xs
xsm
sm
md
lg

พิลึกกึกกือ!! สหรัฐฯสุดแค้น‘อัลกออิดะห์และ IS’ แต่กลับกำลังตามจีบ ‘ตุรกี’ เพราะใกล้ชิดนักรบญิฮาดสุดโต่งเหล่านี้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:


(ภาพที่เผยแพร่กันทางเฟซบุ๊ก) นักรบของ “รัฐอิสลาม” หรือ ไอเอส  ในซีเรีย
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ WWW.asiatimes.com)

US needs Turkey for its al-Qaeda and ISIS links
by MK Bhadrakumar 10/04/2021

การที่ตุรกีกำลังชักใยบงการ “ผู้ก่อการร้ายอิสลามิสต์” ให้กลายเป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ในซีเรีย จะกลายเป็นคุณสมบัติซึ่งเป็นที่ต้องการพอดี สำหรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองในอัฟกานิสถานที่นำโดยสหรัฐฯภายใต้คณะบริหารโจ ไบเดน

เวลาผ่านไป 1 ทศวรรษพอดี หลังจากสหรัฐฯเสาะหาและมอบหมายบทบาทบุกเบิกนำร่องให้แก่ตุรกี ด้วยการเปิดโปรเจ็กต์เปลี่ยนแปลงระบอบปกครองในซีเรีย มาถึงตอนนี้ วอชิงตันก็เรียกร้องเว้าวอนความช่วยเหลือจากอังการาอีกรอบ สำหรับการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองในอีกประเทศหนึ่งของมหาตะวันออกกลาง (Greater Middle East ดินแดนตะวันออกกลางและปริมณฑล) นั่นคือที่อัฟกานิสถาน

ในเรื่องการเมืองหรือการทูตนั้น ไม่เคยมีอะไรสองกรณีที่สามารถอุปมาเปรียบเทียบกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ 100% กระนั้นความคล้ายคลึงกันในเรื่องที่สหรัฐฯใช้ตุรกีเข้าแทรกแซงในซีเรียเมื่อ 10 ปีก่อน และในอัฟกานิสถานเวลานี้ ก็เป็นเรื่องน่าตื่นตะลึงทีเดียว

ถ้าหากในซีเรีย โปรเจ็คต์คือการใช้กำลังเข้าโค่นล้มรัฐบาลที่ปักหลักมั่นคงอยู่แล้วของประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัดซาด แล้ว ในอัฟกานิสถาน วาระคือหาหนทางผ่อนถ่ายเอารัฐบาลชุดที่มาจากการเลือกตั้งซึ่งนำโดยประธานาธิบดีอัชรัฟ กอนี (Ashraf Ghani) ออกไปเสีย และแทนที่ด้วยรัฐบาลชั่วคราวซึ่งจะมีกลุ่มอิสลามิสต์ติดอาวุธอย่างกลุ่มตอลิบานเข้ามาร่วมด้วย (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.arabnews.com/node/1824181/middle-east)

สถานการณ์ในทั้ง 2 ที่เมื่อพูดกันอย่างเอาใจความสำคัญแล้ว ก็คือ การไปจับมือกับพวกกลุ่มนักรบญิฮาดซึ่งแต่งตัวแปลงโฉมตบตาให้กลายเป็น “ขบวนการต่อสู้ปลดแอก”

ในซีเรีย ตุรกีไม่เพียงจัดหาความช่วยเหลือทางโลจิสติกส์ให้แก่พวกนักรบญิฮาดจากทุกหนทุกแห่งทั่วโลก ในการเดินทางสู่ซีเรียเพื่อเข้าร่วมกับกลุ่มรัฐอิสลาม (Islamic State ใช้อักษรย่อว่า IS แต่ยังคงมีผู้นิยมใช้เป็น ISIS หรือ ISIL ซึ่งเป็นอักษรย่อจากชื่อเดิมๆ ของกลุ่มนี้ -ผู้แปล) และกลุ่มอัลกออิดะห์ เท่านั้น หากยังประกอบอาวุธให้แก่พวกเขาและสนับสนุนอุ้มชูพวกเขา –กระทั่งให้การรักษาพยาบาลพวกนักรบที่ได้รับบาดเจ็บ – เพื่อดำเนินสงครามอันยืดเยื้อและเหี้ยมโหดในการต่อสู้คัดค้านอัสซาด

มีหลักฐานที่หนักแน่นชนิดเถียงไม่ออกซึ่งยืนยันว่า ตุรกีเป็นผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือพวกผู้ปฏิบัติงานของ ISIS และอัลกออิดะห์ เป็นต้นว่า รายงานชิ้นหนึ่งของโทรทัศน์ข่าว ซีเอ็นเอ็น จากตุรกี ในเดือนพฤศจิกายน 2013 (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://edition.cnn.com/2013/11/04/world/europe/isis-gaining-strength-on-syria-turkey-border/index.html) ชี้เอาไว้ว่า “มันเป็นสิ่งพิเศษมากที่ได้เห็นการสัญจรระหว่างประเทศปริมาณขนาดนี้จากประเทศต่างๆ ซึ่งกลุ่มอัลกออิดะห์มีการปรากฏตัวอย่างยืนยันได้ชัดเจนและต่อเนื่อง เข้ามายัง (ตุรกี ซึ่งเป็น) รัฐสมาชิกรายหนึ่งขององค์การนาโต้”

“ชาวมุสลิมผู้มีศรัทธาเต็มล้นเหล่านี้จำนวนมาก เชื่อว่าพวกเขากำลังเข้าร่วมสงครามครั้งสุดท้ายตามที่มีการพยากรณ์ไว้ อย่างที่กำลังเกิดขึ้นในซีเรีย --ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า อัล-ชาม al-Sham – โดยที่สงครามนี้จะเป็นการป่าวประกาศถึงการสิ้นสุดของโลกนี้ พวกที่ถูกระดมให้เข้ามาร่วมเหล่านี้มีความปลาบปลื้มยินดีอย่างเหลือล้น เนื่องจากพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าการต่อสู้ครั้งสุดท้ายนี้จะมาถึงในช่วงชีวิตของพวกเขา

“เรายืนอยู่ที่บริเวณชายแดนตุรกี (ติดต่อกับซีเรีย) และบันทึกวิดีโอภาพที่ชวนให้รู้สึกหนาวเหน็บ นั่นคือ ธงของ ISIS กำลังโบกสะพัดอย่างเรียบๆ อยู่เหนือหออะซานของมัสยิดแห่งหนึ่ง ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรในเมืองจาราบูลุส (Jarabulus) ทางฝั่งซีเรีย – สัญญาณซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นผู้ควบคุมเมืองเล็กๆ แห่งนี้เอาไว้

“ตุรกีเวลานี้ต้องดำเนินการรอมชอม ระหว่างการสัญจรของพวกนักรบญิฮาดที่ดูท่าทางผ่อนคลายไม่เคร่งเครียดอะไร ในการเดินทางมุ่งลงใต้ของพวกเขาเพื่อเข้าไปในซีเรีย --พวกเขาเหล่านี้จำนวนมากมุ่งหมายที่จะช่วยสถาปนารัฐคอลีฟะห์ซึ่งเป็นมิตรกับอัลกออิดะห์ขึ้นมา – กับข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขาเวลานี้สามารถมองเห็นกลุ่มอัลกออิดะห์ได้จากตรงชายแดนของพวกเขานี่เอง มันไม่สามารถจะใกล้ชิดอะไรยิ่งไปกว่านี้ได้อีกแล้ว”

รัสเซียและอิหร่านได้เรียกร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้ใส่ใจกับการจับกลุ่มเป็นพันธมิตรอย่างประหลาดพิลึกเช่นนี้ในซีเรีย ระหว่างฝ่ายหนึ่งซึ่งประกอบด้วยสหรัฐฯกับซีเรีย ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่งคือพวกอัลกออิดะห์กลุ่มต่างๆ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.theguardian.com/commentisfree/2015/jun/03/us-isis-syria-iraq) สิ่งที่แปลกประหลาดเอามากๆ ก็คือ การจับกลุ่มเป็นพันธมิตรอย่างพิลึกกึกกือเช่นนี้ยังคงดำรงอยู่จวบจนถึงเวลานี้ (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.thedrive.com/the-war-zone/18647/russia-claims-us-coalition-mystery-helicopters-supplying-arms-to-isis-in-afghanistan)

เมื่อปีที่แล้วในเดือนมีนาคม สาขาใหญ่ที่สุดของพวกอัลกออิดะห์ในเวลานี้ ซึ่งก็คือองค์การชาวซีเรียของพวกเขาที่เมื่อก่อนเคยเรียกขานกันในชื่อ “อัล-นุสรา” (al-Nusra) แต่เวลานี้เรียกตัวเองว่า ฮายอัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (Hay’at Tahrir al-Sham ใช้อักษรย่อว่า HTS) ได้ออกมาแถลงอย่างเปิดเผย ยกย่องชมเชยประธานาธิบดีเรเจป ทอยยิป แอร์โดอัน แห่งตุรกี และรัฐบาลของเขา ที่กำลังลุกขึ้นมาโต้แย้งแก้ต่างให้แก่อัลกออิดะห์ รวมทั้งยังต่อสู้ให้แก่พวกองค์การนักรบญิฮาดแห่งอื่นๆ ซึ่งกำลังพยายามโค่นล้มรัฐบาลที่มุ่งแยกศาสนาออกจากการเมืองการปกครอง (secular government) ของซีเรีย (หมายถึงรัฐบาลอัสซาด -ผู้แปล) (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://moderndiplomacy.eu/2020/03/10/al-qaeda-thanks-turkey-for-protecting-it-against-assad-russia-iran/)

สาขาใหญ่ที่สุดของพวกอัลกออิดะห์ในเวลานี้ ออกมาแถลงอย่างเปิดเผย ยกย่องชมเชยประธานาธิบดีเรเจป ทอยยิป แอร์โดอัน แห่งตุรกี และรัฐบาลของเขา ที่กำลังลุกขึ้นมาโต้แย้งแก้ต่างให้แก่อัลกออิดะห์ รวมทั้งยังต่อสู้ให้แก่พวกองค์การนักรบญิฮาดแห่งอื่นๆ
มาในปีนี้ ในบทสัมภาษณ์เมื่อวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา เจมส์ เจฟฟรีย์ (James Jeffrey) ผู้เคยทำหน้าที่เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯทั้งในยุคซึ่งคณะบริหารของอเมริกาเป็นพรรครีพับลิกัน และในยุคของพรรคเดโมแครต โดยที่ระยะหลังที่สุด เขาดำรงตำแหน่งเป็นผู้แทนพิเศษว่าด้วยซีเรียให้แก่คณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดเอาไว้ว่า กลุ่ม HTS เป็น “ทรัพย์สิน” ในทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาใน อิดลิบ (Idlib) จังหวัดทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรียที่มีพรมแดนติดต่อกับตุรกี

คำพูดของเจฟฟรีย์ตรงนี้ ก็คือ เขาพูดว่า กลุ่ม HTS “เป็นทางเลือกที่เลวน้อยที่สุดของบรรดาทางเลือกหลายหลากนานาในอิดลิบ และอิดลิบคือหนึ่งในสถานที่ทรงความสำคัญที่สุดในซีเรีย โดยที่ซีเรียคือหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สุดในตะวันออกกลางเวลานี้” (อ่านบทสัมภาษณ์ยาวหยียดที่เจฟฟรีย์คุยกับ อัล-มอนิเตอร์ Al-Monitor ว่าด้วยนโยบายต่างๆ ที่สหรัฐฯใช้กับซีเรีย ได้ที่ https://www.al-monitor.com/originals/2020/12/trump-syria-envoy-jeffrey-mideast-policy-turkey-erdogan.html)

นอกจากนั้นแล้ว ในการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้กับ PBS ที่เป็นองค์การสื่อของรัฐบาลสหรัฐฯ อบู โมฮัมหมัด อัล-โจลานี (Abu Mohammad al-Jolani) ผู้นำของ HTS ในอิดลิบ พยายามหาทางสร้างความประทับใจให้บังเกิดแก่ท่านผู้ชมชาวอเมริกันว่า กลุ่มของเขานั้นไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯหรือต่อโลกตะวันตกหรอก ตรงกันข้าม กลับมีผลประโยชน์ร่วมกันหลายๆ ประการด้วยซ้ำไป (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.pbs.org/wgbh/frontline/article/abu-mohammad-al-jolani-interview-hayat-tahrir-al-sham-syria-al-qaeda)

สาขาใหญ่ที่สุดของพวกอัลกออิดะห์ในเวลานี้ ออกมาแถลงอย่างเปิดเผย ยกย่องชมเชยประธานาธิบดีเรเจป ทอยยิป แอร์โดอัน แห่งตุรกี และรัฐบาลของเขา ที่กำลังลุกขึ้นมาโต้แย้งแก้ต่างให้แก่อัลกออิดะห์ รวมทั้งยังต่อสู้ให้แก่พวกองค์การนักรบญิฮาดแห่งอื่นๆ

พวกผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันบางราย –ตัวอย่างเช่น นิโคลัส เฮรัส (Nicholas Heras) นักวิเคราะห์อาวุโส และหัวหน้าโครงการอยู่ที่ สถาบันนิวไลนส์เพื่อยุทธศาสตร์และนโยบาย (Newlines Institute for Strategy and Policy) ซึ่งเป็นองค์การคลังสมองที่ตั้งสำนักงานอยู่ในกรุงวอชิงตัน— ได้พูดถึง HTS ว่า เป็น “ทรัพย์สินของหน่วยข่าวกรองตุรกี และผ่านทางตัวแทนจากตุรกีมาถึงสหรัฐอเมริกา”

เฮรัส บอกกับสื่อข่าวตุรกีชื่อ “อะห์วัล” (Ahval) ในเดือนนี้ว่า “HTS ไม่สามารถอยู่รอดได้เลย หากปราศจากความสนับสนุนจากตุรกี การลงทุนทางทหารอย่างสำคัญมากของตุรกีในการพิทักษ์ปกป้องอิดลิบ คือปัจจัยสำคัญที่สุดซึ่งพิทักษ์ปกป้องพื้นที่ดังกล่าวจากการล้มครืน และถอยหลังกลับเข้าสู่การควบคุมของอัสซาดกับพวกพันธมิตรของเขา” (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://ahvalnews-com.cdn.ampproject.org/c/s/ahvalnews.com/hts/are-turkey-and-islamist-hts-group-syrias-idlib-allies?amp)

อันที่จริง ตุรกีได้ส่งกำลังทหารจำนวนเป็นเรื่องเป็นราวทีเดียว ไปประจำอยู่ในอิดลิบตั้งแต่ปลายปี 2017 แล้ว และยังควบคุมเส้นทางเข้าออกสำคัญที่สุดซึ่งมุ่งไปสู่พื้นที่ต่างๆ ของอิดลิบที่ควบคุมโดย HTS อีกด้วย

เฮรัส บอก อะห์วัล เอาไว้ดังนี้: “HTS เป็นตัวแสดงที่มีบทบาทครอบงำเหนือกว่าใครๆ ในอิดลิบ และมันก็จะค่อนข้างแพงเอามากๆ ทีเดียวสำหรับตุรกีและกลุ่มตัวแทนที่เป็นชาวซีเรียกลุ่มต่างๆ ซึ่งตุรกีหนุนหลังอยู่ ในแง่ของจำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายและความเสียหาย ถ้าหากจะพยายามผลักดัน HTS ให้หลุดจากอำนาจ ทั้งนี้ HTS นั้นในทางเป็นจริงแล้ว คือตัวแสดงชาวซีเรียท้องถิ่นเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่สามารถควบคุมอิดลิบเอาไว้ด้วยค่าใช้จ่ายราคาถูกให้แก่ตุรกี  ตุรกีกับกลุ่มชาวซีเรียที่มีความโยงใยพัวพันกับอัลกออิดะห์นี้ มีความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกันไป และ HTS ถือเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของทางการอังการา”

ผู้เชี่ยวชาญสหรัฐฯในเรื่องซีเรียซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีคนหนึ่ง คือ ศาสตราจารย์ โจชัว แลนดิส (Joshua Landis) ผู้อำนวยการของศูนย์ตะวันออกกลางศึกษา (Center of Middle East Studies) แห่งมหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา (University of Oklahoma) ก็มีความคิดเห็นทำนองเดียวกันนี้ ตามทัศนะของแลนดิส สหรัฐฯนั้นสนับสนุนตุรกีในอิดลิบ และต้องการเปลี่ยนให้ซีเรียกลายเป็นหล่มโคลนดูดสำหรับทั้งรัสเซียและทั้งอิหร่าน ด้วยการแสวงหากลุ่มพันธมิตรต่างๆ ที่สามารถป้องกันไม่ให้ดามัสกัสเข้ายึดดินแดนตอนเหนือของประเทศกลับคืนไปได้

นอกจากนั้นแล้ว ทั้ง “ทรัพย์สิน” HTS นี้ และทั้งตุรกี ต่างก็ “รับใช้นโยบายของสหรัฐฯในการปฏิเสธไม่ยอมให้ดามัสกัสสามารถเข้าถึงน้ำมัน, น้ำ, และ ที่ดินเพื่อการเกษตรอย่างดีเยี่ยมจำนวนมากของซีเรีย” แลนดิส บอก

เมื่อคำนึงถึงสิ่งต่างๆ ทั้งหมดตามที่กล่าวมาข้างต้น  สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอัฟกานิสถาน จึงเป็นความย้อนแย้งระดับโคตรแห่งความย้อนแย้งทีเดียว สำหรับการที่สหรัฐฯชักจูงตุรกีให้ช่วยเกลี้ยกล่อมกลุ่มกระแสหลักแต่ก็เป็นกลุ่มนักรบญิฮาดอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็คือพวกตอลิบาน และนำเอากลุ่มนี้เข้าไปร่วมอยู่ในโครงสร้างทางอำนาจของอัฟกานิสถาน  แล้วโดยบังเอิญ สหประชาชาติเพิ่งเปิดเผยหลักฐานยืนยันว่า กลุ่มตอลิบานนั้นยังคงธำรงรักษาความเชื่อมโยงเก่าๆ ที่มีอยู่กับอัลกออิดะห์เอาไว้

บางที ส่วนที่ประหลาดพิสดารมากที่สุดน่าจะไม่ใช่อะไรอื่นเลยนอกจากเรื่องที่ว่า รองประธานาธิบดีสหรัฐฯในเวลานั้นซึ่งมีนามว่า โจ ไบเดน ครั้งหนึ่งได้เคยระบุชื่อตุรกีอย่างเปิดเผย ว่ามีความพัวพันเชื่อมโยงอย่างน่าละอายกับพวก ISIS และพวกอัลกออิดะห์ในซีเรีย

ทั้งนี้เมื่อเดือนตุลาคม 2014 ระหว่างอยู่ในงานหนึ่งของวิทยาลัยรัฐศาสตร์เคนเนดี (Kennedy School of Government) มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ไบเดนได้พูดเอาไว้ว่า “พวกพันธมิตรของเราในภูมิภาคนั้น คือปัญหาใหญ่ที่สุดของเราในซีเรีย ชาวตุรกีนั้นเป็นเพื่อนมิตรที่ยิ่งใหญ่ และผมก็มีความสัมพันธ์ที่ยิ่งใหญ่อยู่กับแอร์โดอัน

“แล้วพวกเขากำลังทำอะไรอยู่? พวกเขาทุ่มเทเงินทองเป็นจำนวนหลายร้อยล้านดอลลาร์ และอาวุธเป็นสิบๆ ตัน ให้แก่ใครก็ตามทีซึ่งจะสู้รบต่อต้านอัสซาด –ทว่าผู้คนที่กำลังได้รับการสนับสนุนเหล่านี้คือ อัล-นุสรา และอัลกออิดะห์ ตลอดจนพวกส่วนประกอบสุดโต่งต่างๆ ของนักรบญิฮาด ซึ่งกำลังเดินทางมาจากส่วนอื่นๆ ของโลก” (ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.washingtonpost.com/news/worldviews/wp/2014/10/06/behind-bidens-gaffe-some-legitimate-concerns-about-americas-middle-east-allies/)

พวกนักรบตอลิบานและอัลกออิดะห์ ขณะเคลื่อนขบวนในอัฟกานิถาน (ภาพจากแฟ้มที่มีการเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก)
ไบเดนกล่าวต่อไปว่า “ตอนนี้ คุณอาจคิดว่าผมกำลังพูดอะไรเกินเลยความเป็นจริงใช่ไหม? ]องดูกันให้ดีๆ เถอะ อะไรทั้งหมดเหล่านี้มันกำลังไปที่ไหน? ดังนั้น นี่แหละสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นvยู่ในเวลานี้ ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ทุกๆ คนต่างถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาเพราะองค์การนี้เรียกขานกันว่า ISIL และเคยเป็นอัลกออิดะห์ในอิรัก ครั้นเมื่อพวกเขาโดยสาระสำคัญแล้ว ได้ถูกโยนออกมาจากอิรัก ก็ค้นพบสถานที่และพื้นที่เปิดกว้างในซีเรีย เข้าร่วมงานกับกลุ่มอัล-นุสรา ซึ่งทางเราประกาศว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการร้ายมาตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว และเราก็ไม่สามารถเกลี้ยก่อมให้พวกผู้ร่วมงานของเรา (ตุรกี) ยุติการซัปพลายอะไรต่างๆ ให้แก่พวกเขาได้”

บราโว! เวลานี้ในฐานะที่เป็นประธานาธิบดี ไบเดนกลับกำลังสั่งการพวกนักการทูตของเขาให้เชื้อเชิญตุรกีเข้ามาจับมือกับวอชิงตันอีกครั้งหนึ่ง ในโปรเจ็คต์เปลี่ยนแปลงระบอบปกครองในอีกประเทศหนึ่งในมหาตะวันออกกลาง โดยที่รู้อยู่เต็มอกถึงการที่อังการาในอดีตที่ผ่านมา มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องอย่างชวนให้เกิดการโต้แย้งสงสัยกับทั้ง ISIS และอัลกออิดะห์

ทำไมสหรัฐฯจึงไม่สามารถค้นพบประเทศที่เป็นเพื่อนมิตรรายอื่นๆ ซี่งไม่ได้มีประวัติอันเป็นจุดอ่อนข้อบกพร่องในเรื่องที่รัฐให้การอุปถัมภ์ลัทธิก่อการร้าย? ทำไมจึงไม่เป็น ทาสเคนต์ (เมืองหลวงของอุซเบกิสาน -ผู้แปล) ซึ่งก็เคยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสันติภาพของอัฟกานิสถานมาก่อน?

คำตอบย่อมมองเห็นได้ง่ายๆ อยู่แล้ว นั่นคือ ตุรกีกลายเป็นประเทศที่สหรัฐฯต้องพึ่งพาอย่างขาดไม่ได้ในเรื่องนี้ ก็เพราะมีประวัติความเป็นมาอันน่าขยะแขยงในเรื่องการคบค้ามีความสัมพันธ์กับ ISIS และอัลกออิดะห์นั่นแหละ คุณสมบัติเช่นนี้กลายเป็นใบรับรองซึ่งคณะบริหารไบเดนต้องการให้หุ้นส่วนของตนต้องมีเอาไว้ในครอบครอง ในการทำหน้าที่นำร่องกระบวนการสร้างสันติภาพในอัฟกานิสถาน

ตุรกีคือ ร่างโคลน (clone) ของสหรัฐฯ ในเรื่องอัจฉริยภาพแห่งการชักใยบงการให้ “พวกผู้ก่อการร้ายอิสลามิสต์” กลับกลายมาเป็นเครื่องมือทางภูมิรัฐศาสตร์ –โดยที่ตุรกียังมีคุณสมบัติที่ดีเพิ่มเติมขึ้นมาอีกประการหนึ่งด้วยซ้ำ นั่นคือ การเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศมุสลิม สหรัฐฯจึงสามารถไว้วางใจตุรกีในการนำพาพวกนักรบญิฮาดเทือกเขาฮินดูกูช มุ่งหน้าไปสู่เคราะห์กรรมอันสูงล้ำขึ้นไปอีกในช่วงระยะเวลาต่อจากนี้ไป

ข้อเขียนนี้ผลิตขึ้นจากความร่วมมือกันระหว่าง Indian Punchline (https://indianpunchline.com/) กับ Globetrotter (https://independentmediainstitute.org/globetrotter/) ซึ่งเป็นโครงการของ Independent Media Institute ที่เป็นผู้จัดหาข้อเขียนนี้ให้แก่ เอเชียไทมส์

เอ็ม เค ภัทรกุมาร
เป็นอดีตนักการทูตชาวอินเดีย
กำลังโหลดความคิดเห็น