบหาย เพราะค่าเงินบาทและ IMF เข้า อย่าได้ลืมชื่อคนที่ชื่อ ศิริ กาญเจริญดี ผู้บริหารระดับสูงของแบงก์ชาติ ผมไม่เคยลืม คนพวกนี้ ผมอยากเล่าให้ท่านผู้ชมที่ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ได้ทราบ


แล้วพอตอนหล้งก็เลยมี ปรส. เข้ามา ปรส. คืออะไร ? ก็คือการเปิดโอกาสให้พวกกองทุนอีแร้ง ก็คือพวกวาณิชธนกิจใหญ่ๆ เข้ามาซื้อหนี้ในประเทศไทยในราคาถูก เสร็จแล้วเอามาเก็บเงินคนไทยในราคาเดิม ราคาเต็ม ดร.สุรศักดิ์ ท่านค้านพวกนี้ เหตุผลที่ท่านไม่ต้องการให้ IMF เข้ามาก็เพราะว่าถ้า IMF เข้ามา ก็จะเกิดปรากฏการณ์ เพราะฉะนั้นแล้ว ประเทศไทยฉิบหาย ปรส. เกิดขึ้น ก็อีกล่ะ ศิริ กาญเจริญดี จะต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ รวมทั้งท่านผู้ว่าฯ เริงชัย มะระกานนท์ ด้วย ทีมงานแบงก์ชาติทั้งนั้น

2540 ฉิบหายเพราะคนแบงก์ชาติทั้งสิ้น แล้วพวกนี้ก็ยังลอยหน้าลอยตา มีความสุข เกษียณอายุไปแล้ว คิดว่าไม่มีใครจำได้ถึงวีรกรรมที่ทำ แต่ผมไม่เคยลืม ผมเอารูปภาพของ ปรส. แล้วก็หนังสืออีกเล่มหนึ่งของพายัพ วนาสุวรรณ ชื่อ "เปลือยธารินทร์" เล่าเบื้องหน้าเบื้องหลังเลยของการพินาศฉิบหายของประเทศไทยในปี 2540 ซึ่งท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะโตไม่ทัน หรือหลายท่านอาจจะยังไม่เคยเห็น ยังเด็กอยู่ ก็เล่าให้ฟัง


เพราะตอนนั้นรัฐบาลชุดคุณชวน หลีกภัย หลงเชื่อนโยบายของธารินทร์ นิมมานเหมินท์ ให้เปิดประตูให้พวกอีแร้งทั้งหลาย โกลแมนแซค มอร์แกน สแตนเล่ย์ ชื่อต่างๆ มาซื้อสินทรัพย์ต่างๆ ในราคาถูก แล้วขายต่อคนไทยราคาแพง

ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล ในสถานภาพแบบนั้น จึงเป็นอันตรายต่อกลุ่มทุนอีแร้งข้ามชาติของอเมริกา เป็นอันตรายต่อโซรอส ตั้งแต่ต้นแล้ว เขารู้กันหมด มากลุ่มทุนข้ามชาติอีก อเมริกาก็เลยมองว่าถ้าสุรศักดิ์ นานานุกูล ยังมีบทบาทใกล้ชิดทางการเมืองอยู่ โอกาสที่อเมริกาจะมาสูบทรัพย์สินของประเทศไทยคงจะยากขึ้น นั่นคือที่มาว่า ถูกจัดฉากให้ล่อซื้อน้ำมันอิรัก เพื่อกำจัดให้ติดคุกที่อเมริกา

ท่านผู้ชม ถ้าเขาเล่นงาน ดร.สุรศักดิ์ เรื่องน้ำมันอิรัก ทำไมข้อหาในที่สุดแล้วเขาปล่อยตัว ข้อหาในที่สุดก็คือว่า เอาเงินเข้าประเทศเกินกว่าที่ให้เข้า ก็คือ 1 หมื่นเหรียญ แต่เอาเข้า 1.5 แสนเหรียญ แล้วก็สั่งปรับ 100 เหรียญสหรัฐ ยกเลิกเสียด้วยค่าปรับ ไม่ปรับ เห็นไหม ดำเนินคดีเขา เขาประกันตัวได้ อยู่นอกคุกมา 1 ปี ส่วนนายอำนาจ วรชาติ และคนสิงคโปร์อีกคนหนึ่ง ต้องติดคุกอยู่ 11 เดือน แต่ ดร.สุรศักดิ์ ได้รับการประกันตัวมา สู้คดีมา 1 ปี ในที่สุดพอผู้พิพากษาถามอัยการ อัยการจะเอาอย่างไร อัยการก็บอกว่าเอาแค่ข้อหาเดียว ก็คือเอาเงินเข้าเกินกว่าที่รัฐกำหนด ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง มันชั่วขนาดนี้ นี่คือเกเร ลักษณะสุรศักดิ์ นานานุกูล เปียรุชชี ของอัลสตอม เมิ่ง หว่านโจว เหมือนกันเลย

ผมเคยเล่าเรื่องเกี่ยวกับเมิ่ง หว่านโจว และหัวเว่ย รวมทั้งอัลสตอม ไปแล้ว ตั้งแต่ต้นปี 2563 ในหลายๆ ตอน และเคยอธิบายรายละเอียดว่าทำไมอเมริกาถึงกลัว 5G หัวเว่ย ออกอากาศครั้งแรก 5 มิถุนายน 2563 ผมพูดมาแล้วตั้งแต่ปีกว่าที่แล้ว ใครยังไม่ได้ดู ไปย้อนดูได้ การจับกุมและปล่อยตัวผู้บริหารระดับสูงของหัวเว่ยครั้งนี้ เป็นการจุดกระแสความรักชาติและการต่อต้านอเมริกาขึ้นมาอย่างรุนแรง โดยมีการถ่ายทอดสดการลงจอดของเครื่องบินของเมิ่ง หว่านโจว ที่กลับมาจากแคนาดา มาถึงสนามบินเซินเจิ้น ทั่วประเทศ


มีคนชมการถ่ายทอดสดครั้งนี้สูงถึง 100 ล้านคน นอกจากนี้ ยังมีคนจีนเป็นพันคนรวมตัวที่อาคารผู้โดยสารขาเข้าสนามบินนานาชาติเป่าอันที่เมืองเซินเจิ้น ต้อนรับเมิ่ง หว่านโจว

นอกจากนี้แล้ว ถ้าดูคำค้นหาในเวย์ปั๋ว โซเชียลมีเดียของจีน เมื่อวันเสาร์ที่ 25 กันยายน คำค้นหาสูงสุด 26 อันดับ จาก 30 อันดับ ล้วนเกี่ยวข้องกับเมิ่ง หว่านโจว ทั้งสิ้น


นอกจากเมิ่ง หว่านโจว อัลสตอม และ ดร.สุรศักดิ์ นานานุกูล ท่านจะได้เห็นได้ชัดว่านี่คือยุทธวิธีที่ชั่วช้าของอเมริกา ถ้าผมไม่พูด ท่านไม่รู้หรอก สื่อมวลชนคนอื่นไม่ได้สนใจเรื่องนี้ แต่ผมอ่านเรื่องทุกเรื่องแล้วผมเปรียบเทียบให้ดู

ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมโยงเรื่องหนึ่ง สมัยที่โรฮีนจาผ่านเมืองไทยมา อเมริกามาเล่นงานเรา Tier 1, Tier 2, Tier 3 ปรากฏว่ามีผู้อพยพชาวเฮติอยู่ติดพรมแดนเม็กซิโก ตำรวจอเมริกามันขี่ม้าเอาแส้ฟาดเขา ทำไมไม่โดนเล่นงานบ้างล่ะ ยูเอสเอ มันชั่วช้า คุณจะอวยอเมริกาอย่างไรผมไม่สนใจ คุณจะนับถืออเมริกาเป็นพ่อ คุณก็นับถือไป แต่ข้อเท็จจริงมาพูดวันนี้ ผมเอาข้อเท็จจริงมาคัดค้าน ถ้าคุณแน่จริงคุณมาคัดค้านกับผมสิ


เอาง่ายๆ ก่อนจบ ท่านผู้ชม อเมริกามันโจมตีจีนเรื่องอุยกูร์ที่ซินเจียง ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า มันเรียกจีนที่ซินเจียงว่า Genocide ก็คือ ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ท่านผู้ชมตามผมมา ประชากรในซินเจียงเมื่ออปี 2015 มาจนมี 12 ล้านคน มาถึงปี 2021 หกปีที่ผ่านมา ประชากรในซินเจียงเพิ่มขึ้นมา 5-6 แสนคน ถ้ามันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ประชากรจะเพิ่มมาขนาดนี้ได้อย่างไร นั่นคือเครื่องมือของอเมริกา

ท่านผู้ชมครับ วันหลังผมจะร่ายยาวเปรียบเทียบอเมริกากับจีนให้ดู ท่านผู้ชมว่าผมอวยจีน ไม่เป็นไร วันหลังท่านหาใครก็ได้มาฟาดกับผมตัวต่อตัว ระหว่างเรื่องอเมริกาและจีน ผมยินดี จะเปิดเวทีสาธารณะก็ได้ ที่ไหนก็ได้ เอาเป็นว่าตอนนี้ท่านที่ไม่ชอบผม ไม่ชอบอเมริกา ท่านไม่มีทางเลือก ทางเลือกท่านมีอยู่ทางเดียว ทนไม่ได้ก็อย่ามาฟังผม เพราะสิ่งที่ผมพูดคือความจริง ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเพียงแค่นี้ เรามาพบกันใหม่อาทิตย์หน้า รับรองว่ายิ่งวันยิ่งเข้มข้น การขึ้นปีที่ 3 ของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น