xs
xsm
sm
md
lg

ไบเดนยืนยัน “จำเป็นสำคัญสุด” สำหรับอเมริกาในเวลานี้ต้องฉีดวัคซีนโควิด “นอร์เวย์-ลิทัวเนีย” ชื่นมื่นแลกวัคซีนจอห์นสัน-ไฟเซอร์ แสนโดสเพิ่มจำนวนคนฉีด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เอพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - ในระหว่างสัมภาษณ์ออกอากาศช่อง CNN วานนี้ (21 ก.ค.) ผู้นำสหรัฐฯ แสดงความหงุดหงิดที่เห็นตัวเลขคนออกมารับวัคซีนโควิด-19 ยังไม่กระเตื้อง ยืนยันว่าถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำคัญสุดที่ต้องได้รับภูมิคุ้มกัน ขณะที่นอร์เวย์และลิทัวเนียประสบความสำเร็จแลกเปลี่ยนวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์สันกับวัคซีนไฟเซอร์เพื่อเร่งสปีดเพิ่มจำนวนคนรับภูมิคุ้มกันตามหลังข้อตกลงสวีเดน-ไอซ์แลนด์

เอพีรายงานวันนี้ (22 ก.ค.) ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน ออกมาให้สัมภาษณ์ในรายการทาวฮอลทางสถานีโทรทัศน์ CNN ในวันพุธ (21) ตลอดระยะเวลาร่วม 80 นาที พบผู้นำสหรัฐฯให้ความสำคัญไปที่การเร่งสปีดเพิ่มจำนวนประชาชนสหรัฐฯ ออกไปรับภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้นหลังตัวเลขผู้เข้ารับการฉีดยังไม่กระเตื้องแต่การเคสเพิ่มผลจากการระบาดสายพันธุ์เดลตาในสหรัฐฯ

“หากว่าคุณได้รับภูมิคุ้มกัน คุณจะไม่ต้องไปโรงพยาบาล คุณจะไม่ต้องเข้าไปอยู่ในห้องไอซียู และคุณจะไม่ต้องตาย” ไบเดนกล่าวในรายการที่จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเมาท์ เซนต์โจเซฟ (Mount St.Joseph University)

และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นสำคัญมากที่ว่า..พวกเราทั้งหมดกระทำเหมือนเช่นชาวอเมริกันที่มีความรู้สึกห่วงใยต่อเพื่อนชาวอเมริกันร่วมชาติทั้งหลาย”

เอพีรายงานว่า ทั้งนี้ ไบเดนออกมาเปิดเผยว่า เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปีจะได้รับอนุญาตให้สามารถฉีดวัคซีนได้อีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่เขายังคงแสดงความกังวลที่ประชากรผู้ใหญ่ยังคงลังเลที่จะเข้ารับการฉีด

“เรามีวิกฤตการระบาดสำหรับคนที่ไม่ยอมไปฉีดวัคซีน นี่มันเป็นพื้นฐานนี่มันเป็นเรื่องง่ายๆ” เขากล่าว

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ให้เห็นประเด็นการเพิ่มจำนวนเคสขึ้นถือเป็นสิ่งที่น่าควรต้องวิตกและแม้แต่กลุ่มคนที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เขายังต้องออกมาชี้ในประเด็นการให้ข้อมูลวัคซีนที่เป็นเท็จ

ไบเดนกล่าวชี้เป็นนัยไปถึงบุคคลที่มีชื่อเสียงของสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ที่ออกมาตั้งคำถามไปถึงผลประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดวัคซีนโควิด-19

การที่เขาออกมากระตุ้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในหมู่อเมริกันชนล่าสุดเกิดขึ้นไปพร้อมกับข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ กำลังพิจารณาการกลับมาแนะนำให้มีการสวมหน้ากากใหม่อีกรอบ

อย่างไรก็ตาม อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์ยูเอสเอทูเดย์ระบุว่า ผู้ว่าการรัฐเทกซัสจากพรรครีพับลิกัน เกร็ก แอบบ็อตต์ (Greg Abbott) ออกมายืนยันเมื่อวันอังคาร (20) ว่า เขาจะไม่ลงนามคำสั่งบังคับสวมหน้ากากทั่วทั้งรัฐถึงแม้ว่าเคสจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็ตาม โดยระบุเหตุผลว่ามีคนเป็นจำนวนมากมีภูมิคุ้มกันอยู่แล้วผ่านทั้งการฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือจากที่คนเหล่านี้ได้รับไวรัสและหายป่วย

แอบบ็อตต์กล่าวอีกว่า เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสมที่จะให้คนที่มีภูมิคุ้มกันต้องสวมหน้ากากอนามัย

รอยเตอร์รายงานก่อนหน้าว่า ขณะเดียวกันยุโรปกำลังเดินหน้าเพื่อเพิ่มจำนวนประชากรได้รับภูมิคุ้มกันอย่างเร่งด่วน นอร์เวย์และลิทัวเนียประสบความสำเร็จลงนามข้อตกลงร่วมมือแลกวัคซีนโควิด-19 2 ยี่ห้อระหว่างกันจำนวน 100,000 โดสในวันพุธ (21)

นอร์เวย์จะแลกวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันจำนวน 100,000 โดสกับวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคของลิทัวเนียในจำนวนที่เท่ากัน โดยรัฐบาลออสโล กังวลถึงผลข้างเคียงเกี่ยวกับการเกิดลิ่มเลือดของวัคซีนเจแอนด์เจทำให้ตัดสินใจถอดวัคซีนตัวนี้ออกจากโครงการภูมิคุ้มกันนอร์เวย์

แต่ในทางกลับกันพบว่า มีจำนวนความต้องการวัคซีน 1 โดสของจอห์นสันแอนด์จอห์นสันเป็นจำนวนมากในลิทัวเนีย นายกรัฐมนตรีนอร์เวย์ เออร์นา โซลเบิร์ก (Erna Solberg) ยืนยันพร้อมกับชี้ว่า “ดิฉันรู้สึกมีความสุขกับข้อตกลงนี้ที่จะให้ประโยชน์ต่อทั้งนอร์เวย์และลิทัวเนียในการแพร่กระจายวัคซีนให้เร็วขึ้น”

รอยเตอร์ชี้ว่า ก่อนหน้าสวีเดนและไอซ์แลนด์ประสบความสำเร็จเมื่อเมษายนในการให้ยืมวัคซีนแอสตร้าเซรเนก้าจำนวน 216,000 โดส

มีหลายประเทศในยุโรปได้มีการจำกัดการใช้หรือหยุดการใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าและวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสันหลังผู้กำกับอียูออกมายืนยันผลข้างเคียงการเกิดลิ่มเลือดจริง

ทั้งนี้ มีการประกาศตัวเลขออกมาของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน โดย CNBC สื่อสหรัฐฯรายงานวานนี้ (21) ว่า จอห์นสันแอนด์จอห์นสันคาดการณ์ที่จะเห็นรายได้หลัก 2.5 พันล้านดอลลาร์จาการจำหน่ายวัคซีนโควิด-19 ของตัวเองในปีนี้ถึงแม้ว่าจะมีข้อวิตกถึงประสิทธิภาพที่ลดลงของวัคซีนเมื่อพบกับไวรัสเดลตา จากการเปิดเผยรายได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี และอีกทั้งบริษัทยังรายงานยอดผลกำไรและรายได้มากกว่าที่วอลสตรีทเจอร์นัลเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า








กำลังโหลดความคิดเห็น