โฆษก กมธ.ปปช. จี้ ผบ.ตร.มาชี้แจงข้อมูลความคืบหน้าคดี “บอส กระทิงแดง” หวั่นข้อมูลบิดเบือน ส่งผลให้สตช.ฟ้องใครไม่ได้ พร้อมบี้ติดตามตัวผู้ทำผิดอย่างจริงจัง หลัง ตร.ให้ข้อมูลพาสปอร์ตกับอินเตอร์โพลไม่ถูกต้อง ทำให้ควานหาตัวได้ยาก
วันนี้ (10 มิ.ย.) นายธีรัจชัย พันธุมาศ โฆษกคณะ กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ แถลงข่าวถึงความคืบหน้าเรื่องร้องเรียนที่มีผู้ร้องมายังคณะ กมธ. กรณีคดีของ นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง โดยตนและ พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธุ์ ได้ไปยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอทราบความคืบหน้าคดีดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และทางคณะ กมธ.ได้เชิญ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) มาร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงเพิ่มเติม โดย ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาร่วมประชุมแทน พร้อมชี้แจงความคืบหน้าการติดตามคดีดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งรายงานความคืบหน้าของคดีนี้ไปยัง ผบ.ตร.แล้ว อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาในรายละเอียด โดยได้มีการตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
คณะ กมธ.จะขอติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด โดยจะเชิญ ผบ.ตร.มาชี้แจงอีกครั้งโดยเฉพาะประเด็นที่มีการเสนอให้เปลี่ยนแปลงความเร็วในสำนวนการสอบสวนจาก 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 79.23 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากมีการเปลี่ยนความเร็วจะเป็นการพลิกคดีครั้งใหญ่ เพราะจะทำให้คนตั้งข้อสงสัยคนผิดทันที และถ้า สตช.สรุปว่าไม่สามารถเอาผิดใครได้ กรณีเปลี่ยนแปลงความเร็ว ก็จะเอาผิดใครไม่ได้เลย และนำไปสู่การไม่ฟ้องคดี เป็นความล้มเหลวในการดำเนินคดี
นอกจากนี้ กมธ.ยังสงสัยและจะติดตามกระบวนการติดตามตัวนายวรยุทธ มาดำเนินคดีด้วย เพราะเห็นว่าขณะนี้นายวรยุทธ ได้ใช้เชงเกนวีซ่า แต่ข้อมูลที่ทางตำรวจได้แจ้งกับตำรวจสากลหรืออินเตอร์โพล เป็นข้อมูลในพาสปอร์ตเก่าก็อาจทำให้อินเตอร์โพล ไม่สามารถติดตามตัวนายวรยุทธได้ จึงอยากให้ ผบ.ตร. มาชี้แจงเรื่องการติดตามตัวว่าได้มีการดำเนินการอย่างจริงจังหรือไม่ เพื่อจะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดี
“เราให้ความสำคัญกับคดีนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับความเหลื่อมล้ำ และความไม่เท่าเทียมกันระหว่างคนรวยและคนจน อย่างไรก็ตาม ขอให้นำตัวผู้ที่กระทำผิดมาลงโทษตามวินัยอย่างเคร่งครัด หากมีความคืบหน้าเพิ่มเติมจะนำมารายงานให้ทราบอีกครั้ง” นายธีรัจชัย กล่าว