xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : “คลัสเตอร์ไฮโซ อโคจรยุค 5G”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 9 เม.ย.64 เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยสัปดาห์นี้มีเรื่องหลักๆ 3 เรื่อง เรื่องแรก คือ เรื่องบอส อยู่วิทยา หรือวรยุทธ อยู่วิทยา ซึ่งรายงานการตรวจสอบของคณะทำงานชุด “วิชา มหาคุณ” ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรี ได้สรุปออกมาแล้ว 11 ข้อ เปิดตัวว่าใครบ้างเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือผู้ต้องหา คนอย่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ในยุคนั้นทำอะไรบ้าง ใครโกหก ใครบิดเบือน ใครใส่ข้อความเท็จลงไปเพื่อให้ช่วยบอส มีตัวตนชัดเจนแล้ว ส่งรายงานให้หน่วยงานต้นสังกัดแล้ว แต่ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องการลงโทษ มิหนำซ้ำคนที่เกี่ยวข้องกลับได้ดิบได้ดีกันถ้วนหน้า

เรื่องที่ 2 ข่าวอื้อฉาวที่บริษัท โตโยต้า ประเทศไทย ถูกกล่าวหาว่าได้จ่ายสินบนให้ผู้พิพากษาศาลฎีกาในอดีตและในปัจจุบัน เพื่อช่วยเหลือในคดีที่โตโยต้าฟ้องกรมศุลกากรขอให้ยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์พรีอุส มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท

เรื่องสุดท้าย คือสถานการณ์โควิด ซึ่งจะเรียกว่า "คลัสเตอร์ไฮโซ" ที่พัวพันมากกับมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ และสะท้อนให้เห็นภาพสังคมไทยอย่างที่หลายคนนึกไม่ถึง ว่ามันเน่าเฟะ และสร้างความเสียหาย ที่สำคัญที่สุด กระบวนการพวกนี้ จะมีท่านผู้การ ท่านผู้บัญชาการคนโน้นคนนี้ ตำรวจ เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งทางออกของเรื่อง รัฐบาลต้องปิดสถานบันเทิงทั้งหมดทั่วประเทศ จนกว่าสถานการณ์โรคโควิด-19 ในไทยจะซาลงเข้าสู่โซีนเขียว



คำต่อคำ SONDHI TALK [9 เม.ย. 64] : คลัสเตอร์ไฮโซ อโคจรยุค 5G

วันนี้ผมจะมาบอกให้ฟังว่าช่องทางการติดต่อของ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK ได้ทางไหนบ้าง ทางแรกคือทางเฟซบุ๊ก ให้กด Like หรือกด Follow แล้วกดติดตาม แล้วเลือก See First ไปเลยในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เมื่อชมแล้วก็ช่วยกันแชร์ออกไปมากๆ เพื่อให้บางคนที่ยังไม่ได้อยู่ดูได้ความรู้กับสิ่งที่ผมพูด แล้วเดี๋ยวนี้เราก็ไลฟ์สดผ่านยูทูปเช่นกัน ให้เข้าไปใน YouTube ค้นหาคำว่า Sondhitalk กด Subscribe เอาไว้ เปรียบเสมือนห้องสมุดเคลื่อนที่ รวบรวมทุกอย่างตั้งแต่รายการในอดีต "มองโลก มองเรา กับสนธิ" "บันทึกลับบ้านพระอาทิตย์" จนมาถึงรายการ "SONDHI TALK"


สำหรับแฟนรายการคนไหนอยากดูเนื้อหา ตลอดจนการถอดคำพูดเป็น text ก็ให้เข้าไปที่ www.sondhitalk.com เพราะจะรวมไว้ในเว็บไซต์โดยแยกเป็นแต่ละหมวดหมู่ครบทุกเรื่องทีเดียวครับ


สุดท้าย สำหรับท่านผู้ชมที่ไม่อยากเห็นหน้าผม แต่อยากฟังเสียงผม อยากฟังเรื่องราวที่ผมพูด ก็เข้ามาฟังที่ podcast ถ้าท่านที่ใช้ iPhone - iOS ก็เข้าไปที่แอปฯ podcast เมื่อกดเข้าไปแล้วก็ search คำว่า SONDHI TALK ก็จะมีให้ทุกรายการ ส่วนท่านผู้ชมที่ใช้โทรศัพท์ระบบ android ก็กดเข้าไปเหมือนกัน แต่จะมีคำว่า Podbean แล้วก็กดเข้าไป

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564 เหมือนเช่นเคยนะครับ เรากลับมาพบกันอีก อาทิตย์หน้าก็จะเป็นสงกรานต์แล้ว อาทิตย์นี้มีเรื่องที่ผมคิดว่าท่านผู้ชมสนใจและติดตามมาก อยากจะฟังการวิเคราะห์เรื่องโควิด ในการระบาดครั้งที่ 3 ครั้งนี้ แต่ก่อนอื่น ก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้น จะบอกข่าวดีให้ ว่าในที่สุดแล้ว รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ก็มีสติกเกอร์ LINE แล้ว ซึ่งเดี๋ยวผมจะขึ้นจอให้ดู


ตอนนี้เปิดให้ดาวน์โหลดแล้ว ทาง LINE Sticker ใช้วิธีค้นหาด้วยคำว่า 'Sondhi' แล้วเลือกเป็นหมวดครีเอเตอร์ (Creators) คือ คนผลิตเอง คิดเอง มีทั้งหมด 40 แบบ หลายคนก็เฮฮากัน หลายคนก็ผิดหวังที่คำพูดบางคำพูดผมไม่มี อย่างเช่น อย่ามาทะลึ่งกับผม หรือ ผมเป็นไดโนเสาร์มีไว้เพื่อกินเหี้ย อะไรทำนองนี้ แต่ก็เอาว่าเป็นรูปลักษณ์ที่เป็นตัวแทนผม เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าท่านผู้ชมสนใจก็เข้าไปดาวน์โหลดกันเลย 60 บาท ถามว่าผมได้เท่าไร ? ผมได้ 42 บาท ถ้าดาวน์โหลดกันเยอะๆ ก็หมายความว่าก็มีรายได้เข้ามารายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เพราะ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไม่มีรายได้อะไรเลย นอกจากได้ส่วนแบ่งเปอร์เซ็นต์ค่าโฆษณาจากเฟซบุ๊ก ซึ่งน้อยนิดเหลือเกิน

เรื่องที่สอง คือการอธิบายเรื่องหนังสือ "ศึกชิงพระคลังข้างที่ 2475" คราวที่แล้วผมได้แจ้ง มีการจองหนังสือ "ศึกชิงพระคลังข้างที่ 2475" ของท่านอาจารย์ปานเทพ ผมบอกว่า การจองหนังสือ "ศึกชิงพระคลังข้างที่ 2475" จากปล้นพระราชทรัพย์ถึงคดีสวรรคตของ ร.8 เขียนโดยอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ วันนั้นผมบอกว่า เป็นวันเดียวเท่านั้น ให้ราคาพิเศษ ก็ปรากฏว่ามีคนจองเข้ามาอย่างล้นหลาม จนกระทั่ง ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่าการพิมพ์ครั้งที่ 1 นั้น หมดแล้ว ไม่มีเหลือ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ในสัปดาห์หนังสือก็จะไม่มีหนังสือเล่มนี้ไปวางขาย เพราะมันหมดแล้ว ไม่มี ก็เลยต้องพิมพ์เป็นครั้งที่ 2 เพราะหนังสือที่พิมพ์ครั้งที่ 1 มีเฉพาะคนจองเท่านั้นที่จะได้ คนที่ไม่ได้จอง จะไม่ได้ หมดไปเรียบร้อยแล้ว ก็เลยต้องพิมพ์ครั้งที่ 2

ทีนี้ มีท่านผู้ชมหลายท่านจองไม่ทัน เพราะมาฟังเทปทีหลัง เพราะวันนั้นผมออกสด พอออกสดแล้วผมบอกว่า ถ้าจองเข้ามาตอนนี้ หลายท่านมาฟังรายการตอนกลางคืน ซึ่งก็เป็นปกติธรรมดาของท่านผู้ชม เยอะเลยที่กลับบ้านหลังจากทำงานแล้วมาเปิดฟังกัน ก็เลยทำให้ท่านผู้ชมที่อยากจองก็ไม่มีสิทธิที่จะจอง ผมก็เลยบอกว่า เอาอย่างนี้แล้วกัน เฉพาะงวดนี้ ขอให้จองครั้งที่ 2 อีกครั้งหนึ่งก็แล้วกัน ในราคาพิเศษ คือนับจากวันนี้ (9 เม.ย. 64) ไปจนถึงวันที่ 12 เมษายน สี่วันก่อนสงกรานต์ ถ้าจองเข้ามา ได้ในราคา 520 บาท จากราคาเต็ม 640 บาท และอีกอย่างหนึ่ง เฉพาะคนที่จองหนังสือเท่านั้น จะมีสิทธิจองที่นั่งการเปิดตัวหนังสือ "ศึกชิงพระคลังข้างที่ 2475" ในบ่ายวันอาทิตย์ที่ 18 เมษายน 2564 ซึ่งจะมีการเปิดตัว โดยมีการบรรยายพิเศษในหัวข้อ "เมื่อประวัติศาสตร์กลับมาทวงความยุติธรรม" จะมีผู้บรรยาย 3 คน ได้แก่ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เป็นผู้เปิดโปงขบวนการปล้นพระราชทรัพย์หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ท่านที่สอง คือ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ นักวิชาการผู้เปิดโปงการบิดเบือนข้อมูลเรื่องทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์ ของม็อบเยาวชนสามนิ้ว และท่านที่สาม คือ ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์จุฬาฯ ผู้เปิดโปงงานวิชาการของคุณณัฐพล ใจจริง ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ ที่อ้างอิงเรื่องราวที่เป็นเท็จในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยอ้างอิงเรื่องราวที่ไม่มีจริง


ท่านผู้ชมครับ รีบจองหนังสือด่วน เพื่อได้สิทธิจองในการเปิดตัวหนังสือในครั้งนี้ได้ การเปิดตัวหนังสือนี้ต้องจองนะครับ แล้วคนที่จองหนังสือมีสิทธิที่จะจอง คนที่ไม่ได้จองหนังสือจะไม่มีสิทธิจอง

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้เราจะมีเรื่องหลักๆ 3 เรื่อง เรื่องแรก คือ เรื่องบอส อยู่วิทยา หรือวรยุทธ อยู่วิทยา ท่านผู้ชมใจเย็นๆ มันเป็นเรื่องเก่าจริง แต่มันเป็นเหล้าใหม่ในขวดเก่า ไม่ใช่เหล้าเก่าในขวดใหม่ เหล้าใหม่ในขวดเก่า ก็คือว่า ครั้งนี้ผมได้เอารายงานที่ท่านศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ท่านได้ประชุมคณะกรรมการที่ท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนตั้งขึ้นมา แล้วคณะกรรมการชุดนี้มีบทสรุปอะไรบ้าง เป็นข้อๆ ผมได้สรุปย่อมาเรียบร้อยแล้ว มีทั้งหมด 11 ข้อ ที่สำคัญที่สุดก็คือ วันนี้เปิดตัวคน ว่าใครบ้าง ทำอะไร พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ในยุคนั้น ทำอะไรบ้าง ใครทำอะไร ใครโกหกอะไร ใครบิดเบือน ใครใส่ข้อความเท็จลงไปเพื่อให้ช่วยบอส ตอนนี้มีตัวบุคคลที่ชัดเจนแล้ว จากรายงานของศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ผมรู้ว่าท่านผู้ชมหลายท่านคงบอกว่า เรื่องนี้ผมเคยฟังแล้ว เคยฟังจริงครับ แต่ไม่ได้มีตัวบุคคล งานนี้มีตัวบุคคลโผล่มาแล้ว เสียงจริง ของจริงแน่นอน จากรายงานตัวนี้

เรื่องที่สองที่จะพูด คือเรื่องข่าวอื้อฉาวที่บริษัท โตโยต้า (ประเทศไทย) ถูกกล่าวหาจากเว็บไซต์ Law360 ของอเมริกา ที่เอาข้อมูลจากการตรวจสอบของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป บริษัทแม่โตโยต้า ที่จดทะเบียนหลักทรัพย์อยู่ในสหรัฐอเมริกา ยืนยันกล่าวหาว่า โตโยต้าไทยนั้น ได้จ่ายสินบนผู้พิพากษาศาลฎีกาในอดีต ที่เกษียณอายุไปแล้ว และศาลฎีกาในปัจจุบัน

เรื่องสุดท้าย เป็นเรื่องที่ท่านผู้ชมรออยู่ คือสถานการณ์โควิด ซึ่งผมเรียกว่า "คลัสเตอร์ไฮโซ" ที่พัวพันมากกับมิติทางการเมือง เศรษฐกิจ และสะท้อนให้เห็นภาพสังคมไทยอย่างที่หลายคนนึกไม่ถึง ว่ามันเน่าเฟะจริงๆ และความเน่าเฟะ ความฉิบหาย ความเรือหายของสังคมไทยนี้ คนพวกนี้ล่ะ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ไม่ต่ำกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญที่สุด กระบวนการพวกนี้ เหมือนเดิม จะมี เสธ.โน่น เสธ.นี่ ทหาร จะมีท่านผู้การ ท่านผู้บัญชาการคนโน้นคนนี้ ตำรวจ เข้ามาเกี่ยวข้อง ยืนอยู่ข้างหลังคนพวกนี้ แล้วคนพวกนี้ทำร้าย ทำลายชาติบ้านเมืองอย่างไร จากความเห็นแก่ตัวของตัวเอง เลยทำให้โควิดคลัสเตอร์ไฮโซครั้งนี้แพร่ระบาดออกไป และผมก็มีเรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังว่า ข้อคิดของผมในเรื่องนี้มีอยู่หลายมิติ มันมีมิติทางสาธารณสุข มันมีมิติทางวิทยาศาสตร์ มันมีมิติทางสังคม และมันมีมิติในเรื่องความอยู่รอดของประเทศไทยด้วย

ท่านผู้ชมครับ ผมมีเรื่องเก่าเรื่องหนึ่งที่อยากจะมาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง คือเรื่องบางเรื่องที่ผมเคยพูดไป ท่านผู้ชมครับ ผมจะไม่ยอมทิ้งเรื่องนั้น ถ้าเรื่องนั้นยังไม่สะเด็ดน้ำ และผมก็เชื่อว่าท่านผู้ชมหลายๆ ท่านก็คิดอย่างผมเหมือนกัน หลายๆ ท่านแค่ฟังเรื่องราวแล้วก็ฮือฮาไป พอผ่านไปสักพักก็ลืมไปแล้ว ไม่สนใจว่างต่อไปเรื่องจะเป็นอย่างไร ถ้าพูดไปก็คือว่าผมจะพยายามตามเรื่องตามราวหลายเรื่องที่ผมเป็นคนเปิดเผยหรือขุดคุ้ยขึ้นมา เมื่อขุดคุ้ยขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไรต่อ เป็นอย่างไรต่อ ผมจะตามเรื่องไปเรื่อยๆ เพราะผมถือว่าเรื่องบางเรื่องนั้นมันมีนัยสำคัญมาก

อย่างเรื่องที่ผมจะพูดให้ท่านผู้ชมฟังวันนี้ มันคือนัยสำคัญของการพิสูจน์ให้เห็นชัดว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่เลวทรามมาก เมื่อมาถึงในเรื่องของนัยสำคัญในเรื่องของกระบวนการยุติธรรม ก็เรียกว่าพึ่งพาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้ว่าท่านนายกรัฐมนตรีท่านจะสั่งการไปแล้ว ผมก็ยังตามเรื่องนี้อยู่


เมื่อกลางปี 2563 ท่านผู้ชมคงจำได้ ผมเคยพูด ขุดคุ้ย เปิดโปง เปิดเผยความผิดปกติของเจ้าหน้าที่กระบวนการยุติธรรมตั้งแต่ต้นน้ำ อย่างตำรวจ ไปถึงกลางน้ำ อย่างอัยการ เรื่อยไปจนถึงผู้ออกกฎหมาย อย่างสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) นักวิชาการ พยานซึ่งเป็นทหาร รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง เรื่องนี้คือเรื่องของกรณีการจัดการคดีนายบอส หรือวรยุทธ อยู่วิทยา ทายาทอภิมหาเศรษฐีเจ้าของธุรกิจใหญ่ระดับประเทศ อย่างกระทิงแดง ที่หลายต่อหลายฝ่ายพยายามงุบงิบช่วยเหลือให้รอดพ้นคดีขับรถเฟอร์รารีชนดาบตำรวจวิเชียร เสียชีวิต ตั้งแต่ปี 2555 จนจู่ๆ กลางปี 2563 อัยการมีคำสั่งสั่งไม่ฟ้อง เป็นเรื่องเป็นราวฉาวโฉ่ไปทั่วประเทศ

กรณีนี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาว สั่นคลอนความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมของไทย จนกระทั่งในวันที่ 29 กรกฎาคม 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบคดีนี้ มีท่านศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยที่คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายฯ ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ รวมไปถึงอาจารย์คณะนิติศาสตร์อีกหลายมหาวิทยาลัย มีท่านศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ เป็นประธาน กรรมการมีท่านปลัดกระทรวงยุติธรรม มีเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นกรรมการ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกฎหมาย เป็นกรรมการ ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม เป็นกรรมการ นายกสภาทนายความ เป็นกรรมการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นกรรมการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นกรรมการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นกรรมการ และมีผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป. (การปฏิรูปกฎหมายในระยะเร่งด่วน) เป็นกรรมการและเลขานุการ


ท่านผู้ชมครับ หลังจากนั้นอีกประมาณ 1 เดือน คณะกรรมการฯ ได้ทำรายงานสรุปส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไปตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2563 (ส.ค.63- มี.ค.64) นี่กำลังจะเข้าเดือนที่ 8 แล้ว โดยในการแถลงข่าว ท่านศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ ได้พูดอย่างชัดเจน ผมขอเอาคำพูดของท่านวิชา มาพูดให้ฟัง "มีขบวนการช่วยเหลือนายวรยุทธ (บอส) อยู่วิทยา ทั้งยังมีการสมคบคิดกันอย่างเป็นระบบ และท่านนายกฯ ก็ได้ส่งรายงานฉบับนี้ไปที่หน่วยสังกัด ทั้งอัยการและตำรวจ ให้ตรวจสอบคนที่เกี่ยวข้อง แต่จนกระทั่งวันนี้ก็ไม่มีการดำเนินการทางวินัยใดๆ ที่เป็นรูปธรรม"

ที่ท่านวิชา พูดออกมาก็คือว่า ท่านนายกฯ ส่งเรื่องไปแล้ว ให้หน่วยงานตรวจสอบ จัดการ ผิดวินัยก็ดำเนินการ ผิดวินัยร้ายแรงก็ดำเนินการร้ายแรง ให้ออกจากราชการ สำรองราชการ ผิดวินัยสถานเบา ก็ลงโทษ แต่ท่านวิชา บอกว่า เงียบสนิท นัยของท่านก็คือว่า ในหน่วยงานแต่ละหน่วยงานที่ส่งเรื่องไปนั้น ช่วยเหลือปกปิดผู้ที่ถูกกล่าวหา และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการช่วยเหลือนายบอส อยู่วิทยา


ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมได้รับรายงานผลตรวจสอบข้อเท็จจริงทางกฎหมายที่ท่านวิชา ได้ส่งให้ท่านนายกรัฐมนตรี ผมได้มาเรียบร้อย แล้วผมก็มานั่งศึกษาดู แต่ในรายงานนี้มันเป็นบทสรุปของรายงานชุดใหญ่ มีทั้งหมดหลายๆ ข้อ ผมจะสรุปให้ท่านผู้ชมฟังว่าในที่สุดแล้ว รายงานของท่านวิชา มหาคุณ กล่าวหาใครบ้าง ใครบ้างที่เป็นตัวการเกี่ยวข้อง

รายงานชุดนี้ ที่ผมเอามาเล่าให้ท่านผู้ชมฟังวันนี้ ระบุชื่อ-นามสกุลผู้ที่เกี่ยวข้องเอาไว้อย่างละเอียด และถือว่าเป็นตลกร้าย และเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่สุด คือทุกวันนี้ คนเหล่านี้ที่ถูกระบุชื่อ นอกจากจะไม่โดนเอาผิดแล้ว ยังได้ยศได้ตำแหน่ง เติบโตในสายงาน สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำ อยุติธรรม ในกระบวนการยุติธรรมและสังคมไทยอย่างชัดเจน

ท่านผู้ชมครับ นี่คือประเทศไทยหรือ ? ที่เราอยู่กัน คนที่ถูกระบุมีชื่อว่าทำผิด 1..2..3..4.. ได้รางวัลกันทุกคน เติบโต เจริญเติบโต ใหญ่โตมโหฬารกันทุกคน แล้วเราจะพึ่งอะไร พึ่งใครในกระบวนการยุติธรรมได้อีกต่อไป มันเศร้าไหมท่านผู้ชม ? มันเศร้ามากนะ มันเศร้าและทำให้ผมมีความรู้สึกว่าที่ประท้วงรัฐบาลกันอยู่ทุกวันนี้ ถ้ามันประท้วงให้ถูกจุด คนจะเข้าไปร่วมเยอะมากเลย 


ถ้ามันประท้วงได้ถูกจุด เรื่องระบบกระบวนการยุติธรรมที่มันเละเทะ เน่าเฟะ เหม็นเน่า ชำระล้างให้สะอาด บางทีสังคมไทยอาจจะดีขึ้นมากกว่าเก่า บางทีเราอาจจะไม่ต้องมาทะเลาะกันเรื่องแก้รัฐธรรมนูญก็ได้ เพราะถ้าคุณแก้รัฐธรรมนูญไป แต่ขบวนการพวกนี้ยังอยู่ ยังเล่นพวกเล่นพ้องอยู่ พวกกู กูไม่ทำ ถ้าไม่ใช่พวกกู กูไม่สนใจ กูรับเงินมา กูก็ปิดคดีได้ คุณแก้รัฐธรรมนูญไปอีกสิบปี สิบครั้ง อีกร้อยปี ก็ไม่มีประโยชน์

วันนี้ผมจะทำเรื่องต่อยอดจากท่านวิชา ทำหน้าที่เอาสปอตไลต์ไปส่องที่คนเหล่านี้ ให้เห็นชัดว่าใครที่เกี่ยวข้อง เพราะข้อมูลมีอยู่ในรายงานนี้หมดแล้ว ใครกันที่ได้ดิบได้ดีจากการช่วยลูกคนรวย ลูกมหาเศรษฐี ให้รอดคุก ทั้งหมดนี้ ของท่านวิชา ผมมาสรุปแล้วมีอยู่ 11 ประเด็น

ประเด็นที่ 1 รายงานนี้รายงานว่า มีการดำเนินการแทรกแซงกระบวนการอย่างเป็นระบบ ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน เรื่องนี้คงไม่ต้องอธิบาย คงเข้าใจกันดี ผมอ่านข้อความในรายงานให้ฟังสั้นๆ ก็แล้วกัน เป็นข้อความที่ใช้ภาษาธรรมดามาก ทุกคนเข้าใจ ข้อความมีอย่างนี้ครับ "มีการร่วมมือกันอย่างเป็นระบบของเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรม เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทนายความ พยาน และบุคคลทั่วไป ในการเข้าแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นของการดำเนินคดีมาจนถึงปัจจุบัน โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ใช้อิทธิพลบังคับ และสร้างพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ เพื่อช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดพ้นจากการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย" นั่นคือประเด็นที่ 1

ประเด็นที่ 2 มีข้อสงสัยว่าผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ในชั้นสอบสวน คณะกรรมการเชื่อว่าผู้ต้องหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ดาบตำรวจวิเชียร กลิ่นประเสริฐ ถึงแก่ความตาย และการไม่หยุดรถทันทีหลังจากชนผู้ตาย แต่กลับพาร่างผู้ตายไปไกลกว่า 60 เมตร และลากรถจักรยานยนต์ผู้ตายไปไกลกว่า 160 เมตร ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าผู้ต้องหาน่าจะกระทำความผิดฐานฆ่าผู้ตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล เพราะวิสัยวิญญูชนเมื่อขับรถชนย่อมต้องหยุดตรวจสอบหรือให้ความช่วยเหลือ แต่ผู้ต้องหาหาทำเช่นนั้นไม่

ประเด็นที่ 3 มีความพยายามช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดพ้นจากคดีทันทีหลังเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทองหล่อ


ความพยายามช่วยเหลือผู้ต้องหาให้รอดพ้น เริ่มด้วย พ.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ได้สร้างพยานเท็จ โดยนำตัวนายสุเวศ หอมอุบล ลูกจ้างของครอบครัวอยู่วิทยา มามอบตัว รับสมอ้างว่าเป็นผู้ขับรถ ข้ออ้างอันเป็นเท็จนี้ เป็นเหตุให้ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวน ตั้งข้อหาอันเป็นเท็จและไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อผู้ตาย ซึ่งผู้ตาย ตายในทันทีหลังจากถูกชน ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ตั้งข้อหาผู้ตายว่า ดาบตำรวจ วิเชียร เป็นผู้ต้องหาร่วม ทั้งที่การตั้งข้อหาจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อบุคคลมีชีวิตอยู่ และได้แจ้งข้อหาให้แก่ผู้นั้น คนตายแล้วยังไปตั้งข้อหาเขาอีก


แล้วในรายงานของอาจารย์วิชา บอกว่า ทั้งที่การตั้งข้อหาจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อบุคคลมีชีวิตอยู่ และได้แจ้งข้อหาให้แก่ผู้นั้น ผมเอารูปท่าน พ.ต.อ.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ ขึ้นให้ดู พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ


เดือนพฤศจิกายน 2563 ปีที่ผ่านมา ในวาระแต่งตั้งโยกย้ายรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึง ผู้บังคับการ ผู้กำกับ ประจำปี 2563 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพิ่งเซ็นให้ พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ย้ายจากผู้กำกับการสอบสวน กลุ่มงานสอบสวน กองบังคับการตำรวจจราจร ไปเป็นผู้กำกับการ ฝ่ายอำนวยการ 4 กองบังคับการอำนวยการ สำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร นั่นก็คือ กองบัญชาการไซเบอร์ อันนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการลดตำแหน่ง กลับย้ายไปสู่กองบัญชาการที่มีศักยภาพสูง มีแต่คนอยากไปอยู่ ก็ต้องถือว่าได้ดี ทั้งๆ ที่ตัวเองถูกกล่าวหาในรายงานของท่านวิชา มหาคุณ ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง


ประเด็นที่ 4 ตำรวจยื้อคดี ส่งคดีให้อัยการล่าช้าเกินกำหนด 6 เดือน และไม่มีการนำผู้ต้องหาไปฝากขังต่อก่อนครบกำหนด อันนี้ก็ชัดเจนนะครับ ไม่ต้องพูดอะไรมาก

ประเด็นที่ 5 อัยการเป็นใจ ระบบมีช่องโหว่ ปล่อยให้ผู้ต้องหาประวิงคดีร้องขอความเป็นธรรมหลายปี จนคดีขาดอายุความ รวม 14 ครั้ง และทำสำเร็จในครั้งที่ 14

กรณีนายบอส มีการยื่นร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการเป็นจำนวน 14 ครั้ง ที่สิบสามครั้งแรกอัยการหรือรองอัยการสูงสุดได้สั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรมหลังสอบสวนเพิ่มเติม แต่ครั้งที่ 14 กลับทำได้ คือยุคของรองอัยการสูงสุด นายเนตร นาคสุข


การร้องขอความเป็นธรรมกลับเป็นผลสำเร็จในการร้องขอครั้งที่ 14 จากการพิจารณาเพียงพยานหลักฐานเดิมที่ได้เคยมีการพิจารณาไปแล้ว และเห็นว่ามีพิรุธและไม่น่าเชื่อถือในการพิจารณาร้องขอความเป็นธรรมในหลายครั้งก่อนหน้านั้น

ประเด็นที่ 6 ในหน้าที่ 3 ของรายงานระบุชัดเจนว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มคดีบอส กระทิงแดง ด้วย

ในรายงานของท่านวิชา ระบุรายชื่อจำนวน 7 คน โดย 6 คน เป็นตำรวจ 1 คน เป็นอัยการ ไว้อย่างชัดเจน ว่าเกี่ยวข้องในการสร้างหลักฐานเท็จ


1. พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และกรรมาธิการในคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ
2. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ตำแหน่งในเวลานั้น) ปัจจุบันท่านเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
3. พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง
4. พล.ต.ท.วิรดล ทับทิมดี พนักงานสอบสวน
5. พ.ต.อ.วิวัฒน์ สิทธิสรเดช
6. นายธนิต บัวเขียว ทนายความผู้ต้องหา และ
7. พนักงานอัยการที่ไม่ทราบชื่อ

ในรายงานของท่านวิชา เขียนว่า ได้ร่วมกันจัดให้รองศาสตราจารย์ สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ได้พบ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น เพื่อนำเสนอวิธีการคำนวณความเร็วใหม่


และมีการสอบปากคำ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ภายใต้การกำกับของพนักงานไม่ทราบชื่อ เพื่อจัดทำพยานหลักฐานเท็จ โดยแก้ไขวันที่สอบปากคำให้เป็นวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2559 และวันที่ 2 มีนาคม 2559 แก้ปากคำโดยให้การกดดันหรือใช้อิทธิพลบังคับ ให้ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น ให้การเปลี่ยนความเห็นในเรื่องความเร็วของรถผู้ต้องหาในขณะที่ชนผู้ตาย จาก 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ตามที่ปรากฏในรายงานการพิสูจน์หลักฐานครั้งแรก เป็นความเร็วที่ไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อให้สอดคล้องกับผลการคำนวณความเร็วรถของ รองศาสตราจารย์ สายประสิทธิ์ เกิดนิยม ซึ่งได้มีการตระเตรียมกันไว้ล่วงหน้า

ในรายงานระบุต่อว่า การลงวันที่อันเป็นเท็จดังกล่าวเป็นข้อเสนอของ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก และพนักงานอัยการไม่ทราบชื่อ น่าเชื่อว่าเป็นไปเพื่อกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ให้ออกจากเรื่องนี้ และเพื่อให้การคำนวณความเร็วของรถใหม่ใช้เวลาตามควรเพื่อให้น่าเชื่อถือ

การร่วมมือระหว่างทนายความผู้ต้องหา ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ ดังกล่าว ย่อมทำให้การสอบสวนเป็นการสอบสวนที่ไม่สุจริต และไม่ชอบด้วยกฎหมายอย่างชัดเจน

ท่านผู้ชมครับ คำถามของผมมีว่า หากพฤติกรรมของเหล่านายตำรวจและอัยการดังกล่าวเป็นจริง จะถือว่าเป็นความผิดกฎหมายข้อใดบ้าง ? สำหรับ พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก ปัจจุบันท่านเป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก่อนหน้านี้เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. โดย พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก เกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน ปีนี้ (2564)


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมได้ยินหรือเปล่า "การลงวันที่อันเป็นเท็จเป็นข้อเสนอของ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก" คนที่บิดเบือนหลักฐาน แล้วอดีตก็เป็นผู้บัญชาการกองพิสูจน์หลักฐาน ยังทะลึ่งได้เลื่อนเป็นพลตำรวจเอก รอง ผบ.ตร. ท่านผู้ชม ประเทศนี้จะอยู่ที่ไหนแล้ว ประเทศนี้มันเป็นเชี่ยอะไร ผมไม่เข้าใจ ได้เลื่อนเป็นรอง ผบ.ตร. แล้วก็เป็นคนที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ส่งไปตรวจสอบเรื่องราวของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล กรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวพันกับยาเสพติด ยาไอซ์ 1,500 กิโลกรัม ท่านผู้ชมครับ ผมพูดแล้วผมจะร้องไห้

ส่วน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ท่านผู้ชมยังจำประโยคเด็ดของเขาได้ไหม เขาพูดว่า "ตลอดชีวิตรับราชการของผมเกือบจะเรียกได้ว่าอาชีพตำรวจนี้ถือว่าเป็นไซด์ไลน์ อาชีพหลักๆ ของผมคือทำธุรกิจ" ปัจจุบันเป็นนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีเงินมีทองเยอะแยะไปหมดมาเล่นหุ้น

ประเด็นที่ 7 พล.ต.อ.สมยศ ใช้พยานหลักฐานที่ร่วมจัดทำขึ้นชงเรื่องเข้าร้องขอความเป็นธรรมในกรรมาธิการฯ สนช. โดยนายธานี อ่อนละเอียด เป็นคนรับลูก

นายธานี อ่อนละเอียด
อย่างไรก็ตาม ความพยายามในการใช้พยานหลักฐานเท็จในการร้องขอความเป็นธรรมยังไม่ประสบผลสำเร็จ ผู้ต้องหา ทีมทนายความ และกลุ่มบุคคลที่มีส่วนร่วมในการให้การช่วยเหลือผู้ต้องหามิให้ต้องรับโทษ ได้ใช้อิทธิพลการเมืองมากดดันกระบวนการยุติธรรม โดยการร้องขอความเป็นธรรมเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2559 กับคณะกรรมาธิการที่ประกอบด้วยข้าราชการตำรวจ ทหารระดับสูง เจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ในกระบวนการยุติธรรม เป็นกรรมาธิการ

16 ธันวาคม พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ซึ่งเป็นกรรมาธิการ ได้ให้ความเห็นและอ้างพยานหลักฐานเท็จเกี่ยวกับความเร็วรถของผู้ต้องหาที่ตนมีส่วนจัดให้มีการจัดทำขึ้นเพื่อสนับสนุนการร้องขอความเป็นธรรมให้กับผู้ต้องหา ความพยายามนี้สอดรับกับแนวทางการทำงานและผลสรุปของคณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นโดยคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาร้องขอความเป็นธรรม และมีนายธานี อ่อนละเอียด เป็นประธานคณะทำงาน นายธานี อ่อนละเอียด ได้ไปเป็นพยานให้ปากคำสนับสนุนข้ออ้างของผู้ต้องหาในการสอบสวนเพิ่มเติมต่อพนักงานสอบสวน เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2561

นายธานี อ่อนละเอียด ปัจจุบันเป็นสมาชิกวุฒิสภา อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และกิจการตำรวจ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

ประเด็นที่ 8 ขบวนการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมในชั้นอัยการ โดยอัยการ 2 คน อัยการอาวุโส และระดับรองอธิบดีอัยการ ชงเรื่องให้นายเนตร นาคสุข แม้จะมีอัยการท่านอื่นคัดค้านก็ตาม

อัยการอาวุโสที่มีความเห็นช่วยนายบอส ให้สอบเพิ่มเติม คือนายยรรยง พิทยพันธุ์ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีร้องขอความเป็นธรรม เป็นคนชงเรื่อง

ส่วนอัยการที่คัดค้าน คือนายพินันท์ ลักษณ์ศิริ อัยการผู้เชี่ยวชาญพิเศษ สำนักงานกิจการอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการในหน้าที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีร้องขอความเป็นธรรม ทำความเห็นให้ยุติการร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากท่านเห็นว่าพยานหลักฐานไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ ประกอบกับผู้ต้องหาร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาหลายครั้ง เชื่อได้ว่าเป็นการประวิงคดี และไม่ได้มาร้องขอด้วยตัวเอง ซึ่งความเห็นนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากนายประพัฒน์พงศ์ สุคนธ์ อัยการพิเศษฝ่ายสำนักงานคดีเยาวชนและครอบครัว รักษาการในตำแหน่งรองอธิบดีอัยการ

มีคนหนึ่งซึ่งคล้อยตามท่านอัยการยรรยง ก็คือ นายอนุสรณ์ สุทธรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด รักษาการในตำแหน่งอธิบดีอัยการ อัยการสองคนนี้ นายยรรยง และนายอนุสรณ์ ดึงดันชงเรื่องให้นายเนตร

นายเนตร นาคสุข รักษาการในตำแหน่งรองอัยการสูงสุด มีความเห็นในวันที่ 11 พฤศจิกายน ให้มีการสอบพยานเพิ่มเติม โดยเฉพาะ พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร และนายจาตุชาติ มาดทอง

ท่านผู้ชมครับ ในรายงานของท่านวิชา ระบุชัดว่า การใช้อำนาจในการสั่งคดีร้องขอความเป็นธรรม และต่อมาเป็นการสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาในคดีอาญาของนายเนตร นาคสุข ในฐานะเป็นรองอัยการสูงสุด ปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด เป็นการใช้อำนาจและดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และน่าเชื่อว่ามีเจตนาช่วยเหลือผู้ต้องหาเพื่อมิให้ต้องรับโทษ นี่คือรายงานของท่านวิชา เจ็บไหมครับท่านผู้ชม ชัดเจน


ประเด็นที่ 9 ความบกพร่องของนายตำรวจระดับสูงในการสั่งไม่แย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ โดยสรุปง่ายๆ ว่า พล.ต.ท.เพิ่มพูน ชิดชอบ ซึ่งท่านเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. และท่านเกษียณอายุ 30 กันยายน ปีนี้ และท่านยอมที่จะไม่ดำรงตำแหน่งปัจจุบัน เพื่อจะรับตำแหน่งพลตำรวจเอก เป็นโบนัสให้ ท่านวิชา บอกว่า ไม่รอบคอบ ไม่ระวัง ทำงานโดยไม่ระวังและไม่รอบคอบ

รายงานของท่านวิชา มีอยู่ข้อหนึ่งน่าสนใจ ประเด็นที่ 10 ผู้บังคับการต่างประเทศ ที่เขาเรียก ผบก.ตท. แจ้งตำรวจสากลเรื่องหมายจับ บอส กระทิงแดง แต่ถูกย้ายไปประจำที่ภาค 3 อย่างผิดปกติ

พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา อดีตผู้บังคับการตำรวจต่างประเทศ ผิดตรงที่ว่า เมื่อได้แจ้งให้ตำรวจสากลทราบถึงหมายจับผู้ต้องหา เพื่อส่งผู้ต้องหามาดำเนินคดี พอแจ้งไปเสร็จ พล.ต.ต.อภิชาติ ถูกย้ายไปดำรงตำแหน่งผู้บังคับการประจำกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เป็นการโยกย้ายที่ไม่ปกติ ไม่ปกติเพราะทะลึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง ไม่เล่นเกมกับเขา

พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา
ประเด็นที่ 11 โทรศัพท์มือถือพยานปากสำคัญคดีบอส "จารุชาติ มาดทอง" ถูกทำลายหลังเสียชีวิต สงสัยว่าเป็นการทำลายหลักฐาน

คือนายจารุชาติ มาดทอง เป็นพยานคนหนึ่งซึ่งฝ่ายจำเลยอ้างว่าได้เห็นเหตุการณ์ในการขับรถของนายบอส ว่าขับ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง


ในรายงานบอกว่า คณะกรรมการพบว่าทนายความของผู้ต้องหา ได้แก่ นายธนิต บัวเขียว มีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดผลของการสั่งไม่ฟ้อง โดยนายธนิต ได้ไปพบกับรองศาสตราจารย์ สายประสิทธิ์ พร้อมกับนายชูชัย เลิศพงศ์อดิศร อดีต ส.ว.ก๊อง ซึ่งปัจจุบันเป็นนายก อบจ.เชียงใหม่ สายทักษิณ ชินวัตร และเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เพื่อขอให้มีการคำนวณความเร็วรถของผู้ต้องหาใหม่


รายงานของท่านวิชา บอกว่า สำหรับนายจารุชาติ ซึ่งเป็นพยานปากสำคัญที่ได้ให้การว่า ผู้ต้องหาขับรถเร็วโดยประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นั้น คณะกรรมการได้พบว่า ได้มีการอุปการะจากนายชูชัย ประธานสโมสรฟุตบอลเชียงใหม่ ยูไนเต็ด หรือ ส.ว.ก๊อง หรือนายก อบจ. เชียงใหม่ ปัจจุบัน ตามคำแนะนำของนายเฉลิม อยู่วิทยา ซึ่งเป็นผู้ให้การสนับสนุนทางการเงินแก่สโมสรฯ นอกจากนี้ หลังจากนายจารุชาติ ถึงแก่ความตายอย่างกะทันหัน ภายหลังที่ได้มีชื่อปรากฏในข่าว พบว่าโทรศัพท์มือถือของนายจารุชาติ ถูกทำลาย ทำให้ตั้งข้อสงสัยได้ว่าเป็นการทำลายพยานหลักฐานที่จะเชื่อมโยงนายจารุชาติ กับบุคคลที่อยู่เบื้องหลัง


ด้วยเหตุทั้งหมดที่กล่าวมา 11 ข้อ คณะกรรมการชุดท่านวิชา มหาคุณ สรุปในรายงานว่า "กระบวนการทั้งสิ้นนี้จึงมิชอบด้วยกฎหมาย"

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูกันว่าคนที่ได้ดีจากการช่วยนายบอส - วรยุทธ อยู่วิทยา แทนที่จะต้องถูกลงโทษ กลับได้รางวัล

พล.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง สารวัตรปราบปราม สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เป็นคนสร้างพยานหลักฐานเท็จ นำตัวนายสุเวศ หอมอุบล ลูกจ้างของครอบครัวอยู่วิทยา มามอบตัว รับสมอ้างว่าเป็นผู้ขับรถ


ในตอนแรกได้ข่าวว่าถูกให้ออกจากราชการชั่วคราว แต่ปี 2560 เมษายน อดีต สวป. ของ สน.ทองหล่อ ที่เคยถูกให้ออกจากราชการ ก็ยังคงส่องแสงสว่างเรืองรอง ทั้งในฐานะผู้มีพระคุณต่อตระกูลกระทิงแดง และนายตำรวจที่พ้นมลทิน ฟ้าหลังฝน ผลตอบแทนที่ช่วยคนรวย พล.ต.ท.ปัณณ์ณภณ นามเมือง หลุดพ้นพงหนาม กลับมาเป็นรองผู้กำกับสืบสวน สน.ท่าเรือ ถิ่นเก่า บก.น.5 ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่มีแต่คนอยากนั่งนะท่านผู้ชม เป็นตำแหน่งที่เงินทองทั้งนั้น สืบสวนโรงพักท่าเรือ สุดยอดฝีมือ เป็นคำตอบว่าทำไมคนรวยจึงไม่ติดคุก ทำไมคนรวย ผู้มีอำนาจจึงคอยเอาใจ ช่วยเหลือ แม้ต้องเสี่ยงเอาอนาคตเข้าแลก ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งตำแหน่ง กลับมารับราชการได้ตำแหน่งที่ดี

ตำรวจที่เกี่ยวข้อง ยังมีตำรวจอีกหลายคน มันมีบางคนผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน ได้ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชุมพล พุ่มพวง จากผู้กำกับ สน.ทองหล่อ ตอนนี้มาเป็นผู้บังคับการตำรวจจังหวัดสมุทรปราการ พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม จากพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ มาเป็นรองผู้บังคับการอัตรากำลังพล


พ.ต.อ.วิบูลย์ ถิ่นวัฒนากูล จากว่าที่พันตำรวจเอกในตอนนั้น ตอนนี้มาเป็นผู้กำกับสอบสวนแล้ว บก.น.2 พ.ต.อ.วิรดล ทับทิมดี ผู้กำกับสอบสวน สน.ทองหล่อ มาเป็นผู้กำกับสอบสวน บก.จราจร บช.น. ท่านผู้ชมครับ ได้ดีกันทุกคนเลย

ท่านผู้ชมครับ แล้วเราจะหวังให้ข้าราชการซื่อสัตย์และทำคุณงามความดีกับชาติบ้านเมืองได้อย่างไร ก็ในเมื่อมันช่วยวรยุทธ อยู่วิทยา (บอส) หลักฐานมีชัดเจน สืบสวนกันได้ชัดเจน ก็ปรากฏว่าได้ดีกันทุกคน มิหนำซ้ำในการที่จะพิจารณาคดีต่างๆ ที่ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมทราบแล้ว ว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อพิจารณา แล้วมีเสียงส่วนใหญ่ในนั้นบอกว่าให้ยุติการสอบสวนต่อ ช่วยกันไง แทนที่จะมีคำสั่งออกมาเลยว่า สืบเนื่องจากพันตำรวจโทที่เป็นสารวัตรปราบปราม ที่เอาพยานเท็จมาเป็นตัวแทนนายบอส คนนี้ต้องให้ออกจากราชการ ท่านผู้ชม เอาพยานเท็จมายัด ความผิดร้ายแรงขนาดไหน คนๆ นี้ฉีกหลักการของความยุติธรรมที่ตำรวจควรจะมีทิ้ง ยังได้ดิบได้ดีมาอยู่ที่ สน.ท่าเรือ ชิลๆ ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ท่านผู้ชมจะพึ่งพาได้ไหมตำรวจยุคนี้ อัยการยุคนี้ บางคน พึ่งพาไม่ได้เลย ทำไมผมต้องเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง เพราะผมเคยพูดมาแล้ว เพียงแต่ผมไม่ได้มีรายละเอียดเยอะขนาดนั้น วันนี้ผมก็เลยเอารายละเอียดของรายงานท่านวิชา มา ที่เขาสรุปเป็น 11 ประเด็น แล้วระบุคนเลยว่าใครทำอะไรบ้าง

พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก
พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก สร้างเรื่องเท็จ เพื่อกัน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ออกมาว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ และให้สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ รองศาสตราจารย์ สายประสิทธิ์ ก็ได้ดิบได้ดี ขึ้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ คนอย่างนี้เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้วคนอย่างนี้ไปทำงานเพื่อไปตรวจสอบข้อกล่าวหาของ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ แล้วกลับมาบอกว่ายังไม่พบความผิด ผมไม่ได้ประหลาดใจเลยที่คุณบอกว่ายังไม่พบความผิด เพราะผมรู้ธงอยู่ตั้งนานแล้ว คุณถูกวางตัวเพื่อไปปิดเรื่องปิดราวของเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้น ท่านผู้ชม ยังมีความหวังอยู่หรือเปล่า ผมคนหนึ่งที่ไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมจำรถยี่ห้อหนึ่งได้ไหม โตโยต้า พรีอุส (Toyota Prius) ผมจำได้ว่าโตโยต้า พรีอุส เป็นรถไฮบริด คือใช้ทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน มีชื่อเสียงมาก น่าจะเป็นรถไฮบริดรุ่นแรกเลย ของโลก และเป็นรถที่ขายดีมาก ในสหรัฐอเมริกานั้น ถ้าผมจำไม่ผิด คนที่ใช้โตโยต้า พรีอุส จะเป็นพวกที่เขาเรียกว่า Professional เป็นหมอ เป็นทนายความ เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย หรือเป็นผู้บริหารในองค์กร ที่มีความรู้สึกว่าอยากจะประหยัดน้ำมัน และอยากจะทำให้โลกหายร้อนมากขึ้น เพราะว่าการที่มีแบตเตอรีเป็นระบบไฟฟ้า ที่เขาเรียกว่า ไฮบริด ใช้ได้ทั้งไฟฟ้าและน้ำมัน มันทำให้คนที่ใช้รู้สึกว่าเท่


โตโยต้า พรีอุส นั้นมีชื่อเสียงโด่งดังทั่วโลก ตอนนั้นที่ผมอยู่เมืองไทย ผมก็ยังคิดว่าเมื่อไร โตโยต้า พรีอุส จะเข้ามา ก็ปรากฏว่าประมาณสักปี 2551 หรือ 2550 ก็เริ่มมีโตโยต้า พรีอุส เข้ามา แต่ว่าเป็นตลาดสีเทาที่พวกเราเรียกกันว่า Gray Market นั่นก็คือ โตโยต้า ไม่ได้ทำ หรือไม่ได้สั่งเข้ามา แต่ว่ามีพวกเอเยนต์รถที่สั่งจากเมืองนอกเข้ามา แล้วเอามาขาย

พอมาปี 2553 โตโยต้า พรีอุส ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรกในเมืองไทย โดยบริษัท โตโยต้า เป็นคนประกอบในประเทศไทย มีนาคม 2555 มีการปรับโฉมใหม่ ปรับปรุงรูปแบบภายนอกเล็กน้อย พอเข้ามิถุนายน 2555 มีเรื่อง ท่านผู้ชมครับ ผมย้อนเหตุการณ์ในอดีตให้ฟัง เผื่อท่านผู้ชมยังไม่เข้าใจ จะได้เข้าใจที่มาที่ไปของมัน เพราะว่าเดี๋ยวผมจะเล่าเรื่อง ว่าโตโยต้า พรีอุส กำลังทำให้กระบวนการยุติธรรมในเมืองไทยปวดหัวกันหนัก เพราะมีข้อกล่าวหาหลายๆ อย่าง ปรากฏว่าในปี 2555 เดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ได้ตรวจสอบการชำระภาษีอากรของ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ที่นำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์จากประเทศญี่ปุ่นมาประกอบเป็นรถยนต์โตโยต้า พรีอุส พบว่ามีการสำแดงใบขนและขอใช้สิทธิลดอัตราการนำเข้าไม่ตรงตามข้อเท็จจริง หลักๆ ก็คือ กรมศุลกากรก็บอกว่า ถ้าคุณจะประกอบในเมืองไทย ถ้าคุณจะเอาเข้ามา อย่างน้อยที่สุดคุณต้องมีสัดส่วนซื้ออุปกรณ์ในเมืองไทยอย่างน้อยกี่เปอร์เซ็นต์ ตีเสียว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ หรือ 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลืออีก 50 เปอร์เซ็นต์ คุณขนเข้ามาได้ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็จะเสียอัตราภาษีแค่ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์

แต่ถ้าคุณเอาเข้ามาแบบที่คุณเอาเข้ามาอย่างนี้ กรมศุลกากรตีความว่า ที่คุณเอาเข้ามาแบบนี้ มันไม่ได้เข้าข่ายที่คุณจะต้องเสียภาษี 10 เปอร์เซ็นต์ คุณต้องเสียภาษีถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ตรงนี้เองที่กรมศุลกากรมีมติ โตโยต้า ก็เลยอุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภาษี กรมศุลกากร พอพิจารณาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 2558 เดือนเมษายน อธิบดีกรมศุลกากร ก็ยืนยันว่า คณะกรรมการอุทธรณ์ของกรมศุลกากรมีมติให้เรียกภาษีที่ขาดไป ตามที่เคยแจ้งไปให้ทราบ โตโยต้า มอเตอร์ ก็เลยต่อสู้ แล้วก็อ้างว่า เอาชิ้นส่วนพรีอุส มาผลิตร่วมกับชิ้นส่วนที่จัดซื้อในประเทศ ภายใต้กระบวนการผลิตที่มีความซับซ้อน โดยมีสายการผลิตอยู่ที่โรงงานเกตเวย์ เริ่มสายการผลิตตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2553 จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ การนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์ทุกชิ้นได้มีการสำแดงเอกสารถูกต้อง ครบถ้วน ตามกฎหมาย และได้รับการอนุมัติการนำเข้าและการตรวจปล่อยจากทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง โตโยต้า ก็เลยบอกว่าไม่ยอม โตโยต้า ก็เลยหยุดการผลิตรถพรีอุส ตั้งแต่ปี 2558 เดือนกันยายน หลังจากที่ผลิตมาแล้วตั้งแต่ปี 2553 ก็ประมาณ 6 ปี


ด้วยเหตุนี้ โตโยต้า พรีอุส ก็เลยไม่มีปรากฏในประเทศไทยอีกต่อไป รถที่ใช้กันทุกวันนี้ ที่เห็นว่าเป็นพรีอุส ก็เป็นรุ่นที่ประมาณ 8-10 ปีที่ผ่านมา

ในที่สุดแล้ว โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็เลยฟ้องกรมศุลกากร ต่อศาลชั้นต้น ว่าเรียกภาษีผิด ศาลชั้นต้นท่านก็พิพากษา แล้วก็ตัดสินให้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ นั้น ชนะคดี กรมศุลกากรก็เลยอุทธรณ์ พอท่านอุทธรณ์คดีเข้าไปปั๊บ เนื่องจากว่าคดีนี้เป็นคดียักษ์ใหย่ โตโยต้า มอเตอร์ ก็มีเส้นสนกลใน มีสายสัมพันธ์มากมาย และในช่วงนั้น คุณประมนต์ สุธีวงศ์ ซึ่งท่านเป็นหัวหอกในการจัดตั้งนำองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ท่านเป็นประธานโตโยต้า ก็เลยทำให้ทุกคนจับตาดูในคดีนี้ ก็ปรากฏว่าประธานศาลอุทธรณ์ท่านก็เลยมีคำสั่งให้พิจารณาคดีนี้ โดยใช้องค์คณะทั้งหมดเลย ผู้พิพากษาทุกคนในศาลอุทธรณ์เข้ามาร่วมพิจารณาคดีนี้ ก็ปรากฏว่ามีผู้พิพากษาท่านหนึ่ง ซึ่งอดีตท่านเคยเป็นคณะกรรมการ คตง. คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน และท่านรู้เรื่องนี้ดี ท่านก็เลยชี้แจงข้อมูลต่างๆ ออกมา ปรากฏว่า องค์คณะศาลอุทธรณ์ทั้งหมด ที่ประชุมใหญ่ศาลอุทธรณ์คดีชำนาญพิเศษ ก็เลยพิพากษากลับ ให้กรมศุลกากรชนะ ทำให้โตโยต้า ต้องแพ้คดี ทำให้โตโยต้า ซึ่งถูกกรมศุลกากรเรียกภาษีเพิ่มอีกประมาณ 11,000 ล้านบาท


พอหลังจากที่แพ้คดีแล้ว โตโยต้า ก็ยื่นฎีกา ตามกฎหมายแล้วก็ต้องให้ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อนุญาตให้ฎีกา ซึ่งในที่สุดแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากร อนุญาตให้ฎีกา เพราะเข้าหลักเกณฑ์หลายประการตามกฎหมาย ศาลฎีกาได้อ่านคำสั่งว่าศาลฎีกาตัดสินให้รับคดีฎีกาไว้เพื่อพิจารณาให้คู่ความทั้งสองฝ่ายฟัง ในช่วงเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ขณะที่คู่กรณียื่นฎีกา

ทีนี้มันก็มีเรื่องเกิดขึ้นมาทันที 18 มีนาคม 2564 สื่อต่างประเทศ เยอะเลย รายงานว่า โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ก็คือบริษัทแม่ของโตโยต้า ได้รายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการละเมิดกฎหมายต่อต้านสินบนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทลูกแห่งหนึ่งในประเทศไทย คือ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป นั้นสำนักงานใหญ่อยู่ที่อเมริกา โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เป็นบริษัทลูกของ โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เนื่องจากว่า โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป นั้นเป็นบริษัทอยู่ในตลาดหลักทรัพย์อเมริกา ก็เลยต้องรายงานทุกเรื่องที่เกิดขึ้นของบริษัทลูกในทั่วประเทศให้กับตลาดหลักทรัพย์แห่งอเมริกา (SEC) และกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ว่ามีเรื่องมีราวเกิดขึ้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นคือเรื่องอะไร ?


18 มีนาคม 2564 มีข่าวในต่างประเทศรายงานว่า โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้รายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการละเมิดกฎหมายต่อต้านสินบนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทลูกแห่งหนึ่งในประเทศไทย ต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐฯ (SEC : Security Exchange Commission) และกระทรวงยุติธรรม โดยยืนยันว่า ทางบริษัทแม่จะให้ความร่วมมือในกับการสืบสวน


โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ที่อเมริกา ระบุว่า พวกเขาเปิดเผยรายละเอียดของความเป็นไปได้ต่อการกระทำผิดต่างๆ นานา ต่อหน่วยงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐฯ และกระทรวงยุติธรรม ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 และระบุว่า กำลังให้ความร่วมมือกับการสืบสวนของหน่วยงานนี้ การสืบสวนอาจนำมาซึ่งผลลัพธ์กำหนดบทลงโทษทางแพ่งหรือทางอาญา โทษปรับหรือมาตรการการลงโทษอื่นๆ หรือการฟ้องร้องดำเนินคดี โดยกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ หรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งอเมริกา


คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ฯ ของอเมริกา และกระทรวงยุติธรรม เขามีกฎหมายตัวหนึ่ง เขาเรียกว่า กฎหมายต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในต่างประเทศของอเมริกา (FCPA) ซึ่งห้ามบริษัททั้งหลายจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติ นั่นก็คือว่า โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย นั้น เป็นบริษัทลูกของโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ในอเมริกา โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ต้องใช้กฎหมายอเมริกาเป็นหลัก และกฎหมายอเมริกามีว่า สั่งห้ามไม่ให้บริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และบริษัทลูก ที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อเมริกาเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะอยู่มุมไหนของโลกก็ตาม จ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐต่างชาติ เช่น จ่ายสินบนให้กับกระทรวงคมนาคมของประเทศไทย จ่ายสินบนให้กับกระทรวงอุตสาหกรรมในประเทศไทย เขาบอกสั่งห้ามเด็ดขาด เพราะทำแล้วผิดกฎหมาย

ข่าวนี้เป็นข่าวดังในประเทศ เมื่อกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา สื่อทุกสำนักลงกันหมด รอยเตอร์ก็ลง นิกเกอิก็ลง บลูมเบิร์กก็ลง วอลล์สตรีทเจอร์นัลก็ลง เดี๋ยวผมจะขึ้นรูปให้ดูว่ามีใครบ้างที่ลงข่าวชิ้นนี้

ที่ลงข่าวชิ้นนี้ ที่น่าสนใจ สื่อไทยก็ลงนะท่านผู้ชม แต่ลงไปตามข่าวต่างประเทศ คือไม่มีรายละเอียดอะไรเลย ทั้งๆ ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองไทยแท้ๆ ในปี 2555 หรือประมาณ 9 ปีที่แล้ว เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์โตโยต้า พรีอุส

ในประเทศไทย โตโยต้า พรีอุส วางจำหน่ายครั้งแรก 2553-2558 โตโยต้า ตัดสินใจหยุดผลิต เขาอ้างว่ารัฐบาลไทยไม่ได้สนับสนุนรถไฮบริดอย่างแท้จริง เราผลิตและขายไปแล้วประมาณ 18,000 คัน ในประเทศไทย

ทั้งหมดนี้ เรื่องที่มันเกิดขึ้น เดี๋ยวผมจะเอารูปให้ดู ปัญหาเบื้องหลังที่เกิดขึ้น ข่าวมันมาแดงขึ้นพร้อมรายละเอียดฉาวโฉ่ นั่นก็คือว่า ทางสื่อต่างประเทศลงรายงานข่าวว่า โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย มีความเป็นไปได้ที่จะติดสินบนผู้พิพากษาศาลฎีกา เพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์จากการพิพากษาคดี นั่นคือข่าวที่ต่างประเทศลงนะครับ


ข้อมูลลับโตโยต้า ออกมาจากเว็บไซต์ Law360 ซึ่งเป็นเว็บไซต์กฎหมายของอเมริกา วันพุธที่ 31 มีนาคม 2564 ประมาณ 9-10 วันที่ผ่านมา สำนักข่าวอิศรา รายงานว่า "เปิดเผยข้อมูลลับโตโยต้าสอบสวนบริษัทลูกไทยจ่ายผู้พิพากษาศาลฎีกา พลิกคดีภาษีหมื่นล้าน" ท่านผู้ชม ทีนี้เป็นเรื่องใหญ่แล้วสิ ซึ่งรายละเอียดระบุว่า จากการสืบค้นข้อมูลพบว่า เมื่อวันที่ 30 มีนาคม เว็บไซต์ Law360 ซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข่าวและวิเคราะห์ทางด้านกฎหมายในอเมริกา ได้เปิดเผยข้อมูลผลการสอบสวนข้อครหาการทุจริต โดยมีข้อมูลส่วนหนึ่งระบุเส้นทางการเงินสินบนที่จ่ายให้กับผู้พิพากษาศาลฎีกา ทั้งในอดีตที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องให้โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ชนะคดี มาจนถึงปัจจุบัน คือในช่วงฎีกานี้ รวมทั้งบุคคลชั้นนำในวงการเงินและกระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยอีกหลายรายด้วย กล่าวหากันอย่างนี้เลยนะครับ ว่าข้อมูลที่ได้มาจากการสืบสวนสอบสวนของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ค้นพบว่าได้มีการจ่ายสินบนจริง เป็นระยะเวลากว่า 6 เดือน ก่อนที่บริษัท โตโยต้า จะเปิดเผยข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่สหรัฐอเมริกา ว่า อาจจะมีการให้สินบนในประเทศไทยเกิดขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ที่อเมริกา สอบสวนภายในว่าที่ปรึกษาบริษัทได้มีส่วนในการจ่ายสินบนให้ผู้พิพากษาและรัฐบาลไทยเพื่อแลกกับการไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้ารถยนต์ พรีอุส คิดเป็นมูลค่าที่ต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก มูลค่า 350 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 10,958.5 ล้านบาท

นายสมชัย สัจจพงษ์
เมื่อปี 2558 เมษายน นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตอธิบดีกรมศุลกากร ในเวลานั้น และเป็นอดีตปลัดกระทรวงคมนาคม และเพิ่งลาออกไปในยุคของคุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกฯ และคุณอุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยเมื่อปี 2558 ว่า ศุลกากรได้มีการตรวจสอบการเสียภาษีของโตโยต้าแล้ว ค้นพบว่าโตโยต้ามีความผิด ชำระภาษีอากรไม่ถูกต้อง เป็นเหตุให้อากรและภาษีขาด อากรจำนวนที่ขาดนั้น รวมเบ็ดเสร็จแล้วประมาณ 11,600 ล้านบาท คุณสมชัย ให้เหตุผลว่า สาเหตุที่ต้องเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มจากบริษัท เนื่องจากกรมฯ พิจารณาเห็นว่าการนำเข้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์รุ่น พรีอุส ของโตโยต้า เป็นการนำเข้าในลักษณะที่ควรสำแดงภาษีในรูปแบบของการนำเข้าทั้งคัน ขณะที่บริษัทฯ สำแดงในรูปแบบชิ้นส่วนประกอบรถยนต์

ท่านผู้ชมครับ ต่างกันนะครับ ถ้าชี้แจงว่านำเข้าเป็นชิ้นส่วนในการประกอบรถยนต์ ภาษีจะไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ ระหว่าง 8-20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งโตโยต้าได้เสียไปแล้ว 10 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้านำเข้าแบบรถยนต์ทั้งคัน จะเสียประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ หากบริษัทมีหลักฐานชัดเจนว่าชิ้นส่วนนำเข้านั้นนำมาเพื่อประกอบรถยนต์จริง จะให้ความเป็นธรรม แต่หากนำเข้าชิ้นส่วนเพื่อประกอบรถยนต์ได้ทั้งคัน ก็ต้องจัดเก็บภาษีตามเกณฑ์


โตโยต้าก็เลยยื่นฟ้อง หลังจากยื่นอุทธรณ์กับกรมศุลกากรแล้วไม่สำเร็จ ก็เลยยื่นฟ้องไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โตโยต้าชนะคดี ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้กรมศุลกากรชนะคดี

เว็บไซต์ Law360 ได้รวบรวมข้อมูลต่างๆ มา คือบริษัทที่ปรึกษาของโตโยต้า ชื่อ บริษัท วิลเมอร์เฮล (WilmerHale) มีรหัสการทำงานคือ Project Jack จุดมุ่งหมายก็พยายามตรวจสอบว่าบริษัทได้ละเมิดกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตของอเมริกาหรือเปล่า

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะถ้าพิสูจน์ได้ชัดเจนว่ามีการให้สินบนจริง แล้วโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ไม่ได้ดำเนินการอะไรในการที่จะเอาข้อมูลมาหรือตรวจสอบภายใน อาจจะโดนปรับเป็นเงินถึงขั้นแสนล้านบาท / 2-3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เป็นไปได้ เพราะฉะนั้นแล้ว โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ก็เลยต้องดำเนินการตรวจสอบภายในเอง โดยจ้างบริษัท วิลเมอร์เฮล ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการตรวจสอบภายใน

จากการสอบสวนภายในระบุว่า พฤติกรรมของการทุจริตอาจมีความเป็นไปได้ของการจ่ายเงินไปยังบริษัทที่ปรึกษาทางกฎหมาย หรือบริษัทที่ปรึกษาต่างๆ และเงินดังกล่าวถูกส่งต่อไปยังผู้พิพากษาไทย ที่ปรึกษาศาล หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อแลกกับความมั่นใจว่าจะได้ผลประโยชน์ในรูปคดีอันเกี่ยวข้องกับคดีสินบนทางรถยนต์ พรีอุส เอาล่ะสิท่านผู้ชม งานเข้าแล้ว


เว็บไซต์ Law360 ได้รับแจ้งมาจากแหล่งข้อมูลไม่ระบุนาม แต่น่าเชื่อถือได้รายหนึ่ง ได้ระบุถึงรายละเอียดแนวทางและเอกสารประเภทหนึ่งที่มักถูกจัดทำขึ้นเมื่อมีการสอบสวนภายในองค์กร ในสำเนาเอกสารมีการระบุหัวข้อชื่อว่า การสอบสวนภายในบริษัท TMC ก็คือ Toyota Motor Corporation (Thailand) ข้อมูลพื้นภูมิต่างๆ และกระบวนการทบทวนเอกสาร พบว่าพนักงานบริษัท โตโยต้า จ่ายเงินผ่านบริษัทกฎหมาย 8 แห่ง 12 คน เชื่อมโยงกับผู้พิพากษาที่รับเงินไปในคดี พรีอุส จากการตรวจสอบและแปลเอกสารแสดงให้เห็นชัดว่า บริษัท โตโยต้า นั้นมีความกังวลเป็นอย่างยิ่งถึงการจ่ายเงินอันทุจริต ที่มีเส้นทางการเงินไปสู่ทั้งอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา และผู้พิพากษาศาลฎีกาที่ยังคงดำรงตำแหน่งอยู่ในปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังพบว่ามีการจ่ายเงินให้กับบุคลากรชั้นนำในวงการการเงินและในกระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยอีกจำนวนหลายรายเช่นกัน

ในรายงานระบุว่า เอกสารเหล่านี้ระบุถึงการตั้งข้อสังเกตสำหรับการตรวจสอบและความเป็นไปได้ที่ผู้ซึ่งดำเนินการในนามบริษัท โตโยต้า ได้พยายามจะจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนใดก็ตาม ทั้งโดยทางตรงหรือทางอ้อม เพื่อให้ได้มาเพื่อให้มีผลดีต่อผลลัพธ์คดี พรีอุส

เอกสารนี้เป็นรายงานภายในที่บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ได้รับมา

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นของการตรวจสอบเรื่องนี้ คือผู้ที่ได้รับเงินดังกล่าวมีอิทธิพลเชื่อมโยงกับกลุ่มบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกา หรืออดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ที่จะส่งผลต่อรูปคดีพรีอุส หรือไม่ ทางวิลเมอร์เฮล ก็ขอให้ทีมสอบสวนบริษัทได้มีการพุ่งเป้าไปที่หลักฐานของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป รวมไปถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องในระดับโลกนั้น รับรู้ถึงการจ่ายเงินอันไม่ถูกต้องแก่บริษัทที่ปรึกษาด้วยหรือไม่

ประมนต์ สุธีวงศ์
บริษัท โตโยต้า ในวันที่ 29 เดือนมีนาคม 2564 ออกแถลงการณ์ว่ายินดีให้ความร่วมมือ โน่นนี่นั่น คุณประมนต์ สุธีวงศ์ ซึ่งเป็นประธานโตโยต้า ประเทศไทย และท่านเป็นประธานองค์กรต่อต้านการคอร์รัปชัน ท่านเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ท่านเป็นประธานกรรมการบริษัท โตโยต้า ประเทศไทย โน่นนี่นั่น ท่านก็ออกมายืนยันว่า เรื่องที่เป็นข่าวอยู่ในขณะนี้น่าจะเป็นประเด็นทางการเมืองที่ใช้โจมตีผม ในฐานะประธานองค์กรต่อต้านการคอร์รัปชัน และประธานกรรมาธิการปฏิรูปการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สปช. หากคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของผมทางการเมืองทั้งสองตำแหน่ง และกระทบไปถึงรัฐบาลที่มีความตั้งใจในการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน หรืออาจเป็นการปล่อยข่าวเพื่อหวังผลให้คณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ไม่กล้าที่จะวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว เพราะมีตัวเลขค่าภาษีอากรจำนวนสูงมาก กรณีที่มีการกล่าวหาผ่านสื่อช่องต่างๆ ด้วยถ้อยคำหมิ่นประมาท ตัวผมได้มอบหมายทนายความไปดำเนินคดีตามกฎหมาย ในคดีหมิ่นประมาทแล้ว

ในข้อมูลเชิงลึกที่ผมได้มา มีการติดต่อผู้พิพากษาจริง ส่วนจะเป็นคนใดก็ตาม ชื่ออะไรก็ตาม ผมได้รับทราบมา แต่ผมก็รับทราบมาเฉยๆ ผมยังไม่ปักใจเชื่อ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ได้เป็นผลดีเลยกับศาลสถิตยุติธรรม เพราะว่าจู่ๆ แล้วมันเป็นการกล่าวหาของต่างประเทศ และสำนักข่าวต่างประเทศก็เอาไปลงกันเยอะ จนกระทั่งท่านโฆษกของศาลยุติธรรม ท่านสุริยัณห์ หงษ์วิไล ท่านออกมาชี้แจงว่าคดียังไม่ถึงขั้นฎีกา อยู่ในกระบวนการพิจารณาคำร้องขออนุญาตฎีกาเท่านั้น (ซึ่งตอนนี้ถึงแล้ว ขึ้นไปถึงศาลฎีกาแล้ว เพราะว่าได้อนุญาตให้ฎีกาได้แล้ว) ยังไม่ได้มีการพิจารณาเนื้อคดีแต่อย่างใด (ซึ่งตอนนี้ก็มีการพิจารณาเรียบร้อยแล้ว)


ท่านโฆษกศาลยุติธรรมไม่ได้พูดให้ชัดเจน ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ไม่น่าจะมีได้ เป็นไปไม่ได้ โน่นนี่นั่น คดีในกลุ่มบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ตอนนี้มีทั้งหมด 10 สำนวน มีทุนทรัพย์ 1 หมื่นล้านบาท คำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ขัดแย้งกัน คือศาลชั้นต้น ให้โตโยต้าชนะ ศาลอุทธรณ์ให้กรมศุลกากรชนะ เพราะฉะนั้นแล้ว เป็นกรณีที่ไม่มีแนวพิพากษาศาลฎีกามาก่อน จึงอนุญาตให้ฎีกาได้ แต่ว่าการที่ท่านโฆษกศาลยุติธรรมแก้ตัวว่า อ้างมีการแอบอ้างเรื่องจ่ายสินบนผู้พิพากษานั้น มีอยู่ตลอด ไม่ใช่เรื่องแปลก แสดงว่าท่านก็ยอมรับเหมือนกันในทางอ้อม ว่าถ้ามีจริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็ถือเป็นการยอมรับทางอ้อมของท่านโฆษกศาลยุติธรรม เมื่อมีข่าวชิ้นนี้เกิดขึ้นมา ท่านก็บอกว่าเรื่องประเภทนี้ เอาเงินให้ผู้พิพากษานั้น มีอยู่ตลอด ไม่ใช่เรื่องแปลก ก็คือว่าเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ก็แสดงว่าเรื่องนี้ก็อาจจะมีมูลใช่ไหมครับ แล้วท่านก็แบ่งรับแบ่งสู้ ระบุว่า ถ้ามีข้อมูลจะดำเนินการตรวจสอบและจัดการอย่างเด็ดขาด ก็ต้องจัดการไป

ท่านผู้ชมครับ ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก แล้วผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ผมคิดว่าศาลยุติธรรมจะต้องจริงจังกับเรื่องนี้อย่างมากๆ อย่าไปทำเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ว่ามีอยู่แล้ว ตลอดมา ไม่ใช่เรื่องอะไรที่น่าแปลก

ท่านผู้ชมครับ ผมจะย้อนหลังไปถึงเรื่องบางเรื่องในอดีต 2 เรื่อง ให้เห็นชัด หลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่เปิดโปงออกมา ไม่ได้เกิดขึ้นโดยสื่อมวลชนในประเทศไทย แต่เกิดขึ้นเพราะว่าต่างชาติทำการตรวจสอบขึ้นมา แล้วก็แจ้งมาให้ประเทศไทยดำเนินการต่อ


เรื่องแรกท่านผู้ชมคงจำได้ เรื่องกรณีสินบนโรลส์-รอยซ์ ข่าวต่างประเทศในวันที่ 18 มกราคม 2560 สำนักงานปราบปรามการทุจริตของอังกฤษ หรือที่เรียกว่า SFO (Serious Fraud Office) คล้ายๆ ป.ป.ช.ของไทย พบว่านอกจากโรลส์-รอยซ์ จ่ายสินบนในประเทศที่สามแล้ว ยังจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้ซื้อในประเทศอินโดนีเซีย อินเดีย รัสเซีย ไนจีเรีย จีน มาเลเซีย และไทยด้วย โดยในส่วนของไทยนั้น เกี่ยวโยงกับบริษัทยักษ์ใหญ่ 2 บริษัท คือ ปตท. และการบินไทย โดยการบินไทย ก็คือค่าจัดซื้อเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ ซึ่งก็เป็นข่าวกันมาตลอด ผมจะไม่ลงไปในรายละเอียด แต่กำลังจะชี้ให้เห็นว่า สำนักงาน ป.ป.ช. อังกฤษ เล่นงานบริษัท โรลส์-รอยซ์ ฝรั่งนี่เวลาถูกเล่นงานแล้ว เขาเช็กอีเมล เขาเช็กหลักฐานแล้ว พอเขาขอข้อมูลมา ไม่มีใครกล้าปิดข้อมูล ไม่มีใครกล้าลบข้อมูลทิ้ง ไม่มีใครกล้าซ่อนข้อมูล ไม่เหมือนประเทศไทย เพราะฉะนั้นแล้ว อังกฤษก็เลยแจ้งมาว่า เมืองไทยก็มีการจ่ายสินบนโรลส์-รอยซ์ นะ ส่งชื่อมาแล้ว ตอนนี้เรื่องก็ยังอยู่ที่ ป.ป.ช.

อีกเรื่องหนึ่งก็คือ รัฐบาลญี่ปุ่นก็ตรวจสอบการจ่ายสินบน ก็เล่นงานบริษัท มิตซูบิชิ ว่ามิตซูบิชิเป็นคนเอาเงินไปจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ที่อยู่ทางใต้ เนื่องจากการที่มิตซูบิชินั้นจะต้องส่งอุปกรณ์จากเรือขึ้นท่าเรือขนอม เป็นอุปกรณ์โรงงานไฟฟ้า


ปูดจากต้นทางที่ญี่ปุ่น จนในที่สุดเรื่องก็ส่งมาที่เมืองไทย ป.ป.ช.ก็เลยฟัน ก็คือสั่งฟ้อง ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ชี้มูลความผิด คือพูดง่ายๆ ว่า เนื่องจากว่าท่าเรือขนอมนั้น ไม่สามารถจะรับน้ำหนักเรือใหญ่ขนาดนั้นได้ แต่จำเป็นต้องขนอุปกรณ์ไฟฟ้าชุดนั้นมาที่โรงไฟฟ้าขนอม ซึ่งบริษัทที่รับจ้างตอนนั้นมีอยู่ 2 บริษัท ก็คือ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และอีกบริษัทหนึ่งคือ บริษัท ผลิตไฟฟ้าขนอม จำกัด (EGCO) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเอ็กโก กรุ๊ป ซึ่ง ปตท. ก็เกี่ยวข้อง ปรากฏว่า ป.ป.ช.ท่านก็แจ้งข้อหาให้กับเจ้าหน้าที่ของขนอม และดำเนินการพร้อมที่จะแจ้งข้อหากับภาคเอกชนซึ่งมีอยู่ 3-4 แห่ง จนในที่สุด ป.ป.ช. ก็เลยแจ้งข้อหากับ น.ท.สาธิต ชินวรณ์ สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขานครศรีธรรมราช และนายคณิน เมืองด้วง ตำแหน่งรองนายกเทศมนตรีเทศบาลท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช นายอภิชาติ สวัสดิรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 8 ต.ท้องเนียน และ พ.ต.ท.สันติพงษ์ พันธ์สวัสดิ์ สารวัตรสถานีตำรวจน้ำ 4 กองกำกับการ 6 กองบังคับการตำรวจน้ำ มีความผิดฐานรับทรัพย์สินหรือผลประโยชน์อื่นใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149, 157 ประกอบมาตรา 86 แล้วก็ฟ้องบริษัทเอกชน แต่ต่อมาภายหลัง ป.ป.ช. ก็ตัดสินใจที่จะสั่งไม่ฟ้องบริษัทเอกชน แต่ฟ้องเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งหมดที่เล่าให้ท่านผู้ชมฟังนี้ จะชี้ให้เห็นว่าคดีใหญ่ๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรับสินบนโรลส์-รอยซ์ หรือรับสินบนเรื่องเกี่ยวกับโรงไฟฟ้าขนอม ตลอดมาจนถึงข่าวที่เริ่มหลุดออกมาจากต่างประเทศ ว่า โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ได้ใช้บุคคล มีความเป็นไปได้ นี่คือข่าวที่ออกมา มีความเป็นไปได้ว่าจะใช้บุคคลผู้นี้จ่ายสินบนให้กับบริษัทที่ปรึกษากฎหมายจำนวนหนึ่ง และบุคคลต่างๆ ในวงการการเงินจำนวนหนึ่ง แล้วมีความเชื่อได้ว่า มีความเป็นไปได้ว่าสินบนก้อนนี้จะไปถึงผู้พิพากษาศาลฎีกา ซึ่งในข่าวก็ระบุว่า เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาในอดีต ก็พูดง่ายๆ ว่าตอนนี้เกษียณอายุไปแล้ว และในปัจจุบัน เป็นไปได้ไหมครับว่าเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาที่อยู่ในศาลฎีกาปัจจุบัน แล้วก็มีโอกาสที่จะเป็นผู้พิจารณาคดีนี้ ที่โตโยต้า มอเตอร์ ถ้าแพ้คดีต้องจ่ายศุลกากร 1 หมื่นกว่าล้าน เรื่องนี้ผมไม่มีความเห็น ผมเอาข้อเท็จจริงที่มาจากสื่อ และข้อเท็จจริงในอดีต เรื่องสินบนโรลส์-รอยซ์ และสินบนเรื่องโรงไฟฟ้าที่ขนอม มาเล่าให้ฟัง ว่ามันเคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมา แต่สิ่งที่สำนักงานศาลยุติธรรมจะต้องทำก็คือ ต้องจริงจังกับเรื่องนี้มาก ไม่ใช่เพราะว่าเรื่องนี้มีมาตลอด ไม่มีอะไรน่าประหลาดใจ ผมว่าต้องประหลาดใจสักนิดหนึ่งนะครับเรื่องพวกนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะสื่อต่างประเทศรายงานมา เราก็ยังบ้าใบ้ บอด อยู่เหมือนเดิม เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ ไม่ใช่เรื่องเล็ก ก็เลยมาเล่าสู่กันฟัง

ท่านผู้ชมครับ เมื่อสักเดือนที่แล้ว คงไม่คิดว่าวันนี้ตื่นขึ้นมาปรากฏว่ากรุงเทพมหานครกลายเป็นโซนพื้นที่สีแดงไปทั้งเมืองแล้ว


โซนพื้นที่สีแดง ก็คือ อันตรายที่สุด อันตรายเพราะว่าการระบาดโควิดครั้งที่ 3 ล่าสุดนี้ เป็นการระบาดที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่มีการระบาดมา ผมเรียกว่า "คลัสเตอร์ซูเปอร์สเปรดเดอร์ไฮโซ" หลักๆ แล้วก็มาจากบรรดาแหล่งบันเทิงที่คนรวย คนมีอำนาจ และคนมีตำแหน่งหน้าที่ นักการเมือง เข้าไปใช้บริการ เดี๋ยวผมจะเล่าเรื่องตำนานอันนี้ให้ฟัง แต่เรามาเรื่องหลักการก่อน ทางวิชาการ

ท่านผู้ชมครับ เราเคยคิดว่าแรงงานต่างด้าวน่ากลัว จริงๆ แรงงานต่างด้าวไม่น่ากลัว ถ้าผมจำไม่ผิด ผมเคยพูดกับท่านผู้ชมมาแล้ว ผมบอกว่าแรงงานต่างด้าวนั้นควบคุมได้ง่าย เพราะว่าทิศทางการเคลื่อนไหวของแรงงานต่างด้าวนั้น เป็นทิศทางที่เรารู้ว่าเขาไปไหนบ้าง


ถ้าเขาออกจากชุมชนของเขา อย่างเช่นที่สมุทรสงคราม ก็จัดการกับคนที่ติดที่สมุทรสงคราม แล้วก่อนหน้านั้นคนที่ติดที่สมุทรสงคราม หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงงานต่างด้าว เขาเดินทางไปไหน ? แรงงานต่างด้าวไม่ได้เดินทางไปเที่ยวเชียงใหม่ ไม่ได้เดินทางไปเที่ยวภูเก็ต หรือกระบี่ แต่แรงงานต่างด้าวจะเดินทางมาที่ชุมชนที่เขาเคยชิน ในกรุงเทพฯ ก็จะมีชุมชนบางแห่ง วัดบางที่ที่เขาจะเข้าไป แล้วก็พูดคุยกัน สนุกสนาน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ไหว้วานกัน โน่นนี่นั่น ฉะนั้นการควบคุมแรงงานต่างด้าว กลับเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ และค่อนข้างจะมีผล

ท่านผู้ชมครับ ที่ร้ายที่สุดคือที่อโคจต เรื่องนี้พระพุทธเจ้าพูดมาตั้ง 2,500 กว่าปีแล้ว ว่ามนุษย์เราอย่าไปในที่อโคจร ที่อโคจร เช่นอะไรบ้าง ? เท่าที่ผมสำรวจดู ศึกษาดู และมานั่งอ่านข่าวเก่าๆ ดู ต้นตอคลัสเตอร์ที่เกิดขึ้นอยู่ในที่อโคจรทั้งนั้น เริ่มด้วยสนามมวย ท่านจำได้ใช่ไหม ต่อไปด้วยบ่อนไก่ บ่อนการพนัน ผับ บาร์ ค็อกเทลเลานจ์ สถานบันเทิงในเวลากลางคืนทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผับ หรือสถานบันเทิงที่มีทั้งดาราไปเป็นลูกค้า ไฮโซก็ไป นักร้องไปเล่นคอนเสิร์ต ลูกค้านั่งดื่ม ชนแก้วๆ กอดจูบ แลกบุหรี่กันสูบ พวกนี้ทำให้เชื้อโควิด-19 แพร่กระจายไปทั่ว


พอเอาเข้าจริงแล้ว แรงงานต่างด้าวกลับไม่ใช่ต้นตอที่น่ากลัวเท่า เพราะแรงงานต่างด้าวอยู่เป็นกลุ่มก้อน มีแหล่งที่พักอาศัยอยู่เฉพาะ มีการเดินทางที่จำกัด สามารถสืบคนที่มา-ไปได้ แต่ที่อโคจร ไปได้ทุกเมื่อ ทุกที่ จำได้ไหมครับ สนามมวยลุมพินี พอมวยเลิกปั๊บ แต่ละคนก็กลับไปที่แพร่บ้าง ไปน่านบ้าง ไปที่เชียงใหม่บ้าง ไปที่ภูเก็ตบ้าง ไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ตัวเองเคยไป หรือมีความจำเป็นต้องไป

ผมยกตัวอย่างให้ฟัง ที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้หญิงคนหนึ่งตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด เพราะเขาเดินสายเที่ยวสถาบันเทิงหลายวัน ผมจะเอาไทม์ไลน์ให้ดู ผู้หญิงไทย อายุ 24 ปี ภูมิลำเนาอยู่ จ.พะเยา ประกอบธุรกิจส่วนตัวในประเทศอเมริกา เดินทางเข้ามาในประเทศไทยเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2563 กักตัวอยู่ 14 วัน วันที่ 8-10 มีนาคม เดินทางกลับบ้านที่พะเยา วันที่ 11-22 มีนาคม มาที่เชียงใหม่โดยรถยนต์ส่วนตัว 23-26 มีนาคม เดินทางกลับพะเยา 27 มีนาคม - 3 เมษายน เดินทางมาที่เชียงใหม่ พักที่เกสต์เฮาส์ของญาติย่านคูเมือง เวลาประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง ช่วงเวลาร้านใกล้ปิด ก็ไปเที่ยวร้านที่มีชื่อเสียงมากสำหรับคนกลางคืน คือ ร้านวอร์มอัพ ร้านกราวน์ ซอยนิมมานฯ 13 กับเพื่อน ทุกวัน วันที่ 4 เมษายน 2564 ทานข้าวเช้ากับเพื่อนที่ร้าน ช.สเต็ก และร้านชีวิตชีวา ถ.สิริมังคลาจารย์ และทานอาหารเย็นที่ร้านพ็อตโต ย่านนิมมานฯ วันที่ 5 เมษายน 2564 กำลังจะเดินทางกลับอเมริกา เข้าไปรับการตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ต้องตรวจก่อนกลับอเมริกา เพื่อเอาหลักฐานว่าไม่ติดเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจยืนยันพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็เลยต้องเข้ารับการรักษาห้องแยกความดันลบที่โรงพยาบาลนครพิงค์


หรือแม้แต่ปาร์ตี้ส่วนตัวในองค์กร หรือในหมู่เพื่อน แล้วเชิญนักร้อง ดารา มาร้องเพลง มาเอนเตอร์เทน ที่พวกคุณอยากจะให้ความบันเทิง คิดว่าปลอดภัยแล้ว เพราะมีแต่พวกคุณในองค์กร แต่นักร้อง ดารา เหล่านั้นที่คุณเชิญมา พวกเขาเดินสายทำงานไปทั่วทุกที่ ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จัดปาร์ตี้ภายในของธนาคารฯ กับสื่อมวลชน ที่ จ.ตราด เชิญคุณแสตมป์ อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นักร้อง ไปร่วมร้องเพลง ปรากฏว่าคุณแสตมป์ ติดเชื้อโควิด-19 ขึ้นมา วันเสาร์ที่ 3 เมษายน ก่อนที่แสตมป์ จะได้รับแจ้งข่าว นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ พร้อมด้วยผู้บริหาร พนักงานธนาคาร สื่อมวลชน ร่วม 66 คน ได้เข้าชมการแสดงดนตรีของแสตมป์ เป็นเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยการแสดงดนตรีดังกล่าวเป็นกิจกรรมภายใน ระหว่างธนาคาร กับสื่อมวลชน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่เกาะช้าง จ.ตราด แสตมป์ ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อไวรัสในวันที่ 6 เมษายน


ประเด็นอยู่ที่โควิดระลอกใหม่นี้ ถึงวันนี้เรียกว่าลามไปทั่วทุกหัวระแหงแล้ว ตั้งแต่ประชาชน คนบันเทิง คนทุกวงการ เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่เว้นแม้แต่คณะรัฐมนตรีของลุงตู่

ท่านผู้ชมครับ ที่สำคัญตอนนี้ประเทศไทยกำลังก้าวสู่เทศกาลสงกรานต์ อาทิตย์หน้าแล้ว เทศกาลหยุดยาว คนเดินทางกลับภูมิลำเนา ถ้าท่านผู้ชมยังจำได้ ก่อนสงกรานต์ปีที่แล้ว โควิด-19 ก็ระบาด แต่ไม่หนักเท่าปีนี้ และมาตรการรัฐบาลปีที่แล้วเข้มงวดกว่าปีนี้มาก

หมอยง หรือ ศาสตราจารย์นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ท่านออกมาเตือน

นายแพทย์ ยง ภู่วรวรรณ
ท่านบอกว่า การระบาดโควิด-19 มีผู้ป่วยจำนวนมากในกรุงเทพฯ โดยมีต้นตอมาจากสถานบันเทิง ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่จะมีมาอายุไม่มาก อาการจึงไม่รุนแรง หรือไม่มีอาการ เป็นจำนวนมาก ทำให้ยากต่อการควบคุม เพราะผู้ติดเชื้อจะไม่รู้ว่าตัวเองมีเชื้อ จึงสามารถแพร่กระจายออกไปโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จำนวนยอดผู้ป่วยในเดือนเมษายนนี้ มากกว่ากันมาก ปีนี้มากกว่าปีที่แล้วมาก เปรียบเทียบง่ายๆ ว่าปีที่แล้วเป็นหลักสิบต่อวัน ปีนี้หลักร้อยต่อวัน และปีที่แล้วมีมาตรการต่างๆ มากมาย เลื่อนวันหยุดสงกรานต์ งดกิจกรรมต่างๆ ห้ามขายเหล้าขายเบียร์ มีแม้กระทั่งห้ามออกบ้านตอนกลางคืน และมาตรการส่งเสริมต่างๆ ในการป้องกัน ทุกคนเคร่งครัด เมื่อผ่อนปรน มีการสแกน "ไทยชนะ" ในปีนี้ ผู้เที่ยวผับ บาร์ ได้มีการสแกน "ไทยชนะ" หรือเปล่า ความเข้มงวดต่างๆ ลดลงอย่างมาก จึงเป็นต้นตอก่อให้เกิดการระบาดได้มากกว่า


เอาล่ะ ท่านผู้ชม ใช้หลักคณิตศาสตร์ง่ายๆ สมมุติว่าการระบาดครั้งนี้มีมากกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า และมาตรการต่างๆ ของเราน้อยกว่าปีที่แล้ว 10 เท่า เท่ากับว่าความรุนแรงของการระบาดในปีนี้เพิ่มมากกว่าปีที่แล้ว 100 เท่า

ท่านผู้ชมครับ เทศกาลวันหยุดยาวจะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า ทำให้ผมอดห่วงไม่ได้ว่า ผู้ที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการน้อย เมื่อเดินทางไปพบญาติผู้ใหญ่ที่อยู่ต่างจังหวัด รวมทั้งการเฉลิมฉลอง จะเป็นแหล่งแพร่กระจายโรคได้เป็นอย่างดี และครั้งนี้ผลกระทบจะอยู่ในย่านผู้ใหญ่ที่มีอายุมากขึ้น โอกาสจะเกิดโรคหรือความรุนแรงก็จะมากตามอายุ น่ากลัวไหมครับท่านผู้ชม น่ากลัวมากๆ นะครับ


แล้ววัคซีนเป็นคำตอบหรือเปล่า ? วัคซีนไม่ใช่คำตอบ วัคซีนที่ได้ทำการฉีดกันไป ก็ไม่ได้ป้องกันโควิด-19 ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เขาบอกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ อีก 30 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ป้องกัน ยังมีการแพร่เชื้อออกไปได้ตลอดเวลา และการฉีดก็อยู่ในช่วงเริ่มฉีด ไม่ได้ครอบคลุมทั่วประเทศ ขนาดคุณศักดิ์สยาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ท่านอ้างว่าท่านฉีดวัคซีนแล้ว 1 เข็ม ก็ยังติดเชื้อได้

ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ หมอยง อธิบายว่า วัคซีนซิโนแวคที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างดี ป้องกันความรุนแรงของโรค อย่างอาการป่วยที่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ สามารถป้องกันได้ 78 เปอร์เซ็นต์ แต่หากป่วยเล็กน้อย ติดเชื้อ แต่ไม่ต้องดูแลทางการแพทย์ จะลดลงเหลือประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์


24 มีนาคม บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า รายงานผลการทดลองวัคซีนป้องกันโควิด-19 ฉบับล่าสุด โดยระบุว่า วัคซีนที่บริษัทฯ พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด มีประสิทธิภาพถึง 76 เปอร์เซ็นต์ ในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการ ซึ่งลดลงเมื่อเทียบข้อมูลก่อนหน้า ที่ระบุว่าวัคซีนป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการได้ 79 เปอร์เซ็นต์ อ้าวตายล่ะ ท่านผู้ชม แต่ก่อน ไม่นานมานี้บอกว่าป้องกันได้ 79 เปอร์เซ็นต์ มาวันนี้ผลวิจัยออกมาใหม่บอกว่า แอสตร้าเซนเนก้า ป้องกันได้แค่ 76 เปอร์เซ็นต์ ลดไป 3 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชมครับ แล้วทางออกล่ะ ?

ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่าว่าผมเคยพูดว่าอย่างไร ผมเคยบอกว่า ผมจะไม่ฉีดวัคซีน ทำไมผมถึงจะไม่ฉีดวัคซีน ? ผมดูแลตัวผมเองดี ผมไม่ไปไหน อาจจะเป็นเพราะผมอายุ 73 แล้ว คุณสนธิ ก็ไม่ต้องไปไหนสิ แต่ผมยังหนุ่มอยู่ ผมเพิ่ง 30 กว่า 40 กว่า ประเด็นไม่ได้อยู่ที่หนุ่มหรือแก่ ประเด็นต้องรู้จักรักษาตัวเองไว้ก่อน สิ่งที่พวกคุณไป สิ่งที่พวกคุณทำนั้น ส่วนใหญ่เป็นที่อโคจร ไปทำไมในช่วงนี้ ทำไมคุณไม่รอให้ทุกอย่างมันตกลงมา ให้มันอยู่ในสภาพการณ์ที่นิ่งแล้วคุณค่อยไป ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ ดูแลตัวเอง ผมทานน้ำขิงทุกวัน วันละ 2-3 ถ้วย ผมเข้าห้องอบไอน้ำ ห้องซาวน่า เพราะว่าผมเป็นคนชอบซาวน่า หมอจง ซึ่งอยู่ที่กวางตุ้ง ซึ่งเป็นผู้ที่ค้นคิดเจอโรคนี้ แล้วก็รักษาโรคนี้มาตลอด บอกว่าคนที่อาบน้ำร้อนมากๆ โอกาสที่จะติดเชื้อไวรัสพวกนี้ลดลงไป 60 เปอร์เซ็นต์ ผมไม่ได้อาบน้ำร้อน ผมอบไอน้ำร้อน ไอน้ำร้อนในห้องซาวน่าผม 92 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็ห้องอบไอน้ำ ห้อง steam ของผม 52-55 องศาฯ เพราะฉะนั้นแล้ว ร่างกายผมได้รับการป้องกัน

ท่านผู้ชมครับ เดี๋ยวผมจะเอาเรื่องบางเรื่องมาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง แต่ฟังข้อคิดของผมนิดหนึ่ง ผมรู้ว่าคนที่อยู่ในธุรกิจบริการน่าเห็นใจมาก เมื่อท่านผู้ชมตามผมมา ท่านผู้ชมจะเห็นว่า ผมบอกว่าคลัสเตอร์ที่สร้างปัญหา ที่อโคจร มันเริ่มด้วยสนามมวย บ่อนการพนันทุกประเภท บ่อนไก่ชน แล้วก็มาที่สำคัญที่สุด สถานบันเทิง ท่านผู้ชม คุณจะ Social Distancing ในสถานที่บันเทิงได้อย่างไร ผมถามหน่อย แล้วคุณจะใส่หน้ากากเข้าไปได้อย่างไร สถานที่บันเทิงคือสถานที่ที่เข้าไปแล้วไปใกล้ชิดผู้คน ไปกินเหล้าเมายาก็ต้องถอดหน้ากากออก แล้วที่สำคัญที่สุด สถานบันเทิงที่คนนิยมไปตอนนี้คือสถานบันเทิงที่มีผู้หญิงคอยรับใช้ เดี๋ยวผมจะพูด section ผู้หญิงให้ฟังอีกที วันนี้ต้องเปิดกันให้หมด ไม่ต้องเกรงใจใครแล้ว


บางคน ผู้หญิงเข้าไปทำงาน ไปนั่งกินดริงก์เป็นเพื่อน ได้ค่าดริงก์ทีละ 400 บาท 600 บาท ต่อ 1 ดริงก์ ด้วยเหตุนี้คลัสเตอร์ของสถานบันเทิงก็คือตัวการสำคัญที่เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ในยุคนี้ ในการระบาดครั้งที่ 3 นี้ ไม่ใช่บ่อนการพนัน ไม่ใช่สนามมวย แต่กลับกลายเป็นสถานบันเทิง และสถานบันเทิงนั้นล้วนแล้วแต่มีเส้นใหญ่หนุนหลังอยู่ทั้งนั้น แล้วคนไฮโซ คนมีเงินทั้งนั้น ที่ไปเที่ยว นักการเมือง ประชาชนทั่วๆ ไปไม่มีใครไปเที่ยว จะไปเที่ยวได้อย่างไร คืนละแสน นอกจากคุณเป็นนักการเมือง แล้วก็มีพ่อค้าไปเลี้ยงคุณ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ ท่านกำลังกังวล 1-2 วันที่ผ่านมา ผมดูข่าวแล้ว ท่านอารมณ์เสียมาก ท่านบอกว่าคนไม่ระวังตัว ไม่มีจิตสำนึก ผมไม่รู้ว่าท่านด่าใคร ท่านด่าคณะรัฐมนตรีของท่านหรือเปล่า ผมไม่รู้ แต่น่าจะฟาดงวงฟาดงาไปทางนั้น ประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่จิตสำนึก ท่านนายกฯ ครับ ประเด็นอยู่ที่ว่า ก็ในเมื่อท่านมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แล้ว ผมไม่เคยเห็นท่านใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อป้องกันโควิด-19 เสียที ท่านไปใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กับพวกประท้วงทางการเมือง ท่านไปใช้กับตู่ จตุพร พรหมพันธุ์ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรียกชุมนุมกัน ท่านไปใช้กับเด็กสามนิ้ว ท่านไปใช้กับคนโน้นคนนี้ แต่คลัสเตอร์ที่แท้จริงที่มันเกิดขึ้น ท่านไม่ยอมใช้ ท่านไม่สนใจที่จะใช้ คือคลัสเตอร์ในวงการบันเทิง และด้วยความสัตย์จริง ด้วยความยุติธรรม ผมพูดอย่างตรงไปตรงมา ผมยังไม่เห็นมีการติดเชื้ออย่างเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ในการชุมนุมเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มี

อาจจะเป็นเพราะว่าคนพวกนั้นไม่ได้ไปรับเชื้อมาจากพวกคลัสเตอร์ของพวกสถานบันเทิง แล้วเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าคลัสเตอร์สถานบันเทิงนั้น มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร แล้วทำไมมันถึงระบาดไปได้เยอะขนาดนั้น

ท่านนายกฯ ครับ การล็อกดาวน์ อาจจะไม่ต้องล็อกดาวน์ แต่ท่านทำใจได้นิดหนึ่งไหมว่า การล็อกดาวน์ในบางจุด ท่านต้องเด็ดขาด ล็อกดาวน์ไปเลย ล็อกอย่างไร ? หมายความว่า สถานบันเทิงทุกแห่ง ยกเว้นร้านอาหาร ร้านอาหารที่กินเหล้ากันได้ ทานข้าวกันได้ เขามี Social Distancing อยู่แล้ว ก็คือนั่งโต๊ะเว้นโต๊ะ ให้เขาเปิดถึง 5 ทุ่ม ก็ได้ ไม่เป็นไร แต่ผับ บาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค็อกเทลเลานจ์ ท่านนายกฯ ครับ นี่คือตัวการสัมผัสกัน แล้วบางแห่ง ซึ่งผมจะอธิบายให้ฟัง ไม่ใช่มีแค่ห้อง VIP มีห้อง VVIP แล้วรูปบางรูปนะ ไม่รู้มีหรือเปล่า เดี๋ยวผมจะเอาขึ้นให้ดู มีแขกส่งเหล้าไปให้ผู้หญิงที่เต้นอยู่บนเวทีเป็นสิบๆ คนกิน


กินเสร็จแก้วนั้นก็เอาไปเติมเหล้า แขกก็บอกให้เอาไปให้ผู้หญิงคนนั้น ก็เอาไปแจกอีก แก้ว 1 ใบ กินกัน 30-40 คน แล้วมันจะไม่ติดได้อย่างไรท่านนายกฯ

ผมถามท่านอย่างหนึ่งว่าระหว่างการปิดสถานบันเทิงพวกนี้ให้หมด ไม่ว่าจะเป็นกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต ปิดให้หมดเลย แล้วก็บอกว่า ธุรกิจนี้ ตราบใดถ้าโควิดยังไม่เด็ดขาด ยังไม่เรียบร้อย และยังไม่อยู่ใน Safety Zone คือสีเขียว จะเปิดไม่ได้ เจ้าของธุรกิจไม่เดือดร้อน ท่านผู้ชม ไม่เดือดร้อนเพราะเขารวย เขามีเงิน เจ้าของธุรกิจคนหนึ่งชื่อ เสี่ยอ๊อด เป็นเจ้าของคริสตัล มีคนหนุนหลังเยอะ มีทั้งทหาร มีทั้งตำรวจ วันหนึ่งได้รายได้เกือบ 100 ล้านบาท เดือนหนึ่งเป็นพันล้าน ส่วนคนตกงานก็คือบรรดาผู้หญิงทั้งหลาย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนิสิต นักศึกษา ที่จบไปแล้วหางานทำไม่ได้ หน้าตาสวยๆ ไปทำงานเพื่อหวังแลกว่าวันหนึ่งจะได้สัก 1,000-2,000 หรือ 3,000-4,000 บาท เดือนหนึ่งเป็นแสน พวกนี้ไม่ต้องไปสงสาร เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าทำไมไม่ต้องไปสงสารพวกเขา

เจ้าของบาร์ เจ้าของผับ เจ้าของค็อกเทลเลานจ์ ก็ไม่ต้องไปสงสารเขา ถ้าเมืองไทยปิดสถานบันเทิง ผมถามว่าเศรษฐกิจไทยมันจะไม่เดินต่อไปได้อย่างไร มันก็ยังเดินต่อไปได้ การผลิตก็ยังผลิตต่อไปได้ ข้าวก็ยังปลูกต่อไปได้ ข้าวของก็ยังส่งออกต่างประเทศไปได้


ทำให้ในช่วงโควิด-19 นี้ ที่ยังไม่ตกลงมาโซนสีเขียวนั้นให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไม่มีสถานบันเทิงเปิด ให้มันรู้ไปสิ ฝรั่งต่างชาติที่มาท่องเที่ยว ผมเห็นที่ลงภูเก็ตเอย จะไปเชียงใหม่เอย ที่บอกว่าไม่ต้องกักตัว 14 วันแล้ว ถ้าฉีดมาสองเข็ม กักตัว 7 วัน หรืออาจจะไม่กักตัว พวกนี้ไม่ได้มาเพื่อมาเที่ยวผับหรือเที่ยวสถานบันเทิง หรือเที่ยวค็อกเทลเลานจ์ หรือมาเรียกน้องฟ้าใส น้องแก้ม น้องโน่นน้องนี่มานั่งแล้วก็มาสีกัน มาไถกัน ไม่เคย เขาไม่ได้มาอย่างนี้ ธุรกิจท่องเที่ยวไม่กระทบกระเทือน กระทบกระเทือนก็เฉพาะนายทุนที่ร่ำรวยจากการทำเช่นนี้ แล้วก็บรรดาผู้หญิงที่ take ไซด์ไลน์ ทำงานไซด์ไลน์ที่หาเงินหาทองได้ง่าย ขายดริงก์ ได้เปอร์เซ็นต์จากดริงก์ มิหนำซ้ำได้ค่าตัวอีก ถ้าพูดจาถูกใจก็หิ้วกันออกไปข้างนอก พวกนี้ปล่อยให้จนไปเถอะครับ ปล่อยให้เขาจนไปเถอะ เพราะเดี๋ยวดูไทม์ไลน์กัน แล้วจะเห็นว่าพวกนี้เวลารวย มีเงิน เคยทำอะไรให้ประโยชน์กับตัวเองบ้าง เคยทำอะไรให้ประโยชน์กับครอบครัวที่บ้านบ้าง สนใจอยู่อย่างเดียว ก็คือไปซื้อกระเป๋า CHANEL ไปซื้อกระเป๋า HERMES ส่วนใหญ่นะ ถ้าท่านผู้ชมไปดูที่คริสตัล ตอนเย็นก่อนที่จะเปิด พนักงานสาวๆ สวยๆ เริ่มมาทำงาน ท่านผู้ชมรู้ไหม รถ BMW รถเบนซ์ ป้ายแดง จอดกันเต็มไปหมดเลย นั่นคือของผู้หญิงสาวสวยทั้งหลาย ซึ่ง 99 เปอร์เซ็นต์ เป็นเด็กจบมหาวิทยาลัยทั้งสิ้น แต่เลือกเอาอาชีพนี้ เพราะว่ามันทำเงินได้เร็ว พวกนี้เป็นพวกไฮโซปลอม ไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้จักคุณค่าของตัวเอง ไม่รู้จักคุณงามความดีที่ตัวเองควรจะสะสมเอาไว้ ท่านผู้ชมครับ นี่คือตัวอย่างที่ยกตัวอย่างให้ฟัง เดี๋ยวผมจะกลับมา

ก็ด้วยเหตุนี้ ผมยังเชื่อ คลัสเตอร์ที่เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ คือสนามมวย ท่านปิดไปแล้วนี่ ท่านนายกฯ คลัสเตอร์ที่เป็นบ่อนการพนัน วันนี้เป็นนโยบายออกมาแล้วชัดเจน หลังจากที่กระแทกมา ตั้งแต่บ่อนหลงจู๊มา บ่อนหลงจู๊คือตัวซูเปอร์สเปรดเดอร์ หรือว่าบ่อน 1G1 ที่แม่สาย ท่าขี้เหล็ก ข้ามไป ก็เป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ บ่อนซูเปอร์สเปรดเดอร์ตอนนี้ค่อนข้างจะหายไปเกือบหมดแล้ว ผมคิดว่าจาก 100 เปอร์เซ็นต์ น่าจะเหลือไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ นี่คือซูเปอร์สเปรดเดอร์ข้อ 1

ซูเปอร์สเปรดเดอร์ข้อที่สอง คือสนามมวย ปิดไปแล้ว ข้อที่สาม คืออะไร ? แหล่งบันเทิง ท่านนายกฯ ครับ ท่านนายกฯ ปิดบ่อนการพนัน เศรษฐกิจฉิบหายไหม ? ไม่ ประเทศไทยยังเดินหน้าต่อไป


ท่านนายกฯ ปิดบ่อนไก่ เศรษฐกิจเป็นอย่างไร ? ก็ยังเดินหน้าต่อไป ปิดสนามมวย มีปัญหาไหม ? ไม่มี ก็อาจจะชกมวยออนไลน์ ก็คือถ่ายทอดสดแต่ไม่มีคนไปดู ใครจะเล่นการพนัน ก็โทรศัพท์พนันกันเป็นคู่ๆ ไป ผมถามต่อ ถ้าอย่างนั้นแล้วถ้าท่านปิดสถานบันเทิงทุกแห่ง เพราะสถานบันเทิงคือสุดยอดของซูเปอร์สเปรดเดอร์ สถานบันเทิง เข้าไปไม่มี Social Distancing นั่งรวมหมู่กัน ผู้หญิงเอาดริงก์มาให้ เปิดหน้ากาก จูบแก้มเอย จับนมเอย ล้วงเข้าไปเอย พวกนี้แน่นอนที่สุดท่านผู้ชม เราอย่ามาพูดกันแบบไร้เดียงสาบริสุทธิ์ สถานที่ต่างๆ แบบนั้นคือสถานที่ที่จะต้องปฏิบัติการแบบลามกจกเปรตอย่างแน่นอนที่สุด แล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาในที่นั้น ไม่มีใครเขาว่าอะไรกัน เพราะทุกคนมันทำกันเช่นนั้น


ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะพูดเรื่องคริสตัลคลับ ผมขออนุญาตเอาข้อความที่คุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เขียนลงในเฟซบุ๊กของเขา อ่านเพื่อเป็นการโหมโรงเปิดทาง คุณชูวิทย์ เขียนอย่างนี้ครับ

"ช่วงนี้โควิดมารอบ 3 เริ่มแพร่กระจายในผับ แถวทองหล่อ "คริสตัลคลับ" หรือจะเรียกว่า "ไทยคู่ฟ้าคลับ" (คุณชูวิทย์ เรียกคริสตัลคลับ ว่า ไทยคู่ฟ้าคลับ แต่ผมเรียกคริสตัลคลับ ว่า "ซ่องกะหรี่ไฮโซ" ตรงไปหรือเปล่า นี่คือผม สนธิ ลิ้มทองกุล นี่คือความจริง พูดกันตรงๆ เลย ไม่ใช่คลับหรอก ซ่องกะหรี่) เพราะมีทั้งระดับ รัฐมนตรี นักการเมือง ส.ส. ฝั่งรัฐบาล ทีมงาน ไปซ่องสุมจับก๊วนกับนักธุรกิจใหญ่ในห้อง VVIP ที่ลี้ลับหลบสายตา คุยโครงการพันล้านหมื่นล้านอวดเด็ก นี่คือข้อเขียนของคุณชูวิทย์ นะครับ

ต่อไปหากกลับมาเปิดอีก คงมีรอบ 4 รอบ 5

ขอบอกสำหรับคนไม่รู้ว่า พัฒนาการผับ บาร์ เลานจ์ บ่อน มันเอามารวมกันเป็น One Stop Service แล้ว เฟื่องฟูทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองต่างจังหวัด เพราะ
1. ใบอนุญาตไม่ต้องมี แต่เคลียร์ถึงเป็นเปิดได้ ทั้งเต้น ทั้งโชว์ ทั้งดื่ม ทั้งดม ทั้งเล่น มีทั้งโซนผับ โซนห้องวีไอพี โซนคาราโอเกะ ลามไปจนถึงร้านอาหารญี่ปุ่น เปิดทั้งสองฝั่ง เด็กเดินข้าไปมากันครื้นเคร่ง ต้องที่คริสตัลคลับเท่านั้น

ส่วนอีกที่กระซิบค่อยๆ แถวรัชดา

2. แขกไปคืนหนึ่งหลายร้อยคน ศุกร์-เสาร์ร่วมพันคน ตั้งแต่วัยรุ่น วัยกลางคน ไปยันวัยดึกที่ยังคึกอยู่ หากเข้าห้องสูท เช็คบิลมามีไม่ต่ำกว่าแสน

3. ขยายกิจการใหญ่โต อีกสาขาชื่อ "เอ็มเมอรัล" แถวทองหล่อเหมือนกัน คนใหญ่คนโตไปคลายเครียดคุยกันเรื่องสัมปทาน ทั้งทหาร ตำรวจ หุ้นส่วนล้วนเส้นใหญ่มั้กมาก


เรื่องทำมาหากินไม่ได้ว่าอะไร แต่การควบคุมไม่มี โชว์แค่เครื่องวัดอุณหภูมิ พอเหยียบเข้าไปไม่มี Social Distiancing เว้นระยะห่าง เพราะมัวแต่นัวเนียกับเด็ก หน้ากากอนามัยไม่มีใครใส่ เดี๋ยวดูหน้ากันไม่ชัด

อย่างนี้ไม่ใช่แค่การ์ดตก แต่การ์ดร่วงเพราะถูกเงินสอย

แออัดยัดทะนานกันเข้าไป แล้วพอเชื้อโควิดมาติด แพร่กระจายทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่ประกอบกิจการอื่นๆ ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วย อย่างร้านอาหารต้องพลอยมาปิด 3 ทุ่ม แถมไม่ให้ขายแอลกอฮอล์

แทนที่ช่วงสงกรานต์จะพอทำกินได้บ้าง ก็ต้องปิดไป แม้จะฝืนเปิด ก็เหมือนปิด เพราะไม่มีลูกค้า

ที่ผ่านมาเห็นอยู่แล้วว่า โควิดแพร่มาจากสถานบันเทิงหลายครั้งหลายครา ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก ตอนนี้ปิด เดี๋ยวก็เปิดใหม่ แล้วก็ติดอีก นี่ปาไปรอบสามแล้ว

ส่วนวัคซีนก็มาช้า มาน้อย โรงพยาบาลเอกชนก็สั่งเองไม่ได้ ต้องสั่งผ่านรัฐบาล แล้วยังจำกัดยี่ห้อโน้นยี่ห้อนี้เสียอีก เรื่องมากเหลือหลาย

ต่อไปวิธีการง่ายๆ ที่ได้ผล คือ จำกัดคนเข้าไปในแต่ละผับคลับบาร์ ตามพื้นที่ตารางเมตร ว่าพื้นที่ขนาดนี้เข้าได้กี่คน และให้เข้าแถวเรียงเข้านับคน หากเกินกว่าที่ระบุ ก็ให้รอจนกว่าจะมีคนออก ค่อยเข้าได้ เหมือนต่างประเทศ

จริงๆ มาตรการมีอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครปฏิบัติ เพราะหากเงยหน้าดูหุ้นส่วนแต่ละคนก็หนาวไส้แล้ว

ตอนนี้หากจะให้ดี นั่งกินเหล้าที่บ้านฉลองสงกรานต์เอาก็แล้วกัน แล้วให้เมียเต้นโคโยตี้ให้ดูแทน

เงินทองไม่รั่วไหล โควิดไม่ติดไปถึงลูกหลาน"

ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อเขียนของคุณชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อเป็นร้อยๆ คน โดยเฉพาะคลัสเตอร์ทองหล่อ สถานบันเทิงที่เป็นต้นตอหลัก ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า รอบสองก็มาจากทองหล่ออีก นักเรียนนอกไง ที่กลับมา เอาเชื้อโควิดเข้ามา แล้วไปเที่ยวผับที่ทองหล่อ แล้วก็กระจายเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ นี่รอบที่สามก็ทองหล่ออีก สร้างปัญหามาตลอด


ซูเปอร์สเปรดเดอร์ คือ คริสตัลคลับ นาทีนี้ ผับชื่อดัง ค็อกเทลเลานจ์ชื่อดัง ที่ปรากฏในไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อ ไม่มีที่ไหนเทียบเท่าผับที่ชื่อว่า คริสตัลคลับ ในซอยทองหล่อ 25 เขาว่ากันว่าเป็นอัครสถาบันเทิงใหญ่ใจกลางกรุง แหล่งดึงดูดกลุ่มลูกค้าเกรดพรีเมียม ทั้งไฮโซ นักธุรกิจ เจ้าของกิจการ รวยระดับพันล้านหมื่นล้าน ล่าสุด คนใหญ่คนโต แม้กระทั่งระดับรัฐมนตรีก็มาเที่ยวด้วย

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่าตำรวจ สน.ทองหล่อ ก็ติดเชื้อ 9 ราย สั่งกักตัวอีก 22 ราย แล้วผมเห็นตำรวจให้สัมภาษณ์ ผมก็อดหัวร่อไม่ได้ ตำรวจก็คือตำรวจ บอกว่าที่ติดเชื้อเพราะเข้าไปตรวจตรา แล้วปรากฏว่าผู้ที่ติดตาม ตำรวจต่างๆ ที่ติดตามนักการเมืองใหญ่ๆ ติดเชื้อกันเป็นแถว


จุดเด่นของคริสตัลคลับ ว่ากันว่าสายเอน เอนเตอร์เทนที่ใครก็ต้องมาต้องเที่ยว เพราะว่าเป็นแหล่งรวมพริตตี โคโยตี สาวสวยจำนวนมาก ที่ในมุมของคนทำมาหากินในอาชีพนี้ แม้จะเสี่ยงสูง แต่รายได้ก็สูง จ่ายกันวันต่อวัน การันตีตั้งแต่วันละ 3,000-10,000 บาท ยังไม่นับเครื่องดื่ม ดริงก์ละ 300-340 บาท อีกต่างหาก ก็ต้องไขว่คว้าไว้ อันนี้เป็นเรื่องที่เข้าใจกันได้ดี

ท่านผู้ชมครับ น้องฟ้าใส นามสกุล แสนดี PR สาวดาวดังของคริสตัลคลับ ออกมาโพสต์ยืนยันผลของการตรวจหาเชื้อโควิด ว่าตัวเองติดเชื้อไปเรียบร้อย ฟ้าใส ได้โพสต์ขอโทษ หลังจากเปิดไทม์ไลน์ว่าเธอได้ไปเที่ยวผับ 3 ผับดังในย่านทองหล่อ สีลม และรัชดาฯ ขอให้ใครอยู่ใกล้หรือสัมผัสฟ้า ก็ขอให้รีบไปตรวจ


ท่านผู้ชม น้องฟ้าใส พูดอยู่บางประเด็นที่น่าสนใจมาก คือเธอไปเที่ยวผับ 3 ผับ เพราะฉะนั้นโดยเฉลี่ยแล้วคนที่ทำงานกลางคืน พอเลิกงานแล้วก็ไปเที่ยวต่อ ผมคิดว่า 100 คน ต้องไป 90 คน

โพสต์ของน้องฟ้าใส ทำเอาคนประสาทรับประทานกัน ที่คริสตัลคลับนั้น ติดกันหลายคน ทั้งที่ไปเที่ยวเอง ติดตามผู้ใหญ่ไปเที่ยว รวมทั้งพริตตี เด็กเอน ที่ติดมาจากแขก เอาเชื้อไปติดแขก ที่สำคัญส่วนใหญ่ต้องปกปิดไทม์ไลน์ ทำให้เสี่ยงไปแพร่เชื้อให้คนอื่นต่อได้ง่าย

เอาอย่างนี้ดีกว่า ผมมีไทม์ไลน์ของเด็กเอนฯ คนหนึ่ง เอามาอ่านให้ท่านผู้ชมฟัง แล้วท่านผู้ชมตามผมมา ต้องขอประทานโทษที่ต้องพูดกันตรงไปตรงมา ไทม์ไลน์ของเด็กเอนฯ คนนี้ 22 มีนาคม อยู่บ้าน 24 มีนาคม วันรุ่งขึ้น ทำหน้าอยู่แถวบ้าน ทำหน้าคือไปกรีดหน้า ทำหน้าให้มันขาวผ่อง 25 มีนาคม อยู่บ้าน 26 มีนาคม ไปทานอาหารร้านอาหารญี่ปุ่น Zuma โรงเรียน St.Regis เธอไฮโซมาก ราคาแพงมากที่ Zuma โรงแรม St.Regis แต่เธอก็มีปัญญาไปจ่าย 27 มีนาคม ไปที่สยาม ไปร้าน Eve and Boy, Swarovski, Krystal Club ไปทำงาน (ห้อง วี) ไม่ได้ออกมาเจอใคร อยู่ข้างในกับแฟน 2 คน เลยคิดว่าไม่น่าติดวันนี้ 28 มีนาคม อยู่บ้าน 29 มีนาคม ร้าน Hi-So โรงแรม Sofitel So 30 มีนาคม นอนค้างที่ Sofitel ท่านผู้ชมครับ เธอเป็นสาวเอนฯ บ้านของเธอมี ทำไมไม่นอนบ้าน แต่เธอนอนค้างที่ Sofitel ก็ต้องเข้าใจกันดีเรื่องแบบนี้ มันมีกิจกรรมทางการเพศบางอย่าง เธอจะเต็มใจ หรือเธอจะทำเพื่อแลกเปลี่ยนเงินทอง อีกเรื่องหนึ่ง ผมไม่รู้ 31 มีนาคม เธออยู่บ้าน วันที่ 1 เมษายน เธอไปทำเล็บที่ Snail Thonglor, Babyfcce เธอน่าจะติดเชื้อวันที่ 1 เมษายน เพราะพาเพื่อนที่มีความเสี่ยงสูงมาเที่ยวด้วยกัน ดื่มด้วยกัน ไม่ใส่แมสก์


คนพวกนี้วินัยแม่งไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว กูจะเอาความสนุก สุขสำราญของตัวเองกูเอง กูจะเป็นอะไร กูไม่สนใจ คนอื่นจะเป็นตามอย่างไร กูทำอย่างมากกูก็บอก ขอโทษ

2 เมษายน ไปที่ Top One คือแหล่งค็อกเทลเลาน์ ไปกับกลุ่มเพื่อนเหมือนเดิม อยู่ห้อง VVIP 6 กับกลุ่มเฉพาะเพื่อน ไม่ได้เดินทั่วไป 3 เมษายน เธอไปโรงแรม Rosewood ไปพักที่โรงแรมทั้งวัน และได้เข้าไปทานข้าวที่ Eatthai Embassy 17.00 น. เข้าไปชอปปิง เธอชอปหนักเลยนะ Chanel, Hermes, Gucci, Prada, Topshop แล้วหลังจากนั้นเธอก็เข้าไปทานอาหารญี่ปุ่นที่ Sushi Zo จากนั้นได้เช็กอินเข้าพักที่โรงแรม Capella ถ.เจริญกรุง

4 เมษายน เมื่อประมาณ 5 วันที่แล้ว เธอพักโรงแรม Capella อยู่ห้องทั้งวัน จนถึงเวลา 13.00 น. นัดหมายโรงพยาบาลเพื่อไปตรวจโควิด ไปตรวจที่โรงพยาบาลกรุงเทพ 13.30-16.00 น. ตรวจหลายอย่าง แล้วเธอก็ไปต่อที่ห้างสรรพสินค้า Icon Siam ไปร้าน Hermes, Dior, Gucci, Tiffany, Victoria Secret, Lush, Bath and Body Work, ซูเปอร์มาร์เกต Siam Takashimaya, เข้าร้าน Nice two meet you และกลับมาพักที่โรงแรม Rosewood 5 เมษายน เธอตรวจเลือด ปรากฏว่าผลบวก ไม่แสดงอาการ ไม่มีอาการ

ท่านผู้ชมครับ อิ๊บอ๋ายไหมล่ะ นี่คือสาวเอนฯ นี่คือสถานที่ที่เธอไป แล้วยังไม่นับพวกลูกค้าที่อยู่ห้อง VVIP หรือ VIP กอดกัน จูบกัน แลกลิ้นกัน โน่นนี่นั่น ชนแก้วเหล้ากัน ท่านผู้ชม ซูเปอร์สเปรดเดอร์จริงๆ พูดได้เลยทันที ว่า ณ วันนี้ เวลานี้ สถานบันเทิงประเภทนี้ต้องปิดให้หมด แล้วปิดถาวร จนกว่าเหตุการณ์โควิดทั่วประเทศไทยจะเข้าโซนเขียว

ท่านผู้ชมครับ หลายคน ผู้ปกครองที่เป็นพ่อคนหนึ่ง มีลูกเรียนหนังสืออยู่โรงเรียนอินเตอร์ Shrewsbury โรงเรียนชั้นนำเลย ปรากฏว่าผู้ปกครองนั้นไปเที่ยวคริสตัลคลับ แล้วก็ไปติดเชื้อ กลับมาก็ไม่รู้เรื่อง ก็พาลูกไปส่งที่โรงเรียน อยู่ที่บ้านกับลูกกับเมีย ไปสัมผัส ลูกติดหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วไปแพร่กระจายไปที่เพื่อนๆ ในชั้นอีก ก็ไม่รู้อีกเหมือนกัน

ท่านผู้ชมครับ ผมถามว่า ถ้าไม่มีเอนเตอร์เทนเมนต์แบบนี้ เศรษฐกิจไทยจะตายไหม ? ไม่ตายหรอก กลับดีเสียอีก


ท่านนายกฯ ครับ รายการของซูเปอร์สเปรดเดอร์ที่มาจากคริสตัลคลับ แล้วก็ค็อกเทลเลานจ์ บาร์พวกนี้ ทำให้ตลาดหุ้นติดลบไปสองวัน ยอดเงินที่หายไปสองวันนี้ กี่แสนล้านบาท ? ท่านนายกฯ เพราะฉะนั้นท่านนายกฯ มองในมุมกลับ แหล่งเอนเตอร์เทนตรงนี้คือตัวทำลายเศรษฐกิจ ให้มันเปิดไปทำไม ท่านมี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำไม หรือท่านมีเอาไว้เพื่อปราบเด็ก ปราบคนที่เห็นต่างจากท่าน แต่ความอิ๊บอ๋ายที่เกิดขึ้นจากพวกบ้าๆ บอๆ นี่ท่านไม่สนใจ

ท่านไม่ต้องล็อกดาวน์ประเทศ แต่ท่านล็อกดาวน์จุดที่จะเป็นซุเปอร์สเปรดเดอร์ ท่านทำได้ไหม ท่านอย่าหงุดหงิดสิ นี่คือข้อบกพร่องของท่าน ท่านไม่สามารถจะวิเคราะห์ได้ถูก และอีกประการหนึ่ง ตัวเลขของ ศบค. ผมไม่เชื่อถือ เพราะว่ามีการปิดตัวเลขกันเยอะแยะไปหมด อย่างเช่น ตลาดบางแค คนติดเชื้อกันเต็มไปหมดเลย รายงานแค่วันแรก พอหลังจากนั้นไม่รายงานอีกต่อไป แล้วก็แยกคนติดเชื้อเป็นกลุ่มๆ ออกมา แต่พอรวมเข้ามาแล้ว นั่นล่ะ เกิดจากตลาดบางแค

ท่านผู้ชมครับ เด็กสายเอนฯ พวกนี้ ท่านผู้ชมสงสัย ถามผมว่า คุณสนธิ มันเป็นอย่างไร อธิบายให้ฟังหน่อยได้ไหม ผมจะอธิบาย ตามประสาชาวบ้านให้ฟัง จริงๆ แล้วคริสตัลคลับ หรือผับต่างๆ ที่มีเด็กสายเอนฯ ท่านผู้ชมครับ มันก็คืออาบอบนวดในยุคดิจิทัล ยุค 5G ท่านผู้ชมที่อายุเท่าผม หรืออายุน้อยกว่าผม ที่เคยไปเที่ยวอาบอบนวดสมัยหนุ่มๆ จำได้ใช่ไหม เดินเข้าไปจะมีคนมาเชียร์แขก พี่ๆ 23 ใช้ได้ พี่ๆ 32 สด เพิ่งมาใหม่ พี่ๆ คนนี้รูปร่างดีมากนะ สุดยอด ชั้นเชิงบนเตียงเหลือหลาย พี่ เบอร์นี้ไม่ได้ มีคนเขาเหมาไว้แล้วทั้งวันทั้งคืน ท่านผู้ชมครับ คริสตัลคลับ และหลายๆ ผับ ก็เป็นเช่นนี้


ดารา คนสวย คนงาม รูปร่างดี พูดจาไพเราะ คนพวกนี้จะถูกคนมีเงิน นักการเมือง หรือคนที่ร่ำรวยจากการทำมาหากินที่ไม่สุจริต แต่ต้องพึ่งอำนาจรัฐ เหมาเอาไว้เลย 24 ชั่วโมง 24 ชั่วโมงราคาเท่าไร ? วันหนึ่ง 3 หมื่นบาท เขาพร้อมจะจ่าย 3 หมื่น เดือนละแค่ 9 แสนบาท แลกกับสัมปทานได้มาเป็นพันๆ ล้าน หมื่นๆ ล้าน เรื่องขี้หมา ที่เหลือก็จะมีผู้จัดการ ซึ่งผู้จัดการก็คือมาม่าซัง ก็บอกว่า พี่ เอาคนนี้สิครับ คนนี้เด็กเพิ่งจบมา ปริญญาตรี เพิ่งมาทำงานได้ 2-3 วันเอง ยังสดอยู่ เอ้า งั้นเรียกมา แล้วมันจะต่างอะไรกับที่ท่านผู้ชมสมัยหนุ่มๆ ที่เป็นกระทิงอยู่ แล้วเดินไปหน้าตู้อาบอบนวด เฮ้ย เบอร์ 48 เป็นอย่างไรบ้าง คนนี้ใช้ได้เลยพี่ ถ้าอย่างนั้นเรียกไปหน่อย ขึ้นไปบนห้อง ผมถึงว่า คุณชูวิทย์ บอกว่ามันเป็นคลับไทยคู่ฟ้า ผมเรียกว่า เป็น ซ่องกะหรี่ ขอประทานโทษที่ต้องพูดแรง ข้อเท็จจริงมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ

จริงอยู่ มีบางคนที่เขาไม่รับแขก แต่นั่งกินเหล้าด้วยได้ ได้กำไรจากดริงก์ แต่ในข้อเท็จจริงก็คือ ก็มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่รับแขก ขึ้นอยู่กับแขกคือใคร ขึ้นอยู่กับเงินว่ามามากแค่ไหน เงินมาผ้าหลุดทุกราย ท่านผู้ชม เงินมาผ้าหลุดทุกราย


ท่านผู้ชมครับ ซูเปอร์สเปรดเดอร์แบบนี้ ท่านผู้ชมคิดว่าคลัสเตอร์เอนเตอร์เทนแบบนี้ ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหม ปิดแม่งให้หมดเลย เศรษฐกิจเมืองไทยไม่ล่มสลายหรอก แล้วสุภาพสตรีที่มีสามี ไปทำเลอะเทอะอย่างนี้ ฉีกให้เป็นชิ้นๆ เลย ใช้ไม่ได้ ผู้ชายนอกใจผู้หญิง เป็นปกติธรรมดาของสันดานผู้ชายไทย ส่วนใหญ่จะเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าคุณจะนอกใจ คุณก็บันยะบันยังบ้าง คุณคิดถึงเมียคุณที่บ้านบ้างว่าคุณจะเอาโรคภัยไข้เจ็บไปติดเขาไหม ยิ่งโควิด-19 แล้ว คุณต้องอดทน คุณต้องหัดรู้จักทบทวนว่าคุณงามความดีของเมียคุณมีอะไรบ้าง ถึงแม้จะแก่ตัวลงแล้ว แต่คุณงามความดีในอดีตที่ตกทุกข์ได้ยาก ลำบากมาด้วยกัน ดูแลกันมาตลอด ยังมีอยู่ คุณอยู่ให้มันเรียบๆ ร้อยๆ หน่อยได้ไหม

ท่านผู้ชมครับ นี่คือบทสรุปของโควิด-19 ในรอบนี้ อาทิตย์หน้า วันศุกร์ที่ 16 เมษายน ผมจะพูดเรื่องรถไฟฟ้า ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าและเปลี่ยนสังคมไทยให้ท่านผู้ชมเห็น จะเป็นการพูดเรื่องรถ EV ที่ละเอียด ลึกซึ้ง และหาทางออกให้ ท่านผู้ชมเชื่อผม รถยนต์ไฟฟ้า EV ถ้าทำให้ถูกหลัก จะเปลี่ยนโฉมหน้าประเทศไทย จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจทั้งหมดให้เกิดขึ้นมาให้ได้ทันทีเลย

ท่านผู้ชมครับ วันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ ขอให้สุขสันต์วันสงกรานต์ อย่าไปใกล้ชิดกับใครมากนัก ไปแค่รดน้ำพ่อรดน้ำแม่ พอแล้ว อยู่บ้านดีที่สุด สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น