ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปากบอกสู้เพื่อประชาธิปไตย ปะติโถ..ที่แท้ก็ “หิวแสง-หิวเงิน” กันทั้งนั้น...ใช่หรือไม่ ตอบมาที
ยุ่งเหยิงอิรุงตุงนังมาตลอดสำหรับ “แก็งสามนิ้ว” ม็อบราษฎร ที่กระแสสร่างซา เรตติ้งหัวปักมาตั้งแต่ปลายปีก่อน ข้ามปีมานี้ ก็สะเปะสะปะไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ใช้ยุทธศาสตร์เคลื่อนไหวแบบ “เด็กเอาแต่ใจ” ทำตามความรู้สึก เอามันเข้าว่า ไม่สนดินฟ้าอากาศ
อีเว้นท์ยี่ห้อสามนิ้วก็ขายไม่ออก ไม่เปรี้ยงแล้วยังแป้กบ่อย คนออกมาน้อย คึกคักกันอยู่แต่ในหน้าจอโทรศัพท์ ส่วนพวกหน้างานก็ไม่ต่างจาก “อันธพาล” หิวแก๊สน้ำตา พร้อมบวกตลอด จาก “ม็อบปัญญาชน” ก็เลยถูกสังคมตราหน้าเหมารวมว่า “ม็อบอันธพาล” เรียบร้อยแล้ว
ยิ่งอาการหนัก เมื่อบรรดาแกนนำ-แกนตาม ที่ชักแถวเรียงคิวกันเข้าซังเต แถมพฤติกรรมทำผิดซ้ำซาก โทษทัณฑ์ร้ายแรง เช็กอินอยู่ยาว ไม่ได้ประกันตัวกันถ้วนหน้า
ตั้งแต่ บิ๊กกวิ้น-พริษฐ์ ชิวารักษ์, ทนายซอยจุ๊-อานนท์ นำภา กระทั่งเซตล่าสุด ไผ่ จมดิน-จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา, ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก และ สาวรุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ที่ตามเข้าไปในซังเต
ตามทำนอง “ให้มันจบที่เรือนจำ” ที่เคยมีผู้ทำนายเอาไว้
แล้วยังมีวีรกรรม “โง่เขลา” ที่นำแสดงโดย “แอมมี่ The Bottom Blues” ไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ ไปทำวีรกรรมเหยียบย่ำหัวใจคนไทย ด้วยการเผาพระบรมฉายาลักษณ์ฯ หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คลองเปรม
แรกๆก็เถียงแถว่า ฝ่า ยรัฐจัดฉากโยนความผิดให้ “แอมมี่” กระทั่งเจ้าตัวโดนรวบ พร้อมสารภาพสิ้นว่า “โง่เอง” ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ “ม็อบสามนิ้ว” ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สาหัสกว่าเก่า
กลายเป็น “ต่ำตมจมนรก” ในนาทีนี้
ไม่เท่านั้นผลพวงจากกรณี “แอมมี่” ยังขยายปมความขัดแย้งในขบวนการ “ม็อบราษฎร” มีรายการลากไส้กันเองออกมาเป็นขดๆ
จุดเริ่มต้นจาก “ทฤษฎีสมคบคิด” กันเองในวงม็อบว่า “แอมมี่” โดย “สายตำรวจ” ที่แฝงตัวในวง “เซเลบฯ ม็อบ” ยุแยงให้ก่อการ “วางเพลิงเผาทรัพย์”
แล้วยังปล่อยข่าวโทษพรรคพวกคนหนึ่งว่า เป็น “คนชี้เป้า” ให้เจ้าหน้าที่มารวบตัว “แอมมี่” ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ด้วย
เหมือนสะกิดหัวสิว แต่ “ความลับ” พวยพุ่งกันออกราวกับภูเขาไฟระเบิด
เพราะจากนั้นก็พรั่งพรู “แฉกันยับ” ทั้งเรื่องอมเงินบริจาค-สายตำรวจ-พวกคลั่งความรุนแรง สะท้อนให้เห็นความเป็น “มือสมัครเล่น” ของพวกที่สถาปนาตัวเองเป็น “แกนนำม็อบ” ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ตามท้องเรื่อง “แฉกันยับ” มีตัวละครสำคัญหลายราย ตั้งแต่ “แป้ง” ศิลปินกราฟิตี เจ้าของนามแฝงและเพจชื่อเดียวกันคือ “Headache Stencil” ที่พ่นภาพเสียดสีสังคม-การเมืองตามจุดต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ ผลงานขึ้นหิ้งเป็นภาพ “นาฬิกาลุงป้อม” บนสะพานลอยกลางกรุงที่กล่าวขวัญถึงกันไปทั่ว
ทั้งยังเคยเป็นคนถ่ายคลิปในขณะเข้าไปคุกคาม “บิ๊กไก่อู” พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในขณะพบกันโดยบังเอิญที่ลานจอดรถร้านอาหารแห่งหนึ่ง โดย “แป้ง Headache” ตะโกนไล่หลัง พล.ท.สรรเสริญว่า “กินภาษีให้อร่อยนะครับ”
ถัดมาที่ “นนท์ ปราบจะบก” ซึ่งถูกขนานนามว่า “นักต้มตุ๋น” โดยมีการสืบค้นไปพบว่า เมื่อปี 2560 “นนท์” เคยถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหาปลอมเอกสารสิทธิ และฉ้อโกง จากกรณีหลอกขายตั๋วเครื่องบินปลอม มูลค่าความเสียหายกว่า 1.3 ล้านบาท ทำให้เขาถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน
และมีการตั้งข้อสังเกตที่ จู่ๆ “นนท์” ก็เข้ามามีบทบาทในม็อบสามนิ้ว โดยสนิทสนมถึงขั้นเป็น “มือขวา” ให้กับ “แม่ยกทราย” อินทิรา เจริญปุระ นักแสดงสาวชื่อดัง ที่ถูกเชิดชูเป็น “แม่ยกแห่งชาติ” คู่กับ “ท่อน้ำเลี้ยงม็อบตัวพ่อ” อย่าง “เฮียบุ๊ง” ปกรณ์ พรชีวางกูร พ่อค้าเขียงหมูใน จ.นครปฐม ที่มักขนข้าวของมาบริจาคให้กับม็อบ
ต่อด้วย “หมออั้ม” อิราวัต อารีกิจ อดีตนักร้อง และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง แนวร่วมม็อบราษฎร ซึ่งได้ออกมาแฉเรื่องความไม่ชอบมาพากลในการใช้เงินบริจาคของกลุ่มแกนนำม็อบราษฎรบ่อยครั้ง อีกทั้งยังมีร่องรอยว่า เคยบาดหมางเรื่องเงินทองกับ “เฮียบุ๊ง” ในอดีต
ยังมี “เซียนแว่น” สราวุทธิ์ กุลมธุรพจน์ แกนนำม็อบกลุ่มราษฎร จ.เชียงราย ซึ่งถือว่าเป็นอีกหนึ่ง “นักแฉ” แห่งม็อบราษฎร ที่รอบนี้ได้ออกมาโพสต์ข้อความทำนองว่า “แป้ง Headache” เป็นสายให้ตำรวจ
ขาดไม่ได้ “เฮียต้อม” ยุทธเลิศ สิปปภาค ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง ที่ไม่ได้เปิดตัวเป็นแกนนำ แต่วางตัวเป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” วิพากษ์วิจารณ์แสดงความชิงชังรัฐบาลมาโดยตลอด กระทั่งโดยมาเกาะกระแสม็อบ ประกาศ “เปิดรับบริจาคเงิน“ เพื่อสร้างหนังใหญ่แล้วให้ “ดาราประชาธิปไตย” มาร่วมแสดง
รอบนี้ “เฮียต้อม” มีบทบาทสำคัญที่ปั่น “ความไม่ชอบมาพากล” ในม็อบให้กลายเป็นดรามาร้อนฉ่าในสังคมออนลไน์แวดวงม็อบด้วยกัน เพราะเป็นห้องเปิดห้องพูดคุยผ่านแพลตฟอร์มฮอต Clubhouse ที่ปรากฎว่า แฉกันไปแฉกันมา “เน่าใน” กันทุกคน
เปิดหัวเรื่องที่ “เซียนแว่น เชียงราย” โพสต์ข้อความในทำนองว่า “แป้ง Headache” เป็น “สายตำรวจ” โดยระบุว่า “แอมมี่” ส่งคลิปเผาพระบรมฉายาลักษณ์ให้ “แป้ง” ซึ่ง “เซียนแว่น” อ้างว่า ต่อมาตำรวจได้ส่งคลิปดังกล่าวมาให้เขา ก่อนที่จะเป็นข่าวใหญ่
จึงตั้งข้อสงสัยว่า “คลิปเผา” ไปอยู่ในมือตำรวจได้อย่างไร ในเมื่อ “แอมมี่” ส่งคลิปให้ “แป้ง Headache” คนเดียว แต่ก็มีกระแสตีกลับในทำนองว่า “เซียนแว่น” รู้กันกับตำรวจ เพราะเคลือบแคลงว่า ตำรวจส่ง “คลิปแอมมี่” ให้ “เซียนแว่น” ทำไม
ต่อมา “แป้ง Headache” โพสต์ในเพจของตัวเองที่มีผู้ติดตามหลักแสนว่า ตัวเองกับ “แอมมี่” เป็นเพื่อนสนิทกัน แต่ดันมีคนปล่อยข่าวว่าเขาเป็นคนแจ้งเบาะแสให้ตำรวจไปจับ “แอมมี่”
และตั้งสมมติฐานส่วนตัวว่าคนที่ปล่อยข่าวคือ “นนท์” ที่เป็นนักต้มตุ๋นระดับชาติ แถมคดีที่สืบค้นกันได้ก็ถูก “ตำรวจชื่อดัง” จับกุมเมื่อปี 2560 ไม่เท่านั้น “แป้ง” ยังพาดพิงไปว่า “ทราย” มีส่วนในการชี้เป้าให้ตำรวจรวบ “แอมมี่” ด้วยเกรงว่า เหตุ “วางเพลิงเผาทรัพย์” จะทำให้ม็อบ “เสียขบวน”
กระทั่งมีการประสานให้ “แป้ง” เคลียร์กับ “ทราย” และมีการขอโทษขอโพยกัน แต่ปรากฎว่ามีการนำเรื่องที่ขอโทษกันไปบิดเบือนจน “แป้ง” เสียหาย ก็เลยออกมาโพสต์แฉเรื่องทั้งหมด
ทว่า “ฟีดแบก” ที่กลับมาถึง “แป้ง” ล้วนแล้วแต่เป็นใน “ทางลบ” แล้วยังถูกแฉ “พฤติกรรมส่งกลิ่น” ของ “แป้ง” มาเป็นขดๆ เช่นกัน บ้างก็ว่าชอบปั่นดรามาเพื่อขายรูปจนได้เงินเป็นแสนๆ ขุดคุ้ยประวัติขโมยของ ยืนเงินไม่คืน
พร้อมคำถามตัวโตๆว่า “คลิปเผา” ที่ “แอมมี่” ส่งให้ “แป้ง” คนเดียว ไปอยู่ในมือตำรวจได้อย่างไร
จังหวะที่ “แป้ง Headache” กำลัง “การ์ดตก” ใกล้โดนน็อก ก็เป็นคิวของ “ยุทธเลิศ” โผล่ออกมาประคอง ด้วยข้อความมี “นัย” ว่า ขอให้หยุด “ให้อาหารแมวอาหารหมู” กันก่อน
ตีความไม่ยากว่าตั้งใจ “แซะ” เรื่องเงินบริจาคไปถึง “ทราย” ที่ขายภาพความเป็น “ทาสแมว” กับ “เฮียบุ๊ง” ที่เป็นเจ้าของเขียงหมูที่ จ.นครปฐม
ด้วยทั้ง “แม่ยกทราย-พ่อยกบุ๊ง” ต่างเปิดรับบริจาคเงินผ่าน “บัญชีส่วนตัว” เข้าอิหรอบ “สู้แล้วรวย” เหมือนม็อบรุ่นพี่
ทำนองว่า เงินบริจาคให้ม็อบ “ตกหล่น” ไปเป็นอาหาร “แมว” กับ “หมู” หมด ในขณะที่คนเดือดร้อนอย่าง “แม่แอมมี่” กลับไม่ได้เงินสนับสนุนเพื่อไปประกันตัวลูกชาย
ราวกับ “เดจาวู” เป็นกระแสทวงถามให้ “ทราย-บุ๊ง” ชี้แจงเรื่องการเบิกจ่ายใช้เงินบริจาค ซึ่ง “แม่ยกทราย” ก็แจงแค่ว่า “ใช้เงินทุกบาทอย่างคุ้มค่า” และอ้างด้วยว่า ไม่สามารถเปิดเผยยอดเงินบริจาคได้ เกรงว่าจะกระทบกับ “ผู้บริจาค”
เช่นเดียวกับ "บุ๊ง ปกรณ์" ผู้ถูกทวงถามเรื่องเงินบริจาคมาตลอด แต่ก็ตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า “กูไม่แจง” มาตลอดเช่นกัน ก็ออกมาอ้างว่า ฐานะทางบ้าน “แอมมี่” ร่ำรวยมาก “แม่แอมมี่” ไม่ต้องการรบกวนเงินกองทุนประกันตัว
ไม่ได้ชี้แจงเฉยๆ งานนี้ “เฮียบุ๊ง” ยังฟาด “เฮียต้อม ยุทธเลิศ” กลับด้วยว่า จงเกลียกจงชัง “ทราย” เพราะไม่รับเล่นหนังให้ จนโปรเจคต์ต้องพับไป ก็เลยตามแซะจองเวร “ทราย” ไม่เลิก
ทั้งที่ “เฮียบุ๊ง” เองก็แผลเหวอะหวะ ย้อนกลับไปไม่นาน “หมออั้ม อิราวัต” ก็เคยโพสต์ร่ายยาวถึงวีรกรรม “อดีตน้องเลิฟ” สุดแสบ ที่ไม่เอ่ยชื่อแต่รู้กันทั่วว่าหมายถึง “บุ๊ง ปกรณ์” ที่ราว 5 ปีก่อน “หมออั้ม” เคยเมตตาให้ที่ซุกหัวนอน ครั้งเลิกกับ “เมีย-แม่ของลูก” มาคั่ว “กิ๊กสาว” แต่อยู่ได้ไม่นานปรากฎว่า เบี้ยวเรื่องเงินๆ ทองๆ ค่าผ่อนค่าเช่าคอนโดฯ จนบาดหมางกันไป มีคดีความขึ้นโรงขึ้นศาล ต้องไกล่เกลี่ยขอขมากัน แต่มองหน้ากันไม่ติดนับจากนั้น
พอโดนแฉ “เสี่ยบุ๊ง” ก็รับออกมาโต้ ท้องเรื่องเดียวกับ “หมออั้ม” แต่ปรากฎว่าไปคนละคีย์ จบคนละทาง อารมณ์ “ราโชมอน” เล่ากันแบบหนังคนละม้วน จนงงไปหมดว่าใครช่วยใคร ใครโกงใคร
ความมันส์ยังไม่หมด เมื่อ “หมออั้ม” แชร์โพสต์ของเพื่อนในเฟซบุ๊กที่คนคุ้นเคยเรียกกันว่า “ซ้อต่าย” คุณแม่ลูกสอง แนบแคปชั่นชวนเผือก “ความจริง ออกมาเรื่อยๆ.. แม่โมโหแล้วฮะ”
ตามไปดูโพสต์ของ “ซ้อต่าย” ที่แปะหน้าวอลล์ไว้เป็นปริศนา “น้องคงแยกไม่ออกนะคะ ระหว่างทรัพย์สิน - หนี้สิน #อย่าปล่อยหมาเห่ามั่วๆนะคะ #ไม่อยากเตะปากหมา”
คนนอกอ่านเท่าไรก็คงตีความไม่ออก แต่พอสวมวิญญาณสายเผือกไล่อ่านคอมเมนท์ บอกเลยอย่าง “แซ่บ” มีการพูดถึง “เสี่ยบุ๊ง” ว่า ไม่ส่งเสียเลี้ยงดูลูกในไส้ แต่กลับทำตัวหน้าใหญ่ไปเปย์ม็อบ
และเป็น “หมออั้ม” ที่ตามไปสมทบเมนท์อีกว่า “มันจะมีไอ้บุคคลไร้ความสามารถคนนึง ที่เขียนเอาดีเข้าตัวตลอด ป้ายสีผู้อื่น เพื่อลบปมด้อยของตัวเอง แต่งนิยายให้โลกโซเชียลนึกว่าชีวิตดี เป็นเสี่ย แต่จริงๆไม่ต่างกับ 18 มงกุฏ #ความจริงจะออกมาเรื่อยๆ”
ตัดกลับมาที่ดรามาปัจจุบัน ความร้าวฉานในหมู่ “เซเลบฯม็อบ” สนั่นลั่นไปถึงในคุก จน “แอมมี่” ส่งข้อความออกมาว่า "พี่ทราย พี่แป้งครับ ลืมเรื่องชี้เป้า จง “สามัคคี” ยึดอุดมการณ์เป็นหลัก รักแอมมี่อย่าทะลาะกัน ไม่ต้องหาว่าใครชี้เป้า ให้มุ่งไปเป้าหมายข้างหน้า ไม่ต้องทะเลาะกันเรื่องเราโดนจับ มันเป็นความผิดพลาดของเราเอง รักพี่ทั้ง 2 คนนะ"
แต่ก็มี “ไคลแมกซ์” ขึ้นมาอีกหลัง “ยุทธเลิศ” เปิดห้อง Clubhouse ชื่อห้อง "Q&A: 'แป้ง แอมมี่ ทราย' ที่กูรู้จัก" โดย “เฮียต้อม” ออกตัวว่า สนิทสนมและสนับสนุน “แป้ง Headache” แบบหมดหน้าตัก พร้อมเรียกร้องให้ “ทราย” ออกมาชี้แจง โดยระบุว่า ถ้าไม่มีการชี้เป้าให้จับ “แอมมี่” จริง แล้ว “ทราย” จะขอโทษ “แป้ง” ทำไม
ปรากฎว่า ตลอดการพูดคุยกว่า 2 ชั่วโมง กลายเป็น “ยุทธเลิศ” ที่โดนถล่มอย่างหนัก จนในโลกออนไลน์สรุปสั้นๆว่า “เละ” เพราะเป็นการเปิดห้องที่เหมือนตัวเองไม่มีข้อมูลอะไรเลย แล้วยังไม่เปิดโอกาสให้คนแสดงความคิดเห็น แถมพอมีคนถามมากๆเข้า ก็เลี่ยงตอบแค่ว่า “พูดแทนแป้งไม่ได้”
กระทั่งมีคนไปเปิดห้องใหม่ในชื่อว่า “ใครก็ได้ บอกห้องยุดเลิดปิดห้องเถอะ” รวมถึง “ห้องแซะ” อีกหลายห้อง อาทิ ห้องสรุปว่าพี่ต้อมไม่รู้และไม่เกี่ยว แล้วออกมาพูดทำไมคะ งง, ห้อง Q&A: ต้อม (ที่กูไม่รู้จัก) ต้อมนั้นอะมึง หรือห้องต้อม ยุทธเลิศ เป็นสลิ่มเค้ารู้ตัวไหม? เป็นอาทิ
หนักกว่านั้น ห้องของ “ยุทธเลิศ” ยังมีซีนตัวละครลับที่ชื่อ “มังกร” ที่ได้คิวพูด แล้วอ้างว่า เป็นคนพา “แอมมี่” หนี พร้อมยืนยันว่า ระหว่างหนีได้โทรคุยกับ “ทราย” ซึ่งตอนนั้น “นนท์” ก็อยู่กับ “เจ๊ทราย” ด้วย ที่ว่าหนักก็เพราะมีช้อตสาธยายเส้นทางหนีเสร็จสรรพตลอดเส้นทาง จนเป็นห่วงกันว่า จะมีผลต่อ “รูปคดี” ของ “แอมมี่” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดูเหมือนดรามาในหมู่ “เซเลบฯม็อบ” คงจะไม่จบง่ายๆ จนตอนนี้ “ติ่งม็อบ” จากที่เคยเย้วๆให้แต่ละคนชี้แจง กลับกลายเป็นออกปากเบรกก้ามปราม “เซเลบฯสามนิ้ว” ให้หยุดแฉกันเอง เงินบริจาคก็ไม่ต้องทวงถามให้แล้วไปแล้วกันไป
ไม่ว่าจบแบบไหน บอกได้เลยว่า “เซเลบฯ ม็อบ” ทั้งหลายชื่อเสียงป่นปี้ ภาพพจน์เน่ากันไปพอๆ กัน
โบราณว่า “ปลาเน่า” ตัวเดียวเหม็นไปทั้งข้อง แต่นี่เน่าในกันหมด แถมยัง “ลากไส้” จนคนนอกข้องได้รับกลิ่นตลบอบอวลไปด้วย
ฉายภาพประจานว่า “ม็อบสามนิ้ว” เป็นแค่ศูนย์รวมพวก “หิวแสง-หิวเงิน” แล้วยัง “ไร้วุฒิภาวะ” หันมารบกันเอง ที่แอคอาร์ตเต๊ะจุ๊ย เรียกร้องประชาธิปไตย ทวงอำนาจคืนประชาชน คงไม่มีทางจบที่รุ่นเรา
“ลุงๆ” ในทำเนียบฯ ฝากมาบอก “มันจบแล้ว..หนูๆ”.