พวกชาวบ้านรวมตัวประท้วงด้วยความเดือดดาลในคีร์กีซสถาน หลังผู้หญิงคนหนึ่งโดนลักพาตัวและเสียชีวิต ในประเพณีลักพาตัวหญิงสาวและบังคับให้แต่งงานกับคนแปลกหน้า โดยแม้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมายในปัจจุบัน แต่ก็ยังพบเห็นได้ทั่วไป
ไอซาดา คานัตเบโควา วัย 27 ปี ถูกผู้ชาย 3 คนลักพาตัว ลากขึ้นรถยนต์คันหนึ่ง เมื่อวันจันทร์ (5 เม.ย.) โดยเชื่อกันว่าหนึ่งในนั้นต้องการบังคับให้เธอแต่งงานด้วย
ภาพจากกล้องวงจรปิดของเหตุการณ์ลักพาตัวถูกเผยแพร่อย่างกว้างขวางบนสื่อสังคมออนไลน์ แต่ตำรวจไม่สามารถแกะรอยตามล่ายานพาหนะดังกล่าว ก่อนที่ศพของ คานัตเบโควา จะถูกพบในรถยนต์ที่จอดทิ้งไว้คันหนึ่งเมื่อวันพุธ (7 เม.ย.)
รถยนต์คันดังกล่าวถูกจอดทิ้งไว้ที่ทุ่งหญ้าแห่งหนึ่งรอบนอกกรุงบิชเคก และคนเลี้ยงแกะรายหนึ่งพบรถยนต์คันดังกล่าวโดยบังเอิญ พร้อมแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่
ผู้ลักพาตัวหญิงสาว ซึ่งต้องสงสัยว่าเป็นฆาตกรก็ถูกพบเสียชีวิตเช่นกัน โดยตำรวจบอกว่าเขาเสียชีวิตจากบาดแผลถูกมีดแทง ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเป็นการปลิดชีพตนเอง
ครอบครัวของคานัตโบวา เล่าว่า ลูกสาวรู้จักกับชายรายนี้ และทางครอบครัวก็เคยเอ่ยปากวิงวอนเขามาก่อน ว่าอย่าได้ตามราวีเธอเลย
สถานีโทรทัศน์แห่งรัฐรายงานว่า ตำรวจสามารถจับกุมชายคนอื่นๆ อีก 2 คนที่ร่วมก่อเหตุลักพาตัว คานัตเบโควา ได้แล้ว
ปัจจุบันการลักพาตัวหญิงสาวและบังคับให้แต่งงานเป็นเรื่องผิดกฎหมายในคีร์กีซสถาน แต่ก็ยังพบเห็นได้ทั่วไปในประเทศแห่งนี้
หลายคนเชื่อว่า การลักพาตัวเจ้าสาวเป็นประเพณีโบราณของคีร์กีซสถาน แต่พวกนักวิจัยบางส่วนโตแย้งว่ามันเพิ่งเป็นที่นิยมในประเทศเอเชียกลางแห่งนี้ ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา
มันกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมายในปี 2013 แต่ไม่ค่อยพบเห็นผู้ถูกลงโทษเท่าใดนัก บ่อยครั้งหญิงสาวไม่กล้าเข้าแจ้งความเพราะกลัวถูกแก้แค้น ขณะที่ข้อมูลของทางสหประชาชาชาติบ่งชี้ว่า 1 ใน 5 ของการแต่งงานในคีร์กีซสถาน เกิดขึ้นหลังจากฝ่ายผู้หญิงถูกลักพาตัว
ครอบครัวและญาติๆ กระตือรือร้นกดดันให้ลูกหลานชายวัยหนุ่มในคีร์กีซสถาน แต่งงานเมื่อถึงอายุอันควร และสำหรับหลายคนโดยเฉพาะคนหนุ่มที่มาจากครอบครัวยากจน การลักพาตัวเจ้าสาวจึงเป็นแนวทางประหยัดที่สุดและรวดเร็วที่สุด
ชาวบ้านราว 500 คน รวมตัวกันประท้วงบริเวณด้านหน้ากระทรวงมหาดไทยในวันพฤหัสบดี (8 เม.ย.) ตะโกน “น่าอดสู” และเรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยลาออก
นายกรัฐมนตรีคีร์กีซสถาน เรียกร้องฝูงชนให้อดทนระหว่างการสืบสวนของตำรวจ แต่หลายคนตะโกนขับไล่เขาเช่นกัน ทั้งนี้พวกผู้ประท้วงบางส่วนชูป้ายข้อความว่า “ใครจะเป็นคนให้คำตอบเหตุฆาตกรรมไอซาดา” และ “ใครบ้างที่ยังคิดว่าการฆาตกรรมเป็นประเพณี”
ด้านประธานาธิบดี ซาดีร์ จาปารอฟ ให้คำจำกัดความการตายของ ไอซาดา คานัตเบโควา ว่าเป็นเรื่องน่าเศร้าและเจ็บปวด ไม่ใช่กับเฉพาะครอบครัวของเธอ แต่ยังรวมถึงทั่วประเทศ พร้อมบอกว่า “มันควรเป็นเหตุลักพาตัวเจ้าสาวครั้งสุดท้ายในประวัติศาสตร์”
ก่อนหน้านี้ ในปี 2018 บูรูไล ตูร์ดาลี คีซี นักศึกษาการแพทย์หญิงวัย 20 ปี ถูกแทงเสียชีวิตที่สถานีตำรวจ ตอนที่เธอเตรียมแจ้งความกับตำรวจเอาผิดกับคนที่ลักพาตัวเธอ ต่อมามือสังหารถูกลงโทษจำคุก 20 ปี และตำรวจมากกว่า 20 นายโดนลงโทษสืบเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าว
(ที่มา: บีบีซี)
