MGR ONLINE--การบรรลุภารกิจบรรเทาความยากจนของจีนเป็นที่กล่าวขานกันทั่วโลก คราวนี้มาชมบ้านเมืองในเขตปกครองตัวเองชนชาติทิเบตบนแดนหลังคาโลก หลังจากที่จีนได้บุกตะลุยดำเนินโครงการพัฒนาและขจัดความยากจนขั้นสูงสุด (absolute poverty) เพื่อผลักดันสังคมจีนทุกหย่อมหญ้าเข้าสู่ขั้นการพัฒนาที่เรียกว่า “เสี่ยวคังเซ่อฮุ่ย” (小康社会ในภาษาอังกฤษคือ well-off society) ตามหน้าศัพท์ภาษาจีน หมายถึง “สังคมสมบูรณ์พูนสุข”
เมื่อปลายปีที่ผ่านมาจีนได้พากลุ่มผู้สื่อข่าวต่างชาติไปเยี่ยมชมการพัฒนาและบรรเทาความยากจนในทิเบต โดยมีผู้สื่อข่าวรอยเตอร์สร่วมทริปไปด้วย เจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนได้พาผู้สื่อข่าวกลุ่มนี้ไปสัมภาษณ์คนท้องถิ่นและถ่ายภาพมาให้ชาวโลกดูกันเห็นๆว่า การพัฒนาทิเบตได้พลิกโฉมสภาพบ้านเมืองออกมาเป็นอย่างไร ทั้งนี้ทิเบตจัดอยู่ในกลุ่มเขตที่มีการพัฒนาน้อยของจีนอีกทั้งเป็นจุดร้อนความขัดแย้งทางการเมือง
นาย เซคิด (Dzekyid) เกษตรกรวัย 54 ปี คุยโวอย่างภาคภูมิว่าเขาเป็นแบบอย่างของเพื่อนบ้าน และเป็นตัวแทนความสำเร็จของผู้นำจีนที่ “ใช้การพัฒนาเศรษฐกิจมาควบคุมสังคมในดินแดนหลังคาโลกแห่งนี้”
บ้านใหม่ที่ดูดีของเซคิดอยู่ในหมู่บ้านจังดัม (Jangdam) อำเภอ ซัมชุปเซ(Samzhubze) นอกเมืองชิกัตเซ (Shigatse) ภายในบ้านมีวัตถุสิ่งของในวัฒนธรรมทิเบตคือ คัมภีร์พุทธศาสนา ภาพเขียนทังก้า และกงล้ออธิษฐาน
พ่อของเซคิด คือเทนซินวัย 76 ปี หมุนกงล้ออธิษฐานวันละสองครั้ง แต่ เซคิดเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จึงไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าใดๆ
“เรามีบ้านหลังนี้ได้เพราะนโยบายของรัฐบาล หัวใจของผมเทิดทูนเพียงพรรคฯ มิใช่ศาสนา” เซคิดบอกกับกลุ่มผู้เสื่อข่าวที่ไปทัวร์ทิเบตภายใต้โครงการที่รัฐบาลจีนเป็นจัด
จีนได้ผลักดันพัฒนาทิเบตพร้อมกับเปลี่ยนความเชื่อและคุณค่าของชาวทิเบตเพื่อให้สอดคล้องกับ “กระแสหลักสมัยใหม่”ของประเทศ รวมทั้งเรียกร้องให้ผู้นับถือศาสนาทุ่มเทให้แก่ศาสนาน้อยลง และหันมาพัฒนาดินแดนที่เป็นความเจริญทางวัตถุจับต้องได้
“ทิเบตมีนิสัยเก่าบางอย่างที่ไม่ดี เนื่องจากศาสนามุ่งเน้นไปที่ชีวิตหลังความตาย และไม่ใส่ใจที่จะมีความสุขกับชีวิตปัจจุบัน” เช ดาลา ประธานเขตปกครองตัวเองแห่งทิเบต กล่าว
จีนได้โชว์โครงการบรรเทาความยากจนที่ประกอบด้วยมาตรการ อาทิ การย้ายครอบครัวชาวทิเบตไปอาศัยในบ้านที่ปลูกสร้างใหม่ การส่งเสริมประชาชนไปโรงเรียนอาชีวศึกษา การพัฒนาธุรกิจอย่างเช่น ฟาร์มเพาะเห็ดที่มีการควบคุมสภาพอากาศ
เดคี ปัลดรอนผู้ใหญ่บ้านไจคุงทังเล่าว่ารัฐบาลได้ให้บ้านหลังใหม่ฟรีแก่ครอบครัวที่ยากจนสุดๆ พร้อมกับแนะนำว่า “ไม่ควร” จัดห้องโถงเพื่อบูชาพระพุทธอย่างที่ “บ้านทิเบตแบบดั้งเดิม”ทำกัน ไม่ควรทำตัว “ตีสองหน้า” หลังจากรับประโยชน์จากพรรคคอมมิวนิสต์
สวดมนต์ให้น้อยลง ทำงานหนักขึ้น
เจ้าหน้าที่รัฐยังบอกให้ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากโครงการบรรเทาความยากจน ใช้จ่ายด้านศาสนาให้น้อยลง และเอาเงินไปลงทุนเพื่อสร้างรายได้และอนาคตของลูกหลาน
ณ โรงเรียนอาชัวศึกษาในเมืองญิงชี (Nyingchi) ติดป้ายขนาดใหญ่เขียนว่า “โรงเรียนใช้การศึกษาทางการเมืองและอุดมการณ์เพื่อต่อสู้กับลัทธิแบ่งแยกดินแดน ประณามทะไล ลามะ และป้องกันศาสนาครอบงำประชาชน
“เมื่อสิบปีที่แล้ว ชาวบ้านแข่งขันกันบริจาคเงินให้แก่วัด ขณะนี้พวกเขาหันมาแข่งขันกันดูว่า ลูกบ้านไหนได้งานที่มั่นคงในหน่วยงานรัฐ หรือใครมีรถยนต์” การ์มา เทนปะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีด้นโฆษณาชวนเชื่อ บอกกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ส
ในอดีต ชาวทิเบตทุกครัวเรือนติดรูปภาพทะไล ลามะในบ้าน แต่ขณะนี้รัฐบาลห้ามติดรูปทะไล ลามะ บ้านทุกหลังที่เจ้าหน้าที่จีนพาผู้สื่อข่าวต่างชาติไปเยี่ยมเยือนนั้นล้วนติดภาพประธานาธิบดี สี จิ้นผิงไว้อย่างโดดเด่น
ตามถนนหนทาง มีป้ายสโลแกนเรียกร้องให้จงรักภักดีต่อจีนและพรรคคอมมิวนิสต์
*กลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ชี้ว่าจีนได้เชื่อมโยงการขจัดความยากจนเข้ากับชีวิตในทางโลก...
ชาวทิเบตตามชนบทถูกเกณฑ์ให้มาอยู่ในศูนย์ฝึกฝนอาชีพที่เพิ่งสร้างใหม่เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาถูกฝึกให้เป็นคนงานโรงงาน...
เจ้าหน้าที่ในโครงการบรรเทาความยากจนเล่าว่า พวกเราเดินทางไปตามชนบท อธิบายกับกลุ่มคนเร่ร่อน คนเลี้ยงสัตว์ บอกกับพวกเขาว่าควรฝึกทักษะเพื่อที่จะได้รับค่าแรงสูงขึ้น ตอนนี้พวกเขาได้เห็นประโยชน์ของสิ่งที่รัฐทำแล้ว และมาหาพวกเราโดยไม่ต้องบอกหรือชักชวนแต่อย่างใด” หลิน เป่ย เจ้าหน้าที่ในโครงการบรรเทาความยากจนบอกกับผู้สื่อข่าวรอยเตอร์ส
"ชื่อเสียง" หรือ "ความน่าละอาย"
“ครอบครัวที่รักษาความสะอาดหรือทำตัวดีตามมาตรฐานทางการ จะได้รับรางวัล อาทิ ผ้าเช็ดตัว ผงขัดตัว และผู้ที่ทำได้ดีที่สุด จะถูกขึ้นชื่อบนบอร์ดติดประกาศในหมู่บ้านเป็น “ครอบครัวห้าดาว” ส่วนผู้ที่มีพฤติกรรมไม่พึงปรารถนาก็จะถูกขึ้นชื่อประจาน “น่าละอาย”