เวลาเราออกเดินทางไปท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ นอกจากจะไปชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตแล้ว หนึ่งในจุดหมายปลายทางของทริปนั้นก็จะมีวัดวาอารามรวมอยู่ด้วย เพื่อเข้าวัดไหว้พระ ทำบุญ เสริมสิริมงคลให้กับตนเอง และเรายังได้เดินชมสถาปัตยกรรมอันงดงามภายในวัดแห่งนั้นด้วย ครั้งนี้จึงได้รวบรวม 5 วัดที่มีโบสถ์ไม้สักงดงามสุดล้ำค่า มาให้ได้ชมกัน
วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง จ.เลย
ท่ามกลางทัศนียภาพอันสวยงามของขุนเขาในอ.ภูเรือ จ.เลย ที่ “วัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมือง” หรือชื่อเดิม “วัดพระกริ่งปรเมศร์” เป็นที่ประดิษฐานขององค์พระพุุทธรูป พระพุทธเจ้าไภสัชยาคุรุไวฑูรยประภา จอมแพทย์ หรือพระกริ่งปวเรศ
สำหรับวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมืองมีความโดดเด่นในเรื่องของการออกแบบของตัวอาคารที่มีสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และงานประติมากรรมที่มีละเอียดเป็นอย่างมาก
โดยตัวโบสถ์วิหารถูกสร้างด้วยไม้สักที่ถูกนำมาแกะสลักไว้อย่างวิจิตรบรรจงทั้งหลัง..ซึ่งสร้างความประทับใจให้กับนักท่องเที่ยวที่ได้ขึ้นไปสักการะเป็นอย่างมาก สำหรับพระนอน พระวิหาร นาคหัวบันได ก็ถูกแกะสลักมาจากหินหยกแม่น้ำโขง อีกด้วย
วัดจอมสวรรค์ จ.แพร่
ยังมีโบสถ์ไม้สักอีกหนึ่งแห่งที่มีความงดงามล้ำค่า ซึ่งตั้งอยู่ที่ “วัดจอมสวรรค์” ถ.ยันตรกิจโกศล ต.ในเวียง อ.เมือง จ.แพร่ ที่นี่มีโบสถ์ไม้สักที่สวยงามอลังการ วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อเดินเข้าไปจะพบกับองค์พระธาตุจอมสวรรค์อันเก่าแก่อยู่ทางซ้ายมือ
ไฮไลต์สำคัญของวัดคือ อาคารวัดที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง (ปัจจุบันได้รับการบูรณะปรับปรุงใหม่) กับงานสถาปัตยกรรมแบบไทยใหญ่ (เงี้ยว) อันสมส่วน สวยงาม อลังการ หลังคาสร้างเป็นชั้นๆ ลดหลั่นกันลงมา พร้อมมีงานฉลุไม้ประดับเพิ่มเติมอ่อนช้อยสวยงามตามจุดต่างๆ
อาคารวัดจอมสวรรค์ เป็นทั้งโบสถ์ วิหาร และกุฏิเบ็ดเสร็จ ภายในอาคารตกแต่งอย่างดงามวิจิตร มีการประดับด้วยลวดลายไม้ฉลุ และการประดับกระจกสีอันงดงาม ขณะที่สิ่งน่าสนใจภายในอาคารนั้นก็มี “หลวงพ่อสาน”(พระพุทธรูปที่สานด้วยไม้ไผ่) พระพุทธรูปที่ทำจากงาช้าง พระพุทธรูปหินอ่อน ดอกไม้หิน แผ่นคัมภีร์งาช้าง เป็นต้น
วัดดงยาง จ.สุโขทัย
หากใครเดินทางไปที่จ.สุโขทัย จะพบกับวัดแห่งหนึ่ง ที่มีไฮไลต์อยู่ที่โบสถ์ไม้สักทอง ซึ่งตั้งอยู่ที่ “วัดดงยาง” เดิมเป็นที่พักสงฆ์มานานกว่า 37 ปี ก่อนจดทะเบียนตั้งวัดในปี 2556 แล้วได้มีการพัฒนาต่อเนื่องตลอดที่ผ่านมา ทั้งเริ่มสร้างกุฏิ วิหาร ศาลาการเปรียญ และโบสถ์ไม้สักทองหลังแรกในสุโขทัย โดยพลังศรัทธาของชาวบ้านในพื้นที่ที่ร่วมกันบริจาคทั้งไม้สักทอง เงินค่าก่อสร้าง 2 ล้านกว่าบาท จนก่อสร้างสำเร็จเป็นหลังได้อย่างสวยงาม
โบสถ์ไม้สักทองหลังนี้มีขนาด 10x20 เมตร ใช้เสา 45 ต้น ยกพื้นสูง 80 ซม. เป็นศิลปะล้านนาประยุกต์ สาเหตุที่สร้างโบสถ์แบบนี้เพราะหมู่บ้านอยู่ในป่า ทุนทรัพย์ไม่มีที่จะสร้างโบสถ์ปูน และชาวบ้านเห็นพ้องให้สร้างโบสถ์ไม้เพราะทุกคนมีไม้ช่วยกันบริจาคได้ ก็จ่ายแต่ค่าอุปกรณ์กับค่าแรงเท่านั้น เมื่อสร้างเสร็จชาวบ้านก็จะได้มีโบสถ์ใช้ประกอบพิธีทางศาสนา ไม่ต้องไปอาศัยวัดอื่นที่อยู่ไกล
วัดอ่าวน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์
อีกหนึ่งวัดงามตั้งอยู่ที่ “อ่าวน้อย” เป็นอ่าวเล็กๆ ทางตอนเหนือของอ่าวประจวบฯ เป็นชุมชนหมู่บ้านชาวประมงที่เงียบสงบ ในอ่าวน้อยมีวัดสำคัญคือ “วัดอ่าวน้อย” หรือ “วัดถ้ำพระนอน” ที่งดงามไม่เป็นรองใครด้วยอุโบสถไม้สักทองทั้งหลัง โดดเด่นด้วยพญานาค 9 เศียร 2 ตน ที่เลื้อยล้อมตัวโบสถ์ไว้ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหินอ่อน มีภาพแกะสลักไม้ลอยตัวเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ
อีกทั้งที่วัดอ่าวน้อยยังมี “ถ้ำพระนอน” ที่ตั้งอยู่ด้านบนเขา ทางวัดได้ทำทางเดินบันไดให้ขึ้นไปชมอย่างสะดวก ภายในถ้ำมีพระนอนขนาดใหญ่ 2 องค์ องค์แรกประดิษฐานอยู่บริเวณปากถ้ำ เป็นพระนอนตะแคงขวา มีความยาว 20 ม. ส่วนอีกองค์หนึ่งอยู่ลึกเข้าไปภายใน เป็นพระนอนตะแคงซ้ายมีความยาว 14 เมตร ข้อมูลของทางวัดกล่าวว่าเป็นพระนอนที่นี่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นศิลปะร่วมสมัยอู่ทอง-รัตนโกสินทร์ อายุราว 300-500 ปี
ใครที่จะเข้าไปชมภายในถ้ำ ทางวัดได้จัดเตรียมตู้สำหรับหยอดเหรียญ 10 บาทไว้ด้านหน้าทางเข้าถ้ำ เมื่อหยอดแล้วไฟภายในถ้ำจะติดเป็นเวลา 10 นาที ทางเดินภายในถ้ำไม่วกวนซับซ้อนแต่ก็ควรถือไฟฉายติดมือเข้าไปด้วยเพื่อความมั่นใจ (ทางวัดเตรียมไฟฉายไว้ให้บริเวณทางเข้า)
“วัดอ่าวน้อย” ตั้งอยู่บนเชิงเขาบริเวณอ่าวน้อย ก่อนถึงตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ โดยสามารถเข้ามาจากแยกจากถนนเพชรเกษม กิโลเมตรที่ 314 เป็นระยะทาง 3 กิโลเมตร
วัดเทสก์ธรรมนาวา จ.พังงา
ส่วนทางภาคใต้ก็มีโบสถ์ไม้สักให้เราได้ไปยลความงดงามเช่นกัน ซึ่งตั้งอยู่ที่ “วัดเทสก์ธรรมนาวา” หรือ “วัดป่าไทร” (ชื่อเดิม) ตั้งอยู่ที่บ้านท่าแตง ต.นาเตย อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา เป็นวัดริมทะเลบริเวณหาดชายทะเลท่าไทร
ในอดีตพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นป่าเรียก “ป่าท่าไทร” ซึ่งนอกจากจะเป็นป่าของต้นไม้น้อยใหญ่แล้ว ยังเคยเป็น“ป่าช้า”มาก่อน อันเนื่องมาจากในอดีตป่าท่าไทรแห่งนี้ ชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง เมื่อมีคนตายเสียชีวิตลงก็จะนำศพล่องเรือมาเผาหรือฝังยังป่าท่าไทรแห่งนี้ ซึ่งชาวบ้านเรียกขานกันว่า “อ่าวเหรว” หรือ แอ่งน้ำในป่าช้า (อ่าว คือ น้ำไหล เข้ามาเป็นแอ่งกว้าง เหรว หมายถึง ป่าช้า) ปัจจุบันมีสิ่งก่อสร้างสำคัญคือ “พระอุโบสถไม้สัก” ขนาด กว้าง 8.30 เมตร ยาว 23.10 เมตร สูง 13.54 เมตร
โบสถ์ไม้สักหลังนี้เป็นโบสถ์ไม้สักริมทะเลตั้งอยู่ติดกับหาดชายทะเลท่าไทร เพียงเดินไปไม่กี่สิบเมตรก็ถึงยังชายหาดอันกว้างไกล โบสถ์ไม้สักแห่งนี้มีลักษณะเป็นอาคารทรงไทยอันสวยงามอ่อนช้อย สมส่วน โครงสร้างภายนอกจำลองแบบมาจาก พระอุโบสถพระอรัญวาสี อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย มาประยุกต์สร้างด้วยไม้ ส่วนช่อฟ้าของโบสถ์แกะสลักจากช่างฝีมือชาวเชียงใหม่
ภายในโบสถ์ไม้สัก มีผนังเป็นฝาปะกน มีแท่นพระประธาน ชั้นบนประดิษฐานพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา แกะสลักจากหินหยกขาว อิทธิพลศิลปะอินเดีย มีขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 55 นิ้ว สูงประมาณ 2.15 เมตร มีพุทธลักษณะที่อ่อนช้อยงดงามเปี่ยมศรัทธา
ส่วนบริเวณรอบโบสถ์ไม้สักมีกำแพงแก้วเป็นไม้ ใบเสมาแกะสลักจากหินหยกขาวมีรูปพระพุทธรูปอยู่ตรงกลาง ตรงบันไดทางเข้าโบสถ์ประดับเสาอโศกสีทองอร่าม
โบสถ์ไม้สักวัดท่าไทรมีอีกหนึ่งลักษณะพิเศษอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวนั่นก็คือ จะประดับประดาด้วยงานไม้แกะสลักฝีมือช่างจากอยุธยาอันประณีต อ่อนช้อย ทั้งตามบริเวณบานประตู หน้าต่าง หน้าบัน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ
สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com หรือ ชมคลิปต่าง ๆ ได้ที่ Youtube :Travel MGR และ Instagram : @travelfoodonline และ TikTok : @travelfoodonline
