เอเจนซีส์/รอยเตอร์ – ล่าสุดบ.แอปสัญชาติจีนชื่อดัง Tik Tok สั่งปลดพนักงานในอินเดียออกจำนวนหนึ่งหลังจากที่บริษัทถูกรัฐบาลนายกฯโมดีสั่งแบนอย่างถาวรในการตอบโต้ความขัดแย้งระหว่างพรมแดนเทือกเขาหิมาลัย กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงวันพุธ(27 ม.ค)ชี้ อินเดียแบน 59 แอปสัญชาติจีนเป็นการละเมิดกฎ WTO
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้(27 ม.ค)ว่า บริษัทแอปชื่อดังของจีน Tik Tok แถลงวันพุธ(27)จะลดจำนวนพนักงานลงในอินเดียหลังจากไม่ได้รับแนวทางที่แน่นอนว่าอย่างไรและเมื่อไหร่ที่การให้บริการในอินเดียจะได้รับอนุญาตให้กลับมาอีกครั้ง
โฆษกบริษัท Tik Tok กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “เป็นที่น่าเสียใจอย่างยิ่งหลังจากสนับสนุนพนักงานกว่า 2,000 คนของเราในอินเดียมานานกว่าครึ่งปี แต่ทางเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากปรับลดจำนวนกำลังคนของเรา”
อย่างไรก็ตาม TikTok ที่มีบริษัท ByteDance ที่มีฐานอยู่ในกรุงปักกิ่งเป็นเจ้าของไม่ได้แสดงตัวเลขจำนวนพนักงานที่จะได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ทางบริษัทได้ตัดสินใจสั่งปลดพนักงานหลังจากสื่ออินเดียพากันรายงานว่า รัฐบาลอินเดียของนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี มีแผนการที่จะสั่งแบน 59 แอปสัญชาติจีนถาวรซึ่งรวมไปถึง TikTok แอป WeChat และเบราเซอร์ UC ของอาลีบาบา โดยการบล็อกเกิดขึ้นมาตั้งแต่มิถุนายนปีที่แล้ว
โดยผู้กำกับอินเดียในเวลานั้นต่างอ้างว่า แอปจีนที่ตกเป็นเป้าหมายนั้นส่งผลคุกคามด้านอธิปไตยและความมั่นคงทางพรมแดน
ซึ่งคำสั่งแบนส่งผลร้ายอย่างหนักต่อ TikTok ที่มีผู้ใช้ร่วม 120 ล้านคนในประเทศอินเดีย
และถึงแม้ว่าทาง TikTok ในสัปดาห์นี้จะออกมาร้องขอโดยชี้ว่า จะทำตามข้อกำหนดในประเทศอย่างรวดเร็ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผล
ซึ่งแหล่งข่าวภายในกระทรวงอิเล็กทรอนิกและไอทีอินเดียเปิดเผยกับ CNN ในวันนี้(27)ว่า ทางรัฐบาลในสัปดาห์นี้ตัดสินใจที่จะประกาศแบนแอปสัญชาติจีนอย่างถาวรเป็นเพราะทางรัฐบาลไม่พอใจในความวิกตกที่บริษัทจีนต่างๆแก้ปัญหาต่อการรวบรวมข้อมูลและความมั่นคง
อย่างไรก็ตามโฆษกบริษัท TikTokชี้ว่า ทางบริษัทยังคงคาดหวังว่า ทางรัฐบาลอินเดียจะอนุญาตให้แอป TikTok กลับมาให้บริการในประเทศได้อีกครั้ง
ซึ่งการแบน 59 แอปสัญชาติจีนของอินเดียเกิดมาจากความขัดแย้งด้านพรมแดนเทือกเขาหิมาลัยระหว่าง 2 ชาติในปีที่ผ่านมา ซึ่งมีการปะทะและมีทหารอินเดียไม่ต่ำกว่า 20 นายเสียชีวิต
การปะทะล่าสุดยังคงเกิดขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยฝ่ายกองทัพอินเดียออกมาให้ข่าววันจันทร์(25) ยืนยันว่ามีการปะทะเล็กน้อยเกิดขึ้นระหว่างกองกำลัง 2 ชาติที่บริเวณพรมแดนรัฐสิกขิมเมื่อวันที่ 20 ม.คก่อนหน้า และสื่ออินเดียรายงานว่า ผลการปะทะทำให้ทั้งฝ่ายอินเดียและจีนได้รับบาดเจ็บ ทางกองทัพอินเดียไม่แสดงความเห็นแต่เตือนให้สื่อแดนภารตะระมัดระวังในการรายงานข่าว
นอกเหนือจากที่อินเดียจะแบนแอปสัญชาติจีน ยังเคลื่อนไหวห้ามบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่จีนคือ หัวเว่ย เข้าร่วมระบบเครือข่าย 5G ของอินเดียอีกด้วย และมีชาวอินเดียเป็นจำนวนมากออกมาเรียกร้องให้บอยคอตสินค้าและการบริการจากจีน
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า นอกเหนือจาก TikTok ที่ได้รับผลกระทบพบว่า บริษัทอาลีบาบาของ แจ็ก หม่า ได้รับผลพวงเช่นกันซึ่งทางบริษัทได้ปรับลดลงในอินเดียหลังแบน
รอยเตอร์รายงานว่า โฆษกสถานทูตจีนประจำอินเดีย จี้ หลง (Ji Rong) ออกมาชี้ว่า การสั่งแบน 59 แอปสัญชาติจีนอย่างถาวรของนิวเดลีนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นการละเมิดต่อกฎการแข่งขันอย่างยุติธรรมขององค์การค้าโลก WTO และยังเป็นการทำร้ายต่อธุรกิจจีน
“เราขอเรียกร้องให้ทางฝ่ายอินเดียเข้าแก้ไขมาตรการกีดกันโดยทันที และหลีกเลี่ยงต่อการสร้างความเสียหายให้กับความร่วมมือระดับทวิภาคี”