“สนธิ”ชี้กรณีเพจแฟนคลับ “บิ๊กป้อม” เชียร์ “พล.อ.จักร์ทิพย์” ลงผู้ว่าฯ กทม.เป็นการหวังดีแต่ประสงค์ร้าย เพราะคนถูกเชียร์ไม่รู้เรื่องด้วยเลย ส่วนเหตุการณ์ม็อบสนับสนุน“ทรัมป์”บุกรัฐสภา สะท้อนว่าความรุนแรงจากการเลือกตั้งอยู่ในดีเอ็นเอของอเมริกา เพราะเคยเกิดเหตุแบบนี้มาแล้ว และตามประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ก็สร้างประเทศมาจากการเข่นฆ่าแย่งชิงผืนดินมาจากอินเดียนแดง กดขี่แรงงานทาสผิวดำ เป็นประเทศแห่งการการเหยียดผิว และจะเป็นอย่างนี้ต่อไป เห็นได้ว่าแม้ว่าทรัมป์จะแพ้เลือกตั้งแต่ก็มีคนเลือกเขาถึง 74 ล้านคน ระบุกรณีนายกฯ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบบ่อนการพนันแค่ซื้อเวลา ขณะที่ตัว “หลงจู๊สมชาย” ที่ใครๆ ก็รู้ว่าเป็นเจ้าของบ่อนยังลอยนวลอยู่เหนือกฎหมาย แม้ผู้การจังหวัดไปจนถึงผู้บัญชาการภาค 2 จะถูกย้ายไปแล้ว ทั้งที่การจับกุมตัวไม่น่ายาก สามารถสอบพยานแวดล้อม เอาผิดข้อหาความมั่นคงตาม ม.116 แล้วแจ้ง ปปง.ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อยึดทรัพย์ได้เลย ติงไม่ควรบ่นว่า 100 นายกฯ ก็แก้ไม่ได้ แนะฟังพระราชดำรัสในหลวง ร.9 การทำดีแม้เห็นผลช้าก็ต้องทำ
วันที่ 15 ม.ค.64 เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK”ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยวันนี้จะพูดถึงประเด็นหลากหลายเรื่องราวโควิด-19 ที่ทุกคนให้ความสนใจว่ารัฐบาลจะมีมาตรการอย่างไรเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ก็ยังมีประเด็นตามต่อเรื่อง “บ่อนหลงจู๊” ที่ลุงตู่ออกมาพูดว่า 100 นายกฯ ก็เเก้ไม่ได้ ถ้านายกฯ ซึ่งมีอำนาจเต็มที่ในการจัดการยังออกมาพูดอย่างนี้ แล้วจะมีใครที่ทำได้
และอีกเรื่องของอเมริกาเมื่อทรัมป์ไฟเขียวให้ประกาศภาวะฉุกเฉินที่วอชิงตัน ดี.ซี. อ้างมีสัญญาณป่วน เกิดอะไรขึ้น จะมีสงครมกลางเมืองหรือไม่? มาดูกันจริงๆ แล้วคนอเมริกันเป็นคนอย่างไร? ติดตามได้ในรายการ SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง special Ep68
คำต่อคำ SONDHI TALK [15 ม.ค. 64] : หลงจู๊ อยู่เหนือลุงตู่ 100 นายกก็แก้ไม่ได้ ?
สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2564 เผลอแป๊บเดียว ไปแล้วครึ่งเดือนของเดือนมกราคม ปี 2564 ก็มีหลายๆ เรื่องที่วันนี้อยากจะพูด หลังจากอาทิตย์ที่แล้วเล่นไปสองตอน ทั้งวันพุธ และวันศุกร์ วันนี้ก็จะมีควันหลงบ้าง แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น ผมอยากจะฝากท่านผู้ชมนิดหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เพิ่งเข้ามาดูที่เพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับเขา นึกว่าเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เป็นเพจที่นึกจะเขียนอะไร จะด่า จะใช้คำหยาบคาย จะให้ของลับอะไร ก็ให้กันเต็มที่ ผมเรียนท่านก่อนนะ ถ้าท่านคิดจะทำ ผมฟ้องไปแล้วตั้งไม่รู้กี่ราย แล้วก็อย่างที่ผมบอก ช่วงโปรโมชั่นหมดไปแล้ว ไม่มีการขอขมาอีกต่อไป เตรียมตัวขึ้นศาลอย่างเดียว ผมเตือนท่านก่อนนะครับ อย่าทะลึ่งมาเล่นกับผม ท่านสนุกเวลาท่านเขียนด่าโคตรพ่อโคตรแม่ผม แต่เวลาท่านขึ้นศาล ท่านอย่ามาตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จนะ อย่างน้อยที่สุดท่านต้องเสียเงินเยอะ และท่านจะต้องโดนลงโทษแน่นอน ผมไม่ถอนฟ้องและผมไม่ประนีประนอมกับท่าน
ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่จะพูดอาทิตย์นี้ เรื่องแรก ท่านผู้ชมจำได้ใช่ไหมผมเคยเล่าให้ฟังถึงความผิดปกติของการแลกนักโทษอิหร่านกับนักโทษชาวออสเตรเลีย ผู้หญิง ชื่อ ดร.กิลเบิร์ต ที่กรุงเตหะราน และนักโทษอิหร่านในประเทศไทย โดยที่แลกกันแล้ว ผมเคยถามว่าประเทศไทยได้อะไรบ้าง และผมตั้งข้อสงสัย วันนี้ก็มีคำตอบแล้ว ยืนยันมาแล้วว่าสิ่งที่ผมสงสัยนั้นถูกต้อง
เรื่องที่สอง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่ท่านผู้ชมรู้จักกันทุกท่าน มีแนวความคิดที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. เป็นที่รู้กันอยู่ภายในว่าคุณจักรทิพย์ อยากจะมารับใช้คนกรุงเทพมหานคร เพราะคุณจักรทิพย์ มีความรู้สึกว่าการบริหารงานกรุงเทพมหานคร ต้องถึงลูกถึงคน และคุณจักรทิพย์ คิดว่าตัวเองบริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่มีตำรวจอยู่ 76 จังหวัดได้ มาบริหารแค่กรุงเทพมหานคร น่าจะทำได้ดีขึ้นกว่าเก่าเยอะ แต่ยังไม่ทันไรเลย ก็มีคนหวังดี ประสงค์ร้าย ชื่อเพจ Fc ลุงป้อม ออกมาเชียร์จักรทิพย์ ชัยจินดา ลองฟังต่อไปครับ เรื่องนี้โกลาหลพอสมควร มีเบื้องหน้าเบื้องหลังสนุกสนาน
เรื่องที่สาม ท่านผู้ชมคงติดตามทรัมป์บ้า ซึ่งผมเป็นคนตั้งฉายาว่าทรัมป์บ้า เอง มาตอนนี้ถึงขั้นฟินาเล่แล้ว แต่ฟินาเล่นี้มีโอกาสจะนองเลือดเยอะเลย หลังจากที่มีการบุกสภาคองเกรส ที่ Capital City ของสหรัฐอเมริกา ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แล้วทรัมป์ ก็เพิ่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินไป เรื่องนี้ไม่ฟังไม่ได้
เรื่องที่สี่ ก็เป็นเรื่องควันหลงของบ่อนหลงจู๊สมชาย ซึ่งผมกำลังยืนยันว่า คนๆ นี้มีอำนาจเหนือนายกฯ แล้วก็เหนือ ผบ.ตร. แล้วยังมีคนรุ่นใหม่ที่เกิดขึ้น แล้วก็ทำตัวเป็นขาใหญ่ในพัทยา มีใครบ้างเดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟัง แล้วท่านนายกฯ ก็พูดออกมาว่า มี 100 นายกฯ ก็แก้ปัญหาบ่อนไม่ได้ ผมไม่โอเคครับที่นายกฯ พูดแบบนี้ ท่านนายกฯ พูดอะไรแล้วท่านจะโอเคหมดทุกเรื่อง แต่แปลกมาก ช่วงหลังๆ ท่านโอเคเรื่องอะไร ผมไม่โอเคสักเรื่องเลย
เรื่องสุดท้าย ก็คือเรื่องโควิด ไม่พูดเรื่องนี้ไม่ได้เลย เพราะกำลังอยู่ในความสนใจของผู้คนอย่างมาก
ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2563 ประมาณเดือนกว่าๆ ที่แล้ว ในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนที่ 62 ถ้าท่านผู้ชมได้ติดตามรายการนี้มาตลอดจะจำได้ ผมเคยพูดถึงข่าวกรณีที่ทางการไทยได้ปล่อยตัวนักโทษอิหร่าน ขณะเดียวกับที่ทางการไทยปล่อยตัวนักโทษอิหร่าน อิหร่านก็ปล่อยตัวนักโทษผู้หญิงชาวออสเตรเลีย ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีทีท่าว่าจะได้ปล่อย เรื่องนี้ได้มีการวิ่งเต้นมาตลอด ทั่วโลกพยายามกดดันอิหร่าน ถึงขนาดยื่นเงินยื่นทองให้ ว่ากันว่าพร้อมจะจ่ายอิหร่านถึง 100 ล้านเหรียญสหรัฐ แต่อิหร่านก็ปฏิเสธ ในขณะเดียวกัน นักโทษของอิหร่านที่อยู่ในประเทศไทยก็เคยจะได้รับการปล่อยตัวหลายครั้งจากการอภัยโทษ แต่ก็ถูกกดดันจากประเทศทางตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นอิสราเอล หรือว่าออสเตรเลีย หรืออังกฤษ หรืออเมริกา ที่ไม่ให้ไทยปล่อยตัว แต่จู่ๆ ก็มีการปล่อยตัวออกมา แล้วท่านผู้ชมที่ดูรายการ จำได้ไหมผมเคยเสนอทฤษฎีว่า เป็นไปได้ไหมว่ามีการแลกเปลี่ยนกัน โดยคนที่ดำเนินการการแลกเปลี่ยนคือประเทศไทย
คือออสเตรเลียได้คนของตัวเองกลับไป หลังจากเจรจามา 2 ปีกว่า อิหร่านก็ได้คน 2 คนที่อยู่ในประเทศไทย ที่ถูกจับไป จะด้วยข้อหาอะไรก็ตาม จะด้วยการที่มาวางระเบิด ฆ่าพวกชาวอิสราเอล หรือเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอล หรืออะไรก็ตามแต่ เอาเป็นว่าเขาถูกจับเพราะเขามาวางระเบิดในประเทศไทย คำถามที่มีอยู่ก็คือว่า แล้วประเทศไทยได้อะไรตอนนั้น ?
ท่านผู้ชม ตอนนั้นผมเดาว่าออสเตรเลียจะต้องทำอะไรบางอย่างให้กับประเทศไทยเป็นการแลกเปลี่ยนแน่นอน ผมเชื่อของผมอย่างนั้นนะครับ เพราะว่าประเทศไทยเป็นตัวกลาง ถ้าไม่มีประเทศไทยเดินเรื่องนี้ ในการเจรจา เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะเป็นเรื่องเหมืองทองอัครา ไมนิ่ง ของบริษัท คิงส์เกต ผมเคยตั้งคำถามถาม ท่านผู้ชมครับ คำพูดของผมคำพูดหนึ่งที่ผมอุตส่าห์จดมา ผมพูดในรายการอาทิตย์ที่ 62 ในวันที่ 4 ธันวาคม ผมพูดอย่างนี้ครับ ผมบอกว่า "คิดว่าผมมโน ก็ถือว่าผมมโนแล้วกัน แต่ผมคาดการณ์ว่า ออสเตรเลียคงได้รับการติดต่อว่า ถ้าทำอย่างนี้ คุณได้คนของคุณกลับมา คุณจะต้องช่วยประเทศไทยในการเจรจากับบริษัทเหมืองทองอัครา ของบริษัท คิงส์เกตฯ ที่ออสเตรเลีย ที่ฟ้องประเทศไทยในการใช้มาตรา 44 ยกเลิกสัมปทานของเหมืองทองอัครา ซึ่งบริษัท คิงส์เกตฯ ที่ออสเตรเลีย เป็นเจ้าของ รัฐบาลออสเตรเลียอาจจะต้องคุยกับบริษัท คิงส์เกตฯ ในออสเตรเลียว่า เราช่วยกัน คุณทำให้รัฐบาลออสเตรเลียสามารถจะรับคนของเรากลับมาได้ ดร.ไคลี มัวร์-กิลเบิร์ต คุณมีทางไหมที่จะถอนฟ้องประเทศไทย อาจจะไม่ถึงขั้นถอนฟ้อง หรืออาจจะบอกว่า 73,000 ล้าน ก็เหลือแค่ 10,000 ล้าน ก็ได้ เป็นการลดราคาไป"
เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ ตอนนั้นผมเพียงแต่ทฤษฎีของผมคาดการณ์ แต่ปรากฏว่าตัดภาพมาจากวันที่ 4 ธันวาคม 2563 มาถึง 11 มกราคม ปีนี้ เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง ก็เบ็ดเสร็จเดือนกว่าๆ เอง มีรายงานข่าวมาจากทำเนียบรัฐบาลว่า กรณีข้อพิพาทเหมืองทองอัคราฯ มีแนวโน้มจบลงด้วยดี ผลของการเจรจากับบริษัท คิงส์เกตฯ ค่อนข้างมีความชัดเจนว่าจะจบลงด้วยดี มีแนวโน้มการถอนฟ้องรัฐบาลไทย และกลับมาลงทุนอีกครั้งภายใต้นโยบายและแผนยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการทรัพยากรแร่ทองคำ พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ. แร่ ฉบับใหม่ พ.ศ. 2560 โดยบริษัท คิงส์เกตฯ อาจจับมือกับนักลงทุนไทยเพื่อลงทุนครั้งใหม่นี้ด้วย นี่คือคำพูดจากทางรัฐบาลนะครับ
แนวโน้มการเจรจาไปได้ด้วยดี และคาดว่าจะได้ข้อยุติกลางปี 2564 จากเดิมที่ได้ข้อยุติต้นปีนี้ เพราะต้องมีการประสานงานในรายละเอียด ทั้งเพิ่มเติม และรอบด้าน ทั้งนี้ หากการเจรจาไม่ได้ข้อยุติ หลักการในการต่อสู้ของกระทรวงอุตสาหกรรมก็คือไม่มีการจ่ายค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น ทุกกรณี คือสรุปง่ายๆ ว่า จบแล้ว คิงส์เกตฯ ถอนฟ้อง ไม่ต้องมาพิจารณาแล้วว่าเข้าอนุญาโตตุลาการ ก็คือมาเริ่มกันใหม่ เพราะฉะนั้นแล้ว คำถามก็คือว่า ทำไมจู่ๆ เรื่องนี้จบง่าย ? และจะไม่มีค่าใช้จ่าย ค่าเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น หรือว่าเรื่องนี้จะเป็นการเกี่ยวข้องกับการปล่อยตัวนักโทษอิหร่านที่ผมเคยคาดการณ์ไว้ ? ในที่สุด เป็นจริงอย่างที่ผมว่า
ท่านผู้ชมครับ คนที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ เลยในการปล่อยตัวนักโทษออสเตรเลีย ดร.กิลเบิร์ต และนักโทษอิหร่านในประเทศไทย แลกกัน โดยที่ออสเตรเลียไม่ต้องจ่ายเงินให้กับประเทศอิหร่าน แต่ออสเตรเลียรับปากกับอิหร่านว่าจะมาจัดการเรื่องคิงส์เกตฯ ให้กับประเทศไทย เพื่อเป็นการตอบแทน คนนั้นชื่อ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี (Syedsulaiman Husaini) เป็นผู้นำสูงสุดชีอะฮ์ของอาเซียนและประเทศไทย
เท่าที่ผมทราบมา ท่านเป็นคนที่ไปพูดจาตกลงกับท่านผู้นำสูงสุดชีอะฮ์อาเซียน ท่านผู้นำสูงสุดคือ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ส่วนฝ่ายไทยนั้นมีคนไทยอยู่ 2 คน ผมขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ เพราะคนสองคนนี้เป็นคนที่ทำงานอยู่เบื้องหลังในการดำเนินการ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ท่านซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำสูงสุดชีอะฮ์อาเซียน ดูแลอาเซียนและประเทศไทย ซึ่งขึ้นตรงกับ ซัยยิด อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่าน เป็นคนดำเนินการเรื่องนี้จนกระทั่งจบสิ้น
เพราะฉะนั้นแล้ว ต้องขอขอบคุณคนพวกนี้ที่ทำให้ประเทศชาติและประชาชนสามารถประหยัดภาษีค่าโง่ไปได้หลายหมื่นล้านบาท ประมาณ 73,000 ล้านบาท เห็นไหมครับท่านผู้ชม เพราะฉะนั้นแล้ว อะไรที่ผมเคยบอกว่า ผมสงสัย มักจะเป็นจริงขึ้นมาทุกเรื่อง ตั้งแต่ผมสงสัยมาแต่ละเรื่องๆ ไม่เคยผิดพลาดเลยแม้แต่เรื่องเดียว ผมไม่ใช่พ่อหมอนะท่านผู้ชม แต่ผมพิจารณาจากเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ เริ่มจากเหตุการณ์ที่ว่า เอ๊ะ! ดร.กิลเบิร์ต ถูกกดดัน ทางตะวันตกพยายามวิ่งเต้นมา 2 ปีกว่า ให้อิหร่านปล่อยตัว อิหร่านไม่ยอม นักโทษอิหร่านที่อยู่ในประเทศไทยจะถูกปล่อยตัวหลายครั้ง ประเทศไทยก็ปล่อยไม่ได้ เพราะว่าถูกทางตะวันตกกดดัน ก็เลยมีคนกลางมา
คุณอยากได้กิลเบิร์ต คืนใช่ไหม อิหร่านก็อยากได้ตรงนี้คืน แลกกัน แต่ว่าคนที่ได้อยู่คนเดียวคือ รัฐบาลออสเตรเลีย ก็ต้องทำบุญทำคุณอะไรบ้าง การทำบุญทำคุณของเขาก็คือว่า ท่านซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี ผู้นำสูงสุดชีอะฮ์อาเซียนและไทย ท่านก็คิดถึงประเทศไทย ท่านบอก ดีแล้ว คิงส์เกตฯ ฟ้องร้องประเทศไทยอยู่ คุณถอนฟ้องประเทศไทยไป เพื่อแลกกัน ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงได้ด้วยดี
เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นบทเรียนสอนตัวพวกเราว่า บางครั้งข่าวคราวอะไรก็ตามในหน้าหนังสือพิมพ์ หรือในหน้าข่าวสารนั้น แต่ละข่าวจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอยู่เยอะ แล้วมีการดำเนินการอะไรที่เป็นพิเศษ ที่เราจะไม่มีวันรู้ นอกเสียจากว่าเราจะสังเกตสังกา และเราจะรู้ว่าเรื่องนี้มันผิดสังเกต และขณะเดียวกัน ถ้าเราสามารถที่จะดำเนินการทำอะไรก็ตามที่เช็กลงไปในข้อมูลลึกๆ เราก็จะได้ข้อมูลที่ถูก ง่ายนิดเดียวท่านผู้ชม ไม่มีเหตุผลอะไรที่คิงส์เกตฯ จะต้องถอนฟ้องประเทศไทย ไม่มีเหตุผลเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าในการดำเนินคดีนั้น ทางต่างประเทศนั้นข่าวแว่วมาว่า คิงส์เกตฯ ได้เปรียบรัฐบาลไทยอย่างมาก หลายๆ กรณี แต่ก็ต้องสู้คดีกันไปอีกนาน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ฟันธงไปได้เลยว่า ในที่สุด คำถามที่บอกว่า ไทยจะได้อะไร ? ไทยได้ครับ ได้จากการที่คิงส์เกตฯ ถอนฟ้องไป
ท่านผู้ชมครับ มีข่าวชิ้นหนึ่งที่ผมอยากจะเล่าให้ฟัง เรียกว่าเป็นเรื่องขำๆ ขันๆ ก็แล้วกัน แต่ว่าเป็นข้อคิดอะไรบางอย่าง แล้วก็เป็นความคิดของผมนะครับ
ท่านผู้ชมคงได้ข่าวบ้างแล้วว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา หรือว่า ผบ.แป๊ะ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ท่านผู้ชมหลายท่านและประชาชนส่วนใหญ่พออกพอใจในการทำงาน และชื่นชมในความสามารถ ทุกเรื่อง ตั้งแต่คดีจ่าคลั่งที่โคราช ไล่ไปจนถึงถ้ำขุนน้ำนางนอน หมูป่า 13 คน และอีกหลายต่อหลายคดีที่ ผบ.แป๊ะ ลงไปทำงานแบบประเภทหามรุ่งหามค่ำ แล้วก็ลงไปลุยกับตำรวจ ลูกน้อง อย่างใกล้ชิด
วันนี้ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบ่อนทางภาคตะวันออก ที่โยงใยไปจนถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 แล้วก็มีคำถามที่ตั้งถามถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน คือ คุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ซึ่งหลายๆ คนพอเห็นการกระทำของคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข แล้ว ก็บอกว่าคิดถึง ผบ.แป๊ะ ก็เป็นปกติธรรมดาครับ ตอนนี้ก็มีข่าวเล่าลือออกมาว่า ท่าน ผบ.แป๊ะ คนนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ขณะนี้กำลังซุ่มเงียบๆ วางแผนที่จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.
ทีนี้ ผู้ว่าฯ กทม. ที่ ผบ.แป๊ะ ตัดสินใจลงนั้น ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาส เพราะว่าผลงานของ ผบ.แป๊ะ มีเยอะแยะไปหมด อีกประการหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราพิจารณาว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เคยบริหารจัดการตำรวจ 76 จังหวัด เพราะทุกจังหวัดต้องมีตำรวจ มีกี่อำเภอก็ตาม ทุกอำเภอก็ต้องมีโรงพักอยู่ เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเขาบริหารจัดการตำรวจ 76 จังหวัดได้ดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่สามารถจัดการกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นเพียงจังหวัดเดียวเท่านั้นเอง ผมคิดว่าเขาทำงานได้
แต่เผอิญช่วง 3-4 วันที่ผ่านมา มันมีเหตุการณ์ที่ผมอ่านแล้วผมก็อดฮาไม่ได้ ก็มีคนที่ปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายต่อ ผบ.แป๊ะ ก็มีการทำภาพของ ผบ.แป๊ะ ขึ้นมาในเฟซบุ๊ก แล้วก็เป็นทำนองว่าเชียร์ ผบ.แป๊ะ สุดฤทธิ์สุดเดช สุดลิ่มทิ่มประตูเลย ว่า ผบ.แป๊ะ นี่ปังปุริเย่แล้ว เป็นคนที่เหมาะที่สุดที่จะมาเป็นผู้ว่าฯ กทม. ชื่นชมใหญ่ แม้กระทั่งเอาเรื่องราวที่ ผบ.แป๊ะ พูดอวยพรปีใหม่ให้กับท่านผู้ชมออกมาลง ซึ่งท่านผู้ชมหลายคนก็คงจะได้เห็น มีการ boost post ขึ้นมา คือจ่ายเงินโพสต์ในเฟซบุ๊กเพื่อให้คนเข้ามาดูเยอะๆ ปรากฏว่าเรื่องนี้ท่านอดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผบ.แป๊ะ บอกว่า ผมไม่รู้เรื่องเลยครับ แม้แต่นิดเดียว คนเขาทำกันเอง
ที่สำคัญ เฟซบุ๊กอันนี้มันเป็นเฟซบุ๊กของคนชอบลุงป้อม แฟนลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นเฟซบุ๊กของคนซึ่งยืนข้างลุงป้อม เขาเรียกเฟซบุ๊กคนรักลุงป้อม ท่านผู้ชมครับ ด้วยความเคารพลุงป้อม ผมไม่เคยเชื่อเลยนะครับว่า สายลุงป้อม ถ้าประกาศออกมาอย่างเป็นทางการอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่ปิดบังว่าเชียร์ ผบ.แป๊ะ สำหรับผมแล้ว ติดลบครับ ไม่บวกเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านผู้ชมจำนายฌอน บูรณะหิรัญ ได้ไหมครับ
จำได้ไหมครับ นายฌอน ที่ลงไปรับงานลุงป้อม แล้วก็ไปเชียร์ลุงป้อมอย่างตรงไปตรงมา วันนี้ฌอน หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ หาตัวไม่ค่อยเจอ สันติบาล ตำรวจลับ หาแล้วไม่รู้ฌอนกลบตัวเงียบไปขนาดไหน เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าคนต้องการทำลาย ผบ.แป๊ะ ไม่ต้องการให้ ผบ.แป๊ะ เป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็ใช้วิธีนี้ล่ะครับ ก็คือว่า เฟซบุ๊กคนรักลุงป้อมเชียร์ ผบ.แป๊ะ ก็เลยมีคนตั้งคำถามว่า เอ๊ะ งานนี้คนอยู่เบื้องหลังจะเป็นคู่ชกของ ผบ.แป๊ะ เก่าหรือเปล่า ? ที่เป็นอดีตตำรวจยศพลตำรวจโท ผมไม่ต้องเอ่ยชื่อก็คงจะรู้แล้วมั้งว่าชื่ออะไร ผมก็เลยอดขำไม่ได้ว่ายุคนี้สมัยนี้มีวิธีการที่เขาจะทำลายกันได้ง่ายๆ ท่านผู้ชมก็รู้ว่า ถ้าลุงป้อมเชียร์ใครก็ตาม 90 เปอร์เซ็นต์ หรือแม้กระทั่ง 99 เปอร์เซ็นต์ ของคนที่อยู่ในวงการ ก็จะบอกว่าไม่เอา ถ้าลุงป้อมรักคนนี้ ผมหนีดีกว่า ผมไม่เอาดีกว่า เพราะฉะนั้นแล้ว คนที่ลำบากในขณะนี้ก็คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้มุ่งมั่นที่จะเข้ามาทำงานให้กับชาวกรุงเทพมหานคร ในการสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผมไม่ถือว่าอันนี้เป็นโชคดีนะครับ เขาเรียกว่าเป็นเคราะห์ร้ายในลักษณะการโชคดี
ลักษณะแบบนี้มีอยู่เรื่อยๆ ท่านผู้ชม สมัยที่ผมเดินทางไปฮ่องกงตลอดเวลา ตอนนั้นผมมีเรื่องราวต้องไปทำที่ฮ่องก มีคนพูดตลอดเวลาเลยว่า คุณสนธิ ไปเจอคุณทักษิณไหม คุณทักษิณอยากเจอ นั่งกินกาแฟกันก็ได้ ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรทั้งสิ้น ผมก็มาคิดในใจว่านี่มันหลุมพราง กับดักนี่หว่า
คือจริงๆ ว่าหวังดีที่จะให้คน 2 คน คือ ทักษิณ ชินวัตร กับผม มานั่งคุยกัน ปรับความเข้าใจกัน ไม่ใช่ นี่คือการฆ่ากู ฆ่าอย่างไร ? แค่ผมไปนั่งกินกาแฟที่ล็อบบี้เลานจ์ของโรงแรมเพนนินซูลา ก็จะมีช่างภาพคนหนึ่งอยู่ข้างบน และแอบถ่ายรูปว่าผมนั่งคุยกับทักษิณ แล้วก็เอารูปนี้มาเผยแพร่ในประเทศไทย แล้วก็จะว่า เห็นไหม สนธิ ทรยศต่ออุดมการณ์แล้ว เห็นไหม เป็นแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วก็ไปกินกาแฟกับทักษิณ หรือว่าไปแล้วทักทายกับทักษิณ เพราะฉะนั้นแล้วจะมีคนติดต่อผมมาตลอดเวลา คุณสนธิ จะไปเมื่อไร บอกนะ คุณทักษิณเขาอยากเจอ อยากคุยด้วย อยากโน่นอยากนี่ ท่านผู้ชมครับ ถ้าผมไปอย่างนั้น ผมก็อิ๊บอ๋ายสิ ไม่เหลือเลยนะครับ เพราะฉะนั้นผมก็เลยปฏิเสธ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมจำได้ ผมนั่งเครื่องบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค ไปฮ่องกง แล้วปรากฏว่าที่นั่งข้างหน้าผม คือ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร แล้วก็ลูก ผมจำไม่ได้ว่าใคร ผมอุตส่าห์บอกแอร์ฯ ซึ่งผมนั่ง Business Class เหมือนกัน ผมบอกว่าผมขอเลื่อนตัวไปนั่งที่ Economy ได้ไหม ชั้นประหยัด เพราะว่าผมไม่ต้องการให้เห็นว่าเรานั่งร่วมกัน เดี๋ยวหาว่าไปฮ่องกงด้วยกัน แล้วก็ไปเจอคุณทักษิณ ระวังตัวกันขนาดนี้ เพราะฉะนั้นคนที่ซวยจริงๆ วันนี้ก็คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แล้วถ้าคนที่ทำเพจรักลุงป้อม ถ้ามีความปรารถนาดีจริงๆ กับคุณจักรทิพย์ ก็กรุณาอย่าไปเชียร์เขาอย่างโจ่งแจ้ง นอกเสียจากว่าคุณต้องการจะทำลายคุณจักรทิพย์ ชัยจินดา เพราะคุณก็รู้ว่าใครก็ตามที่ลุงป้อมเชียร์ คนๆ นั้นจะไม่ได้รับการเลือกตั้งอย่างแน่นอนที่สุด
ผมอยากให้คนรักลุงป้อมได้เข้าใจก่อนว่า ลุงป้อม โดยพื้นฐานเป็นคนดี แต่ในสายตาของสังคมและสาธารณชนแล้ว ลุงป้อมยืนข้างใคร คนนั้นมีอันต้องเป็นไปทุกครั้ง ก็อย่างที่ผมเรียนให้ทราบว่า ดูอย่างคุณฌอน บูรณะหิรัญ ก็แล้วกัน ผมถือว่าวันนี้เป็นข่าวร้ายสำหรับคุณจักรทิพย์ ชัยจินดา ว่า จู่ๆ นั่งอยู่เฉยๆ ไม่รู้เรื่อง แล้วคนที่ใกล้ชิดคุณจักรทิพย์ ก็ยืนยันมาว่า คุณจักรทิพย์ ไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ยังไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วเพจนี้ก็มีการ boost ก็คือว่า เอาเงินให้เฟซบุ๊ก เพื่อให้มีคนเข้ามาดูเยอะๆ ปรากฏว่าเพิ่งจะเช็กกันเมื่อวานนี้ ยังไม่ทันเลยก็ปรากฏว่าเพจนั้นหายไปแล้ว ถูกลบออกหมดเลย ผมก็เลยสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาก็เลยแจ้งให้ทราบว่า มีคนไปฟ้องท่านนายกฯ ว่าเพจนี้แกล้ง ท่านนายกฯ ก็เลยโทรไปเช็กพี่แหม่มของผม พี่แหม่ม บิ๊กอาย ซึ่งเป็นรัฐมนตรีช่วยแรงงาน เพราะว่าเป็นคนที่ดูแลเพจของรัฐบาลทั้งหมด
พี่แหม่มเขาก็บอกว่า เขาไม่รู้เรื่องเลย ไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งสิ้น ก็ปรากฏว่า อย่างที่ผมได้ทำนายไว้ตอนต้น ท่านผู้ชม ว่างานนี้มีคนปรารถนาดีแต่ประสงค์ร้ายกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มันจะเป็นใครที่ไหนล่ะ ในที่สุดวันนี้ก็ค่อนข้างจะพิสูจน์ได้ใกล้เคียงความจริงว่าคนๆ นั้นก็คือเป็นนายตำรวจที่อดีตยศพลตำรวจโทคนหนึ่ง อย่าให้ผมเอ่ยชื่อเลย ท่านผู้ชมคงรู้ว่าใคร งานนี้มันแน่นอนท่านผู้ชม ถ้า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมเชื่อว่าก็จะมีมารผจญ คือคนๆ นี้ล่ะ จะคอยจ้องทำลาย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ตลอดเวลา ก็มาอัปเดตเรื่องนี้ให้ท่านผู้ชมฟังว่าเพจนั้นเคยมี เดี๋ยวผมเอาเพจนั้นขึ้นให้ดูก็ได้ แต่ตอนนี้หายไปแล้ว ด้วยความเคารพ ผมไม่ได้ตั้งใจจะว่าลุงป้อม แต่ว่าผมจะเรียนให้คนที่ยืนใกล้ๆ ลุงป้อมทราบตรงๆ ว่า คุณรักใคร ชอบใคร อย่าเอาลุงป้อมเข้ามาเกี่ยวเลยแม้แต่นิดเดียว ก็จะเป็นความกรุณาอย่างหาที่สุดไม่ได้แล้ว ห่างเอาไว้ดีกว่านะครับ
เมื่อวันที่ 6 มกราคม ได้เกิดเหตุการณ์จลาจลกันที่รัฐสภาสหรัฐฯ ผมได้เคยพูดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่วันนี้จะพูดเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันและเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก และมันก็โยงกลับไปที่วันที่ 6 ที่ผมเคยพูดให้ฟัง แล้วก็กลับไปสู่จุดๆ หนึ่งที่ผมเคยอธิบายถึงประวัติศาสตร์ของอเมริกา ว่าอเมริกานั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร
วันที่ 6 มกราคม หลังจากที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ปลุกระดมกลุ่มคนที่สนับสนุนตัวเขา บุกเข้าไปที่รัฐสภาในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเขาเรียกว่า Capitol Hill ระหว่างการประชุมพิจารณาของสภาคองเกรสที่กำลังจะรับรองชัยชนะในการเลือกตั้้งประธานาธิบดีของนายโจ ไบเดน ทำให้มีคนเสียชีวิต 5 คน เป็นผู้ประท้วง 4 คน และตำรวจ 1 คน เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้คนตกตะลึงมาก แล้วก็มันมีหลายแง่หลายมุมที่ต้องพูดถึง
มันมีแง่มุมหนึ่งที่ผมอยากจะพูด แล้วผมก็รู้ว่ามีคนที่รักชอบอเมริกา มีบางคนถึงกับออกคอมเมนต์มาว่าเขาอยู่อเมริกามา 35 ปี สิ่งที่ผมพูดไปนั้น ผมมโน อย่าไปเชื่อมัน ไม่มีอะไรหรอก ผมก็ได้แต่ขำและสังเวชคนประเภทที่อยู่มาถึง 35 ปี แล้วก็ยังมองอะไรไม่เห็นเลยแม้แต่นิดเดียว
วันนี้ผมอยากจะเอาข้อมูลอะไรบางอย่างมาให้ ท่านผู้ชมครับ สมัยที่ผมอยู่อเมริกา นิวยอร์กไทมส์ เป็นหนังสือพิมพ์เล่มหนึ่งที่ผมพยายามที่จะอ่าน ในสมัยนั้นยังไม่มีระบบดิจิทัล แต่ก็จะมีหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ที่เขาพิมพ์แล้วจะส่งไปจำหน่ายทั่วสหรัฐอเมริกา
ผมอุตส่าห์ควักเงินทองซึ่งไม่เคยมีในฐานะเป็นนักศึกษา ซื้อหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์อ่าน เพราะว่านิวยอร์กไทมส์นั้นเป็นสื่อมวลชนระดับชั้นแนวหน้าของอเมริกา แล้วก็ชั้นแนวหน้า 1 ใน 10 ของโลกนี้ ที่ถ้าพูดในเรื่องของความแม่นยำ ความเที่ยงตรงพอสมควร ก็มีหลายอย่างที่ผมไม่เห็นด้วยกับเขา อาจจะเป็นเพราะว่า หนึ่ง เขาพูดบนพื้นฐานของวัฒนธรรมและรากเหง้าของคนอเมริกา แต่ในขณะเดียวกัน ผมมองเหตุการณ์ในบางครั้ง ผมมองในฐานะที่ผมเป็นคนเอเชีย
แต่จะอย่างไรก็ตาม นิวยอร์กไทมส์จะเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงที่สุด แล้วก็ไม่มีใครตั้งข้อสงสัยในเรื่องข้อคิดหรือข่าวของนิวยอร์กไทมส์
นิวยอร์กไทมส์เขาได้ทำคลิปวิดีโอขึ้นมา 4 นาที เดี๋ยวผมจะให้ทีมงานเขาตัดเป็นช่วงๆ ออกมา เป็นภาพออกมาให้ดูกัน นิวยอร์กไทมส์เขาแสดงคลิปออกมาแล้วบอกว่า "Stop pretending, this is not who we are, electoral violence is in our DNA." แปลเป็นไทย ว่า "อย่าเสแสร้งว่าคนอเมริกันไม่ได้เป็นอย่างนี้ การก่อความรุนแรงจากการเลือกตั้งอยู่ในดีเอ็นเอของเรา (คนอเมริกัน" ก็คือพูดง่ายๆ ว่าคนอเมริกันมีความรุนแรงอยู่ในดีเอ็นเออยู่แล้ว เพราะว่าทันทีที่มีเรื่องของนายทรัมป์ เกิดขึ้นมา โจ ไบเดน ออกมาสวนกลับทันทีเลย
ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เขาบอกว่า "ผมขอแสดงความชัดเจนว่า ภาพความโกลาหลที่เกิดขึ้น ณ The Capitol Hill (คือสภาคองเกรส หรือรัฐสภาสหรัฐฯ) ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงอเมริกาในความเป็นจริง ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงธาตุแท้ของเรา" นายไบเดน กล่าวไว้ที่เมืองเวลมิงตัน รัฐเดลาแวร์ ในวันพฤหัสฯ ที่ 7 มกราคม วันพุธที่ 6 มีจลาจล วันพฤหัสฯ ที่ 7 นายไบเดน ออกมาพูดเลยว่า ที่คุณเห็นในนี้มันไม่ใช่คนอเมริกัน ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเรา นักข่าวนิวยอร์กไทมส์ก็เลยถามกลับนายไบเดน ว่า ท่านแน่ใจจริงๆ หรือที่พูดออกมา พร้อมกับอธิบายว่า อเมริกาในความเป็นจริงและธาตุแท้ของคนอเมริกันก็คืออย่างที่คนอเมริกาและชาวโลกเห็นในเหตุการณ์ความวุ่นวายที่สภาคองเกรสเมื่อวันพุธที่ 6 มกราคมนั้น ไม่ว่าจะเป็นภาพการเผชิญหน้าของสองฝ่ายพร้อมอาวุธครบมือ การเชิดชูคนผิวขาว ทฤษฎีการสมรู้ร่วมคิด คือกล่าวอ้างว่ามีการโกงการเลือกตั้ง
ยกตัวอย่างความสูญเสียจากการปลุกปั่นเกี่ยวกับการโกงการเลือกตั้ง โดยทรัมป์ ทำให้การสูญเสีย อย่างเช่น มีผู้หญิงคนหนึ่ง ชื่อ แอชลี แบบบิตต์ เป็นอดีตนายทหารอากาศหญิง วัย 35 ปี ถูกตำรวจนอกเครื่องแบบยิงเสียชีวิต ระหว่างพยายามบุกเข้าไปถึงข้างในห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ โดยการปีนผ่านบานกระจก แบบบิตต์ เป็นคนซานดิเอโก รัฐแคลิฟอร์เนีย เป็นทหารอากาศยาวนานถึง 14 ปี ออกประจำการต่างประเทศ 4 ครั้ง ระหว่างที่เธอทำงานอยู่ในกองทัพอากาศ ก่อนที่จะลาออกแล้วมาเปิดกิจการให้บริการสระว่ายน้ำ ที่เมืองซานดิเอโก กับสามี
ก่อนการประท้วง แอชลี แบบบิตต์ ได้เขียนลงทวิตเตอร์ มีใจความว่า "ไม่มีใครสามารถจะหยุดพวกเราไว้ได้ พวกเขาสามารถพยายาม แต่พายุได้มาแล้ว และมันมุ่งหน้ามาที่วอชิงตัน ดี.ซี. ไม่ถึง 24 ชั่วโมง ความมืดเพื่อเข้าไปสู่ความสว่าง เธอได้ถ่ายทอดสดทางออนไลน์ตอนที่เดินขบวนจากเวทีการชุมนุมไปที่อาคารรัฐสภา อ้างว่ามีผู้ร่วมชุมนุมกว่า 3 ล้านคน แต่จริงๆ มีอยู่ไม่กี่พันคน มันน่าอัศจรรย์มากที่ได้มาดูประธานาธิบดีปราศรัย" แบบบิตต์ กล่าวระหว่างเดินขบวน
นางแอชลี แบบบิตต์ เป็นตัวอย่างหนึ่งของสาวกที่คลั่งไคล้นายทรัมป์ หลงใหลในตัวประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นอย่างมาก ต้องการเห็นคอร์รัปชันและสิ่งแย่ๆ ทั้งหลายถูกกำจัดให้หมดไป ไล่ตั้งแต่ในแวดวงระดับสูงของรัฐบาล ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ประจำเมืองท้องถิ่นของเธอ พร้อมระบุว่าเธอเป็นวีรสตรี ไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย หรือเป็นนาซี
ท่านผู้ชมครับ นิวยอร์กไทมส์ยังเล่าต่อว่า เมื่อพิจารณาจากภาพต่างๆ คือพวกนี้บุกเข้าไปในรัฐสภา แล้วในภาพต่างๆ ในรัฐสภานั้น จะติดภาพในอดีตอยู่เยอะแยะไปหมดเลย เขาบอกว่า เมื่อพิจารณาจากภาพต่างๆ ของห้องโถงสภาคองเกรสแล้ว นิวยอร์กไทมส์ระบุว่า ก็เลยไม่น่าประหลาดใจเลยว่าอเมริกามีวันนี้ได้อย่างไร ? ทำไมเขาถึงพูดอย่างนั้น ท่านผู้ชม ?
ผู้สื่อข่าวนิวยอร์กไทมส์ที่ทำคลิป เขียนว่า เพราะว่าอเมริกานั้นเป็นชาติที่สร้างขึ้นมาบนดินแดนที่ถูกขโมยมา ขโมยมาจากชนชาวพื้นเมืองชนเผ่าอินเดียนแดง โดยผู้คนที่ถูกขโมยมา America is a nation built on stolen land by stolen people. ภาพสองภาพที่นิวยอร์กไทมส์ใช้บอกเล่าในคลิปชิ้นนี้ มีนัยสำคัญมาก ภาพแรก เป็นภาพ Landing of Columbus หรือการมาถึงของโคลัมบัส
ภาพนี้เป็นภาพที่เขียนโดย John Vanderlyn ศิลปินชาวอเมริกาเชื้อสายดัตช์ ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ.1492 หรือ พ.ศ.2035 ซึ่งคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ขึ้นบกจากเรือซานตามาเรีย มาบนชายหาดของหมู่เกาะเวสต์อินดี้ ที่ในเวลาต่อมานำมาสู่การค้นพบสหรัฐอเมริกาของชาวยุโรป ทำให้คนพื้นที่พื้นถิ่นกระเจิดกระเจิงหมดเลย ซึ่งจริงๆ แล้วความเข้าใจผิดในประวัติศาสตร์ยังมีอีกเยอะ โคลัมบัส ไม่ได้เป็นผู้ที่ค้นพบทวีปอเมริกา คนอินเดียนแดง คนท้องถิ่น เขาเจออเมริกามาตั้งแต่ 15,000 ปีที่แล้ว โคลัมบัส เพิ่งมาเจอทีหลัง แล้วก็นำนักล่าอาณานิคมจากทางยุโรปมาปล้นอเมริกาออกจากมือของคนท้องถิ่นที่เป็นอินเดียนแดง
รูปที่สอง คือภาพ Discovery of the Mississippi by De Soto ก็คือเป็นการค้นพบแม่น้ำมิสซิสซิปปี ซึ่งเป็นแม่น้ำใหญ่อันดับ 1 และน่าจะยาวที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ภาพนี้วาดโดยนายวิลเลียม เฮนรี พาวเวลล์ (William Henry Powell) ศิลปินชาวอเมริกา ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 เช่นกัน
ภาพการค้นพบของมิสซิสซิปปี เป็นภาพที่วาดขึ้นเพื่อถ่ายทอดเหตุการณ์ที่เฮอร์นานโด เดอ โซโต (Hernando De Soto) นักสำรวจชาวสเปน กับกองทัพทหาร เดินทางมาถึงลุ่มน้ำมิสซิสซิปปี เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ.1541 หรือ พ.ศ. 2084 ในภาพจะเห็นเดอ โซโต ขี่ม้าขาว สวมหมวกปีกกว้างประดับขนนก ตรงข้ามกับชาวอินเดียนแดงพื้นเมืองที่อยู่ในท่าทีที่หวาดกลัว เช่น ผู้หญิงอินเดียนแดงที่เปลือยอกนั่งพับเพียบอยู่บนพื้น ส่วนหัวหน้าเผ่าต้องยื่นกล้องยาเส้น เพื่อแสดงถึงสันติภาพ ที่เขาเรียกว่า Pipes of Peace ให้แสดงว่าเขายอมแพ้ ฉากหลังเป็นแม่น้ำมิสซิสซิปปี ขณะที่ฉากหน้าเป็นภาพปืนใหญ่ อาวุธยุทโธปกรณ์ ทหารที่กำลังอ่อนแรง บาทหลวงที่กำลังสวดมนต์ ตั้งไม้กางเขน ถ่ายทอดให้เห็นว่า ได้มีการรบเพื่อแย่งชิงดินแดนกันก่อนหน้านั้น โดยฝ่ายเดอ โซโต เพิ่งได้รับชัยชนะ
ท่านผู้ชมครับ เรื่องประวัติศาสตร์อเมริกานี้ ผมเคยเล่าให้ฟังอย่างละเอียดไปแล้วเมื่อครั้งรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" 2020 : จุดเสื่อมอาณาจักรอเมริกา จุดเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์โลก ได้ออกอากาศเป็นครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2563 ตอนนั้นผมเล่าความเป็นมาของอเมริกาและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนพื้นถิ่นว่าเกิดจากหลายสาเหตุด้วยกัน โดยผมบอกว่า ที่มา ความเป็นมาของสหรัฐอเมริกา มาจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอินเดียนแดง ก่อนที่อเมริการวมทั้งอาณานิคมก่อนหน้านั้นจะถูกก่อตั้งขึ้น พื้นที่ทั้งหมดในอเมริกาปัจจุบัน เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของชนชาวพื้นเมืองชาวอเมริกันมาก่อน เป็นเวลาถึง 15,000 ปี จนกระทั่งคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ค้นพบโลกใหม่ของชาวยุโรปในปี 2035 หรือ ค.ศ.1492
การขยายตัวของชาวยุโรปที่เข้ามาในอเมริกาเหนือ เช่น สเปน ฝรั่งเศส อังกฤษ โปรตุเกส มาจากปัจจัยดังนี้ มาจากการเกิดการตั้งอาณานิคมของชาวยุโรป ต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากแผ่นดินใหม่ เช่น ทองคำ ทรัพยากร ธาตุ และนักโทษที่ประเทศอังกฤษเนรเทศมาจากประเทศอังกฤษ เขาเนรเทศไปที่อเมริกา บางส่วนก็ถูกเนรเทศไปที่ออสเตรเลีย แล้วในที่สุด ทั้งอเมริกา และออสเตรเลีย ก็คือตัวปัญหาของโลก จากการที่มีพื้นฐานบรรพบุรุษที่เป็นคนประเภทนี้
อีกประการหนึ่งที่เกิดการบุกรุกเข้ามาในอเมริกา คือการหลบหนีจากการกดขี่ทางศาสนาด้วย และอีกอย่างหนึ่ง ข้อสุดท้าย คือ การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในดินแดนที่เพิ่งถูกค้นพบ
จากปัจจัยทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟังนี้ นำไปสู่การล่มสลายของชาวอเมริกันพื้นเมือง ฝั่งอาณานิคมต้องการค้นหาทองคำ จึงได้ลงมือเปิดฉากรุนแรงกับชาวอินเดียนแดง สงครามระหว่างชาวอเมริกันพื้นเมืองกับคนขาวเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง จากการรุกพื้นที่ของคนขาว จึงเป็นสะพานนำไปสู่ความขัดแย้ง แล้วจบลงด้วยความตายของคนอินเดียนแดงเป็นจำนวนมาก ทั้งจากการไล่ที่อยู่อาศัย กดขี่ข่มเหง การเหยียดสีผิว สงคราม ล้วนเป็นเหตุการณ์อันน่าสลด
ท่านผู้ชมครับ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ ในคลิปอันนั้นระบุด้วยว่า เหตุการณ์และความรุนแรงของการบุกสภาคองเกรสของกลุ่มคนเชียร์ทรัมป์ เมื่อวันที่ 6 มกราคม นั้น จริงๆ แล้วมันเหมือนกับที่เกิดมาในประวัติศาสตร์ คำพูดจากคลิปนั้นบอกว่า "ความรุนแรงนั้นอยู่ในดีเอ็นเอของชนชาติเรา" Violence is in our DNA
ท่านผู้ชมครับ รายงานของนิวยอร์กไทมส์ย้อนอดีตไปในเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ว่า มีความรุนแรงหลังจากการเลือกตั้งเช่นเดียวกัน เกิดเหตุการณ์ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย ในปี พ.ศ.2377 หรือ ค.ศ.1834 หรือที่้เขาเรียกว่า สงครามกลางเมืองอเมริกัน (American Civil War) ซึ่งมีการทำภาพยนตร์ในเรื่องพวกนี้ออกมาเยอะแยะไปหมด ในปี 2404 (ค.ศ.1861) ระหว่างฝ่ายเหนือ ที่เขาเรียกว่า Union Army ฝ่ายสหภาพ กับฝ่ายใต้ สมาพันธรัฐอเมริกา หรือที่เขาเรียกว่า Confederate
ภายหลัง อับราฮัม ลินคอล์น ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 16 ก็เกิด เพราะความไม่พอใจ เพราะลินคอล์น นั้นต้องการจะเลิกทาส
สาเหตุขัดแย้งและชนวนสงคราม สาเหตุสงครามกลางเมืองเกิดจากความแตกต่างของรัฐแต่ละรัฐในสหรัฐฯ ซึ่งมีรูปแบบและวิถีความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันมาก รัฐทางใต้ที่นายทรัมป์ ยึดหัวหาดมา ไม่ว่าจะเป็นเซาท์แคโรไลนา ไม่ว่าจะเป็นเทกซัส จะเป็นจอร์เจีย จะเป็นโน่นเป็นนี่ มีระบบเศรษฐกิจที่ต้องพึ่้งพาการใช้ทาสแรงงานในการทำเกษตรกรรมขนาดใหญ่ และมีพลเมืองส่วนมากเป็นคนชนชาติพันธุ์แองโกลแซกซอน คือมาจากอังกฤษ ไอร์แลนด์ พูดภาษาอังกฤษ คนพวกนี้ไปยึดถือทางใต้แล้วจัดการการเกษตร นับถือนิกายโปแตสแตนท์ และพูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก นอกจากนี้ การเมืองและระบบเศรษฐกิจภายในรัฐทางใต้ยังถูกควบคุมโดยคนรวยที่ยึดครองทาส ระบบความคิดจึงไปทางขวาจัด และชาติพันธุ์นิยม รังเกียจผิว ยึดมั่นในความเป็นอัตลักษณ์ของคนใต้ ที่เขาเรียกกันว่า Southerner มากกว่าความเป็นคนอเมริกัน
ตรงกันข้าม ในทางกลับกัน รัฐทางเหนือเป็นรัฐอุตสาหกรรมที่มีระบบเศรษฐกิจเป็นการตลาด ไม่ได้พึ่งพาแรงงานทาสมากนัก มีประชากรจากหลายชื้อชาติในยุโรปอพยพเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นอิตาลี จะเป็นโปรตุเกส จะเป็นสเปน จะเป็นเบลเยียม จะเป็นสวีเดน ตลอดเวลา ทำให้ในสังคมทางเหนือมีความหลากชาติเชื้อและวัฒนธรรม มีระบบความคิดที่ก้าวหน้ามากกว่าเยอะ
เมื่ออับราฮัม ลินคอล์น ซึ่งมีแนวคิดไม่ประนีประนอมกับสถาบันทาสอย่างชัดเจน ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แบบท่วมท้นในการเลือกตั้งในปี ค.ศ.1860 ทำให้ประชากรผิวขาว คนผิวขาวใน 11 รัฐตอนใต้ ไม่พอใจอย่างยิ่ง และรู้สึกว่าเป็นการแยกตัวเป็นอิสระ เป็นทางเลือกเดียวที่จะรักษาสถาบันทาสเอาไว้ได้ เพราะพวกนี้ยังต้องการจะเก็บทาสเอาไว้
เนื่องจากเห็นว่าพวกตนไม่มีผู้แทนอยู่ในสภาคองเกรส จนในที่สุดก็เลยรวมตัวกันไปจัดแยกเป็นรัฐบาลใหม่ในชื่อว่า สมาพันธรัฐอเมริกา ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 1861 และก่อสงครามในเวลาต่อมา
ธงของฝ่ายใต้ 7 รัฐทาส หรือที่เขาเรียกว่า ธงสมาพันธรัฐอเมริกา (Confederate flag) ถูกรื้อฟื้นกลับมาโบกสะบัดอีกครั้งในยุคนี้ โดยกลุ่มผู้สนับสนุนของนายโดนัลด์ ทรัมป์ (ดูในภาพ)
ภาพที่เห็นคนกำลังแบกธงอยู่ นี่คือธงทางใต้ที่เขาเรียกว่า Confederate flag เพราะฉะนั้นแล้ว นายโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เป็นคนสนับสนุนคนพวกนี้ ในประเทศไทยก็มีฝ่ายที่พยายามอุปโลกน์หลอกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นคนที่เชียร์ทักษิณเดิม หรือฝ่ายธนาธร ที่นับถืออเมริกายิ่งกว่าพ่อตัวเอง ที่บอกว่าดีที่อเมริกาไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ ไม่งั้นเหตุการณ์วันพุธก็น่าจะมีการปฏิวัติไปแล้ว แต่ถ้าย้อนไปในอดีต 160 ปีที่แล้ว อเมริกาที่เป็นบิดาของประชาธิปไตย ก็ทำให้เราเห็นแล้วว่า แม้เลือกตั้งเสร็จ ก็ก่อให้เกิดสงครามได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมันก็มีจุดอ่อนของมัน ไม่ใช่ไม่มี
เหตุการณ์ในวันพุธที่ 6 มกราคม ยังสะท้อนให้เห็นรอยร้าวลึกของความแตกแยกทางด้านชนชาติและสีผิวของคนอเมริกัน
นี่ผมกำลังพูดถึงคลิป 4 นาที ของนิวยอร์กไทมส์นะ แล้วผมขยายความข้อความที่เขาพูดนะ นิวยอร์กไทมส์ได้เชื่อมโยงความวุ่นวายไปถึงกฎหมายเก่าฉบับหนึ่งที่เขาเรียกว่า Jim Crow Laws กฎหมายจิม โครวส์
Jim Crow Laws พิสูจน์ชัดเจนว่าการเลือกตั้งไม่ได้ก่อให้เกิดความเท่าเทียมกันเลย เอาล่ะ ตามผมมา ตามประวัติศาสตร์ตรงนี้นิดหนึ่ง ภายหลังสงครามกลางเมือง รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามฟื้นฟูประเทศ โดยนำรัฐทางใต้ หลังจากที่ทางใต้แพ้สงครามแล้ว ผนวกเข้าเป็นสหรัฐอเมริกา United States of America อีกครั้ง โดยที่มุ่งหวังให้กลมเกลียว เหมือนกับโจ ไบเดน พยายามทำอยู่ตอนนี้ บอกว่าเรามาจับมือกันหมดเถอะ หลังจากที่มีการแยกกันแล้วระหว่างของทรัมป์ ซึ่งอยู่ทางใต้ หรือชนชาวผิวขาว โจ ไบเดน บอกว่า ผมเข้ามาแล้วผมต้องการสร้างความสามัคคี แต่ในยุคนั้นมีการออกกฎหมายเพื่อให้สิทธิเสรีภาพแก่ทาสผิวดำ ในฐานะพลเมืองอเมริกา ให้เท่าเทียมกับคนผิวขาว แต่รัฐทางใต้มีกฎหมายฉบับหนึ่ง ซึ่งเป็นกฎหมายที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของทาสผิวดำ กฎหมายฉบับนี้เขาเรียกว่า กฎหมายคนผิวดำ (Black Codes)
สภาคองเกรสได้ผ่านกฎหมายออกมาเป็นบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ข้อที่ 14 หรือที่เขาเรียกว่า 14th Amendment ในปี พ.ศ.2411 (ค.ศ.1868) ใจความที่สำคัญคือ การให้สิทธิเสรีภาพแก่คนชาวผิวดำที่เป็นพลเมืองอเมริกัน และบังคับให้รัฐทางใต้ยอมรับบทบัญญัติข้อนี้เข้าไปในธรรมนูญ ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่รับกลับเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับสหรัฐอเมริกา
ผลของการให้สิทธิเสรีภาพกับคนผิวดำ มีสิทธิเท่าเทียมคนผิวขาว สร้างความไม่พอใจอย่างใหญ่หลวงแก่ชาวอเมริกันทางใต้ เมื่อมีการเลือกตั้ง ปี พ.ศ.2419 หรือ ค.ศ.1876 ซึ่งประธานาธิบดีรัทเทอร์ฟอร์ด บี. เฮส์ ชนะแซมมวล เจ. ทิลเดน ไปแบบเฉียดฉิว
โดยเฮส์ ชนะ Electoral Vote 185 ต่อ 184 แค่คะแนนเดียว แต่ทิลเดน ชนะ Popular Vote ก็เหมือนสมัยของฮิลลารี คลินตัน กับทรัมป์ ในยุคแรก ที่ฮิลลารี คลินตัน ชนะ Popular Vote แต่ว่าแพ้ Electoral Vote
ด้วยความคลุมเครือในผลการเลือกตั้ง ทำให้สองพรรคใหญ่ ... คือคลุมเครือมากครับ คือคนๆ หนึ่งชนะ Popular Vote แต่แพ้ Electoral Vote และแพ้แค่ 1 เสียง ก็เลยทำให้พรรครีพับลิกัน ซึ่งอยู่ทางเหนือ และเดโมแครต ซึ่งอยู่ทางใต้ หันมาจับมือกัน โดยพรรคเดโมแครตยอมให้รัทเทอร์ฟอร์ด บี. เฮส์ จากพรรครีพับลิกัน เป็นประธานาธิบดี แต่ต้องมีการแลกเปลี่ยนกัน ข้อแลกเปลี่ยนก็คือว่า รัฐบาลกลางจะต้องถอนทหาร ซึ่งแต่ก่อนนี้พอชนะสงครามแล้วก็เอาทหารวางไว้ทางใต้เต็มไปหมด ก็เอาออกไป ผลของการยื่นหมูยื่นแมวครั้งนั้น ทำให้พรรคเดโมแครต ซึ่งมีอำนาจอีกครั้งในรัฐทางภาคใต้ ออกกฎหมายกีดกัน ลิดรอนสิทธิเสรีภาพของคนผิวดำอีกครั้ง ในชื่อที่เรียกว่า กฎหมายจิม โครว์ (Jim Crow Laws) การที่รัฐทางใต้ยังมีกฎหมายที่กดขี่คนผิวดำ ทำให้สมาชิกรีพับลิกัน ซึ่งเป็นเสียงข้างมากในสภาคองเกรสไม่พอใจ ประหลาดใจไหมครับ ? พรรครีพันลิกันสมัยก่อนเป็นคนที่ไม่รังเกียจผิว สนับสนุนให้คนเท่าเทียมกัน แต่พรรครีพับลิกันในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ กลับกลายเป็นคนที่สนับสนุนคนผิวขาว ก็เลยไม่พอใจพวกคนทางใต้ ก็เลยปฏิเสธไม่ยอมให้มีผู้แทนจากรัฐใต้กลับเข้ามาร่วมสภาคองเกรส ก็คือว่าในสภาคองเกรสไม่มีคนทางใต้
จากสถิติ ในปี 2403 (ค.ศ.1860) ชาวผิวขาวที่อยู่ทางใต้ทั้งหมด มีอยู่ประมาณ 8 ล้านคน และทาสผิวดำมีทั้งหมด 4 ล้านคน สำหรับเจ้าของที่ดินและนายทาสแล้ว ทาสถือเป็นทรัพย์สมบัติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่มนุษย์ นายทาสสามารถทำการอะไรก็ได้กับทาสของตน ได้ทั้งสิ้น โดยไม่ผิดกฎหมาย เพราะทาสมีสถานะเป็นแค่ทรัพย์สมบัติของนายทาสเท่านั้น โดยห้ามพวกทาสเรียนหนังสือ แต่งงานก็ไม่มีการรับรองทางกฎหมายอะไรทั้งสิ้น และห้ามคนผิวขาวแต่งงานกับคนผิวดำด้วย
ท่านผู้ชมครับ ในสมัยนั้นคนอเมริกันในรัฐทางใต้ มองว่าการค้าทาสเป็นเรื่องธรรมดา เนื่องจากเป็นยุคแผ่ขยายอาณานิคม ทาสจึงแรงงานสำคัญในการสร้างผลผลิต จึงไม่ได้ถูกมองอย่างให้ค่าในฐานะมนุษย์ หากแต่เป็นสิ่งของที่สามารถซื้อขาย ยกให้ใครก็ได้ ทาสจึงถูกกดขี่จากเจ้าของไร่อย่างทารุณ
ท่านผู้ชมครับ ความคิดเช่นนี้คือจุดเริ่มต้นของการเหยียดผิว โดยมองคนที่มีสีผิวต่างจากตนเอง ซึ่งเป็นคนผิวขาว ว่าเป็นผู้ที่ต่ำกว่า หากเจ้าของไร่ไม่พอใจทาสคนใด ก็มักจะลงโทษทาสคนนั้นอย่างทรมานจนตาย ส่วนทาสผู้หญิงก็จะถูกข่มขืนและเป็นเรื่องที่ไม่มีใครมองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดๆ ทั้งสิ้น
โดยมีการแบ่งแยกคนผิวขาวและคนผิวดำอย่างชัดเจน ในเรื่องการใช้บริการสาธารณะ เข้าส้วมก็จะมีส้วมของคนผิวขาว และของคนผิวดำ ขึ้นรถเมล์ คนผิวขาวนั่งข้างหน้า คนผิวดำนั่งข้างหลัง ถ้าหากที่นั่งไม่มี คนผิวขาวขึ้นมา คนผิวดำต้องลุกให้คนผิวขาวนั่ง ก๊อกน้ำดื่มสาธารณะก็แยกออกมาอย่างชัดเจน ว่าก๊อกนี้ของคนผิวขาว แม้ประตูเทางเข้า-ออกอาคารแต่ละแห่ง ก็บอกว่า White Entrance / Black Entrance
นอกจากนี้ ยังมีการออกกฎหมายแบ่งแยกโรงเรียน ระหว่างโรงเรียนเด็กผิวขาว กับโรงเรียนเด็กผิวดำ ที่สำคัญคือ ห้ามแต่งงานข้ามสีผิวอย่างเด็ดขาด
ทั้งหมดภายใต้นโยบายแบ่งแยกอย่างเท่าเทียม เขาเรียกว่า SEPERATE BUT EQUAL ก็คือว่า ผิวดำก็ผิวดำ ผิวขาวก็ผิวขาว แต่ผิวขาวมีสิทธิ์เหนือกว่าผิวดำทุกเรื่อง ก็เลยไม่ได้รับความเสมอภาคทางกฎหมาย
นิวยอร์กไทมส์ยังบอกว่า นี่ ท่านทั้งหลาย นี่คือความจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์อเมริกา ทำให้เราตระหนักว่าความเสมอภาคและความเท่าเทียมกัน ไม่เคยมีอยู่จริง แม้ในประเทศที่ได้รับการยกย่องว่าเปี่ยมไปด้วยสิทธิและเสรีภาพ และเป็นต้นแบบของประชาธิปไตย อย่างอเมริกา
ท่านผู้ชมครับ จากกฎหมายของ Jim Crow เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ถึงกรณี Black Lives Matter ที่คนผิวดำถูกฆ่าตายเป็นเบือ ในยุคของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงให้เห็นว่าการเลือกตั้งไม่ได้เป็นทั้งหมดของประชาธิปไตย เหมือนที่ผมพูดเรื่องนี้มาเป็นสิบปีแล้ว ว่าการเลือกตั้งที่แท้จริงก็คือประชาธิปไตย 4 วินาที เท่านั้น
การเลือกตั้ง ไม่ได้เป็นยาวิเศษ ที่ทำให้ทุกอย่างทุกสิ่งดีขึ้น แต่ยังประกอบด้วยสิ่งอื่นอีกมากมาย เช่น จิตสำนึกของพลเมือง สถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง สื่อที่มีความกล้าหาญ ผู้นำที่มียางอาย ไม่ใช่ไร้ยางอาย และผู้นำที่เสียสละอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ การบุกเข้าไปในรัฐสภาของกลุ่มสนับสนุนทรัมป์ หลายคนก็สงสัยว่าทำไมมันง่ายอย่างนี้ล่ะ นิวยอร์กไทมส์ที่ออกคลิปมา ชี้ว่า สาเหตุที่ง่ายเพราะว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายรักษาความปลอดภัยคองเกรสก็เป็นใจ บางคนโบกมือให้ผู้ชุมนุมเข้าไปเลย หลายคนถึงกับยืนถ่ายรูปเซลฟีกับกลุ่มผู้ชุมนุมเลย ซึ่งเรื่องพวกนี้เราก็เคยเห็นมามากในยุคของการประท้วงของคนเสื้อแดง ตำรวจแตงโม ตำรวจเสื้อแดงก็มีเยอะ ไม่ใช่ไม่มี
เมื่อเรามองกลับไปถึงคนที่เป็นต้นเหตุของการปลุกระดม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ซึ่งใช้ทวิตเตอร์ปลุกม็อบ ผู้ที่รู้ดีว่าถ้าคุณมีเงิน ก็จะปล่อยให้คุณทำอะไรก็ได้ นี่ล่ะคือคนที่คนอเมริกันเลือกมาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว และในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ท่านผู้ชม ผมเคยพูดแล้วว่า ถึงแม้นายทรัมป์ จะแพ้การเลือกตั้ง ทั้ง Popular Vote และ Electoral Vote แต่นายทรัมป์ ยังทรัมป์ ยังมี Popular Vote ตั้ง 74.2 ล้านเสียง ถึงจะแพ้ Electoral Vote ถึงแม้ว่านายไบเดน จะมีมากกว่านายทรัมป์ 8 ล้านเสียง แต่ท่านผู้ชม 74 ล้านเสียง ที่เชื่อนายทรัมป์ เหมือนกับสาวก ยินดีที่จะตามนายทรัมป์ นายทรัมป์ บอกว่าให้บุก ลุกขึ้นมาจับอาวุธสู้ ก็ทำตาม
ทรัมป์นี่ นิวยอร์กไทมส์ระบุเลยว่า ทรัมป์ บอกชัดเจนว่า เขาเป็นอย่างไร ประชาชนก็ยังเลือกเขาอยู่ 74.2 ล้านเสียง และนี่คือตัวตนที่แท้จริงของเขา
ท่านผู้ชมครับ ในคลิประหว่างการปลุกระดมกลุ่มผู้สนับสนุน ก่อนจะเดินทางไปรัฐสภา ทรัมป์ จัดแคมเปญ Save America Rally และพยายามปลุกปั่นว่าต้องหยุดการขโมยชัยชนะในการเลือกตั้งของทรัมป์ ตอนหนึ่งทรัมป์ ประกาศว่า "ตอนนี้อยู่ที่สภาคองเกรสแล้ว ที่จะเผชิญหน้ากับการคุกคามอันชั่วร้ายต่อประชาธิปไตยของเรา และหลังจากนี้ เราจะเดินไปที่สภาคองเกรส และผมจะไปที่รัฐสภากับพวกคุณ" คือถ้าพวกคุณเดินไปรัฐสภา ผมจะไปกับคุณ ท่านผู้ชม พอจะมีความจำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไหม ? ประโยคนี้ที่ท่านทรัมป์ พูด จำไว้นะครับท่านผู้ชม "หลังจากนี้เราจะเดินไปที่สภาคองเกรส และผมจะไปที่รัฐสภากับพวกคุณ" เคยจำคำพูดนี้ได้ไหมครับ "ถ้าเมื่อไรเสียงปืนแตก ทหารยิงประชาชน ผมจะเข้าไปนำพี่น้องเดินเข้ากรุงเทพฯ ทันที" ทักษิณ ชินวัตร วันที่ 30 มีนาคม 2552 กล่าวผ่านระบบวิดีโอลิงก์ขึ้นจอภาพบนเวทีกลุ่มคนเสื้อแดง บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาล
ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่เกิดขึ้นที่รัฐสภาอเมริกา หรือสภาคองเกรส สะท้อนให้เห็นธาตุแท้ของอเมริกาว่าเป็นอย่างไร ท่านผู้ชมครับ เป็นอย่างนี้มาตลอดหลายร้อยปี ตั้งแต่การค้นพบดินแดนของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส การออกมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า จริงๆ อเมริกาไม่ใช่อย่างนี้ คนอเมริกาดีกว่านี้ การหลอกตัวเองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความเป็นอเมริกานั้น ไร้สาระมาก
เพื่อแก้ไขสิ่งที่จะเกิดขึ้น หนังสือพิมพ์นิวยอร์ไทมส์บอกว่า คนอเมริกาต้องเลิกหลอกตัวเอง และยอมรับว่าชาติของตนเองสร้างขึ้นจากความรุนแรงและการเหยียดผิว เป็นสังคมที่เชิดชูความร่ำรวยเหนือภูมิปัญญา เป็นชาติที่ความทะเยอทะยานของบุคคลอยู่เหนือศีลธรรมจรรยา "ความทะเยอทะยานของบุคคลอยู่เหนือศีลธรรมจรรยา" เหมือนายทรัมป์ เป๊ะเลย คือทะเยอทะยาน ต้องการที่จะสร้างความมั่งคั่ง ผิดศีลธรรม ผิดจรรยาอย่างไร ไม่สนใจ พลเมืองพยายามทุบทำลายสถาบัน เช่น รัฐสภา ที่ทำให้เกิดสิ่งเหล่านี้ขึ้นมา
ท่านผู้ชมว่าเหมือนไหม ? เหมือนที่กลุ่มม็อบบางม็อบและอาจารย์บางคนที่อยู่เบื้องหลังม็อบนั้น พยายามที่จะทุบทำลายสถาบันกษัตริย์ ซึ่งถ้าเทียบถึงสถาบันหลักของอเมริกา คือสถาบันรัฐสภา เมืองไทย สถาบันหลักซึ่งเทียบเท่าสถาบันรัฐสภา ก็คือสถาบันกษัตริย์ เช่นเดียวกัน ฉันใดฉันนั้น
ท่านผู้ชมครับ นี่คือสิ่งที่นิวยอร์กไทมส์เสนอออกมา ไม่ใช่ผมพูด ผมทำหน้าที่ขยายความสิ่งที่นิวยอร์กไทมส์พูดออกมา ให้ท่านผู้ชมเห็นว่าอเมริกาแท้ที่จริงแล้วสันดานเดิมเป็นอย่างไรเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว มาวันนี้ก็เป็นเช่นนั้นเหมือนเดิม
ล่าสุด ท่านผู้ชมครับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีคนเดียวในประวัติศาสตร์สหรัฐอเมริกา ที่ถูกยื่นถอดถอน 2 ครั้ง ครั้งแรกถอดถอนไม่ผ่านสภา Senate เพราะว่าสภา Senate ถูกคุมโดยพรรครีพับลิกัน ซึ่งมีเสียงส่วนใหญ่ เพราะการถอดถอนนั้นต้องเริ่มจากสภาคองเกรสก่อน หมดจากสภาคองเกรสแล้ว ส่งต่อไปที่สภา Senate คราวที่แล้วสภา Senate ไม่เล่นด้วย ก็ถือว่าญัตตินั้นตกไป แต่งวดนี้ เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ สภาคองเกรสก็ยื่นถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ อีกเป็นครั้งที่สอง และก็ผ่านสภาคองเกรสอีกเหมือนกัน งวดนี้ปรากฏว่ามีสมาชิกสภาคองเกรสสายรีพันลิกันตั้ง 12 คน เข้ามาร่วมด้วย ส่วนผ่านไปที่สภา Senate ไม่รู้จะเป็นผลอย่างไร ซึ่งผมก็คิดว่าคงยังไม่รู้ผลว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ผมคิดว่าก็คงจะไม่ผ่าน เพราะตอนนี้เสียงของสภา Senate นั้น รีพับลิกันยังมีคะแนนเสียงเหนือกว่าเดโมแครตอยู่ประมาณ 1 เสียง ที่เลือกตั้งกันใหม่นี้ยังไม่ได้เข้าไป ถ้าเลือกตั้งกันใหม่นี้เข้าไป ก็จะเท่ากับว่าเสมอกัน ถ้าเสมอกัน คนที่จะตัดสินก็คือ รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส ซึ่งเป็นเดโมแครต
แต่เผอิญพวกที่เพิ่งได้รับเลือกตั้งใหม่ที่มลรัฐจอร์เจีย ที่เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครต ชนะรีพับลิกันที่จอร์เจีย 2 เสียง ยังไม่ได้เข้าไปนั่งในนั้น ก็เลยต้องใช้เสียงเดิม แต่ถึงจะไม่ผ่านก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่น่าอับอายขายหน้ามากสำหรับนายทรัมป์ ซึ่งเป็นคนที่ประวัติศาสตร์จะต้องจารึกไว้เลย แล้วสภาคองเกรสถอดถอนนายทรัมป์ ก็เพราะว่านายทรัมป์ คือคนที่ยุยงส่งเสริมให้เกิดความรุนแรง ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า INSURRECTION
ท่านผู้ชมครับ นายทรัมป์ เมื่อ 1-2 วันที่ผ่านมานี้่ เขาได้ประกาศภาวะฉุกเฉินที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เหตุผลที่เขาประกาศภาวะฉุกเฉินเพราะเขาต้องการแสดงออกให้เห็นว่าเขาพร้อมที่จะใช้อำนาจของเขาระงับความรุนแรงที่จะเกิดขึ้นในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แต่ว่า มันมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนเร้นอยู่ ถ้าท่านผู้ชมไม่ได้ติดตามข่าวให้ดีท่านผู้ชมจะไม่รู้
FBI คือ สำนักงานสอบสวนกลาง ได้ระบุมาแล้วว่ามีโอกาสสูงมากในวันที่นายไบเดน จะเข้าไปสาบานตนรับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคม ซึ่งวันที่ 20 มกราคม ก็น่าจะเป็นอีก 5 วันข้างหน้า วันนี้วันที่ 15 อีก 5 วัน เขาบอกว่าอาจจะมีการลุกฮือกันทั่วประเทศ โดยสาวกนายทรัมป์ ท่านผู้ชมครับ อย่าลืม ผมเคยพูดแล้ว นายไบเดน ได้คะแนนเสียง Popular Vote 82 ล้านกว่าเสียง นายทรัมป์ ได้ประมาณ 74 ล้านเสียง ก็คือชนะกัน 8 ล้านเสียง แต่ 74 ล้านเสียงของนายทรัมป์ คือเป็นพวกที่หมกมุ่น หัวปักหัวปำ คือไม่สนใจแล้วว่าทรัมป์ จะเป็นคนอย่างไร ใครมาบอกทรัมป์เป็นคนขี้โกหก ฉันไม่สน ฉันรักของฉันอย่างนั้น แล้วก็เป็นลักษณะนั้นจริงๆ แล้วก็มีความเชื่อในบรรดากลุ่มที่สนับสนุนทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชาวผิวขาวที่อยู่ทางใต้ แล้วก็อยู่ตรงกลางของอเมริกา หลายๆ รัฐซึ่งเชียร์นายทรัมป์ มีความเชื่ออยู่ว่า ในขณะนี้เขาต้องสนับสนุนเพื่อให้นายทรัมป์ กลับมาให้ได้ เพื่อแย่งชิงอำนาจในรัฐบาล เพื่อที่จะออกมาปราบปรามปิศาจร้าย คือฝ่ายเสรีนิยม คือพวกนายไบเดน เพราะพวกนี้ได้รับฉันทามติจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย จากซาตาน ปิศาจร้าย ที่จะมาทำลายอเมริกา
ท่านผู้ชม 2020 ในยุคเทคโนโลยีแบบนี้ ยังมีคนเชื่อแบบนี้อยู่ แล้วมันเป็นทฤษฎีที่อุบาทว์มาก เพราะมันเป็นทฤษฎีที่เขาเรียกว่า QANON
ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ใครก็ไม่รู้คิดทฤษฎีขึ้นมา ว่านี่คือทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดที่จะมีกลุ่มคน คือกลุ่มที่ตรงข้ามกับทรัมป์ ตรงข้ามกับพวกเขา กำลังจะเข้ามาทำร้ายและทำลายอเมริกาให้พังพินาศฉิบหายลงไปเลย เพราะฉะนั้นเขาต้องดึงประเทศของเขากลับมาให้อยู่ในมือของพวกเขาให้ได้ ถึงขนาดที่เรียกว่า เตรียมตัวเตรียมพร้อมกันแล้วที่จะสะสมอาวุธกัน เพราะว่าอเมริกานั้น การมีอาวุธไม่ผิดกฎหมาย เขาให้ทุกคนมีอาวุธได้ ด้วยเหตุนี้ FBI ถึงกำชับ บอกว่าให้ระวัง 50 States 50 มลรัฐ หลายๆ เมือง หลายๆ มลรัฐ อย่างเช่นที่ทำการรัฐบาลของมลรัฐใดมลรัฐหนึ่ง ซึ่งแนวโน้มจะเกิดเหตุรุนแรง ก็เริ่มป้องกันตัวเองแล้ว เอาคนมาป้องกัน แต่ที่สำคัญที่สุด ตำรวจด้วยกันเองนี่ล่ะ จะมีหลายส่วนที่เป็นพวกของทรัมป์ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ถ้ามีอะไรพลาดไป โอกาสที่จะเกิดการนองเลือดหรือการปราบปรามที่เห็นเลือดเห็นเนื้อ เพราะในขณะนี้ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. นั้น ได้มีการเอาทหารที่เป็นทหารรักษาความมั่นคงภายในแห่งชาติ ที่เขาเรียกว่า National Guard เข้ามา 15,000 คนแล้ว เข้ามารักษาความปลอดภัย ท่านผู้ชมครับ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์อเมริกาที่เกิดขึ้นแบบนี้
ผมเรียนอเมริกามา 9-10 ปี ศึกษาประวัติศาสตร์อเมริกามามาก เพราะว่าผมจบมาทางประวัติศาสตร์ ผมไม่เคยเจอ แล้วหลายคนก็ไม่เคยเจอ เหมือนกับที่ผมเคยพูดไว้ว่า ยุคนี้เป็นยุคปรับเปลี่ยนภูมิรัฐศาสตร์ ในขณะนี้อเมริกาเจอทั้งศึกภายนอกและศึกภายใน และนายทรัมป์ ก่อนที่จะลาออกไปภายในวันที่ 20 นี้ วางทุ่นระเบิดเอาไว้หมดเลย ให้กับนายโจ ไบเดน อะไรบ้าง ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายต่างประเทศ วางทุ่นระเบิดอย่างเช่น นายไมก์ พอมเพโอ ประกาศเลยว่า รัฐบาลอเมริกาจะยกเลิกข้อจำกัดในการไม่ให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาไปเยือนไต้หวัน เดี๋ยวนี้ไปได้แล้ว อยากไปก็ไป เพราะฉะนั้นแล้ว นั่นคือทุ่นระเบิดข้อแรก อันที่สอง นายพอมเพโอ ประกาศเลยว่า คิวบา อยู่ในลิสต์ผู้ก่อการร้ายแล้วตอนนี้ เมื่ออยู่ในลิสต์ผู้ก่อการร้าย เพราะคิวบานั้นเกี่ยวข้องกับเวเนซุเอลา และไม่ถูกกับโคลัมเบีย เพราะฉะนั้นเมื่อประกาศอยู่ในลิสต์ผู้ก่อการร้าย การลงทุนในคิวบาที่กำลังมี ก็ต้องพังทลาย ฉิบหายวายป่วงหมด นักลงทุนถอนเงินออกไป คิวบาก็โกรธ
นี่เริ่มจากการที่ต้องการจะกลั่นแกล้งนายโจ ไบเดน ยังไม่พอ ยังรุกรานไปถึงอิหร่าน ยังรุกรานไปถึงประเทศจีน อย่างเช่น ถอดถอนบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ NYSE : New York Stock Exchange ว่าถ้าเป็นบริษัทที่จดมาจากประเทศจีนแล้ว ถ้าไม่เข้ามาตรฐานทางบัญชีของอเมริกา ให้ถอดถอนหมด ตอนนี้ก็เริ่มถอดถอนกันแล้ว
เพราะฉะนั้นแล้ว ขณะนี้นายทรัมป์ โดยผ่านนายพอมเพโอ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ วางระเบิดไว้เต็มไปหมดเลย ทั่วโลก เพื่อให้งานของนายโจ ไบเดน หินมากขึ้นกว่าเก่า หืดขึ้นคือ นั่นคือสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในอเมริกา และเป็นเรื่องที่เราต้องจับตาดูให้ดีๆ เพราะน่ากลัวมากๆ น่ากลัวจริงๆ เพราะว่ามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อจริงๆ แล้วถ้าสมมุติว่ามีการยิงพวกนักประท้วงตาย ท่านผู้ชม ตำรวจอเมริกาไม่เหมือนตำรวจไทย เวลาประท้วงกัน ตำรวจไทยใช้ปืนฉีดน้ำฉีด ยกเว้นกรณีเดียว ก็คือกรณีพันธมิตรฯ ไปประท้วงที่รัฐสภา ที่ตำรวจไทยใช้แก๊สน้ำตายิงพันธมิตรฯ ตาย 13 คน แต่นอกจากนั้นแล้วก็ไม่กล้า ก็เพราะเรื่องพันธมิตรตายไป 13 คน ก็เลยเป็นสาเหตุให้ตำรวจและทหารในช่วงหลังมีความระมัดระวังตัวมาก ไม่พกปืน ใช้น้ำฉีดเอาเสียส่วนใหญ่ แต่ผมกำลังจะเล่าให้ท่านผู้ชมฟังว่า สหรัฐอเมริกานั้นยึดถือในเรื่องสิทธิมนุษยชนค่อนข้างจะสูง เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้านักประท้วงใดก็ตาม ถึงแม้ตัวเองจะพกปืน ถ้าถูกตำรวจยิง โอกาสจะเกิดจลาจลนั้น จะเกิดขึ้นสูงมาก เพราะท่านผู้ชมอย่าลืมข้อเท็จจริงที่ผมพูดไปเมื่อกี้
อย่าลืม 74.5 ล้านคน เป็นคนลงคะแนนเสียงให้นายทรัมป์ เพราะฉะนั้นแล้ว ตัวเลขตรงนี้ยังอยู่ และคนพวกนี้เป็นคนซึ่งเป็นสาวกของนายทรัมป์ เพราะว่านายทรัมป์ ทำอะไรก็ตาม โกหกพกลมทุกเรื่อง ตระบัดสัตย์ทุกเรื่อง แล้วก็ทำอะไรที่ไม่อยู่ในศีล ไม่อยู่ในธรรม คนพวกนี้ก็ยังหลับหูหลับตาเลือกนายทรัมป์ ก็กูรักของกูอย่างนี้ ใครจะทำไม ท่านผู้ชมว่าน่ากลัวไหม 74 ล้านกว่าคน น่ากลัวมากครับท่านผู้ชม
ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่อยู่ในอเมริกา ถ้าท่านผู้ชมเป็นคนเอเชีย ท่านอย่าหลอกตัวเองได้ไหม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่บอกว่าอยู่มา 30 ปี 35 ปี คุณเลิกหลอกตัวเองได้ไหม คุณยิ่งกว่าพลเมืองชั้นสองเสียอีก คุณไม่ใช่โดนคนผิวขาวเขาดูถูกเหยียดหยามนะ คนผิวดำก็ดูถูกเหยียดหยามคุณ คนสแปนิช ลาติโน ก็ดูถูกเหยียดหยามคุณ เพราะว่าพื้นฐานของสังคมอเมริกาเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้นถ้าคุณอยู่อเมริกามาถึง 30-35 ปี แล้วคุณยังตาบอด ยังหูหนวก ยังมองไม่เห็นอะไรเลยอย่างนี้ ชีวิตคุณไม่มีความหมายหรอก คุณโง่ ไม่รู้ว่าผมควรจะใช้คำว่าบัดซบหรือเปล่า เอาเป็นว่า คุณไม่มีสมอง คุณคิดไม่เป็น และคุณตาบอด คุณดูไม่ออกว่าจริงๆ แล้วอเมริกาคือประเทศที่เหยียดผิว และคุณก็คือคนที่ถูกเหยียดผิว สถานภาพคุณยังต้อยต่ำกว่าคนผิวดำเสียด้วยซ้ำ
ท่านผู้ชมครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมพูด "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ไป 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นวันพุธที่ 6 มกราคม ครั้งที่สอง วันศุกร์ที่ 8 มกราคม เพื่อตอกย้ำเรื่องบ่อนระยองและบ่อนภาคตะวันออก ว่าเป็นซูเปอร์สเปรดเดอร์ ต้นตอของการระบาดเชื้อโควิดระลอกสอง ที่ทำให้ประชาชนทั่วประเทศ 70 ล้านคน ต้องตกระกำลำบาก ธุรกิจ เศรษฐกิจ ต้องเสียหายไปนับแสนล้าน บางคนต้องตกงาน หลายองค์กร หลายร้านอาหารต้องตกงาน แม้กระทั่งคนที่ทำมาหากินทางภาคตะวันออก ถึงกับลงเฟซบุ๊กก่นด่าหลงจู๊สมชาย ตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจและคนที่เกี่ยวข้อง ว่าทำให้ชีวิตของเขาเหมือนตกนรก
พอพูดถึงเรื่องบ่อนระยองแล้ว เราต้องพูดถึงคนที่ชื่อหลงจู๊สมชาย ที่มีชื่อจริงว่า สมชาย จุติกิติ์เดชา ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมต้องเอาเรื่องนี้มาพูดอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ ? เพราะผมมีความรู้สึกว่าผมหงุดหงิดมาก ผมหงุดหงิดเรื่องอะไรรู้ไหมท่านผู้ชม ? ผมหงุดหงิดว่าในขณะซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ ซึ่งเท่าที่ผมตรวจสอบดูปฏิกิริยาของคนทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นนักจัดรายการวิทยุ หรือสื่อมวลชน หรือโซเชียลมีเดีย ทุกคนส่ายหน้าด้วยความเบื่อหน่ายกับการกระทำของท่านนายกฯ เพราะท่านก็ใช้มุกเดิมๆ ลากไปเรื่อยๆ นี่คือการปาหี่ต้มคนดู การตั้งกรรมการตรวจสอบเรื่องบ่อนนั้นถือว่าเป็นเรื่องปาหี่แหกตาประชาชน
ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่าบ่อนการพนันที่โจ๋งครึ่มขนาดนี้ มันมีคนร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมอยู่แล้ว แน่นอนที่สุด ก็แสดงว่าไม่เคยมีใครใส่ใจที่จะทำอะไร คำถามที่ผมถาม แล้วรัฐบาลไม่เคยตอบ สำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ไม่ตอบ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่รู้จะตอบอย่างไร ถามว่าบ่อนที่มีทั้งระยอง ทั้งจันทบุรี ทั้งชลบุรี ทั้งตราด เยอะแยะขนาดนี้ นอกจากตำรวจไม่รู้เรื่อง แกล้งว่าไม่รู้เรื่องแล้ว ฝ่ายปกครองไม่รู้เรื่องเชียวหรือ ? ผู้ว่าราชการจังหวัดที่ขึ้นกับกระทรวงมหาดไทย ไม่รู้เรื่องเชียวหรือ ? แล้วศูนย์ดำรงธรรม ซึ่งมีอยู่ทุกจังหวัด เป้าหมายก็คือให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนไปแจ้ง ต้องมีคนไปแจ้งอยู่ตลอดเวลา มหาดไทยไม่รู้เรื่อง ตำรวจไม่รู้เรื่อง เป็นไปได้อย่างไร ท่านผู้ชมตามผมมา เป็นไปได้อย่างไร
จนกระทั่งผมเอาเรื่องนี้มาเปิดโปง ทำเป็นเรื่องราวใหญ่โต ก็เลยค่อยมีการโยกย้ายตำรวจ เริ่มจากการย้ายตำรวจผู้การจังหวัดก่อน จังหวัดเดียวก่อน คือระยอง แล้วหลังจากนั้นพอโดนกระแทกเข้าไป ก็เลยย้ายชลบุรี แล้วย้ายจันทบุรี แล้วย้ายตราด แล้วพอโดนกระแทกเข้าไปอีก ก็เลยต้องย้ายผู้บัญชาการตำวรจภูธรภาค 2 ท่านผู้ชมครับ ผมพูดไปแล้ว ว่าเรื่องแบบนี้อย่าว่าแต่ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เลย นายกฯ ต้องรู้ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ต้องรู้เช่นกัน
ท่านผู้ชมจำได้ไหม ที่ผมเคยแถลงไป เล่าให้ฟังไปว่าท่านฉลามตาฟาง ท่าน พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ก่อนที่ท่านจะเกษียณ ท่านให้สัมภาษณ์ ท่านพูดเลยว่า ท่านนายกฯ มาขอร้องให้ผมลาออกเพื่อมาเป็น ส.ว. ตั้ง 3 ครั้ง ยังไงผมก็ต้องยอมทำตามท่าน พอข่าวนี้เข้าไปหาคนใกล้ชิดท่านนายกฯ ไปถามท่านนายกฯ ท่านนายกฯ ก็พูดออกมาอย่างอารมณ์หงุดหงิดว่า มันมากราบตีนกูตั้ง 3 ครั้ง เพื่อมาขอตำแหน่งนี้ ผมไม่รู้ว่าใครโกหกใคร นี่ยืนยันจากคนที่ถามท่านนายกฯ เลย มาเล่าให้ผมฟัง ว่าเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ท่านนายกฯ ฟัง ท่านนายกฯ บอกว่า มันมากราบตีนกู ขอตำแหน่งกู 3 ครั้ง แล้วมันไปบอกว่ากูไปขอให้มันมาเป็น ส.ว.3 ครั้ง ผมไม่รู้ครับท่านนายกฯ ผมไม่รู้ครับคุณจิตติ รอดบางยาง ว่าใครตอแหลใคร ผมไม่รู้ แต่ถ้าพิจารณาจากลักษณะนิสัยของท่านนายกฯ แล้ว ท่านนายกฯ ไม่ใช่คนที่ตื๊อคนแบบนี้ ถ้าจะตื๊อ ก็ตื๊อคุณปรีดี ดาวฉาย คนเดียวตอนนั้น เพราะว่าต้องการคุณปรีดี ดาวฉาย มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ตื๊อถึงขนาดตามไปถึงธนาคารกสิกรไทย แล้วคุณปั้น บัณฑูร ล่ำซำ ลงมารับ แต่ถ้าตื๊อแค่พลตำรวจโทคนหนึ่งที่เป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 เพื่อให้มาเป็น ส.ว.ตั้ง 3 ครั้ง ผมคิดว่าไม่ใช่ ผมคิดว่าคุณจิตติ รอดบางยาง มโนมากกว่า ท่านผู้ชมคิดเอาเองก็แล้วกันว่าใครโกหกใคร
เอาล่ะ ประเด็นใครโกหกใครไม่สำคัญเท่ากับว่า ตอนนี้ทุกคนดูโดนกันหมดทุกคน แต่คนที่สบายใจที่สุดคือหลงจู๊สมชาย ไม่โดน หรือว่าหลงจู๊สมชายมีอำนาจเหนือผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีอำนาจเหนือนายกรัฐมนตรี กรณีของหลงจู๊สมชาย มีการชี้เป้าเรียบร้อยหมดแล้ว อย่างน้อยที่สุด คุณจะหาหลักฐานอะไรอีกล่ะคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ไม่ต้องหาแล้ว เพราะว่าเวลาคุณดำเนินคดีกับเด็ก คุณก็เอามาตรา 116 โยนใส่เด็ก ก็คือเป็นภัยต่อความมั่นคง ถามว่าบทบาทของหลงจู๊สมชาย เป็นภัยต่อความมั่นคงไหม ? เป็น คุณสามารถเอามาตรา 116 โยนเข้าไป แล้วคุณสามารถจะออกหมายจับหลงจู๊สมชายได้เลย เมื่อคุณออกหมายจับหลงจู๊สมชาย นั่นคือกระบวนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ ปปง. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ก็สามารถจะทำงานได้ แต่เขายังทำงานไม่ได้เพราะว่าตำรวจยังไม่ออกหมายจับหลงจู๊สมชาย หรือว่าคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข คุณมีอะไรกับหลงจู๊สมชายหรือเปล่า
ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่า เงินที่หลงจู๊สมขมีอยู่ในบัญชี กับคนใกล้ชิด เงินสดๆ มีอยู่ประมาณ 500 ล้านบาท ยังไม่นับทรัพย์สินอื่นๆ อีก เขารออย่างเดียว เขารอว่าเมื่อไรคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ที่ผมตั้งข้อสงสัยมากมายเหลือเกินว่าคุณบริสุทธิ์จริงหรือเปล่า ท่านนายกฯ ท่านต้องรู้ว่าทำไมวันนี้หลงจู๊สมชายถึงยังลอยนวลอยู่ตลอดเวลา หรือว่าเงินมันปิดปากได้ทุกคน แม้กระทั่งท่านนายกฯ ก็โดนเงินปิดปากด้วย ซึ่งผมไม่เชื่อ ทรัพย์สินของหลงจู๊สมชาย หรือเงินสด แค่ถามอย่างเดียวว่าเงิน 500 ล้านบาท ที่อยู่ในบัญชีของคุณ คุณได้มาอย่างไร แค่นี้ก็ตกเก้าอี้ตายแล้ว เพราะคนไม่ได้ทำมาหากิน ลูกชายไปลงทุนทำหมู่บ้านจัดสรร แล้วเงินที่เอาไปทำหมู่บ้านจัดสรร เอามาจากไหนล่ะ ? ที่มา ไม่มีอะไรที่เด็ดขาดเท่ากับเดินตามเส้นทางการเดินของเงิน และเราจะรู้ว่าเงินไปอยู่ที่ไหน ไปหยุดที่ไหนบ้าง ด้วยเหตุนี้การปราบปรามอาชญากรรม ที่สำคัญที่สุดในโลก ไม่ว่าจะเป็นที่อเมริกา ที่อังกฤษ ทุกคนเดินตามเส้นทางการเงิน การปราบปรามเจ้าพ่อในวงการยาเสพติดที่อเมริกาใต้ ไม่ว่าจะเป็นเม็กซิโก ไม่ว่าจะเป็นโคลัมเบีย ทุกอย่างเดินตามเส้นทางการเงินหมด ไม่อย่างนั้นเขาจะมีคณะกรรมการฯ ฟอกเงินเอาไว้ทำไม
แต่คุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ครับ พวกคุณทำงานอะไรกัน ? ผมยิ่งวัน ช่วงหลังผมเพิ่งเริ่มเห็นคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข เริ่มขยับขยายลงไปสัมภาษณ์คนที่ถูกจับเรื่องยาเค เคนมผง คุณไม่ต้องไปสัมภาษณ์หรอก คุณไปสืบมาสิว่าได้ไหม
ท่านผู้ชมครับ การที่ท่านนายกฯ ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ทำไมชาวบ้านถึงเรียกว่าเป็นปาหี่แหกตาประชาชน ท่านนายกฯ จำได้หรือเปล่ากรณีเรื่องของหน้ากาก หน้ากากที่หายไป ทั้งหมด 200 ล้านชิ้น ที่ประกาศว่าเคยมี เสร็จเรียบร้อยแล้วไปค้นในโกดัง มีเหลืออยู่ 5 แสนชิ้น เท่ากับหน้ากากหายไป 199.5 ล้านชิ้น หายไปไหน ? ท่านนายกฯ ตอนนั้นก็กระโดดโลดเต้น ถึงไหนถึงกัน เอาให้ถึงที่สุด ปรากฏว่าคนที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนก็คือคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนปัจจุบัน ซึ่งตอนนั้นเป็นรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สืบไปสืบมา ตั้งนมตั้งนานแล้ว ปรากฏว่าเงียบสนิท ไม่มีผลอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มี
ข่าวเล่าว่า คุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข สืบออกมาได้แล้ว แล้วโยนเรื่องให้ท่านนายกฯ ท่านนายกฯ เอาใส่ลิ้นชัก เพราะว่าเกรงจะไปกระทบพรรคร่วมรัฐบาล ผมไม่รู้ว่าอันไหนจริงนะท่านนายกฯ แต่เอาเป็นว่า มวยล้มต้มคนดูไปแล้วหนึ่งราย
กรณีบอส วรยุทธ อยู่วิทยา ท่านตั้่งกรรมการ ท่านตั้งวิชา มหาคุณ มา ก็สอบเรียบร้อยหมดแล้ว ชี้แจงมา ยกรายงานมาให้ท่านตูม! ท่านก็แจกแจกไปตาม ป.ป.ท. ให้เขาทำ ก็ไม่มีการเผยชื่อว่าใครบ้างที่โดน ทุกอย่างก็ยังเงียบสนิทเหมือนเดิม ไม่มีอะไรทั้งสิ้น นี่ก็สองเรื่องเข้าไปแล้วที่เห็นชัดเจน
แล้วเรื่องที่สามที่กำลังเกิดขึ้น ก็คือว่า ท่านตั้งคณะกรรมการสอบสวน แล้วในที่สุด พนันกับผมไหมท่านผู้ชม ท่านนายกฯ ท่านจะพูดอย่างนี้ ท่านจะบอกว่า สอบสวนออกมาเรียบร้อย รู้ตัวคนหมดเรียบร้อยแล้ว ก็ส่งไปให้ผู้เกี่ยวข้อง ป.ป.ท.ตรวจสอบ ตรวจสอบเสร็จ อะไรที่ถึง ป.ป.ช. ก็ส่งไป ท่านก็จะพูดเพียงแค่นี้ แล้วจบข่าว แล้วท่านก็รอดตัวไปอีกเหมือนเดิม
แต่หลงจู๊สมชาย เป็นภาคเอกชน เป็นผู้ที่ต้องสงสัยและเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับการตั้งบ่อน ตำรวจเวลาสอบผู้ต้องหาจะสอบรู้หมดเลย นี่ครับ เป็นบ่อนของหลงจู๊สมชาย เป็นตู้ม้า ตู้เกม ของหลงจู๊สมชาย เอาเป็นพยาน 1 คน สอบไปอีกๆ ข้อเท็จจริงนี้ปฏิเสธไม่ได้ เมื่อปฏิเสธไม่ได้แล้วก็เป็นประจักษ์พยานสิ่งแวดล้อมที่ยืนยันว่าหลงจู๊สมชายเป็นเจ้าของกิจการบ่อน เป็นเจ้าของตู้ม้า เป็นเจ้าของตู้เกม ก็สามารถจะออกหมายจับได้ทันทีเลย ท่านผู้ชมครับ ทำไมไม่ทำ ? คุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ครับ ทำไมถึงไม่ทำ ?
มีคนแจ้งไปว่า คุณสนธิ พูดกับท่านนายกฯ บอกว่า อยากรู้ไหมว่าใครบ้างที่เป็นคนวิ่งเต้น ซื้อขายตำแหน่งให้ ท่านบอกว่ารู้แล้ว รู้ตัวแล้ว ท่านแจ้งกลับมาทางอ้อม รู้ตัวแล้ว คำถามมีต่อครับท่านนายกฯ รู้ตัวแล้ว แล้วอย่างไร ?
ท่านผู้ชม ผมไม่ได้มีอะไรที่ไปขัดขวางหรือจงเกลียด ท่านนายกฯ ทำไม่ถูก อะไรก็ตามที่ท่านต้องการปัดสวะ ท่านก็เฉย ท่านนายกฯ ครับ เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ อุปมาอุปไมยเหมือนเรามีโจรขึ้นบ้าน โจรขึ้นบ้านเรา แล้วมีตำรวจกลุ่มหนึ่งยืนนิ่งดูเฉยๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปล่อยให้โจรทยอยขโมยของในบ้านเรา พอป่าวประกาศว่าโจรขึ้นบ้านนะ ปรากฏว่าตำรวจที่ยืนอยู่เฉยๆ โดนจับ แต่เขาไม่จับโจร พอบอกว่ามีบ่อนนะ ตำรวจโดนจับ โดนย้าย ผู้การจังหวัดชลฯ โดนย้าย ผู้การจังหวัดระยองโดนย้าย ผู้การจังหวัดจันท์โดนย้าย ผู้การการจังหวัดตราดโดนย้าย ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 โดนย้าย แต่โจรก็คือเจ้าของบ่อน ไม่โดนเลย ท่านผู้ชมว่ามันผิดปกติไหม
วันนี้ผมมาเรียกร้องความถูกต้อง ผมเอาธรรมนำหน้า เรื่องนี้่ ตอบตรงนี้มาให้หน่อย แล้วจู่ๆ ตระกูลของคุณสมชาย มีเงินสดในแบงก์ตั้ง 500 ล้านบาท มีได้อย่างไร ? อย่าถามว่าผมมีข้อมูลมาจากไหน อย่าถาม ผมมีหมด
เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ต่อวันเสาร์ที่ 9 รายการเราออกวันพุธที่ 6 แล้วต่อด้วยวันศุกร์ที่ 8 ท่านผู้ชมเชื่อไหม พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง กับพวกตำรวจที่ถูกย้าย ก็ยังชิลๆ ตีกอล์ฟอยู่สนามกอล์ฟ สบายใจเฉิบ ช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 8 - วันเสาร์ที่ 9 มกราคม สนามกอล์ฟบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี มีก๊วนกอล์ฟ 3 นายตำรวจใหญ่แห่งภาคตะวันออก คือ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ที่เพิ่งถูกย้ายเข้าปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.)
อีกคนหนึ่ง พล.ต.ต.ประการ ประจง ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.ชลบุรี ที่เพิ่งถูกย้ายเช่นกัน เป็นนายตำรวจรุ่น 35 รุ่นเดียวกับท่านผู้บัญชาการฉลามตาฟาง ตีกอล์ฟสบายใจเฉิบ ไม่มีปัญหา ไม่ต้องกังวล ไม่มีอะไร ท่านผู้ชม นี่คือประเทศไทยที่เราต้องการหรือ ?
และยังไม่ทันไรเลย หลงจู๊ที่เป็นเจ้าของบ่อน เป็นผู้มีอิทธิพบระดับซูเปอร์วีไอพี มีคนใหญ่คนโต นายตำรวจตำแหน่งใหญ่ทั้งในอดีตและปัจจุบันป้องกันดูแล ท่านผู้ชมครับ ถ้าประชาชนและชาวบ้านจะอนุมานตีความไปว่า หลงจู๊สมชาย เจ้าของบ่อนระยองที่เป็นต้นตอการระบาดแพร่เชื้อโควิดรอบสองนั้น ใหญ่จริงๆ มีแบ็กอยู่ที่ปทุมวัน และทำเนียบรัฐบาล ท่านผู้ชมครับ ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว เพราะรัฐบาล ท่านนายกฯ ทำตัวอย่างนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติก็ทำตัวอย่างนั้น
ท่านผู้ชมครับ แต่ก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้คนส่วนใหญ่ไม่พอใจรัฐบาลอย่างยิ่ง ตอกย้ำจากผลสำรวจสำนักวิจัยซูเปอร์โพล โฆษกรัฐบาลก็ชอบเอาซูเปอร์โพลออกมา ที่บอกว่านายกฯ แก้ปัญหาโควิดได้ จากคะแนนเต็มสิบ ได้ 7.8 แต่ตัวนี้ โฆษกรัฐบาลไม่กล้าพูด เขาเสนอผลสำรวจภาคสนามเรื่อง "โควิด กับการปฏิรูป" สำนักวิจัยซูเปอร์โพล วันเสาร์ที่ 9 มกราคม เปิดเผยผลสำรวจความเห็นของประชาชน ระหว่างวันที่ 5-8 มกราคม 2564 ต่อหัวหน้าส่วนราชการในการแก้ปัญหาโควิดรอบใหม่ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 98.5 ระบุว่า "ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐคือต้นตอและอุปสรรคแก้วิกฤตชาติและโควิดรอบใหม่ ทั้งทุจริตต่อหน้าที่ ปล่อยปละละเลย และมีส่วนทำเอง"
ร้อยละ 98.3 ระบุว่า "นายกรัฐมนตรีควรไล่บี้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวง จัดการหัวหน้าส่วนราชการ ต้นเหตุโควิดรอบใหม่"
ร้อยละ 96.5 ระบุว่า "ถ้าจัดการผู้บัญชาการตำรวจแต่ละระดับ ก็ต้องจัดการหัวหน้าส่วนราชการอื่นๆ ด้วย เช่น กระทรวงแรงงาน และกระทรวงมหาดไทย เพราะอยู่ในพื้นที่เกี่ยวข้องทั้งแรงงานต่างด้าวและบ่อน"
ร้อยละ 96.3 ระบุว่า "สิ่งที่เห็นคือความจอมปลอม เฟก ของนักการเมือง ผู้มีอำนาจรัฐ ท่าทีขึงขยังจัดการบ่อนพนัน แต่หลังลงพื้นที่เจอผลประโยชน์เอื้อ เรื่องเงียบ"
ร้อยละ 91.9 ระบุว่า "นายกรัฐมนตรีเปลี่ยนไป ไม่เด็ดขาด จัดการหัวหน้าส่วนราชการที่เป็นต้นเหตุโควิดรอบใหม่ ไม่เหมือนช่วงยึดอำนาจใหม่ๆ"
สุดท้าย ร้อยละ 96.9 ระบุว่า "ประชาชนต้องการเห็นการปฏิรูปการทำงานของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ตำรวจ แรงงาน มหาดไทย ถอนรากถอนโคน ขบวนการต้นตอแพร่เชื้อโควิด คืนความสุขประชาชนเหมือนเคยสัญญาไว้ หลังยึดอำนาจปี 2557" คืนความสุขมาสิ สรุปว่าอย่างไรท่านผู้ชม สรุป ซูเปอร์โพลกำลังชี้ให้เห็นว่า อิทธิพลมืดบดขยี้อำนาจรัฐ กำลังเป็นภาพเด่นชัดขึ้นหลังจากโควิดระบาดรอบใหม่ สะท้อนว่าอำนาจรัฐอ่อนแอ แต่ทำเป็นขึงขังจัดการเด็ดขาด เก่งแต่ตั้งกรรมการ พอตั้งกรรมการแล้วก็เป็นปาหี่แหกตาประชาชน เหมือนเดิมไม่มีผิด ตั้งแต่หน้ากากอนามัย มาจนถึงคดีบอส อยู่วิทยา มาจนปัจจุบัน แพ้ผลประโยชน์ส่วนตัวและพวกพ้องที่เกี้ยเซียะลงตัวจนเรื่องเงียบ ที่เด่นชัดที่สุดคือความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนที่เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า นี่เป็นความรู้สึก ความเห็นของประชาชนต่อโควิดและบ่อน
ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมตั้งใจดีๆ ท่านผู้ชมจะเห็น มีข้อมูลบางข้อมูลซึ่งน่าสนใจมาก ท่านผู้ชมดูตัวอย่างเรื่องกรณีของหน้ากากอนามัย ในเรื่องหน้ากากอนามัยนั้น ท่านนายกฯ เคยพูดอย่างนี้ ผมเป็นคนจำแม่น ท่านผู้ชมตามผมมา
ท่านพูดบอกว่า "ขอเตือนกลุ่มคนที่จะฉวยโอกาสหาผลประโยชน์บนความทุกข์ร้อน ความเป็นความตายของประชาชน ให้รู้ไว้ว่า อย่าคิดว่าจะหลุดพ้นไปได้ ผมจะทำทุกทางที่จะใช้กฎหมายจัดการกับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างรวดเร็ว เด็ดขาด และไม่ปรานี การบังคับใช้กฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ที่เกี่ยวกับการควบคุมโรค จะเข้มข้นขึ้นมากทั่วประเทศ ทั้งการเอาผิดผู้ที่ละเมิดกฎหมาย และการเอาผิดข้าราชการและเจ้าพนักงานที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่"
ท่านนายกฯ บอกจะใช้กฎหมายจัดการกับคนเหล่านี้อย่างรวดเร็วและเด็ดขาด ไม่ปรานี เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีการจับโรงงานที่แอบเอาถุงมือยางที่ใช้แล้วมาบรรจุใหม่ แล้วโรงงานนั้น สถานที่นั้น เจ้าของคือนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ซึ่งเคยมีเรื่องมีราวและถูกดำเนินคดีไปแล้ว และเรื่องราวยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม คุณพันธ์ยศ ทำมาหากิน ทำอาชญากรรม ทำมาหากินบนความเดือดร้อนของประชาชนเหมือนเดิม
เมื่อวันพุธที่ 6 มกราคม ตำรวจบุกร้าน The Series 90 Pub & Restaurant ซอยเพชรเกษม 81 ถ.มาเจริญ แขวงและเขตหนองแขม ได้รับการร้องเรียนว่ามีการลักลอบผลิตถุงมือทางการแพทย์ภายในสถานบันเทิง ปรากฏว่าสถานบันเทิงดังกล่าวถูกดัดแปลงมาเป็นโกดังเก็บถุงมือ ซึ่งมีนายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ เป็นเจ้าของ โดยก่อนหน้านี้นายพันธ์ยศ เคยถูกตำรวจกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางค้นโกดังที่บ้านพัก และค้นพบว่ามีการกักตุนหน้ากากอนามัยจำนวนมาก ท่านผู้ชมเชื่อหรือเปล่าว่า คุณพันธ์ยศ นี่ถ้าเส้นไม่ใหญ่ ไม่มีวันนี้หรอก คุณพันธ์ยศ เส้นใหญ่ที่ไหนล่ะ ? คุณพันธ์ยศ สนิทสนมกับอดีต ส.ส.พรรคไทยรักไทย หลายคน โดยเฉพาะนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มีความสนิทสนมมาก แน่นอนที่สุด คุณสมศักดิ์ ต้องปฏิเสธว่าไม่รู้จัก คุณพันธ์ยศ นั้น โดนดำเนินคดีไปแล้วในเรื่องของการกักตุนหน้ากากอนามัย แล้วก็กลับมาอีก
นี่ผมแค่ยกตัวอย่าง เป็น sample เล็กๆ คดีนี้ยังมีเป็นหางว่าวอีก 3-4 คดี ยังลอยหน้าลอยตามาถึงวันนี้ แถมยังเชื่อว่าพัวพันกับถุงมือยางรอบนี้อีก ไม่เส้นใหญ่ทำไม่ได้หรอกท่านผู้ชม
ผมก็เลยถามว่า เมื่อไรท่านนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมุ่งทำงานเพื่อส่วมรวมจริงๆ เสียที ผมขอเถอะ
เมื่อเร็วๆ นี้ ไม่นานมานี้มีการค้นพบว่ามีคนติดโควิด 32 คน เพราะได้รับเชื้อมาจากโรงเบียร์ กลุ่มคนพวกนี้ที่พัทยาไปเที่ยวโรงเบียร์ 90 ร้านดังที่ศรีราชา ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่าครับ กลุ่มโรงเบียร์ 90 เป็นของใคร ? เป็นของอดีตตำรวจที่มีความยิ่งใหญ่อยู่ที่พัทยา ตอนนี้อยู่ที่กองบัญชาการตำรจภูธรภาค 4 ตำรวจนี้เป็นตำรวจที่สนับสนุนกลุ่มเสื้อแดงสมัยนั้น แล้วก็เคยมีลูกน้องโดนดำเนินคดีว่าเอา RPG มายิงใส่กระทรวงกลาโหม แต่ศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้องไป
ขณะเดียวกัน เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจได้จับกุมเจ้าของบ่อนการพนันบนคอนโดมิเนียมหรูที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หาดจอมเทียน ได้นักพนันต่างชาติกับคนไทย 21 คน ท่านผู้ชม แสดงว่าบ่อนการพนันมีจริง เยอะมาก ที่ชลบุรี ห้ามก็ไม่หยุด ปราบก็ไม่หมด ท่านผู้ชม แล้วเรามีตำรวจไว้ทำไม ผมเคยพูด EP ที่แล้ว รายการที่แล้วว่า EEC ลงทุนไป 650,000 ล้านบาท แล้วเรามีตำรวจมาเฟียร่วมมือกับขบวนการมาเฟียท้องถิ่น ตั้งบ่อนการพนัน แล้วก็ทำตัวเหนือกฎหมายทุกอย่าง แล้ว EEC 650,000 ล้าน จะทำไปทำไม ไม่มีใครเขามากันหรอก ตราบใดที่ตำรวจยังเป็นอย่างนี้ ตราบใดที่ท่านนายกฯ ประธาน ก.ตร. ท่านยังไม่จริงจัง ท่านเก่งแต่พูด วาทกรรมท่านเยอะมากช่วงหลัง แต่ไม่มีอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว
ท่านผู้ชมครับ วันนี้ขอแตะเรื่องพัทยานิดหน่อย บ่อนการพนัน "ถาวร" ของพัทยา เปิดบริการมาก่อนหน้าโควิด-19 ตอนนี้ปิดไปแล้ว บ่อนของหลงจู๊สมชาย ที่ตลาดนำชัย บ่อนใหญ่ที่สุดในเมืองพัทยา หรือจะเป็นบ่อนของ "ตือเสือมังกร" มือทำบ่อนในกรุงเทพฯ ที่หนองปรือ ก็หยุดหลบมรสุมไป คลื่นลมสงบค่อยว่ากันใหม่
ท่านผู้ชมครับ พัทยา เมืองคนบาป เป็นฐานธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ธุรกิจสีเทาของขาใหญ่ เจ้าพ่อแต่ละยุคที่ผลัดกันขึ้นมาเป็นเจ้าอาณาจักร แต่ยุคนี้เริ่มมีคนรุ่นใหม่เข้ามาแล้ว ตี๋เล็กที่ครอบครองพื้นที่มานาน เป็นเจ้าพ่อเบอร์หนึ่งแห่งยุคนี้ ระยะหลังตี๋เล็กวางมือจากธุรกิจกลางคืนแล้ว แต่ไปลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซื้อขายที่ดิน สร้างบ้าน ทำคอนโดมิเนียม ซื้อแม้กระทั่งสนามกอล์ฟ จนเสี่ยตี๋เล็กเป็นเจ้าของสนามกอล์ฟบางพระ สนามกอล์ฟบางพระ ที่ พล.ต.ท.จิตติ รอดบางยาง พล.ต.ท.วีระ และท่านผู้การจังหวัดชลบุรีที่เพิ่งถูกยัายไป มาเล่นกอล์ฟ
สนามกอล์ฟเป็นธุรกิจที่มีไว้ประกาศศักดาความร่ำรวยของเจ้าของ และสร้าง connection มากเพื่อหวังผลกำไร สนามกอล์ฟในยุทธจักรมีเบอร์หนึ่ง ก็ต้องมีเบอร์สอง ในอาณาจักรธุรกิจที่พัทยาคู่แข่งเสี่ยตี๋เล็กที่กำลังเบียดมาแรง ในระดับหายใจรดต้นคอมีอยู่คนหนึ่ง คือ เอ้ พัทยา เป็นคนหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ที่ไม่ว่าเสี่ยตี๋เล็กจะมีธุรกิจอะไร เอ้ พัทยา ก็มีแบบนี้ เสี่ยตี๋เล็กเป็นเจ้าของอาบอบนวด ชื่อ Rasputin อยู่ถนนชายหาดกลางเมืองพัทยา เอ้ พัทยา ก็มี Climax อาบอบนวด อยู่ที่พัทยาเหนือ ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เหมือนกัน แต่ที่ดูว่าเอ้ พัทยา จะเหนือกว่าก็ตรงที่เขามีเครือข่ายธุรกิจกับทัวร์จีน ซึ่งตอนนี้่ฟุบไปแล้วเพราะโควิด-19 เส้นสายคนในยุทธจักรสีกากี ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นยุคขาขึ้นของเอ้ พัทยา เพราะมีความสนิทสนมแนบแน่นกับบิ๊กตำรวจในระดับที่นับญาติกันเลย
ที่เหนือกว่านั้น ว่ากันว่า เสี่ยเอ้ พัทยา มีความสัมพันธ์ล้ำลึกกับบิ๊กสุ คนโตในยุทธจักรสีกากี เป็นที่ไว้วางใจ ไปมาหาสู่กับเสี่ยเอ้ พัทยา เป็นประจำเสียด้วย
ท่านผู้ชมครับ ผมไม่รู้ว่า "บิ๊กสุ" จะหมายถึงท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข หรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ ผมไม่ยืนยัน แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ผมคิดว่าประเทศไทยน่ากลัวมาก ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหม ? ท่านนายกฯ เห็นด้วยกับผมไหม ? ผมหวังว่าไม่ใช่เป็นความจริง
พวกเรานี่มีตัวแทน หรือที่เขาเรียกว่านักข่าวที่อยู่ฝ่ายภูมิภาค นักข่าวของเรา ซึ่งเป็นสตริงเกอร์ อยู่ที่พัทยา ก็มีข่าวมาว่า นายเอ้ พัทยา เจ้าพ่อพัทยาที่มีข่าวแว่วว่าเป็นคนสนิทสนมกับตำรวจระดับใหญ่คนหนึ่งที่ปทุมวัน ก็มาถามนักข่าวในลักษณะที่ค่อนข้างจะเหมือนกับ ถามแบบข่มขู่ ว่า เฮ้ย มึงเอาข่าวข้างในนี้ไปเล่าให้เขาฟังเหรอ ? ผมต้องเรียนให้คุณเอ้ พัทยา ทราบนิดหนึ่งว่า ไม่ต้องมีใครเล่าให้ผมฟังหรอก ผมรู้ดีหมดทุกเรื่อง โคตรเหง้าคุณเป็นใคร ผมยังรู้เลย แล้วคุณสนิทกับตำรวจระดับไหน ผมก็รู้ ทำไมผมจะไม่รู้ พื้นเพคุณโตมาอย่างไร ผมก็รู้ว่าคุณโตมาอย่างไร คุณเอ้ ผมนี่เคยอยู่อัสสัมชัญศรีราชามา 13 ปี คุณเอ้ ผมเล่าให้คุณฟังก่อน คนแถวศรีราชา แถวเมืองชล ผมรู้จักหมด กำนันเป๊าะ
ผมเรียกพี่กำนัน สนิทสนมกันมาก ถ้าคนอย่างกำนันเป๊าะน่ะ นักเลงจริง แต่คุณไม่ใช่นักเลง คุณไม่ใช่ กำนันเป๊าะเขาไม่เล่นกันลับหลัง เขาไม่เล่นประเภทบ่อนการพนันอะไรพวกนี้ อาจจะมีลูกน้องเขาไปมีเอี่ยวกับบ่อนการพนัน แต่ตัวกำนันเป๊าะเง ไม่ใช่ คุณไม่ถึงขั้นหรอก ฉะนั้นคุณเลิกมายุ่งกับคนของผม เพราะถ้าคุณยังมายุ่งกับคนของผม ผมจะตามจิกตามกัดคุณ คุณทำอะไรในชีวิต ผมรู้ว่าคุณทำมาหากินกับคนจีน ทำไมผมจะไม่รู้ แต่เผอิญธุรกิจจีนมันตกต่ำไป คุณคิดที่จะเป็นเจ้าพ่อ คุณต้องรู้จุดจบของเจ้าพ่อนะ
ผมนี่มันรุ่นเสี่ยจิว จุมพล สมัยที่เสี่ยจิวใหญ่ขึ้นมา กำนันเป๊าะใหญ่ขึ้นมา คุณยังแก้ผ้าเล่นน้ำฝนอยู่เลย คุณเอ้ คุณอย่าเสือกเรื่องนี้ ผมเตือนคุณไว้ก่อน
ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ถ้าเรามีคนที่เป็นเจ้าของบ่อน เจ้าของสถานอาบอบนวด แล้วถึงกับนับญาติกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นี่สมมุตินะท่านผู้ชม ผมไม่รู้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่ถ้าเป็นจริง น่ากลัวไหมท่านผู้ชม ภาคตะวันออกเป็นภาคที่มีฐานะดี คนมีรายได้ต่อหัวสูงกว่าทุกๆ ภาค จีดีพีของประเทศส่วนใหญ่จะมาจากภาคตะวันออก เพราะฉะนั้นภาคตะวันออกคือขุมเงินขุมทอง ถ้าท่านนายกฯ ยังมองตรงนี้ไม่ออก แล้วท่านปล่อยให้มันเลยตามเลยไป ท่านนายกฯ ครับ ประเทศไทยไปไหนไม่รอดหรอก
ผมคิดว่าอีก 1-2 ปี ท่านก็คงจะไม่เล่นการเมืองแล้ว เพราะท่านเล่นต่อเป็นเทอมที่สาม ก็คงจะน่าเกลียด เป็นผม ผมจะอาย ผมจะไม่เล่นหรอก คำถามคือ เมื่อท่านลงจากเก้าอี้แล้ว ตำนานที่ท่านทิ้งเอาไว้จะมีอะไรบ้าง ? แม้กระทั่งการปราบโควิดครั้งนี้ ท่านเชื่อกระทรวงสาธารณสุข ท่านคิดว่าใน 2 เดือนจะจบหรือ ? ถ้ามันไม่จบล่ะ ? แล้วถ้าท่านไม่เด็ดขาดเหมือนอย่างที่ท่านพูด วาทกรรมท่าน ท่านพูด ว่าต้องเด็ดขาด ท่านไม่เด็ดขาดกับคนทำความผิด แค่หลงจู๊สมชาย ท่านยังไม่มีปัญญาที่จะให้เขาออกหมายจับเลย แล้วท่านจะทำอะไร ? ท่านจะมานั่งสร้างวาทกรรมของท่านเหรอ แล้ววาทกรรมของท่านมีบทพิสูจน์มาแล้ว ผมพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเป็นแค่วาทกรรม ไม่มีผลอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว ท่านผู้ชมครับ วันนี้ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องทำให้ภาคตะวันออกนั้นเป็นภาคที่ปลอดมาเฟีย แล้วมาเฟียนั้นมีสองรูปแบบ คือ มาเฟียตำรวจ และมาเฟียจริงๆ พอมาเฟียจริงๆ ร่วมมือกับมาเฟียตำรวจ ประเทศไทยก็ฉิบหายสิท่าน ท่านผู้ชมเห็นด้วยกับผมไหม แล้วมันจะเหลืออะไร คนทำมาหากินทางภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นชลบุรี ฉะเชิงเทรา พัทยา บางละมุง ไปเรื่อยๆ ไปจนถึงระยอง คนดีๆ ที่ทำมาหากิน ที่หวังการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ วันนี้น้ำตาตกใน บางคนน้ำตาไม่ตกใน แต่ร้องไห้โฮเลย เพราะว่าความฉิบหายที่เกิดขึ้นกับเขา ณ วันนี้ มันเกิดขึ้นจากมาเฟียท้องถิ่น ร่วมมือกับมาเฟียสีกากี เพื่อเปิดบ่อน แล้วทำให้เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 และคนที่เกี่ยวข้องยังไม่เคยโดนดำเนินคดี และทุกวันนี้พวกมาเฟียต่างๆ อย่างเช่นที่พัทยา มีเสี่ยคนนั้น มีตี๋คนนี้ ยิ่งใหญ่กัน ใหญ่โตมโหฬาร ร่ำรวยกันมาจากไหนถ้าไม่ได้มาจากเงินทางสีเทา
เมื่อไรประชาชนคนไทยจะมีความสุขสักทีครับท่านนายกฯ ? ท่านสัญญากับเขาตั้งแต่ปี 2557 แล้วนะ นี่กี่ปีแล้ว เมื่อไรท่านจะเอาเด็ดขาดสักที ท่านเป็นประธาน ก.ตร. ถ้าตำรวจไม่สนองนโยบายท่าน ไม่สามารถเด็ดขาดได้ ถ้าท่านบอกว่า เฮ้ย! หลงจู๊สมชาย ทำไมถึงหลุดรอดไปได้ คุณไม่มีพยานเหรอ ไปสอบพยานแวดล้อม ว่าบ่อนพวกนี้ใคร แล้วคุณก็ออกหมายจับไปเลย เพื่อให้ ปปง.จะได้ดำเนินการยึดทรัพย์ไป คนเราถ้าถูกยึดทรัพย์แล้ว คนเราถ้าไม่มีเงินสักอย่าง ผมถามหน่อยสิว่า ผู้บัญชาการตำรวจ ไม่ว่าจะเป็นแห่งชาติ ไม่ว่าจะเป็นภาค 2 หรือผู้การจังหวัด จะฟังมันไหม นี่คือสิ่งที่ผมต้องพูดวันนี้ ผมไม่พูดไม่ได้
ท่านผู้ชมครับ ท่านนายกฯ เมื่อวันที่ 13 มกราคม เมื่อสองวันที่แล้ว ท่านได้เปิดเผย เปิดใจ 2-3 เรื่อง ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าที่จะต้องเอามาพูดกันนิดหนึ่ง ท่านพูดถึงเรื่องยาเสพติดและบ่อน ท่านบอกว่า ยาเสพติด ท่านก็พยายามทำอย่างสุดความสามารถ มีการตรวจสอบเส้นทางการเงิน จนกระทั่งพอจะรู้แล้วว่าใครอยู่นายทุนเบื้องหลัง โอเค เข้าใจครับท่านนายกฯ แต่พอท่านมาพูดเรื่องบ่อนการพนัน
ท่านมาบอกว่า 100 นายกฯ ก็แก้ไม่ได้ ท่านบอกว่า การเล่นการพนัน มันเป็นเรื่องที่เสียหายกันไปหมด ยิ่งกว่าไฟไหม้บ้าน หรือโจรปล้นชิงบ้านเสียอีก เป็นภาระเรื้อรังของครอบครัว ท่านนายกฯ ครับ ทุกคนเข้าใจดี ท่านนายกฯ บอกว่า ทุกอย่างจะทำได้ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ท่านนายกฯ บอกว่า คงโทษใครไม่ได้ เพราะถ้ามัวโทษกันไปโทษกันมามันจะแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ ความร่วมมือก็ไม่เกิด
ท่านนายกฯ ครับ ผมคิดว่าท่านนายกฯ เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า งานนี้จะไปโทษใครล่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างในรายการผม ถ้าผมจะโทษ ผมโทษเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบโดยตรง ผมไม่ได้ไปโทษใคร ผมกำลังตั้งคำถาม ถามท่านนายกฯ ว่าเป็นไปได้อย่างไรที่มีตำรวจระดับผู้การจังหวัดเกี่ยวข้องกัน ชลบุรี ระยอง ตราด และจันทบุรี ที่ถูกย้ายไป ถ้าเขาไม่เกี่ยวข้อง ท่านนายกฯ ย้ายเขาได้อย่างไร ก็แสดงว่าพิสูจน์ในเบื้องต้นแล้วว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้อง แล้วยังย้ายผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 ก็แสดงว่าเขาเกี่ยวข้อง ถ้าอย่างนั้นแล้วจะถือว่าเป็นการโทษกันไปโทษกันมาไหม ? ไม่ใช่ ท่านนายกฯ นี่คือการระบุชัดว่านี่คือบกพร่องในหน้าที่ ผิดวินัย เกี่ยวข้องด้วยไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ที่ผมถามต่อ ท่านนายกฯ ครับ ผมถามต่อว่า เป็นไปได้อย่างไรว่าผู้ใหญ่ระดับสูงที่อยู่ปทุมวัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะไม่รู้เรื่องนี้เลยเชียวหรือ ? นี่คือสิ่งที่ผมถาม แต่ถ้าท่านจะไปเฉไฉบอกว่า ถ้าเราจะไปโทษกันไปโทษกันมาแล้วจะไม่ได้รับความร่วมมือ ท่านนายกฯ ครับ ตำรวจชั่วๆ อย่างนี้ ตำรวจที่มีแผลอย่างนี้ ตำรวจที่มีสีเทา สีดำ อย่างนี้ ไม่ต้องให้ความร่วมมือหรอก เพราะถ้าร่วมมือไป เราก็ฉิบหาย
ท่านนายกฯ ครับ แล้วผมก็ถามต่อ ท่านนายกฯ ไม่ได้ตอบคำถามนี้ผมเลยแม้แต่นิดเดียวเวลาท่านให้สัมภาษณ์ ผมก็ยกตัวอย่างแล้วไม่ใช่หรือ เมื่อกี้นี้ ผมบอกมีโจรขโมยเข้าบ้านแล้วมีตำรวจยืนอยู่ ยืนอยู่หน้าบ้านแต่ไม่ทำอะไร ปล่อยให้โจรเข้า เสร็จเรียบร้อยแล้วมาจับตำรวจที่ยืนอยู่เฉยๆ อุปมาอุปไมยก็คือ ตำรวจ ผู้การจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ผู้บัญชาการภาค 2 คือตำรวจที่รับทราบว่ามีโจรเข้าบ้านแต่ไม่ทำอะไร ก็ไปจับพวกนี้ คำถามที่ผมถามคือ แล้วโจรล่ะท่านนายกฯ ไม่จับหรือ ? นั่นคือหลงจู๊สมชาย นี่คือคำถามที่ผมถามท่าน เพราะว่าถ้าท่านจับ ถ้าปทุมวันลงดาบว่าให้จับ แล้ววิธีจับมันง่าย ไม่ได้ยากอะไร โธ่ ท่านนายกฯ ตำรวจหาหลักฐานง่ายจะตาย ถ้าจะหาหลักฐานซะอย่าง ถ้าตำรวจจะจับซะอย่างนะ สอบพยานแวดล้อมก็รู้แล้วว่าบ่อนนี้่ของใคร สอบตู้ม้า ตู้เกม ที่อยู่ที่โคราช ที่อยู่ที่ภาคตะวันออก ก็รู้แล้วว่าของใคร พอสอบรู้แล้วก็ออกหมายจับทันที พอออกหมายจับปั๊บ ปปง.ที่ท่านพูดถึง ท่านชมเชย ก็สามารถจะเข้ามาแล้วเอาหมายจับตรงนี้ เพราะมันเป็นมูลฐานของความผิดในฐานการฟอกเงิน ก็สามารถจะตรวจสอบเส้นทางการเงินของหลงจู๊สมชายและครอบครัวของเขาได้ รู้ว่าเงินทองเขามีอยู่เท่าไร ขนาดผมยังรู้เลยว่าเขามีเงินสดฝากแบงก์อยู่ประมาณ 4-5 ร้อยล้านบาท แล้วยังมีทรัพย์สินอีกเยอะแยะไปหมดเลย ตรงนี้ท่านนายกฯ ไม่ใช่ 100 นายกฯ ก็ทำไม่ได้
แล้วอีกประการหนึ่ง บ่อนการพนัน บ่อนผ้าถุงเอย บ่อนป๊อกเด้งเอย เยอะแยะไปหมด นี่ปราบไม่ได้ เพราะว่าตราบใดถ้ายังมีขยะอยู่บนถนน ก็ต้องมีบ่อนอยู่บนถนน มีบ่อนอยู่ในประเทศไทย แต่สิ่งที่ผมพยายามจะพูดว่าทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นช่วงโควิด เจ้าหน้าที่และเจ้าของบ่อนยังทะลึ่งปล่อยให้บ่อนพวกนี้เปิดในช่วงที่มีโควิด ต่างกับสมัยยุค พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่สมัยก่อนพอโควิดระลอกแรกระบาด
พล.ต.อ.จักรทิพย์ สั่งเด็ดขาดว่าไม่ให้มีบ่อนเด็ดขาด ถ้ามีปั๊บ มีเรื่องทันที ตำรวจก็เลยไม่กล้ามี แต่ทำไมโควิดระบาดรอบสองถึงไม่มีคำสั่งนี้ออกมา นี่คือสิ่งที่ผมตั้งคำถามถาม ผมไม่ได้พูดถึงบ่อนกระจอก บ่อนเอสเอ็มอี บ่อนผ้าถุง ไม่ได้พูดถึงโน่นนี่นั่น ผมพูดถึงบ่อนแบบนี้ แล้วบ่อนลักษณะแบบนี้ในช่วงที่มีโควิดระบาดรอบสอง ในกรุงเทพฯ ก็มี ซึ่งเป็นบ่อนใหญ่ทั้งสิ้น แล้วบ่อนใหญ่พวกนี้มันจะต้องมีสีกากีหนุนหลัง ถ้าไม่มีสีกากีหนุนหลังมันจะเปิดได้อย่างไร ? ตรงนี้ต่างหากท่านนายกฯ ที่ผมบอกว่า ถ้าท่านจะทำตรงนี้ ไม่ใช่เป็นการโทษกันไปโทษกันมา ตรงนี้คือเอาคนที่ผิดเอามาจัดการตามกฎหมายให้เด็ดขาด
แล้วที่ร้ายที่สุดก็คือว่า ผมยังไม่เห็นท่านตำรวจไทยจับเจ้าของบ่อนได้สักครั้งเลย ท่านนายกฯ ทำให้ดูหน่อยสิครับ
ท่านนายกฯ ครับ ปัญหายาเสพติด การพนัน เป็นปัญหาที่แก้อย่างไรก็แก้ไม่หมด เป็นปัญหาเรื้อรังของสังคมไทย อีก 100 นายกฯ ก็แก้ไม่หมดอย่างสิ้นเชิง แต่ผมอยากจะเรียนท่านนายกฯ อยู่สองเรื่อง
สองเรื่องที่ผมจะเรียน คือ หนึ่ง ท่านนายกฯ คงจำได้ว่า พระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จฯ รัชกาลที่ 9 ซึ่งพระราชทานแก่ผู้ที่สำเร็จโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ที่สวนอัมพร เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2525 ผมอยากให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข และนายตำรวจทั้งหลายที่ยังใส่เสื้อสีกากีแล้วยังประดับยศประดับบ่าอยู่ พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสดังนี้ 14 สิงหาคม 2525 พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำรัสว่า "การทำดีนั้นทำยาก และเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่วซึ่งทำได้ง่าย จะเข้ามาแทนที่ และจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว"
ท่านนายกฯ ครับ นี่คือพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่าน ท่านนายกฯ ท้อได้อย่างไร พูดออกมาได้อย่างไรว่า 100 นายกฯ ก็แก้ไม่ได้ พูดไม่ได้ ท่านลืมไปแล้วหรือว่าท่านสวมหมวกนายกรัฐมนตรี ท่านต้องรับผิดชอบต่อประเทศชาติ ผมอยากจะเรียนท่านให้ทราบว่า ในการแก้ปัญหาใดๆ ก็ตาม นี่คือคีย์เวิร์ด ท่านนายกฯ ครับ ในการแก้ปัญหาใดๆ ก็ตาม ผู้ที่เข้าไปแก้ปัญหาต้องไม่ไปเกี่ยวข้อง เกี่ยวพัน หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับปัญหาที่ต้องแก้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหายาเสพติด เรื่องบ่อนการพนัน หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม ทุกวันนี้ จริงๆ ครับท่านนายกฯ ไม่เฉพาะตัวคนที่เข้าไปแก้ แต่รวมไปถึงคนใกล้ตัว คนใกล้ชิด เพื่อนสนิทมิตรสหาย หรือแม้แต่พี่น้องกันก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องบ่อนภาคตะวันออก ล่าสุดนั้น ผมเรียนไปแล้วไง ว่ามันเกี่ยวพันกันหมด เป็นไปได้อย่างไรท่าน มีนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่เปิดประมูลว่าใครอยากทำบ่อนในจังหวัด ก็จ่ายเงินมา ใครจ่ายสูงสุดคนนั้นก็ได้ทำบ่อน แล้วก็ไม่คำนึงถึงวิกฤตของชาติบ้านเมืองเลย จะเปิดบ่อน เปิดไป เปิดที่พัทยาก็เปิดไป จะเป็นตี๋เล็ก ตี่ใหญ่ จะเป็นเอ้ อ้อม โอด อูฐ อู๊ด อะไรก็แล้วแต่ แต่พอถึงช่วงวิกฤต อย่างโควิดระบาด ต้องบอกเลย เฮ้ย! ช่วงนี้โรคระบาดนะ แล้วทุกคนก็รู้ว่านักพนันที่ไปเล่นในบ่อนนั้นคือตัวซูเปอร์สเปรดเดอร์ เฮ้ย! โรคระบาดนะ ปิด! ห้ามเล่นเด็ดขาด ให้โรคมันหายก่อน แล้วค่อยหลับหูหลับตาข้างหนึ่ง แล้วค่อยเล่นต่อ แต่ไม่มีใครฟังเรื่องนี้ ท่านนายกฯ นี่ต่างหากที่ผมต้องการให้ท่านลงดาบสั่งสอน ไม่ใช่ให้ท่านมาแก้ตัวแทนพวกเขา นี่ท่านกำลังแก้ตัวแทนพวกเขานะ แล้วมาอ้างว่า นี่ขนาดนายกฯ 100 นายกฯ ก็ยังแก้ไม่ได้ เพราะฉะนั้นพวกลื้อไม่ผิดหรอก
ท่านนายกฯ ครับ วันนี้ท่านตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ท่านดูการ์ตูนผู้จัดการวันนี้สิ ผมไม่ได้จะประชดประชันนะ ตอนนี้สังคมไทยทั้งสังคมเขารู้กันหมด เรื่องคณะกรรมการของท่าน ว่าคือการซื้อเวลานั่นเอง ท่านนายกฯ ครับ วันนี้ผมขออนุญาตไม่เห็นด้วยกับท่านเป็นอย่างยิ่งว่า 100 นายกฯ แก้ไม่ได้ จริงๆ แล้วแก้ได้ แก้ได้เป็นจุดๆ เป็นระยะเวลาระยะหนึ่งก็สามารถแก้ได้ เรื่องบ่อน การระบาดโควิดรอบที่สอง เรื่องบ่อน จัดการได้ครับ และสามารถจะไม่ใช่แค่เชือดไก่ให้ลิงดู จัดการทั้งเจ้าของบ่อน จัดการทั้งผู้ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นตำรวจยศไหนก็ตาม ย้ายได้แม้กระทั่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่ต้องโดนย้ายเพราะคุณไม่ได้จริงจัง คุณต้องรู้เรื่องบ่อน เพราะฉะนั้นแล้วถือว่าคุณละเลย แล้วมันเกิดขึ้น ตรงกันข้ามกับคำแถลงการณ์นโยบายของคุณว่าต้องไม่มีบ่อน แล้วมันมีบ่อน แค่นี้ก็ย้ายได้แล้วท่านนายกฯ แล้วเมื่อท่านย้ายไปแล้ว ผมถามว่า คนที่ขึ้นมาใหม่จะกล้าไหม ? ก็ย่อมไม่กล้า ตรงนี้ต่างหากที่ผมต้องการให้เห็นการกระทำของท่าน ผมไม่ต้องการให้ท่านแก้ตัวว่าอีก 100 นายกฯ ก็แก้ไม่ได้ เป็นคำแก้ตัวที่ฟังไม่ขึ้น ท่านนายกฯ ครับ
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อับอายขายหน้ามาก ผมอายแทนท่านผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และผมอายแทนท่านนายกรัฐมนตรี ผมจำเป็นต้องพูด ไม่พูดไม่ได้ เพราะสื่อมวลชนเจ้าอื่นเขาไม่ค่อยพูดกัน หลายๆ เรื่องผมไม่ยืนยันว่ามันเป็นอย่างนั้นจริงหรือเปล่า แต่ว่า ถ้ามันเป็นจริง แล้วท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมเคยทำนายอะไรไว้ แล้วผมเคยพูดอะไรไว้ แล้วผมเคยพูดผิดไหมท่านผู้ชม ผมพูดไม่ผิดหรอก ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่รู้ว่าท่านคิดอย่างไร ท่านจะดื้อ ท่านจะไม่ฟัง ก็เรื่องของท่าน แต่ท่านเอาความเป็นอยู่ของคนภาคตะวันออกทั้งภาค EEC ทั้งโครงการ 650,000 ล้านบาท รถไฟความเร็วสูงที่เขาประมูลได้ สนามบินอู่ตะเภาที่เขาประมูลได้ อีกหลายปีข้างหน้ามันจะเกิดขึ้น คำถามว่า ถ้าท่านยังปราบมาเฟียที่ร่วมมือกับมาเฟียสีกากีไม่ได้ แล้วทำให้ภาคตะวันออกยืนอยู่ในหลักนิติธรรม และทำภาคตะวันออกเป็นภาคที่มีนิติรัฐอย่างเต็มที่ ท่านนายกฯ ครับ ท่านล้มเหลวหมดทุกประการ ท่านโฆษกรัฐบาล ท่านไม่ต้องมาเชียร์ท่านนายกฯ อวยท่านนายกฯ เพราะนี่คือการเช็กบิลท่านนายกฯ จริงๆ ผมขอให้ท่านนายกฯ ช่วยลงมาจัดการอย่างเด็ดขาดเสียที จะได้ไหมครับ ?
ท่านผู้ชมครับ วันนี้เราต้องมาอัปเดตเรื่องโควิด-19 การระบาดระลอกสองในประเทศไทยกันสักนิดหนึ่ง แต่ก่อนที่จะพูดถึงเรื่องของประเทศไทย ลองฟังความเห็นเมื่อวันที่ 12 มกราคม 3-4 วันที่ผ่านมานี้ ขององค์การอนามัยโลก ซึ่งองค์การอนามัยโลกเขาพูดชัดเจน
นางโซเมีย สวามินาธาน ซึ่งเป็นหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก เขาได้กล่าวในการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันจันทร์ที่ 11 มกราคม ว่า "การที่จะผลิตวัคซีนเพิ่มจนมีขนาดยาที่ใช้ตอบสนองคนทั่วโลกได้นั้น ต้องใช้เวลา" แล้วก็พูดออกมาชัดเจนว่า วัคซีนไม่ใช่คำตอบสุดท้าย แล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นางโซเมีย ได้พูดชัดเจน เป็นนักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก บอกว่า ในปี 2564 คือปีนี้ เราจะไม่บรรลุการสร้างภูมิคุ้มกันประชากร หรือภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่ว่าในระดับใดๆ ก็ตาม ในปี 2564 มันไม่สามารถที่จะรักษาหรือสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ที่เขาเรียกว่า Herd Immunity ให้เกิดขึ้นมาได้
คำกล่าวของนางโซเมีย มีขึ้นหลังจากองค์การอนามัยโลกได้ระบุเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ 7 มกราคม ว่า ทางองค์การฯ ไม่รู้แน่ชัดว่าเมื่อใดโลกถึงจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ ซึ่งต้องให้ประชากรในโลกกว่าร้อยละ 70 ได้รับวัคซีน
ท่านผู้ชมครับ ประชากรโลกมีอยู่ประมาณ 5,000 ล้านคน 70 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ 3,500 ล้านคน นัยขององค์การอนามัยโลกก็คือ บอกว่า เมื่อใดที่โลกมีภูมิคุ้มกันหมู่ ให้ประชากรประมาณ 3,500 ล้านคน ได้รับวัคซีน อาจจะมีโอกาส เพราะฉะนั้นแล้ว ผมเองมีความรู้สึกว่าในที่สุดแล้วเราต้องช่วยตัวเอง เราต้องช่วยตัวเองอย่างไร ? คือช่วงหลังนี้การระบาดของโควิดในช่วงหลัง จากการค้นพบของนายแพทย์บางท่าน ท่านบอกว่าจริงๆ แล้วมันระบาดในบ้านนะ คนๆ หนึ่งติดเข้ามา แล้วก็กักตัว คนที่อยู่ในบ้านอีก 11 คน ก็ติดตามไปด้วย แต่ข้อดีของการระบาดครั้งที่ 2 มีตรงไหนรู้ไหมครับ ? มีตรงที่ว่า อัตราการตายน้อยลงมาก น้อยลงมากกว่าการตายครั้งที่ 1 แสดงว่าหมอไทยเริ่มรู้วิธีในการรักษาและใช้วิธีในการรักษามากขึ้นกว่าเก่า แล้วก็เริ่มมีการยอมรับยาบางประเภท ซึ่งเป็นสมุนไพร อย่างเช่น ฟ้าทะลายโจร เข้ามาเป็นองค์ประกอบในการรักษา
แต่ท่านผู้ชมครับ คุณหมอครับ ใครก็ตามที่ฟังเรื่องนี้อยู่ ผมอยากจะเล่าความคิดของผมให้ฟังนิดหนึ่ง เป็นไปได้ไหมครับว่าช่วงหลังๆ นี้ เราไปพึ่งพาวัคซีนมากจนเกินไป คือเราไปดูคำตอบอยู่ที่วัคซีน แล้ววัคซีนก็ไม่ได้มีการทดลอง ไม่มีการทดลองเลยนะครับ เขาบอกว่าวัคซีนต้อง 10 ปี ในการทดลองถึงจะเอามาใช้ได้ นี่ยังไม่ถึงปี ก็เอามาใช้แล้ว เพราะความเร่งรีบ เร่งด่วน เร่งร้อน แต่ในข้อเท็จจริงก็คือว่า เขาไม่ได้มีการทดลองแบบประเภทที่ใช้เวลาเป็นปี แล้วค่อยๆ ศึกษาว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ด้วยเหตุนี้วัคซีนทุกยี่ห้อถึงมีผลข้างเคียงหมด บางอันฉีดแล้วช็อก บางอันฉีดแล้วหัวใจล้มเหลว บางอันฉีดแล้วหน้าเบี้ยวเหยเก บางอันฉีดแล้วเป็นลม คำถามก็คือว่า สมมุติว่าผ่านขั้นตอนนี้ไปแล้ว ก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่แน่ใจว่าหลังจากนี้อีก 2 ปี อะไรจะเกิดขึ้นกับผมหรือเปล่า จะมีเขางอกบนหัวไหม จะมีหูซึ่งยาวออกมา หรือจะมีตาที่บอดไปหรือเปล่า ไม่มีใครรู้ ท่านผู้ชม
แต่สิ่งหนึ่ง คุณหมอครับ และเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขครับ รู้อยู่แล้ว แต่จะยอมรับหรือจะไม่ยอมรับ แพทย์แผนไทยโบราณ
ตำราแพทย์แผนไทย ระบุมาชัดเจนว่า โรคระบาดนี้ประเทศไทยเคยผ่านมาแล้วหลายครั้ง และได้มีการใช้ยาสมุนไพรโบราณ หรือการแพทย์แผนไทยโบราณ การรักษาแบบโบราณนั้น ได้มีการทดลองและรักษามาเป็นเวลา 300 ปีแล้ว รักษาผิด รักษาถูก ปรับปรุงมาจนกระทั่งในที่สุด คำถามมีว่า ถึงเวลาหรือยังครับที่เราจะเอาใจใส่และมุ่งมั่นกับภูมิความรู้ ภูมิปัญญาตรงนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม แทนที่จะไปฟังหรือแทนที่จะใช้แต่ยาฝรั่ง หรือยาปฏิชีวนะ หรือใช้ยาอะไรก็ตามในปัจจุบัน ย้อนกลับมาดูประวัติศาสตร์บ้านเรา เหมือนคนๆ หนึ่งจากบ้านไปตั้งนาน ไปเป็นไฮโซ ไปเป็นผู้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แล้วในที่สุดมีรถยนต์ประจำตำแหน่ง มีคนแวดล้อม มีโซเชียลมีเดียพูดถึง โน่นนี่นั่น แต่ไม่มีความสุข พยายามหาความสุข หาไม่ได้ จนในที่สุดตัวเองกลับมาอยู่ที่บ้าน บ้านที่พ่อแม่อยู่ ทีตัวเองเกิดแล้วโตขึ้นมาในช่วงเป็นเด็กๆ ก่อนที่จะเข้ามาเรียนในกรุง นั่งอยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน ดูต้นไม้ในบ้าน ดูต้นมะม่วง ลมเย็นๆ พัดขึ้นมา คุณยายหรือคุณแม่ชงชาจีนมาให้กิน หรือทำขนมมาให้กิน นั่งพักผ่อนจิตใจ เอ้า หายไปตั้งนาน เพิ่งเจอว่าความสุขอยู่ที่นี่เอง ความสุขอยู่ที่บ้านเอง สุขที่ได้อยู่กับพ่ออยู่กับแม่ สุขที่ได้อยู่กับตาอยู่กับยาย สุขที่ได้เห็นเพื่อนบ้านเจริญเติบโตไป สุขที่ได้กลับไปสู่ราก "กลับไปสู่ราก คือสุขที่แท้จริง"
เพราะหลังจากออกจากรากไปแล้ว นั่นมันเป็นของปลอมหมด ฉันใดฉันนั้น ท่านผู้ชมครับ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราต้องยอมรับภูมิปัญญาของแพทย์แผนไทยโบราณ
แพทย์แผนไทยโบราณไม่ได้เกิดขึ้นมาโดยบังเอิญ เกิดขึ้นเพราะการสั่งสมประสบการณ์ ถึงแม้ว่าจะมีตำราหายไปเยอะ และถึงแม้ว่าภูมิปัญญาแพทย์แผนไทยโบราณนั้นล่มสลายไปเพราะว่ามูลนิธิร็อกกี้ เฟลเลอร์ ในยุคนั้น เอาแพทย์แผนทางตะวันตกยัดเข้ามา แล้วให้ยกเลิกแพทย์แผนไทย แล้วไม่มีสอน สมัยก่อนศิริราชเป็นโรงเรียนที่มีแพทย์แผนไทยโบราณที่แข็งแกร่งมาก
ท่านผู้ชมครับ ผมยกตัวอย่างกัญชา เขารู้กันมาตั้งนานแล้ว ตั้งแต่สมัยทวด สมัยรัชกาลที่ 5 สมัยรัชกาลที่ 4 4-5-6-7-8-9 ถึง 10 หกรัชกาลที่แล้วเขารู้กันมาตั้งนานแล้วว่ากัญชารักษาโรคได้ เราต้องต่อสู้กันมาตั้งกี่สิบปี กี่ร้อยปี 100-200 ปี ถึงจะยอมรับว่ากัญชารักษาโรคได้
นี่มันเกิดขึ้นเพราะอัตตาของคนที่ไปเรียนทางเทคโนโลยีทางฝรั่ง แล้วปฏิเสธรากของตัวเอง อุปมาอุปไมยเหมือนคนที่ผมเล่าให้ฟังไง ออกจากบ้าน ไปทำงาน อยู่ในแสงสี อยู่ในความศิวิไลซ์ ที่ตัวเองคิดว่าศิวิไลซ์ อยู่ในความฟุ้งเฟ้อ แล้วไม่มีความสุข ก็กลับมาเยี่ยมบ้านอาทิตย์หนึ่ง ปรากฏว่า อ้าว ตายแล้ว ความสุขมันอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากให้ท่าน ในที่สุดแล้วกลับมา เอ้าตายแล้ว วิธีป้องกัน วิธีรักษาโดยใช้สมุนไพรนั้น มันอยู่ที่ตำราของแพทย์แผนโบราณ แพทย์แผนไทย
ท่านผู้ชมครับ อาจารย์ปานเทพ ไปได้ตำรายา เป็นเหมือนกับยาอายุวัฒนะ ท่านก็เอาสมุนไพรที่ระบุในตำรานั้นเลย เอามาสกัด เอามาใส่เป็นซองๆ อาจารย์ปานเทพ ให้ผมทาน
ผมนี่เป็นตัวทดลองยาของอาจารย์ปานเทพ ตั้งแต่น้ำมันมะพร้าวมาเรื่อยๆ ผมเคยเป็นโรคต่อมลูกหมาก แล้วผมก็หาย ผมไม่ต้องไปหาแพทย์แผนปัจจุบัน แน่นอน ถ้าผมต้องผ่าตัด ผมก็ต้องไปหาแพทย์แผนปัจจุบัน แต่สมุนไพรไทยและแพทย์แผนไทยโบราณ ก็คือการป้องกัน ท่านผู้ชมครับ เห็นด้วยกับผมไหมว่า วันนี้รัฐบาลควรจะมีวาระแห่งชาติ ให้ครอบครัวทุกครอบครัวรู้จักรักษาตัวเอง รักษาอะไรบ้างล่ะ รักษาตัวเองมันมีหลายอย่างนี่ ตั้งแต่กินฟ้าทะลายโจร หรือทานน้ำขิงทุกวัน ทานน้ำขิงทุกวันมันช่วยอะไรได้บ้าง แล้วก็ให้อยู่ในที่ๆ อากาศมันร้อน ไม่ใช่อยู่ในที่ๆ อากาศเย็น ไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ตลอดเวลา นั่นคือสิ่งที่รัฐบาลต้องพยายามสั่งสอนให้ครอบครัวทุกๆ ครอบครัวเรียนรู้ภูมิปัญญาไทยในเรื่องของการรักษาตัวเอง ตรงนี้ต่างหากท่านผู้ชม
เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องโควิด ผมไม่มีความเห็น เพราะถ้าผมมีความเห็นมากไป ก็จะกลายเป็นว่าผมตำหนิติเตียนท่านนายกฯ ตลอดเวลา เดี๋ยวคนจะหมั่นไส้ผม แต่ผมคิดว่าเป็นประโยคที่ผมต้องการที่จะฝากท่านนายกฯ แล้วกัน ไม่ได้ตำหนิติเตียน ผมหวังว่าท่านจะเชื่อทางวิทยาศาสตร์มากขึ้นกว่าเดิม อย่าเชื่อความรู้สึกของตัวเอง การแก้ไขปัญหา การมีซูเปอร์สเปรดเดอร์ครั้งนี้ ต้องดูหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่ามันสเปรดไปอย่างไร แล้วก็วางแผนแก้ และต้องแก้ด้วยความเด็ดขาด เจ็บแล้วต้องจบ ข้อดี ท่านนายกฯ งวดนี้เปอร์เซ็นต์คนตายน้อยกว่าเก่าเยอะ เอาประโยชน์จากตรงนี้มา แต่แน่นอนที่สุด มันระบาดเร็วกว่าเก่า เพียงแต่เปอร์เซ็นต์คนตายมันน้อยลง แต่อาการมันต้องมีอย่างแน่นอนที่สุด
ท่านผู้ชมครับ วันนี้พูดมายาวนาน ผมคิดว่าเรื่องโควิดยังไม่จบง่ายๆ ล่าสุด เมื่อสองวันที่แล้ว ตัวเลขล่าสุด เผอิญผมไม่ได้เช็กตัวเลขวันนี้ คนติดเชื้อทั่วโลกประมาณ 92 ล้านคน เสียชีวิตไปแล้ว 1.97 ล้านคน จะ 2 ล้านคนแล้ว และการติดเชื้อไม่หยุดยั้ง อเมริกาเคยตายเมื่อ 1-2 วันนี้ อาทิตย์ละ 4,500 คน ท่านผู้ชม คนตายอาทิตย์ละ 4,500 คน เอา 52 อาทิตย์คูณเข้าไปสิ ถ้ายังแก้ปัญหาไม่ได้ ร่วม 2 แสนคนอีก ไม่ใช่เรื่องสนุกนะท่านผู้ชม สูญเสียไปหมด เอาไว้ผมมีโอกาส ผมจะพูดเรื่องการเยียวยาอีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าการเยียวยาของรัฐบาลครั้งนี้ไม่มีผล มี แต่ผมใคร่จะขอเสนอข้อคิดอะไรบางอย่าง
ก่อนจากไป ผมขอเสนอข้อคิดการเยียวยานิดหนึ่ง ท่านผู้ชมอาจจะเห็นด้วยหรืออาจจะไม่เห็นด้วย ท่านนายกฯ ครับ ผมไม่รู้ว่าท่านมีทีมงาน รัฐมนตรีคลัง คนที่เก่งหลายๆ คน ผมคิดว่าภาระหนักที่สุดในขณะนี้ของประชาชน คือ หนึ่ง การผ่อนบ้าน สอง การผ่อนรถ
เมื่อไม่มีงานทำ รายได้ไม่มี ร้านค้าเปิดไม่ได้ เจ้าของที่ขายหัวปลาที่พัทยาต้องปิดร้าน เคยขายได้วันละ 5 หมื่น ขายไม่ได้เลยแม้แต่บาทเดียว ภาระของตัวเองที่ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ทำให้ตัวเองแทบจะบ้าตาย หรือการจ่ายค่าเช่า คอนโดฯ เอย อพาร์ตเมนต์เอย หรือบ้านเอย นั่นคืออันแรก อันที่สอง คือการผ่อนรถ เดี๋ยวนี้การมีรถคือเรื่องปกติธรรมดาแล้ว ฉะนั้นทุกคนพอเจอภาระสิ้นเดือนแบงก์ส่งบิลมาเก็บค่ารถ เก็บค่าผ่อนบ้าน หรือเจ้าของคอนโดฯ เคาะประตูแล้วก็บอก คุณยังไม่ได้จ่ายค่าเช่าบ้านนะ ผมคิดว่าตรงนี้เป็นภาระทางจิตใจที่หนักมาก รัฐบาลจะคิดและช่วยแก้อย่างไรได้บ้าง นี่คือสิ่งที่ผมฝาก
ผมรู้ว่ารัฐบาลมีคนที่ฉลาดและคิดเป็น อันที่สอง ที่สำคัญก็คือว่า ธุรกิจขนาดเล็ก จะช่วยให้เขาอยู่เฉยๆ โดยที่ไม่ต้องตะเกียกตะกาย เพราะว่าของเขาขายไม่ได้ แต่ดอกเบี้ยขึ้นทุกวัน จะแก้อย่างไร นี่ผมไม่ได้ตำหนิท่านนะ ผมเพียงแต่เล่าปัญหาให้ฟัง อันที่สามที่ผมอยากจะฝากก่อนจบ บางทีเรามานั่งวิเคราะห์กันหน่อยดีไหม ว่าสถานการณ์ที่เห็นอยู่ ซูเปอร์สเปรดวันนี้ ถามจริงๆ เถอะท่านนายกฯ ถ้าทำแบบท่านนายกฯ ทำ มันจะจบเมื่อไร แต่ถ้าทำแบบเด็ดขาด พอจะหยุดยั้งได้ไหม ท่านนายกฯ ครับ เราเลือกสองอย่างพร้อมกันไม่ได้ ตอนนี้ เราต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง และไม่มีอะไรสำคัญเท่ากับชีวิตคนและสุขภาพ เพราะสุขภาพถ้าแข็งแรง กลับมา เศรษฐกิจที่หายไปก็จะสามารถเพิ่มเติมได้ แต่ถ้าสมมุติว่าสุขภาพมันเลวทรามลงไปเพื่อหวังที่จะให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้ เศรษฐกิจก็ต้องพินาศฉิบหายในที่สุด ผมก็ฝากไว้เพียงแค่นี้ล่ะครับ