xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ระเบิดเวลา มหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก เราจะอยู่กันอย่างไร ?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 18 มี.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ ช่องยูทูป Sondhitalk และแอปพลิเคชัน Sondhi App โดยประเด็นเล่าในวันนี้ เริ่มจากเรื่องคดี "แตงโม นิดา" ที่ตอกย้ำว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก

- จากสมรภูมิสงคราม "ยูเครน” ถึงปฏิบัติการสงคราม "ข่าวสาร" จากชาติตะวันตก สำรวจสงครามวิพากษ์ วิจารณ์จากกูรูในเมืองไทย ปิดหูปิดตาตามชาติตะวันตกหรือไม่?

- จุดจบเปโตรดอลล่าร์ เมื่อประเทศผู้ผลิตน้ำมันของโลก ลุกขึ้นท้าทายระบบเงินผูกขาด หรือเงินดอลล่าร์จะกลายเป็นแบงก์กงเต็ก!

- แพงทั้งแผ่นดิน!!! ราคาน้ำมันพุ่ง รายได้ไม่พอใช้ ส่งออกชะงัก โดยเฉพาะการส่งผลไม้ไปจีน ระเบิดเวลาที่รอวันระเบิด รัฐบาลไทยทำอะไรอยู่?

ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.129



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 129 [18 มี.ค. 65] : ระเบิดเวลา มหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก เราจะอยู่กันอย่างไร ?

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน: SONDHI APP
ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ:คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube :Sondhitalk
เว็บไซต์ :www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean: SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2565 ผมจะพูดถึงผลิตภัณฑ์อาหารเสริมจาก "สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์" ฟีดแบ็กจากคอมเมนต์ตอนนี้ LUTEIN กำลังเป็นที่ต้องการ เพราะช่วยบำรุงสายตา บรรเทาอาการล้าจากการจ้องจอโทรศัพท์ จอคอมพิวเตอร์ กำลังเป็นที่ต้องการมาก ท่านผู้ชมสั่งซื้อได้ที่ Shopee และ Lazada

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมจะเอาหนังสือเล่มหนึ่งให้ท่านผู้ชมดู หนาประมาณ 1,012 หน้า หนังสือเล่มนี้ชื่อ "แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ภูมิปัญญาทางการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ" หนังสือเล่มนี้มาอย่างไร ? หนังสือเล่มนี้ถูกรวบรวมและพิมพ์ขึ้นมาในวาระสำคัญ รัฐบาล และรัฐสภา จัดตั้งเป็นคณะกรรมการแห่งชาติ ปี 2542 หรือยี่สิบสามปีที่แล้ว เป็นหนังสือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ภูมิปัญญาทางการแพทย์ฯ ที่จัดพิมพ์ขึ้นเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 5 ธันวาคม 2542 ของรัชกาลที่ 9


ท่านผู้ชมรู้ไหม หนังสือเล่มนี้ประกอบด้วยคัมภีร์ยาหลวงมากถึง 13 คัมภีร์ สำคัญที่สุด ไม่มีอะไรสำคัญมากกว่านี้อีกแล้ว ท่านผู้ชมจำเรื่องยาลมได้ไหม "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ที่ผมเคยเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง เป็นตำรับยาสุดท้ายในคัมภีร์กระษัย ซึ่งคัมภีร์กระษัย เป็นคัมภีร์สุดท้ายในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ หมายความว่า "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี้ เป็นตำรับยาสุดท้ายในพระคัมภีร์สุดท้ายในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านผู้ชมลองคิดดูว่ามันมีความสำคัญและความสุดยอด พิเศษอย่างไร สำหรับยานี้ ผมจะอ่านให้ฟังว่าในตำรานี้เขาพูดถึงยาลมว่าอย่างไร


คนโบราณเขียนว่า "ให้ทำยานี้กินเถิด ถ้าผู้ใดได้ตำรานี้แล้วไม่ทำกิน เหมือนเหยียบแผ่นดินผิด" นัยคืออะไร ? อาจารย์ปานเทพ วิเคราะห์แล้วก็สรุปว่า ประการที่หนึ่ง ผู้ที่ได้มีโอกาสรับรู้และรับประทานยาตำรานี้่ ย่อมเป็นผู้ที่ได้เกิดมาในแผ่นดินไทย ประเทศสยามนี้ สอง อ่านภาษาไทยออกได้ สาม จากบรรดาหนังสือมหาศาลทั่วแผ่นดิน ชีวิตมนุษย์มีความจำกัดที่จะอ่านหนังสือทุกเล่ม ยังจะต้องมีผู้เลือกหยิบตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ขึ้นมาอ่าน สำหรับคนทั่วไปแล้ว ไม่ได้อ่านให้เข้าใจได้ง่ายๆ สี่ ต้องมุมานะ มีความเพียรอ่านไป หรือโชคดีได้อ่านต่อ เนื่องจากพระคัมภีร์สุดท้ายในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ คือ พระคัมภีร์กระษัย ซึ่งเป็นพระคัมภีร์สุดท้ายในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ เป็นหนังสือที่มีความหนาถึงพันกว่าหน้า หรือชัดๆ 1,012 หน้า ประการที่ห้า ต้องขยัน โชคดีได้อ่านถึงตำราคัมภีร์สุดท้าย

ประการที่หก ยังต้องเป็นผู้ที่เชื่อ วิเคราะห์จนเชื่อในสรรพคุณ "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" ที่ปรากฏในตำรับยา ประการที่เจ็ด ต้องลงมือหาเครื่องยาที่ได้คุณภาพดีจริง และต้องตัดสินใจปรุงยาให้มีคุณภาพดีจริง ประการที่แปด ต้องทำให้ผู้จะกินยามีความเข้าใจและเชื่อได้ว่า กิน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" แล้วมีประโยชน์ต่อสุขภาพจริง จึงจะพร้อมรับประทาน ประการที่เก้า ท่านผู้ชมที่ทาน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี้ มีรสขม ร้อน บางคนรับประทานไม่ได้ หากจะรับประทานให้ได้มีสรรพคุณยาอายุวัฒนะ ต้องทานต่อกันถึง 9 เดือน ไม่เว้นเลยแม้แต่วันเดียว อาจจะมีทำให้หลายคนไม่สามารถรับประทานรสยาแบบนี้ได้ หรืออาจจะมีอุปสรรค เพราะตำรับยานี้ ไม่ใช่คนเลือกยาเท่านั้น "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" นี้ เลือกคนทานด้วย ไม่ใช่ว่าท่านจะเลือกยานี้ทาน เพราะถ้าท่านเลือกแล้ว ท่านทานไม่ได้ ก็แสดงว่าท่านไม่ใช่คนที่เหมาะที่จะทานยานี้ เพราะฉะนั้นแล้ว ตำรับยานี้เลือกคนทาน ประการที่สิบ คนที่กินยานี้ต้องมีความเข้าใจอาการเปลี่ยนแปลงตามธาตุของร่างกายหลังการรับประทาน โดยไม่ตื่นตระหนก อะไรบ้างล่ะ ? ผมทานแรกๆ ผมถ่ายบ่อยมาก วันละ 3-4 ครั้ง แล้วค่อยลดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งผมถ่ายประมาณวันละ 2 ครั้ง ตอนนี้ บางคนผ่านไปได้ บางคนผ่านไม่ได้ บางคนต้องปรับตัวเองให้ผ่านไปได้


ประการที่สิบเอ็ด ตำรับยานี้มีความมุ่งหวังไปไกลเกินสรรพคุณยา แต่มีเป้าหมายในการศึกษาและปฏิบัติธรรมตามแนวทางของพระไตรปิฎกในพระพุทธศาสนา ซึ่งแผ่นดินสยามนี้ ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาประจำชาติ อันเป็นการซ่อนความหมายในการมีสุขภาพดี จึงต้องมาพร้อมกายและจิตที่ดี ประการที่สิบสอง ตำรับยานี้เกิดขึ้นแก้โรคทางลมและเสมหะเป็นสำคัญ ในวิชาการแพทย์แผนไทยมีการพิจารณาว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีมรสุมร้อนชื้น จึงก่อให้เกิดโรคธาตุลมมาก แต่ก่อให้เกิดวิถีชีวิตที่บำบัดธาตุลมได้ดีอย่างน่าอัศจรรย์ อย่างเช่นการนวด อาหารไทยที่เผ็ดร้อน "ยาลม ๓๐๐ จำพวก" จึงเหมาะกับประเทศไทยโดยตรง เพราะเป็นการแก้โรคทางลม และเป็นตำรับยาสุดท้ายในคัมภีร์กระษัย ซึ่งมีความหมายถึงพระคัมภีร์ว่าด้วยการป่วยเรื้อรัง หรือโรคที่เสื่อมตามวัยด้วย

ด้วยเหตุผลทั้งสิบสองข้อนี้ ตำรับยานี้จึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตับยานี้ถึงเขียนไว้ว่า "ให้ทำยานี้กินเถิด ถ้าผู้ใดได้ตำรานี้แล้วไม่ทำกิน เหมือนเหยียวแผ่นดินผิดทีเดียว"

ท่านผู้ชมครับ ยานี้ผมทานมาแล้ว 9 เดือน ผมเช็กอาจารย์ปานเทพ แล้ว ยานี้ส่วนประกอบ สมุนไพรต่างๆ หายากมาก ทุกวันนี้เราหาได้ พอจำนวนที่คนสั่งเข้ามาปริ่มๆ ผมถามอาจารย์ปานเทพ ว่า สุดท้ายแล้วสามารถผลิตด้วยวัตถุดิบที่มีอยู่/หาได้ เดือนละประมาณกี่กล่อง ? อาจารย์ปานเทพ บอกว่า เดือนหนึ่งไม่น่าจะเกินสามพันกล่อง สามพันกล่องนี่ก็คือปริ่มๆ นะท่านผู้ชม ก็คือว่ามีคนสั่งเข้ามา 3,010 กล่อง หรือ 3,100 กล่อง ก็ต้องรอไปอีกเดือนหนึ่ง หรือบางทีอาจจะสั่งเข้ามา 2,800 กล่อง ยานี้ทำยากมากๆ และสมุนไพรมีจำกัด ท่านผู้ชมครับ วันนี้ไม่ได้มาโฆษณาขายยา แต่อยากให้ท่านผู้ชมถ้าต้องการมีอายุวัฒนะ รักษาเรื่องลมต่างๆ อย่าลืมนะครับ อยู่ในตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ 1,012 หน้า เป็นตำราสุดท้ายที่อยู่ในคัมภีร์สุดท้าย คือคัมภีร์กระษัย


ท่านผู้ชมครับ อย่างไรก็ขอแตะเรื่องน้องแตงโมสักนิดหนึ่งก่อน กรณีการเสียชีวิตของน้องแตงโม ถึงวันนี้ สามสัปดาห์แล้ว กำลังจะเข้าสัปดาห์ที่สี่ คดียังไม่มีข้อสรุปที่สร้างความกระจ่างชัดให้กับสังคมและคนรอบข้างได้ อาทิตย์นี้ผมไม่ลงรายละเอียดหรอก เพราะมีข้อมูลใหม่ๆ มาให้ถกเถียงกันอยู่ทุกวัน แต่ผมขอพูดในเชิงปรัชญา ข้อคิด ภาพรวมของเหตุการณ์ในเชิงคดีความ คือผมอยากจะเตือนเจ้าหน้าที่ตำรวจ และคนที่เข้ามาดูแลคดี ว่า ถ้าคุณเริ่มกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อๆ ไปคุณก็กลัดผิดตลอดไป สรุปง่ายๆ เรื่องนี้ หลักการของผมคือ พวกคุณกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรกแล้ว คุณก็เลยต้องเลยตามเลย เพราะถ้าคุณปรับใหม่แล้วมากลัดใหม่ เท่ากับคุณตบหน้าตัวเอง คุณทำไม่ได้ ที่ผมว่าคุณกลัดผิดไปเรื่อยๆ ตรงไหน ? ก็ไม่รู้ว่าคุณปล่อยคนที่อยู่บนเรือกลับบ้านไป 2 วัน ไม่ตรวจการใช้สารเสพติด ที่อ้างว่ากินไวน์ไปขวดเดียว คนในแวดวงเขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะมีการใช้ยาเสพติดอย่างหนักเลย


ความพยายามตัดประเด็นเรื่องฆาตกรรมอำพราง หรือปัญหาขัดแย้งบนเรือออก เพื่อให้ดูเหมือนเป็นการกระทำโดยประมาท หรือเป็นอุบัติเหตุ แล้วล่าสุด มีกรณีสงสัยผุดขึ้นมาอีกว่า ระหว่างเกิดเหตุมีเรือสปีดโบ๊ตอยู่ลำหนึ่ง หรือมีอีกลำหนึ่งอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย ข้อมูลข่าวสารปลิวว่อนไปหมดเลย ตำรวจครับ ผมกำลังตั้งข้อสงสัยว่า เมื่อคุณไม่เจอคราบเลือดในเรือลำแรก ทำไมคุณไม่ตรวจเรือลำที่สองให้ละเอียดอย่างถี่ถ้วนล่ะ ? เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือข้อสงสัยที่ผมคิดว่าตำรวจน่าจะลงไป แล้วหาเรือลำที่สองให้เจอ แล้วก็ตรวจสภาพของเรือโดยหลักนิติวิทยาศาสตร์ ผมเชื่อว่าข้อเท็จจริงจะเปิดเผยขึ้นมาเยอะ ถ้าคุณได้หาเรือลำที่สองเจอ และตรวจคราบเลือดในเรือลำที่สอง นั่นคือข้อสังเกตของผม

ทั้งหมดนี้ มันเป็นเรื่องที่ผมไม่ต้องการจะฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่คุณต้องยอมรับข้อเท็จจริงเสียทีว่าคุณเริ่มคดีด้วยการกลัดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก คุณก็เลยต้องเลยตามเลย เพราะคุณไม่สามารถจะกลัดใหม่ เพราะถ้ากลัดใหม่ก็เท่ากับคุณตบหน้าตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้จะมีเรื่องสงครามข่าวสารของรัสเซีย-ยูเครน และเราจะมีบุคคลหลายบุคคลที่พูดกรณีของรัสเซีย-ยูเครน มีท่าทีของคุณไตรรงค์ สุวรรณคีรี กับคุณปองพล อดิเรกสาร และมีรัสเซีย-ยูเครน ในสายตาหม่อมปลื้ม ตลอดจนบทบาทของคุณกษิต ภิรมย์ ที่โดนผู้สื่อข่าวต่างประเทศมาหาเรื่องคุณกษิต ภิรมย์ และผมจะพูดถึงเรื่องสงครามยูเครน จุดเริ่มต้นของการสิ้นสุดของเงินสกุลเปโตรดอลลาร์ หรือก็คือดอลลาร์นั่นเอง แต่ว่าเอามาใช้ซื้อพลังงาน ตอนนี้กำลังถูกสั่นคลอนอย่างหนัก แล้วผมจะเผยระเบิดเวลามหาวิกฤตเศรษฐกิจกระทบไทยแน่นอน พูดถึงเงินรูเบิลที่กำลังจะฟื้น วิกฤตผลไม้ส่งออกไปจีน อาหารการกินที่จะแพงขึ้นอย่างมหาศาลในครึ่งปีหลัง ห่วงโซ่อุปทานที่ขาด การผลิตอาหาร ไม่ว่าจะเป็นโรงงานอาหารสัตว์ ได้ปิดโรงงาน ปิดไลน์ผลิตไปเยอะแล้ว เพราะฉะนั้นผลิตผลอาหารสัตว์ที่นำไปเลี้ยงสัตว์ก็จะน้อยลง ก็เท่ากับว่าปริมาณของสัตว์ ไม่ว่าจะเป็นไก่ เป็นหมู หรืออะไรต่ออะไรที่จะไหลเข้ามาสู่ตลาด จำนวนจะลดน้อยลง แต่ความต้องการยังเท่าเดิม ราคาอาหารจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตระหนกตกใจ


ท่านผู้ชมครับ สงครามข่าวสารรัสเซีย-ยูเครน มันเกิดขึ้นมาแล้ว สิ่งที่เข้มข้นในเรื่องของรัสเซีย-ยูเครน นั้น ไม่ใช่ยุทธวิธีทางการทหารอย่างเดียว เป็นสงครามข้อมูลข่าวสารระหว่างสื่อกระแสหลัก ทางตะวันตก ยุโรป อเมริกา หรือสื่อรัสเซีย จีน หรืออิหร่าน ที่รายงานข่าวกันแบบหน้ามือ-หลังมือ ผู้ที่รับข่าวสารต้องใช้ปัญญาให้มากในการคิดวิเคราะห์ ว่าใครได้อะไรจากการรายงานข่าวแบบนี้

วันที่ 5 มีนาคม รัฐสภารัสเซียลงมติเป็นเอกฉันท์ อนุมัติร่างกฎหมายใหม่ที่กำหนดให้เผยแพร่ข้อมูลที่รัสเซียมองว่าเป็นข้อมูลปลอมโดยเจตนา มีความผิดทางกฎหมาย อาจจะต้องโทษจำคุก 3-15 ปี นอกจากนั้นแล้ว หน่วยกำกับสื่อรัสเซีย ชื่อ Roskomnadzor สั่งบล็อกเว็บไซต์สำนักข่าวต่างประเทศรัสเซีย 5 สำนัก โดยอ้างว่าสำนักข่าวเหล่านี้ได้เผยแพร่ข้อมูลเท็จ เช่น ข่าวการโจมตีพลเรือนยูเครนจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนการสูญเสียของกองทัพรัสเซีย ซึ่งจริง เพราะผมอ่านข่าวพวกนี้ทุกวัน แล้วผมก็เห็นว่าข่าวมันเวอร์มาก แล้วเดี๋ยวผมจะเอาข้อมูลให้ดูว่ามันโกหกอย่างไรบ้าง

การบล็อกข่าวดังกล่าวกระทบกระเทือนพวก BBC, Voice of America, Radio Free Europe, Radio Liberty, สถานีวิทยุเยอรมนี, สถานีวิทยุ Deutsche Welle (DW), เว็บไซต์ Meduza ในลัตเวีย ทั้งหมดนี้เป็นสื่อต่างประเทศและมีอิทธิพลในรัสเซีย อเมริกาเองก็ไม่ใช่ย่อย นี่คือประเทศที่อ้างว่ามีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น (Freedom of Speech) สั่งปิดสำนักข่าว RT ของรัสเซีย และสปุตนิก ของรัสเซีย แล้วไล่ปิดบัญชีนักข่าวจำนวนมาก ทั้งจากเฟซบุ๊ก จากทวิตเตอร์ และทั้งจากยูทูบ ที่เสนอข่าวตรงข้าม พอมีคนติดตามมากๆ ก็เลยสั่งปิดไปเลย

รัฐบาลอเมริกาเป็นคนกำหนดว่า เฟกนิวส์ คืออะไร โทษสถานเบาคือปิดบัญชีอย่างเบา ตอนหลัง CIA เอาทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดมาใช้เพื่อเบี่ยงเบนประเด็นว่าแผนต่างๆ และแก๊งนาโตอื่นๆ ทำเป็นแค่ทฤษฎีสมคบคิด ไม่ใช่เรื่องจริง ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง วันนี้มาดูตัวอย่างจะๆ เลย ที่สำคัญคือ สำนักข่าว หรือสถานีโทรทัศน์เมืองไทย หรือเพจของคนไทยบางคนที่ทำตัวเป็นพิธีกร เป็นกูรูรู้เรื่องต่างประเทศ ตกเป็นเหยื่อของสำนักข่าวทางตะวันตกไปหมด


เอาล่ะ เอาใหม่ ข่าวที่บอกว่ากองทัพรัสเซียโจมตีทางอากาศถล่มโรงพยาบาลแม่และเด็กในยูเครน 9 มีนาคม ที่ผ่านมา สื่อหลักตะวันตก รวมทั้งสำนักข่าวต่างประเทศ รายงานข่าวว่า รัสเซียโจมตีทางอากาศโรงพยาบาลแม่และเด็กในเมืองมาริอูโปล ทางตอนใต้ของยูเครน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 17 คน หลังจากนั้น สื่อรายงานว่า อเมริกาถือโอกาสออกมาประณามการทิ้งระเบิดของกองทัพรัสเซีย นางเจน ซาร์กี โฆษกทำเนียบขาว พูด มันน่าสยดสยอง ได้เห็นรูปแบบการใช้กำลังทหารอันป่าเถื่อนไล่ล่าพลเรือนผู้บริสุทธิ์ในประเทศอธิปไตยหนึ่ง

ท่านผู้ชมครับ ข่าวอีกด้านหนึ่งของฝั่งรัสเซีย เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ และสถานทูตรัสเซียในสหราชอาณาจักร โพสต์ทวิตเตอร์ยืนยันว่า เรื่องของโรงพยาบาลเด็กนี้เป็นเรื่องข่าวปลอม เพราะโรงพยาบาลเด็กนี้ถูกกลุ่มหัวรุนแรงในยูเครนเข้าควบคุมเพื่อใช้เป็นฐานทัพนานแล้ว


ไม่มีเด็ก ไม่มีหมออยู่ ไม่มีผู้ป่วยอยู่ รัสเซียได้รับคำเตือนเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนวัตถุประสงค์ไปเพื่อใช้ในการทหาร เอารูปมาให้ดูเลย จะเห็นรถถังจอดหน้าโรงพยาบาลเด็ก รูปแบบนี้ สื่อตะวันตกมันไม่เคยลงหรอก


วันที่ 11 มีนาคม ทวิตเตอร์ลบโพสต์ภาพสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำอังกฤษที่ทวิตออกมา บอกว่าข่าวนี้เป็นข่าวปลอม พร้อมกับรูปภาพ ว่าเหตุการณ์โจมตีโรงพยาบาลแม่และเด็กในเมืองมาริอูโปล เป็นข่าวปลอม ทวิตเตอร์มันบอกว่า โพสต์ของสถานทูตรัสเซียเป็นการละเมิดข้อตกลงของทวิตเตอร์เรื่องเกี่ยวกับการสร้างพฤติกรรมที่มุ่งร้ายและไม่ถูกต้องที่เกี่ยวกับการปฏิเสธอย่างรุนแรง

มาทางฝั่งรัสเซียบ้าง โฆษกกระทรวงกลาโหม นายอิกอร์ โคนาเชนคอฟ ระบุว่า เหตุระเบิดที่สร้างความเสียหายให้กับอาคารโรงพยาบาล เกิดจากอุปกรณ์ระเบิดที่ฝ่ายยูเครนติดตั้งขึ้นบริเวณใกล้เคียง และเขายืนยันว่า เป็นการจัดฉากยั่วยุเพื่อปลุกระดมการต่อต้านรัสเซียในตะวันตก

ท่านผู้ชมครับ สถานที่สำคัญในยูเครนส่วนใหญ่จะไม่มีประชาชนอยู่เลย ทุกคนอพยพออก ที่มี มีกองกำลังติดอาวุธ หรือกลุ่มนีโอนาซี เตรียมก่อเหตุ บางครั้งบังคับให้คนเข้าไปใต้อาคาร เตรียมสังหารประชาชนหากรัสเซียบุก แล้วสร้างสถานการณ์ให้ผู้ก่อเหตุ คือทหารรัสเซีย หรือทหารรัสเซีย ระเบิดสถานที่นั้นจริง เป้าหมายก็เพื่อสังหารกลุ่มนีโอนาซี ข่าวแบบนี้ช่องข่าวรัสเซียเสนอทุกวัน

พอกองทัพรัสเซียถล่มสถานที่เหล่านี้ สื่อตะวันตกก็รวมตัวกัน ไม่ว่าจะเป็น BBC จะเป็น CNN ไม่ว่าจะเป็น VOA (Voice of America) Voice of Free Europe ก็โอดครวญว่ากองทัพรัสเซียเหี้ยมโหด ยิงใส่แม้กระทั่งโรงเรียนเด็กอนุบาล ท่านผู้ชมครับ มันเป็นข่าวปลอม ข่าวเฟกนิวส์ ล่าสุด ที่มันมาก 13 มีนาคม 2565 หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ และวอชิงตันโพสต์ ท่านผู้ชมครับ หนังสือพิมพ์บ้านี้มันมีคนอ่านและให้ความเชื่อถือมาก ไฟแนนเชียลไทมส์ ของอังกฤษ วอชิงตันโพสต์ ของอเมริกา รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าจากเจ้าหน้าที่อเมริกันที่ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนว่า รัสเซียขออุปกรณ์และการสนับสนุนทางการทหาร ตลอดจนความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ จากจีน


วอชิงโพสต์ บอกว่า เจ้าหน้าที่อเมริการายดังกล่าว ซึ่งไม่ประสงค์จะเอ่ยนาม (ก็คือนั่งเทียนเขียนเอง) ไม่ได้ระบุด้วยว่าอาวุธที่รัสเซียร้องขอไปยังจีน และไม่ได้บอกว่าปักกิ่งตอบสนองต่อคำร้องขอแต่อย่างใด ท่านผู้ชมครับ โฆษกสถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน นายหลิว เผิงหยู ตอบกลับประเด็นนี้ว่า เป็นข่าวบิดเบือน ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน


14 มีนาคม นายจ้าว ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน แถลงว่า อเมริกามีเจตนาร้ายในการเผยแพร่ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับบทบาทของจีนในวิกฤตยูเครน โดยนายจ้าว ยืนยันว่า ปักกิ่งเรียกร้องให้รัสเซีย และยูเครน แก้ปัญหาด้วยการเจรจา และพร้อมเป็นตัวกลางให้ นอกจากจีนไม่เคยประณามการบุกยูเครนของรัสเซียโดยตรงแล้ว จีนยังย้ำว่า การพยายามขยายอิทธิพลด้านตะวันออกขององค์การนาโต เป็นต้นเหตุให้ความตึงเครียดระหว่างยูเครน กับรัสเซีย ลุกลามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และยังยืนยันว่า มิตรภาพจีน-รัสเซีย ยังคงแข็งแกร่ง ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง หลายๆ อย่างมันเป็นเรื่องของการข่าวปลอม ที่ทางตะวันตกจับมือกัน และร่วมมือกันเพื่อกระทืบรัสเซียอย่างเดียว

ท่านผู้ชมครับ รัสเซียเป็นประเทศที่ผลิตอาวุธอันดับต้นๆ ของโลก ทำไมรัสเซียจะต้องไปขออาวุธจากจีน มันเห็นชัดเจน คือต้องการแสดงให้เห็นว่ารัสเซียกำลังอ่อนแอ มีโอกาสล่มสลายสูง เพราะรัสเซียมีทรัพยากรทางทหารเพียงพอ ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ออกไปหลายประเทศ มีทั้งรถถัง เครื่องบินขับไล่ เครื่องบินรบ จรวด ขีปนาวุธ รัสเซียมีความจำเป็นอะไรต้องไปขอจีน นี่คือการสร้างข่าวปลอมในกลุ่มสื่อตะวันตก และเป็นเครือข่ายทั้งสิ้น


อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อรัสเซียบุกยูเครนแล้ว ก็ไปค้นพบแล็บอาวุธชีวภาพ 30 กว่าแห่ง ของจีนรายงานชัดเจนเลยว่า หลักฐานต่างๆ ที่เปิดโปงโดยรัสเซียดังกล่าว จากการค้นพบแล็บอาวุธชีวภาพ แสดงว่าอเมริกากำลังพยายามหาวิธีปล่อยอาวุธเคมีชีวภาพ โดยทำความสัมพันธ์ระหว่างนกอพยพกับการกระจายของไวรัส ถึงกับบอกว่า โรคซาร์สนั้นเกิดขึ้นที่ยูเครน รวมทั้่งเอาค้างคาวมาเป็นตัวทดลองไวรัสด้วย นอกจากนั้นแล้ว อเมริกา และประเทศตะวันตกบางประเทศรวบรวมและจัดส่งตัวอย่างทางชีวภาพไปทางยูเครน วิจัยด้านชีววิทยา มีเป้าหมายต่อกลุ่มประชากรต่างเชื้อชาติหลายกลุ่ม ท่านผู้ชมครับ ทางจีนยืนยันว่า เมื่อเผชิญกับหลักฐานที่เปิดเผยโดยรัสเซีย อเมริกาทำเหมือนไม่รู้ไม่ชี้ ปฏิเสธอย่างหน้าด้านๆ ว่าความกังวลดังกล่าวเป็นข้อมูลผิดๆ มันเพียงพอหรือ หากสหรัฐฯ ต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ก็ควรจะต้องอธิบายกิจกรรมทางการทหารด้านชีวภาพอย่างละเอียดและอย่างมีความรับผิดชอบ

ท่านผู้ชมครับ จากเหตุการณ์สงครามยูเครน และตัวอย่างข่าวเหล่านี้ ที่ผมยกตัวอย่างให้ฟัง เป็นส่วนน้อยให้เห็น ถือเป็นบทพิสูจน์หลายสื่อได้เผยธาตุแท้ว่ายืนอยู่ข้างไหน ไม่ว่าจะเป็นพวกสื่อที่อ้างว่าเป็นสื่อสาธารณะ BBC ของอังกฤษ NHK ของญี่ปุ่น VOA (Voice of America) ของอเมริกา หรือแม้กระทั่งสำนักข่าวระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นที่อ้างว่าไม่ฝักใฝ่การเมือง Reuters, AFP, AP, The Economist, Washington Post, CNN, Fox News, CNBC ท่านผู้ชมครับ พวกนี้มันรวมตัวกันปกป้อง เพราะสิ่งที่รัสเซียและจีนกำลังทำนั้น เป็นการไม่ยอมรับระเบียบโลกเก่าที่ทางตะวันตก หรือคนผิวขาว มาทำเป็นเจ้าผู้ครองโลก แล้วพยายามปกครองโลกด้วยคำสั่งตัวเอง ด้วยนโยบายของตัวเอง คือทุกอย่างที่กูทำ มึงต้องทำตามกู ถ้ามึงไม่ทำตามกู มีเรื่องกับกู

แม้กระทั่งสำนักข่าวอัลจาซีรอ (Al Jazeera) และเซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ (South China Morning Post) ซึ่งผู้สื่อข่าวคือฝรั่ง เดิมทีเสนอข่าวได้สมดุล แต่พอมากรณียูเครน แสดงธาตุแท้ให้เห็นว่ารับใช้ปรัชญาและผลประโยชน์ของตะวันตก


นี่ยังไม่นับถึงแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ยูทูบ อินสตาแกรม กูเกิล ที่ชัดเจนว่าเมื่อหลังชนฝาแล้วก็พร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อรับใช้ประเทศแม่ คืออเมริกา สามารถแหกกฎทุกอย่างได้ ทั้งความรุนแรง Hate Speech, Fake News เพื่อเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของรัสเซีย นี่คือบทเรียนหนึ่งที่ผมเรียนให้ท่านผู้ชมฟัง ว่าประสบการณ์ที่ผมเจอด้วยตัวเองจากการดูข่าวสองด้าน ทำให้ผมสรุปออกมาได้แบบนี้

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมานี้ ผมเป็นคนที่ติดตามข่าวเรื่องรัสเซีย กับ ยูเครน ทุกวันเลย และผมก็ไม่ได้ติดตามเฉพาะข่าวต่างประเทศอย่างเดียว และไม่ใช่เจ้าใดเจ้าหนึ่ง และไม่ใช่สื่อของทางตะวันตกอย่างเดียว ผมดูเว็บไซต์ของรัสเซีย RT (Russia Today) ผมดูเว็บไซต์ของโลกที่สาม ผมดู Global Times ของจีน ผมดู CNN และผมดูหลายๆ ท่าน ไม่ว่าจะเป็น BBC ไม่ว่าจะเป็น Al Jazeera นอกจากนั้นแล้ว ผมยังติดตามข่าวของคนที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นคนที่มีข้อคิดอะไรให้ผมได้ในเรื่องของรัสเซีย-ยูเครน อาทิตย์ที่แล้วผมมีคนอยู่ 3 คน ผมอยากจะพูดถึงบุคคล 3 คนนี้ ในอาทิตย์นี้ให้ท่านผู้ชมได้รับทราบ

คนแรก คือ คุณไตรรงค์ สุวรรณคีรี คนที่สอง คือ คุณปองพล อดิเรกสาร และคนที่สาม คือ หม่อมปลื้ม หรือ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล Voice TV

ผมดูแต่ละคนที่ออกความเห็นมาแล้ว ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นคนที่ไม่ปฏิเสธความคิดเห็นที่ต่างกันกับผม แต่ไหนแต่ไรแล้ว เป็นเพียงแต่ว่า จะมีความคิดเห็นที่ต่างกับผม และจะให้ผมยอมรับ ต้องมีทั้งข้อมูล ข้อเท็จจริง และต้องมีตรรกะต่างๆ ที่ผมยอมรับได้ แต่การออกมาพูดเพียงเพื่อปัดสวะ หรือสร้างภาพ นี่ผมรับไม่ได้ มีท่านผู้ชมบางท่านเคยถามผมในคอมเมนต์ ว่าคุณสนธิ เคยไปเรียนที่อเมริกามาไม่ใช่หรือ แล้วทำไมถึงว่าอเมริกาเยอะขนาดนั้น ผมก็อยากจะชี้แจงให้ฟังสักนิด ว่า ใช่ครับ ผมเรียนทั้งปริญญาตรี ปริญญาโท ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ปริญญาตรีนั้น ผมได้เกียรตินิยมอันดับสอง จากมหาวิทยาลัยทอปเทนในอเมริกา ปริญญาโท ผมได้ทุนไปศึกษาต่อคณะภาควิชาประวัติศาสตร์

เผอิญผมเป็นคนที่โชคดี ผมไปเรียนอเมริกาในยุคช่วงสงครามเวียดนามพอดี ช่วงนั้นสงครามในเวียดนามค่อนข้างที่จะรุนแรงมากพอสมควร อเมริกาเริ่มที่จะส่งเครื่องบิน B-52 บินจากอู่ตะเภา บินจากสนามบินอุดรฯ เพื่อไปถล่มลาว เขมร และเวียดนาม ก่อให้เกิดคนตายเป็นแสนๆ คน


ลาวเองก็มีระเบิดที่อเมริกาไปทิ้งเกือบๆ สองล้านลูก ที่ยังขุดไม่เจอ เผอิญในคณะภาควิชาประวัติศาสตร์ที่ผมเรียนอยู่ระดับปริญญาตรีนั้น มีอาจารย์ที่สอนอยู่ 2 สาย สายหนึ่ง เขาเรียกว่าสาย Traditional คือสายทั่วๆ ไป ก็คือว่า ประวัติศาสตร์ว่าอย่างไร ก็ย้อนประวัติศาสตร์ไปว่าอย่างนั้น ไม่เคยตั้งคำถาม แต่อีกสายหนึ่งเขาเรียกว่า สาย Revolutionist สายนี้คือคนที่ตั้งคำถาม ถามตลอดเวลาว่าคำถามหรือการชี้แจงของรัฐบาลอเมริกาในเรื่องเกี่ยวกับสงครามในเวียดนามนั้น ควรจะเชื่อหรือไม่ควรจะเชื่อ ที่ไม่ควรจะเชื่อ เพราะอะไร ทุกมหาวิทยาลัย คณะประวัติศาสตร์ หรือคณะรัฐศาสตร์การเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะมีอาจารย์ 2 สายแบบนี้มาตลอด

สองสายนี้ต่างกันตรงไหน ? ต่างกันตรงที่ว่า อย่างเช่น สายปกติธรรมดา หรือที่ผมเรียกว่า Traditional ก็คือว่า ทางการว่าอย่างไร ก็ว่าอย่างนั้น ก็จะมองการแพ้สงครามของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่าเป็นเพราะอเมริกาเอาระเบิดปรมาณูไปทิ้งที่ฮิโรชิมา และนางาซากิ ก็เลยทำให้ญี่ปุ่นต้องยอมแพ้ แต่สายที่เป็นสาย Revolutionist ซึ่งผมเรียนไปทางสายนั้นเสียส่วนใหญ่ อาจารย์ก็เอาข้อมูลมาให้ดู และต่อมาภายหลังข้อมูลทางประวัติศาสตร์หลายข้อมูลก็เลยถูกเปิดเผยออกมา เพราะในกฎหมายของสหรัฐอเมริกาบอกว่า เอกสารต่างๆ ที่ถือว่าเป็นเอกสารลับในยุคหนึ่ง ถ้าผ่านไปแล้ว 15-20 ปี เอกสารนั้นต้องเปิดเผยให้กับสังคมได้รับทราบ

เอกสารลับหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านไปแล้ว ก็ปรากฏออกมาใน Archive ของอเมริกา ในห้องสมุดอเมริกา ก็ปรากฏว่าไปคอนเฟิร์ม ไปยืนยันสายที่ผมเรียนมา ก็คือสาย Revolutionist ว่าถูกต้อง ไม่ผิด เพราะตอนนั้นญี่ปุ่นกำลังจะแพ้สงครามอยู่แล้ว เอกสารระบุชัดเจนว่ารายงานข่าว ข้อมูลต่างๆ ถูกส่งไปที่ประธานาธิบดีทรูแมน แจ้งให้ทราบว่าญี่ปุ่นพร้อมที่จะแพ้แล้ว ญี่ปุ่นไม่มีกำลังที่จะมาต่อต้านอเมริกา คือพูดง่ายๆ ว่า อเมริกาแค่เป่าแรงๆ ญี่ปุ่นก็ล้มแล้ว


แต่อีกสายหนึ่งก็บอกว่า ที่ผมเรียนมา ก็บอกว่า ประธานาธิบดีทรูแมน และบรรดาทหารทั้งหลายที่เป็นที่ปรึกษาของประธานาธิบดีทรูแมน บอกประธานาธิบดีทรูแมน ว่า อย่ารับการยอมแพ้ของญี่ปุ่น เรายังมีระเบิดปรมาณูที่เราคิดค้นขึ้นมา เรายังไม่ได้ทดลอง เราทดลองกับญี่ปุ่นก่อนดีไหม คือเราทิ้งระเบิดไปเลย ตูม ทิ้งลูกแรกลงไป ปรากฏว่ายังไม่พอ ยังจะบอกต่ออีกว่า ต้องเอาให้ชัวร์ว่าลูกที่สองเวิร์กเหมือนกัน นั่นคือที่มาของการทิ้งระเบิดที่เมืองฮิโรชิมา และนางาซิกิ


ท่านผู้ชมครับ และนี่คือความอัปลักษณ์ของประวัติศาสตร์ที่ ณ วันนั้น เวลานั้น ไม่มีใครสามารถจะทำอะไรได้ หรือจะพูดได้ แต่เวลาผ่านไปสักพักหนึ่งแล้ว ความจริงมันจะปรากฏขึ้นมา หรือแม้กระทั่งการที่อเมริกาตัดสินใจที่จะทิ้งระเบิดโดยใช้เครื่องบิน B-52 บินจากประเทศไทย ทางภาคตะวันออก (อู่ตะเภา) และทางภาคอีสาน (อุดรธานี) เพื่อไปถล่มเวียดนาม ก็ด้วยเหตุผลข้อเดียว เพราะเขาบอกว่าเวียดนามเหนือ หรือเวียดกง ยั่วยุอเมริกาด้วยการยิงระเบิดใส่เรือรบของอเมริกา ถ้าผมจำไม่ผิด ชื่อ แมดด็อกซ์ (Maddox)


ก็ปรากฏว่าหลังจากนั้นแล้ว อีกสักพักหนึ่ง ข้อมูลข้อเท็จจริงก็เริ่มหลุดออกมาว่า เรือที่อเมริกาส่งเข้าไปยิงเรือรบอเมริกานั้น คือเรือของอเมริกาเอง เพื่อยั่วยุ เพื่อให้เห็นว่าเวียดนามยั่วยุอเมริกา อเมริกาจำเป็นต้องตอบโต้ด้วยการส่งเครื่องบิน B-52 เข้าไปทิ้งระเบิดในเวียดนาม

กรณีรัสเซีย กับ ยูเครน ก็เช่นกัน ผมจะขอพูดถึง ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก่อนดีกว่า ดร.ไตรรงค์ เป็นนักการเมืองอาวุโส และเป็นรุ่นพี่ที่ผมเคารพนับถือมานานแล้ว เป็นคนที่ตรงไปตรงมา และเป็นคนที่ไม่เกรงกลัวใครก็ตาม หรือกระแส เพราะว่า ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี เป็นคนที่อ่านหนังสือมาก ศึกษาประวัติศาสตร์มาก


ดร.ไตรรงค์ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีรัสเซีย-ยูเครนไว้น่าสนใจมาก ท่านบอกว่า "คนในโลกตะวันตกและสหรัฐฯ จะโชคร้ายหน่อย เพราะถูกบังคับให้ฟังข่าวเพียงด้านเดียว เพราะข่าวต่างๆ จากทีวีของรัสเซียจะถูกห้ามให้ประชาชนของโลกตะวันตกและสหรัฐฯ ฟังอย่างเด็ดขาด เป็นกลไกที่ถูกใช้เพื่อให้ชาวโลกส่วนหนึ่งมองเห็นรัสเซียเป็นปีศาจ เป็นยักษ์เป็นมารให้ได้ แต่คนไทยโชคดี ที่เราสามารถจะรับฟังข่าวทางทีวีได้ทั้ง 2 ด้าน คือฟังข่าวได้ทั้งช่อง CNN และช่อง RT (ของรัสเซีย)"

จากการพยายามนั่งฟังข่าวทั้ง 2 ด้าน คุณไตรรงค์ ให้ความเห็นว่า "ในประเทศยูเครนนั้น มีอยู่ 2 แคว้นที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นคนที่มีเชื้อชาติรัสเซียเหมือนชาวรัสเซียส่วนใหญ่ของประเทศ แคว้นดังกล่าวคือ แคว้นลูแกนส์ (LUGANSK) และแคว้นโดเนตส์ (DONETSK) ซึ่งมีประชากรรวมกันประมาณ 4 ล้านคน ในขณะที่คนเชื้อสายยูเครนทั้งประเทศยูเครนมีประมาณกว่า 40 ล้านคน เราจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อมีการเลือกตั้งในทุกๆ ครั้งเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกรัฐสภาจะต้องเป็นชนเผ่ายูเครนมากกว่าชนเผ่ารัสเซียหลายเท่าตัว ซึ่งประเด็นนี้เป็นหนึ่งในต้นเหตุที่ทำให้เกิดการข่มเหงรังแกกันในการออกกฎหมาย รวมทั้งการออกกฎหมายว่าด้วยการจัดการงบประมาณแผ่นดินที่ไม่มีความเป็นธรรม กล่าวได้ว่า การเลือกปฏิบัติในการบริหารของรัฐบาลมีความอยุติธรรมนานัปการ ซึ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นตราบใดที่ผู้ที่มีอำนาจมากกว่ามิได้ยึดหลักว่า ที่ใดมีน้อยจงให้มาก" ก็คือพูดง่ายๆ ว่ายึดเสียงข้างมาก


คุณไตรรงค์ พูดต่อว่า "ชาวรัสเซียใน 2 แคว้นดังกล่าวจึงต้องการแยกตัวออกไปเป็นประเทศเอกราช ไม่อยากอยู่ใต้บังคับของชาวยูเครนอีกต่อไป จึงมีการจัดตั้งกองทัพปลดแอกของพวกตนขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับกองทัพของพวกยูเครนในการขอเอกราช การปราบปรามอย่างเหี้ยมโหดโดยกองทัพของยูเครนจึงเกิดขึ้น"

คุณไตรรงค์ บอกว่า "นับจากปี 2557 (ค.ศ. 2014) จนถึงปัจจุบัน ชาวรัสเซียใน 2 แคว้น ถูกฆ่าตายไปมากกว่า 14,000 คน ในจำนวนนี้มีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนชรา รวมอยู่ด้วยจำนวนมาก เพราะทหารในกองทัพของยูเครนมีทัศนคติแบบนาซีของฮิตเลอร์ เรียกกันว่า NEONAZI นีโอนาซี ที่เชื่อว่าเชื้อชาติของชนเผ่ายูเครน นั้นมีเลือดที่ทำให้ชนเผ่าของตนอยู่เหนือชนเผ่าอื่นๆ"

วันที่ 13 พฤษภาคม 2564 สำนักข่าว TASS ของรัสเซีย มีรายงานว่า นายดมิทรี กูเลบา (Dmitry Kuleba) รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน ออกมายอมรับระหว่างเยือนสโลวาเกีย ว่า ความขัดแย้งของดอนบาส ของยูเครนนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วเกือบสองหมื่นคน เขายอมรับ และเขาก็โพสต์ขึ้นเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศ

ในเวลานั้น (นี่คือสิ่งที่คุณไตรรงค์ พูดนะ) รัฐบาลเคียฟต้องการจะเป็นสมาชิกของนาโต อ้างว่ากระแสสนับสนุนยูเครนเข้าเป็นสมาชิกของนาโตและสหภาพยุโรปในหมู่ชาวยูเครนนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ "โดยเฉพาะชนเผ่าที่เป็นชาวรัสเซีย 4 ล้านคนใน 2 แคว้นดังกล่าว การรบบนพื้นดินจึงมีการฆ่าตัดคอชาวรัสเซียจำนวนมากที่ถูกจับได้แล้วฝังศพเอาไว้กระจายอยู่ทั่วไป การรบทางอากาศ ก็จะมีเครื่องบินหย่อนระเบิดลงทำลาย สนามบิน ศูนย์การค้า บ้านเรือน ที่อยู่อาศัย โรงเรียนและโรงพยาบาล"

"เป็นเรื่องที่น่าเศร้า เพราะแท้จริงแล้วชนเผ่ายูเครนและชนเผ่ารัสเซียล้วนมีกำเนิดมาจากเผ่าสลาฟ (SLAV) เหมือนกัน นับถือศาสนาคริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ (Orthodox) เหมือนๆ กัน แต่ภาษาที่ใช้วัฒนธรรมประเพณีและหน้าตาอาจจะแตกต่างกันไปบ้าง เปรียบได้เหมือนคนภาคเหนือของประเทศไทย กับคนภาคอีสานของประเทศไทย"

คุณไตรรงค์ พูดต่อว่า "การปราบปรามของกองทัพยูเครนที่กระทำต่อชาวรัสเซียใน 2 แคว้นดังกล่าว จะโหดร้ายขาดมนุษยธรรมเพียงใด โลกตะวันตกที่ต้องการเป็นเจ้าโลกเพียงผู้เดียว ก็จะช่วยกันปกปิดข่าวที่เป็นจริงดังกล่าวมิให้ประชาชนของพวกเขาได้รับรู้ในพฤติกรรมที่เรียกกันว่าการล้างเผ่าพันธุ์" (ซึ่งเกิดขึ้นมาโดยชาวยูเครนที่ตะวันตกหนุนหลัง)


"ชนเผ่ารัสเซียใน 2 แคว้น ก็ได้รวมตัวกันประกาศเอกราช ตั้งชื่อประเทศใหม่ของตนว่า สาธารณรัฐดอนบาส (DONBASS) แม้ชาวตะวันตกจะถูกปิดหูปิดตา แต่ชาวรัสเซียทั้งประเทศรู้ความจริงโดยตลอด รัฐบาลของรัสเซียอยู่ในฐานะที่ทนต่อไปอีกไม่ไหว จึงประกาศรับรองเอกราชของสาธารณรัฐดอนบาส และเมื่อรัฐบาลของสาธารณรัฐดอนบาสขอความคุ้มครอง รัฐบาลรัสเซียจึงส่งกองทัพกรีฑาเข้าไปทำสงครามกับกองทัพของยูเครนเพื่อปกป้องชีวิตของชนเผ่ารัสเซีย และฉวยโอกาสสกัดดาวรุ่งอย่างยูเครนที่ยอมทำตัวเป็นหอกข้างแคร่ให้กับชาวตะวันตกทิ่มแทงรัสเซีย อันจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประเทศรัสเซียในอนาคตอย่างแน่นอน"

"การดิ้นรนหนีการถูกรังแก จนถึงขั้นประกาศแยกตัวเองออกไปเป็นประเทศเอกราช ได้เกิดขึ้นมาแล้วมากมายในอดีต ประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติย่อมซ้ำรอยเสมอ เพราะมนุษย์ที่รู้ประวัติศาสตร์แต่ไม่เคยจดจำ ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก ตามกิเลสตัณหาที่พาไป ชาวติมอร์ขอแยกตัวเป็นประเทศเอกราชจากอินโดนีเซียก็เพราะเหตุนี้ ชาวปากีสถานตะวันออกขอแยกตัวออกจากประเทศปากีสถานกลายเป็นประเทศบังกลาเทศก็เพราะเหตุนี้ ชาวปารากวัย (PARAGUAY) แยกตัวจากการยึดครองของชาวบราซิลเพื่อเป็นประเทศเอกราชในปี พ.ศ. 2417 ก็เพราะเหตุนี้"

"ที่ใดมีการรังแกกัน ที่ใดมีแต่ความอยุติธรรม พวกมากเหยียบย่ำหัวใจของพวกที่มีจำนวนน้อยกว่า ก็จะมีการแยกตัวออกไปหาความอิสระที่มีมากกว่า เข้าลักษณะที่โบราณพูดไว้ว่า คับที่อยู่ได้คับใจอยู่ยาก"

คุณไตรรงค์ บอกว่า "ในประเทศไทยของเราในปัจจุบัน ลองสำรวจตัวเองกันให้ดีเถิด สาเหตุของการมีจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรคเปลี่ยนแปลงกันโดยตลอด บางพรรคมี ส.ส. หรือ อดีต ส.ส. ลาออกเป็นรายบุคคล บางพรรคมีการยกพวกลาออกเป็นกลุ่มบุคคลเพื่อไปตั้งพรรคใหม่ ทั้งที่เคยเกิดขึ้นแล้วและยังกำลังจะเกิดขึ้นอีกมากมายในอนาคตอันใกล้

ศึกษากันให้ดีอย่าเข้าข้างตัวเอง ก็จะพบว่า คำโบราณที่พูดไว้ว่า คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก เป็นสาเหตุสำคัญสาเหตุหนึ่ง นอกเหนือจากการออกไปเพราะเห็นแก่กล้วยที่มีมากกว่าของนักการเมืองบางประเภทที่ถ่วงความเจริญและความมั่นคงของประเทศอยู่ในปัจจุบัน" คุณไตรรงค์ เขาพูดอย่างนี้นะครับ

คุณไตรรงค์ เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญทางการเมืองมาก และมีความรู้ความสามารถอย่างสูง จบธรรมศาสตร์ สาขาเศรษฐศาสตร์ จบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยฮาวาย ประเทศอเมริกา และปริญญาเอกสาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาวาย ในปี 2518

ประเด็นที่ผมจะพูดถึงคุณไตรรงค์ เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง จบ ม.ธรรมศาสตร์ ไปจบโท-เอก จากเมืองนอก ที่อเมริกา กลับจากเมืองนอกมาเป็นอาจารย์ธรรมศาสตร์ เลขานุการส่วนตัวของ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ แต่คุณไตรรงค์ มิได้มีใจฝักใฝ่ฝรั่ง เอียงข้างอเมริกา หรือรับข้อมูลจากสื่อตะวันตกเพียงข้างเดียว แต่มีการรับข่าวสารรอบด้าน และรักชาติ เข้าใจสถานการณ์โลก เข้าใจประวัติศาสตร์ และเข้าใจสถานการณ์บ้านเมืองอย่างลึกซึ้ง ไม่ตื้นเขินเหมือนข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศบางคน นักการเมืองไทยบางคน สื่อมวลชนไทยบางคน อาจารย์มหาวิทยาลัยบางคนที่เรียนมาจากตะวันตก แต่ทำตัวยิ่งกว่าฝรั่งตะวันตก หรือที่ผมเปรียบว่าเป็นหมาชิวาว่าของฝรั่ง


มาอีกคน คือ คุณปลื้ม หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล ก่อนจะเล่าเรื่องบทบาทของคุณปลื้ม ที่ตีความวิเคราะห์ปัญหารัสเซีย-ยูเครน ผมจะเล่าประวัติคุณปลื้ม ก่อน

คุณปลื้ม จะเป็นคนอย่างไรก็ตาม แต่แกได้รับการศึกษาตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา จากรัฐออริกอน สหรัฐอเมริกา ไปจบปริญญาตรีรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน ในสหรัฐอเมริกา ที่เดียวกับ ดร.ชัยอนันต์ จบปริญญาโทความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับสูงๆ ที่ติดชื่ออันดับต้นๆ ของอเมริกา

คุณปลื้ม เป็นสื่อมวลชนไทยที่รู้จักตะวันตกดีพอ จะเป็นตัวของตัวเอง คุณปลื้ม ไม่ติดกรอบหรือกลลวงของสื่อตะวันตก ท่ามกลางกระแสสื่อหลักของไทยที่รายงานข่าวตามชาติตะวันตก อเมริกา อังกฤษ ด้วยการยืนทุกอย่างอยู่ข้างยูเครน แล้วก่นด่าประณามรัสเซีย คุณปลื้ม ซึ่งอยู่ที่ Voice TV ซึ่งมีความเห็นตรงกันข้ามกับบรรดาพิธีกรทั้งหลายที่อยู่ใน Voice TV พิธีกรหลายคนที่มีความเห็นต่อต้านรัสเซียนั้น หลายคนไม่ได้จบจากเมืองนอกเมืองนามา แต่จำขี้ปากฝรั่งมาพูด ผมยังไม่แน่ใจเลยว่าบางคนรับเงิน NED หรือ CIA มาหรือเปล่า แต่คุณปลื้ม ในรายการ The Daily Dose ยามเช้า เป็นมุมมองของคุณปลื้ม ซึ่งอยู่ในช่อง Voice TV เช่นเดียวกัน ผมได้ดูแล้ว และผมยอมรับว่าคุณปลื้ม มองเหตุการณ์และสถานการณ์ต่างประเทศกรณียูเครน ผมต้องถือว่าคุณปลื้ม เข้าใจอย่างลึกซึ้งกว่าสื่อมวลชนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ ทั้งๆ ที่คุณปลื้ม ได้รับการศึกษาจากอเมริกามาตั้งแต่เด็กเลย


ประเด็นที่คุณปลื้ม ยกมาพูดในรายการ ผมเห็นด้วย ยกตัวอย่าง คุณปลื้ม ให้ความเห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเพราะอเมริกาไปยุ่งกับการเมืองที่ยูเครน จนยูเครนเกิดความโกลาหลถึงขั้นที่วันนี้มีผู้นำยูเครนที่ท้าทายอำนาจรัสเซีย จนรัสเซียบุกเข้ามา คุณปลื้ม บอกว่า ทุกวันนี้เซเลนสกี ชนะในสงครามโฆษณาชวนเชื่อและสื่อสังคมออนไลน์ อย่างเช่นเรื่องรัสเซียโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ เป็นข่าวปลอม ซึ่งก็จริง เพราะรัสเซียที่รุกคืบช้าๆ เพราะว่าเขาต้องการจะยึดโรงงานนิวเคลียร์ เขาไม่ต้องการทำลาย เขาจะไปโจมตีโรงงานนิวเคลียร์ได้อย่างไร แล้วเฟกนิวส์ของตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น CNN หรือข่าวอะไรก็ตามที่มาจากทางตะวันตก ที่บอกว่ารัสเซียโจมตีโรงเรียนอนุบาล โรงพยาบาล ในข้อเท็จจริงก็คือว่า ทั้งโรงเรียน และโรงพยาบาลนั้น ไม่มีคนอยู่แล้ว อพยพกันไปหมดแล้ว แล้วทางยูเครนก็ไปตั้งกองกำลังอยู่ในโรงพยาบาล และโรงเรียน เมื่อรัสเซียโจมตีโรงเรียน/โรงพยาบาล ที่มีทหารยูเครนอยู่ โดยไม่มีคนไข้ หรือหมอ หรือเด็กอยู่ ก็ประกาศออกมาทาง CNN, BBC ว่ารัสเซียโหดเหี้ยม อำมหิต โจมตีโรงพยาบาล และโรงเรียนอนุบาล นี่คืออิทธิพลของสื่อทางตะวันตก

คุณปลื้ม พูดอีกว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องความขัดแย้งกลายเป็นสงครามบานปลาย เป็นคนก่อเรื่อง แต่คนที่รับเคราะห์ก็คือประชาชนชาวยูเครน คุณปลื้ม ยังบอกว่า เซเลนสกี ต้องเลิกคิดว่านาโตจะเข้ามาช่วยแล้ว เลิกเพ้อเจ้อ และเลิกคิดถึงเรื่องการห้ามบิน (No Fly Zone) คุณปลื้ม พูดอย่างนี้ครับ ผมอ้างคำพูดของคุณปลื้ม No Fly Zone ผลข้างเคียงคืออะไร ? คือให้อเมริการบกับรัสเซีย คุณจะบ้าหรือเปล่า มันไม่คุ้มให้ยูเครนเสียความเป็นเอกราช ก็เสียความเป็นเอกราชมันไม่ใช่เรื่องที่คุณจะชักจูงให้รัสเซีย อเมริกา และเยอรมนี กับอังกฤษ ไปรบกันที่นั่น ไม่ต้องมาเสนอ No Fly Zone เพราะไม่มีใครเขาเอา

"ยูเครนสูญเสียความเป็นเอกราชไปแล้ว คุณจะเอาโลกไปรบกันเพื่อยูเครน ไม่เอาฮะ มันไม่คุ้ม"


โดยสรุปแล้ว คุณปลื้ม พูดถึงเรื่องรัสเซีย-ยูเครน หลายคลิป โดยมีท่าทีต่อสงครามรัสเซีย-ยูเครน แบบไม่ได้เลือกข้างสหรัฐฯ และยูเครน แล้วเห็นด้วยว่าไม่ควรจุดไฟให้กรณียูเครนนั้นกลายเป็นสงครามใหญ่ แพร่ขยายไปทั่วโลก วิถีทาง ทางออก ยูเครนในฐานะประเทศติดกับรัสเซีย ควรจะเป็นชาติที่แสดงความเป็นกลาง อย่างฟินแลนด์ เบลเยียม โดยไม่ต้องเข้าร่วมนาโต ไม่เป็นฐานให้กับนาโต และไม่เป็นศูนย์วิจัยทางชีวภาพ หรืออาวุธชีวภาพ หรือเป็นเมืองขึ้นแบบเนียนๆ ต่ออเมริกา โดยปล่อยให้อเมริกาหรือทางตะวันตกมาตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดได้

จากคุณไตรรงค์ สุวรรณคีรี มาถึงคุณปลื้ม คนสองคนนี้แบ็กกราวนด์ได้รับการศึกษาจากต่างประเทศ ทางตะวันตก อเมริกา เหมือนกัน แต่แนวความคิดทางการเมืองไม่เหมือนกัน แต่เมื่อวิเคราะห์เหตุการณ์ในกระบวนการพื้นฐานความเป็นจริง ทั้งสองคนถึงจะมีแนวความคิดทางการเมืองในประเทศไม่เหมือนกัน ก็ยังคิดเหมือนกัน เหตุผลเพราะว่าตรรกะ เหตุผล และข้อเท็จจริงนั้นมันเป็นสิ่้งที่ปฏิเสธไม่ได้

ท่านสุดท้าย คือ คุณกษิต ภิรมย์ ประเด็นคืออะไร ?


คุณกษิต ภิรมย์ ไปรับเชิญของสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศแห่งประเทศไทย จัดเสวนาในข้อ "What does Russia's invasion of Ukraine mean for Thailand and Southeast Asia" แปลเป็นไทยก็คือ การรุกรานยูเครนของรัสเซียมีความหมายอะไรกับประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก็คือพูดง่ายๆ ว่าสมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศฯ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้จัก FCCT สมัยก่อนผมเคยไปปราศรัย และผมเคยไป FCCT ที่ฮ่องกงด้วย สมาคมฯ นี้ก็คือที่รวมของพวกนักข่าวฝรั่งไม่มีอะไรทำ แล้วมาโชว์เท่ โชว์เก๋ เชิญคนโน้นคนนี้มาฟัง ใครที่ด่ารัฐบาลไทยเก่ง ไม่ว่าจะเป็นธนาธร หรือจะเป็นใครก็ตาม หรือรังสิมันต์ โรม มันก็โชว์ไป อย่างเช่นเรื่องกรณี 112 มันก็จงใจเชิญพวกที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้าม 112 มา

คุณกษิต ภิรมย์ คำถามที่มันถามว่า การรุกรานยูเครนของรัสเซียมีความหมายอะไรต่อประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ? ลึกๆ แล้วก็คือมันต้องการให้คุณกษิต ภิรมย์ พูดว่า เราต้องเข้ามารวมตัว มันจะมีความหมาย เพราะตอนนี้จีนกำลังทำตัวเหมือนรัสเซีย ก็คือพูดง่ายๆ ว่า การรุกยูเครนของรัสเซียทำให้ประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ต้องระวังประเทศจีนให้มากขึ้น นั่นคือนัยของมัน ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ไอ้พวกนี้งานการไม่ทำ มาเป็นตัวแทนผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น สำนักข่าว AP เอย โน่นนี่นั่น งานเสวนาเชิญนายกันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ นาย Nigel Gould-Davies นักวิชาการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ ของพวกหน่วยสืบราชการลับของอังกฤษ นายกษิต ภิรมย์

ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์
ตอนหนึ่ง คุณกษิต กล่าวถึงประเด็นในประวัติศาสตร์และสาเหตุสงครามยูเครน ที่ชาติตะวันตก โดยเฉพาะอเมริกา ที่ผลักดันนายปูติน และรัสเซีย เข้าสู่มุมอับ ติดอาวุธให้ยูเครนมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเป็นความจริงท่านผู้ชม ที่คุณกษิต ภิรมย์ พูด

คุณกษิต ภิรมย์ ท่านเป็นอดีตข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และตำแหน่งสุดท้ายที่ท่านเป็น คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ท่านฉลาด ผมรู้จักท่านดี ท่านอ่านเกมการเมืองออก เพราะท่านพูดเรื่องนี้ปั๊บ ท่านพูดว่าท่านเคยเป็นเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย 3 ปี ท่านบอกว่าท่านรู้ว่ารัสเซียมีความทุกข์ยากอย่างไรในประวัติศาสตร์ ทำให้มีนักข่าวตะวันตกไม่พอใจ ก็พูดแทรกขึ้นเป็นระยะๆ


คือไม่ให้เกียรติเขาเลย คุณกษิต ก็เลยบอกว่า ให้ผมกล่าวให้เสร็จก่อน ถ้าไม่พอใจก็ไปชกกันข้างนอกได้ และกล่าวเตือนนักข่าวต่างประเทศว่า กรุณาใช้ความสุภาพด้วย แล้วปรากฏว่าใครรู้ไหมที่เข้ามาห้าม ? โจนาธาน เฮดต์ นักข่าว BBC ผู้ดำเนินรายการ เข้ามาห้ามปรามนักข่าวต่างประเทศ มีเวลาถาม/แสดงความเห็น หลังจากที่คุณกษิต ได้พูดจบแล้ว เห็นหรือยังท่านผู้ชม ไม่รู้จะรับเชิญไปทำไม เพราะสมาคมฯ นี้มันเป็นเครื่องมือของตะวันตก ตอนนี้มันฮั้วกันหมดเลยทุกอย่าง เป็นเรื่องของตะวันตกจริงๆ


คุณปองพล อดิเรกสาร ทำไมผมต้องพูดถึงคุณปองพล อดิเรกสาร ? ที่ผมพูด เพราะว่าคุณปองพล อดิเรกสาร ได้วิพากษ์วิจารณ์เอกสารยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของอเมริกา ซึ่งเผยแพร่โดยทำเนียบขาว ผมเคยพูดเรื่องนี้ว่า ประเทศอเมริกา โดยโจ ไบเดน ระบุว่าประเทศไทยเป็น 1 ใน 5 พันธมิตรสำคัญ ร่วมกับออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ พูดง่ายๆ ก็คือว่า ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของอเมริกานั้นก็คือการปิดล้อมจีนนั่นเอง พอผมเอาเรื่องนี้มาออกรายการ ว่าประเทศไทยถูกโจ ไบเดน อ้างชื่อว่าเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก เพื่อปิดล้อมจีน แล้วผมก็ถามว่าทำไมประเทศไทยถึงไม่ออกมาปฏิเสธ หรือว่าในข้อเท็จจริงแล้วยอมเป็นหมาพันธุ์ชิวาว่าของอเมริกา บอกให้เข้ามาร่วมเห่า ก็เห่าตาม

พอผมเอาเรื่องนี้มาออก หลังจากนั้น ท่านใหม่ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล ก็ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กย้ำเตือนเรื่องนี้ ท่านใหม่บอกว่า "ประเทศไทยต้องไม่เป็นยูเครนสอง อย่าคิดทำลายมิตรภาพที่ดีระหว่างประเทศจีน และประเทศไทย ไปหลงเชื่อพวกคนแดนไกล ขณะนี้ประเทศไทยเรา รัฐบาลเรา ก็ประพฤติปฏิบัติอย่างเดียวกันกับยูเครน นั่นคือ ได้ไปทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ก่อตั้งพันธมิตรตามยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ในการต่อต้านภัยคุกคามจากจีน โดยจะมีญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ เข้ามาผสมโรงด้วย"


ท่านใหม่ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล พูดว่า "พูดง่ายๆ ก็คือ เอาประเทศไทยเข้าเป็นพันธมิตรกับอเมริกา ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ของนาโต และสมุนบริวารเพื่อตั้งตัวเป็นศัตรูกับจีน ต่อต้านจีน กระทั่งอาจเตรียมที่จะทำสงครามกับจีนด้วย (หวังว่าคงไม่เป็นเช่นนั้น)"

"ไปตั้งความตกลงนี้กันอย่างปกปิดเงียบเชียบ โดยคนไทยทั้งประเทศไทยไม่มีใครรู้เห็น จนกระทั่งสถานทูตสหรัฐฯ นำข้อตกลงนี้ออกมาเผยแพร่ คนไทยจึงเพิ่งรับรู้กันในระยะไม่กี่วันมานี้ จึงมีการกล่าวขานกันอย่างกว้างขวางว่า นี่คือการกระทำที่ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน อย่างเดียวกันกับยูเครน"

ท่านใหม่ พูดต่อ "ไม่สำเหนียกเลยว่าประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-จีน นั้นมีแต่ความเป็นพี่น้องกัน ไม่มีครั้งไหนที่ไทยเดือดร้อนแล้วจีนจะไม่ให้ความช่วยเหลือ ไม่ว่าจากศึกเหนือเสือใต้หรือจากภัยพิบัติ หรือจากปัญหาเศรษฐกิจ จีนก็เอื้อเฟื้อช่วยเหลือตลอดมา ไม่เคยกระทำการใดๆ ที่เป็นภัยต่อประเทศไทยเลย แม้กระนั้นก็มิได้สำนึกในบุญคุณ กลับทรยศต่อมิตรไปคบคิดกับคนแดนไกล (อเมริกา) มาก่อความขัดแย้งใหญ่ขึ้นในภูมิภาค ในพระราชอาณาจักรเรา ที่มีแต่ความสงบสุขมาเป็นเวลากว่าร้อยๆ ปี"

ท่านใหม่พูดต่อว่า "ประเทศไทย ไม่เคยสำเหนียกเลยว่า เคยถูกเขาชวนไปรุกรานประเทศอื่นจนแพ้ย่อยยับมาไม่รู้กี่ครั้ง ไม่ว่ายกทัพไปรุกรานเกาหลี ไปฆ่าฟันชาวเกาหลีนับแสน ยกทัพและให้ใช้ดินแดนไทยไปรบกับเวียดนามทำลายบ้านเรือนและประเทศเวียดนามย่อยยับ เข่นฆ่าชาวเวียดนาม ลาว และกัมพูชานับล้านคนและพ่ายแพ้ยับเยินมาแล้ว มาถึงวันนี้คิดจะร่วมกับประเทศแดนไกลไปต่อต้านสร้างความขัดแย้งกับจีน โดยมิได้สังวรเลยว่าจีนนั้นเป็นประเทศใหญ่ มีแสนยานุภาพเข้มแข็งเกรียงไกรระดับโลก มีพันธมิตรที่แน่นแฟ้นไม่ว่ารัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ และอีกหลายสิบประเทศทั่วโลก ไม่สำเหนียกเลยว่าแค่ไปรบกับเวียดนามก็แพ้ยับเยิน หากจะรบกับจีนและพันธมิตรจะไม่สิ้นชาติสิ้นแผ่นดินดอกหรือ"

ท่านใหม่ พูดต่อ "บัดนี้ตัวอย่างในยูเครนเห็นชัดอยู่แล้ว คนไทยทั้งประเทศต้องไม่ปล่อยให้ใครชักพาประเทศไทยเข้าสู่วังวนของความขัดแย้งที่กำลังเดินตามยูเครนโดยเด็ดขาด ใครชักศึกเข้าบ้านคือ อริราชศัตรู และเป็นศัตรูของคนไทยทั้งประเทศ ดังนั้นเพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของชาติบ้านเมือง คนไทยทั้งประเทศจะต้องร่วมกันปฏิเสธการตั้งตัวเป็นศัตรูกับจีนในทันที ผู้นำรัฐบาลไทยต้องขับไล่ตัวยุยง และตัวโง่ออกไปจากหัวสมองมั่ง แล้วฟังเสียงประชาชนให้มาก ประชาชน นักวิชาการที่ฉลาดๆ ที่รักชาติบ้านเมือง มีมากกว่าคนในรัฐบาล" นั่นคือคำพูดของท่านใหม่ หม่อมเจ้าจุลเจิม ยุคล


ท่านผู้ชมครับ พอท่านใหม่เผยแพร่โพสต์นี้ออกไป คุณปองพล อดิเรกสาร ออกมาแก้ตัวแทนรัฐบาล บอกว่า "เอกสารนี้แค่บอกยุทธศาสตร์และนโยบายของสหรัฐอเมริกาต่อเอเชียและแปซิฟิกโดยรวมเท่านั้น ไม่มีกล่าวถึงไทยโดยเฉพาะ พูดถึงหลักการของความสัมพันธ์กับอาเซียนเท่านั้น ไม่ใช่สนธิสัญญาที่มีการลงนามอะไรเลย"

ท่านผู้ชมครับ คุณปองพล ครับ ด้วยความเคารพที่ผมรู้จักคุณปองพล มานานแล้ว ผมเรียกแกว่าพี่ป๊อก ในความเป็นจริงครับคุณปองพล หลักฐานมีอยู่อย่างชัดเจน คือ พล.อ.ประยุทธ์ ไปลงนามใน Joint Statement ว่าเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศร่วมกับรัฐบาลอเมริกามาตั้งแต่ปี 2562 ผมเอารูปขึ้นให้ดู


พฤศจิกายน 2562 นายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมของอเมริกา หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในสมัยประธานาธิบดีทรัมป์ บินมาลงนามในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศระหว่างอเมริกาและไทย

คุณปองพล ครับ ข้อเท็จจริงนี้คุณจะปฏิเสธอีกหรือไม่ว่า แถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วมว่าด้วยการเป็นพันธมิตรด้านการป้องกันประเทศของประเทศไทยกับอเมริกานี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ไปสัญญากับเขา ไม่ได้ลงนามด้วย แต่ทำไมมีรูปออกมาอย่างนั้น และมีข่าวแถลงออกมาอย่างเป็นทางการจากสถานทูตสหรัฐฯ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ

คุณปองพล ครับ ผมจะยกตอนหนึ่งของแถลงการณ์ร่วมฉบับนี้ ซึ่งจัดทำที่กรุงเทพฯ วันที่ 17 พฤศจิกายน 2562 ซึ่งลงนามโดย นายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกลาโหมของอเมริกา และนายกรัฐมนตรีไทย ผมจะอ่านให้ฟัง เนื้อหาบอกว่า

การเป็นพันธมิตรทางสนธิสัญญาป้องกันประเทศระหว่างกระทรวงกลาโหมแห่งสหรัฐอเมริกาและกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรไทยในศตวรรษที่ 21 ยังให้เกิดเสถียรภาพ ความมั่งคั่ง และความยั่งยืนในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เพื่อส่งเสริมระเบียบที่เสมอภาคและยึดมั่นในกฎกติการะหว่างประเทศ

แถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม ค.ศ. 2020 ขับเคลื่อนวัตถุประสงค์ของยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันประเทศของสหรัฐอเมริกา" (และยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันประเทศของอเมริกา คือยุทธศาสตร์ของการต่อต้านจีน) เพราะฉะนั้นแล้ว ในข้อความนี้ระบุชัดเจนว่า ประเทศไทยเป็นประเทศพันธมิตรหลักนอกสนธิสัญญานาโต นั่นคือที่มาของการเกิดนาโต 2

"กระทรวงกลาโหมของอเมริกาและไทยตระหนักถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านความมั่นคงที่ยั่งยืน ซึ่งรวมถึงการศึกษาและฝึกอบรม การสร้างศักยภาพ การปฏิบัติการร่วมกัน"

ผมถามคุณปองพล กับสาวก พล.อ.ประยุทธ์ ติ่งลุงตู่ ว่าคุณจะอธิบายข้อความนี้อย่างไร ว่า "ประเทศไทยเป็นประเทศพันธมิตรหลักนอกสนธิสัญญานาโต" เขาก็บอก เขาวิเคราะห์อยู่แล้วว่าอเมริกาจะทำอาเซียนให้เป็นนาโต 2 รัฐมนตรีต่างประเทศจีน นายหวัง อี้ ออกมาเตือนว่า อเมริกาและพันธมิตรอย่าพยายามสร้างพันธมิตรนาโตของเอเชีย หรือนาโต 2 ขึ้นในภูมิภาคนี้

พี่ป๊อก อายุมากแล้ว 79 ปี มากกว่าผม 4 ปี เคยเป็นรัฐมนตรีก็หลายกระทรวง เคยเป็นถึงรองนายกฯ จบมาจากต่างประเทศเช่นกัน เหมือนคุณปลื้ม เหมือนผม จะบอกว่าไม่ทราบความสำคัญ ความอ่อนไหว ความตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้ก็คงไม่ได้ หรือว่าที่พี่ป๊อก หลับตาข้างหนึ่ง ออกมายืนปกป้องลุงตู่ แลกทุกอย่างแม้กระทั่งความสุ่มเสี่ยงของประเทศชาติและประชาชน เพื่ออนาคตทางการเมืองของลูกชาย ร.ต.ปรพล อดิเรกสาร ที่วันนี้ประกาศยืนข้าง พล.อ.ประยุทธ์ เต็มตัว ถึงขั้นย้ายออกจากพรรคพลังประชารัฐ ตามไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ กับแรมโบ้ เสกสกล อัตถาวงศ์


พี่ป๊อกครับ ความรู้ของพี่ป๊อกกับผมก็คงไม่ได้ต่างกันหรอก ภาษาอังกฤษก็อ่านแตกฉานด้วยกันทั้งคู่ จู่ๆ โจ ไบเดน ประกาศนโยบายอินโด-แปซิฟิก แล้วบอก มีพันธมิตรอินโด-แปซิฟิก ที่ประกอบด้วย ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อเมริกา ออสเตรเลีย อังกฤษ และประเทศไทย ผมเรียนถามพี่ป๊อกอย่างนี้ ว่า โจ ไบเดน ประกาศแบบนี้ออกมา ประเทศไทยทำไมถึงใบ้ บอด ซื่อบื้อ เงียบสนิท ถ้าประเทศไทยไม่ได้เป็นจริงๆ ไม่ได้ตกลงอะไรกันจริง ทำไมไม่ออกมาปฏิเสธว่าไม่ใช่ แต่ยืนเฉย แล้วพอโจ ไบเดน บอกว่าจะเชิญอาเซียนไปประชุม พี่ป๊อกครับ ท่านนายกฯ ขมีขมันเลย รวมทั้งนายดอน เฮ้าเลี่ยน เสนอตัวทันทีว่านายกรัฐมนตรีไทยจะบินไปวันที่ 28-29 นี้ ประชุมที่วอชิงตัน เราไปให้เขาสั่งการหรืออย่างไร เราเป็นขี้ข้าของอเมริกาตั้งแต่เมื่อไร พี่ป๊อกครับ ผมเป็นรุ่นน้อง แต่ผมจำเป็นต้องออกมาสวนพี่ป๊อก ผมว่าพี่ป๊อกใช้ไม่ได้เรื่องนี้ จะต้องการส่งเสริมให้ลูกชายตัวเองเจริญเติบโตในพรรคใหม่ ผมคิดว่าอวยชัยให้พรกันเงียบๆ ก็พอแล้ว แต่อย่าแสดงออกในเรื่องที่ไม่มีตรรกะเลยและข้อเท็จจริงมันตรงกันข้ามกับสิ่งที่พี่ป๊อกพูด อย่าลืมนะครับ กลับไปเป็น ปองพล อดิเรกสาร คนที่ผมเคยเคารพอยู่เหมือนเดิมจะดีกว่า เรื่องแบบนี้ปิดใครปิดได้ ปิดคนที่รู้เรื่องนี้ ปิดไม่ได้ ปิดท่านใหม่ หม่อมเจ้าจุลเจิม ก็ไม่ได้ ปิดผมก็ไม่ได้ ปิดคุณไตรรงค์ สุวรรณคีรี ก็ไม่ได้ ปิดหม่อมหลวงปลื้ม ก็ไม่ได้

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาพูดกันเรื่องต่างประเทศเยอะหน่อย เหตุผลที่ต้องพูดเรื่องต่างประเทศเยอะหน่อย เพราะว่ามันจะกระทบกระเทือนประเทศไทยอย่างแน่นอนที่สุด วิกฤตเรื่องของรัสเซีย กับ ยูเครน กำลังจะแผ่ขยายไปทางด้านเศรษฐกิจโลกทั้งโลก และประเทศไทย จากการที่เราดูราคาน้ำมันลิตรละเกือบ 50 บาทนั้น แปลว่าเราไม่ได้รอดพ้นเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมต้องเข้าใจว่าอะไรมันเกิดขึ้น อย่างน้อยที่สุดก็จะได้เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ได้


เมื่อไม่กี่วันมานี้เอง มันมีเหตุการณ์ใหญ่เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น แล้วมันเป็นจุดที่ผมคิดว่ากำลังเริ่มเป็นจุดเปลี่ยนของโลกแล้ว คือจากกรณีที่โจ ไบเดน โทรศัพท์ไปหาซาอุดีอาระเบีย เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน แต่ท่านไม่รับสาย แล้วก็บอกว่าไม่แคร์ด้วยว่าไบเดน จะคิดอย่างไร แล้วจู่ๆ มุฮัมมัด บิน ซัลมาน ประกาศออกมาว่า ยินดีจะขายน้ำมันให้จีนโดยที่รับเงินหยวน รับเงินหยวนของจีน ฟังดูไม่น่าจะมีอะไรพิเศษ


แต่ถ้าท่านผู้ชมรู้ถึงประวัติศาสตร์ของมันแล้ว คำว่า "เปโตรดอลลาร์" (Petrodollars) ท่านผู้ชมจะรู้ว่า นี่คือการแถลงนโยบายที่จะสั่นสะเทือนรากฐานของเงินยูเอสดอลลาร์ (U.S. dollars) อย่างชนิดที่เรียกว่า สะเทือนไปหมดเลย อเมริกาต้องตั้งตัวที่จะแก้เกม เพราะอะไรผมถึงพูดเช่นนี้ ?

ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า 50 ปีที่ผ่านมา การกำหนดซื้อขายพลังงานก็จะทำด้วยเงินยูเอสดอลลาร์เท่านั้นเอง หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Petrodollars เป็นหนึ่งในเสาหลักของมหาอำนาจทางการเงิน เศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร ของอเมริกาเลย การประกาศบอยคอตของชาติตะวัน มิให้ทำการซื้อขายพลังงาน ทั้งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ จากรัสเซีย


ท่านผู้ชมครับ รัสเซีย เป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันอันดับ 2 ของโลก ประมาณ 11 เปอร์เซ็นต์ แต่ชาติตะวันตก รวมทั้งอเมริกา บอยคอตเรื่องสงครามยูเครน กำลังจะเร่งกระบวนการที่ไม่ใช้เงินดอลลาร์ แล้วใช้เงินสกุลอื่นในการซื้อขายพลังงานหรือเปล่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าซาอุดีอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันดิบอันดับ 1 ของโลก ส่งออก 17 เปอร์เซ็นต์ หันหลังให้กับเงินดอลลาร์ โดยหันไปขายน้ำมันแลกเปลี่ยนกับเงินสกุลหยวนของจีน หรือเงินรูปีของอินเดีย หรือเงินรูเบิลของรัสเซีย ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง เปโตรดอลลาร์จะต้องสั่นคลอนไปถึงฐานรากทีเดียว เพราะว่าซาอุดีอาระเบียเป็นผู้ส่งออก ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ระดับต้นๆ ของโลก เป็นผู้นำของกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) ซาอุดีอาระเบียนั้นปั๊มน้ำมันออกมาวันละ 12 ล้านบาร์เรล จำนวนนี้เป็นน้ำมันส่งออกประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ หรือ 7 ล้านกว่าบาร์เรล


เพื่อเข้าใจว่า เปโตรดอลลาร์ (Petrodollars) มาอย่างไร เรามาย้อนระลึกถึงประวัติศาสตร์กันนิด ท่านผู้ชมครับ รายการนี้เป็นรายการที่จำเป็นต้องอ้างอิงหลายๆ เรื่องในประวัติศาสตร์ เพราะรายการต่างๆ ที่อยู่ในสื่อมวลชนทุกวันนี้มักจะรายการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ วันนี้ ที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Real time แต่ไม่ได้เล่าให้ฟังว่า เรื่องที่มันเกิดขึ้นวันนี้ ที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ท่านผู้ชมครับ พวกเรามาใช้หลัก อิทัปปัจจยตา หรือในทางธรรมเขาเรียกว่า เมื่อมันมีเหตุนี้ จึงมีเหตุนี้เกิดขึ้น

2516 ประมาณเกือบๆ 49 ปีที่แล้ว กุญแจสำคัญที่ชี้ชะตาดอลลาร์อยู่ที่ตลาดการซื้อขายน้ำมันโลกที่ใช้ดอลลาร์เป็นตัวกลางในการซื้อขาย แล้วท่านผู้ชมรู้ไหม การบังคับให้ใช้ดอลลาร์เป็นตัวกลางในการซื้อขายนั้น ทำให้เงินดอลลาร์มีมูลค่าในตลาดโลกเกินกว่าความเป็นจริง เกินกว่า 30-40 เปอร์เซ็นต์ รากเหง้าและเบื้องหลังความยิ่งใหญ่ของค่าเงินดอลลาร์อเมริกา กำเนิดขึ้นจาก เปโตรดอลลาร์ หรือดอลลาร์ในตลาดน้ำมันและพลังงาน ช่วงเวลาดังกล่าว พวกชาติตะวันออกกลางแสดงความไม่พอใจต่อนโยบายของอเมริกาที่สนับสนุนชาวยิว อิสราเอล ทำสงครามชาติอาหรับ พวกนี้ก็เลยรวมตัวกันขึ้นราคาน้ำมัน เป็นวิกฤตน้ำมันในปี ค.ศ.1973


กลุ่มพวกนี้มีมติคว่ำบาตร ยุติการซื้อขายน้ำมันดิบกับอเมริกาและชาติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แคนาดา ญี่ปุ่น เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ มิหนำซ้ำยังลดปริมาณการผลิต ทำให้น้ำมันสูงขึ้น 4 เท่า 400 เปอร์เซ็นต์ จากบาร์เรลละ 3 เหรียญ เป็นบาร์เรลละ 12 เหรียญ ต้องถือว่าเยอะมาก ถ้าคิดถึงปัจจุบันก็คือ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับค่าเงินปัจจุบัน

มติคว่ำบาตรดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อกดดันให้อเมริกาดำเนินนโยบายอย่างเกรงอกเกรงใจกับชาติอาหรับบ้าง แต่ว่าการตอบโต้ชาติอาหรับด้วยการใช้น้ำมันดิบเป็นอาวุธในครั้งนี้ก็ไม่ได้ทำให้อเมริกาเดือดร้อนอะไรมากมายนัก

แต่ว่าวิกฤตของน้ำมันนี้มันทำให้ทั่วโลกปั่นป่วนไปหมดเลย เหมือนกับปัจจุบันนี้ที่ทั่วโลกกำลังปั่นป่วน เพราะการที่คิดจะแบนและบอยคอตน้ำมันรัสเซีย ทำให้น้ำมันรัสเซียที่เคยอยู่ในตลาดสิบกว่าเปอร์เซ็นต์ ต้องหายไป

ในช่วงนั้น ระหว่างที่ทั่วโลกกำลังหัวปั่นกับการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำมัน ซึ่งประเทศไทยเองตอนนั้นก็โดนด้วย ไทยต้องปรับตามด้วยการประกาศลดค่าเงินบาท จนเงินเฟ้อสูงขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงปลายปี ในช่วงนั้น ท่านผู้ชมครับ ในช่วงวิกฤตน้ำมันนั้นเอง ตัวแทนอเมริกา และทุนอเมริกัน นำโดยรัฐบาลของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เฮนรี คิสซินเจอร์ เดินหน้าแก้เกมด้วยการเปิดการเจรจาลับกับราชวงศ์ซาอุด ของประเทศซาอุดีอาระเบีย


จนนำมาสู่ข้อตกลงร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอเมริกากับซาอุดีอาระเบีย ลงนามกันในวันที่ 8 มิถุนายน 2517 หรือ 48 ปีที่แล้ว โดยมีเงื่อนไขสำคัญว่า อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือร่วมมือทางด้านเทคโนโลยีการผลิตน้ำมันและการทหาร เพื่อปกป้องราชวงศ์ซาอุด ให้อยู่ในอำนาจไปยาวนาน แลกกับการที่ซาอุดีอาระเบียจะยอมขายน้ำมันให้กับอเมริกา หรือบริษัทอเมริกัน หรือชาติอื่นๆ ในรูปเงินดอลลาร์เท่านั้น

ผมเอารูปให้ดู ประธานาธิบดีนิกสัน กับกษัตริย์ไฟซาลแห่งซาอุดีอาระเบีย ในปี 2517 (48 ปีที่แล้ว)


ไม่เพียงเท่านั้น ซาอุดีอาระเบียยังมีข้อตกลงเพิ่มเติมว่า ในฐานะที่เป็นแกนนำของกลุ่มโอเปก ซาอุดีอาระเบียจะโน้มน้าวให้ชาติสมาชิกโอเปกยินยอมขายน้ำมันสู่ตลาดโลกโดยใช้เงินดอลลาร์เท่านั้นเป็นตัวกลางซื้อขาย และซาอุดีอาระเบียก็จะนำเงินทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศที่ล้นเกินไปซื้อพันธบัตรอเมริกัน

ท่านผู้ชมครับ ข้อตกลงนี้เป็นผลดีทั้งสองฝั่ง คือซาอุดีอาระเบียสามารถแก้ปัญหาเงินเฟ้อ อเมริกาสามารถก่อหนี้ได้เต็มที่ และรักษาดุลชำระเงินให้เป็นบวกตลอดเวลา โดยผ่านการซื้อตราสารหนี้บริษัทอเมริกัน หุ้น รวมทั้งกิจการสถาบันการเงินและอสังหาริมทรัพย์

การที่กลุ่มโอเปกให้การซื้อขายน้ำมันในรูปดอลลาร์สหรัฐอย่างเดียว มีผลทำให้มาตรฐานของน้ำมันโลกกลายเป็นมาตรฐานของเงินดอลลาร์อเมริกาไปเลย ผลที่เกิดขึ้นในทางกลับ โอเปกจำเป็นจะต้องพึ่งพาและพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ โดยไม่สามารถหาเงินสกุลอื่นมาทำการค้าน้ำมันแทนดอลลาร์ ส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นเงินสากลสำหรับธุรกิจพลังงาน โดยไม่มีเงินสกุลอื่นสามารถก้าวขึ้นมาท้าทายเงินดอลลาร์สหรัฐได้ ผลข้างเคียงที่ตามมมาคืออะไร ? คือ ทุกชาติในโลกต้องซื้อขายพลังงานน้ำมัน ทุกชาติจำเป็นต้องถือเงินสกุลดอลลาร์เอาไว้ เอาไว้เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ ก็เลยเปิดโอกาสให้ธนาคารกลางอเมริกา กลายเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของเศรษฐกิจของโลกผ่านการควบคุมปริมาณเงินดอลลาร์อเมริกาในตลาดโลก เพื่อให้สัมพันธ์กับราคาน้ำมันในตลาดโลก เท่ากับธนาคารกลางอเมริกามีส่วนร่วมในการกุมอำนาจในการกำหนดราคาน้ำมัน และปริมาณของเปโตรดอลลาร์ ตามไปด้วย

ท่านผู้ชมเข้าใจหรือว่า เปโตรดอลลาร์ จึงเป็นเสาหลักที่ค้ำยันภาคการเงินและเศรษฐกิจของอเมริกามาตลอดเกือบห้าสิบปีที่ผ่านมา เสาหลักนี้จะไร้ความหมายโดยสิ้นเชิงหากโอเปก และวงการน้ำมัน ยกเลิกการผูกขาดเปโตรดอลลาร์เพื่อซื้อขายน้ำมัน ด้วยเหตุนี้ ผมถึงอธิบายเมื่อตอนต้นว่าการที่เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน ประกาศเลยว่าจะซื้อขายน้ำมันกับจีนโดยใช้เงินหยวน นี่คือการทรยศหักหลังต่อการครองเป็นเจ้าโลกทางด้านเงินดอลลาร์ในการซื้อขายพลังงาน หรือที่เรียกว่า เปโตรดอลลาร์ เป็นครั้งแรกจริงๆ ท่านผู้ชม

ท่านผู้ชมครับ ที่ผ่านมาซาอุดีอาระเบียซื้อขายน้ำมันเป็นเงินดอลลาร์ แล้วเขาทำอย่างไร ? เขาก็เอาดอลลาร์ที่เขารับมาจากการซื้อขายน้ำมัน เอาไปซื้อพันธบัตรอเมริกาเหมือนกับประเทศผู้ส่งออกทั่วโลก เพราะดอลลาร์เป็นเงินสกุลหลักของโลก จึงต้องถือครองพันธบัตรรัฐบาลที่ให้ผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยในรูปเงินทุนสำรอง


แต่เวลานี้อเมริกากำลังเผชิญเศรษฐกิจที่ตกต่ำ เงินเฟ้อรุนแรงมาก ในอเมริการ่วม 8 เปอร์เซ็นต์แล้ว สูงมากในรอบ 40 ปี ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่าผมเคยเล่าให้ฟังว่า หนี้สาธารณะในอเมริกานั้น สูงขึ้นแตะ 30 ล้านล้านดอลลาร์ ผมพูดในรายการตอนที่ 124 วันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ เดือนกว่าๆ ที่แล้ว 30 ล้านล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 1 พันล้านล้านบาท นี่คือหนี้ที่ประเทศอเมริกามี 1 พันล้านล้านบาท นักเศรษฐศาสตร์ นักการเงิน บอกว่าชั่วชีวิตทั้งชีวิต อเมริกาไม่มีวันจ่ายเงินนี้คืนได้ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นระดับที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) ถึง 1.3 เท่า ส่งให้อเมริกาอยู่ในอันดับต้นของรายชื่อประเทศที่มีภาระหนี้สินหนักที่สุด ในความเป็นจริงแล้ว หนี้สินของอเมริกานั้น ถูกปรับเพิ่มขึ้นตลอดเวลา โดยปี 2562 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 22.7 ล้านล้านดอลลาร์ 2563 ปรับขึ้นมาเป็น 27.7 ล้านล้านดอลลาร์ ปีที่แล้ว (2564) ปรับขึ้นมาเป็น 30 ล้านล้านดอลลาร์

เศรษฐกิจของอเมริกาที่ง่อนแง่น ที่สำคัญ เสถียรภาพของเปโตรดอลลาร์ที่สั่นคลอน เป็นสาเหตุที่ซาอุดีอาระเบียต้องการจะออกจากการยึดถือ ยึดครองทรัพย์สินดอลลาร์ เพราะซาอุดีอาระเบียถือเงินดอลลาร์มากเกินพอ วันนี้ซาอุดีอาระเบีย มาจับมือกับจีน และรัสเซียแล้ว เตรียมขายเงินแลกหยวน ทิ้งดอลลาร์มาถือทองคำและหยวนแทน เพราะทำไม ? การอายัดเงินของรัสเซียนั้น ทำให้หลายประเทศที่เอาเงินดอลลาร์ไปซื้อเป็นพันธบัตรของอเมริกาในชื่อของตัวเองนั้นกลัวจะโดนอายัดเงินเหมือนรัสเซีย จีนก็เตรียมทิ้งเงินดอลลาร์อเมริกาเหมือนกัน เพราะจีนรู้ว่าอเมริกาจะใช้เงินดอลลาร์เป็นอาวุธทำลายคู่แข่งตลอดเวลา

ประธานาธิบดีปูติน ของรัสเซีย กล่าวว่า รัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ต้องการจะลดบทบาทการผูกขาดของดอลลาร์อเมริกาในตลาดน้ำมันโลก


นอกจากนี้ รัสเซียยังร่วมกับกลุ่ม BRICS คือกลุ่มประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วย บราซิล (Brazil) รัสเซีย (Russia) อินเดีย (India) จีน (Chinal) และแอฟริกาใต้ (South Africa) ในการสร้างระบบการเงินโลกใหม่ที่ใช้เงินสกุลอื่นที่ไม่ใช่ดอลลาร์ เนื่องจากว่ารายได้จากการส่งออกน้ำมันเทียบเท่า 60-70 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งหมดของรัสเซีย จึงไม่น่าประหลาดใจว่าปูติน ไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของดอลลาร์อเมริกาอีกต่อไป

การแซงก์ชันของอเมริกากรณีสงครามยูเครน เลยเป็นตัวเร่งทำให้ปูติน ต้องนำพารัสเซียออกจากระบบดอลลาร์สหรัฐ ท่านผู้ชมครับ นั่นคือที่มาของการที่ปูติน รัสเซีย เซ็นสัญญาระยะยาวขายแก๊สระยะยาว 2 ฉบับ กับจีน ซึ่งการซื้อขายไม่ได้ใช้เงินดอลลาร์เลย แต่ใช้เงินยูโรแทน นอกจากนั้นแล้ว ปูติน ยังขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าร่วมกับอินเดีย และอิหร่าน รัสเซียจะช่วยอิหร่านสร้างโรงงานผลิตพลังงานนิวเคลียร์ และท่านผู้ชมรู้ใช่ไหม ถ้าไม่รู้ผมเล่าให้ฟังก็ได้ว่า ตอนนี้อินเดีย นอกจากปฏิเสธที่จะเข้าร่วมอินโด-แปซิฟิกแล้ว และปฏิเสธที่จะประณามรัสเซีย โดยงดออกเสียงในเวทีโลก อินเดียกำลังระดมเงินเพื่อมาซื้อพลังงานจากรัสเซียในราคาที่ถูก โดยที่ใช้เงินรูปี ไม่ใช้เงินดอลลาร์


และนี่คือสาเหตุหลักความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอเมริกาและรัสเซีย มียุโรปเข้ามาหนุนสหรัฐฯ ในการแซงก์ชันรัสเซีย อ้างวิกฤตยูเครน เพราะถ้ารัสเซียสามารถจับมือกับจีนในการเพิ่มการค้านอกระบบดอลลาร์สหรัฐได้ จะกลายเป็น "จุดเริ่มต้นของจุดจบ" ของเปโตรดอลลาร์อย่างเป็นทางการ

ท่านผู้ชมครับ สงครามยูเครน และการอายัดทรัพย์สินดอลลาร์และยูโรของรัสเซียโดยมหาอำนาจตะวันตก สหรัฐอเมริกา และยุโรป ทำให้ทรัพย์สินดอลลาร์ ยูโร ปอนด์ หรือเงินเยน แม้กระทั่งเงินแคนาดา หรือออสเตรเลียดอลลาร์ ไม่ปลอดภัยอีกต่อไปสำหรับผู้ยึดครอง เพราะอาจจะถูกยึดเหมือนรัสเซียโดนก็ได้ ถ้าตัวเองไม่ดำเนินตามนโยบายต่างประเทศที่อเมริกาต้องการ และนี่คือสาเหตุหลักที่ทำให้โครงสร้างระบบการเงินของโลกกำลังเริ่มเปลี่ยนไป นี่คือจุดเริ่มเปลี่ยน แล้วเชื่อผมสิ อีกไม่เกิน 3-4 หรือ 5 เดือน วิกฤตยูเครนมันจะรุนแรงมากขึ้นกว่าเก่า การแซงก์ชันก็จะรุนแรงมากขึ้นกว่าเก่า การตอบโต้ทางเศรษฐกิจก็จะรุนแรงมากขึ้นกว่าเก่า

ซาอุดีอาระเบียเริ่มเข้าใจแล้วว่าโลกกำลังเปลี่ยนถ่ายจากระบบการเงินกระดาษของยูเอสดอลลาร์ที่ไร้มาตรฐาน เงินดอลลาร์ไม่มีอะไร Backup เลยแม้แต่นิดเดียว อเมริกานึกจะสร้างเงินดอลลาร์ขึ้นมา พิมพ์เงินดอลลาร์ออกมา ก็พิมพ์ออกมาหน้าตาเฉย ไม่มีอะไร backup ไม่มีทองคำมาเพิ่มเติม มา backup ไม่มี ไม่เหมือนจีน กับรัสเซีย

จีน กับรัสเซีย มีทองคำเยอะ แล้วมีพวกเอามาหนุนหลัง ยกตัวอย่างง่ายๆ จีนเป็นเจ้าที่ส่งออกอันดับหนึ่งของโลก ปีที่แล้วจีนส่งออกสินค้ามูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ เพราะฉะนั้นแล้ว เงินหยวนของจีน อย่างน้อยนอกจากมีทองคำแล้ว ยังมีมูลค่าการส่งออกของเขาคอย backup อยู่ แต่อเมริกาไม่มี อเมริกาใช้แสนยานุภาพอย่างเดียวข่มขู่ชาวบ้านเขา ทั้งหมดที่จีนทำอยู่ จะทำให้ระบบดอลลาร์ และเงินยูโร อ่อนแอลง ไม่ใช่เฉพาะเงินดอลลาร์อย่างเดียวนะ ทำให้โลกตะวันตกจะเจอปัญหาเงินเฟ้อ ความตกต่ำทางเศรษฐกิจที่รุนแรงยิ่ง สหรัฐฯ ใช้ดอลลาร์เป็นอาวุธในการแซงก์ชันรัสเซีย และประเทศต่างๆ ยิ่งจะทำให้เกิดการอพยพหนีจากการถือดอลลาร์เป็นทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีน และกลุ่มผู้ผลิตน้ำมัน (โอเปก) ที่ต้องการปลดแอกดอลลาร์ในเวลานี้


ท่านผู้ชมครับ และนี่คือเมื่อสงครามยูเครนปะทุขึ้น เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน หรือ MBS บอก ไม่รับสายโจ ไบเดน และให้สัมภาษณ์ด้วยว่า ไม่แคร์ด้วยว่าไบเดน จะรู้สึกอย่างไร

ส่วนประเทศ UAE ก็จับมือแน่นกับซาอุดีอาระเบียอยู่แล้ว เพื่อคุมกลุ่มประเทศอาหรับในตะวันออกกลางในทิศทางการเมืองที่เปลี่ยนไป สมรภูมิจะดุเดือดมากขึ้นที่ตะวันออกกลาง ระหว่างซีเรีย ที่ทวงคืนที่ราบสูงโกลันจากอิสราเอล โดยมีอิหร่าน และรัสเซีย ช่วยรบเต็มที่

ท่านผู้ชมครับ ถ้าอิสราเอลตกที่นั่งลำบาก อเมริกา อังกฤษ จะมาช่วยอิสราเอลหรือเปล่า ในขณะที่ซาอุดีอาระเบีย และ UAE สร้างความสัมพันธ์กับรัสเซีย และจีน ให้แน่นแฟ้นขึ้น แทนที่จะอยู่ใต้อำนาจ อิทธิพลของสหรัฐฯ และอังกฤษ ขั้วเดียวเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมา

อเมริกาหลังชนฝาขนาดไหน ? หลังชนฝาเลย ตัวเองหน้าด้านมาก ส่งตัวแทนทำเนียบขาวไปคุยกับประธานาธิบดีนีโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ที่ตัวเองกระทืบซ้ำแล้วซ้ำอีก อเมริกาเคยส่งกองทัพทหารรับจ้างเข้าไปเพื่อยึดอำนาจมาดูโร แต่ถูกปราบ แล้วอเมริกาตั้งประธานาธิบดีปลอมขึ้นมาคนหนึ่ง ชื่อ กุยโด เพื่อมาแทน มาดูโร แต่ในที่สุดก็ต้องลี้ภัยออกไป

นีโกลัส มาดูโร
ท่านผู้ชมครับ มาถึงจุดนี้แล้ว ผมบอกได้ว่าเรื่องของยูเครนตอนนี้น่าจะจบแล้ว เพราะภายใต้การครอบครองของรัสเซียจะทำให้การพลิกโครงสร้างความมั่นคงของยุโรปแบบกลับหัวกลับหางเลย รัสเซียจะเริ่มกดดันให้โปแลนด์ และกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก ให้ถอนขีปนาวุธของนาโตที่คุกคามความมั่นคงของรัสเซีย และให้เปลี่ยนแปลงนโยบายของประเทศยุโรปตะวันออกให้เป็นกลางมากขึ้น เพื่อลดบทบาทและอำนาจนาโตในยุโรป

ท่านผู้ชมครับ หลังสงครามรอบนี้สิ้นสุดลง จะเป็นการปิดฉากอิทธิพลของเงินดอลลาร์ เงินดอลลาร์จะไม่มีความหมายเหมือนเดิมอีกต่อไป ทองคำหรือสินค้าโภคภัณฑ์ หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Commodity จะกลับมามีบทบาท หรือทำหน้าที่เงินที่แท้จริง ท่านผู้ชมรู้ไหมใครเป็นคนพูดเรื่องนี้ ? นาย Zoltal Posa คือใคร ? เขาเป็นนักยุทธศาสตร์ของธนาคารเครดิตสวิส และในอดีตเคยทำงานให้กับธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา

ท่านผู้ชมครับ สงครามยูเครน เป็นสงครามตัวแทนระหว่างกลุ่มการเงินวอลล์สตรีทของอเมริกา และ City of London ของอังกฤษ กับมอสโก และปักกิ่ง เพื่อจะรักษาความมั่งคั่งของโลกตะวันตกที่กำลังจะหลุดลอยจากมือไปเมื่อระบบของโลกเปลี่ยน

ท่านผู้ชมครับ มาดูประวัติศาสตร์สักนิด "สงครามเลือดล้างเปโตรดอลลาร์" การเปลี่ยนขั้วอำนาจการค้าน้ำมันให้หลุดออกจากเปโตรดอลลาร์นั้น มิได้กระทำได้ด้วยอำนาจเศรษฐกิจ กลไกตลาด หรืออำนาจการค้าทั่วๆ ไป อเมริการนั้นมีขุมกำลังทางทหาร อำนาจจากปลายกระบอกปืนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า ในอดีตผู้นำหลายประเทศที่พยายามท้าทายอำนาจเปโตรดอลลาร์ ซึ่งเปโตรดอลลาร์หนุนด้วยขุมกำลังของอเมริกา

ซัดดัม ฮุสเซน
อย่างเช่นนายซัดดัม ฮุสเซน ที่อิรัก ประกาศว่าต้องการขายน้ำมันเป็นเงินยูโร อเมริกาก็เลยป้ายสีอิรักว่าสะสมอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูง เลยถูกอเมริกาส่งกองทัพเข้ายึดประเทศ จับกุมก่อนแล้วโดนประหารชีวิตโดยการแขวนคอ เมื่อปี 2549

อีกกรณีหนึ่ง พันเอก มูอัมมาร์ กัดดาฟี ผู้นำลิเบีย สนับสนุนให้มีการขายน้ำมันโดยใช้ทองคำเป็นสกุลกลาง ก็ถูกโค่นล้มจากการลุกฮือของอาหรับสปริงที่ชาติตะวันตกหนุนหลัง และฆ่าสังหารในปี 2554 (5 ปีหลังจากที่ซัดดัม ฮุสเซน ตาย)

มูอัมมาร์ กัดดาฟี
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรัสเซีย บอกว่ามหาอำนาจทางตะวันตกกำลังทำทุกอย่างเพื่อกดดันจีน เพื่อไม่ให้รัสเซียเข้าถึงเงินหยวนได้ รัสเซียเลยถูกแซงก์ชันด้วยการตัดออกจากระบบ SWIFT (ผมอธิบายให้ฟังเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ระบบ SWIFT คืออะไร)

หลังจากที่ปูติน เปิดฉากโจมตียูเครน อเมริกา และยุโรป ใช้มาตรการคว่ำบาตรรุนแรง แซงก์ชันให้เศรษฐกิจและระบบการเงินของรัสเซียต้องย่อยยับและอับจน ที่จะนำไปสู่การโค่นอำนาจปูติน จะทำให้รัสเซียไม่สามารถเข้าสู่เงินดอลลาร์ เงินยูโร หรือเงินตราต่างประเทศ ที่มีความสำคัญในการค้าระหว่างประเทศได้

ธนาคารกลางรัสเซียถูกแช่แข็งเงินประมาณครึ่งหนึ่งของเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ทำให้ไม่อยู่ในสถานภาพที่จะปกป้องค่าเงินรูเบิลที่เสียมูลค่าไป 50 เปอร์เซ็นต์ รัสเซียก็ตอบโต้กลับ ให้เปิดบัญชีเงินฝากเพื่อฝากเงินหยวนกับธนาคารของรัฐบาล ให้ดอกเบี้ยสูงถึง 8 เปอร์เซ็นต์ ออกกฎหมายใหม่ให้เงินท้องถิ่นค้าขายระหว่างประเทศต่างๆ ที่เคยอยู่ในสหภาพโซเวียต แทนดอลลาร์ และเงินยูโรได้


การที่ตะวันตกคว่ำบาตร แซงก์ชันน้ำมันและก๊าซของรัสเซีย ทำให้รัสเซียต้องขายพลังงานให้จีน หรือขายผ่านจีนเป็นหลัก เพื่อจะได้มีรายได้เข้าประเทศ ทำให้จีนมีบทบาทอย่างมากในเวลานี้ ในการค้ำเศรษฐกิจของรัสเซียไม่ให้ทรุดจากการถูกแซงก์ชัน และโอกาสนี้ จีนได้เปิดเกมรุกในระบบการเงินโลกใหม่พร้อมกับรัสเซีย โดยรัสเซียจะทิ้งทรัพย์สินในรูปดอลลาร์และยูโรทั้งหมดเพื่อตอบโต้สหรัฐฯ และยุโรปที่แซงก์ชันรัสเซีย แล้วหันไปอิงค่าเงินรูเบิลกับทองคำ หรือกับเงินหยวนของจีนแทน ส่วนอิหร่าน ประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก จะออกจากกับดักของดอลลาร์ในลักษณะเดียวกัน

ท่านผู้ชมครับ ข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่สำคัญที่สุด ประเทศจีนเป็นโรงงานหลักของโลก เขาเรียกว่า World Manufactoring มีห่วงโซ่การผลิตของโลกรองรับ ทำให้เงินหยวนที่มีโภคภัณฑ์หลักทรัพย์หนุนหลัง กลายเป็นเงินสกุลหลักของโลกโดยปริยาย ในขณะที่เงินกระดาษ ไม่ว่าจะเป็นเงินยูโร หรือไม่ว่าจะเป็นดอลลาร์นั้น จะกลายเป็นเรื่องไร้ค่า

อีกประการหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ การเปลี่ยนแปลงระบบการเงินโลกไปสู่เปโตรหยวน และตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้า เราจะได้เริ่มเห็นในปี 2565 (ปีนี้) เป็นต้นไป ระบบโลกใหม่ที่มีจีนเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นโลกระบบเศรษฐกิจ การเงิน ระบบชำระเงิน ระบบออนไลน์ ดิจิทัลหยวน รวมไปถึงความแพร่หลายของเงินดิจิทัลแบบไร้ตัวกลาง หรือที่เรียกว่า Cryptocurrency น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบของเงินดอลลาร์ที่ใช้ในการซื้อขายน้ำมัน หรือที่เราเรียกกันว่า เปโตรดอลลาร์


ท่านผู้ชมครับ นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาก ยิ่งใหญ่กว่าสงครามในยูเครน สงครามในยูเครนคือเชื้อไฟกองแรกที่ถูกจุดขึ้นมา แล้วมันจะลามไปในเรื่องของเปโตรดอลลาร์ และวันนี้แต่ละคนถอยหลังไม่ได้แล้ว อเมริกาต้องตัดสินใจเด็ดขาดว่า จะยังเก็บเปโตรดอลลาร์อยู่ได้อย่างไร และจะกดดันรัสเซีย จะกดดันจีน กดดันประเทศที่ค้าขายกับจีน และรัสเซีย ให้กลับมาใช้เปโตรดอลลาร์ได้อย่างไร อย่างน้อยประเทศหนึ่ง ซึ่งปฏิเสธเปโตรดอลลาร์ไปเรียบร้อยแล้ว ก็คือ อินเดีย เพราะอินเดียได้ตัดสินใจซื้อพลังงานจากรัสเซียโดยใช้เงินสกุลรูปี นี่คือระเบียบโลกใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น ท่านผู้ชม ด้วยเหตุนี้ ท่านผู้ชมไม่ต้องไปประหลาดใจที่สื่อมวลชนตะวันตกถึงพยายามที่จะเอาความชั่วร้ายทั้่งหมดในเรื่องของยูเครน ป้ายสีให้รัสเซียอย่างเต็มที่ โดยตัวเองไม่ได้พูดถึงปัญหาที่ตัวเองและกลุ่มโลกทางตะวันตกเป็นคนสร้างขึ้นมา

ท่านผู้ชมครับ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ประเทศไทยต้องค่อยๆ ผ่องถ่ายเงินดอลลาร์ที่เราเป็นทุนสำรองเก็บเอาไว้ ออกจากอเมริกา แล้วไปถือเงินสกุลหยวนแทน ให้มากขึ้นกว่าเก่า หรืออย่างเลวที่สุดก็คือ เงินยูโร แต่เงินดอลลาร์ ที่ผมเคยทำนายว่าเป็นเงินกงเต็กที่แท้จริงนั้น ความเป็นกงเต็กกำลังจะเผยโฉมแล้วภายใน 2-3 ปีข้างหน้า และจุดเริ่มต้นคือปีนี้ ท่านผู้ชมเชื่อผม อีกไม่เกิน 6 เดือนจากนี้ไป ท่านผู้ชมจะเห็นโลกเปลี่ยนไปอย่างมหาศาล และประเทศไทยก็จะเปลี่ยนไปอย่างมหาศาลเช่นกัน

ท่านผู้ชมครับ เมื่อกี้นี้ผมเพิ่งพูดเรื่องเกี่ยวกับเปโตรดอลลาร์ หลายๆ ท่าน ถ้าจำคำพูดผมเมื่ออาทิตย์ที่แล้วได้ ผมพูดเรื่องค่าเงินรูเบิล ค่าเงินรูเบิลที่ตกอย่างบ้าเลือด ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตยูเครนนั้น รูเบิลตกประมาณ 80-90 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์ และหลังจากที่เกิดวิกฤตขึ้นมาแล้ว ค่าเงินรูเบิลตกลงไปจนถึง 140 รูเบิล เกือบๆ 150 รูเบิล ต่อ 1 ดอลลาร์


ท่านผู้ชมคงจะทราบข่าวเรื่องนี้มาแล้ว เรื่องค่าเงินรูเบิลตก หลังจากที่รัสเซียบุกยูเครน อเมริกาเป็นตัวตั้งตัวตีในการแซงก์ชันรัสเซียทางด้านเศรษฐกิจ การเงิน โดยเฉพาะความพยายามตัดสถาบันการเงินรัสเซียออกจากระบบ SWIFT ค่าเงินรูเบิลที่เคยอยู่ประมาณ 80 รูเบิลต่อดอลลาร์ ในช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2565 ผันผวนมาก หลายระลอก รอบแรกหลังจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ซึ่งกองทัพรัสเซียบุกยูเครน อ่อนลงมาถึง 85-90 รูเบิลต่อดอลลาร์ พอรอบที่สอง อเมริกาประกาศแช่แข็งและยึดเงินสำรองต่างประเทศของรัสเซีย และไม่ให้ทำธุรกรรมผ่าน SWIFT ค่าเงินก็อ่อนอีกรอบ มาที่ประมาณ 110 รูเบิลต่อดอลลาร์ แล้ววิ่งไปวิ่งมาระหว่าง 100-120 รูเบิลต่อดอลลาร์ รอบที่สาม หลังมีข่าวที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะไม่รับการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ค่าเงินอ่อนไปอีก อยู่แถวๆ 140-150 รูเบิลต่อดอลลาร์ ตกไปเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ จาก 80 รูเบิลต่อดอลลาร์

ท่านผู้ชมครับ นักวิเคราะห์บางคนฟังข่าวจากตะวันตกมากจนเกินไป ก็มโนว่าเงินรูเบิลจะไหลลงไปเรื่อยๆ จนเศรษฐกิจรัสเซียล่มสลาย ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า สัปดาห์ที่แล้วผมทำนายว่าอย่างไร ผมบอกว่า (ผมอ้างคำพูดของผมนะ) "ท่านผู้ชมครับ ทองคำขึ้น เงินรูเบิลตก แต่จะตกได้อีกไม่นาน เพราะเมื่ออียูตัดสินใจที่จำเป็นจะต้องซื้อพลังงานจากรัสเซีย เงินรูเบิลก็จะกระโดดจากที่เคยสูญเสียไป 30-40 เปอร์เซ็นต์ กลับขึ้นไปอยู่ระดับเดิม" และผมพูดต่อว่า "เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่มีเงินตราต่างประเทศตอนนี้ ให้รีบซื้อเงินรูเบิลที่ตกมา 30-40 เปอร์เซ็นต์ เพราะผมเชื่อว่าจะกระโดดกลับไปสู่ที่เก่า เผลอๆ อาจจะมากกว่าของเก่าอีก เพราะว่ารัสเซียไม่ได้เสียอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว"


ท่านผู้ชมครับ ล่าสุด ใครที่คิดว่ารัสเซียเป็นฝ่ายตั้งรับ ต้องโดนกระหน่ำแต่เพียงฝ่ายเดียว ต้องคิดใหม่แล้ว เพราะข้อที่หนึ่ง ยุโรปจำเป็นต้องซื้อก๊าซ น้ำมัน จากรัสเซียต่อ ทุกวันนี้ท่านผู้ชมรู้หรือเปล่า ทางยุโรป อียู ยังต้องจ่ายเงินให้รัสเซียเป็นค่าก๊าซ/น้ำมัน เฉลี่ยวันละ 350 ล้านยูโร หรือเกือบ 13,000 ล้านบาทต่อวัน เอา 365 คูณเข้าไป ปีหนึ่งประมาณ 5 แสนล้านบาท สอง หลายชาติวิ่งหารัสเซีย ท่านผู้ชม อินเดีย เมื่ออเมริกาประกาศไม่ซื้อน้ำมันรัสเซีย อินเดียบอก อินี่ ฉานจะซื้อเองนะนาย แต่ขอราคาพิเศษหน่อย อเมริกาก็ไม่พอใจอินเดียอย่างมาก เพราะอินเดีย ในฐานะสมาชิก QUAD กลับไม่ยอมคว่ำบาตรรัสเซียตามตัวเอง ฝั่งจีนเองก็ซื้อขายพลังงานจากรัสเซียอยู่ โดยซื้อขายเป็นเงินยูโร และยืนยันว่าจะผูกสัมพันธ์การค้ากับรัสเซียอย่างใกล้ชิด เป็นหุ้นส่วนกัน

ทีนี้ ทางรัสเซียก็ดัดหลังทางตะวันตก เมื่อถูกแอนตี้ในเรื่องการเงิน รัสเซียก็ยินดีที่จะจ่ายหนี้เป็นเงินรูเบิลแทน รัสเซียมีเงินพอที่จะชำระหนี้ แต่ด้วยการคว่ำบาตรและทุนสำรองต่างประเทศครึ่งหนึ่งของประเทศ หรือราวๆ 301,500 ล้านดอลลาร์ ถูกแช่แข็งโดยชาติตะวันตก เพื่อจงใจให้รัสเซียผิดนัดชำระหนี้ รัสเซียก็บอกว่า ถ้าอย่างนั้นจะชำระหนี้เป็นเงินรูเบิลจนกว่าการคว่ำบาตรจะยกเลิก

ท่านผู้ชมครับ กิจการทางตะวันตกที่ประกาศถอนตัวโดยหยุดทำการในรัสเซียเพื่อตอบโต้รัสเซีย รัสเซียก็เลยบอกว่า ถ้าอย่างนั้นฉันขอยึดทรัพย์สิน กิจการของบริษัทเหล่านี้ เป็นทรัพย์สินของรัฐบาลรัสเซียก็แล้วกัน เพื่อเป็นการชดเชย ปัจจัยการแก้เผ็ดเพื่อตอบโต้ตะวันตกเหล่านี้ ทำให้เงินรูเบิลค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมา จากค่าเงินที่ร่วงไป 30-50 เปอร์เซ็นต์ จาก 80 รูเบิลต่อดอลลาร์ ไปเป็น 130-140-150 รูเบิลต่อดอลลาร์ ช่วงสัปดาห์นี้ ค่าเงินรูเบิลเริ่มแข็งค่าขึ้น กลับมาอยู่ที่ประมาณ 108-110 ล่าสุด 101 รูเบิลต่อดอลลาร์

ท่านผู้ชมครับ นักวิเคราะห์ทางการเงินส่วนใหญ่จะอ่านข่าวจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ซึ่งเป็นของตะวันตก ซึ่งสำนักข่าวบลูมเบิร์กก็ยังพาดหัวเหมือนเดิมว่า อนาคตที่มืดมนของเงินรูเบิล แต่ไม่มีใครยอมรายงานเลยว่าเงินรูเบิลที่ตกลงไปเป็น 140 รูเบิลต่อดอลลาร์ วันนี้ดีดกลับมาที่ 101 แล้ว และเหตุผลผมอธิบายให้ท่านผู้ชมฟังแล้วไง ท่านผู้ชมครับ นี่คือการไม่ฟังข่าวตะวันตก แล้วใช้ข้อเท็จจริงมาวิเคราะห์ ผมบอกเลยว่า อียูก็ยังต้องซื้อน้ำมัน ซื้อแก๊ส จากรัสเซียอยู่เหมือนเดิม ยังจ่ายเงินอยู่เหมือนเดิม วันละ 13,000 ล้านบาท ปีละร่วม 5-6 แสนล้านบาท อินเดียก็ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย จีนก็ซื้อพลังงานจากรัสเซีย เพราะฉะนั้นแล้ว อยากให้ท่านผู้ชมจับตาดูต่อไปว่ามาตรการแซงก์ชันและกดดันทางเศรษฐกิจของชาติตะวันตกกับรัสเซีย จะทำได้มากน้อยแค่ไหน และสุดท้ายจะกลายเป็นราคาคุยหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ อาทิตย์ที่แล้วผมพูดไปแล้ว เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าพ่อหมอไม่เคยผิดในเรื่องพวกนี้ ผมเสียดาย ท่านผู้ชมหลายคนบอกว่า คุณสนธิ ผมจะไปซื้อเงินรูเบิลได้ที่ไหน ผมไม่รู้ครับ ผมรู้แต่ว่า รูเบิลต้องตีกลับมาแน่นอนอาทิตย์นี้ แล้วก็ตีกลับมาจริงๆ


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดวันนี้เป็นเรื่องใหญ่ระดับโลก และแน่นอนที่สุด ประเทศไทยก็ไม่รอดพ้นเช่นกัน ผมกำลังจะเล่าถึงระเบิดเวลามหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ที่จะต้องกระทบไทยอย่างแน่นอน ตอนนี้คนทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย กำลังเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้ออย่างรุนแรง ราคาอาหารสูงขึ้นฉับพลัน ควบคู่กับราคาพลังงานที่พุ่งไม่หยุดจากวิกฤตสงครามในยูเครน ส่งผลต่อตลาดน้ำมัน ตลาดก๊าซธรรมชาติ และวิกฤตขาดแคลนสินค้าที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกร กระจายไปทั่วโลก

ท่านผู้ชมครับ เรื่องแบบนี้ประชาชนในเมืองไทยยังไม่รู้สึกเท่าไรนัก อาจจะเป็นเพราะว่ากระแสข่าวน้องแตงโมช่วยชีวิตรัฐบาลชุดนี้ไว้แท้ๆ เพราะถ้าไม่เกิดความคลุมเครือในเรื่องน้องแตงโมแล้ว ซึ่งประชาชนติดตามข่าวนี้มาเป็นเวลา 3-4 สัปดาห์ ถ้าไม่มีเรื่องน้องแตงโม รัฐบาลนี้คงโดนถล่มเละ เพราะว่าปัญหาราคาพลังงาน ทั้งน้ำมัน ก๊าซ ค่าไฟฟ้าที่พุ่งสูงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ ท่านผู้ชมคงรู้นะ น้ำมันเบนซินใกล้ 50 บาทต่อลิตรแล้ว แก๊สโซฮอล์ 40 บาทต่อลิตร


แก๊สหุงต้มเตรียมปรับราคา 15 บาทต่อถัง ถังขนาด 15 กิโลกรัม จากราคาก 318 บาท เพิ่มอีก 15 บาท เป็น 333 บาทต่อ 15 กิโลกรัม จะเริ่มปรับตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน ค่าไฟฟ้าจะมีปรับขึ้นเป็นขั้นบันไดในงวดเดือนพฤษภาคม 2565

ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ คุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้พยายามชี้ให้เห็นถึงแง่มุมต่างๆ ถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจ ภาคการผลิต ภาคการเงิน การลงทุน ซึ่งแน่นอนจะกระทบต่อชีวิตของพวกเราอย่างใหญ่หลวง ผมจะสรุปให้ฟังและเพิ่มเติมข้อมูลเรื่อง "เฝ้าระวังมหาวิกฤตเศรษฐกิจ" มีรายละเอียดดังนี้ครับ

ข้อที่หนึ่ง มหาวิกฤตพลังงาน สงครามยูเครน ซึ่งกระทบราคาน้ำมัน ปัจจุบันรัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันมากเป็นอันดับสองของโลก รองจากซาอุดีอาระเบีย รัสเซียส่งออก 5.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ ของตลาดน้ำมันโลก อันดับหนึ่ง คือ ซาอุดีอาระเบีย ส่งออก 8.3 ล้านบาร์เรล อันดับสอง คือ รัสเซีย 5.2 ล้านบาร์เรล อันดับสาม คือ อิรัก 3.8 ล้านบาร์เรล อันดับสี่ คือ อเมริกา 3.8 ล้านบาร์เรล อันดับห้า คือ แคนาดา 3.6 ล้านบาร์เรล ไล่ไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงอันดับสิบ แองโกลา 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน


เพราะฉะนั้น เมื่อรัสเซียถูกอเมริกา และยุโรป จับมือกันแซงก์ชันทางเศรษฐกิจ แม้จะยกเว้นการซื้อขายพลังงานก็ตาม แต่ภาคธุรกิจก็หวาดระแวง ไม่กล้าซื้อน้ำมันรัสเซีย ทำให้น้ำมันรัสเซียหายไปจากตลาดตะวันตกภายใน 1 หรือ 2 เดือน ราคาน้ำมันโลกสูงขึ้นอีก ราคาถ่านหินก็สูง ราคาล่วงหน้าก๊าซธรรมชาติก็สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ราคาน้ำมันสูงขึ้นสูงสุดในรอบ 14 ปี มีความเคลื่อนไหวที่อเมริกา วันที่ 7 มีนาคม และพันธมิตรยุโรป ว่าจะแบนการนำเข้าน้ำมันจากรัสเซียหรือเปล่า ปัจจัยลบทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น ตลาดราคาเบรนท์ทะเลเหนือสูงขึ้นเป็น 130 ดอลลาร์ ต่อ 1 บาร์เรล น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสของอเมริกา ขึ้นเป็น 118 ดอลลาร์ ต่อ 1 บาร์เรล


วันที่ 9 มีนาคม นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศระงับการนำเข้าน้ำมันและก๊าซจากรัสเซีย ผู้นำชาติต่างๆ ในยุโรปต่างรีบออกมาปฏิเสธแนวคิดนี้ เพราะกำลังลำบาก ไม่ยอมทำตามนโยบายของอเมริกา นั่นก็อาจจะเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมัน 1-2 วันที่ผ่านมา ลดลงมา แต่ก็ลดลงมาไม่มาก แต่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เงินรูเบิลของรัสเซียแข็งค่าขึ้นกว่าเดิม

นายโอลัฟ ช็อลทซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า ยุโรปจงใจจะงดเว้นการคว่ำบาตรการซื้อพลังงานจากรัสเซีย เนื่องจากไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้ มันมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริการสาธารณะ รวมต่อชีวิตพลเมืองในเยอรมนี

บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ก็พูดในทำนองเดียวกัน ก็คือว่าการที่จะแบนทันที คงไม่ได้ นายมาร์ก รีตเตอ นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ ก็พูดเช่นกัน ในทำนองเดียวกัน ส่วนทางด้านรัสเซียนั้น นายอเล็กซานเดอร์ โนวัก รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เตือนว่า ความเคลื่อนไหวแบนนำเข้าน้ำมันอาจจะนำมาสู่ผลลัพธ์อันเลวร้าย เขาเชื่อว่าถ้าเป็นอย่างนั้นต่อไปโดยไม่ยุติ ราคาน้ำมันในโลกนี้อาจจะขึ้นถึง 300 เหรียญ ต่อ 1 บาร์เรล

ประเด็นอยู่ที่ไหน ? ประเด็นเห็นได้ชัดว่าการแซงก์ชัน การบอยคอตต่างๆ ที่ชาวตะวันตกพยายามทำ ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเครื่องบินรัสเซียบิน แบรนด์ดังต่างๆ ปิดร้านในรัสเซียไป ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิล, H&M, Nike, adidas, IKEA หรือรถยนต์ยี่ห้อต่างๆ รวมไปจนถึงบริการออนไลน์ อย่าง AMAZON, Netflix, Disney บริการการเงินอย่าง VISA, Master Card ไปจนถึงบอยคอต ห้ามนักกีฬาของรัสเซีย กับเบลารุส ร่วมแข่งขันกีฬาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพาราลิมปิกฤดูหนาว หรือฟุตบอล แต่พอมาถึงปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตที่ตัวเองตัวพึ่งรัสเซีย อย่างเรื่องน้ำมัน พลังงาน ชาวยุโรปต้องกลืนน้ำลายตัวเอง กลับไม่ยอมบอยคอตตามอเมริกา เพราะตัวเองไม่มีทางเลือก ต้องพึ่งพารัสเซีย


ผมเอาท่อส่งแก๊ส Yamal-Europe ซึ่งยาว 4,107 กิโลเมตร ขึ้นแผนที่ให้ดู ท่อลำเลียงแก๊สรัสเซียจากแหลม Yamal และไซบีเรียตะวันตก ป้อนให้ยุโรป ผ่านเบลารุส โปแลนด์ เยอรมนี ขึ้นที่แฟรงก์เฟิร์ต รัสเซียได้หยุดส่งแก๊สท่อ Yamal ท่อนี้ ที่เข้าไปยังโปแลนด์ และเยอรนี คิดเป็น 40 เปอร์เซ็นต์ ของแก๊สที่เข้าไปในยุโรป เมื่อหยุดส่งแก๊ส ทำให้ราคาแก๊สสูงขึ้นแบบก้าวกระโดด

ท่านผู้ชมได้ดูเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แล้ว ได้มีการสัมภาษณ์คนไทยที่อยู่ในเยอรมนี ที่เพิ่งกลับมาเยือนเมืองไทย และเล่าให้ฟังถึงต้นทุนค่าพลังงานที่บ้านของตัวเองต้องใช้

ปัญหาที่น่าจับตาดูคือในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 ก็คือราคาน้ำมันและราคาแก๊สธรรมชาติจะสูงขึ้นอีกแค่ไหน ? ทั้งหมดนี้มันจะส่งผลกระทบต่อประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันสภาวะทางเศรษฐกิจของเราค่อนข้างเปราะบางมากน้อยแค่ไหน เรื่องราคาพลังงานแพงในประเทศไทยนั้น มันเป็นเรื่องที่รัฐบาลพยายามจะแก้ไขอยู่ตลอดเวลา รัฐบาลมีเครื่องมือตรึงราคาน้ำมัน คือการใช้เงินอุดหนุนจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง และการลดภาษีสรรพสามิต แต่ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดภาระกับการคลังของประเทศ

ท่านผู้ชมครับ เรื่องพลังงานไม่ใช่เป็นเรื่องวิกฤตในตัวมันเอง เพราะจริงๆ แล้วมันเป็นแค่หัวเชื้อ และประเด็นเริ่มต้นเข้าไปสู่วิกฤตอื่นๆ ที่กระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศไทยและประชาชนชาวไทย ซึ่งผมจะเล่าให้ฟัง

วิกฤตข้อที่สอง คือ วิกฤตขาดแคลนอาหาร เงินเฟ้อประเทศไทยสูงที่สุดในรอบ 13 ปี ปัญหาใหญ่กว่าพลังงานที่โลกต้องเผชิญในครึ่งปีหลังของปีนี้ คือวิกฤตขาดแคลนอาหาร ที่ราคาสูงขึ้นจากมาตรการแซงก์ชันรัสเซีย เนื่องจากสงครามวิกฤตยูเครนกำลังลามเข้าไปกระทบอุตสาหกรรมอาหารสัตว์


ท่านผู้ชมครับ รัสเซีย กับยูเครน รวมกันแล้วส่งออกอาหารประเภทธัญพืชมากถึง 1 ใน 4 ของตลาดโลก มาดูตัวเลขกันนิดหนึ่ง รัสเซีย-ยูเครน เป็นคนส่งออกข้าวสาลีรวมกันแล้วร่วม 30 เปอร์เซ็นต์ของโลก เยอะมาก ส่งออกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มากที่สุดในโลก สูงถึง 19 เปอร์เซ็นต์ รัสเซียเป็นผู้ผลิตปุ๋ยรายใหญ่ของโลก ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ด้วยเหตุนี้ สงครามยูเครนทำให้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยพุ่งสูงกว่าตลาดโลก ขึ้นมาเป็น 12 บาทต่อกิโลกรัม และมีแนวโน้มขยับไปจนถึง 15 บาทต่อกิโลกรัม แม้ราคาจะแพง แต่ก็ไม่มีของออกสู่ตลาด

จากความต้องการที่เราต้องใช้ข้าวโพดทั้งหมด 7.98 ล้านตัน ตอนนี้เรายังขาดอยู่ 3.18 ล้านตัน ก็เลยต้องใช้วัตถุดิบอื่นๆ เข้ามาทดแทน ก็คือ ข้าวสาลี แต่ท่านผู้ชมครับ เอกชนไทยก็ไม่สามารถนำเข้าข้าวสาลีได้ เพราะอุปสรรคจากมาตรการ 3 ต่อ 1 ที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ บังคับ คือต้องให้ซื้อผลผลิตข้าวโพดในไทย 3 ส่วนก่อน จึงมีสิทธิ์นำเข้าข้าวสาลีได้ 1 ส่วน แต่ตอนนี้ไม่มีข้าวโพดในไทยให้ซื้อแล้ว ถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้ ทำให้โรงงานอาหารสัตว์ไม่สามารถนำเข้าข้าวสาลีเข้ามาได้ ส่งผลให้บริษัทอาหารสัตว์ของไทย 52 แห่ง ปิดไลน์การผลิต


จากอาหารสัตว์เข้าสู่ปศุสัตว์ การที่วัตถุดิบผลิตอาหารสัตว์ขาดแคลน ส่งผลกระทบห่วงโซ่อุตสาหกรรมปศุสัตว์ไทยที่มีมูลค่ารวม 1.7 ล้านล้านบาท ทำให้ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นมาอีก 50-60 เปอร์เซ็นต์ และขาดแคลน ส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมปศุสัตว์ที่มีมูลค่ารวม 1.7 ล้านล้านบาท ท่านผู้ชมครับ สมาคมผู้ประกอบการ ทั้งสมาคมอาหารสัตว์ที่มีสมาชิก 52 บริษัท เลี้ยงไก่ ค้าปุ๋ย ธุรกิจการเกษตรไทยที่มีการนำเข้าปุ๋ยจากรัสเซีย 4.45 แสนตัน รวมถึงเบลารุส รวมทั้งสิ้นปีละ 6.5-7 แสนตัน ที่นำเข้านี่คือแม่ปุ๋ยนะครับ เชื้อปุ๋ย ทุกคนทำหนังสือร้องเรียนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ยกเลิกเพดานราคาสินค้าควบคุม ขอให้ปรับราคาขึ้น ทั้งอาหารสัตว์ เนื้อสัตว์ และไข่ไก่ ท่านผู้ชมเห็นหรือยัง ครึ่งปีหลังอาหารในเมืองไทยจะขึ้นสูงมาก

แล้วสงครามที่้ยืดเยื้อจะกระทบกับราคาอาหารเพียงใด ? ท่านผู้ชมครับ เรามาดูตัวเลขในโลกนี้ ผมกำลังเอาตารางอาหารของ FAO คือ องค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติ ราคาอาหารสูงทั้งสองครั้ง นำไปสู่การประท้วงทางการเมืองใน 40 ประเทศ 2553 เกิดเหตุการณ์ใหญ่ อาหรับสปริง มีการล้มล้างรัฐบาลในหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง และแอฟริกาตอนเหนือ อาหารที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นกระทบกระเทือนประเทศที่มีฐานะร่ำรวยน้อยกว่า เพราะว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายอาหารต่อรายจ่ายทั้งหมดสำหรับประเทศที่ร่ำรวย ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับประเทศที่ยากจน สัดส่วนค่าใช้จ่ายอาหารต่อรายจ่ายทั้งหมดในครัวเรือนนั้น สูงจนน่ากลัว ไนจีเรีย 56.4 เปอร์เซ็นต์ ต่อค่าใช้จ่ายทั้งหมด คือค่าใช้จ่ายอาหาร เคนยา 46.7 เปอร์เซ็นต์ แม้กระทั่งในอาเซียนเรา อย่างประเทศฟิลิปปินส์ ค่าใช้จ่ายในเรื่องอาหารเมื่อเปรียบเทียบเป็นสัดส่วนกับค่าใช้จ่ายรวมทั้งหมด สูงถึง 42 เปอร์เซ็นต์


เพราะฉะนั้น FAO องค์การอาหารและเกษตรของสหประชาชาติ ระบุเลยว่า เปรียบเทียบปีต่อปี กุมภาพันธ์ 2565 สูงขึ้นจากปีก่อน (หนึ่งปีที่แล้ว) 20.7 เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมอาจจะไม่เดือดร้อน เพราะเราอยู่ในประเทศไทย เราผลิตอาหารของเราเองได้ แต่ตอนนี้สถานการณ์ตึงเครียดมาก เพราะความอดอยากกำลังจะกลับมาเยือนโลกอีกครั้ง เพราะทำไม ? เพราะประเทศผู้ผลิตหลายรายได้เริ่มระงับการส่งออกแล้ว มาดูกัน

เซอร์เบีย ระงับการส่งออกน้ำมันพืช ข้าวสาลี แป้ง ข้าวโพด
อินโดนีเซีย ลดการส่งออกน้ำมันปาล์ม 30 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 6 เดือน
อาร์เจนตินา ลดเพดานส่งออกข้าวโพดเหลือ 41.6 ล้านตัน (อาร์เจนตินาเป็นผู้ผลิตอันดับ 3 ของโลก ยอดผลิต 54 ล้านตัน) ลดเพดานส่งออกข้าวสาลีให้เหลือ 12.5 ล้านตัน (จากยอดผลิตทั้งหมด 20 ล้านตัน)

ท่านผู้ชมครับ เมื่อการค้าปุ๋ยในโลกจะติดขัดมากขึ้น ย่อมทำให้ยอดผลิตในฤดูกาลเพาะปลูกในอนาคตลดลงเช่นกัน น่าสนใจมาก ผมเอากราฟให้ดู ราคาก๊าซธรรมชาติเวลามันขึ้นแล้ว ราคาปุ๋ยก็ขึ้นตาม ข้อมูลนี้น่าสนใจที่สุด ที่ผมเอามาให้ดู จะเห็นว่ากราฟตั้งแต่ปี 2551 ราคาปุ๋ยในยุโรปจะล้อกับราคาก๊าซธรรมชาติเกือบจะ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็คือว่า ถ้าก๊าซธรรมชาติขึ้น ปุ๋ยก็ขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ก๊าซธรรมชาติตอนนี้ในยุโรปขึ้นสูงมาก ราคาปุ๋ยก็ต้องขึ้นสูงมาก ต้นทุนการผลิตก็ต้องสูงตามไป

ท่านผู้ชมครับ ประเทศไทยเราขณะนี้ยังไม่สนใจปรับปรุงแก้ไขกติกาให้ทันสถานการณ์ ผมเชื่อว่าถ้ารัฐบาลชุดนี้ยังหลับๆ ตื่นๆ ไม่คิดดักทางปัญหาล่วงหน้า เอาแต่เดินตามอาการ ตามหลังหนึ่งก้าว เหมือนการแก้โควิด คนไทยจะเดือดร้อนหนัก ท่ามกลางความยืดเยื้อของสงครามใหญ่ น้ำมันแพงทะลุ 125 ดอลลาร์ ต่อ 1 บาร์เรล อัตราเงินเฟ้อไทยสูงถึงเกือบ 6 เปอร์เซ็นต์ สูงที่สุดในรอบ 13 ปี

ท่านผู้ชมครับ วิกฤตข้อสุดท้ายของประเทศไทยในขณะนี้ที่ผมอยากจะพูด ก็คือวิกฤตปัญหาสินค้าส่งออกไปจีน ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่า ผมเคยเตือนแล้วเตือนอีกหลายครั้ง เรื่องความสัมพันธ์ไทย-จีน ว่าให้ใช้ความระมัดระวังในการดำเนินนโยบายการต่างประเทศ การทหาร และการค้า ที่จะไปกระทบกับความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกับเรา ที่สำคัญ มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจต่อประเทศไทยสูงมาก

มกราคม ที่ผ่านมา ตอนที่ 120 ของรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมเตือนไปแล้วนะครับ ผมเตือนตั้งแต่เดือนมกราคม ว่าปัญหาส่งออกผลไม้ไทยไปจีน ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ตลาดจีนเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของไทย แต่ปัญหาความสัมพันธ์หลายๆ อย่างกำลังกระทบการส่งออกผลไม้เหล่านี้ที่มีมูลค่านับแสนล้าน


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูตัวเลขกันนิดหนึ่ง จีนเป็นตลาดส่งออกผลไม้สดอันดับหนึ่งของประเทศไทย ตัวเลขในปี 63 มูลค่า 79,000 ล้านบาท ที่ส่งออก ผลไม้ไทยที่สำคัญ มีทุเรียน ลำไย มังคุด มะม่วง มะพร้าว เป็นต้น พอมาปีที่แล้ว แค่ 11 เดือน ระหว่างมกราคม-พฤศจิกายน การส่งออกผลไม้สดไทยไปสู่จีน เพิ่มขึ้น 100 เปอร์เซ็นต์ เป็น 160,000 ล้านบาท ผลไม้ไทยสดที่ส่งออก 3 อันดับแรก ทุเรียน มังคุดสด และลำไยสด ตามลำดับ พอเรามองดูสถิติย้อนหลัง 15 ปี 2548-2563 จะพบว่ามูลค่าผลไม้ไทยที่ส่งออกไปจีนนั้น เติบโตขึ้นมาอย่างมหาศาล


อย่างไรก็ตาม ในปลายปี 2564 ที่ผ่านมา เราเริ่มประสบปัญหาการส่งผลไม้ออก ติดขัดไปตามด่านต่างๆ ของจีน ไม่ว่าจะเป็นลาว-จีน หรือเวียดนาม-จีน รถบรรทุกขนส่งสินค้าซึ่งจำนวนมากเป็นสินค้าจากไทย รวมทั้งผลไม้ไทย เข้าจีนไม่ได้ ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปให้ดูเลย รถติดยาวเป็นหลายสิบกิโลเมตร

ท่านผู้ชมครับ ผมเอารูปให้ดูว่ากลางเดือนธันวาคม 2564 รถบรรทุกนับพันคัน จอดติดอยู่หน้าด่านบ่อเต็น แขวงหลวงน้ำทา ประเทศลาว เพื่อรอคิวข้ามแดนไปส่งสินค้ายังฝั่งจีน เมื่อการส่งออกไปจีนเกิดอุปสรรค ความซวยก็เลยตกมาที่ผลไม้ไทย ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกตอนนี้แสนกว่าล้านบาท โดยเฉพาะชาวสวนที่อยู่ในภาคตะวันออก โดยเฉพาะระยอง จันทบุรี และตราด


ผมเอาตัวอย่างให้ท่านผู้ชมดู ทุเรียน 2564 มีผลผลิตทุเรียน 550,000 ตัน มูลค่าส่งออก 109,240 ล้านบาท ยอดส่งออกทุเรียนมีอยู่ 25,000 ตู้ มังคุด 7,000 ตู้ เขาคาดคำนวณว่าปี 2565 จะมีผลผลิตทุเรียนออกประมาณ 740,000 ตัน รวมปริมาณมังคุดจะส่งออก รวมเบ็ดเสร็จแล้ว ทั้งทุเรียนและมังคุด 1 ล้านตัน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าโดยเฉลี่ยแล้วจะส่งออกทุเรียนวันละ 700 ตู้ มังคุด 300 ตู้ รวมวันละ 1,000 ตู้ ซึ่งผลผลิต 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ ส่งออกจีน ถ้ามีการส่งออก ขนส่งทุเรียนไทยมูลค่า 1 แสนล้านบาท ก็จะได้ลดการกระทบทันที


ท่านผู้ชมครับ เรามาที่ลำไยกันนิด วิกฤตผลผลิตลำไย 4 แสนตัน ส่งออกได้เพียง 1 แสนตันเอง ชาวสวนลำไยทางเหนือแทบจะล้มละลายกันเป็นแถว ราคาลำไยจากการส่งออกกิโลกรัมละ 30-35 บาท ตอนนี้เหลือไม่ถึง 10 บาทต่อกิโลกรัม มูลค่าที่เคยส่งออก 8 พันล้านบาท ตอนนี้เหลือแค่ 2 พันล้านบาท ประชาชนที่มีอาชีพในการปลูกลำไย และต้องพึ่งพาราคาส่งออก เพื่อเอามาเลี้ยงดูครอบครัว ใช้จ่ายในบ้าน ส่งเสียลูกเรียนหนังสือ จ่ายค่าเทอมให้ลูก แต่ก่อนเคยได้ 8 พันบาท วันนี้เหลือแค่ 2 พันบาท จะอยู่กันอย่างไร


ท่านผู้ชมครับ ข้อมูลที่ผมให้ท่านผู้ชมนี้ เป็นต้นปี มกราคม 2565 สอดคล้องกับข้อมูลที่ผมได้มาเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2565 จากพ่อค้าที่ดำเนินการส่งผลไม้ตามเส้นทาง R12 ซึ่งเป็นเส้นทางไทย-ลาว-เวียดนาม-จีน ซึ่งพ่อค้าผลไม้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมการส่งออกผลไม้ไทย ยืนยันกับผมเลยว่า มีนาคม (เดือนนี้) ปลายเดือนที่จะถึงนี้ นรกมาเยือนแน่นอน เดี๋ยวผมจะเอาเส้นทาง 4 เส้นทาง ส่งผลไม้ไทยไปจีนให้ดู


ผลไม้ไทยเดิมทีมี 4 เส้น คือขนส่งรถบรรทุกผ่านได้ 4 เส้นทางหลัก คือ R3A คือจากด่านเชียงของ ต่อไปด่านบ่อหาน ในลาว ขึ้นไปเรื่อยๆ และไปถึงคุนหมิง เส้นทางที่สอง คือ R9 จากมุกดาหาร ตัดเข้าไปสู่เส้นทางหลัก เส้นทางหลักจะวิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ ผ่านเวียดนาม เข้าจีนที่ด่านตงชิง ด่านโหย่วอี้กวาน และด่านรถไฟผิงเสียง R12 จากนครพนม เช่นกัน เข้าไป join เส้นทางหลัก เหมือบกับ R9 จากมุกดาหาร แล้วก็ไล่ขึ้นไปเหมือนเดิม และอีกเส้นทางหนึ่ง คือ R8 ด่านบึงกาฬ เข้าลาว แล้วก็เส้นทางหลักเช่นกัน แล้วก็ไปสามด่านของจีน มีด่านตงชิง ด่านโหย่วอี้กวาน และด่านรถไฟผิงเสียง คือทั้งหมดนี้จีนอนุญาตให้ผลไม้ไทยเข้าไป 4 ด่าน ด่านโหย่วอี้กวาน ด่านโมฮาน ด่านตงชิง และด่านรถไฟผิงเสียง

ท่านผู้ชมครับ ในช่วงหลายปีมานี้ เส้นทาง R12 คือด่านนครพนม ได้รับความนิยมมาก เพราะเป็นหนึ่งในเส้นทางขนส่งที่เข้าสู่จีนได้สั้นที่สุด เพราะการค้าการขายนั้น ต้นทุนค่าขนส่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เป็นเส้นทางที่เชื่อมอีสานของไทยกับนานาประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มจากนครพนม R12 เข้าลาว เข้าเวียดนาม และเข้าสู่ด่านประเทศจีนถึง 2 ด่าน คือ ด่านโหย่วอี้กวาน และด่านตงชิง ระยะทางทั้งหมด 1,500 กิโลเมตร ตอนนี้มีพ่อค้าผลไม้ไทยมาฟ้องผมว่ารัฐบาลไทย โดยกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงเกษตรฯ บอกว่าส่งออกได้ แก้ไขปัญหาแล้ว คุยกับจีน คุยกับเวียดนามแล้ว แต่พอทำจริงๆ พอส่งออกจริง ไม่ได้เป็นอย่างที่ออกข่าวมาเลย

คนที่เขาทำมาค้าขายเรื่องการส่งออกผลไม้เขาเล่าให้ผมฟังว่า ตั้งแต่เกิดวิกฤตโควิด-19 จนกระทั่งปัจจุบัน ทางการจีนประกาศใช้มาตรการ Zero COVID ออกมาตรการที่เข้ม โดยได้จำกัดปริมาณการนำเข้าสินค้า ที่ผ่านมามีการรับสินค้าไม่เกิน 100 ตู้ แบ่งโควตาเป็น เวียดนาม 80 ตู้ต่อวัน ส่วนไทยได้แค่ 20 ตู้ต่อวัน ทั้งหมดนี้ทำให้คนส่งผลไม้ไทยเกิดปัญหาการส่งออก ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง โดยเฉพาะปัญหารถขนส่งผลไม้ มีการตกค้างชายแดนจีนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ท่านผู้ชมครับ กี่คันรู้ไหม ? 4 พันคัน


ตั้งแต่ตุลาคม 2564 เกิดปัญหารถติดสะสมชายแดนจีนกับเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นด่านโหย่วอี้กวาน หรือด่านรถไฟผิงเสียง และด่านตงชิง สามด่านนี้ รถขนส่งผลไม้บางคัน สินค้าต้องรอคิวเข้าจีนนับเป็นเดือนๆ ถึงจะเข้าจีนได้ สภาพผลไม้ที่ส่งออก ทุเรียน ขนุน เรียกได้ว่าเสียหายยับเยิน เฉพาะทุเรียนแตก ขนุนเน่าทิ้ง คนส่งออกบางรายต้องตีกลับ นำตู้สินค้าตีกลับมาไทย แล้วก็ส่งออกทางเรือ พ่อค้าส่งออกบางรายตีกลับสินค้า ไม่นำขึ้นเครื่องบิน ไม่คุ้มค่าขนส่ง เพราะว่าค่าขนส่งทางเครื่องบินแพงกว่าขนส่งทางบกหรือทางรถไฟถึงสิบเท่า เป็นค่าใช้จ่ายมหาศาลมากถ้าส่งทางเครื่องบิน แต่บางท่าน ผู้ส่งออกบางรายต้องยอม ดีกว่าทิ้งทุเรียนให้เน่าทั้งตู้ เพราะทุเรียนตู้หนึ่งมีมูลค่าประมาณ 4 ล้านบาท แต่เรียกว่าขาดทุนย่อยยับเลยงานนี้

ท่านผู้ชมครับ พ่อค้าและการส่งออกผลไม้ไทยไปจีน ให้ข้อมูลกับผมด้วยว่า จากปัญหาที่เกิดสถานการณ์รถติดหน้าด่านทำให้ผู้ประกอบการไทยได้ประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ส่งออกไทย กระทรวงพาณิชย์ของไทยได้เพียงแต่ประกาศแจ้งออกมาว่า ให้หลีกเลี่ยงใช้เส้นทางขนส่งด่านโหย่วอี้กวาน ด่านตงชิง ให้หลีกเลี่ยง คือสองด่านนี้หลีกเลี่ยงไปเลย เนื่องจากรถติดมาก ให้ไปใช้เส้นทางอื่นแทน ผู้ประกอบการก็บอกว่า ขอโทษนะครับ แล้วผมจะไปใช้ที่ไหน เพราะมันติดทุกด่าน เหลือด่านรถไฟผิงเสียง มันก็ติดเช่นกัน ก็ถามว่า บอกไม่ให้ใช้สองด่านนี้ แต่ด่านนี้ก็ติดเช่นกัน แล้วจะให้ไปใช้ด่านไหนต่อ


ปรากฏว่า 14 มีนาคม ที่ผ่านมา ไม่กี่วันมานี้ คุณรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่ดูแลกระทรวงเกษตรฯ และพาณิชย์ ออกมาแก้ตัวเหมือนเดิมว่า กำลังจัดการให้อยู่ โดยกล่าวว่า รัฐบาลได้หารือกับทางจีนในหลายประเด็น กล่าวคือ ขอให้ล้งไทย คือมันมีทั้งล้งจีน และล้งไทย ช่วงหลังล้งจีนไม่ซื้อแล้ว เพราะว่าล้งจีนเขามีข้อมูลภายใน เขารู้ดีกว่าล้งไทยเยอะ ข้อมูลภายในคือ ประเทศจีนเขากีดกันผลไม้ไทย แต่เขาไม่พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา เขาสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นจากด่านต่างๆ เหล่านี้ ให้รถมันติด เป็นเดือนกว่าจะได้เข้าไป ผลไม้เน่า ฉิบหายวายป่วงกันหมด คุณรัชดา บอกว่า ได้อบรมล้งไทยไปแล้ว 400 แห่ง สามารถผ่านได้โดยที่ไม่ต้องเปิดทุกตู้ ปัญหามันไม่ใช่เปิดทุกตู้ ปัญหาคือ รถที่เข้าไป และส่งเข้าไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเภทขึ้นรถไฟของเวียดนาม ไล่ขึ้นไปเรื่อยๆ มาถึงสองด่านนี้ เวียดนามเขาจำกัดรถผลไม้ไทยให้มีแค่ไม่เกิน 20 ตู้ อีก 80 ตู้ เป็นของเขาหมด เพราะฉะนั้น ถ้า 20 ตู้ จากผลไม้ไทยร่วมล้านตัน เกือบๆ 3 หมื่นตู้ ชาติไหนถึงจะส่งได้

แล้วคุณรัชดา พูดต่อ การขนส่งบนเส้นทางรถไฟลาว-จีน จากลาว ไปจีน เข้าไปสู่คุนหมิง ปิดตู้ที่ประเทศลาว ส่งไปคุนหมิงโดยไม่ต้องแวะตรวจที่ด่านโมฮาน เพื่อทำให้สามารถส่งทุเรียน ผลไม้เศรษฐกิจอื่นๆ ทางรางได้ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปีนี้ เสนอให้มีการประชุมหารือกับประเทศจีน ลาว และเวียดนาม เพื่อตกลงร่วมกันเรื่อง protocal ในการเปิด-ปิดด่านชายแดนต่างๆ เสนอให้ด่านมีช่องสีเขียวสำหรับผลไม้ไทยเป็นการเฉพาะ


ท่านผู้ชมครับ ด้วยความเคารพ คุณรัชดา ครับ ต่อเนื่องไปจนถึงคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ และคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และคุณรัชดา ซึ่งเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ที่คุณพูดออกมา ผมฟังแล้วผมอดขำไม่ได้ อย่างข้อสองนี่ชัดเจนว่าคุณสร้างภาพจริงๆ ผลไม้ไทยส่งออกประเทศจีนปีละ 1.6 ล้านตัน เฉลี่ยเดือนละ 132,000 ตัน รถไฟจีน-ลาว เพิ่งเปิดมาได้ 2-3 เดือน เดือนธันวาคม 2564 สามาถส่งสินค้าได้เพียง 5 หมื่นตัน เท่านั้นเอง แล้วคุณคิดว่าบนรถไฟส่งจากลาวเข้าจีน ประเทศไทยมีสิทธิ์ที่จะไปจองตู้ทั้งหมดทุกตู้ได้หรือเปล่า ? ไม่ใช่ ลาวเขาก็มีของเขา ประเทศไทยได้ก็เหมือนกลับเข้าไปเหมือนเดิม ก็เหมือน 20 ตู้ แล้วผลไม้ไทยจะแทรกเข้าไปในรถไฟจีน-ลาวได้อย่างไร ขั้นตอนเป็นอย่างไร กฎระเบียบ ค่าบริการ ค่าระวาง ค่ายกตู้ ถึงส่งไปได้ ล่าสุดเท่าที่ทราบคือสินค้าไทยผ่านเส้นทางลาว-จีน ที่ผมทราบมา แล้วข้อมูลผมขอให้ท่านผู้ชมเชื่อว่าแม่นยำกว่าของคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ของคุณเฉลิมชัย ศรีอ่อน หรือของคุณรัชดา ตลอดจนคุณอลงกรณ์ พลบุตร ข้อมูลผลไม้เข้าจีนเฉลี่ยอย่างมากก็แค่วันละ 3 ตู้คอนเทนเนอร์

ท่านผู้ชมครับ ปลายมีนาคม 2565 จับตาฤดูส่งออกผลไม้ไทย ส่อเค้าวิกฤตแน่นอน ประเด็นอยู่ตรงไหน ? ถึงแม้ตอนนี้ยังไม่ใช่ฤดูการส่งออกผลไม้ทุเรียน ยังประสบปัญหาแบบนี้ ถ้าพวกคุณยังไม่รีบแก้ปัญหาเรื่องรถติด เนื่องจากมาตรการโควิดเป็นศูนย์ของจีน คาดว่าสินค้าเกษตรของไทย โดยเฉพาะทุเรียน และมังคุด จะออกมาสู่ตลาดในปลายมีนาคม ซึ่งก็อีกแค่อาทิตย์กว่าๆ นี้่เอง จะส่อเค้าวิกฤตอย่างแน่นอน ปัญหาจะเป็นห่วงโซ่ ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่การผลิตผลไม้ส่งออกเงียบเหงา และจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่


คุณจุรินทร์ ครับ คุณเฉลิมชัย ครับ และคุณรัชดา ครับ หัวหน้าพรรค เลขาฯ พรรค กรรมการบริหารพรรค ไหนที่คุณบอกว่าจัดการให้แล้ว แก้ปัญหาให้ ปลดล็อกให้แล้วเรื่องปัญหาส่งออกผลไม้ไทย ผมจะเอาจดหมายฉบับนี้ออกมา ขอคำอธิบายเรื่องจดหมายหน่อย

3 ภาคเอกชนทนไม่ไหว จี้รัฐแก้ปัญหาส่งออกผลไม้ไทย-จีน

15 มีนาคม เมื่อ 2-3 ที่ผ่านมานี้เอง ภาคเอกชน 3 สถาบันหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ประกอบด้วย สภาหอการค้าแห่งไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ทำจดหมายถึงคุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ส่งสำเนาถึงคุณบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ระบุเรื่องว่า ร้องเรียนกรณีปัญหาการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนผ่านด่านทางบก สรุปเนื้อหาอย่างนี้ครับ กรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน บอกว่า ณ วันนี้ ก่อนที่ผลไม้ไทยจะออก ไทยประสบปัญหาส่งออกผลไม้ไทยไปจีน จากนโยบาย Zero COVID-19 ซึ่งทางจีนเข้มงวดมาก มีการตรวจดูสินค้าทุกตู้ จากเดิมที่สุ่มตรวจเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้เกิดปัญหา ดังนี้ หนึ่ง ใช้รถยะเวลาในการตรวจเพื่อผ่านด่านนานกว่าช่วงปกติ รถสะสมติดหน้าด่านจำนวนมาก จากเดิมใช้เวลาขนส่ง 3-5 วันต่อเที่ยว เป็น 10-15 วันต่อเที่ยว เวลาที่ใช้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ผลไม้เน่าเสีย ขณะที่ขนส่งทางรถไฟลาว-จีน จากด่านหนองคาย-ลาว ไปยังด่านบ่อหาน (จีน) ก็ไม่สามารถที่จะทำได้ เพราะติดปัญหาเรื่องการก่อสร้างลานตรวจพืชสินค้าเกษตร ณ ด่านสถานีรถไฟบ่อหาน ที่ยังไม่แล้วเสร็จและเปิดใช้การ แม้ว่าทางทฤษฎีจะส่งสินค้าทางเรือและอากาศได้ แต่ผู้ประกอบการไม่สามารถแบกรับภาระค่าขนส่งที่สูงมาก

ข้อเรียกร้องของภาคเอกชน และ 3 สถาบัน ต่อรัฐบาลไทย มีดังนี้ ขอให้เร่งเจรจากับรัฐบาลจีนให้เปิดด่านสถานีรถไฟโมฮาน ให้ทันเดือนเมษายน 2565 ขอให้มีการเจรจาทั้งฝ่ายจีนและเวียดนาม เพื่อขยายเวลาเปิดด่านให้กับด่านโหย่วอี้กวาน ด่านตงชิง ให้ขยายเวลาในช่วงฤดูกาลผลไม้เป็น 24 ชั่วโมง เพิ่มช่องทางเป็นช่องเขียว (Green Lane) ในการตรวจสินค้าผลไม้ พร้อมทั้งให้จีนพิจารณาเพิ่มเจ้าหน้าที่ในการดำเนินพิธีการทางศุลกากรและการตรวจโรค

สาม ขอให้จีนเพิ่มการอนุญาตจำนวนรถบรรทุกให้ผ่านด่านในเส้นทาง R3A ก็คือด่านเชียงของ ของไทย ด่านห้วยทรายของลาว ด่านบ่อเต็นของลาว และด่านโมฮานของจีนให้มากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันการตรวจที่เข้มงวดทำให้อนุญาตให้ปล่อยรถขนส่งสินค้าจากลาวเข้าไปในจีนเพียงแค่ 100-150 คันต่อวัน

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่อยากจะพูดอะไร ไหนบอกว่ารัฐบาลไทย กระทรวงพาณิชย์ คุยกับจีน เวียดนาม ลาว ตลอด แก้ปัญหารู้เรื่อง แต่ในความเป็นจริงคุณไม่รู้เรื่องหรอก คุณออกข่าวหลอกคนไทยมาตลอดว่าจัดการให้แล้ว แก้ปัญหาให้แล้ว จดหมายฉบับนี้เป็นการจับโกหกและเป็นการตบหน้าคุณจุรินทร์ และพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูแลเรื่องนี้อย่างชัดเจนที่สุด


คุณจุรินทร์ และคุณเฉลิมชัย ครับ ผมจะแนะอะไรอย่างหนึ่ง เชื่อผมสิ คุณอย่าหิวแสง และคุณอย่าโชว์ออฟว่าคุณจัดการเรียบร้อยแล้ว ปัญหาเรื่องการส่งออกเข้าจีนที่มีปัญหามาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วนั้น มันใหญ่เกินตัวคุณไปแล้ว ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มันกระจอก รองนายกรัฐมนตรีก็กระจอก คุณเชื่อผมสิ ว่ามันเป็นทัศนคติและเป็นแนวคิดของทางปักกิ่ง ก็ในเมื่อไทยยืนข้างอเมริกา แล้วยิ่งล่าสุดเข้าไปเป็นสมาชิกของกลุ่มอินโด-แปซิฟิก เพื่อต้านจีน แล้วคุณคิดว่าเขาจะให้คุณส่งผลไม้จากเมืองไทยเข้าไปจีนได้ง่ายๆ เหมือนแต่ก่อนหรือ ยุคที่ไปหลอกให้เขาซื้อข้าวเน่า 1 ล้านตัน ข้าวดร 1 ล้านตัน แล้วก็ยางพารา 2 แสนตัน มันหมดไปแล้ว เขาไม่ทำอะไรให้คุณอีกแล้ว เขาแค่ดำเนินการ คุณไปคุยกับศุลกากรของจีน ศุลกากรจีนก็รายงานถามผู้ใหญ่ ก็บอกว่า ดึงๆ มันไว้ก่อน คุณคุยอีกสิบรอบ จีนก็บอกว่า ห่าวๆๆๆ ก็คือดีๆๆๆ เหมยเว่นถี ไม่มีปัญหา แต่มันมีปัญหาสิ เพราะว่าเขาได้รับฟังคำสั่งจากข้างบนว่าลาก ถ่วง ดึงให้มันนานๆ เพราะผลไม้ไทยพอส่งออกไม่ได้ ชาวบ้านก็ต้องมาโวยวายกับรัฐบาลไทย แล้วไทยก็ต้องส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูง ไม่ใช่แค่รัฐมนตรีฯ พาณิชย์มาคุย คุยไม่รู้เรื่องหรอก เชื่อผมสิ คุณอย่าไร้เดียงสาอย่างนี้ได้ไหม ผมแนะทางออกให้คุณทางหนึ่ง คุณจุรินทร์

คุณเดินไปหานายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คุณบอก คุณดอน ครับ ไหนๆ จีนเขาไม่พอใจที่เราดำเนินนโยบายต่างประเทศร่วมกับยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของอเมริกา เพื่อมาต้านจีน เรามีปัญหาเรื่องการส่งออกผลไม้แล้ว กรุณาบอกโจ ไบเดน อเมริกา ให้จัดงบประมาณส่วนหนึ่งแล้วมาซื้อทุเรียนไทยไปหน่อยได้ไหม เอ้า ปรากฏว่าคนอเมริกันไม่กินทุเรียน เพราะทุเรียนมีชาติเดียวในโลกนี้ที่กิน ก็คือคนจีน เจ้าของสวนผลไม้ หรือล้งไทยทั้งหลายที่ส่งออกไม่ได้ เอาผลไม้พวกนี้มาเทสถานทูตอเมริกาในประเทศไทย ลำไย เอาไปเทที่หน้ากงสุลอเมริกา บอก เฮ้ย คุณช่วยซื้อไปหน่อยได้ไหม ก็ไหนบอกว่าประเทศอเมริกาเป็นเพื่อนรักกัน อุตส่าห์ดึงกูเข้าไปต้านจีน ก็ยอมไป ขณะที่อเมริกาสั่งให้ไปประชุมอาเซียน นายดอน ปรมัตถ์วินัย และ พล.อ.ประยุทธ์ ก็กระดี๊กระด๊าอยากไปตัวสั่นงันงก แต่แล้วก็ไปไม่ได้ เพราะประธานอาเซียน คือ ฮุน เซน บอกว่าผู้นำอาเซียนไม่มีใครว่าง เพราะว่าฮุน เซน ไม่ใช่หมาชิวาว่าเหมือนกับคุณดอน หรือ พล.อ.ประยุทธ์ เป็น ที่อเมริกาบอกให้เห่า ก็เห่า บอกให้มาหา ก็ต้องมาหา

คุณจุรินทร์ จนวันนี้คุณยังไม่เก๊ตอีกหรือว่าเขาตอบโต้เรามาแล้ว แต่เขาใช้วิธีตอบโต้แบบเขานิ่งเฉย คุณเจรจากับเขา เขาก็พยักหน้ารับฟัง แล้วเขาบอกไม่มีปัญหา แต่มันจะมีปัญหาตลอดเวลา คุณยังไม่เก๊ตอีกหรือ

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเศร้ามาก ท่านผู้ชมครับ พล.อ.ประยุทธ์ ครับ คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ครับ มันหมดยุคของการที่คุณส่งรองนายกฯ ประวิตร วงษ์สุวรรณ แล้วไปขอให้เขาซื้อข้าวเน่า 1 ล้านตัน ข้าวดี 1 ล้านตัน และยางพาราอีก 2 แสนตัน มันหมดไปแล้ว เขาช่วยคุณไปแล้ว แล้วคุณก็เนรคุณเขาด้วยการเข้าไปร่วมสนธิสัญญาความมั่นคงของอเมริกา เข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิกของยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ที่มีฟิลิปปินส์ ที่มีไทย มีเกาหลีใต้ มีญี่ปุ่น มีออสเตรเลีย มีอังกฤษ และมีอเมริกา อินเดียเขายังไม่ยุ่งเลย เพราะฉะนั้นแล้ว คุณดอน คุณช่วยคุณจุรินทร์หน่อยสิ ก็คุณสนิทสนมกับเจ้านายคุณไม่ใช่หรือ คุณก็ไปเลียแข้งเลียขา เห่า หอนสักนิดหน่อยก็ได้ ช่วยซื้อผลไม้ไทยหน่อยได้ไหม เพราะว่าเข้าจีนลำบากมากเลยวันนี้ คุณดอน รีบติดต่อคนที่คุณพึ่งพาเขาอยู่ หรือคนที่คุณเลียแข้งเลียขาอยู่ คือ อเมริกา ว่าถึงเวลาแล้ว ต้องพิสูจน์ให้สนธิ มันเห็นหน่อยว่าอเมริกามีน้ำยา อเมริกาไม่ทิ้งไทยหรอก จัดงบประมาณมาหน่อย ทียูเครนยังจัดได้ ให้สภาคองเกรสออกงบประมาณมาเพื่อช่วยเหลือยูเครน ตอนนี้ต้องช่วยเหลือไทยแล้ว คุณดอน ถ้าคุณจะเฮ้าเลี่ยน ก็เฮ้าเลี่ยนในเรื่องนี้ไปด้วยสิ ช่วยคนไทยทีเถอะ ผมขอร้อง
กำลังโหลดความคิดเห็น