xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : #ผนงรจตกม “ประยุทธ์ vs อนุทิน” ใครโหลยโท่ยกว่ากัน?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 30 เม.ย.64 เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยวันนี้พูดถึงเรื่องภัยพิบัติโรคโควิด-19 รอบที่ 3 ความโหลยโท่ยของรัฐบาลผิดพลาดตรงไหน? ต้นตอของทุกเรื่องที่เกิดขึ้นคืออะไร? ใครต้องรับผิดชอบ? ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ใครควรถูกตำหนิมากกว่ากัน แล้วทางออกสำหรับประชาชนต้องเป็นอย่างไร? ตัวอย่างของประเทศที่เขาควบคุมเชื้อโควิดได้สำเร็จอย่างประเทศจีน เขาทำกันอย่างไร  ติดตามได้ในรายการ SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง special Ep83



คำต่อคำ SONDHI TALK [30 เม.ย. 64] : #ผนงรจตกม “ประยุทธ์ vs อนุทิน” ใครโหลยโท่ยกว่ากัน?

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564 เป็นประจำของวันศุกร์ที่ผมต้องออกรายการ ผมถอดหน้ากากได้นะท่านผู้ชม เพราะว่าในห้องนี้มีผมอยู่เพียงคนเดียว ตั้งกล้องเอาไว้ แล้วไม่มีใครอยู่เลย เพราะฉะนั้นผมไม่ได้ทำผิดกติกา ตอนนี้ท่านผู้ชมต้องระวังตัวเองขั้นสูงสุด อย่างที่ผมพูดไว้แล้ว การ์ดตกไม่ได้เลย เพราะยอดผู้ติดเชื้อสูงมาก

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาผมได้ลงคลิป "เคล็ดลับป้องกันตัวเองสไตล์ สนธิ ลิ้มทองกุล" มีคนถามเข้ามามากมายว่าผมกินน้ำมันมะพร้าวของที่ไหน หาซื้อได้อย่างไร ผมใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นของ manature ซึ่งผมสั่งสินค้าจากร้าน "พอดีช้อป" ร้าน "พอดีช้อป" คือร้าน "ASTV Shop" เก่า ทุกวันนี้ช่วงโควิดที่พวกเราควรหยุดเชื้ออยู่บ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ผมไม่ได้ออกไปไหนเลย ไม่ได้ซื้อของใช้ ผมใช้วิธีการสั่งสินค้าผ่านทางออนไลน์ของทางร้าน "พอดีช้อป" เขามีบริการสั่งทางออนไลน์ ส่งสินค้าถึงบ้าน มีทั้งเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนสินค้ามากมาย อย่างเช่น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น และแบบ Cooking Oil ผมก็สั่งมาจากที่นี่ ลองเข้าไปดูสินค้าหรือสั่งสินค้าที่ 02-633-5353 ที่พอดีคอลเซ็นเตอร์ ทุกวัน ตั้งแต่ 8 โมงเช้า จนถึง 2 ทุ่ม ในช่วงนี้เห็นมีโปรโมชันพิเศษด้วยครับ เพราะเมื่อสั่งสินค้าครบ 1,000 บาท สามารถแลกซื้อสินค้าพวกน้ำมันมะพร้าว ได้ลด 50% ลองโทรไปสอบถามดูนะครับ


ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ที่แฟนๆ ดูรายการ SONDHI TALK ทางเฟซบุ๊กและทางยูทูบ สัญญาณที่ผมใช้มาตลอด ผมใช้สัญญาณของ true 5G ซึ่งสัญญาณเร็วและแรงมาก ภาพที่ท่านผู้ชมได้รับชมสัญญาณจึงคมชัดทั้งภาพและเสียง

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้ผมมีพูดเรื่องเดียวเอง ไม่มีหลายเรื่องให้ท่านผู้ชมสับสน ผมกำลังพูดถึงว่าใครกันแน่ ระหวาง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กับนายอนุชา ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีกระบวนการที่เซ็นชื่อขับไล่นายอนุทิน พล.อ.ประยุทธ์ เอง ก็ออกมาตำหนิติเตียนคนในรัฐบาลที่วิพากษ์วิจารณ์ท่านลับหลังบนเฟซบุ๊ก ก็อาจจะหมายถึงบุคลากรทางการเมืองของพรรคภูมิใจไทย ตั้งแต่นายอนุทิน ชาญวีรกูล ออกมาตอบโต้ สวนคนที่เข้าชื่อไล่นายอนุทิน ว่า สิ่งที่เขาทำนั้นเขาทำตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีทั้งสิ้น หรืออีกนัยหนึ่ง นายอนุทิน กำลังบอกว่านายกรัฐมนตรีได้ยึดอำนาจเข้า แล้วไปเพิ่มอำนาจของตัวเองในฐานะประธาน ศบค. เพราะฉะนั้น คุณมาขับไล่ผม คุณขับไล่ผิดคนแล้ว อย่างข่าวที่รู้มาคือ ท่านนายกรัฐมนตรีท่านก็ไม่พอใจ ท่านก็อาละวาด ถึงขั้นบอกว่าจะปลดออกจากตำแหน่ง ผมคิดว่าอย่าช้าเลยครับ ถ้าจะปลดก็ปลดไปเลย ไล่พรรคภูมิใจไทยออกไปเลยจากการเป็นพรรคร่วมฯ ไม่ต้องไปเกรงใจ อย่าดีแต่พูดครับ ท่านนายกฯ


เดี๋ยวเรามาพบกันกับรายการที่ผมจะพูดเรื่องนี้ ผมพูดด้วยความอึดอัดใจ และจะเป็นการพูดครั้งแรกที่ไม่เคยมีใครพูดมาก่อนถึงป่าทั้งป่าของโรคระบาดครั้งนี้ นับตั้งแต่การระบาดครั้งที่ 1 มาจนถึงปัจจุบันนี้ ตั้งใจฟังให้ดีๆ แล้วท่านจะรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงของการระบาด

ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมเกริ่นไว้ตอนเปิดรายการว่ารายการวันนี้เป็นรายการที่สำหรับผมแล้ว ทำรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จะ 2 ปีแล้วครับ เกือบๆ จะเป็น 104 อาทิตย์ ในขณะนี้ 80 กว่าแล้ว อีกนิดหน่อยก็จะครบ 2 ปี

ท่านผู้ชมครับ ผมยอมรับว่ารายการวันนี้จะเป็นรายการที่ผมมีความรู้สึกเหนื่อยและสะเทือนใจกับสิ่งที่ผมพูด เรื่องวันนี้พอๆ กับเรื่องความอยุติธรรมของกระบวนการยุติธรรมของคดีนายบอส อยู่วิทยา และหลายๆ เรื่องที่เป็นการล้มล้างระบบกระบวนการยุติธรรม ทำให้ประเทศไทยขาดหลักนิติรัฐ วันนี้ก็มาอีกรูปแบบหนึ่งแต่เป็นคนละมิติกัน

วันนี้เราจะต้องมาพูดกันเรื่องโรคระบาดครั้งที่ 3 ที่ปัจจุบันนี้ประเทศกำลังได้รับผลกระทบ ไม่เว้นหน้ากันเลย ไม่ว่าจะอยู่ชนชั้นไหนก็ตาม ที่สำคัญ ล่าสุดมีการลงชื่อขับไล่ท่านรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล ว่าทำงานไม่ได้ผล ไม่สามารถยับยั้งการระบาดของโรคระบาดได้ ตลอดจนการทบทวนความจำถึงคำพูดอันไม่เหมาะสมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เคยพูดออกมาต่างกรรมต่างวาระ

ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ออกมาตอบโต้ในเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำนั้น ทำไปตามคำสั่งนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีนอกจากเป็นผู้บริหารสูงสุดแล้ว ยังเป็นหัวหน้า ศบค. ซึ่งเป็นศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของโรคระบาดครั้งนี้ ซึ่งคนที่มาเป็นหัวหน้า ศบค. รองจากนายกรัฐมนตรีนั้น ก็มาจากความมั่นคง ใช้ทหาร ซึ่งก็เป็นทหาร ตรงนี้คุณอนุทิน ไม่ได้พูดในเฟซบุ๊ก แต่ผมพูดเอง


วิกฤตประเภทนี้ เป็นวิกฤตแห่งชาติ เมื่อเหตุการณ์มันสับสนและมั่ว ก็เป็นปกติธรรมดาของการโยนกลองกันไปโยนกลองกันมา แถวบ้านผมเขาเรียกว่า โยนขี้ใส่กัน

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่เราจะวิเคราะห์เรื่องนี้ ผมคิดว่ามีความจำเป็นมากที่ผมจะต้องพูดความจริงให้ท่านผู้ชมได้เข้าใจกันนิดหนึ่ง ผมคิดว่าเราไม่ควรไปตำหนินายอนุทิน ชาญวีรกูล ถามว่าอนุทิน ชาญวีรกูล มีข้อบกพร่องไหมในการทำงาน ? มีครับ หลายข้อ แต่เป็นการบริหารภายในกระทรวงสาธารณสุข หลายเรื่อง เรื่องการใช้งบประมาณ เรื่องของการไม่สามารถจะแก้ไขปัญหาได้ทันการณ์ในเรื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ แต่นายอนุทิน ต้องรับผิดชอบโดยตรงไหม ? ไม่ ผมคิดว่าคนที่จะต้องโดนเต็มๆ ตัว ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่ใช่อนุทิน ชาญวีรกูล อย่าไปเข้าชื่อขับไล่เขาเลยครับ คนที่ควรจะเข้าชื่อขับไล่มากกว่าคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ใช่อนุทิน ชาญวีรกูล ทำไมผมถึงพูดเช่นนั้น ?

ผมพูดเช่นนั้นก็เพราะว่า เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ท่านนายกฯ ท่านเสนอ ครม. ขอรวบอำนาจสั่งการ กฎหมาย 31 ฉบับ ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้กับโรคระบาดครั้งนี้ ท่านผู้ชมครับ ฟังแล้วก็ตกใจ เมื่อฟังแล้วทุกคนก็เข้าใจว่า เพราะนายอนุทิน โหลยโท่ย ท่านนายกฯ ก็เลยออกมายึดอำนาจคืนหมดเลย จากกฎหมาย 31 ฉบับ


ท่านผู้ชมครับ หยุดตรงนี้ก่อน เอาความจริงมาพูด ท่านนายกฯ ยึดอำนาจนี้ไปตั้งนานแล้ว ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปีที่แล้ว ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 กฎหมาย 31 ฉบับนั้น ท่านคุมอำนาจอยู่แล้ว ไม่มีใครมีสิทธิเลยที่จะไปแอะกับท่าน จะทำอะไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขจะทำอะไรก็ตาม ต้องส่งเรื่องให้ ศบค. พิจารณา ถ้า ศบค. ไม่อนุมัติ กระทรวงสาธารณสุขก็ต้องเอาไปแก้ไข เอาไปปรับปรุง หรือไม่ก็ต้องถอนเรื่องนี้ออกไป เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่าเกมนี้เป็นเกมที่ลึกซึ้งทางการเมืองมาก เพราะว่าการที่ท่านนายกฯ ทำเช่นนี้ มันเท่ากับตอกย้ำความเชื่อของประชาชนบางส่วนว่าเหตุผลการป้องกันโรคระบาดครั้งนี้ไม่ได้ เป็นเพราะว่าท่านนายกฯ ไม่ได้มีอำนาจ ท่านถึงเรียกอำนาจ 31 พระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องเข้ามาอยู่ในมือ แต่ในข้อเท็จจริง ท่านผู้ชมครับ ท่านคุมอยู่แล้วตั้งแต่ต้น ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2563

ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ นะท่านผู้ชม อำนาจการล็อกดาวน์ หรือไม่ล็อกดาวน์ ไม่ได้อยู่ที่อนุทิน อยู่ที่ ศบค. ใครเป็นประธาน ศบค. ? คือท่านนายกฯ แต่เกมการยึดอำนาจ 31 พ.ร.บ. ที่ประชาชนไม่เข้าใจเท่าไรนัก ก็เลยทำให้นายอนุทิน เป็นผู้ร้ายเต็มตัว เขาเรียกว่า ขี้ถูกป้ายมาที่อนุทิน เต็มตัวเลย แล้วมิหนำซ้ำ เมื่ออนุทิน โวยวายออกมาแล้ว ท่านนายกฯ ท่านก็ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ พูดจาชัดเจนว่า ใครที่มาว่าผมในเฟซบุ๊ก ผมมีคนส่องเฟซบุ๊ก ผมเพิ่งรู้ว่าท่านนายกฯ มีทีมงานส่องเฟซบุ๊กของเพื่อนรัฐมนตรีร่วมรัฐบาล โอ้โห สุดยอด! สงสัยว่าท่านก็คงจะให้คนส่องเฟซบุ๊กรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ช่วยส่องหน่อยเถอะครับคนที่ส่องอยู่ แล้วช่วยรายงานให้ท่านฟังด้วยว่าวันนี้ผมพูดถึงท่านนายกฯ และพูดถึงอนุทิน ชาญวีรกูล อย่างไร

ท่านผู้ชมครับ ในสายตาของผม อนุทิน คือคนที่โชคร้ายมาก อำนาจก็ไม่มี ถูกยึดไปตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 สิ่งที่อนุทิน พูดในเฟซบุ๊กนั้น เป็นความจริงหมด ไม่ใช่ความเท็จ แต่การยึดอำนาจคืนครั้งนี้ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ที่ไม่เข้าใจข้อเท็จจริง มองอนุทิน เป็นโจร เป็นผู้ร้าย น่าเห็นใจ อย่าไปตำหนิเขา อนุทิน ไม่ผิด ส่วนใครผิด ถามว่าอนุทิน บกพร่องไหม ? มี เดี๋ยวผมจะว่าไปตามเนื้อผ้า แล้วท่านผู้ชมตัดสินใจเอาเองว่าใครควรจะโดนตำหนิ


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราจะพูดถึงเรื่องโรคระบาดในวันนี้ จากวันนั้นมาถึงวันนี้ เราต้องอธิบายป่าทั้งป่าให้ฟังก่อน ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมฟังแล้วไม่ใช่หรือครับว่าป่าทั้งป่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ถ้าเราเข้าใจป่าทั้งป่า เราจะเข้าใจทุกอย่าง เราจะเริ่มจากโรคระบาดรอบที่ 1 รอบที่ 2 และในที่สุด รอบที่ 3

ในรอบที่ 1 ท่านผู้ชมจำได้ใช่ไหมครับ เป็นการระบาดจากคนติดเชื้อภายนอกที่เข้ามาในประเทศไทย ผ่านการตรวจที่ไม่เข้มงวด เล่นพวกเล่นพ้อง ใครมีเส้นใหญ่ หรือเป็นลูกท่านหลานเธอที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ก็จะได้รับการยกเว้น อันเป็นเหตุให้โรคระบาดนี้แพร่กระจายออกไป จนถึงขั้นใช้มาตรการเด็ดขาดในการล็อกดาวน์ แล้วท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า ในการยกเว้นให้คนเข้าเมืองเป็นกรณีพิเศษนั้น ท่านนายกฯ เป็นคนเซ็นครับ ในฐานะที่เป็นประธาน ศบค. ถ้าท่านนายกฯ ไม่เซ็น เข้าไม่ได้ ท่านนายกฯ ครับ นี่คือความจริง ท่านนายกฯ ต้องยอมรับ ท่านต้องกล้าหาญหน่อย อย่าเอาเท่ลูกเดียว ความจริงเป็นอย่างไร เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง

ความจริงที่ผมอยากจะพูดถึง ทำไมมันถึงสำคัญกับการแก้ปัญหา ? ท่านผู้ชมจำนายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้ไหม อาจารย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เป็นผู้ที่รู้เรื่องดีมาก


คำถามมีอยู่ว่า ทำไมอาจารย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ถึงไม่ได้อยู่ในวงในในการให้คำปรึกษากับท่านนายกฯ เคยอยู่ครับ แต่กระเด็นออกมาแล้ว เพราะอะไร ? เพราะคุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เป็นคนพูดความจริง ไม่สนใจอะไร พูดความจริง ทำไมคุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา พูดความจริง ? เพราะคุณหมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้รับอิทธิพลมาจากอาจารย์ของคุณหมอ คืออาจารย์นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ

นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ ในยุคที่โรคซาร์ส โรคไข้หวัดนกกำลังระบาด ท่านเป็นคนเดียวเลยที่พูดออกมา ว่าค้นพบแล้ว ระบาดแน่นอน ท่านบอกให้รัฐบาลตอนนั้น คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี บอกว่า ให้รัฐบาลแถลง ในขณะนั้นโรคไข้หวัดนกกำลังมา และระบาดอยู่ที่ต่างประเทศแล้ว ฮ่องกง จีน ท่านเตือน ปรากฏว่าทักษิณ ชินวัตร ออกมาอาละวาดใส่ท่าน บอกว่าหมอบ้านี่มันใครวะ ทำให้เศรษฐกิจพังทลายหมด ในที่สุดแล้วคุณหมอประเสริฐ ท่านก็เด็ดขาด ท่านบอกว่า ถ้ารัฐบาลไม่แถลง ท่านจะเปิดปากแถลงเองเลย ท่านต้องพูดความจริง ก็ปรากฏว่าในที่สุดรัฐบาลก็ต้องยอมรับและหามาตรการป้องกัน ก็เลยทำให้โรคไข้หวัดนกในยุคนั้น ไม่รุนแรงและร้ายแรงเท่าที่ควร


หลักการง่ายๆ อันนี้ อาจารย์ประเสริฐ ชี้แจงว่า ในการต่อสู้กับโรคระบาดนั้น สิ่งแรกคือต้องพูดความจริงก่อน ต้องพูดความจริง ต้องให้ประชาชนรับทราบว่าอะไรเกิดขึ้น และเกิดขึ้นอย่างไร ไม่ต้องโกหก ห้ามโกหกเด็ดขาด นั่นคือหลักการที่นายแพทย์หรืออาจารย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เป็นคนยึดถือ ก็ปรากฏว่าพูดแล้วภาษามันไม่ใช่ดอกไม้ ท่านนายกฯ ไม่พอใจ ก็เลยกระเด็นกระดอนไปตามทิศทาง เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะฟังความจริงในขณะนี้ สำหรับผมแล้ว ให้ฟังคำพูดของนายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผมค่อนข้างมั่นใจว่าพูดความจริงได้เยอะ เยอะกว่า ศบค. แล้วก็เยอะกว่านายแพทย์หลายๆ คนที่ล้อมรอบนายกรัฐมนตรีคนนี้อยู่

ท่านผู้ชมครับ การระบาดรอบที่ 1 นั้น ถูกควบคุมอยู่ในวงที่สามารถบริหารจัดการได้ ก็เป็นเหตุให้ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องในการระบาดนั้นเกิดความมั่นใจในตัวเอง ถึงเชื่อมั่นว่า ถ้าระบาดอีกครั้งหนึ่งก็สามารถจะป้องกันได้ และนั่นคือที่มาของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่บอกว่าโรคระบาดนี้มันกระจอก จำได้ไหมท่านผู้ชม

การตั้ง ศบค.ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคระบาดโควิด-19 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน อุปมาอุปไมยเหมือนการให้ความมั่นใจกับประชาชนไทยว่า เมื่อผู้มีอำนาจสูงสุดในการบริหารประเทศมานั่งเป็นประธานเอง ก็สามารถจะควบคุม แก้ไขปัญหาโรคระบาดนี้ได้


ท่านผู้ชมครับ มันเป็นการสร้างความมั่นใจระดับหนึ่งให้กับประชาชน ถึงแม้ว่าจะมีข่าวเล็ดรอดออกมาถึงการทำมาหากินของผู้มีอำนาจ ในการอนุญาตให้โรงแรมต่างๆ มีสิทธิในการรับผู้ที่จะเข้ามาพักเพื่อกักตัว ท่านผู้ชมครับ ข้อเท็จจริงที่ผมสืบมาก็คือว่า หลายโรงแรม ถ้าไม่จ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้มีอำนาจ ก็จะไม่มีสิทธิที่จะขึ้นบัญชีว่าสามารถจะรับผู้ป่วยหรือผู้ที่เข้าประเทศกักตัวไว้ 14 วัน ท่านผู้ชมครับ โรงแรมเหมือนสุสานไปแล้ว ตอนนั้น ไม่มีใครเข้ามาพัก มีคนที่เข้ามา อย่างน้อยที่สุด 100 ห้องบ้าง 50 ห้องก็ยังดี แต่ต้องจ่ายเบี้ยใบ้รายทาง ตรงนี้ไม่ทราบว่าท่านนายกฯ รู้หรือเปล่า


ในช่วงแรกของการระบาดนั้น อุปกรณ์การแพทย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องตรวจโรคระบาด เครื่องเอกซเรย์ปอด ตลอดจนเครื่องมือที่ประชาชนต้องใช้ป้องกันตัวเอง เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ ที่ใช้ปิดจมูก/ปิดปาก ก็เกิดการกักตุนกันหมด มีการทำมาหากิน กำไรกันอย่างมหาศาล บนความกังวลและความหวาดกลัวของประชาชน ซึ่งเหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้ ท่านผู้ชมรับทราบดีอยู่แล้ว ผมไม่จำเป็นต้องพูดต่อ ท่านผู้ชมครับ จำเรื่องการหายไปของหน้ากากอนามัยได้ไหม เกือบ 100 ล้านชิ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมีการรายงานอย่างเป็นทางการจากกระทรวงพาณิชย์ ว่าของอยู่ในสตอกครบ แต่เอาเข้าจริงๆ ไม่มีของ จนกระทั่งประชาชนเดือดร้อนกันไปหมด ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ช่วงนั้นเดือดร้อนกันขนาดไหน หน้ากากอนามัยที่หาซื้อได้คล่องในทุกวันนี้ ก็หาซื้อกันยาก ต้องไปซื้อตามออนไลน์ ต้องไปซื้อตามเฟซบุ๊ก ราคาก็แพงเหลือเกิน บางชิ้น 50 บาท ทั้งๆ ที่ราคาไม่เกิน 5 บาท ถ้าจำไม่ผิด ท่านนายกรัฐมนตรีท่านลงมาอาละวาด จัดการอย่างเด็ดขาด ท่าทีแข็งกร้าว แต่ก็จบลงด้วยการลูบหน้าปะจมูก ปวกเปียก ไม่เด็ดขาด หาผู้กระทำความผิดไม่ได้ ซึ่งทุกคนก็ทราบอยู่แล้ว ไม่ต้องการพูดไปมากกว่านี้ เพราะผมเคยพูดเรื่องนี้หลายครั้ง จับได้เฉพาะปลาซิว ปลาสร้อย แต่ตัวการใหญ่ ซึ่งเป็นไอ้โม่งอยู่เบื้องหลัง และถูกพรรคการเมืองและนักการเมืองบางคนหนุนอยู่ คอยอำนวยความสะดวก เปิดช่องทางให้มีการกักตุนหน้ากากอนามัย กลับไม่โดนแตะต้อง


ด้วยเหตุผลต้องการจะรักษาเสถียรภาพของรัฐบาลมากกว่าขจัดความเดือดร้อนของประชาชน ท่านผู้ชมครับ อันนี้เป็นความผิดของใคร ? คิด ท่านผู้ชมคิดดูเอาเอง

การระบาดรอบที่สองนั้นเกิดจากหลายเหตุการณ์ประสานกัน ตั้งแต่การระบาดที่ อ.แม่สาย ซึ่งติดอยู่กับท่าขี้เหล็ก ของพม่า จากคนที่เดินทางเข้าไปเที่ยวสถานบันเทิง เข้าไปเล่นการพนันในบ่อนการพนันฝั่งนั้น มีการเคลื่อนย้ายคนจากฝั่งไทยไปสู่พม่า จากพม่ากลับไทย โดยไม่มีการควบคุม หลับตาข้างหนึ่ง รวมไปจนถึงแรงงานเถื่อนที่เริ่มทะลักเข้ามา หลังจากที่การระบาดรอบที่หนึ่งถูกควบคุมได้ดีพอสมควร พอแรงงานเถื่อนทะลักเข้ามา ก็ไปปะทุที่ตลาดกุ้งมหาชัย


ซึ่งทั้งหมดนี้ ท่านผู้ชมที่เคยติดตามเหตุการณ์ก็จะจำได้ ในเวลานั้นสังคมไทยและประชาชนคนไทยต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไม่ผิด ว่าความหย่อนยานและการรับสินบาทคาดสินบนของเจ้าหน้าที่ มีทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การแพร่ระบาดจากชายแดนนั้น เข้ามาได้เหมือนเช่นเดิม ก็ได้มีการสั่งการให้เข้มงวด แต่ก็ไม่มีการดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ท่านผู้ชมจำได้ไหมที่มีการระบาดครั้งแรกที่แม่สาย ผมเป็นคนบอกว่าให้ปิด อ.แม่สาย ล็อกดาวน์เลย แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทุกคนเกี่ยวข้องหมด ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ตำรวจดูแลรักษาความมั่นคง ทหารดูแลชายแดน ฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดต้องรับผิดชอบ นายอำเภอต้องรับผิดชอบ ทุกคนรู้หมดว่าแม่สายคือแหล่งก่อกำเนิดของโรคระบาดครั้งนี้ แต่พอถึงเวลาเอาคนรับผิดชอบเข้ามารับผิดชอบ ไม่มีใครกล้ารับผิดชอบเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่โดนสักคน

การระบาดครั้งที่สอง ยังมีผสมโรงเพิ่มเติมกับบ่อนการพนัน สนามมวยลุมพินี สนามมวยใครรับผิดชอบ ? ก็ทหารรับผิดชอบ มีการจัดมวย ละเลยภาวะการณ์ระบาด ผสมผสานกับคนที่มาดูมวย ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทย ต่างกับการระบาดก่อนหน้านั้นซึ่งเป็นคนต่างด้าว


การแพร่กระจายครั้งนั้น สนามมวยก็เลยค่อนข้างจะอยู่ในวงกว้างขึ้น ต่างจากการแพร่กระจายจากแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในวงแคบ และสามารถจะติดตาม ตรวจสอบ และเช็กผลได้ว่าไปที่ไหนบ้าง เพราะคนต่างด้าวไม่มีที่ไป คนต่างด้าวถ้าเป็นพม่า แรงงาน ถ้าอยู่ที่มหาชัย ออกเดินทางก็มายังชุมชนพม่าในกรุงเทพฯ ไปวัดที่เขาไปประจำ ไทม์ไลน์เช็กกันได้ง่าย ไม่เหมือนสนามมวยลุมพินีซึ่งนักพนันมาร้อยพ่อพันแม่ มาจากทุกจังหวัด พอสนามมวยเลิกแต่ละคนก็กลับไปจังหวัดตัวเอง ตั้งแต่เหนือสุดลงไปสู่ใต้สุด ตะวันอกสุดไปจนถึงตะวันตกสุด

ประกอบกับมีอยู่เรื่องหนึ่ง เหตุการณ์ๆ หนึ่งที่มีนักท่องเที่ยว ท่านผู้ชมจำได้ไหม ลูกคนมีเงิน คนมีอำนาจ กลับมาจากต่างประเทศ จากอังกฤษ เอาเชื้อโรคระบาดที่กลายพันธุ์แล้วของอังกฤษ ที่สามารถจะแพร่กระจายไปได้เร็วมากกว่าเชื้อที่เคยมีอยู่ 1.7 เท่า

การควบคุมครั้งที่สองนั้น ยังควบคุมได้ดีพอสมควร ถึงแม้จะไม่แน่นหนาเหมือนการระบาดของแรงงานต่างด้าว ก็อยู่ในระดับที่พอจะรับกันได้ ทั้งๆ ที่เมื่อดูแล้ว เด็กที่มาจากอังกฤษ ลูกผู้ดีมีเงินมีทอง มีอิทธิพล มันเข้ามาได้อย่างไร นี่ก็อีกเหมือนกัน เข้ามาโดยไม่มีการกักตัว ในข้อเท็จจริงแล้ว ศบค. ต้องอนุญาต อย่าปัดความรับผิดชอบสิครับ ไม่ได้เกี่ยวกับอนุทิน ชาญวีรกูล เลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ได้เกี่ยว

ระบาดครั้่งที่สาม เริ่มจากบ่อนการพนันของเจ้าของบ่อนที่ชื่อ หลงจู๊สมชาย ที่ จ.ระยอง ที่ภาคตะวันออก ท่านผู้ชมคงได้ยินข่าวมาแล้ว และท่านผู้ชมที่ดูรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" คงได้รายละเอียดมากดีพอสมควรแล้ว ผมไม่ลงรายละเอียดก็แล้วกัน


บ่อนการพนันภาคตะวันออกมีเต็มไปหมด ตราด ระยอง ชลบุรี จันทบุรี มาถึงฉะเชิงเทรา ปรากฏการณ์การระบาดจากบ่อนการพนันทำให้สังคมไทยและประชาชนเริ่มรู้แล้วว่ามันร้ายแรงขึ้นมามากอีกครั้งหนึ่ง ก็เลยทำให้เกิดเปิดโอกาสให้มีการระบาดครั้งที่สาม ที่เกิดขึ้น ดูให้ดีๆ ฝีมือตำรวจ เพราะตำรวจปล่อยให้มีบ่อนการพนันเพียงเพราะว่าได้รับอามิสสินจ้างมา ส่วนจะเป็นตำรวจระดับไหน สุดแล้วแต่จินตนาการของท่านผู้ชมรับทราบไปแล้วกัน แต่เอาเป็นว่า ระบาดใหญ่ๆ บ่อนใหญ่ๆ แบบนี้ ตำรวจชั้นผู้น้อยไม่มีสิทธิ คนมีสิทธิที่จะรับสินบาทคาดสินบนและสั่งการลงไป คือตำรวจระดับนายพลขึ้นไป ส่วนจะพลตำรวจตรี พลตำรวจโท หรือพลตำรวจเอก นั้น ท่านผู้ชขมคิดเอาเองก็แล้วกัน ผมขี้เกียจพูด เดี๋ยวจะหาว่าตามจิกตามกัดกันอีก

เพราะฉะนั้นแล้ว การแก้ไขปัญหาการระบาดบ่อนการพนัน ไม่สามารถแก้ไขอย่างเด็ดขาด และการระบาดนั้นก็เริ่มกระจายมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถจะล้อมรั้วได้เด็ดขาดและชัดเจนเหมือนครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง เหตุผลเพราะว่า นักการพนัน อย่างที่ผมบอก ร้อยพ่อพันแม่ คนไทยทั้งนั้น รวมไปจนถึงนักการพนันจากเขมร จากพม่า เดินทางมาและมาเข้าบ่อนพวกนี้ ก็เอาเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา ในขณะนั้น เวลานั้น ในช่วงที่เกิดการระบาดจากบ่อนการพนัน ในปลายปี 2563 ต้นปี 2564 ก็มีข่าวมาว่า วัคซีนที่ได้รับการพัฒนานั้นได้พัฒนาสำเร็จออกมาหลายเจ้า ไม่ว่าจะเป็นของจีน ที่มี Cinovac หรือ CINOPHARM


ของรัสเซียที่มีสปุตนิกวี ของอังกฤษที่มีแอสตร้าเซนเนก้า ของอเมริกาที่มีไฟเซอร์-ไบโอเอ็นเทค โมเดอร์นา และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ข่าวตรงนี้ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องที่ไม่ค่อยจริงจังกับโรคระบาด เริ่มมีความรู้สึกว่าอุโมงค์ที่มืดมิดเริ่มมีแสงสว่างแล้ว อีกไม่นานวัคซีนก็ออกมาแล้ว ทุกอย่างสามารถควบคุมได้ โดยที่้จนทุกวันนี้ ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า จนทุกวันนี้ไม่มีเจ้าของวัคซีนยี่ห้อไหนที่กล้าออกมายืนยันว่า เมื่อฉีดวัคซีนแล้วจะไม่ติดโรคระบาดนี้อีก ไม่มี ท่านผู้ชม ผมไม่ได้มโน นี่คือเรื่องจริง แต่เขาออกมาบอกว่า ใครฉีดวัคซีนแล้วจะทำให้ความรุนแรงของโรคระบาดลดลงจาก 100 เปอร์เซ็นต์ รุนแรงเหลือแค่ 20 เปอร์เซ็นต์

อีกประการหนึ่ง ก็จะมีข่าวคราวของผลข้างเคียงของวัคซีนแต่ละยี่ห้อ มีการวัดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลของแต่ละยี่ห้อที่ปล่อยข่าวออกมา ท่านผู้ชมครับ ในช่วงนั้นจะมีการเกทับบลัฟแหลกกัน บอกว่าซิโนแวคไม่ได้ผล ซิโนแวคก็บอกว่าได้ผล บอกว่าไฟเซอร์ฉีดแล้วทำให้คนตายที่ฟินแลนด์ บอกว่าโมเดอร์นามีปัญหา โน่นนี่นั่น แต่มันเป็นการเกทับบลัฟแหลกของผู้ที่ผลิตวัคซีนในเชิงการค้าและการพาณิชย์ทั้งหลาย

จริงๆ แล้ววัคซีนทุกตัวมีปัญหาหมด ทำไมจะไม่มีปัญหา ก็ตามระบบแล้วการผลิตวัคซีนจะใช้เวลา 1 ปี ในการค้นพบวัคซีน ใช้เวลาอีก 2-3 ปี ในการทดลอง อีก 1-2 ปี ในการฉีด ในการทดลองก็จะกำหนดเลยว่าคนประมาณ 2,000 คน จะฉีด มีวัยอะไรบ้าง มีต่ำกว่า 60 เท่าไร มีสูงกว่า 60 เท่าไร เสร็จแล้วค่อยออกมาฉีดกับคนจริง


ฉีดกับคนจริงก็ยังไม่ถือว่าสำเร็จนะ ต้องทดสอบอีกว่า เมื่อฉีดกับคนจริงแล้ว ระยะเวลา 1-2 ปีที่ฉีด มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง มีปากเบี้ยวไหม มีเส้นเลือดอุดตันไหม มีการเวียนหัวไหม มีการปวดแขนไหม มีโน่นมีนี่ไหม แล้วใช้เวลาอีก 1 ปี หรือ 2 ปี ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของวัคซีน เพื่อให้สมบูรณ์แบบ เพื่อไม่ให้มีผลข้างเคียง แต่ทุกยี่ห้อที่มาอยู่ในโลกนี้ในปัจจุบันนี้ ใช้เวลาผลิตหรือเวลาคิดค้นไม่ถึง 1 ปี แค่ 8-9 เดือน ก็เสร็จแล้ว ทดสอบเหมือนกัน แต่เป็นการทดสอบกับกลุ่มที่เลือกเอาไว้ ไม่ได้ฉีดทั่วไป ด้วยเหตุนี้ก็เลยมีผลข้างเคียงเยอะมาก ตรงนี้ทุกประเทศ รวมทั้่งประเทศไทย ไม่กล้าพูดความจริง ว่ามีคนตายเพราะฉีดวัคซีนไปกี่คน ส่วนใหญ่ก็โบ้ยไปว่าตายเพราะโรคหัวใจ ตายเพราะแก่ แต่ในข้อเท็จจริงตรงนี้คือข้อมูล ซึ่งผมเชื่อว่าอาจารย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ต้องการให้เปิดเผยตรงนี้ จะได้รับรู้ จะได้ป้องกัน

แต่อย่างไรก็ตาม ข่าวของวัคซีนออกมา ก็เลยทำให้ภาคธุรกิจที่ได้รับการกระทบกระเทือนมาตั้งแต่ปี 2563 ทั้งปี มีความรู้สึกว่า โอกาสของชีวิตที่จะเป็นปกติธรรมดา กลับมาแล้ว เริ่มมองเห็นแสงสว่างกัน ด้วยเหตุนี้ก็เลยเริ่มมีความกดดันจากภาคธุรกิจ ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ภูเก็ต ร้องเรียนมาว่าเมื่อไรจะเปิดประเทศเสียที จะไม่มีกินกันอยู่แล้ว ร้านอาหารก็ร้องเรียนมาสู่รัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี รวมไปจนถึงผู้เกี่ยวข้องกับรัฐบาล ทั้งโดยทางตรง และกระทรวงสาธารณสุข ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นเจ้ากระทรวง

ท่านผู้ชมครับ แทบจะทุกคนในประเทศไทย หรือในโลกนี้ ต่างฝากความหวังไว้กับวัคซีน เพราะว่า 1 ปีที่ผ่านมานั้น ความขมขื่น ความเจ็บปวด ความโศกศัลย์ได้เกิดขึ้นกับโลกทั้งใบ ไม่เว้นว่าจะเป็นเชื้อชาติใด หรือพื้นที่ใดในโลกนี้ ก็เลยมีความคิดทึ่จะค่อยๆ ทยอยเปิดประเทศ เพื่อตอบสนองกับความต้องการของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยว ที่มีประชาชนต้องพึ่งพาอาศัยภาคการท่องเที่ยวในการดำรงชีวิตอยู่อย่างมากมาย และนั่นคือการเปิดไฟเขียวให้ เป็นการกลับไปเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา


อาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมานี้ ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้ว การระบาดของโรคระบาดครั้งนี้ ถึงแม้จะมีการประกาศว่ามีวัคซีนออกมาแล้ว และเริ่มมีบางประเทศดำเนินการฉีดวัคซีนให้คนของตัวเองไปบางส่วนแล้วก็ตาม แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว การระบาดในประเทศไทยยังคงมีอยู่ ประกอบกับความเข้มงวดก็เริ่มผ่อนคลายลงอย่างมาก หรือที่เราเรียกกันว่า "การ์ดตก" มีการอนุญาตเปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ต่างๆ เป็นการดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดยิ่งใหญ่ที่สุดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะที่เป็นประธาน ศบค.

เพื่อไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก เขาก็เลยปิดตัวเลขของคนติดเชื้อ ศบค. นี่คือตัวการสำคัญที่ปิดตัวเลขคนติดเชื้อ ถ้าผมจำไม่ผิด มีการติดเชื้อระลอกสามที่ตลาดบางแค แต่ข่าวหลุดออกมาทาง ศบค. ศบค. บอกจำนวนที่น้อยมาก แต่บอกเรียงวันไป ไม่ได้บอกว่าจำนวนที่แท้จริงติดเท่าไร กลัวคนตื่นตระหนก นี่คือผิดหลักการแล้ว ข้อที่หนึ่ง ในการต่อสู้กับโรคระบาด เพราะคุณเริ่มโกหก ไม่พูดความจริง ศบค. ครับ แล้วก็คนที่เป็นนายแพทย์ที่อยู่รอบตัวนายกฯ ตลอดจนนายกรัฐมนตรี ไม่พูดความจริง

แล้วในที่สุด วันที่ 2 เมษายน ก่อนที่จะเข้าสู่วันหยุดยาวในเทศกาลสงกรานต์ นี่คือวันชี้ชะตาประเทศไทย ซึ่งผมเรียกว่า "วันนรกแตก" ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า อาทิตย์ที่แล้ว การติดเชื้อของคนไทยในวงการบันเทิง ตลอดจนคนที่ไปท่องเที่ยวในสถานบันเทิง เช่น คริสตัล คลับ เอมเมอรัลด์ เป็นหลุมนรกที่ได้เปิดขึ้นมา


การแพร่กระจายก็เกิดขึ้นอย่างรุนแรงไร้ขอบเขต ผสมผสานกับปริมาณจำนวนคนติดเชื้อที่อยู่ปัจจุบันนั้น มีมากมายกว่าที่ ศบค. ได้รายงานไว้ ทำให้ ศบค. ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน รู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าการระบาดรอบที่สามเกิดขึ้นแล้ว รู้อยู่ก่อนที่จะมีเทศกาลสงกรานต์อีก รู้อยู่ก่อนที่จะเกิดวันนรกแตก วันที่ 2 เมษายน แสดงว่ามีนาคม ปลายๆ มีนาคม เริ่มรู้แล้วว่าเริ่มจะเอาไม่อยู่แล้ว เพราะวัคซีนก็ยังไม่มา มากะปริบกะปรอย พอเกิดวันนรกแตก วันที่ 2 เมษายน ที่ผับสองแห่ง ก็เลยทำให้มีความมั่นใจ แต่นายกฯ มีชนักปักหลังเรื่องการเปิดประเทศ ได้รับความกดดันจากภาคธุรกิจอย่างหนัก ประกอบกับข่าวเรื่องวัคซีนกำลังจะมา ทำให้นายกรัฐมนตรีคนนี้ไม่มีความกล้าหาญพอที่จะประกาศหยุดเทศกาลสงกรานต์ ห้ามการเดินทางกลับบ้าน และล็อกดาวน์พื้นที่บางส่วนในประเทศที่อันตราย เช่น กรุงเทพมหานคร ต้องล็อกดาวน์เลย

ท่านผู้ชมครับ ตามผมข้ามน้ำข้ามทะเลไปหน่อย ไปที่ไหน ? ไปที่ประเทศจีน ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมติดตามข่าว ในประเทศจีน เมื่อโรคระบาดระบาดที่อู่ฮั่น อีก 2 วันเท่านั้นเองที่จะถึงเทศกาลตรุษจีน ที่คนจีนจะกลับบ้านกลับช่องกันเป็นร้อยๆ ล้านคนเลย ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศล็อกดาวน์ ห้ามไม่ให้คนกลับบ้าน ให้อยู่ที่บ้าน ท่านผู้ชมครับ อีก 2 วันนะ ของเราสงกรานต์เริ่มประมาณวันที่ 12 ปลายมีนาคม รัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรี รู้แล้วว่าระบาดรอบที่สามมาแล้ว และจะมาใหญ่ด้วย ทำไมผมถึงกล้าพูดเช่นนี้ ว่าทำไมรู้แล้ว ถ้าไม่รู้ นายกรัฐมนตรีและ ศบค. จะเริ่มประกาศให้ตั้งโรงพยาบาลสนามได้อย่างไร มีเหตุอะไรที่คุณจะตั้งโรงพยาบาลสนาม ถ้าคุณไม่รู้ว่ากำลังจะมีโรคระบาดใหญ่ และต่อเนื่องกัน และถ้าคุณรู้ว่าจะระบาดใหญ่ คุณยังให้คนกลับไปเที่ยวสงกรานต์กันอีก ท่านผู้ชมครับ ใช้สติปัญญาของท่านผู้ชมคิด ใครต้องรับผิดชอบ ? อำนาจการยกเลิกการกลับไปสงกรานต์ อำนาจการล็อกดาวน์ ไม่ได้อยู่ที่อนุทิน ชาญวีรกูล อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และบรรดาหมอทั้งหลายที่ล้อมรอบตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ศบค.

ผู้เชี่ยวชาญทางสาธารณสุขหลายคนเตือนว่า ครั้งนี้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์จะไม่สามารถรองรับการระบาดครั้งที่สามได้ ท่านผู้ชมครับ อย่างที่ผมบอก ท่านผู้ชมคิดให้ดีๆ ก่อนสงกรานต์ ก่อนวันที่ 2 เมษายน เป็นวันนรกแตกของคริสตัล คลับ และเอมเมอรัลด์ ได้มีการประกาศให้ตั้งโรงพยาบาลสนามเรียบร้อยแล้ว


คุณตั้งทำไม แสดงว่าคุณรู้อยู่แล้วว่านรกกำลังจะมา คุณก็เลยนิมนต์พระมา 9 รูป มาสวดรัตนสูตร ขับไล่ภูตผีปีศาจไป โรงพยาบาลสนาม ก็คือตัวแทนของพระ นิมนต์มา 9 รูป ตอนแรกก็งงว่าทำไมต้องตั้งโรงพยาบาลสนาม มันเกิดอะไรขึ้น แล้วถ้ามันจะเกิดอย่างที่คิด แล้วทำไมให้คนกลับไปเที่ยวสงกรานต์อีก อ๋อ โดนกดดันจากภาคธุรกิจ ไหนบอกว่าตัดสินใจเด็ดขาดเพื่อประชาชนไง ?

แล้ววันนี้ที่ตลกที่สุด คือภาคธุรกิจกลับเป็นคนบอกให้ล็อกดาวน์ได้แล้ว ท่านผู้ชม ประเทศไทยมันมีตลกร้ายแบบนี้เยอะ แล้วเป็นตลกร้ายที่บัดซบจริงๆ

นี่คือการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในเชิงยุทธศาสตร์และยุทธวิธีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่าตรงนี้ไม่เกี่ยวกับอนุทิน ชาญวีรกูล เพียงแต่การบริหารจัดการของนายอนุทิน ในกระทรวงสาธารณสุขนั้น มีข้อสงสัย และมีวิธีการที่ไม่ได้ทำให้เรื่องราวต่างๆ มันดีขึ้น แต่กลับทำให้มันเลวร้ายลงเท่านั้น แต่จุดเริ่มต้นอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ ศบค. ส่วนนายอนุทิน ชาญวีรกูล นั้น ถ้ามองในแง่กฎหมายยาเสพติด เข้าข่ายผู้สมรู้ร่วมคิด

ท่านผู้ชมครับ มาถึงตรงนี้ผมจะชี้เป็นประเด็นๆ ให้เห็นว่า การบริหารที่ผิดพลาด ส่วนจะผิดพลาดอย่างไรนั้น ท่านผู้ชมวิสัชนาเอาเองว่าใครต้องรับผิดชอบ


หนึ่ง การแพร่ระบาดทุกรอบนั้น 70 เปอร์เซ็นต์ เป็นผลพวงของหน่วยงานราชการที่มีหน้าที่ควบคุมและป้องกันไม่ให้มีการระบาด ตำรวจ ทหาร ปกครอง หลักๆ ก็คือตำรวจ ถ้าตำรวจไม่ละเลยบ่อนจะเปิดได้อย่างไร ถ้าทหารไม่ยอมให้มีการจัดมวย แล้วจะเปิดได้อย่างไร อีก 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นความมักง่ายของคนไทยที่เอาแต่ใจตัวเองของประชาชนทั่วไป


สอง ไม่มีการดำเนินการอย่างเฉียบขาด เด็ดขาด และฉับพลัน ในการลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่ละเลยต่อหน้าที่ ทำให้มีการกระทำผิดที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก บ่อนการพนันซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งๆ ที่พฤติกรรมก็เหมือนเดิมทุกๆ ครั้ง นั่นคือ การละเลยเพื่อแลกเปลี่ยนกับอามิสสินจ้างที่ตัวเองจะได้รับ โดยที่ไม่สนใจเลยว่าความพินาศฉิบหายจะเกิดขึ้นอย่างไรกับสังคมไทยและประชาชนคนไทย คนไทยทุกวันนี้ที่จะตายกันก็เพราะความละเลยของข้าราชการ


สาม ในแง่สาธารณสุข เราไม่ให้ความสำคัญกับสมุนไพรพื้นบ้านที่สามารถจะระงับยับยั้งโรคระบาดนี้ได้ ทั้งๆ ที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ของกระทรวงสาธารณสุข ได้เคยนำผู้ติดโรคระบาดนี้ 300 กว่าคน มารักษาด้วยสมุนไพรไทย สามารถรักษาหายขาดได้ในเวลา 5 วัน ต้นทุน 180 บาทต่อหัว ปัญหาอยู่ตรงนี้ครับท่านผู้ชม ท่านผู้ชมคิดให้ดีๆ ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าคณะแพทย์ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ล้อมรอบนายกรัฐมนตรีนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นคนที่เชื่อในวิถีทางการรักษาแบบตะวันตก มากกว่าที่จะใช้สมุนไพรรักษา ความใจแคบของคนพวกนี้มีอิทธิพลต่อแนวความคิดของนายกรัฐมนตรี ทำให้เราพลาดโอกาสที่จะให้ประชาชนป้องกันตัวเองในเบื้องต้น

ท่านผู้ชมครับ ในโรคภัยไข้เจ็บทุกประเภท ยิ่งโรคระบาดแล้ว ที่สำคัญที่สุดไม่ใช่เรื่องของการรักษาหลังจากที่เกิดโรค ที่สำคัญที่สุดคือการหาภูมิคุ้มกันและป้องกันตัวเองเสียก่อน นี่คือการแบ่งเบาภาระที่รัฐบาลต้องแบก แล้ววันนี้เป็นอย่างไร ทุกคนยอมรับแล้วนี่ บุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ โน่นไม่มี นี่ไม่มี มีแต่คนเข้าคิว รอคิวเข้าโรงพยาบาลกัน ก็เพราะว่าคุณไม่ได้สั่งสอนประชาชนให้ป้องกันตัวเอง แล้ววิธีป้องกันตัวเอง มันต้องมีหลายวิธี มันต้องแก้ไขหลายอย่าง ซึ่งเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง จนกระทั่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ออกมาแถลงว่า สมุนไพรไทย คือฟ้าทะลายโจร สามารถจะระงับและรักษาโรคระบาดได้


ท่านผู้ชมครับ ผมเชื่อเลย ท่านผู้ชมที่ดูรายการนี้อยู่ จะมีประชาชนคนไทยจำนวนหนึ่งที่ไม่น้อย พอจะรู้อยู่บ้าง กรมการแพทย์แผนไทยฯ รู้มาตลอด รู้มานานแล้ว แต่ถูกขัดขวางทุกวิถีทางจากกระทรวงสาธารณสุข ที่ซึมซับและรับอิทธิพลการรักษาแบบตะวันตกมาอย่างงมงาย โดยอ้างคำพูดที่เป็นตลกร้ายอย่างบัดซบว่า "ไม่มีงานวิจัยมารองรับ" ท่านผู้ชมครับ จำคำพูดนี้เอาไว้นะ เขาบอกว่าไม่มีงานวิจัยมารองรับ ผมจะถามว่ามันย้อนแย้งหรือเปล่ากับการผลิตวัคซีนที่ใช้เวลา 8-9 เดือน ในการผลิต แล้วผลก็ยังไม่มีงานวิจัยอะไรมารองรับเช่นกัน แต่คุณก็กล้าพอที่จะเอามาฉีดเข้ามนุษย์ได้ ในขณะที่ฟ้าทะลายโจร มีการรองรับมาแล้วในตำราแพทย์แผนไทยโบราณที่มีมาเป็นสิบๆ ปี เป็นร้อยปี แล้วก็สมุนไพรอีกหลายประเภท แม้กระทั่งกัญชา ว่าสามารถจะรักษาโรคได้ ผมเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้ว หมอบัดซบบางส่วนที่บอกว่าไม่มีงานวิจัย ขอประทานโทษ แล้วโคครพ่อโคตรแม่ที่มีชีวิตอยู่ทุกวันนี้ ปู่ย่าตายาย ไม่ใช่เพราะภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยโบราณหรืออย่างไร พอเรียนวิชาทางตะวันตกมา เห็นตะวันตกเป็นพ่อ ละเลยภูมิปัญญาของบรรพบุรุษไป

ตำราสมุนไพรในแพทย์แผนไทยโบราณมีอยู่มาก บางตัวเป็นถึงตำราของชาติเลยนะ ขึ้นทะเบียนชาติไทยเลยนะ รักษาคนไทยมาเป็นสิบๆ ร้อยๆ ปี เป็นตลกร้ายมากที่ผมและท่านผู้ชมไม่น่าจะหัวเราะออก เพราะมันเป็นตลกร้ายที่บัดซบจริงๆ ด้วยความใจคับแคบ ไม่เชื่อมั่นในภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของตัวเอง ดูถูกวิชาความรู้ที่บรรพบุรุษตัวเองได้สั่งสมมาเป็นร้อยๆ ปี จึงทำให้คนไทยต้องตกอยู่ในสภาวะที่พินาศและฉิบหายอย่างเช่นทุกวันนี้ คนที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ พวกนี้ที่ดูถูก ชอบอ้างงานวิจัยมาเป็นกรอบกำบังความงมงายของตัวเอง ที่มีต่อศาสตร์ตะวันตก คนพวกนี้น่าจะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมไทยด้วย ท่านผู้ชมเห็นด้วยไหม

สาม กระทรวงสาธารณสุข ที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นเจ้ากระทรวง ก็มีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยนี้ และเป็นต้นเหตุให้เกิดความวุ่นวายไปด้วยอย่างชนิดที่ไม่มีทางเลี่ยงได้ แต่สำหรับผมแล้ว มาในรูปแบบสมรู้ร่วมคิดโดยไม่ได้ตั้งใจ

นอกจากความมีจิตใจคับแคบและดูถูกภูมิปัญญาของบรรพบุรุษตัวเองแล้ว ยังมีหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขอีกหน่วยงานหนึ่ง คือ องค์การอาหารและยา หรือเรียกสั้นๆ ว่า อย.


มีส่วนสำคัญในการทำให้เหตุการณ์ต่างๆ มันเลวร้ายลงไปมากกว่าที่มันควรจะเป็นในการต่อสู้กับโรคระบาด มันจะมีอุปกรณ์อยู่มากมายหลายอย่างที่สามารถจะส่งเข้าถึงมือประชาชนให้ช่วยตัวเองได้ แต่ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า มันติดอยู่ตรงคำพูดที่ค่อนข้างจะบัดซบมากในสายตาของผม คือคำพูดที่ว่า "ต้องให้ อย. อนุมัติ"

ท่านผู้ชมครับ ในสภาวะปกติ อย. จะใช้เวลานานแค่ไหนก็ตาม ในกรณีที่คนส่งเรื่องแล้วไม่จ่ายเงินให้เจ้าหน้าที่ อย. หรือจะใช้ความเร็วแค่ไหนก็ตาม ถ้าคนส่งเรื่องแล้วยอมจ่ายเงินให้ อย. ก็ไม่เป็นไร ก็จะเร็ว ไม่เป็นไรท่านผู้ชม สำหรับผมแล้ว ความบัดซบแบบนี้ผมรู้มานานแล้วว่าในองค์การอาหารและยาเป็นเช่นนี้จริง ท่านผู้ชมครับ ไม่ว่าจะเปลี่ยนเลขาฯ อย. มากี่คนก็ตาม ความบัดซบและความฉิบหายเช่นนี้มีอยู่ตลอดเวลา และก็ไม่เคยหายไป


ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ชุดตรวจโควิด ในโลกนี้มีไหมที่ราคาถูก ที่ประชาชนสู้ได้ มีครับท่านผู้ชม ในยุโรป ห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ ในเยอรมนี ท่านผู้ชมเดินข้าไปได้เลย ซื้อชุดตรวจโควิด ตรวจด้วยตัวเอง ท่านผู้ชมทายสิว่าราคาเท่าไร ? 5 ยูโร หรือ 200 บาท ในประเทศจีน ส่งชุดตรวจโควิดออกขายทั่วโลก ได้รับการรับรองมาแล้ว ราคาไม่เกิน 200 บาท ถามว่ามีการนำเข้ามาไหม ? มี แต่ถ้ามีแล้วทำไมไม่กระจาย ก็เพราะว่า อย. จะรับรองให้เฉพาะคนที่มีความสนิทสนม หรือเจ้าประจำ หรือของพวกนักการเมือง แทนที่จะเปิดเสรีให้ชุดตรวจได้รับการรับรองจากประเทศของเขา ไม่ว่าจะเป็นยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น จีน ให้เข้ามาได้ ไม่ต้องไปสร้างกำแพงหรือเขาวงกตด้วยคำพูดที่ว่า "ต้องรอให้ อย. อนุมัติ"

ท่านผู้ชมครับ ผมดูลิสต์ราคาการตรวจโควิดประชาชนคนไทยที่ต้องเสียตั้งแต่ 2,000-7,000 บาท ขึ้นอยู่กับประเภทโรงพยาบาล หรือห้องแล็บ เทียบกับ 200 บาท ที่ประชาชนสามารถจะซื้อและตรวจเองได้ นี่เป็นคณิตศาสตร์เบื้องต้น


ท่านผู้ชมไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิทยาศาสตร์โนเบลไพรซ์ ก็สามารถจะคำนวณได้ ขอประทานโทษครับ ใช้หัวแม่ตีนนับก็ยังได้เลยว่าถูกกว่ากันเยอะ ไม่ต้องเอาราคา 7,000 เอาแค่ 2,000 กับ 200 บาท ก็สิบเท่าแล้ว ถ้าประชาชนรู้ว่าตัวเองติดโควิด หน้าที่ของรัฐ ต้องให้คำแนะนำ วิธีการแก้ ต้องให้เขาพำนักอยู่ที่บ้าน ไม่ใช่พอตรวจโควิด เจอปั๊บต้องแอดมิตทันที ด้วยเหตุผลเพราะคำอ้างของ พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ ไม่ได้ ต้องเข้าโรงพยาบาล

ถ้าประชาชนสามารถจะกักตัวที่บ้าน ทานยาสมุนไพร ให้ดูอาการตัวเอง ซึ่งระบบการดูแลตัวเองถ้าติดโควิด มีอยู่หลายแบบ ท่านผู้ชมครับ แม้กระทั่งคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล โรงพยาบาลศิริราช ยังแนะนำมาว่า สามารถจะรักษาตัวเองในเบื้องต้นได้ เช่น ให้กินน้ำอุ่น น้ำขิง กินหอมแดงสดๆ โรยเกลือ อันนี้คือสิ่งที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลศิริราช แนะนำมา ตากแดดมากๆ เพื่อให้ได้รับวิตามินดี เพราะจากการค้นพบ คนที่ติดโควิดแล้วลงปอดนั้น ระดับวิตามินดีต่ำมาก วิตามินดี ก็คือพลังงานแสงอาทิตย์ที่เข้ามาสู่ร่างกายเรา

คู่มือการช่วยเหลือตัวเองพวกนี้มันจะปลดแอกภาระที่หนักมาก อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า เพราะว่าถ้าไปตรวจโควิดที่ไหน ถ้าเจอต้องรีบแอดมิต เข้าโรงพยาบาลทันที โรงพยาบาลก็รับไม่ได้เพราะเตียงเต็ม ก็เลยเข้าไปอยู่โรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาลที่แอดมิตไป ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเข้าไปอยู่แล้วทำอะไร ? นอนเฉยๆ รอดูอาการ ถ้าอาการเริ่มรุนแรงก็เริ่มเข้ารักษา ก่อนหน้านั้นก็ใช้พาราเซตามอลทานกัน อาการหนักจริงๆ ถึงเริ่มเข้ามารักษากันอย่างจริงๆ


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเป็นเช่นนั้น มีหลายคนเลยที่นอนโรงพยาบาลสนาม หรือโรงพยาบาล พอผ่านไปสักพักหนึ่ง ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทาน สู้ได้ ก็ออกจากโรงพยาบาลกันเป็นแถว แสดงว่ากฎหมาย พ.ร.บ.โรคติดต่อ มันล้าสมัย มันต้องดัดแปลงแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์ ใช่ไหมท่านผู้ชม

ทำไมถึงไม่ให้กักตัวที่บ้าน ? กำหนดวิธีป้องกัน ให้แยกที่ บ้านมีอยู่สองห้อง หรือมีอยู่ห้องเดียว แต่คนไม่เยอะ 4-5 คน ให้คนที่ติด นอนในห้อง ที่เหลือแยกออกมานอนในห้องรับแขก เอาเสื่อปูกันได้ ไม่ได้เป็นเรื่องราวยากเย็น แต่ในสลัมที่ห้องหนึ่งนอนกัน 6-7 คน ตรงนี้ต้องแจ้งให้ทางรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มารับคนๆ นี้ไปนอนโรงพยาบาลสนาม แล้วที่สำคัญ ต้องมีแพทย์แผนไทยโบราณที่มีอยู่ 30,000 กว่าคน เอามาใช้ให้เป็นประโยชน์ ให้เข้ามาดูแล แต่การที่จะให้แพทย์แผนไทยหรือแพทย์ใดก็ตาม เข้าไปดูแลคนที่กักตัวอยู่ที่บ้านนั้น ก็อีกล่ะ ผิดกฎหมาย ผิดกฎหมายโรคติดต่อ เหมือนกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ตอบคำถามฝ่ายค้านในสภาฯ ที่เขาถามว่าทำไมไม่จองวัคซีนล่วงหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านก็ตอบทื่อๆ เหมือนข้าราชการทั่วไป คือตอบว่า กฎหมายไม่อนุญาตให้มีการวางมัดจำ


ท่านผู้ชมครับ นี่ก็ตลกร้ายอีกข้อหนึ่ง ทั้งสองประเด็น ว่าไม่สามารถที่จะเอาหมอเข้าไปดูแลคนไข้ที่กักตัวอยู่ที่บ้าน เพราะข้ดข้อกฎหมาย และท่านนายกฯ บอกว่าไม่สามารถจะเอาเงินเข้าไปจองวัคซีนได้ เพราะว่าผิดกฎหมาย เป็นตลกร้ายจริงๆ ที่สะท้อนถึงวุฒิภาวะของผู้นำ

ท่านผู้ชม ตลกร้ายที่หัวเราะไม่ออกจริงๆ คิดมุมไหนก็หัวเราะไม่ออก เอาคนมาจี้รักแร้ ซึ่งผมเป็นคนบ้าจี้ ก็หัวเราะไม่ออก ท่านนายกฯ ครับ กฎหมายร่างด้วยคน สามารถลบด้วยคนได้ด้วยเช่นกัน นี่คือตรรกะธรรมดาสามัญที่สุด และหลายต่อหลายครั้งในอดีต เรามีความจำเป็นที่จะต้องทำเรื่องอะไรบางอย่างที่กฎหมายปัจจุบันไม่อนุญาต ทุกรัฐบาลก็จะใช้วิธีออกพระราชกำหนด เพื่อให้อำนาจในการทำเรื่องต่างๆ เหล่านี้ให้ถูกกฎหมาย ที่กฎหมายไม่อนุญาต ทำได้ มองย้อนหลังไป แล้วที่คุณเข้ามายึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งเมื่อปี 2557 กฎหมายเขาห้ามไม่ให้คุณปฏิวัตินี่ ไม่ให้คุณใช้อำนาจปืนมาข่มขู่คน แต่คุณก็ทำ ใช่ไหม แล้วคุณก็ใช้มาตรา 44 อย่างพร่ำเพรื่อมาตลอด คุณยังทำมาได้ แต่นี่มันเป็นเรื่องความเป็นความตายของประชาชนทั้่งประเทศ ทำไมถึงปัดสวะอ้างไปง่ายๆ ว่ากฎหมายไม่ให้ทำ ผมไม่อยากจะพูดว่านี่คือวุฒิภาวะของผู้นำประเทศ แต่ผมมีความรู้สึกว่านี่คือข้อบกพร่องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ให้อภัยไม่ได้เลย ในฐานะที่เป็นผู้นำ

ท่านผู้ชม ภาพสะท้อนของเรื่องนี้ขอย้อนกลับไปการตั้งข้อสังเกตของผมมาตั้งแต่ต้น ว่าท่านนายกรัฐมนตรี ท่านไม่ใช่นายกรัฐมนตรีของประชาชนคนไทย แต่ท่านเป็นหัวหน้ามาเฟียที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือหัวหน้าหน่วยราชการ ที่เอะอะอะไรก็อ้างกฎหมายขึ้นหน้า ท่านผู้ชมครับ พฤติกรรมแบบนี้เป็นพฤติกรรมของข้าราชการไทยที่ถูกฝังอยู่ใน DNA มาตั้งแต่วันแรกของการเข้ามาเป็นราชการ 7 ปีที่ผ่านมา ถึงจะมีพรรคการเมือง มีการเลือกตั้ง ที่อาจจะดูเหมือนเป็นประชาธิปไตยอยู่บ้าง แต่ในข้อเท็จจริงแล้วเราปฏิเสธไม่ได้ว่าแท้ที่จริงแล้วประเทศไทยถูกขับเคลื่อนโดยระบบราชการ ที่มีหัวหน้าระบบ ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มันก็เลยทำให้เราไปไหนไม่ได้

ในสภาวการณ์การระบาดเช่นนี้ รัฐ ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่แค่ไหนก็ตาม ไม่สามารถจะรองรับความทุกข์ยาก ความเจ็บปวดของประชาชนทั้งประเทศได้ แม้แต่ประเทศอย่างอเมริกา อย่างอังกฤษ หรือประเทศในยุโรป ก็มีประสบการณ์เช่นนี้มาแล้ว วิธีเดียวที่จะทำให้ความหนักหนาสาหัสของเรื่องโรคระบาดที่ประชาชนทุกคนต้องแบกรับ เราต้องสร้างโอกาสและหาทางผลักดันให้ประชาชนช่วยดูแลตัวเอง ตลอดจนรักษาตัวเองด้วย อำนาจรัฐ รัฐมีหน้าที่อะไร ? รัฐมีหน้าที่สนับสนุน อำนวยความสะดวก ให้องค์ความรู้ ซึ่งองค์ความรู้ตรงนี้สำคัญมาก รัฐต้องเปิดกว้าง ยอมรับการรักษาในทางเลือกหลายๆ ทาง เหมือนอย่างที่ประเทศจีน เขาทำมานานแล้ว ประสบผลสำเร็จอย่างมากในการบูรณาการสมุนไพรตามตำรับตำราจีนโบราณ


เขาบูรณาการเข้ากับแพทย์แผนปัจจุบันของจีน เวลาคุณติดเชื้ออยู่ที่จีน แล้วจีนบอกให้กักตัวอยู่ที่บ้าน เขาจะมีลิสต์เลยว่าจะรักษาด้วยยาอะไร เพราะแต่ละยาที่เขาลิสต์มานั้น ได้ผลหมด แล้วยาทั้งหลายที่เขาลิสต์มานั้น หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แสดงว่า อย. จีน มันดีกว่า อย. ไทยหรืออย่างไร ? ไม่ใช่ เขามีเหตุมีผลมากกว่า อย. ไทย เพราะ อย. ไทย บอกว่าต้องให้ อย. อนุมัติก่อน

แล้ววัคซีนที่เข้ามาในประเทศไทย ที่คุณให้เข้ากันนั้น คุณใช้เวลานานแค่ไหนในการอนุมัติ ก็มาถึงปั๊บ พรุ่งนี้คุณก็อนุมัติเลยนี่ ไม่มีอะไรทั้งสิ้น แล้วทำไมคุณอนุมัติได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ผู้ป่วยของจีนสามารถรักษาที่บ้านได้ มียารักษาหลายประเภท รวมตั้งแต่ศาสตร์ทางตะวันตก ศาสตร์ทางตะวันออกให้เลือก ตลอดจนยาประเภทเหล่านี้ล้วนหาซื้อได้ทั่วๆ ไป ประเทศไทยจะทำอย่างนี้ได้ นายกรัฐมนตรีที่ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องแหกกรอบความคิดเดิมๆ ที่ฟังแต่พวกหมอรอบตัวเอง ซึ่งคนพวกนี้จะกลับไปในวังวนเดิมก็คือสมุนไพรไทยไม่มีการวิจัย ท่านผู้ชมครับ ตรงนี้ยิ่งพูดออกมา ยิ่งสะท้อนให้เห็นปัญหาที่แท้จริงของบุคลากรทางการแพทย์ที่มีอำนาจในการตัดสินในการใช้ยาต่างๆ ว่าคนพวกนี้เป็นคนที่มีจิตใจคับแคบ ในช่วงที่ยังไม่มีวิกฤตแบบนี้ บุคลากรทางการแพทย์ที่มีอำนาจอยู่ในกระทรวงสาธารณสุข กลับไม่เคยให้ความสนใจในการทุ่มเทการวิจัยให้กับยาที่มาจากสมุนไพร ซึ่งเป็นภูมิปัญญาโบราณ

เอะอะอะไรคุณก็อ้างว่าไม่มีงานวิจัย แล้วในยามปกติ ว่างเว้นจากการรับค่าคอมมิชชันจากยาจากต่างประเทศแล้ว ทำไมคุณไม่ส่งเสริม ถ้าคุณมีอำนาจอยู่ในกระทรวง ให้มีงานวิจัยสมุนไพรไทยบ้างล่ะ ไม่มี กรมการแพทย์แผนไทยฯ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต้องทำงานด้วยตัวเอง ถ้าเป็นนโยบายกระทรวง ถ้าเป็นนโยบายรัฐบาล เฮ้ย เอามาสิ ฟ้าทะลายโจร กระชาย โน่นนี่นั่น ยาขาว ที่ขึ้นบัญชีแล้ว เป็นยาแห่งชาติ เอามาวิจัยหน่อยซิ ทดลองให้คนกินดูว่าเป็นอย่างไร มีนักศึกษาแพทย์ หรือคนที่เป็นเภสัชกรก็สามารถให้การวิจัยได้


แม้กระทั่งเภสัชกรของโรงพยาบาลอภัยภูเบศร บางคนก็ยังซื่อบื้อ วันนั้นผมดูคลิปคนหนึ่ง ดิฉันชื่อ ... ผมขี้เกียจเอ่ยชื่อ เป็นเภสัชกรของโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ขอยืนยันว่า ฟ้าทะลายโจรไม่สามารถจะหยุดยั้งเชื้อได้ คุณเภสัชกร คุณรีบโทรไปหาอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ หน่อยซิว่าเขารักษาคนที่ติดเชื้อโรคระบาดนี้ 300 กว่าคน หายได้เกือบหมด 99 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้ฟ้าทะลายโจร รีบๆ โทรไป คุณอย่าโชว์โง่ได้ไหม คุณที่เป็นเภสัชกรโรงพยาบาลอภัยภูเบศร ซึ่งผมดูคลิปคุณ รีบหน่อย ขอร้อง รีบกลบความโง่ของคุณหน่อย

ท่านผู้ชมครับ กระทรวงสาธารณสุขไม่เคยให้ความสนใจในการทุ่มเทงานวิจัยจากยาที่มาจากสมุนไพร ซึ่งเป็นภูมิปัญญาโบราณ ถ้าผมจำไม่ผิด มีคนเดียวที่น่าจะได้รับการยกย่องสรรเสริญมากที่สุด คือ นายแพทย์อวย เกตุสิงห์ ท่านเป็นผู้บูรณาการยาสมุนไพร กับแพทย์แผนปัจจุบัน ที่เกิดกลุ่มอายุรเวช ที่มีความรู้ความสามารถเหนือขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งของแพทย์แผนไทยโบราณ น่าเสียดาย วิสัยทัศน์การเข้าใจปัญหาโรคภัยไข้เจ็บของคุณหมออวย ไม่มีผู้ใดสืบทอด คำว่าไม่มีผู้ใดสืบทอดก็ไม่ใช่ มี แต่คนระดับที่ชื่อเสียงอย่างหมออวย เกตุสิงห์ วันนี้ผมให้นายแพทย์ปิยะสกล ซึ่งเป็นที่ปรึกษาใหญ่ของ พล.อ.ประยุทธ์ มาพูดเรื่องนี้ มาเดินทางต่อจากหมออวย แกคงหัวเราะเยาะ แกไม่ถุยน้ำลายใส่ผมก็บุญแค่ไหนแล้ว เพราะแกเชื่อทางแพทย์ตะวันตกมาก 100 เปอร์เซ็นต์


ยกตัวอย่าง ยาฟ้าทะลายโจร หรือกระชายขาว และยังมียาสมุนไพรอื่นๆ อีกมากมายที่บรรพบุรุษเราได้พิสูจน์มาเป็นเวลาสิบๆ หรือร้อยปี ก็รักษาได้ แต่ไม่ได้รับการยอมรับ เหตุผลเพราะว่าขาดงานวิจัย ในช่วงการค้นพบว่ายาฟาวิพิราเวียร์ ที่ญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิต สามารถที่จะยับยั้งการเจริญเติบโตของโรคนี้ได้ และหลายประเทศก็สั่งซื้อยานี้ ตลกร้ายที่สุด บัดซบที่สุด ก็คือยานี้ก็ยังไม่ได้มีการวิจัยในมาตรฐานที่แพทย์ไทยมีอำนาจในประเทศไทยต้องการ แล้วทำไมคุณเอามาใช้ได้ล่ะ

ฟ้าทะลายโจร มีฤทธิ์ที่สามารถระงับยับยั้งการอักเสบของร่างกาย ตลอดจนแก้ปัญหาเรื่องหวัดได้มานานแสนนาน คนโบราณเขาปลูกฟ้าทะลายโจร พอเขาเริ่มเป็นหวัด เขาเด็ดใบ ล้างให้สะอาด แล้วเขาเคี้ยวกินเลย 1-2 วันหายทันทีจากหวัด ตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ย่า พ่อแม่เรา ท่านผู้ชมครับ การเดินทางของฟ้าทะลายโจรต้องใช้เวลาเกือบร้อยปี กว่าจะมีการยอมรับได้อย่างเป็นทางการ เมื่อปี 2562 ที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ออกมาแถลงข่าวว่าฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ยาที่แก้อักเสบและระงับการเจริญเติบโตของโรคระบาดได้ ต่อเนื่องมาจนไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมานี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็ออกมาแถลงข่าวถึงคุณประโยชน์ของฟ้าทะลายโจรเช่นกัน

ท่านผู้ชมครับ เป็นปกติธรรมดาของสังคมไทย ทันทีที่คุณประโยชน์ฟ้าทะลายโจรถูกยืนยันจากผู้มีอำนาจในรัฐบาลและในกระทรวง ก็เกิดปรากฏการณ์ของโจรขึ้นมา ฟ้าทะลายโจร แต่ดันมีโจรขึ้นมากลุ่มหนึ่ง บริษัทยาขนาดใหญ่ในประเทศไทยต้องการจะรังแกประชาชนอีก ซึ่งประเด็นนี้เดี๋ยวผมจะพูดเป็นอีกเรื่องหนึ่งให้ฟัง

อิทธิพลของบริษัทยาตะวันตกได้แทรกซึมเข้ามาในวิชาชีพแพทย์ในประเทศไทย และมีอิทธิพลในกรอบความคิดของคนเหล่านั้น เมื่อเปรียบเทียบการใช้ฟ้าทะลายโจรเพื่อรักษาโรคระบาด 


แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก บอกว่า ฟ้าทะลายโจรปลูกได้ง่าย ต้นทุนการรักษาผู้ป่วย 1 ราย จากโรคระบาดเพียง 180 บาท เปรียบเทียบกับยาฟาวิพิราเวียร์ ผู้ป่วย 1 คน ต้องใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ประมาณ 420 บาท แพงกว่าฟ้าทะลายโจรสามเท่า


นี่ยังไม่นับถึงที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้ทำการรักษาผู้ติดเชื้อโรคระบาดที่ผมได้อธิบายไปแล้ว 300 กว่าคน สามารถรักษาหายขาดได้ใน 5 วัน คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ของการหายขาด 99 เปอร์เซ็นต์ เขามีสถิติเสร็จเลย เก็บเอาไว้ ใช้ฟ้าทะลายโจรรักษาโรคระบาด เชื้อลงปอด 0.97 เปอร์เซ็นต์ ยังไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ เลย แต่ถ้าไม่ใช้ฟ้าทะลายโจร เชื้อลงปอด 14 เปอร์เซ็นต์ ระหว่าง 0.97 เปอร์เซ็นต์ กับ 14 เปอร์เซ็นต์ ต่างกันอย่างมหาศาล ตรงนี้ ทำไมคนที่ต่อต้านสมุนไพรไทยไม่เข้ามาดูบ้าง ข้อมูลเขามีหมดแล้วที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ผมสงสารเขาที่สุด เขาเป็นกลุ่มบุคคลที่โคตรจะโดดเดี่ยวในกระทรวงสาธารณสุขเลย เพราะเขาอยู่ท่ามกลางคนที่นับถือฝรั่งเป็นพ่อ น่าเห็นใจ พวกเราต้องให้กำลังใจคุณหมออัมพร ต้องให้กำลังใจคนที่ทำงานอยู่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ต้องให้กำลังใจเขา

ตรงนี้ล่ะท่านผู้ชม คณะที่ปรึกษาทางการแพทย์นายกรัฐมนตรี หรือแม้กระทั่งตัวนายกรัฐมนตรีเอง ก็น่าจะฟังผลพวงการรักษาที่เกิดขึ้นจากภูมิปัญญาของบรรพบุรุษของเราและของท่านนายกรัฐมนตรีไว้บ้าง ท่านผู้ชมครับ แม้แต่โรงพยาบาลสนามที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์


ซึ่งคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อนุญาตให้ใช้ฟ้าทะลายโจรได้ ผลออกมาเหมือนกันกับผู้ป่วยจำนวน 304 คน ที่กรมการแพทย์แผนไทยฯ ได้รักษาและหายไป 97 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 5 วัน ผลออกมาเหมือนกันเลย ท่านผู้ชมครับ ข้อต่อตรงนี้เป็นข้อต่อที่จะทำให้ความทุกข์ยาก โศกศัลย์ของคนไทยสามารถจะบรรเทาลงไป จาก 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือไม่ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ แต่เงื่อนไขที่จะทำให้เรื่องนี้เกิดขึ้น ต้องทำอะไรบ้าง ?

หนึ่ง ต้องมีชุดตรวจราคาถูก ให้มีการนำเข้าที่ต้องไม่ถูกลากถ่วงโดย อย. ต้องเปิดเสรี หากสินค้าที่ผลิตมาจากประเทศนั้นได้รับการรับรอง ยอมรับอย่างแพร่หลาย เหมือนอย่างที่ผมพูดไว้ว่า ในยุโรปชุดตรวจราคาไม่เกิน 5 ยูโร หรือ 200 บาท ตลกร้ายที่บัดซบเกี่ยวกับชุดตรวจนี้ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า โรงพยาบาลตำรวจ ก็ใช้ชุดตรวจแบบ 200 บาทนี้


ถ้าโรงพยาบาลตำรวจใช้ได้ผล ทำไมคนอื่นใช้ไม่ได้ ผมถามว่าแล้วประชาชนที่เขาไปเข้าคิวตรวจกัน 3,000 / 5,000 / 7,000 จะทำอย่างไร ฉะนั้นคนไทยต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจโรคระบาดที่ใช้ชุดตรวจราคาถูก และตรวจได้ด้วยตัวเอง

สอง ต้องมีการออกพระราชกำหนดให้แพทย์สามารถจะเข้าไปดูแลตรวจสอบผู้ติดเชื้อจากโรคระบาดนี้และพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านได้

ท่านนายกฯ ครับ ท่านอย่าไปเชื่อไอ้หมอแก่ๆ ที่บอกว่าไม่ได้ โรคระบาดต้องมีโน่นนี่นั่น วิกฤตของชาติ นี่คือวิกฤตหรือเปล่า ? ถ้าเป็นวิกฤต มีข้อยกเว้นได้ไหม ? ถ้าติดกฎหมาย ออกพระราชกำหนดสิ แล้วท่านก็มีอำนาจอยู่แล้ว ท่านกุมอยู่ 31 ฉบับตอนนี้ ท่านก็สั่งการไปได้เลย ถ้าท่านต้องการจะช่วยชาติให้พ้นวิกฤต

อย่างที่ผมเรียนบอกว่า ถ้าบ้านอยู่อย่างแออัด ต้องแยกผู้ตรวจเชื้อนี้แล้วส่งเข้าโรงพยาบาลสนาม แล้วดำเนินการรักษาต่อไปเพื่อไม่ให้คนข้างเคียงต้องติดเชื้อกันเป็นกลุ่มก้อน

เอาล่ะ โรงพยาบาลสนาม อย่างเช่นธรรมศาสตร์ เขาเปิดโอกาสให้คนที่สามารถจะรักษาโรคระบาดนี้ได้ด้วยฟ้าทะลายโจร ก็ถามคนไข้เสียหน่อยว่าจะเอาฟ้าทะลายโจรหรือจะรักษาด้วยยาของฝรั่ง สุดแล้วแต่เขา แล้วก็ต้องให้แพทย์แผนไทยเข้าไปเพื่อดูความคืบหน้าของการรักษาด้วยฟ้าทะลายโจร

สาม ประกาศออกมาว่าการรักษาโรคระบาดนี้สามารถใช้ยาสมุนไพรไทย เช่น ฟ้าทะลายโจร ในการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อนี้ หรือใช้ยาจากต่างประเทศ คือ ฟาวิพิราเวียร์ ประกาศออกไปเลย เอาฟ้าทะลายโจรขึ้นชั้นเทียบกับยาฝรั่งเสียหน่อย ไม่เสียหาย ในเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพูดแล้ว ปลัดกระทรวงก็พูดแล้วเมื่อปี 62 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขพูดเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว มันจะผิดตรงไหนถ้าคุณประกาศออกไปเลยว่าใช้ทั้งสองประเภทรักษาได้ ถ้าคุณไม่กล้าประกาศ ก็แสดงว่าคุณนับถือฝรั่งเป็นพ่อ

สี่ ส่งเสริมการปลูกฟ้าทะลายโจร รัฐต้องทำหน้าที่ให้เงินอุดหนุน หาเมล็ดพันธุ์ให้ และให้ฟ้าทะลายโจรที่เอามารักษานั้น ต้องเป็นอย่างหยาบ ไม่ใช่เน้นไปที่การสกัดสารแอนโดรกราโฟไลด์ (ANDROGRAPHOLIDE) ท่านผู้ชมครับ ผมอธิบายตรงนี้นิดหนึ่ง


ฟ้าทะลายโจร เมื่อเอามาบีบสกัดแล้วมันจะมีสารแอนโดรกราโฟไลด์ สารแอนโดรกราโฟไลด์มีคนตีความว่าสามารถจะรักษาโรคระบาดได้ แต่ไม่ใช่ครับ การสกัดเอาเฉพาะสารนั้นออกมาอย่างเดียวรักษาไม่ได้ ต้องเป็นการทำฟ้าทะลายโจรแบบหยาบ แบบหยาบก็คือ เอาใบ เอากิ่ง เอาอะไรมาตากแดดให้แห้ง แล้วเอามาตำในครกให้มันละเอียดเป็นผง ถ้าสมมุติว่ากินฟ้าทะลายโจรวันละประมาณ 4 เม็ดต่อมื้อ เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน 16 เม็ด


4 เม็ดต่อมื้่อ ก็เท่ากับ 1 มื้อ เท่ากับใช้ช้อนกาแฟ 2 ช้อนตักฟ้าทะลายโจรที่ตำเป็นผงกินเข้าไปได้ เช้ากิน 2 ช้อน กลางวันกิน 2 ช้อน เย็นกิน 2 ช้อน ก่อนนอนกิน 2 ช้อน นี่คือทั่วๆ ไป ประชาชนสามารถปลูกฟ้าทะลายโจร แล้วก็เอาฟ้าทะลายโจรไปตากแห้ง เอาใบตากแห้ง เอาก้านไปตากแห้ง ให้แห้งๆ เลย แล้วก็ตำ รักษาตัวเองได้ เพราะว่าคนที่ใช้ฟ้าทะลายโจร ร้อยทั้งร้อยที่เป็นหวัด พอกินฟ้าทะลายโจรเข้าไป 2 วันหายขาด ไม่ต้องกินทิฟฟี่ ไม่ต้องกินดีคอลเจน ไม่ต้องกินแอนตีไบโอติกทั้งสิ้นเลย เพราะรักษาการอักเสบได้ด้วย นี่คือยาช่วยชีวิตประชาชนทั่วประเทศไทย คุณไม่ส่งเสริม แล้วคุณจะส่งเสริมยาฝรั่งไปได้อย่างไร ก็ในเมื่อมันพิสูจน์แล้ว ไม่มีงานวิจัย คุณก็ทำสิ งานวิจัย คุณอ้างอย่างนี้เพราะคุณอยากซื้อยาฝรั่งใช่ไหม


ดร.สุภาพร ภูมิอมร ท่านอยู่ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ท่านได้วิจัยผลการทดสอบระหว่างผงหยาบ ก็คือเอาใบฟ้าทะลายโจร กับกิ่งก้านตากแห้งแล้วตำ บางคนก็ทำเป็นอุตสาหกรรมในครอบครัว บางคนก็ทำเป็นโรงงาน ก็คือเอาผงพวกนี้ผสมเป็นแคปซูล เขาเรียก ผงหยาบ ดร.สุภาพร ยืนยันว่า วิจัยผลการทดสอบระหว่างผงหยาบของฟ้าทะลายโจร ว่าผงหยาบฟ้าทะลายโจรสามารถยับยั้งโรคระบาดและต้านการเพิ่มจำนวนของโรคระบาดได้ดีกว่าการสกัดเฉพาะสารแอนโดรกราโฟไลด์ที่ถูกสกัดออกมา ผงหยาบนั้นคืออะไร ผมอธิบายให้ฟังเรียบร้อยแล้ว

เพราะฉะนั้นแล้ว มันก็มีบริษัทยาที่หัวใส มันเห็นปลัดกระทรวงสาธารณสุขพูด และรัฐมนตรีมายืนยันอีกที มันก็เริ่มคิดทำตัวเป็นโจรแล้ว บอกว่าถ้าฟ้าทะลายโจร มันต้องพึ่งสารแอนโดนกราโฟไลด์ ถ้าอย่างนั้นเอามาสกัดเฉพาะสารอย่างเดียวแล้วเอามาขายดีกว่า ก็เลยเผยแพร่ข้อมูลที่ผิด เพราะว่าอาจารย์ ดร.สุภาพร ภูมิอมร ท่านพูดชัดเจน จากการวิจัยของท่านแล้ว ผงหยาบได้ผลมากกว่ากินเฉพาะสารสกัด แต่เจ้าของบริษัทสารสกัดร่วมมือกับคนบางคนในกระทรวงสาธารณสุข และ อย. แต่ไม่กล้าประกาศออกมา เพราะว่าไม่มีผลการวิจัยรองรับ แล้วมันก็จะทำการผูกขาดตรงนี้ ข้อเท็จจริงก็คือว่า มันรักษาสู้ฟ้าทะลายโจรที่ชาวบ้านเขาทำกันเองไม่ได้ เพราะว่ามีการวิจัยจากนักวิจัยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เรียบร้อยแล้ว เห็นหรือยังว่ามันชั่วขนาดไหน


มันต้องการจะผูกขาดกับบริษัทยาไม่กี่แห่งที่สกัดสารแอนโดรกราโฟไลด์ออกจากฟ้าทะลายโจร และอ้างว่ารับประทานสารนี้โดยตรง ซึ่งเป็นสารสกัด จะได้ผลมากกว่าแบบผงหยาบที่ทำขึ้นมาโดยชาวบ้านและทำมานานแล้ว ปัจจุบันนี้บริษัทโจรพวกนี้ รวมทั้งบริษัทยาในต่างประเทศ เริ่มใช้วิธีการตลาดแบบสกปรก เพื่อทำลายธุรกิจของหมอแผนโบราณ ทำลายการพึ่งพาตัวเองของชาวบ้าน เป็นพฤติกรรมที่เลวทรามต่ำช้ามาก เพราะเป็นการหวังผูกขาดความร่ำรวยของคนไม่กี่คนในการหลอกประชาชนในภาวะวิกฤตนี้ บริษัทพวกนี้ใช้วิธีสกปรก ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องต่อประชาชน ที่น่าสนใจคือ อย. และกระทรวงสาธารณสุข ไม่ได้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน ไม่มีการลงโทษบริษัทยาที่มีพฤติกรรมแบบนี้

ท่านผู้ชม จำง่ายๆ เชื่อผม ถ้าท่านจะไปซื้อฟ้าทะลายโจร ถ้าเกิดมีขึ้นมา ไม่ขาดตลาด แล้วมียายี่ห้อหนึ่งที่มันบอกว่าเป็นยาสกัดจากฟ้าทะลายโจร มาเป็นเฉพาะสารแอนโดรกราโฟไลด์ ท่านผู้ชมอย่าไปซื้อ มันรักษาไม่ได้ อย่าไปซื้อ เพราะมันโกหก กลับไปซื้อยาฟ้าทะลายโจรที่เป็นผงที่อยู่ในแคปซูล อย่างนั้นดีกว่า รักษาได้ เพราะว่ามีการวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ออกมาแล้วชัดเจน ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ บอกต่อๆ กันไป เอาให้มันขายไม่ออก บริษัทไหนถ้าทำสารสกัดแอนโดรกราโฟไลด์ขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อรักษาโรคระบาด หรือรักษาโรคหวัด อย่าไปซื้อมัน เพราะมันทำไม่ได้ แล้วมันก็ไปใส่ความบอกว่า การที่ทานแบบหยาบนั้นจะทำให้ตับไตเสีย ซึ่งไม่จริง เพราะว่ามันมีส่วนผสมของต้นฟ้าทะลายโจรหลายๆ ส่วนที่มันไม่ได้ทำให้ตับไตเสียเหมือนอย่างที่มันกล่างอ้าง


ท่านผู้ชมครับ พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ทวดเรา ทำกันมานานแล้ว ภูมิปัญญาไทยของแพทย์แผนไทยก็ทำกันมานานแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น พอจะเริ่มมีการผูกขาด มันเริ่มบอกว่า ของที่พ่อแม่ ปู่ย่าตายายเราทำมานั้น มันไม่ปลอดภัย ดูความเลวร้ายของมัน

ห้า ข้อบกพร่องของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ใช่ว่าไม่มี ก็มีเช่นกัน ท่านผู้ชมครับ งานสาธารณสุข งบสาธารณสุข ที่ได้รับจัดสรรมาจากงบของการแก้วิกฤตโรคระบาดครั้งนี้ ได้มา 45,000 ล้านบาท ข้อมูล ณ วันที่ 22 มีนาคม 2564 ประมาณเดือนที่แล้ว เงินส่วนนี้อนุมัติมาแล้ว 20,498 ล้านบาท ซึ่งเบิกจ่ายไปจริงแค่ 5,065 ล้านบาท เบิกจ่ายไปจริงแค่ 11.26 เปอร์เซ็นต์ ค่าใช้จ่ายในการเตรียมความพร้อมของสถานพยาบาล อนุมัติมาแล้ว 10,132 ล้านบาท ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าเบิกจ่ายจริงเท่าไร ? 0 ไม่ได้เบิกเลย ค่าใช้จ่ายในการจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ ได้รับอนุมัติมา 2,760 ล้านบาท แต่เบิกจ่ายจริงแค่ 4.1 เปอร์เซ็นต์ 111 ล้านบาท ของวงเงินอนุมัติ 111 ล้านบาท เบิกจ่ายมา 2,760 ล้านบาท อุปกรณ์การแพทย์ ค่าใช้จ่ายสำหรับรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน 1,497 ล้านบาท เบิกจ่ายจริง 3.7 เปอร์เซ็นต์ เบิกแค่ 55 ล้านบาท


ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นเพียงตัวอย่างของการใช้งบประมาณฉุกเฉิน เพราะงบประมาณพวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของการกู้เงินมาใช้ในการแก้ปัญหาโรคระบาด จำนวนเงิน 1 ล้านล้านบาท ซึ่งตัดออกมาเป็นงบสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท

ท่านผู้ชมครับ จะเห็นได้ชัดว่าปัญหากระทรวงสาธารณสุขที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นเจ้ากระทรวง ก็มีปัญหาซ่อนเร้นเช่นนี้อยู่ ผมไม่ประหลาดใจถ้ามีคนเรียกกระทรวงสาธารณสุข ว่า เป็นแดนสนธยา ท่านผู้ชมครับ ทุกวันนี้เรายังมองเห็นโรงพยาบาลของรัฐอีกหลายๆ แห่งต้องออกมาขอรับบริจาคสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็นชุด PPE เวชภัณฑ์ หรือเงินช่วยเหลือในการจัดทำโรงพยาบาลสนาม ทั้งๆ ที่งบด้านสาธารณสุขที่กันเอาไว้ยังใช้ไม่หมด เบิกไม่ถึงครึ่งเสียด้วยซ้ำ เหลือเป็นหมื่นล้าน เพราะฉะนั้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ เป็นมืออาชีพ จัดลำดับความสำคัญ สร้างความเชื่อมั่น ไว้ใจ กล้าตัดสินใจ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราฝ่าวิกฤตนี้ไปได้ มาจนถึงขณะนี้ ท่านผู้ชมคงตัดสินใจได้แล้วว่า ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และประธาน ศบค. อนุทิน ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ใครกันแน่ที่โหลยโท่ย หรือว่าโหลยโท่ยทั้งสองคน ท่านผู้ชมตัดสินใจเอาเองก็แล้วกัน ผมมีหน้าที่หงายไพ่เอาความจริงวางบนโต๊ะ ให้ท่านอ่านหน้าไพ่แล้วพิพากษากันเอง


หก ผมขอแถมพกนิดหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลั่นสัจจะวาจาว่า ภายในสิ้นปี 2564 จะฉีดวัคซีนให้ได้ 100 ล้านโดส ท่านผู้ชมครับ ผมอยากจะตั้งโจทย์ให้ท่านผู้ชมลองคิดดู บนพื้นฐานของตัวเลขที่เป็นจริง เอาคิดแบบง่ายๆ เรามีคนไทย 67 ล้านคน การจะฉีดวัคซีนให้พอเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ที่เขาเรียกว่า Herd Immunity เราต้องฉีดให้ประชากรได้อย่างน้อย 60-70 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนประชากร ซึ่งถ้าเราตียอดสูงไว้ที่ 70 เปอร์เซ็นต์ ของ 67 ล้านคน ก็เท่ากับ 47 ล้านคน ต้องใช้วัคซีนทั้งหมด 94 ล้านโดส ท่านผู้ชมครับ ตัวเลขล่าสุด ประเทศไทยฉีดแล้วแค่ประมาณ 1.5 ล้านโดส เหลืออีก 92.5 ล้านโดส ถึงจะครบ 94 ล้านโดส

ท่านผู้ชมครับ เราเหลือเวลาอีก 8 เดือน ตามคำพูดของท่านนายกฯ ว่าภายในสิ้นปีนี้ 240 วัน เมื่อเอา 98.5 ล้านโดส หารด้วย 240 วัน จะเท่ากับว่า ตั้งแต่เดือนหน้า วันนี้วันที่ 30 เมษายน ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (1 พ.ค.) เป็นต้นไป ต้องฉีดให้ได้วันละ 410,000 โดสต่อวัน หรือเร็วกว่าปัจจุบัน 5 เท่า คำถามมีว่า เราจะหาวัคซีนจากไหนวันละ 4-5 แสนโดส หรือเดือนละ 15 ล้านโดส และถ้าเราเร่งฉีดให้ได้ 4-5 เท่า เราจะมีเข็มฉีดยาพอหรือเปล่า สถานที่ เอาที่ไหนบ้าง บุคลากร เอาใครมารองรับ ท่านผู้ชมรู้ไหมเวลาฉีดวัคซีน มันต้องมีสถานที่รองรับให้เขานั่งพักหรือนอนพัก 15-30 นาที ดูอาการก่อน ขณะที่แพทย์และพยาบาลต้องรองรับผู้ป่วยที่ยังหลั่งไหลเข้ามาอย่างไม่ขาดตอน ผมจึงขอเตือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่า ท่านอย่าประกาศเพียงพูดขายผ้าเอาหน้ารอด บอกว่าให้ฉีดครบ 100 ล้านโดส คำนวณตัวเลขง่ายๆ ท่านผู้ชมคงจะรู้แล้วว่ามันยากเย็นแสนสาหัส อาจจะทำได้ถ้ามีการวางแผนที่ดี และถ้าทำจริงจัง


นี่เรายังไม่พูดถึงพฤติกรรมของคนในรัฐบาล คนในกระทรวงสาธารณสุข ข้าราชการบางคนนิสัยชอบเอารัดเอาเปรียบ ชอบผูกขาดอำนาจในการตัดสินใจทุกอย่างไว้กับตัวเอง แต่พอผิดพลาดที่ไหนก็ไม่กล้ารับผิดชอบ ไม่มีการลงโทษลูกน้อง ข้าราชการทำผิด ตำรวจเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัด

ท่านผู้ชมครับ ปัจจุบันนี้พยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ต้องแบกรับภาระในการรักษาคนไข้เอาไว้ และยังต้องมารับผิดชอบในเรื่องพวกนี้อีก ท่านผู้ชม ผมเป็นห่วง และผมไม่ต้องการให้มีความเข้าใจว่าผมกำลังบ่อนทำลาย พล.อ.ประยุทธ์ แต่ท่านผู้ชมครับ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเปลี่ยนพฤติกรรมและนิสัยการบริหารงานเสียใหม่ ท่านชอบพูดตลอดเวลาว่า ผมสั่งไปแล้ว สั่งให้จัดการแก้ไขไปแล้ว หลายๆ เรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ สั่ง อย่างเช่น ปัญหาเรื่องกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าเรื่องคดีบอส หรือหลายๆ คดี ก็จะมีการกระโดดโลดเต้นในช่วงต้นจากผู้ที่ถูกสั่ง ว่าได้ทำตามคำสั่งของนายกรัฐมนตรีแล้ว เนื่องจากนายกฯ สั่งไปแล้ว และเผอิญจะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายผมไม่รู้ DNA ของท่านนายกฯ คนนี้คืออดีต ผบ.ทบ. การสั่งทหารให้ทำอะไร ความมีวินัยของทหารก็จะทำตามที่นายสั่งอย่างเคร่งครัด แต่พอมาสั่งข้าราชการที่ชอบรักษาตัวรอดเป็นยอดดี และมีผลประโยชน์ผูกพันแทบทุกจุด นายกฯ ก็คือคนที่สีซอให้ควายฟัง และคนที่สีก็สีไปเรื่อยๆ เพราะเข้าใจว่าควายฟังแล้วจะซาบซึ้งในดนตรีที่ซอสีออกมาจากมือนายกฯ ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วเราเห็นมาตลอดว่า ซอที่นายกฯ สีนั้น เสียงซอมันเหมือนเสียงลมที่ควายผายลมออกมา ทำให้กลบเสียงซอไปหมด หลายต่อหลายเรื่องที่สั่งไปแล้วจะคึกคักตอนรับคำสั่ง แต่หลังจากนั้นแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นปัญหากระบวนการยุติธรรมที่ไม่ต้องพูด ท่านผู้ชมคงจะจำได้ทุกๆ เรื่อง และยังมีอีกหลายปัญหาในหลายกระทรวง จุดอ่อนของท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือท่านเข้าใจผิดว่าท่านเป็นคนเก่ง และท่านเข้าใจผิดว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นคำสั่งอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งในข้อเท็จจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตั้งแต่วันแรกที่ยึดอำนาจและคำมั่นสัญญาที่มีมาให้ ตลอดจนเพลงที่แต่งออกมา ทุกอย่างมันล้วนเหมือนสายลมที่พัดผ่านตัวเราไปแล้วก็หายไป

ท่านผู้ชมครับ วิกฤตโรคระบาดนี้มันให้บทเรียนอะไรเราบ้าง บทเรียนที่เราได้รับ พิสูจน์เห็นได้อย่างชัดเจน คือ

ข้อที่ 1 ชีวิตพวกเราหลังจากโรคระบาดนี้อยู่ในสภาพที่ไม่เป็นอันตรายต่อเรามากมายเหมือนก่อน ชีวิตเราจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป เราต้องปรับชีวิตใหม่ให้หมด ที่สำคัญต้องเป็นวิถีชีวิตที่ต้องพึ่งพาตัวเองให้ดีที่สุด มากที่สุด ที่สำคัญข้อหนึ่งคือเราต้องพึ่งพาภูมิปัญญาของบรรพบุรุษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องการป้องกันและรักษาตัวเอง ด้วยความรู้ที่บรรพบุรุษได้สร้างเอาไว้ และเราก็ต้องต่อยอดความรู้เหล่านั้นมา เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ในโลกยุคสมัยนี้และสมัยหน้า

ข้อที่ 2 ท่านผู้ชมครับ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องชี้ให้ชัดว่าการเป็นผู้นำคนนั้น คือการต้องเปิดใจให้กว้าง ไม่ใช่การใช้อัตตาตัวเองว่าตัวเองเก่ง เพราะการหลงตัวเองนั้นเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดทุกยุคทุกสมัยในทุกๆ เรื่อง ชาติบ้านเมืองไปไหนไม่รอด ย่ำอยู่กับที่ หรืออาจจะล่มสลายไป ก็เพราะผู้นำหลงตัวเอง ประวัติศาสตร์เคยเป็นเช่นนี้มา วันนี้ก็เป็นเช่นนี้ อนาคตข้างหน้าก็จะเป็นเช่นนี้เช่นกัน


ข้อที่ 3 คนที่อยู่ในแวดวงสาธารณสุข ถึงเวลาแล้วที่จะต้องหยุดคิดด้วยจิตใจที่เป็นธรรม คำนึงถึงประชาชนเป็นตัวตั้ง ถามตัวเองว่า เมื่อถึงความเป็นความตายของประชาชนที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ ในฐานะที่เป็นแพทย์ ผมไม่สนใจหรอกจะมาจากสถาบันไหนก็ตาม จะเก่าแก่แค่ไหน หรือจะเพิ่งตั้ง ต้องรู้จักบูรณาการความรู้รอบด้าน ไม่ใช่พึ่งแต่ศาสตร์ทางตะวันตก อดีตนั้นอุตสาหกรรมยาทางตะวันตกเกิดขึ้นได้เพราะความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของแพทย์ทางตะวันตก และการค้นพบเทคโนโลยีใหม่ๆ ในการดูแลคนเจ็บไข้ได้ป่วย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ระบบทุนเข้ามาครอบงำทุกอณูของโลกใบนี้ อุตสาหกรรมยาก็เลยกลายเป็นผู้กำหนดทิศทางของบุคลากรทางการแพทย์

ทุกวันนี้มนุษยชาติเราได้เจอโรคภัยไข้เจ็บเพิ่มขึ้น 10 เท่า 100 เท่ากว่าสมัยโบราณ และท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า โดยหลักๆ แล้วโรคภัยไข้เจ็บนี้ถูกพัฒนาและเกิดจากสิ่งแวดล้อมอันเป็นพิษที่มีต้นกำเนิดมาจากทุนนิยมที่มุ่งกำไรเป็นตัวตั้ง ชีวิตคนและสุขภาพที่ดีของคนเป็นเรื่องรอง เพราะฉะนั้นเราจึงพบว่าอุตสาหกรรมอาหาร อุตสาหกรรมเครื่องดื่ม สิ่งแวดล้อมทางสังคมที่เอาเงินเป็นตัวตั้ง เอาวัตถุนิยมเป็นตัวตั้ง ทั้งหมดนี้เข้ามากระทบชีวิตและความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ ไม่มีข้อยกเว้น แม้กระทั่งประเทศไทย โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เกิดขึ้นเพราะสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ และเกิดขึ้นเพราะคนไม่มีปัญญา ขาดสติ หลงเชื่อในแสงสีการโฆษณาชวนเชื่อ อยากให้ตัวเองสูง อยากให้ลูกตัวเองหล่อ ลูกสวย เป็นผู้หญิงก็อยากนมโต อยากผิวขาว อยากให้ฟันเรียงเป็นระเบียบ สวดสดงดงาม อยากให้ฟันขาวสะอาด ความอยากต่างๆ เหล่านี้เป็นเรื่องราวที่ก่อให้เกิดกระบวนการเสริมเติมแต่งในร่ายกาย โดยละเว้นหลักธรรมชาติของพื้นฐานของสรีระของร่างกาย บางคนไปเสริมหน้า โมหน้า ให้ดูเหมือนเทพธิดา แต่พอลูกออกมากลับกลายเป็นดูอัปลักษณ์ ไม่เหมือนพ่อแม่ บางคนกินยาบำรุง ยาเสริมทุกอย่าง เพื่อให้สวย เพื่อให้ใส เพื่อให้สุขภาพดี โดยละเลยหลักการขั้นพื้นฐานที่ธรรมชาติให้มา


ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นและเป็นตัวทำให้อุตสาหกรรมยาเข้ามาในช่องว่างตรงนี้ และมีอิทธิพลต่อโลกใบนี้ ที่สำคัญคือมีอิทธิพลต่อวงการแพทย์ที่จะต้องเกี่ยวข้องกับโรคภัยไข้เจ็บ และเกี่ยวข้องกับสรีระร่างกายของมนุษยชาติ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอยู่บนพื้นฐานของความอยากทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ ผมถึงไม่ประหลาดใจที่วงการแพทย์ในประเทศไทยนั้น ก็เลยถูกครอบงำด้วยอุตสาหกรรมยาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จะมีเฉพาะแพทย์บางส่วนที่ยังมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง ที่รู้จักวิเคราะห์และยอมรับ เปิดกระบวนทัศน์ตัวเองให้กว้างกว่าเดิมว่า ความรู้และภูมิปัญญาเก่าๆ ในเรื่องสุขภาพของคนนั้น กับการช่วยชีวิตคนนั้น มันสามารถจะบูรณาการความรู้คนโบราณเข้ามาและต่อยอดได้ แต่แทนที่จะบูรณาการหรือต่อยอด เรากลับไปดูถูกเหยียดหยามความรู้ทางเลือกที่อยู่กับสังคมที่มีมาเป็นสิบๆ ปี หรือร้อยๆ ปี

ข้อที่ 4 สังคมไทยมีระบบการปกครองที่ถ้าไม่ใช่เผด็จการ ก็เป็นประชาธิปไตยจอมปลอม เป็นการปกครองที่น่าจะมีทางเลือกได้ดีกว่าสองทางนี้ แต่ที่แน่นอนที่สุด จะเป็นการปกครองแบบไหนก็ตาม โรคภัยไข้เจ็บและโรคที่เกิดจากทุนนิยมต่างๆ เหล่านี้ก็จะยังคงอยู่กับเราต่อไป และนับวันจะมีมากขึ้น

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามีโรคระบาดประเภทหนึ่ง พอผ่านกาลความสูญเสีย ความโศกศัลย์ทั้งหลายไป ทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ก็ต้องมีโรคระบาดอีกประเภทหนึ่งซึ่งเป็นผลผลิตและผลพวงของทุนนิยมที่บ้าคลั่ง สภาพของความไม่มีทั้งสติ ไม่มีปัญญาของมวลมนุษยชาติ ผู้นำของประเทศจะต้องเริ่มใส่ใจและเริ่มคิดหาวิธีที่จะต้องพาประเทศและสังคมให้ผ่านวิกฤตพวกนี้ไปให้ได้ และต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับสังคมและประชาชนทุกคน การเปิดกว้างยอมรับความคิดในเรื่องการดูแลรักษาตัวเองนั้น จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่ลักษณะกระบวนการของการเน้นการป้องกันมากกว่าการรักษาทีหลัง

ด้วยเหตุนี้ การยอมรับภูมิปัญญาโบราณนั้น จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญที่สุดที่จะทำให้ผู้นำยุคต่อๆ ไปสามารถสร้างหลักประกันให้กับคนในสังคมได้ เมื่อใดก็ตามที่เกิดเหตุโรคภัยไข้เจ็บระบาด จะเป็นในประเทศ หรือในโลกนี้ สังคมไทย ประชาชนคนไทยก็ยังอยู่ได้ และอยู่ได้ดีกว่าทุกๆ ประเทศในโลกนี้

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นวันของการพูดป่าทั้งป่าในเรื่องโรคระบาดครั้งนี้ให้ท่านผู้ชมเข้าใจ เจาะลึกลงไปถึงพฤติกรรมของคนที่มีอำนาจ ที่ทำอะไรบ้าง ที่ผมคิดว่ายังขาดตกบกพร่องอีกมากมายพอสมควร วันนี้เป็นการพูดอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ผมไม่ใช่ติ่งใครทั้งสิ้น ท่านผู้ชม ผมเป็นติ่งประชาชน ผมเป็นติ่งประเทศไทย และผมเป็นติ่งที่มีสติและพยายามใช้ปัญญาอธิบายเรื่องราวให้ฟัง

ท่านผู้ชมครับ ยังมีอีกสองเรื่อง เรื่องหนึ่งเป็นเรื่องเล็กๆ เป็นการยืนยันสถานการณ์ที่เลวร้ายมากของการระบาดของโรคระบาดนี้ ที่ประเทศอินเดีย และผมจะต่อด้วยประเทศจีน สองประเทศนี้มีประชากรที่ใกล้เคียงกัน พันกว่าล้านคน แต่วิธีบริหารจัดการต่างกันอย่างมหาศาล เดี๋ยวเรามาดูกัน แล้วก็การบริหารจัดการป้องกันโรคระบาดที่เริ่มที่อู่ฮั่นเป็นคร้้งแรกนั้น วิธีการเขาทำกันอย่างไร ที่สำคัญ เขาลงโทษเจ้าหน้าที่อย่างไร อยากให้ดูนะครับ เราเริ่มที่อินเดียก่อน


ผมเรียกได้ว่าเป็นมหาวิกฤตของอินเดียเลย ไทยต้องระวัง อย่าเดินตามรอยเท้าอินเดีย ล่าสุดคนอินเดียติดเชื้อไปแล้ว 18 ล้านกว่าคน ตายไปแล้ว 2 แสนต้นๆ ตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน เป็นต้นมา ได้ทำลายสถิติของโลก รัฐบาลอินเดียขยายคำสั่งล็อกดาวน์กรุงนิวเดลี เมืองหลวง เพิ่มเติมจากที่เคยประกาศไปก่อนหน้านั้นอีก 1 สัปดาห์ อินเดียเผชิญกับวิกฤตระบบสาธารณสุขของอินเดียล่มสลาย ออกซิเจนไม่มีให้ คนล้มหายตายจากกัน เวชภัณฑ์อื่นๆ ยา โรงพยาบาลทุกแห่งต้องหยุดรับผู้ป่วยรายใหม่ โรงพยาบาลขาดแคลนอุปกรณ์ ขาดแคลนออกซิเจน


ว่ากันว่า ข่าวรายงานมาว่า ญาติพี่น้องตายต่อหน้าต่อตาคนที่เข้าไปเยี่ยม ทุกคนเรียกร้องความช่วยเหลือกันเต็มไปหมด แม้กระทั่งสถานที่เผาศพคนที่เสียชีวิตเพราะโรคระบาดก็ไม่พอ ต้องเผาศพกันกลางแจ้ง เดี๋ยวผมจะเอารูปให้ดู พื้นที่โล่งกลางแจ้ง ที่จอดรถ กลายเป็นที่ฌาปนกิจศพหมู่ ภาพที่เห็นนี้บันทึกเมื่อประมาณวันที่ 24 เมษายน ประมาณ 6 วันที่แล้ว ดูแล้วน่าอนาถใจมาก และนี่คืออินเดีย ภาวนาอย่าให้ประเทศไทยเป็นแบบอินเดีย ซึ่งผมคิดว่าไม่เป็น


แต่ถ้าเรายังลันล้ากันอยู่ ยังไม่กล้าพูดความจริง นี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด ไม่กล้าพูดความจริง แล้วเราปกปิด หมกเม็ด งุบงิบ เอากันง่ายๆ ท่านผู้ชม เรื่องกรณีวัคซีน รัฐบาลแถลงเป็นทางการยืนยันว่า ไม่ได้ห้ามในการนำเข้าวัคซีน แต่ในข้อเท็จจริง บล็อกกันหมดทุกจุด ไม่ให้เอกชนนำเข้า เพราะรัฐบาลต้องการการผูกขาดทางวัคซีน ในขณะเดียวกัน ภาคเอกชน วันดีคืนดี สภาหอการค้าไทยถ่ายรูปกับท่านนายกรัฐมนตรีว่า ทีมไทยแลนด์ วันรุ่งขึ้นสภาหอการค้าไทยบอกว่าขอถอนตัวแล้ว จะเป็นอะไรผมไม่รู้ แต่วันหลังจะเอาข้อมูลมาให้ทราบ

ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมต้องพูดเรื่องประเทศจีน เพราะประเทศจีนมีประชากร 1,400 ล้านคน สิ่งที่ประเทศจีนได้ทำมาอย่างเด็ดขาด อย่างชนิดที่ไม่มีใครสู้ได้เลย คือการตัดสินใจที่เด็ดขาด เพราะว่าในช่วงของการมีโรคระบาด เชื้อไวรัสตัวนี้ พอระบาดในอู่ฮั่นปั๊บ ทันทีเลย เขาปิดเมืองอู่ฮั่น


ท่านผู้ชมคงรับทราบข่าวนี้่ไปแล้ว ประชากร 11 ล้านคน ห้ามเคลื่อนย้ายไปไหน ห้ามออกนอกเมือง ห้ามออกนอกบ้าน รัฐอื่นๆ มลรัฐอื่นๆ มณฑลอื่นๆ ก็ไม่สามารถจะเข้ามณฑลที่เมืองอู่ฮั่นอยู่ได้ สรุปง่ายๆ ก็คือห้ามเคลื่อนไหวทุกอย่าง ท่านผู้ชมรู้ไหม วันที่เขาประกาศปิดอู่ฮั่น อีกสองวันจะเเป็นวันตรุษจีน ประชาชนชาวจีนทั่วประเทศกำลังเตรียมตัวที่จะขึ้นรถไฟเพื่อที่จะเดินทางกลับไปเยี่ยมญาติ ไปฉลองตรุษจีนกัน ปรากฏว่า แค่สองวันเท่านั้นเอง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ประกาศห้าม ไม่ให้คนกลับไปฉลองตรุษจีนที่บ้าน ให้อดทนเอาไว้


ไม่เหมือนของเรา ของเราเตรียมโรงพยาบาลสนามไว้ก่อนล่วงหน้า รู้ว่าจะมีการระบาดระลอกสาม แต่ก็ยังหลับตา ปล่อยให้มีการกลับไปเที่ยวบ้านสงกรานต์ นี่เขาเรียกว่า ไม่ยอมเจ็บเพื่อให้จบเร็ว เมื่อไม่ยอมเจ็บเพื่อให้จบเร็ว มันก็เป็นอย่างที่ท่านผู้ชมเห็นทุกวันนี้

ผมจะเล่าให้ฟังนิดหนึ่งว่า สมัยนั้นประเทศจีนเขาแก้ปัญหาได้อย่างไร


ตอนนี้การใช้ชีวิตนอกอาคารสถานที่ของประเทศจีน เขาอนุญาตแล้วนะ ว่าประชาชนไม่ต้องสวมใส่หน้ากากแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อย้อนกลับไปแค่ปีกว่าๆ เอง ปลายปี 2562 เชื่อมต่อ 2563 เมื่อประเทศจีนค้นพบเชื้อไวรัสที่เมืองอู่ฮั่น แพร่ระบาดไปทั่วประเทศในช่วงเทศกาลตรุษจีน แล้วเขาสั่งให้หยุดการท่องเที่ยว ประเทศจีนดำเนินนโยบายจนสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ภายในเวลา 2 เดือนเท่านั้นเอง 2 เดือน ประชากร 1,400 ล้านคน ในที่สุดจีนก็เลยกลายเป็นประเทศที่ผลิตหน้ากากอนามัย วันนี้จีนมีคนที่้ติดเชื้อไวรัสทั้งหมด รวมทั้งหายแล้วนะ 90,610 คน จากประชากร 1,400 ล้านคน ของเรานี่หลายหมื่นแล้ว ประชากรเรา 67 ล้านคน จีนเขามี 1,400 ล้านคน

ยอดสะสมคนติดเชื้อของจีน ท่านรู้ไหม จัดอันดับในโลกนี้ อยู่อันดับที่ 95 ที่น่าทึ่งมากคือเขามีประชากร 1,400 ล้านคน เขาทำได้อย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าคิดจาก 9 หมื่นกว่าคน จากจำนวนประชากร 1,400 ล้านคน คนติดเชื้อสะสมคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ เท่ากับ 0.006 เปอร์เซ็นต์ ส่วนยอดตาย 4 พันกว่าคนนั้น คิดเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ ของยอดผู้ติดเชื้อในประเทศ จากนั้นประเทศจีนก็เลยพัฒนาเศรษฐกิจ โตกระฉูด


แล้วในช่วงที่มีเชื้อไวรัสระบาดอย่างหนักนั้น ประเทศจีน GDP ก็ยังไม่ติดลบ ตกลงมาเหลือประมาณ 2.3 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุด ไตรมาสที่แล้ว มีนาคม ที่ผ่านไป เศรษฐกิจประเทศจีนโตถึง 18.3 เปอร์เซ็นต์ พูดได้ไหมว่าประเทศจีนมีประสบการณ์ในการรับมือมากที่สุด ไม่เพียงแต่เป็นประเทศแรกในโลกที่พบการระบาดในวงกว้าง ยังมีประชากรมากที่สุดในโลก เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชม เราเคยตั้งข้อสงสัยไหมว่า เขาบริหารจัดการกันอย่างไร

ผมคิดว่าข้อได้เปรียบของจีนคือระบบการบริหารและปกครองจากส่วนกลาง ประเทศไทยก็เหมือนกัน ส่วนกลางทั้งนั้น กระทรวงมหาดไทยก็คุมผู้ว่าราชการจังหวัด รัฐบาล นายกรัฐมนตรีก็สั่งการไปทั่วประเทศ ก็ส่วนกลางทั้งนั้นเหมือนกัน แต่ของจีนจากส่วนกลางเขาเข้าสู่ท้องถิ่นที่เบ็ดเสร็จ โดยเฉพาะในยุคที่นายสี จิ้นผิง เขาล็อกดาวน์เด็ดขาดเมื่อต้นปี 2563 ที่เขาล็อกดาวน์อู่ฮั่น คน 11 ล้านคน


ทั่วโลกตื่นเต้นกันหมด ตกใจ ประชาชนล้มป่วย เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ด้วยการตัดสินใจที่เด็ดขาดนั้น จีนใช้เวลา 2 เดือน ในการต่อสู้กับโรคระบาดในอู่ฮั่น จนค่อยๆ เปิดเมือง แล้วให้ชีวิตประชาชนกลับมาเป็นปกติ

วิธีควบคุมโรคอย่างเข้มงวด เด็ดขาด แบบอู่ฮั่น ถูกนำไปใช้กับเมืองอื่นๆ ของจีน อย่างเช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ รวมทั้งเมืองอื่นๆ ทั่วประเทศ

2564 เมื่อต้นปีนี้ 8 มกราคม มีเมืองสือเจียจวง เมืองเอกของมณฑลเหอเป่ย ใกล้กับกรุงปักกิ่ง เขาค้นพบผู้ติดเชื้อไวรัสรายใหม่ 120 คน ท่านผู้ชมเชื่อไหม ภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งตัวเลขผู้ติดเชื้อถือว่าไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่สำหรับประเทศจีนเขาตกใจ ถือว่าเป็นการติดเชื้อที่สูงสุดในประเทศในรอบกว่า 5 เดือน เขาปิดสือเจียจวง เขาห้ามผู้ที่พักอาศัยในเมืองสือเจียจวง เดินทางออกจากเมืองตัวเอง


คือปิด ไม่ให้เดินทางออกเลย ปิดโรงเรียนทุกแห่ง ตั้งศูนย์ตรวจโควิดมากกว่า 5,000 แห่ง ให้กับประชาชนทั้ง 11 ล้านคน เข้าไปตรวจ เพราะฉะนั้นแล้ว จีนเขาใช้นโยบายจัดการโรคระบาดไวรัสตัวนี้ว่า ระบาดที่ไหน สั่งปิดที่นั่น มาโดยตลอด ช่วงปีกว่าๆ ที่ผ่านมา เขาเด็ดขาด เพราะเขายอมเจ็บเพื่อให้จบ หลายประเทศ รวมทั้งไทย ลังเลที่จะใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเด็ดขาดในพื้นที่เกิดโรคระบาด เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจ

ท่านผู้ชมจำได้ไหมตอนที่มีการระบาดที่ อ.แม่สาย ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามท่าขี้เหล็ก ผมเป็นคนเสนอไปบอกว่า ต้องล็อกดาวน์ อ.แม่สาย ปรากฏว่ากระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ท่านไม่สนใจ ผู้ว่าฯ ท่านไม่สนใจ ไม่ให้ล็อกดาวน์ เห็นหรือยังท่านผู้ชม ข้อแตกต่างกัน ระหว่างผู้บริหารของประเทศเขา กับผู้บริหารของประเทศเรา

เพราะฉะนั้นแล้ว การล็อกดาวน์แบบเด็ดขาดในพื้นที่ที่มีโรคระบาดแบบนี้ขึ้น แน่นอนที่สุดกรณีประเทศจีนพิสูจน์ได้ชัดว่า จะทำให้เศรษฐกิจชะงักงันในระยะสั้น แต่ระยะยาวจะเป็นผลดีมากกว่า ธุรกิจประเภทไหนที่มีผลกระทบมาก รัฐบาลมีหน้าที่ประคับประคองและชดเชยให้อยู่รอดได้ ผมเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว ถ้าท่านผู้ชมจำได้ วันที่ 20 มีนาคม 2563 ผมพูดว่า ประเทศไทยต้องเจ็บเพื่อให้จบเร็ว

ท่านผู้ชมครับ ประเทศจีนเขาจัดการทั้งส่วนกลางและท้องถิ่นอย่างเด็ดขาด ด้วยความมีเอกภาพ ในกรณีที่มีผู้กระทำผิดกฎหมาย หรือละเลยหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ท่านผู้ชมจำคำพูดนี้ไว้นะ "หรือละเลยหน้าที่ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบ" ปล่อยให้เมืองเกิดโรคระบาด ทางการจีนจัดการอย่างเด็ดขาด ผมยกตัวอย่างให้ฟัง เดี๋ยวผมเอารูปขึ้นให้ รูปที่ท่านผู้ชมเห็นคือ นายเจี่ยง เชาเหลียง


แต่ก่อนเป็นเลขาฯ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลหูเป่ย เลขาฯ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑล ก็คือจังหวัด หูเป่ย ว่ากันว่า เขาก็เหมือนกึ่งๆ เป็นนายกรัฐมนตรีในมณฑลหูเป่ย

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2563 พรรคคอมมิวนิสต์จีนสั่งปลดนายเจี่ยง เชาเหลียง พ้นจากเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์แห่งมณฑลหูเป่ย และปลดอีกคนหนึ่ง คือ นายหม่า กั๋วเฉียง พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย โทษฐานเป็นเมืองศูนย์กลางการแพร่ระบาดของไวรัสนี้


จังหวัดเชียงรายด้วย ถ้ามีตัวอย่างอย่างนี้เกิดขึ้น เชื่อผมสิ ไม่มีใครกล้าที่จะไม่เข้มงวด ไม่มีใครกล้าที่จะละเลยปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่ ท่านผู้ชมครับ ไทยแลนด์ หรือ ตายแลนด์ ไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเลย

นอกจากหูเป่ยแล้ว รัฐบาลกลางของจีนยังสั่งปลดเจ้าหน้าที่ชั้นสูงในระดับมณฑลและเมืองไปหลายตำแหน่ง ต้นเหตุคือการละเลย ไม่จริงจังในการปฏิบัติหน้าที่ อย่างหลงจู๊สมชาย ถ้าเป็นเมืองจีน ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง จะรอดพ้นได้อย่างไร ผู้การจังหวัดระยอง จะรอดพ้นได้อย่างไร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 จะรอดพ้นได้อย่างไร อาจจะรวมไปจนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ไม่มีวันที่จะรอดพ้นไปได้เลย

ตัวอย่างเรื่องราวที่เป็นเรื่องที่ฮือฮา ออกทีวีไปทั่วประเทศของคณะผู้ตรวจการของรัฐบาลกลาง ลงพื้นที่หูเป่ย ตรวจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่เขตหวงกั่ง ซึ่งเป็นเขตที่มีการระบาดหนัก


ถ้าใช้มาตรการของจีนมา นายอำเภอแม่สาย ผู้กำกับโรงพักแม่สาย ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ต้องถูกปลดทั้งสามคน ท่านผู้ชมหลับตาวาดภาพ คนระดับผู้ว่าราชการจังหวัด คนระดับผู้กำกับโรงพัก ต้องปลดผู้การท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ ฝ่ายส่วนกลางไปสอบถาม ซักถามนางถัง จื้อหง ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสาธารณสุขในพื้นที่ อุปมาอุปไมยเหมือนกับเป็นสาธารณสุขจังหวัดขอเงรา แต่เธอตอบไม่ได้ แบ๊ะๆๆ ไม่ทราบว่าโรงพยาบาลที่รับผิดชอบในพื้นที่ที่รับผู้ป่วยไปแล้วกี่ราย เหลือเตียงอยู่กี่เตียง จำนวนผู้ป่วยมีอาการเข้าข่ายมีอยู่กี่คน ความสามารถในการตรวจหาเชื้อของโรงพยาบาลในพื้นที่รับผิดชอบเป็นอย่างไร คลิปการสัมภาษณ์การตรวจสอบ แชร์ไปในวงกว้างเลย ชาวเน็ตจีนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงความสามารถและความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ หลังจากคลิปนี้เปิดโปงออกมาไม่นาน คุณผู้หญิงผู้อำนวยการท่านนี้ก็เลยถูกลงดาบ ถูกสั่งเด้งอย่างสายฟ้าแลบ

ท่านผู้ชมดูนะครับ ในเว็บไซต์คณะกรรมการตรวจสอบวินัยของมณฑลหูเป่ย เขาระบุชัดเจน ท่านผู้ชมตั้งใจฟังให้ดีๆ นะ เขาระบุว่า ต้องจัดระเบียบและควบคุมกับพวกที่ทำงานที่ดีแต่พูด แต่ไม่ทำ พูดเท็จ รายงานเท็จ ไม่ปฏิบัติตามกฎ เพิกเฉยต่อหน้าที่ วันๆ ยุ่งแต่กับการประชุม ออกหนังสือรายงาน แต่ไม่เอาเวลาไปจัดการกับปัญหาโรคระบาดภาคสนามที่แท้จริง

เอาล่ะ อีกตัวอย่างหนึ่ง นั่นคือมณฑลหูเป่ย เรามาที่มณฑลยูนนาน ซึ่งอยู่ใกล้บ้านเรามาก ที่เมืองรุ่ยลี่ เมืองชายแดนติดกับพม่า ผมก็เคยไปมาแล้ว เมื่อปี 2535 เป็นเมืองน่ารักมาก

วันที่ 9 เมษายน 2564 เมื่อเร็วๆ นี้เอง ไม่กี่วันนี้เอง นายกง หยุนจุน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเมืองรุ่ยลี่ มณฑลยูนนาน


ลักษณะคล้ายๆ เป็นผู้ว่าฯ ของเมืองนั้น ถูกปลดแบบสายฟ้าแล่บ ข้อหาบกพร่องในหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างร้ายแรง เพราะช่วงเวลาครึ่งปีมานี้ รุ่ยลี่ ในแคว้นปกครองตัวเอง ชนชาติไต แห่งเต๋อหง ที่มีชายแดนติดอยู่กับเมืองมูเซะ ประเทศพม่า เกิดเหตุโรคระบาดเชื้อไวรัสนี้ ระบาดใหญ่ถึง 3 ครั้ง เขาถูกปลด ถูกลดขั้นจากตำแหน่งที่ใหญ่ที่สุด เลขาฯ พรรค ประจำเมืองรุ่ยลี่ ไปเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ อุปมาอุปไมยเหมือนถ้าเป็นตำรวจก็ถูกปลดจากผู้กำกับโรงพัก ให้เป็นพลตำรวจ แล้วก็ยืนเฝ้ายามอยู่หน้าโรงพัก

ทั้งนี้ เขาได้ปลดนายกง หยุนจุน เขาบอกว่า เหตุผลเพราะการแพร่ระบาดครั้งนี้ได้ทำลายภาพรวมที่ดีของการป้องกันและควบคุมโรคระบาด ทั้งระดับมณฑลและทั่วประเทศอย่างร้ายแรง อีกทั้งส่งผลกระทบเลวร้ายต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของมณฑลในอนาคต

ท่านผู้ชม กรณีต่างๆ ที่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง ยังมีอีกเยอะ แต่เวลามันนานเกินไปแล้ว ผมจะสรุปสั้นๆ กรณีของประเทศจีนที่เขาตัดสินใจโดยเด็ดขาด ผมอยากจะฝาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้มีอำนาจในรัฐบาลชุดนี้ ลิ่วล้อ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ฟังรายการนี้อยู่ กรุณารายงานให้ถูกต้องด้วย กรณีของประเทศจีน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทย ระบาดที่จังหวัดชายแดนติดพม่า อ.แม่สาย จ.เชียงราย อ.แม่สอด จ.ตาก ไม่มีใครต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ปกครอง ทหาร ตำรวจ หรือฝ่ายสาธารณสุข หรือกรณีสนามมวยลุมพินี บ่อนภาคตะวันออก คลับย่านทองหล่อ ที่เป็นต้นตอในการแพร่ระบาดโควิดทุกรอบที่ผ่านมา ไม่มีใครต้องรับผิดชอบอย่างจริงจัง ถ้าจะย้ายก็แค่ย้ายเข้าประจำ รอเรื่องเงียบค่อยย้ายกลับมา เหมือนเรื่องของ พ.ต.อ.ดวงโชติ สุวรรณจรัส ผู้กำกับ สน.ทองหล่อ รอบล่าสุด


ซึ่งผู้บังคับการนครบาล ในเขตที่ สน.ทองหล่อ อยู่ ถ้าเป็นจีนก็ต้องถูกปลดด้วย เชื่อผมสิครับ เรื่องนี้รอสัก 3-4 เดือน เงียบ ก็กลับมานั่งที่เดิม หรืออาจจะไป สน.อื่น ที่เป็น สน.เกรดเอ เหมือนเดิม

ท่านผู้ชมครับ อีกประเด็นหนึ่งของการรักษาของจีน จีนเขาผสมผสานแพทย์ตะวันตกและแพทย์จีน ในด้านการสาธารณสุข จีนมีอัตราเสียชีวิตจากโรคระบาดไวรัสนี้ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ ประเทศจีนมีความชัดเจนมากในการรักษาแบบผสมผสาน ทั้งแพทย์แผนตะวันตก และแพทย์แผนจีน เขาสนับสนุน มีห้องปฏิบัติการเพื่อวิจัยและคุมคุณภาพของแพทย์แผนจีน มีกฎหมายรองรับการรักษาผู้ป่วยวิกฤต หรือผู้ป่วยใน โดยให้สามารถทำการรักษาในรูปแบบที่ผสมผสานกันระหว่างแพทย์แผนตะวันตกกับแพทย์แผนจีนร่วมกันได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครับ ฟังอยู่หรือเปล่า หรือท่านมัวแต่ฟังที่ปรึกษาแพทย์แก่ๆ ที่ล้อมตัวท่านอยู่ ฟังสิครับ นี่คือข้อเท็จจริง


ท่านผู้ชมครับ วันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา เดือนกว่าๆ จีนได้อนุมัติการวางจำหน่ายยาแพทย์แผนจีน TCM จำนวน 3 ตัว เพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติมในการรักษาโควิด-19 ยาแพทย์แผนจีนทั้งสามตัวที่ผ่านการอนุมัติ ประกอบด้วย ยาทำความสะอาดและขับพิษในปอด (ชิงเฟ่ยไผตู๋) ยาขจัดและสลายความชื้น (ฮว่าชือไป้ตู๋) และยาป้องกันการแพร่กระจายตัวในปอด (เซวียนเฟ่ยไป้ตู๋) ทั้งนี้ ยาดังกล่าวผลิตขึ้นจากยาสูตรผสม 3 สูตร ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคระบาดไวรัสนี้ ในนครอู่ฮั่น เมื่อปีที่แล้ว เพราะเขาใช้มาแล้ว แล้วเขาเอามาผสมกัน ตอนนั้นวิกฤต หลังชนกำแพง เขาจำเป็นต้องลองยาจีน เมื่อลองแล้วมันได้ผล เขาก็เลยเอามาอนุมัติเลยทันที


ท่านผู้ชมครับ เปรียบเทียบจีนกับไทยซิ ในไทยกฎหมายไม่เปิดโอกาสให้แพทย์ทางเลือกเข้าร่วม และไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีทางเลือกมากนัก ส่วนแพทย์ไทยอีกจำนวนหนึ่งก็ต่อต้านแพทย์ทางเลือก หาว่างมงาย ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ หาว่าไม่มีการทดลอง ทดสอบ ซึ่งที่เป็นตลกร้ายคือ ก็ไม่เปิดให้มีการทดลอง/ทดสอบเลยนี่ ฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าปัญหาใหญ่ๆ ของประเทศไทย ถ้าบริหารจัดการได้อย่างเด็ดขาด ไม่ไว้หน้าใคร เอาสังคม เอาประเทศชาติเป็นตัวตั้ง ท่านนายกฯ พูดตลอดเวลา ผมเอาประเทศชาติก่อน แต่ลักษณะการทำงานของท่าน ท่านเอาประเทศชาติในคอนเซปต์ ในกระบวนทัศน์ความคิดของคนแวดล้อมท่านทางการแพทย์ ถ้าท่านเอาประเทศชาติจริง แพทย์แผนไทย 30,000 กว่าคน ท่านทิ้งเอาไว้เฉยๆ ทำไม

ทำไมต้องให้ฟ้าทะลายโจรเดินทางระยะยาวไกลเหลือเกิน ต่อสู้มานมนาน กว่าจะได้รับการยอมรับ ตั้งกี่ปี ท่านนายกฯ ครับ วันนี้ผมพูดกับท่าน ยังไม่ช้า ท่านเปิดโรงพยาบาลสนามได้เลยเดี๋ยวนี้ แล้วให้ใช้ฟ้าทะลายโจรเป็นตัวรักษา ให้แพทย์แผนไทยเข้าไปดูแล เปรียบเทียบกันเลย เพราะกรมการแพทย์แผนไทยฯ เขาพิสูจน์แล้วว่าเขารักษามาแล้ว 300 กว่าคน หายหมดภายใน 5 วัน ท่านลองสิครับ ท่านเสียอะไร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าท่านจะเสียหน้าเพราะผมแนะนำ เพราะท่านไม่เคยทำตามที่ใครแนะนำ เพราะว่าท่านต้องการเท่ แต่ความเท่ของท่านทำให้ประเทศชาติลำบากมาก ลองดูสิครับ ลองดูเลย

ท่านผู้ชมครับ พรุ่งนี้วันที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงานแห่งชาติ ชาวจีนเขาเรียกว่า อู่อี้ (ห้า หนึ่ง) วันที่ 1 เดือน 5 เป็นช่วงหยุดยาวของชาวจีนทั้งชาติที่รอคอย วันแรงงานปีนี้ คนจีนได้มีสิทธิหยุดพักผ่อน 5 วัน (1-5 พ.ค.) ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โรคระบาดไวรัสตัวนี้อุบัติที่อู่ฮั่น เมื่อปลายปี 2562 พวกเขาจะได้เที่ยวอย่างเต็มที่


สมัยก่อนนี้ ท่านผู้ชมจำได้ไหม ช่วงวันแรงงาน นักท่องเที่ยวจีนเป็นจำนวนมากมายมหาศาล จะมา แต่เนื่องจากมีโรคระบาด วันนี้คนจีนเที่ยวในประเทศหมด ทางการจีนคาดว่าคนจะออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศรอบนี้จะมีมากถึง 200 ล้านคน

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าว่า การเตรียมตัวเที่ยวครั้งนี้ ตัวอย่าง ตั๋วเส้นทางบินจากนครปักกิ่ง ไปเมืองซานย่า ซึ่งคือเมืองตากอากาศที่เกาะไหหลำ ขายเกลี้ยงหมดแล้ว ผู้ประกอบการโรงแรมให้ข้อมูลว่า ยอดการจองในช่วงวันแรงงานปีนี้ สูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด สูงกว่า 43 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าภาวะปกติ 43 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นการเที่ยวแบบล้างแค้น อึดอัดใจมานานแล้ว ห้องพักในเมืองฉางซา เมืองมณฑลหูหนาน ฉางซา คือบ้านเกิดเมืองนอนของประธานเหมา เจ๋อตุง ผมเคยไปมาแล้ว เมืองซีอาน ที่มีสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ เมืองส่านซี เมืองเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน เมืองกุ้ยหลิน มณฑลกว่างซี หรือแม้กระทั่งในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย จุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนี้ ถูกจองเต็มไปหมดแล้ว ตั๋วเข้าชมพระราชวังต้องห้าม ที่อยู่ที่ปักกิ่้ง ที่ภาษาจีนเขาเรียกว่า กู้กง ระหว่างวันที่ 1-3 พฤษภาคม ตั๋วก็ขายหมด


ยอดการจองตั๋วสายการบินภายในประเทศสูงกว่าปี 2562 ถึง 23 เปอร์เซ็นต์ โดยมีราคาเฉลี่ยสำหรับตั๋วชั้นประหยัดใบละประมาณ 5,000 บาท ทำราคาได้สูงกว่าช่วงก่อนโควิดอีก เพราะความต้องการสูงมาก ราคาห้องพักในเมืองตากอากาศอย่างซานย่า ขยับสูงขึ้นถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ราคาคาห้องคืนละประมาณ 8,500 บาท

ความนิยมในการออกเดินทางข้ามมณฑลข้ามไปอีกซีกประเทศจีนมีมาก หลายคนมีแผนจะขอลางานเพิ่มในวันที่ 6-8 พฤษภาคม เพื่อจะอยู่ท่องเที่ยวได้นานขึ้น น่าจับตาดูตัวเลขสรุปยอดเงินสะพัดจากการท่องเที่ยวภายในประเทศจีน ช่วงหยุดวันแรงงานปีนี้ จะทะลุไปขนาดไหน ท่านผู้ชมครับ คนจีนเขาบอกว่า การหยุดยาวรอบนี้ เขาให้ฉายาว่า เป็นการเที่ยวแบบล้างแค้น ล้างแค้น ภาษาจีนเขาเรียกว่า เป้าฝู้


เห็นหรือยัง ข้อแตกต่างกัน คนมีอำนาจเหมือนกัน ระบบของเขาอาจจะเป็นระบบคอมมิวนิสต์ แต่ว่าอำนาจอยู่ส่วนกลาง ประเทศไทยอำนาจก็อยู่ส่วนกลางเช่นกัน เขาจัดการกับคนของเขาที่ไม่ทำหน้าที่ที่สมบูรณ์แบบ ละเลยหน้าที่ตัวเองอย่างเด็ดขาด เขาปลด เขาให้ออก เขาลดตำแหน่ง ของเรา เรื่อยๆ มาเรียงๆ นกบินเฉียงไปทั้งหมู่ ตัวเดียวมาไร้คู่ แล้คนไทยก็ต้องตายหมู่พร้อมกัน

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้ไม่ได้ต้องการจะเจาะจงตำหนิติเตียนใคร แต่ทำหน้าที่ที่ ศบค. ไม่ได้ทำ คือเอาความจริงมาเปิดให้ทราบ ไม่ได้เข้าข้างอนุทิน ชาญวีรกูล แต่เห็นใจ ว่าข้อเท็จจริงแล้ว อนุทิน ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ท่านคิด เอาความจริงมาพูดว่า จริงๆ แล้ว การระบาดที่แท้จริงคือการไม่กล้าตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของนายกรัฐมนตรีมากกว่า ไพ่ ผมวางไว้บนโต๊ะหมดแล้ว ท่านผู้ชมอ่านหน้าไพ่ที่ผมเล่าให้ฟังมาตลอด ใช้ปัญญาคิด แล้วท่านตัดสินใจเอาเองว่าระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ อนุทิน ชาญวีรกูล ใครคือต้นตอของการระบาดครั้งที่สาม สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น