xs
xsm
sm
md
lg

ด่าให้หนำใจ “โควิดระบาด” แล้วตั้งการ์ดสู้กันอีกยก!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



เมืองไทย 360 องศา

เชื่อว่าหลายคนคงอยู่ในอารมณ์เดียวกัน คือ โกรธจัด แล้วถัดมาก็อยู่ในอารมณ์ ท้อ เซ็ง เบื่อหน่าย กับข่าวการแพร่ระบาดของ “โควิด-19” ระลอกใหม่ ซึ่งเป็นระลอกที่สามแล้ว โดยแหล่งระบาดหนักล้วนมาจากสถานบันเทิง คลับ บาร์ ทั้งในย่านทองหล่อ นนทบุรี รวมไปถึงที่ ภูเก็ต เชียงใหม่ จนนาทีนี้ไม่รู้ว่าแหล่งแพร่เชื้อเริ่มแรกนั้นมาจากไหนกันแน่ เพราะคนที่ติดเชื้อได้ตระเวนจากที่นั่นไปที่นี่ แบบถี่ยิบ ต่อเนื่องกันเป็นสัปดาห์

ที่น่าตกใจไปกว่านั้นก็คือ การระบาดคราวนี้เป็น “เชื้อกลายพันธุ์” ที่มีแหล่งระบาดเริ่มแรกมาจากประเทศอังกฤษ จนเวลานี้ได้แพร่กระจายไปทั่วโลก และในที่สุดก็มา “แจ็กพอต” ที่ประเทศไทยจนได้ หลังจากก่อนหน้านี้มีข้อมูลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ระบุว่า เคยมีเชื้อแพร่เข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา กับผู้ที่เดินทางมาจากอังกฤษเข้าประเทศไทย และระหว่างการกักตัวมีการตรวจเชื้อแล้วพบ จึงสามารถควบคุมได้
แต่เวลานี้ผู้ติดเชื้อโควิดระลอกใหม่นี้ จากการยืนยันของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบาด ยืนยันว่า เป็น “เชื้อกลายพันธุ์” ดังกล่าวจากอังกฤษนั่นแหละ
ทำให้มีการตระหนกตกใจกันยกใหญ่ เพราะเชื้อที่ว่านี้สามารถติดต่อแพร่กระจายเชื้อได้ง่ายกว่าเดิมราว 10 เท่า ก็อย่าได้แปลกใจที่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อกระจายไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว และแทบทั้งหมดล้วนมาจากแหล่งแพร่เชื้อในสถานบันเทิงซอยทองหล่อ และมีการเดินทางเชื่อมต่อกันไปตามสถานที่ในต่างจังหวัด ทั่วไปหมด จนตัวเลขล่าสุด เมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ มีจำนวนถึง 405 ราย เพิ่มจากวันก่อนหน้า ที่ติดเชื้อรวม 334 ราย โดยกลับมาสู่ตัวเลขหลักร้อย หรือ “สามหลัก” อีกรอบ
จากการแถลงของ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศ วันที่ 8 เมษายน ว่า พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 405 ราย เป็นผู้ติดเชื้อภายในประเทศ 391 ราย มาจากการตรวจในระบบเฝ้าระวังและบริการ 197 ราย จากการค้นหาคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 194 ราย และผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยอยู่ในสถานกักกันที่รัฐจัดให้ 14 ราย ส่วนผู้ป่วยมีการรักษาหายเพิ่ม 32 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม

ผู้ป่วยรายใหม่ที่ติดเชื้อในประเทศ ถูกตรวจพบในระบบเฝ้าระวังและบริการจำนวน 197 ราย แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 48 ราย เชียงใหม่ 5 ราย ลำปาง 1 ราย เชียงราย 1 ราย พิษณุโลก 4 ราย พระนครศรีอยุธยา 2 ราย สระบุรี 1 ราย นนทบุรี 18 ราย ปทุมธานี 8 ราย นครปฐม 6 ราย สุพรรณบุรี 2 ราย สมุทรสาคร 9 ราย ฉะเชิงเทรา 1 ราย ชลบุรี 14 ราย สมุทรปราการ 23 ราย สระแก้ว 14 ราย ชัยภูมิ 2 ราย ยโสธร 1 ราย ภูเก็ต 3 ราย นครศรีธรรมราช 1 ราย ชุมพร 3 ราย สงขลา 2 ราย
กลุ่มจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 194 ราย กรุงเทพฯ 47 ราย เชียงใหม่ 1 ราย นราธิวาส 1 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 14 ราย
ที่น่าโมโห ก็คือ การระบาดเที่ยวนี้ส่วนใหญ่มาจากพวก “นักการเมือง” ระดับรัฐมนตรี ข้าราชการระดับสูง นักธุรกิจใหญ่ รวมไปถึงที่เรียกว่า “ไฮโซ ไฮซ้อ” คนมีเงินระดับมหาเศรษฐีเสียเป็นส่วนใหญ่ ตามไทม์ไลน์ที่ยังไม่ยอมเปิดเผยออกมา แต่มีการระบุว่าติดมาจากแหล่งบันเทิงย่านทองหล่อนั่นแหละ
เวลานี้มีรัฐมนตรีบางคนที่ติดเชื้อโควิดแน่นอนแล้ว แม้ว่าจะไม่มีการเปิดเผยไทม์ไลน์ออกมา เพียงแต่ยืนยันว่า ติดมาจากผู้ร่วมงานในกระทรวงคมนาคม ก็คือ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย รวมไปถึงรัฐมนตรีอีกหลายคนที่อยู่ในข่ายต้องกักตัว 14 เพื่อเฝ้าระวัง

รวมไปถึงข้าราชการบางคน เช่น พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแหงประเทศไทย เป็นต้น ที่ยืนยันการติดเชื้อแล้ว รวมไปถึง นายกิตติชัย เรืองสวัสดิ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีรายงานล่าสุดว่า ติดเชื้อกว่า 40 รายแล้ว ยังมี เจ้าหน้าที่อัยการ ศาล รวมไปถึงราชทัณฑ์ ดารา นักร้องนักแสดง เรียกว่ามากันครบทุกสาขาอาชีพ
แน่นอนว่า การติดเชื้อระลอกใหม่นี้ ย่อมทำให้หลายคนเกิดความโกรธ และท้อแท้ขึ้นมาอีก เพราะหลังจากมีการระบาดในรอบที่แล้ว สร้างความเสียหายในทุกด้าน และเมื่อทุกอย่างเริ่มควบคุมได้ ทุกอย่างกำลังจะไปด้วยดี มีการเตรียมการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว ระบบเศรษฐกิจฐานรากเริ่มฟื้นตัวขึ้นมาจากความมั่นใจ และมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ ทุกอย่างเริ่มมีความหวัง
แต่ทุกอย่างก็ทำท่าพังทลายในพริบตา จาก “ความประมาท” ไม่รับผิดชอบของคนไทยบางกลุ่ม ไม่ทำตามมาตรการที่วางเอาไว้ และที่น่าเจ็บปวดก็คือ การระบาดเที่ยวนี้ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ล้วนมาจากนักการเมือง ข้าราชการ และดารา นักธุรกิจ จนมีเสียงตำหนิเข้ามารอบทิศ
อย่างไรก็ดี การตำหนิด่าทอมันก็สมควรอยู่ และต้องเอาให้หนัก แต่ขณะเดียวกัน เมื่ออารมณ์โกรธแบบนั้นก็ไม่สมควรจมอยู่นานนัก เพราะมันไม่มีประโยชน์ เพราะทุกอย่างต้องดำเนินต่อไป มาร่วมกันสู้กันใหม่ ที่สำคัญ ต้อง “ตั้งการ์ดสูง” รัดกุมกว่าเดิม อย่าประมาทดูเบาเป็นอันขาด และต้องจำเป็นบทเรียนให้ได้ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น