xs
xsm
sm
md
lg

ยกเลิก ม.112! “ปิยบุตร” ชำระบาปในใจ “หมอวรงค์” จี้ตรงจุด รู้เจตนาต่อสถาบัน “พี่ศรี” ชี้ ถ้า ส.ส.กล้า เจอแน่?

เผยแพร่:


ภาพ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จากแฟ้ม
“ปิยบุตร” ทำเอา “ล้มเจ้า” เฮลั่น เสนอยกเลิก ม.112 อ้าง “บาปในใจ” ปลุก ส.ส. เห็นคุณม็อบ 3 นิ้ว “หมอวรงค์” ซัดตรงจุด รู้เจตนาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ “พี่ศรี” จวกพวกคลั่ง “ฝรั่งเศส” ขู่ ส.ส.ใครกล้า เจอข้อหาล้มล้างการปกครอง

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 ม.ค. 64) เฟซบุ๊ก Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ของ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์หัวข้อ [ยกเลิก 112]

โดยระบุว่า “ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีปัญหาในทุกมิติ ทั้งในแง่ของตัวบทกฎหมาย ในแง่ความไม่ได้สัดส่วนของอัตราโทษ ในแง่การนำมาใช้และตีความ ในแง่ของอุดมการณ์ที่กำกับอยู่เบื้องหลัง ดังที่ผมเคยแสดงความเห็นไว้ในหลายโอกาส

ปัจจุบันสถานการณ์การนำประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มาใช้ ก็ทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และมีทีท่าจะแรงต่อเนื่องไปอีก ผมจึงมีความเห็นว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็น “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” ต้องผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 โดยเร็วที่สุด

ในการณ์นี้ อาจใช้โอกาสยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น ทั้งระบบไปในคราวเดียวกัน ตั้งแต่พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ประมุขรัฐต่างประเทศ เอกอัครราชทูต ศาล เจ้าพนักงาน ไปจนถึงบุคคลธรรมดา ให้ไปว่ากล่าวกันทางแพ่ง และควรแก้ไขกฎหมายหมิ่นประมาททางแพ่ง ให้มีเหตุยกเว้นความผิดในกรณีวิจารณ์โดยสุจริต เป็นประโยชน์สาธารณะ ด้วย

การยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น เป็นทิศทางที่สอดคล้องกับหลักสากล และนานาอารยประเทศ ในศตวรรษที่ 21 ไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก

เราปล่อยให้ “อนาคตของชาติ” โดนตั้งข้อหา ดำเนินคดีแบบนี้ต่อไปไม่ได้ พวกเขาเสียสละเสรีภาพ และอาจรวมถึงร่างกาย ชีวิตด้วย เพื่อการต่อสู้ เทียบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แล้ว สิ่งที่เสียไปน้อยกว่าพวกเขามาก ต้องไม่ลืมว่า เงินเดือน ตำแหน่ง คะแนนเสียงจำนวนมาก ของ ส.ส.หลายคน ก็มาจากพวกเขา ดังนั้น การแสดงความกล้าหาญ ต่อสู้เพื่อพวกเขา เพื่ออนาคตของชาติ เพื่อประเทศไทย ด้วยการผลักดันแก้ไขกฎหมายดังกล่าว จึงเป็นสิ่งที่ต้องกระทำอย่างยิ่ง

กลางเดือนมีนาคม 2561 สมัยผมเริ่มก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ผมยอม “กลืนเลือด” ตัดสินใจขัดแย้งกับมโนธรรมสำนึกของผมอย่างสิ้นเชิงมาแล้ว ด้วยการประกาศว่า ไม่มีนโยบายแก้ 112 ทั้งนี้ ก็เพื่อขจัดอุปสรรคขัดขวาง ให้พรรคก่อตั้งได้ ให้พรรคได้ไปต่อ เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานได้ เพื่อฝ่าแรงเสียดทานจนไปสู่การลงเลือกตั้งได้ และด้วยหวังว่า เขาจะปรานีให้พรรคอนาคตใหม่ได้ต่อสู้ทางการเมือง

นั่นกลายเป็น “ตราบาป” ที่ฝังในจิตใจของผม และเป็น “แผลเป็น” ในชีวิตทางการเมืองของผม จนวันนี้ก็ยังคงก่อกวนอยู่ในความคิดจิตใจของผมเสมอ
มาถึงวันนี้ สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เสียงสนับสนุนให้ยกเลิก 112 มีมากกว่าเดิมเยอะ ประชาชนจำนวนมากพร้อมสนับสนุน และ “อนาคตของชาติ” พร้อมเป็น “ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก” ให้กับ ส.ส.

ผมทราบดีว่า แม้ ส.ส.จะร่วมกันเสนอร่าง พ.ร.บ. ยกเลิก 112 แล้ว ก็อาจต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร อาจเจอกลยุทธ์เตะถ่วงไม่ใช่ “วาระด่วน” ต้องต่อแถวญัตติอื่นๆ จนสภาหมดอายุก็ยังไม่ได้พิจารณา แต่อย่างน้อย การเสนอร่างเข้าไปก่อน ก็เป็นการเปิดพื้นที่ให้กับการรณรงค์ กดดันต่อเนื่องต่อไป

“รัฐบุรุษ” กับ “นักการเมือง” ต่างกันตรงที่นักการเมืองคิดถึงการเลือกตั้งครั้งถัดไป แต่รัฐบุรุษคิดถึงอนาคตของชาติ คิดถึงคนรุ่นถัดไป

เมื่อท่านพูด คนจะฟัง เมื่อท่านลงมือทำ คนจะเชื่อ”

ภาพ “หมอวรงค์” จาก เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานยุทธศาสตร์กลุ่มไทยภักดี โพสต์หัวข้อ “#ยืนยันต้องSave112”

โดยระบุว่า “ระหว่างเดินทางไปบ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย ไปอ่านเจอข่าวที่นายปิยบุตร กำลังปลุกเร้า เพื่อเร่ง ส.ส.ให้เสนอกฎหมายยกเลิกมาตรา 112

รวมทั้งเสนอการยกเลิกความผิดอาญาฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น โดยอ้างว่า เป็นทิศทางที่สอดคล้องกับหลักสากล ไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก

สิ่งที่นายปิยบุตรนำเสนอ เป็นหลักคิดของพวกทุนสามานย์ ที่ใช้วาทกรรมให้คนเคลิ้มตาม ดูแล้วเท่ ที่บอกว่า “ไม่ควรมีใครถูกจำคุกเพียงเพราะการใช้เสรีภาพในการแสดงออก”

เนื่องจากพวกนายทุนสามานย์ สามารถจัดสมุน ลิ่วล้อใช้วาทกรรมไปทำร้ายคนอื่น ใช้คีย์บอร์ดมุ่งโจมตี ใช้ปลายปากกาเป็นอาวุธในการทำลายล้างฝ่ายตรงข้าม เมื่อถูกดำเนินคดี ก็พร้อมที่จะจ่ายค่าปรับ เพราะมีทุนสะสมอยู่มาก ส่วนคนจนก็ต้องจำคุกแทนค่าปรับ

แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ครับ ว่าเจตนาของนายปิยบุตร ต่อสถาบันพระมหากษัตริย์นั้น มีความจริงใจ บริสุทธิ์ใจแค่ไหน พวกเรายืนยันว่า มาตรา 112 คือ ความมั่นคง ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพราะมาตรา 112 คือปัญหาและอุปสรรคในการปฏิบัติการของพวกเขา

หยุดเถิดคุณปิยบุตร ที่จะมาสร้างวาทกรรมบิดเบือน ให้คนเข้าใจผิดเรื่องมาตรา 112 วันนี้สังคมไทยเขาตื่นรู้ และรู้ไปถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ของพวกคุณทั้งประเทศแล้ว ถ้าแน่จริงพวกคุณน่าจะออกมาเล่นเองได้แล้ว ไม่ใช่เอาแต่หลบอยู่ข้างหลัง และปล่อยให้เด็กๆต้องไปเผชิญชะตาตามยถากรรม”

ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า กรณี เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หัวข้อ “ยกเลิก 112” ระบุว่า ส.ส. ควรผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 โดยเร็วที่สุด พร้อมเปิดเผยว่า อัดอั้นที่ตนเองยอมกลืนเลือดสมัยก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ด้วยการประกาศว่า ไม่มีนโยบายแก้มาตรา 112 เพื่อให้ทุกคนปรานีกับพรรคอนาคตใหม่ได้ต่อสู้ทางการเมือง นั่นกลายเป็นตราบาปและแผลเป็นที่ฝังในจิตใจจนวันนี้นั้น

นายศรีสุวรรณ ระบุว่า ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ไม่ได้เป็นปัญหาในทางกฎหมาย ไม่ว่าจะมองในด้านใดด้วยใจเป็นธรรม และด้วยใจที่เป็นปกติ ทั้งในแง่ของการนำมาใช้ และการตีความ รวมทั้งสัดส่วนของการกำหนดอัตราโทษ เนื่องจากความจำเป็นที่ต้องมีกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้สอดรับกับรัฐธรรมนูญ ที่บัญญัติไว้มาโดยตลอดทุกฉบับว่า “องค์พระมหากษัตริย์ทรงดํารงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้” ซึ่งจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า ประเทศของเรามีสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นที่เคารพสักการะที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน

“หากแต่ในยุคปัจจุบัน กลับมีพวกนักเรียนนอก ร่วมมือกับนายทุนนอกคอก ที่มิได้ศึกษาและเรียนรู้ประวัติรากเหง้าของชาติของแผ่นดิน พยายามที่จะกระแดะลอกเลียนวัฒนธรรมตะวันตกบางประเทศ เช่น ฝรั่งเศส เพื่อให้ประเทศไทยเป็นดั่งสังคมแบบนั้น จึงพยายามใช้กลเล่ห์มาปลุกปั่นเด็กๆ และเยาวชน โดยมีคณาจารย์ในสถาบันการศึกษาบางคนเป็นหางแถว และเครื่องมือ ในปลุกเร้าและถ่ายทอดทัศนะที่ผิดเพี้ยนให้มุ่งไปสู่แนวทางที่ตนเองต้องการ โดยไม่สนใจว่า บริบททางกฎหมายจะเป็นเช่นใด
เราจึงเห็นพฤติกรรมและการกระทำของเด็กเยาวชนจำนวนมากที่ท้าทาย มาตรา 112 ซึ่งก็จำเป็นอยู่เองที่ประชาชนจำนวนมาก เรียกร้องให้ผู้บังคับใช้กฎหมายจะต้องบังคับใช้มาตราดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมา”

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ถึงแม้ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็น “ผู้แทน” ของ “ราษฎร” บางคนอยากผลักดันร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา เพื่อยกเลิกมาตรา 112 ให้จงได้ แต่ก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า ส.ส. เหล่านั้นมีผู้ใดบ้าง ที่กล้าท้าทายแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพราะอาจเข้าข่ายการล้มล้างการปกครองได้

ภาพ นายศรีสุวรรณ จรรยา จากแฟ้ม
ทั้งนี้ ประเทศไทยคือประเทศไทย ไม่ใช่ทาสรับใช้พวกตะวันตก การบัญญัติและการคงอยู่ของกฎหมายดังกล่าว ย่อมสอดรับกับค่านิยมวัฒนธรรม ประเพณีทางกฎหมายของไทย ซึ่งไม่ขัดหรือแย้งต่อการใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออกตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติแต่อย่างใด หากการใช้สิทธินั้นไม่กระทบกระเทือนต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น

“เราไม่อาจปล่อยให้ “อนาคตของชาติ” ถูกล้างสมอง จนต้องโดนข้อหาจนต้องเข้าคุก เข้าตะราง โดยที่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังยังลอยนวลอยู่อีกต่อไปได้ สังคมไทยต้องช่วยกันลากไส้ เอาบุคคลเหล่านี้มาลงโทษตามครรลองของกฎหมายโดยเร็ว หากปล่อยให้ยืนผยองอยู่ในสังคม ก็รังแต่จะสร้างความแตกแยก สร้างปัญหาให้กับชาติ ให้กับแผ่นดินต่อไป โดยเอาเด็กและเยาวชนของชาติ มาเป็นเครื่องมือในการทดลองทางอุดมการณ์ของตน นั่นเอง”

ด้าน เฟซบุ๊ก iLaw โพสต์หัวข้อ “ตารางรวมคดีมาตรา 112 ยุคการชุมนมนักศึกษา-ราษฎร ตั้งแต่ปี 2563”

เนื้อหาระบุว่า รวบรวมกว่า 21 คดี ผู้ต้องหาอย่างน้อย 41 คน

ข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 จากการชุมนุมที่ขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2563

ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ผู้ที่ปราศรัยเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์โดยตรง ก็ทยอยได้รับหมายเรียกติดๆ กัน ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาตามมาตรา 112

บางคดีเพิ่งเกิดขึ้นหลังแถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี บางคดีเคยแจ้งข้อกล่าวหาอื่นไว้ก่อนแล้ว แต่เพิ่มข้อหามาตรา 112 เข้ามาภายหลัง เกิดเป็นชุดคดีระลอกใหม่ที่มีจำนวนมากและการตีความกฎหมายกว้างขวางกว่าที่เคยเป็นมา ความตึงเครียดทั้งในแง่ปริมาณ และหลักการของเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น
_____
สามารถดูตารางที่อัปเดตสถานะของแต่ละคดีได้ที่
>> https://freedom.ilaw.or.th/node/817

แน่นอน, ความร้อนแรงของการเรียกร้องยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือ กฎหมายที่เกี่ยวกับการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง กำลังจะกลับมาอีกครั้ง หลังจาก นายปิยบุตร แสดงความชัดเจนออกมาแล้ว ว่า จะต้องผลักดันเรื่องนี้ให้ ส.ส.ในสภา พิจารณาดำเนินการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว

ต้องยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ หัวขบวน “ล้มเจ้า” หลายคนแสดงท่าทีตำหนิ “ปิยบุตร” อย่างแรงในเรื่องที่ นายปิยบุตร บอกว่า ไม่มีนโยบายแก้ไขและยกเลิก ม.112 โดยพวกเขาโจมตีว่า นายปิยบุตรเห็นแก่การเมือง มากกว่าอุดมการณ์ กลัวจะไม่ได้เข้าสู่การเมือง และมองว่า “ปิยบุตร” ได้ตกขบวนการต่อสู้เรื่องนี้ไปแล้ว ซึ่งหัวขบวนล้มเจ้าเหล่านั้น ต่างชื่นชมการต่อสู้ของม็อบราษฎร 2563 หรือ ม็อบเยาวชนปลดแอก (แนวร่วมนักเรียน นิสิต นักศึกษา)

ดังนั้น การกลับลำครั้งนี้ของ นายปิยบุตร หลังดูเหมือนอนาคตทางการเมือง ที่คาดหวังกับการเลือกตั้ง นายก อบจ. เป็นฐานมวลชน “ท้องถิ่นล้อมประเทศ” ไม่เป็นไปตามคาดหวัง และในขณะที่ในสภาผู้แทนราษฎร ก็ถูกตัดสิทธิไปถึง 10 ปี จากการที่อดีตพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบพรรค เมื่อเป็นเช่นนี้เหลือก็แต่ การดักขึ้นขบวนรถไฟสายคณะราษฎร 2563 กลางทาง ด้วยการเสนอแก้กฎหมาย ม.112 ผ่านพรรคนอมินี (ตัวแทน) ของพวกตนเท่านั้น และหวังว่า จะยังอยู่ในขบวนรถไฟสายนี้

ขณะเดียวกัน แทบไม่ต้องสงสัยว่า หัวขบวน “ล้มเจ้า” จะเป็นปลื้มแค่ไหน กับ การกลับลำของ “ปิยบุตร” ครั้งนี้

เหนืออื่นใด เชื่อว่า ม็อบราษฎร 2563 จะใช้ประเด็นนี้เป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ เพื่อ “ปฏิรูปสถาบันฯ” ในปี 2564 เพื่อกดดันนอกสภา ตามที่นายปิยบุตร ส่งสัญญาณให้ ส.ส.แล้วว่า ไม่โดดเดี่ยวในการต่อสู้ในสภาอย่างแน่นอน

อย่าลืม ม.112 ถ้ายกเลิกได้ อะไรจะเกิดขึ้น และอย่าลืม ว่า เลิก ม.112 ก็ไม่ง่ายเช่นกัน เพราะ “พี่ศรี” เตือนเอาไว้แล้ว ส.ส.จะกล้าหรือไม่ กับข้อหาล้มล้างการปกครอง? ทั้งยังมีประชาชนคนไทยค่อนประเทศ ที่ไม่เอา “ล้มเจ้า” เลือกนายก อบจ. ก็เห็นมาแล้ว ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!?
กำลังโหลดความคิดเห็น