สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เกิน 12 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันเสาร์(21พ.ย.) ตามข้อมูลแบบเรียลไทม์ของมหาวิทยาลัยจอห์นส ฮ็อปกินส์ ซึ่งพบว่าจำนวนผู้ติดเชื้อล้านล่าสุดนั้น ไวรัสใช้เวลาแพร่กระจายเชื้อเพียงแค่ 6 วัน
ปัจจุบันชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ที่สุดของโลก มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสม 12,019,960 คนและเสียชีวิต 255,414 ราย มากที่สุดในโลกทั้งสองกรณี โดยมันใช้เวลาสำหรับผ่านหลักชัยอันน่าเศร้า 12 ล้านคน เพียง 6 วันหลังจากพุ่งแตะระดับ 11 ล้านคน
ด้วยเคสผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นในอัตราที่น่ากังวล ส่งผลให้หลายเมืองหวนกลับมากำหนดมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส
บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเรียกร้องประชาชนหยุดอยู่บ้านในวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าสัปดาห์หน้า เทศกาลซึ่งปกติแล้ว อเมริกันชนมักเดินทางข้ามเมือง เพื่อไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว
เมืองนิวยอร์ก สั่งปิดการเรียนการสอนในชั้นเรียน สำหรับนักเรียน 1.1 ล้านคน ส่วนแคลิฟอร์เนีย เริ่มกำหนดเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 22.00น. ถึง 05.00น. ตั้งแต่วันเสาร์(21พ.ย.) เป็นต้นไป ส่วน ชิคาโก เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 3 ของสหรัฐฯ อยู่ภายใต้คำสั่งหยุดอยู่บ้านมาตั้งแต่เมื่อวันจันทร์(16พ.ย.)
เมื่อวันศุกร์(20พ.ย.) โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ ลูกชายคนโตของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงว่าเขามีผลตรวจโควิด-19 ออกมาเป็นบวก และอยู่ระหว่างกักกันโรคตนเอง
ผลตรวจที่ออกมาเป็นบวกของ โดนัลด์ ทรัมป์ จูเนียร์ มีขึ้นหลังจากบุคคลในทำเนียบขาวพากันติดเชื้อโควิด-19 เป็นแถวๆ ในนั้นรวมถึงบิดาของเขา ซึ่งถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล รวมถึง เมลาเนีย สุภาพสตรีหมายเลข 1 และ บาร์รอน ลูกชายคนเล็กของ โดนัลด์ ทรัมป์
รัฐบาลของประธานาธิบดีทรัมป์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงต่อแนวทางรับมือกับโรคระบาดใหญ่ และความพยายามดูเบาความรุนแรงของไวรัส
ว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เมื่อวันจันทร์(16พ.ย.) แสดงความผิดหวังที่ ทรัมป์ ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับกระบวนการถ่ายโอนอำนาจทำเนียบขาว โดบเตือนว่า "จะมีคนตายจากไวรัสโคโรนามากขึ้น หากไม่ร่วมมือต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ ในทันที"
อย่างไรก็ตามท่ามกลางข่าวแง่ลบต่างๆ ก็ยังมีสัญญาณแห่งความหวัง เมื่อ ไฟเวอร์ ยักษ์ใหญ่ไบโอเทคสัญชาติสหรัฐฯและไบโอเอ็นเทค พันธมิตรจากเยอรมนี แถลงเมื่อวันศุกร์(20พ.ย.) ว่าพวกเขาจะยื่นข้ออนุมัติสำหรับใช้วัคซีนโควิด-19 ของพวกเขา ในกรณีฉุกเฉิน เร็วๆนี้
(ที่มา:เอเอฟพี)