เจ้าหน้าที่ฝรั่งเศสต้องรุดเปิดการสืบสวน หลังปรากฏคลิปวิดีโอเผยแพร่บนสื่อสังคมออนไลน์ เป็นภาพตำรวจ 3 นายกำลังรุมทำร้ายและฉีดแก๊สน้ำตาใส่ชายผิวสีคนหนึ่งในสำนักงานของเขาเอง คาดมีต้นตอเพียงไม่สวมหน้ากากป้องกันโควิด-19
อัยการกรุงปารีสเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีในวันพฤหัสบดี(26พ.ย.) ว่าเขาร้องขอให้จเรตำรวจดำเนินการสืบสวนอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในคดีที่โปรดิวเซอร์เพลงผิวสีรายหนึ่ง ถูกกลุ่มตำรวจปารีสทำร้ายร่างกายเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
ภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ข่าว Loopsider ในตอนเช้าวันพฤหัสบดี(26พ.ย.) พบเห็นพวกเจ้าหน้าที่เล่นงานโปรดิวเซอร์ซ้ำๆ ด้วยหมัด เข่าและตะบอง หลังบุกเข้าไปในสตูดิโอของเขาโดยไม่แสดงหมายใดๆ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พฤศจิกายน ในเขต 17 ของกรุงปารีส และรายงานข่าวระบุว่ามันเกิดขึ้นเพราะชายคนดังกล่าว ซึ่งทราบเพียงว่าชื่อนายมิเชล ไม่สวมหน้ากากตอนเดินเข้าไปในสำนักงาน
"มันเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญยิ่งในสายตาผม และผมติดตามเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวมาตั้งแต่วันเสาร์ ผมขอให้จเรตำรวจดำเนินการทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อทำเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" อัยการระบุ
ด้านรัฐมนตรีมหาดไทยของฝรั่งเศส เขียนนบวิตเตอร์เมื่อวันพุธ(25พ.ย.) ว่าเขาขอให้ผู้บัญชาการตำรวจ "พักงานตำรวจที่เกี่ยวข้อง ในมาตรการป้องกันไว้ก่อน"
ภาพเพิ่มเติมจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่ตามอาคารต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง เผยให้เห็นว่าตำรวจขว้างกระป๋องแก๊สน้ำตาเข้าไปในสตูดิโอ ในความพยายามบีบให้นายมิเชลออกมาข้างนอก
จากนั้นพบเห็นมิเชล ออกมาจากสตูดิโอและเผชิญหน้ากับตำรวจทั้ง 3 นาย หนึ่งในนั้นชักปืนเล็งไปที่มิเชล และเหยื่อเปิดเผยในเวลาต่อมาว่า ตำรวจนายดังกล่าวยังพูดจาเหยียดผิวใส่เขาด้วย
ย์)
มีรายงานว่าในเบื้องต้น บรรดาตำรวจที่เกี่ยวข้อง อ้างว่า มิเชล พยายามแย่งอาวุธและยั่วยุก้าวร้าวใส่พวกเขา
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่พวกผู้บังคับใช้กฎหมายในฝรั่งเศสถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ หลังปรากฏภาพตำรวจใช้กำลังเข้าเคลียร์แคมป์ผู้อพยพที่ปักหลักกันอยู่ในกลางกรุงปารีส
ในวันอังคาร(24พ.ย.) สภาล่างของฝรั่งเศสยังได้ผ่านร่างกฎหมายให้อำนาจกับตำรวจเพิ่มเติม ในนั้นรวมถึงร่างกฎหมายความมั่นคงอันเป็นที่ถกเถียง ซึ่งห้ามเผยแพร่ส่งต่อภาพใบหน้าของตำรวจ ด้วยเจตนาทำให้เจ้าหน้าที่เหล่านั้นตกอยู่ในอันตราย และร่างกฎหมายดังกล่าวกระตุ้นให้เกิดการชุมนุมใหญ่ประท้วงต่อต้านในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา