xs
xsm
sm
md
lg

“แม่ภนิดา” เผยเคาะชาม 3 ครั้งเรียก “แตงโม” กินข้าวทุกวัน ลั่นให้อภัยไม่โกรธใครทั้งสิ้น ขอพัก 2 วันแล้วจะจัดการเรื่องต่างๆ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



คุณแม่ “ภนิดา” เผยทุกวันนี้ยอมเคาะชาม 3 ครั้งเรียก “แตงโม” กินข้าวทุกวัน หลังมีคนมาบอกว่าลูกหนาว หิวข้าวมาก ไปไหนไม่ได้ หลังจากที่เปลี่ยนตัวเองมานับถือศานาคริสต์ รับเครียด ยังทำใจกับการสูญเสียลูก ตอนนี้ให้อภัยไม่ถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น ขอพัก 2 วันก่อนจะจัดการปัญหาวุ่นๆ ในรูปแบบของตน

วันนี้(24 พ.ค.65) นอกจากคุณแม่ “ภนิดา ศิระยุทธโยธิน”จะได้ทำหน้าที่อ่านประวัติและคำอาลัยลูกสาว “แตงโม ภัทรธิดา(นิดา) พัชรวีระพงษ์” เป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะฌาปนกิจ บนเวทีคุณแม่ก็ได้เล่าความในใจของตัวเอง ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมาให้แขกผู้มีเกียรติในงานได้รับฟัง ดังนี้….

“คุณแม่ตั้งแต่เช้า ร้องไห้ไปแล้วรอบนึง เดี๋ยวพูดจบไม่รู้จะร้องไห้อีกหรือเปล่า หรือจะพูดอะไรไม่จบแบบคราวที่แล้ว แล้วลงไปเลยอีกรึเปล่า น้องแตงโมเข้าวงการบันเทิงตอน ม.5 น้องได้รับโอกาสที่ดีจากผู้ใหญ่ในวงการมาโดยตลอด ช่วงที่เห็นน้องทำงานหนักคุณแม่ก็บอกว่าเลิกเถอะลูก ไปทำอาชีพอื่นดีไหม น้องดูเหนื่อยมาก ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ถ่ายเช้ายันดึก ถ่ายดึกยันสว่างกลับมา น้องโมใช้ชีวิตประมาณนี้มาตลอด เขาบอกคุณแม่กลับมาว่าไม่เลิก เพราะน้องรักอาชีพนี้แล้ว คุณแม่ก็ตามใจเขา

เขาอยู่วงการมา 20 ปี มีผลงานในวงการบันเทิงมากมาย น้องโมเป็นเด็กขยัน คนอื่นมองจะคิดว่าเธอไม่ใช่คนที่ขยัน แต่จริงๆแล้วเธอเป็นคนที่ขยันมาก ขยันทำงาน ขยันหารายได้ เมื่อไม่กี่วันนี้คุณแม่ไปดูห้องเธอ (ถอนหายใจ) ที่คุณแม่ต้องถอนหายใจเพราะว่า คุณแม่กำลังร้องไห้อยู่ ตอนนี้น้ำตามันตกใน ถ้าถอนหายใจคือร้องไห้ มันไม่ออกมาเป็นน้ำตาแล้ว มันจะเป็นถอนหายใจอยู่เรื่อยๆ

คุณแม่ไปดูห้องนอนน้องโม ไม่เคยได้เข้าไปดูเลย ปรากฎว่าเธอเก็บของไม่เรียบร้อยเลย (หัวเราะ) ห้องเธอก็รกไปด้วยของนั้นของนี้เต็มไปหมด แสดงว่าเธอมุ่งงานเรื่องเดียว เรื่องอื่นไม่ได้มุ่ง แล้วเธอก็รักเพื่อน ให้ใจ จริงใจกับเพื่อนทุกคน ถึงจะเคยโกรธกันเธอก็ยังกลับไปรักเขาได้ กับคุณแม่ก็ตาม ก็เคยทะเลาะกัน เคยเถียงกันพักนึงเดี๋ยวก็มาอ้อนแล้ว น้องโมจะชอบอ้อนคุณแม่มากๆ ยิ่งพอคุณพ่อเขาเสีย เขาจะสนิทกับคุณแม่มาก

เครียด ยังทำใจกับการสูญเสียลูก
“คือตอนนี้เดินไปตรงไหน คุณแม่นึกถึงแต่น้องโมเดินผ่าน แล้วก็ทำใจให้ลืมเขาไม่ได้เสียที มันก็เครียด ทุกวันนี้บอกตรงๆ เลยว่าเครียด ทำใจไม่ได้ ก็ต้องช่วยตัวเองคือต้องทำให้ได้ แต่ก็คงเป็นปีๆ มันเหมือนอะไรตันๆ ในอก ยังไม่อยากพูดอะไรนอกเรื่อง กราบขอบพระคุณทุกท่านที่มางานวันนี้ที่มาให้กำลังใจน้องโม และคุณแม่ ขอบพระคุณจริงๆ ที่ยังรักน้องโมอยู่”

ตอนนี้ไม่ถือโทษโกรธใครทั้งสิ้น ยึดคำสอนของ “อาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์” ให้อภัยและมอบความรักให้แก่กัน
“อีกเรื่องคือ อาจารย์ธงชัย ซึ่งท่านเป็นอาจารย์ของชาวคริสต์ โปรเตสแตนต์ ปรัชญาของอาจารย์ธงชัย คือความรักและการให้อภัย คุณแม่คิดนานมากเรื่องนี้กับเรื่องความรักและการให้อภัย มันเหมือนกับว่าถ้าคุณมีความรักกับใคร แล้วคุณทะเลาะกัน คุณต้องให้อภัยเขานะ (เสียงเครือ) แล้วคุณจะได้ขึ้นสวรรค์ตามลูกคุณไป ถ้าคุณไม่ให้อภัยเขามันจะติดอยู่ในใจคุณ คุณจะไม่มีความสุข คุณแม่ก็ยึดมั่นตรงนี้ ไม่ถือโทษโกรธใครใดๆ ทั้งสิ้นเลยเลยตอนนี้ เพราะว่ามันทำร้ายใจเราเอง แล้วลูกเราที่มองดูอยู่เขาก็จะไม่มีความสุขด้วย (ถอนหายใจ)

คุณแม่ขอบพระคุณอาจารย์ธงชัยที่ให้คติสอนใจตลอดเวลาว่าคุณแม่ต้องทำใจ ไม่อย่างนั้นคุณแม่จะแย่เอง มันเป็นเรื่องที่ดีนะคะ อยากจะให้ทุกท่านได้ทราบว่าความรักและการให้อภัยมันเป็นเรื่องจริงที่เราปฎิบัติได้ด้วยตัวเอง คุณแม่ได้ทดลองแล้ว มันทำได้ เราจะลืมเรื่องที่ไม่ดีของคนที่เราโกรธได้ด้วยตัวเราเอง ไม่ใช่คนอื่นมาแนะนำ”

ทุกวันนี้เคาะชาม 3 ครั้งเรียก “แตงโม” กินข้าวทุกวัน เพราะมีคนมาบอกว่าลูกหนาว และหิวข้าวมาก ไปไหนไม่ได้
“สุดท้ายคือเรื่องของน้องโม คุณแม่รู้สึกลืมเขาไม่ได้ คิดถึงเขาทุกวัน ตอนนี้ก็พูดกับรูปเขาเหมือนคนบ้า คุยกับลูกทางรูปภาพใหญ่ๆ เดี๋ยวภาพใหญ่ในงานวันนี้ก็จะเอาไปไว้ที่บ้านคุณแม่ ทีนี่ก็มีเพื่อนคุยเยอะเลย ยังทำใจไม่ได้ เวลาจะกินจะนอนก็ยังชวนเขาตลอด ชวนเขาเข้าห้องนอนด้วย วันก่อนมีคนบอกว่าน้องโมหิว น้องโมหนาว น้องโมไปไหนไม่ได้ น้องโมหิวข้าวมาก อยากกินข้าว คุณแม่ก็จัดข้าวให้เขาทาน มื้อเช้าพี่สะใภ้จัดบิณฑบาตให้ ส่วนมื้อเย็นคุณแม่เป็นคนจัด

ความรักและความคิดถึงเขา เราจะยอมทำทุกอย่าง ทั้งๆ ที่ตอนนี้คุณแม่ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธแล้ว ในตัวคุณแม่เป็นคริสต์ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่เราก็ทำแบบที่ศาสนาพุทธทำ อยากให้ลูกได้กินข้าว เคาะชาม 3 ครั้งบอกเขาว่าคุณแม่เอาข้าวมาให้แล้วนะ น้องกินข้าวนะลูก แล้วคุณแม่ก็จะเห็นรูปเขายิ้มตอนที่แม่ไปให้ข้าวเขา

ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่หลายคนกำลังข้องใจอยู่ จะยังไม่พูดวันนี้
“ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่ใครๆ ทั้งหลายข้องใจ คุณแม่จะไม่พูดวันนี้ เพราะวันนี้เป็นวันที่คุณแม่จะได้อยู่กับร่างน้องเป็นวันสุดท้ายแล้ว น้องจะเหลือแค่นี้ที่จะอยู่กับคุณแม่แล้วก็รูปภาพ คุณแม่เลยไม่อยากพูดถึงปัญหาใดๆทั้งสิ้น อยากวิงวอนขอให้ทุกท่าน ถ้ารักใครชอบใครก็รีบให้อภัย มันจะดีกับตัวเรา มีปัญหาอะไรรีบๆ เคลียร์ซะ มันจะดีกับตัวเรามากเลย คุณแม่ก็จำคตินี้จากอาจารย์ธงชัยมาคิดและปฎิบัติในทุกวัน มันทำได้จริง

คุณแม่เมื่อก่อนไม่เคยยิ้มเลย เป็นคนที่ยิ้มไม่เป็นแต่เดี๋ยวนี้เจอใครก็ยิ้มก่อนที่เขาจะยิ้มให้เรา จนคนข้างๆ ถามรู้จักเขาเหรอไปยิ้มให้เขา เราก็ขำๆ ก็เราจะยิ้ม เราไม่ได้คิดอะไรกับใคร เรามีมิตรไมตรีที่ดี คนที่เคยเห็นหน้าซ้ำๆ เราก็จะยิ้มให้ นี่แหละคือความคิดของคุณแม่ตอนนี้ คุณแม่พูดอย่างนี้เพราะคุณแม่อยากให้ทุกคนอภัยให้กัน และรักกัน เรื่องอื่นเดี๋ยวไปว่ากันวันหลัง”

จากนั้น “คุณแม่ภนิดา” คุณแม่ของ “แตงโม” ก็ได้มาเปิดใจกับสื่อมวลชนอีกครั้งถึงการเลื่อนการเก็บอัฐิออกไป

“ต้องรอญาติฝั่งคุณพ่อ คุณแม่คนเดียวสบายอยู่แล้ว (วันนี้ได้คุยกับปอ - โรเบิร์ตไหม?) วันนี้เขาก็มาสวัสดีคุณแม่ทั้งไปทั้งกลับแต่ไม่ได้คุยอะไรกัน เป็นการคุยถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป เป็นมารยาท แซน วิศาพัช เขาโทร.หาคุณแม่เองว่าเขาไม่ได้มานะคะ พูดเพราะด้วย ตอนนี้คุณแม่จะกลายเป็นพระไปแล้ว เพราะว่าให้อภัยคนไปหมด ไม่ถือไม่สาอะไรแล้ว คุณแม่ก็ให้อภัยในสิ่งที่ให้ได้ เรื่องคดีก็อีกเรื่องนึง โดยทั่วไปชีวิตมนุษย์เราจะไปทะเลาะ ไปโกรธกับใครเราก็อย่าไปโกรธซะ ถ้ามีใครมาโกรธเราก็ไปง้อเขาหน่อย ให้อภัยเขา มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ให้อภัยในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่เรื่องฆ่ากันตายอันนี้ให้ไม่ได้”

ขอเวลาพัก 2 วัน จากนั้นเรื่องราววุ่นๆ ต่างๆ ตนจะดำเนินการเคลียร์ในรูปแบบของตน
“ขอเวลาคุณแม่ได้พักสัก 2 วัน ให้ได้นอนสบายๆ แบบไม่ต้องรับโทรศัพท์ นอนนิ่งๆ ถึงจะฟื้น ไม่อย่างนั้นไม่ฟื้น กว่าจะรอจนมาถึงวันนี้มันไม่ธรรมดานะคะ กว่าจะผ่านมาจุดนี้ได้ คุณแม่ทั้งต้องเตรียมงาน ทั้งต้องรับโทรศัพท์นัดตรงนั้นตรงนี้เยอะมากเลย กว่าจะสำเร็จ

(ได้คุยกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ไหม?) ไม่คุยเรื่องคดีกัน คุณแม่ขอเขาไว้แล้วว่า 1-2 วันนี้ไม่คุยเรื่องคดีกันนะ แล้วอย่าโทร.หาคุณแม่เลย เห็นใจคุณแม่บ้างเถอะ คุณแม่เหนื่อยมากนะ 3 เดือนเต็มๆ ที่คุณแม่รับโทรศัพท์ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ยัน 4 โมงเย็นถึงจะได้ออกมาจากห้อง 3 เดือนเต็มๆ ที่คุณแม่มีชีวิตอย่างนี้ จะมีบางคนนะกดมารัวๆ เลย แล้วเขาก็แสดงอารมณ์ว่าโกรธคุณแม่ แล้วเขามีขั้นตอนนะ ส่งมาหาคุณแม่ว่าคุณแม่รับโทรศัพท์หนูหน่อย แต่หนูเป็นผู้ชายนะ กดมารัวๆ อย่างนี้ใช้อารมณ์นะ คุณแม่ก็เลยไม่รับสายเขาเลย”

























กำลังโหลดความคิดเห็น