xs
xsm
sm
md
lg

ผลตรวจเชิงรุกแรงงานที่ท่ามะกา พบติดเชื้อแล้ว 141 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



กาญจนบุรี- ระดมตรวจเชิงรุกแรงงานไทย-พม่า โรงงานในอำเภอท่ามะกา 3,000 คน รอบแรกพบติดโควิด-19 แล้ว 141 ราย ทั้งหมดเข้ารับการรักษาที่ รพ.มะการักษ์

กรณีสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโคไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ในพื้นที่ ข้อมูลเมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 ที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 101 ราย (เป็นผู้ป่วยติดเชื้อในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 84 ราย นอกพื้นที่จังหวัด จำนวน 17 ราย) หายป่วย 31 ราย เสียชีวิต 0 ราย

ทำให้สถานการณ์ของจังหวัดกาญจนบุรี พบผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.64 จนถึงปัจจุบัน จำนวน 1,685 ราย (เป็นชาย 724 ราย หญิง 961 ราย) รักษาหายสะสม 766 ราย อยู่ระหว่างรักษาในโรงพยาบาล จำนวน 900 ราย เสียชีวิสะสม 19 ราย

จากสถานการณ์การพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ปัจจุบันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก นายแพทย์นิพนธ์ พัฒนกิจเรือง สาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี นายแพทย์อิทธิพล จรัสโอฬาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะการักษ์ รวมทั้งสาธารณสุขอำเภอท่ามะกา ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทีมสอบสวนโรคเคลื่อนที่เร็ว (SRRT) ของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ทุกแห่ง ร่วมลงพื้นที่ตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ในเชิงรุกกลุ่มแรงงานทั้งชาวไทยและพม่าของโรงงาน รวมทั้งหอพักบริษัทไวต้าฟูดส์ ต.แสนตอ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ที่มีอยู่ประมาณ 3,000 คน โดยได้วางแผนตรวจคัดกรองวันละ 1,000 คน เริ่มตั้งแต่วันที่ 21-23 ก.ค.64 รวม 3 วัน


นายแพทย์อิทธิพล จรัสโอฬาร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมะการักษ์ เปิดเผยว่า ผลการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แรงงานโรงงานไวต้าฟูดส์ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.64 โดยการใช้ชุดทดสอบแบบรวดเร็ว (Rapid test) ซึ่งเป็นการเจาะเลือดเพื่อนำไปตรวจคัดกรองเบื้องต้นเพื่อหาเชื้อไวรัสและภูมิคุ้มกันได้จำนวน 400 ราย

ผลปรากฏว่า พบเป็นบวก จำนวน 141 ราย จากนั้นได้ตรวจด้วยวิธี Real Time Polymerase Chain Reaction (RT-PCR) อีกครั้งหนึ่งเพื่อยืนยันผล ซึ่งผลยืนยันออกมาแล้วปรากฏว่า แรงงานทั้ง 141 คนนั้นติดเชื้อโควิด-19 ทุกราย เจ้าหน้าที่จึงส่งตัวไปรับรักษาที่โรงพยาบาลสนาม อาคารหอพักโรงพยาบาลมะการักษ์

สำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ให้คนงานในโรงงานดังกล่าวเหลืออีกกว่า 2,000 ราย คาดว่าผลการตรวจยืนยันการติดเชื้อจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการ

ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนที่อยู่โดยรอบอย่าได้ตื่นตระหนกจนเกินไป และขอให้ปฏิบัติตนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เช่น เมื่อยามออกนอกเคหสถานให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้าตลอดเวลา ในยามพูดคุยกันให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เมตร

ส่วนเวลากินข้าวให้ใช้ช้อนกลาง รวมทั้งหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์บ่อยๆ และที่สำคัญหากไม่มีความจำเป็นที่จะออกไปไหน ขอให้อยู่เฉพาะภายในบ้าน ทุกคนจะต้องพร้อมใจกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติอย่างพร้อมเพรียง หากทำได้เชื่อว่าจะลดการติดเชื้อโควิด-19 ได้เป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น