xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHITALK : วิกฤตยูเครน ชนวนสงครามโลก - ใครฆ่า พล.ท.มนัส คงแป้น - ปฐมวิบากกรรมทักษิณ ภาค 2

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 25 ก.พ.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ทางแอปพลิเคชัน Sondhi App เฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยประเด็นที่ได้เล่าในวันนี้ เป็นเรื่องวิกฤติยูเครน รัสเซียเริ่มเปิดฉากยิงถล่มเป้าหมายในหลายเมืองของยูเครน สงครามจะเกิดหรือไม่?

“ประเด็นปัญหาการค้ามนุษย์” รังสิมันต์ โรม เอาเรื่องเก่าเล่าใหม่ กล่าวหารัฐบาลไม่แก้ปัญหา ปกป้องขบวนการค้ามนุษย์ ตัดตอนคดีนี้ และสาวไปไม่ไกลกว่า พล.ท.มนัส คงเเป้น ที่เสียชีวิต เรื่องนี้จริงๆเ เล้วเป็นอย่างไร ใครฆ่า พล.ท.มนัส กันแน่

ปฐมวิบากกรรมทักษิณ ภาค2 ที่ทำให้ต้องเร่ร่อนอยู่นอกประเทศจนทุกวันนี้ และ

"บิ๊กตู่" กับ "อนุทิน" พระรามกับนางสีดา การเมืองไทย 2022 จุะลงเอยกันอย่างไร



คำต่อคำ SONDHI TALK EP. 126 [25 ก.พ. 65] : วิกฤตยูเครน ชนวนสงครามโลก

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
แอปพลิเคชัน : SONDHI APP
    ระบบ iOS ดาวโหลดได้ที่ AppStore : https://apps.apple.com/th/app/sondhi-app/id1588046647.
    ระบบ Android ดาวโหลดได้ที่ Google Play : https://play.google.com/store/apps/details?id=com.sondhitalk.asia.android
เฟซบุ๊กแฟนเพจ :คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube :Sondhitalk
เว็บไซต์ :www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 เป็นรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ซึ่งท่านผู้ชมดูได้ในเฟซบุ๊กไลฟ์สด ในยูทูปไลฟ์สด และใน Sondhi App ไลฟ์สดเช่นกัน พร้อมกันใน 3 แพลตฟอร์ม

ตอนนี้สถานการณ์โควิด-19 กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีก ยอดผู้ติดเชื้อรายวัน ยังไม่รวม ATK เลย 2 หมื่นคนไปแล้ว ท่านผู้ชมครับ ผมพกฟ้าทะลายโจรติดตัวตลอดเวลา ในลิ้นชักก็มี ในรถก็มี ในบ้านก็มี เพราะผมคิดว่าการระบาดครั้งหลังสุด โอมิครอน ไม่ได้รุนแรงอะไรมากมายนัก หรือแม้จะเป็นการระบาดที่ระบาดมาแล้วก่อนหน้านั้น ฟ้าทะลายโจร เมื่อรู้ตัวว่าติดในตอนแรก สามวันแรกทานฟ้าทะลายโจร 99 เปอร์เซ็นต์ หายขาด เวลาผมไปไหนมาไหน ผมพกติดตัวไป ถ้าไปในที่ๆ มีคนเยอะ จำเป็นต้องไปงาน อย่างเช่นงานศพ หรืองานบวช หรือว่างานอะไรที่จำเป็นต้องไป โปรดสังเกต ผมใช้คำว่า "จำเป็น" ถ้าไม่จำเป็นผมจะปฏิเสธเขาหมดเลย ก่อนไปผมทานไป 4 เม็ด กลับมาที่บ้าน ตอนเย็นก็อีก 4 เม็ด ก่อนนอนอีก 4 เม็ด เช้าอีก 4 เม็ด ทานติดกัน 5 วัน ผมไม่มีปัญหาอะไรเลย ตอนนี้ถ้าใครยังต้องการฟ้าทะลายโจรของมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน inbox เข้ามาได้ หรือถ้าอยากได้ฟ้าทะลายโจรของอาจารย์ปานเทพ ซึ่งเป็นพรีเมียม ทำมาจากใบ ก็มีจำหน่ายแล้วที่ Shopee และ Lazada


ท่านผู้ชมครับ ผมจะพูดย้ำอีกที ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่กว่าการดูแลตัวเอง เราต้องสร้างภูมิคุ้มกันของเราตลอดเวลา ท่านผู้ชมครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมมาโฆษณาขายของ ไม่ใช่ QUERCETIN C PLUS ZINC ก็อย่างที่ผมบอกครับ สารสกัดหอมแดง สังกะสี และวิตามินซี อยู่ในแคปซูลเดียวกันหมดเลย วันหนึ่งทาน 2 แคปซูล นี่คือการสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง วันละ 2 แคปซูล เดือนละ 60 แคปซูล

QUERCETIN มีคุณสมบัติสร้างภูมิคุ้มกันให้มีประสิทธิภาพ ทำให้เราไม่ป่วยหรือติดหวัดง่าย อีกอย่าง ยังสามารถต้านเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบหลอดเลือดและหัวใจ

อีกตัวที่ผมทานประจำก็คือ LUTEIN เนื่องจากช่วงหลังเราใช้ตามาก เราดูโทรศัพท์มือถือ เราดูทีวีตลอดเวลา มันจะบำรุงตาเพราะมันผสมน้ำมันปลา บำรุงสายตา ฟื้นฟูสภาพดวงตาให้กลับมาทำงานได้ดีขึ้น ลดสารอนุมูลอิสระที่จะมาทำลายดวงตา เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวงตา


อาหารเสริม 2 ตัวนี้ หาซื้อได้ที่ Shopee กับ Lazada ขอแถมพกนิดหนึ่งครับ ยาสีฟันสมุนไพรบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งรีวิวออกมาทุกคนชื่นชมหมด ดีมาก สำหรับ LUTEIN มีคนส่งจดหมายมาบอกว่าทานแล้วตาสว่างจริงๆ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมอย่าลืม เรื่องนี้ ทุกอย่างเป็นเรื่องของการเสริมภูมิคุ้มกัน ทำตัวให้สุขภาพดีขึ้น

ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้เรามีเรื่องราวอะไรบ้าง ? อาทิตย์นี้ผมคงจะเริ่มเรื่องของพระราม กับนางสี พระราม คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านเรียกตัวท่านเองว่าพระราม ส่วนสีดา ก็คือ อนุทิน ชาญวีรกูล ในวรรณคดีพระรามจะตามใจนางสีดา แต่ในโลกการเมืองและโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว สีดาอยู่ข้างพระรามจริง แต่เอามือล้วงไปบีบไข่พระราม บีบไข่พระรามอย่างไร เดี๋ยวไปฟังผมพูดก็แล้วกัน ว่ากันว่ามือของสีดานั้นไม่ใช่มือธรรมดา มันเป็นคีมเหล็กเลยนะที่บีบไข่พระราม

เรื่องที่สอง คือการรัฐประหารเงียบ น่าสนใจ เกิดอะไรขึ้น รัฐประหารเงียบ ฟังต่อไปได้

เรื่องที่สาม คือปฐมวิบากกรรมของทักษิณ ชินวัตร ภาคสอง วิบากกรรมภาคแรกคือเรื่องของการทำบุญใหญ่ประเทศในวัดพระแก้ว ภาคสอง คือ ทำกรรมหนักกับสมเด็จพระสังฆราช

ผมขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง มีคนที่รู้ในเรื่องของวิบากกรรมและบุญกุศล มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ทักษิณ ชินวัตร ได้อานิสงส์มาจากบุญกุศลที่พ่อของตัวเองทำ ทำที่ไหน ? สมัยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโ๖ ท่านไปธุดงค์ทางเหนือ ที่เชียงใหม่ พ่อของทักษิณ ไปเป็นโยมอุปัฏฐาก ไปดูแลหลวงปู่มั่น อานิสงส์นี้ก็เลยตกมาหาคุณทักษิณ ทำให้คุณทักษิณเป็นนายกฯ ได้ แต่คุณทักษิณกลับสร้างวิบากกรรมให้ตัวเอง 3 เรื่อง เรื่องที่แล้วผมพูดไปแล้ว เรื่องวันนี้ผมจะพูดให้ฟังอีกครั้งหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ เรื่องเวรกรรมอย่าไปทำเล่น ผมเชื่อในเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และที่สำคัญ กับสมเด็จพระสังฆราช ญาณสังวร นั่นคือ อนันตริยกรรม แล้วคนที่ร่วมกับคุณทักษิณในการทำทั้งสองวิบากกรรม ก็คือ รองฯ วิษณุ เครืองาม ที่ไม่มีใครพูดถึง

ส่วนเรื่องสุดท้าย คุณรังสิมันต์ โรม ได้อภิปรายในสภาฯ ในเรื่องของค้ามนุษย์ โรฮิงญา เรื่องเก่า เล่ากันไปใหญ่เลย ข้อเท็จจริง โยงเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามา เอาเรื่อง พล.ท.มนัส คงแป้น ออกมา แล้วก็ออกคลิปในทำนองที่ว่า พล.ท.มนัส คงแป้น เสียชีวิตเพราะมีคนสั่งการให้ฆ่า พล.ท.มนัส คงแป้น ผมบอกเรื่องนี้เป็นเรื่องโกหกที่บัดซบที่สุด อยากจะรู้อะไร เข้ามาฟังเรื่องนี้ ทำไมผมถึงกล้าพูดเรื่องนี้ ? เพราะผมติดคุกอยู่กับ พล.ท.มนัส คงแป้น นอนอยู่ข้างๆ กัน รับรู้หมดทุกอย่าง รับทราบการเจ็บไข้ได้ป่วยของ พล.ท.มนัส คงแป้น ผมคิดว่าเรื่องนี้ สถาบันกษัตริย์ไม่ได้มีปากที่จะมาตอบโต้ใคร เพราะว่าพระมหากษัตริย์บ้านเราทุกพระองค์ได้แต่นั่งเงียบเมื่อคนวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง

สุดท้าย ท่านผู้ชมคนไหนยังไม่ได้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Sondhi App สิ้นเดือนนี้ ก็คืออีก 2-3 วันนี้ ก็จะเปิดเก็บค่าบริการแล้ว เดือนละ 99 บาท แต่ถ้าท่านผู้ชมสมัครเป็นรายปี ก็แค่ 990 บาท เท่ากับฟรี 2 เดือน สำหรับวิธีการจ่ายเงิน เดี๋ยวผมจะลงไว้ให้อย่างละเอียดในหน้าเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" แต่ระหว่างที่รอการจ่ายเงิน ในเดือนมีนาคม ถ้าใครยังจ่ายไม่ได้ หรือจ่ายไม่สำเร็จเพราะติดขัดในเรื่องโน้นเรื่องนี้ เราจะไม่ว่าอะไร เราจะให้ดูต่อ จริงๆ แล้วเราจะนับดีเดย์จริงๆ เราจะเริ่มเก็บเงินมีนาคม แต่เราจะนับดีเดย์จริงๆ ก็คือเมษายน ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ เพราะว่าเรามีหลายเรื่องที่เราออกแอปฯ โดยที่ไม่ได้ออกเฟซบุ๊ก อย่างเช่น ไอลีน กู่ หรือ กู่ อ้ายหลิง นักสกีสาวชาวจีนที่เกิดที่อเมริกา อายุ 18 เป็นดาวดวงเด่น และยังมีอีกหลายเรื่องที่กำลังจะตามมา


ท่านผู้ชมครับ Sondhi App เป็นแอปพลิเคชันแพลตฟอร์มเดียวในประเทศไทยที่สามารถทำให้ท่านผู้ชมได้ดูรายการ ดูเรื่องราวต่างๆ ในขณะซึ่งคนอื่นไม่มีให้ดู และไม่จำเป็นที่จะต้องไปรับฟังนโยบายของเฟซบุ๊ก หรือยูทูป สามารถพูดเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างเต็มที่โดยที่ไม่โดนบล็อก ที่สำคัญ ไม่มีโฆษณา

ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ฮอตที่สุดในโลกนี้ ขณะนี้ และฮอตในประเทศไทยด้วย ขึ้นอยู่กับความชอบของท่านผู้ชมว่าชอบข่าวต่างประเทศหรือเปล่า ก็คือเรื่องของรัสเซีย กับยูเครน วันนี้ผมจะมาอัปเดตล่าสุดให้ฟัง ว่าตอนนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ที่สำคัญที่สุด วิกฤตครั้งนี้เริ่มขมึงตึงเครียดมากขึ้นทุกทีๆ เพราะว่าล่าสุดนั้น วลาดิมีร์ ปูติน ได้สั่งอนุญาตให้กองทัพรัสเซียเข้าไปปฏิบัติการในรัฐ 2 รัฐ ในยูเครน คือ รัฐโดเนตสก์ กับ ลูฮันสก์


โดเนตสก์ กับ ลูฮันสก์ อยู่ทางยูเครนตะวันออก (ผมจะเอาแผนที่ขึ้นให้ดู) ยูเครนตะวันออก 2 รัฐนี้มีความใกล้ชิดกับพวกรัสเซียมาก เพราะว่ามีประชากรที่พูดรัสเซียจำนวนมาก และสองพวกนี้ได้ประกาศตนเป็นเอกราชมาสักพักหนึ่งแล้ว มีการปะทะกับทางฝ่ายกองทหารของยูเครน จนกระทั่งมีการเจรจาสันติภาพในปี ค.ศ. 2014 และมีข้อตกลงกันที่เรียกว่า Minsk Agreement แต่วันนี้พอ 2 รัฐนี้ประกาศตัวเป็นอิสรภาพ ก็คือเป็นพวกรัฐกบฏของยูเครนนั่นเอง รัสเซีย สภาดูมาของรัสเซียก็ออกมติรับรอง 2 รัฐนี้ว่าเป็นประเทศเอกราช และแน่นอนที่สุด นี่ก็คือกลเกมทางการเมือง ก็คือเมื่อรับรองเป็นเอกราชแล้ว 2 รัฐนี้ก็แน่นอน ต้องมีสัญญาสันติภาพ สัญญาป้องกันตนเองร่วมกับรัสเซีย ก็เหมือนกับนาโต ใครที่เป็นสมาชิกนาโต ถ้าใครไปโจมตีสมาชิกนาโต กลุ่มนาโตทั้งหมด ยุโรปตะวันตก รวมทั้งอเมริกา ก็มีสิทธิที่จะเข้ามาแทรกแซงและต่อต้านได้ ฉันใดฉันนั้น

ด้วยเหตุนี้ มันมีมาตรา 5 (ถ้าผมจำไม่ผิด) ในข้อตกลง ว่า สองประเทศนี้จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันถ้าหากมีภัยทางสงคราม


ในที่สุดแล้ว ปูติน ประกาศออกมาแล้ว ประกาศมาเมื่อวานนี้ ว่าอนุญาตให้กองทัพของรัสเซียเข้าไปในรัฐสองรัฐนี้ ก็คือ โดเนตสก์ กับ ลูฮันสก์ และปูติน ประกาศให้ทหารเคียฟ ทหารยูเครนที่มาจากรัฐบาลกลาง ซึ่งอยู่ในโดเนตสก์ และลูฮันสก์ ซึ่งตั้งประจันหน้ากับฝ่ายกบฏในพื้นที่ของสองรัฐนี้ ให้วางอาวุธ ให้ยอมแพ้ซะ และประกาศชัดเจนว่า ถ้าไม่วางอาวุธ ไม่ยอมแพ้ ถ้าเกิดการนองเลือดแล้ว ความรับผิดชอบต้องอยู่ที่เคียฟ (เคียฟ คือเมืองหลวงของยูเครน)

กฤษฎีการับรองเอกราชในสองแคว้นในภูมิภาคดอนบาส คือ สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ สาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์

อีกไม่นานนี้ หลังจากการลงนามกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปูติน สั่งให้กองกำลังเตรียมส่งกำลัง นั่นคือหลายวันที่ผ่านมา แต่วันนี้ได้ส่งเข้าไปเรียบร้อยแล้ว


ท่านผู้ชมครับ สองจังหวัดนี้ คือ โดเนตสก์ กับ ลูฮันสก์ อยู่ในแคว้นดอนบาส ทำไมรัสเซียต้องการผนวกโดเนตสก์ กับ ลูฮันสก์ ? โดเนตสก์ เป็นพื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยเหมืองแร่หลายแห่ง หนึ่งในเมืองสำคัญของภูมิภาคนี้ คือ สตาลิโน มีประชากร 2 ล้านคน เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการถลุงเหล็กสำคัญของยูเครน ส่วนลูฮันสก์ มีชื่อเดิมสมัยอยู่สหภาพโซเวียต ว่า โวโรซีลอฟกรัด เป็นเมืองที่มีประชากรรองลงมา ประมาณ 1 ล้าน 5 แสนคน เป็นเขตอุตสาหกรรมสำคัญอีกแห่งหนึ่ง อยู่ใกล้ทะเลดำ เป็นแหล่งเหมืองถ่านหินจำนวนมหาศาล ทรัพยากรของสองเมืองรัสเซียสามารถเชื่อมผ่านต่อไปยังไครเมียเพื่อประโยชน์ได้มากมาย


ส่วนพลเมืองในแคว้นดอนบาสทั้งหมดที่สองเมืองนี้อยู่ ส่วนใหญ่ใช้ภาษารัสเซีย เหตุผลเพราะว่าในอดีตนั้น แรงงานรัสเซียจำนวนมากถูกส่งไปพื้นที่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลอดช่วงการปกครองยุคโซเวียต พอยุคโซเวียตล่มสลาย ยูเครนแยกเป็นรัฐอิสระ ก็ยังมีรัฐบาลที่ยืนอยู่ข้างรัสเซีย

จนกระทั่ง 2557 จุดเริ่มการแตกหักระหว่างยูเครน กับรัสเซีย เพราะว่าอเมริกา และอังกฤษ เข้าไปแทรกแซงและยุยงส่งเสริมให้ประชาชนยูเครนทางตะวันตกทำ Orange Revolution หรือ ปฏิวัติสีส้ม ขับไล่รัฐบาลที่ยืนอยู่ข้างรัสเซียออกไป แล้วตั้งรัฐบาลของตัวเองขึ้นมา ซึ่งเป็นรัฐบาลที่นิยมฝักใฝ่ตะวันตก และอเมริกา และท้าชนรัสเซียอย่างตรงไปตรงมา


นี่เลยเป็นเหตุให้ประชาชนในยูเครนที่ฝักใฝ่รัสเซียเคลื่อนไหวก่อกบฏต่อต้าน ในที่สุดแล้ว ผลลัพธ์ที่เห็นชัดเจนที่สุด คือรัฐบาลท้องถิ่นเซวัสโตปอล ซึ่งแทบไม่ต่างกับการเป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของรัสเซีย ลงประชามติแยกไครเมียก่อนเป็นรัฐอิสระ ประชาชนในไครเมีย 96.77 เปอร์เซ็นต์ ลงคะแนนอย่างท่วมท้น หนุนไครเมียเป็นรัฐอิสระ แล้วตอนหลังรัสเซียก็เลยผนวกไครเมียได้สำเร็จ เชื่อว่าปูตินจะใช้แนวนี้ค่อยๆ รวมแคว้นดอนบาสที่อุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย

ปูติน อธิบายว่ายูเครนเป็นประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งของรัสเซีย และอ้างว่ายูเครนยุคใหม่ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นโดยรัสเซีย พื้นที่ทางภาคตะวันออกของยูเครนเป็นดินแดนของรัสเซียตั้งแต่สมัยโบราณ ปูติน ยังกล่าวว่า ยูเครนไม่เคยมีความเป็นรัฐอย่างแท้จริง และวิจารณ์ยูเครนหลังยุคสหภาพโซเวียตว่า ต้องการสิทธิและข้อได้เปรียบทุกอย่างจากรัสเซีย แต่ไม่เคยทำอะไรตอบแทน

ปูตินเคยเตือนยูเครนว่า หากยูเครนเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต จะส่งผลคุกคามโดยตรงต่อความมั่นคงของรัสเซีย และเขาเชื่อว่ายุโรป และนาโต จำนวนหนึ่งเข้าใจในความเสี่ยงนี้ แต่ว่าอเมริกาเข้ามาบีบประเทศในยุโรปเพื่อที่จะหาทางให้นาโตขยายขอบเขตของนาโตเข้าไปทางตะวันออกของยูเครน เพื่อติดรัสเซีย

ท่านผู้ชมครับ การคว่ำบาตรของอเมริกาและชาติตะวันตกนั้น ปูตินไม่สนใจ เป้าหมายทั้งหมดต้องการยับยั้งการพัฒนาของรัสเซีย ไม่สนใจในสถานการณ์ของยูเครน

ท่านผู้ชมครับ ถ้าจะเข้าใจในเรื่องราวของยูเครน กับรัสเซีย และนาโต อย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบว่า เราต้องมองป่าทั้งป่า ผมอยากจะตั้งหัวข้อเรื่องนี้ว่า "30 ปี ล้างแค้นยังไม่สาย" ผมจะเริ่มจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต และคำโกหกของอเมริกา


สหภาพโซเวียต ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1922 ล่มสลายในปี ค.ศ. 1991 (2534) มีอายุเพียง 69 ปี การล่มสลายนั้น ล่มสลายหลังจากการล่มสลายของกำแพงเบอร์ลิน ในปี 2532 อีก 2 ปี สหภาพโซเวียตก็ล่มสลาย พอกำแพงเบอร์ลินล่มสลาย ผู้นำสหรัฐฯ คือ จอร์จ บุช (ผู้พ่อ) อดีตประธานาธิบดี เป็นพ่อของจอร์จ ดับเบิลยู บุช ตอนนั้นเป็นประธานาธิบดีอยู่ ส่งนายเจมส์ เบเกอร์ รัฐมนตรีต่างประเทศ ไปตกลงกับประธานาธิบดีของรัสเซีย มิคาอิล กอร์บาชอฟ ว่าสหรัฐฯ จะไม่ผลักดันการขยายประเทศสมาชิกภาพองค์การนาโตอีก


เพราะว่าสงครามเย็นจบแล้ว และสหภาพโซเวียตก็ล่มสลายแล้ว ก็คือพูดง่ายๆ ว่า กอร์บาชอฟ ตอนนั้นยังเป็นประธานาธิบดีของรัสเซียอยู่ แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตรงกันข้ามกับที่อเมริกาให้คำมั่นสัญญา นาโตกลับสยายปีกเพิ่มจำนวนสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นายบอริส เยลต์ซิน ซึ่งรับช่วงอำนาจต่อจากนายกอร์บาชอฟ ประธานาธิบดีคนแรกของรัสเซีย ไม่พอใจมาก

ท่านผู้ชมครับ จากสีเขียว และสีเหลือง ในแผนที่ คือชาติที่นโยบายชาติที่นาโตทยอยรับเข้ามาเป็นสมาชิก ตั้งแต่ปี 2533 หรือ 1990 เป็นต้นมา ปัจจุบันมีอยู่ 14 ชาติที่เข้ามาในนาโต มีใครบ้าง ?

2542 มีสาธารณรัฐเช็ก ฮังการี โปแลนด์
2547 มีบัลแกเรีย เอสโตเทีย ลัตเวีย ลิทัวเนีย โรมาเนีย สโลวาเกีย สโลวีเนีย
2552 อัลแบเนีย โครเอเชีย มอนเตเนโกร
2563 นอร์ทมาซิโดเนีย




การขยายสมาชิกนาโตไปทางยุโรปตะวันออก มุ่งไปทางตะวันออกเลย เพื่อติดรัสเซีย รวมไปจนถึงประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต อย่างต่อเนื่อง ถือว่าเป็นการผิดสัญญาที่อเมริกาเคยให้ไว้กับผู้นำสหภาพโซเวียต และรัสเซียปัจจุบัน ทำให้ปูติน เมื่อมีอำนาจขึ้นมาในช่วงปี 2543 ยี่สิบเอ็ดปีที่แล้ว นายปูติน รอมายี่สิบกว่าปี จะเดินหน้าเอาคืนสหรัฐฯ และนาโต ซึ่งเป็นหอกข้างแคร่ของตัวเองมาตลอด ปัจจุบันรัสเซียมีความแข็งแกร่งมากในหลายมิติ ผมจะยกตัวอย่างให้ฟัง

ในการทหาร กองทัพรัสเซียมีความแข็งแกร่งมาก อาวุธยุทโธปกรณ์มีความทันสมัย และหลายๆ ประเภทยังเหนือ ล้ำกว่าสหรัฐอเมริกาอย่างมาก นี่ยังไม่นับรวมการผนึกกำลังกับชาติพันธมิตรอย่างจีน และกลุ่มองค์กรความร่วมมือของเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization : SCO)


ในเชิงเศรษฐกิจ ทุนสำรองระหว่างประเทศของรัสเซียนั้น อยู่อันดับ 4 ของโลก คิดเป็นเงินดอลลาร์ 6 แสน 3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ราคาน้ำมันและพลังงานสูงขึ้น

นี่เป็นเกร็ดอย่างหนึ่งที่คนไทยต้องภูมิใจนะท่านผู้ชมครับ ปูตินได้น้อมรับนโยบายเศรษฐกิจพอเพียง ของรัชกาลที่ 9 ไปปรับใช้ในประเทศ ทำให้มีกำลังผลิตอาหารอย่างพอเพียง สามารถไม่ต้องพึ่งพาชาติพันธมิตรใดในเอเชียได้เลย เพราะว่าสมัยก่อนรัสเซียเคยถูกตะวันตก และยุโรป แซงก์ชัน มีปัญหาเรื่องอาหารมาก แล้วรัชกาลที่ 9 เป็นคนส่งอาหารไปช่วยรัสเซีย ด้วยเหตุนี้ ท่านผู้ชมจำได้ไหม รัสเซียเชิญสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ไปเยือนรัสเซีย พระเจ้าอยู่หัวท่านไปไม่ได้ เพราะท่านลั่นสัจจะวาจาไว้ว่าท่านไม่ออกนอกประเทศ


ก็เชิญสมเด็จพระราชินีไปแทน แล้วต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่มากๆ เพราะว่าปูตินพูดเลยว่า ในชีวิตเขา เขาเคารพคน 2 คนในโลกนี้ มากที่สุด และหนึ่งในนั้นคือ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เพราะท่านเป็นคนเอาหลักการเศรษฐกิจพอเพียงไปให้รัสเซีย ไปสอนรัสเซีย ทำให้รัสเซียมีอาหารการกินได้โดยที่ไม่ต้องกังวล เพราะฉะนั้นแล้ว การปิดล้อมรัสเซีย หรือแซงก์ชันรัสเซียเรื่องอาหารนั้น ไม่มีผลต่อรัสเซียเลย

เพื่อเป็นเกร็ดอีกนิดหนึ่งให้ท่านผู้ชมทราบ ประเทศจีนก็ใช้นโยบายเศรษฐกิจพอเพียง หลายๆ พื้นที่ใช้นโยบายของพระเจ้าอยู่หัวหมด เอาพื้นที่ๆ หนึ่งมา คือพูดง่ายๆ ว่าทำเหมือนกับเลี้ยงปลานิล มีพื้นที่บางส่วนทำไร่ไถนา ส่วนหนึ่งทำเป็นบ่อ เป็นสระ เลี้ยงปลา อยู่กินกันได้ในครอบครัวหรือในชุมชน ในโลกนี้มีคนที่เอาเศรษฐกิจพอเพียงไปปฏิบัติอย่างจริงจังอยู่ 3 ประเทศ หนึ่ง คือจีน สอง รัสเซีย สาม คือเลโซโท (เลโซโท เป็นประเทศในแอฟริกา) ท่านผู้ชมครับ น่าเศร้า เศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นต้นตำรับในประเทศไทย มีแค่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ที่ท่านจริงจังกับเรื่องนี้ แต่รัฐบาลไม่ว่าจะชุดไหนก็ตาม ปากบอกว่าเศรษฐกิจพอเพียง แต่การกระทำมันไม่ใช่ นี่ต้องขอพูดจาหยาบหน่อย มัน here จริงๆ

เพราะฉะนั้นแล้ว อัตราเงินสำรองมีตั้ง 6 แสนกว่าล้านเหรียญ ราคาพลังงาน น้ำมันขึ้น อีกไม่กี่วันนี้ เดือนหน้าก็ขึ้นแล้ว น้ำมันถังละประมาณร้อยกว่าเหรียญ ใครรวยล่ะ ? ประเทศที่ผลิตน้ำมันรวย รัสเซียก็รวย เพราะรัสเซียอยู่อันดับ 2 รองจากซาอุดีอาระเบีย ในการผลิตน้ำมัน พลังงาน อันดับสองของโลก รายได้ของรัสเซีย การส่งออกน้ำมันของรัสเซียคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ของ GDP ของรัสเซีย แล้วถ้าน้ำมันขึ้นไปอีกร้อยกว่าดอลลาร์ รัสเซียก็รวยอีก เพราะฉะนั้นการแซงก์ชันรัสเซียไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่นิดเดียว เพราะรัสเซียเหมือนอิหร่าน เหมือนเกาหลีเหนือ โดนแซงก์ชันมาตลอดเวลา แต่ไหนแต่ไรแล้ว และปูตินกัดฟัน กลืนเลือดตัวเอง ผ่านการแซงก์ชันทุกครั้งมา และทุกๆ ช่วงเวลาของการถูกแซงก์ชัน ปูตินได้เรียนรู้การดำรงอยู่ให้อยู่รอดพ้นจากการแซงก์ชันมาทุกขั้นตอนตลอดเวลา เพราะฉะนั้นรัสเซียไม่สนใจการคว่ำบาตรของอเมริกา

อเมริกาคว่ำบาตร ถึงประกาศว่าจะเอาพวกทรัพย์สิน สมบัติของบรรดาเจ้าพ่อต่างๆ ที่อยู่ในรัสเซีย แล้วก็เอาเงินเอาทองของพวกนี้ที่มาซื้อหุ้น หรือมาฝากแบงก์ หรือมาซื้อทรัพย์สินต่างๆ อย่างเช่น นายโรมัน อับราโมวิช


เจ้าของทีมฟุตบอลเชลซีของอังกฤษ ซึ่งเป็นคนรัสเซีย และเป็นเพื่อนสนิทของปูติน ก็อาจจะโดนยึดทรัพย์ อายัดทรัพย์ แต่ท่านผู้ชมมองอีกมุมหนึ่ง ผมจะแนะนำอีกมิติหนึ่ง พวกเจ้าพ่อทั้งหลายพวกนี้ในรัสเซียมีเยอะ มีเงินมีทอง เอาไปลงทุน แต่ถ้าอเมริกาและตะวันตกทำเช่นนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้รัสเซียสามารถจะรวมพลังของเจ้าพ่อทั้งหลายนี้ เพราะว่าพวกนี้ไปเมืองนอกไม่ได้แล้วนี่ ก็มารวมอยู่ในรัสเซีย แล้วก็สนับสนุนรัฐบาลปูตินให้เข้มแข็งมากกว่าเก่า

รัฐบาลเครมลินบอกว่า ปูตินประกาศการตัดสินใจของเขาในการโทรศัพท์พูดคุยกับผู้นำฝรั่งเศส และเยอรมนี ทั้งสองคนแสดงความผิดหวัง แต่ปูตินไม่แคร์ ไม่สนใจเลยแม้แต่นิดเดียว การระงับโครงการท่อส่งแก๊ส Nord Stream 2 ที่ส่งแก๊สจากรัสเซีย ไปเยอรมนี หลังจากที่รัสเซียรับรองเอกราชสองดินแดนในยูเครนตะวันออก รัสเซียไม่ได้เดือดร้อน เพราะว่า Nord Stream 2 ถ้ายังไม่เกิด คนที่เดือดร้อนคือเยอรมนี และยุโรป


อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ดมิทรี เมดเวเดฟ ประณามการตัดสินใจของรัฐบาลเยอรมนีเรื่องให้ยกเลิกการเดินหน้าในเรื่องท่อส่งแก๊ส Nord Stream 2 อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย เมดเวเดฟ ทวีตบอกว่า ยินดีต้อนรับสู่โลกใหม่แห่งความห้าวหาญ ชาวยุโรปจะต้องจ่ายเงิน 2 พันยูโร เพื่อแก๊สธรรมชาติ 1 ลูกบาศก์เมตร ในเวลาเร็วๆ นี้ ท่านผู้ชมครับ บทเรียนของการชักศึกเข้าบ้านกรณียูเครน บทเรียนเลยนะท่านผู้ชม หวังว่าประเทศไทยคงจะเรียนรู้บ้าง

ผมบอกว่ารัฐบาลที่โง่เขลาที่สุดในโลก คือรัฐบาลยูเครน ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน โดดเดี่ยวตัวเองจากมิตรประเทศ ตั้งตนเป็นปรปักษ์กับมาตุภูมิเดิม คือรัสเซีย หวังพึ่งพานักล่าอาณานิคมเป็นสรณะ ทำการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน ให้นักล่าอาณานิคมเอาขีปนาวุธมาตั้งในยูเครนจ่อหัวรัสเซีย แล้วยังจะดึงสมาชิกนาโตมารุมกินรัสเซีย สภาพเช่นนี้ ความเป็นความตาย ยูเครนก็เลยหวังพึ่งนาโต และไร้ญาติขาดมิตรอื่นที่ใดจะช่วยเหลือเอื้อเฟื้อ

เมื่อรัสเซียทนไม่ไหวที่จะมีขีปนาวุธ และจะถูกรุมกินโต๊ะ ก็เลยเคลื่อนย้ายกำลังพล 1 แสน 9 หมื่นคน ประชิดชายแดนยูเครนเป็น 3 ทาง สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมา สองแคว้นของยูเครน หรือสองจังหวัดของยูเครนที่ติดกับรัสเซีย ก็ประกาศแยกดินแดนออกจากยูเครน ตั้งเป็นสาธารณรัฐอิสระ 2 รัฐ ทำให้รัสเซียให้การรับรอง เท่ากับยูเครนสูญเสียสองแคว้นไปแล้ว


เมื่อรัฐอิสระสองรัฐนี้ขอให้รัสเซียช่วยเหลือป้องกันอันตรายจากยูเครน รัสเซียก็เคลื่อนพลเข้าไปรักษาสันติภาพในสองรัฐอิสระนี้ ถ้ายูเครนยังชักศึกเข้าบ้านต่อไป อาจจะทำให้อีกสองแคว้นที่ติดชายแดนรัสเซียประกาศแยกตัวเป็นรัฐอิสระเช่นเดียวกัน คราวนี้ยูเครนจะสูญเสียดินแดนทั้งหมด 3 แคว้น แล้วถ้าขืนส่งกองทหารไปโจมตีรัฐอิสระนี้ จะเผชิญกับกองกำลังสันติภาพรัสเซีย ซึ่งพร้อมอยู่แล้ว

ในขณะเดียวกัน นาโตไม่กล้า ไม่มีชาติใดกล้าส่งทหารเข้าไปช่วยยูเครน อย่างมากก็ส่งทหารไม่มากนัก ไปตั้งรับอยู่ที่โปแลนด์ แสดงว่าถ้าสงครามเกิดขึ้น ยูเครนจะถูกปล่อยโดดเดี่ยว ให้รัสเซียเข้ายึดครองอย่างรวดเร็ว

ท่านผู้ชมครับ บทเรียนของยูเครนดังกล่าวนั้น ควรเป็นข้อเตือนใจให้คนไทย ใครก็ตามคิดชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน เมื่อตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ในที่สุดแล้วเราก็ต้องมอบความเป็นความตายให้กับนักล่าอาณานิคม ก็คืออเมริกา ซึ่งไม่มีใครมายอมตายหรือฉิบหายด้วยหรอก ไปดูอเมริกาสิ เคยยอมตายที่ไหน คนบางคน คอมเมนต์บางคอมเมนต์ เชียร์อเมริกาว่าทำงานให้กับประเทศไทยเยอะ ทำอะไร ? คุณอ่านหนังสือเกินสองบรรทัดหรือเปล่า ตอนที่อเมริกาแพ้สงครามเวียดนาม ตัวเองขนเจ้าหน้าที่สถานทูตออกจากกรุงไซ่ง่อน หรือโฮจิมินห์ ซิตี ปัจจุบันนี้ เหมือนหมาไร้เจ้าของร้องเอ๋งๆ วิ่งหนีไป ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วว่า ในขณะนั้นเวียดนามยกกำลังพลมา 3 แสนคน มารุกริมชายแดนไทย อเมริกาที่พวกคุณเทิดทูนนักหนาว่าช่วยเหลือประเทศไทย หายหัวไปหมดเลย ไม่สนใจ ใครล่ะช่วย ถ้าไม่ใช่จีน แล้ววันนี้เราดันเข้ามาร่วมกับอเมริกาเพื่อจะเป็นศัตรูกับจีน

ท่านผู้ชมครับ คนที่ชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน จะโดดเดี่ยว ถ้ามีการแบ่งแยกดินแดนตั้งเป็นรัฐอิสระแบบยูเครนบ้าง จะป้องกันแก้ไขอย่างไร ถ้าอีสานแยกออกมา ถ้าทางใต้แยกออกมา ตั้งเป็นรัฐอิสระบ้าง ผมถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผมถามอเมริกาว่า เราจะป้องกันแก้ไขอย่างไร ผมอยากจะเตือนสติซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นหน้าที่ครับ ยูเครนคือตัวอย่างให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศต้องตั้งใจ ร่วมกันรักษาบ้านรักษาเมืองไว้ให้ลูกหลานสืบไป ต้องคัดค้านการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน อย่างเด็ดเดี่ยว


ท่านผู้ชมครับ วันนี้เรามาอัปเดตกันเรื่องของการเมืองเล็กน้อย ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่มันมีข้อคิดหลายๆ ข้อ ก่อนหน้านี้มันมีความขัดแย้งภายใน ระหว่างน้องตู่ กับ พี่ป้อม จนกระทั่งอย่างที่ท่านผู้ชมทราบว่า พี่ป้อมก็ผ่องพรรคพวกตัวเอง ลูกน้องตัวเอง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปอยู่ที่พรรคเศรษฐกิจไทย ส่วนน้องตู่ก็ไม่ใช่ธรรมดา ส่งแรมโบ้ หรือ ดร.เสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ลงไปตั้งพรรครวมไทยสร้างชาติ นอกจากนั้นแล้ว ยังมีพรรคยิบย่อยอีกมากมาย พรรคนอมินีทั้งหลายของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร จนกระทั่งมีข่าวว่าท่านนายกรัฐมนตรีรัฐประหารเงียบ ซึ่งเป็นตอนหนึ่งของรายการในวันนี้ที่ผมคิดว่าจะพูดให้ฟัง มี ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กว่า 90 คน พยายามถูกดึงตัวให้ไปอยู่ภายใต้อาณัติของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยใช้งบประมาณส่วนกลางมาล่อ ตัดเชือกกลุ่มลุงป้อมออก อย่างน้อยให้ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนพฤษภาคม 2565 ไปให้ได้ เรื่องราวแบบนี้มันสร้างความอิหลักอิเหลื่อ ความไม่แน่นอน ในเวลาต่อมา

13 กุมภาพันธ์ ประมาณเกือบๆ สองอาทิตย์กว่าที่แล้ว อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ตัดสินใจแสดงความจงรักภักดี และแสดงเพาเวอร์ที่ตัวเองมีอยู่ โดยการโชว์โพย ส.ส. 260 เสียง ที่จะอุ้ม พล.อ.ประยุทธ์ ให้ครบเทอม ซึ่งทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใจชื้น ที่สำคัญคือ 260 เสียงที่อนุทินโชว์มานั้น มีทั้ง ส.ส.พรรครัฐบาล และฝ่ายค้าน อนุทิน พูดชัดเจนว่า 260 เสียงนี้ ไม่ได้นับพวก 21 เสียงที่หนีออกจากพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นกบฏกับลุงตู่


การบริหารเสียงในสภาฯ ของพรรคภูมิใจไทย ประมาทไม่ได้ เคยแสดงผลงานมาแล้วในการอภิปรายไม่ไว้วางใจในเดือนกันยายน 2564 ที่ผ่านมา เขาสามารถหาเสียงสนับสนุนให้กับนายอนุทิน และนายศักดิ์สยาม ได้มากที่สุดถึง 269 เสียงมาแล้ว

ท่านผู้ชมครับ เรามาดูตัวเลขกันนิดหนึ่ง รัฐบาลมีเสียง 267 เสียง ฝ่ายค้านมีอยู่ 208 เสียง กึ่งหนึ่งขององค์ประชุมสภาฯ คือ 238 เสียง หัก ส.ส.พรรคเศรษฐกิจไทย ส.ส.กบฏของพรรคพลังประชารัฐ และ 3 ส.ส.ที่ถูกขับออกแต่ยังไม่สังกัดพรรคใหม่ ออกไป 21 เสียง ทำให้เสียง ส.ส.รัฐบาลเหลือเพียง 246 เสียง ซึ่งเกินองค์ประชุมไปได้ไม่เกิน 10 เสียง ในช่วงที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์สภาฯ ล่มหลายครั้ง เพราะว่าองค์ประชุมไม่ครบ


ประเด็นที่ผมพูดเรื่องนี้ให้ฟัง เป็นการอัปเดตการเมือง คือ ถ้าเรามองดีๆ คำแถลงที่ว่าพรรคภูมิใจไทยคำนวณแล้วว่ารัฐบาลมี 260 เสียง อยู่ในมือ ก็หมายความว่า ลุงตู่ไม่มีเสียงเลยนะ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปหรือจะไม่ไป ขึ้นอยู่กับ 260 เสียงนี้ เพราะเป็นเสียงข้างมากของสภาฯ เพราะฉะนั้นการที่ลุงตู่บอกว่า ลุงตู่เป็นพระราม แล้วคุณอนุทิน เป็นนางสีดา มันก็กลายเป็นว่าขณะนี้นางสีดาบีบไข่พระรามอยู่ อาจจะใช้คีมเหล็กบีบไข่เสียด้วยซ้ำ มีอยู่ 2 เรื่องที่บีบไข่อยู่

เรื่องแรก คือ เรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการต่ออายุสัมปทาน และพร้อมจะโหวตสวนในคณะรัฐมนตรี ซึ่งนี่เป็นภาพพจน์และภาพลักษณ์ที่ลุงตู่ไม่อยากเห็น และขณะเดียวกันมันจะสร้างความร้าวฉานให้พรรคภูมิใจไทย และพรรคภูมิใจไทยก็อาจจะตัดสินใจประเภทหุนหันพลันแล่นอะไรบางอย่างที่ลุงตู่ไม่อยากให้เกิดขึ้น


เรื่องที่สอง คือเรื่องร่างกฎหมายกัญชา ซึ่งร่างกฎหมายกัญชานั้น ท่านนายกฯ ก็ได้ทำตัวเองให้นางสีดาพออกพอใจพอสมควร มือจะได้คลายจากการบีบไข่ออกมา ก็คือว่า การเมืองตอนนี้ สีดากำลังกุมไข่พระรามอยู่ แต่ตอนนี้พอนายกฯ ท่านเห็นด้วยกับเรื่องกัญชา โดยเซ็นอนุมัติให้เข้าสภาฯ ได้ ก็เลยทำให้มือที่บีบไข่ของนางสีดาคลายลงไป เพราะวันอังคารที่ 22 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์ ลงนามรับรองพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ของหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและคณะ ส่งกลับสภาฯ แล้ว


ก็เลยทำให้วาระที่เหลืออยู่ ก็เหลือแค่สายสีเขียว ซึ่งในที่สุดท่านนายกฯ ก็พูดออกมาชัดเจน เพื่อให้นางสีดานั้นเอามือออกจากไข่ของท่านนายกฯ เสียที คือท่านพูดชัดเจนว่า ถ้าสายสีเขียวยังไม่ถูกกฎหมาย อย่านำเข้า ครม. ผมจะอ้างอิงคำพูดของท่านนายกฯ ก็แล้วกันนะครับ

"ยังไม่เข้า ครม. ไม่ใช่หรือ ผมยังไม่เห็นเข้าเลย ไม่มีเรื่องเข้ามา เขาไปหารายละเอียดอยู่ ว่าตรงไหน อะไร อย่างไร มันผิดตรงไหน กฎหมายที่ว่าเป็นอย่างไร เขาต้องนำข้อสังเกตมาพิจารณา ไม่ได้ง่ายนักหรอก" ก็คือพูดง่ายๆ ว่ายังคงจะต้องอีกนานพอสมควร คือ พล.อ.ประยุทธ์ ก็พูดในทางว่า บางอย่างมันก็เกินเลยที่รัฐบาลจะลงไปยุ่งเกี่ยวข้างล่าง มีคณะกรรมการทำมามากมาย เป็นเรื่องของคณะกรรมการทำตามกฎหมาย มีการรับรองต่างๆ จากฝ่ายกฎหมาย ก็ว่าไป สิ่งสำคัญที่สุด ที่เดือดร้อนคือประชาชน ท่านนายกฯ บอก ต้องการแก้ปัญหาประชาชนในทางที่ถูกต้อง เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ เพราะนายกฯ ท่านไม่ยอมทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว

ท่านนายกฯ พูดเลยชัดเจน การดำเนินการสายสีเขียวที่ประชาชนมีความต้องการ ปัญหาสำคัญคือเรื่องค่าโดยสารในเรื่องการเดินทางต่อระยะ สิ่งที่รัฐบาลมุ่งหวังคือต้องการให้ทุกคนเข้าถึงบริการในราคาที่เหมาะสม ลดภาระในการต่อระยะ เพราะฉะนั้นแล้ว ก็เท่ากับว่าท่านก็ไม่เห็นด้วยกับราคา 65 บาท ที่อัศวิน ขวัญเมือง พยายามชี้แจงว่าเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว สิ่งที่เราทำมาต้องการให้เป็นเส้นทางที่เชื่อมโยงด้วยระบบเดียวกัน ส่วนใครจะได้หรือไม่ได้ประโยชน์ เป็นเรื่องที่คณะกรรมการดำเนินการอยู่แล้ว

ท่านผู้ชมครับ เรื่องของรถไฟฟ้าสายสีเขียวนั้น ผมไปเช็กดูแล้ว มันมีทางออกอยู่ 3 ทาง 3 ประเด็น ที่กระทรวงคมนาคมมีความเห็นหนักแน่น จนวันนี้ยังยืนยันว่าไม่ได้รับการแก้ไข

เรื่องแรก คือเรื่องหนี้ที่ รฟม. รถไฟฟ้ามหานคร กับ กทม. ยังติดค้างอยู่ และกับบีทีเอสด้วย กว่า 3 หมื่น 7 พันล้าน ซึ่งเป็นค่าติดตั้งงานระบบ การจ้างเดินรถยังคาราคาซังอยู่ เรื่องที่สอง คือปัญหาการโอนกรรมสิทธิ์ กทม. ไปดำเนินการจัดจ้างติดตั้งงานระบบก่อน คือพูดง่ายๆ ว่า กทม. ยังไม่มีสัญญาอะไรกับเขาเลย ก็ให้เขาติดตั้งงานระบบก่อน โดยยังไม่มีกรรมสิทธิ์ และมีแหล่งงบประมาณ และ กทม. ไปว่าจ้างเอกชนมาเดินรถก่อน จนเกิดเป็นหนี้สินของเอกชน จริงๆ ตรงนี้ผิดกฎหมาย

สาม ปัญหาเรื่องสัญญา เรื่องพระราชบัญญัติร่วมทุน กับสัมปทาน ท่านผู้ชมครับ กรุงเทพมหานครกลายเป็นหนี้งานติดตั้งระบบเดินรถ และค่าจ้างเดินรถ แต่กลับเอาส่วนนี้ คือส่วนหนี้ เป็นต้นทุน ส่วนรายได้ของโครงการแลกกับการขยายสัมปทานไปอีก 30 ปี ถึงปี 2602 โดยมูลหนี้ดังกล่าวไม่มีการประมูล และไม่มีการแข่งขันทางด้านราคา ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนว่าเป็นความต้องการที่จะหลีกเลี่ยงพระราชบัญญัติการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ซึ่งถ้าคณะรัฐมนตรีเห็นชอบด้วย อาจถือเป็นเจตนาพิเศษในการชดใช้หนี้อันไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็คือว่า กทม.สร้างหนี้แล้ว และเอาหนี้ไปเป็นทุน ด้วยหนี้ตัวนี้ก็มีส่วนในการคำนวณค่ารถ 65 บาท ซึ่งจริงๆ ไม่ถูกต้อง เพราะเจตนาพิเศษ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า เมื่อเป็นสัมปทานแล้ว อนุญาตแล้ว ก็เท่ากับว่าเป็นการชดใช้หนี้ ซึ่งหนี้นี้เป็นหนี้ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ทางออก 2 ทางในการแก้ปัญหารถไฟฟ้าสายสีเขียว ก็คือ หนึ่ง เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเลย เปลี่ยนศักดิ์สยาม ชิดชอบ ออกไปเลย ใช้คนอื่นที่พูดรู้เรื่องและไม่ยึดหลักการ หลับตาข้างหนึ่ง อนุญาตเลยว่าเห็นด้วย หรือสอง ก็เอาเข้าพระราชบัญญัติการร่วมทุน ทางออกเรื่องนี้ต้องบังคับให้ทางกระทรวงมหาดไทย กทม. ทำให้ถูกต้อง ทำให้ถูกต้องทั้งสามเรื่อง และตราบใดสามประเด็นนี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข ผมเชื่อว่าพรรคภูมิใจไทยก็จะคัดค้าน รัฐมนตรีทั้ง 7 คนของพรรคภูมิใจไทยก็จะไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี และจะเกิดความร้าวฉานขึ้นทันที


ท่านผู้ชมครับ เรื่องที่ผมจะพูดนี้มันเป็นสองเรื่องในเรื่องเดียวกัน เอาเรื่องแรกก่อนดีกว่า พอดีผมได้ดูคลิปข่าวของเนชั่นกรองข่าว ช่อง 22 เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 โดยพิธีกร คุณประชาไท ธนณรงค์ และคุณกรรณิการ์ รุ่งกิจเจริญกุล พูดถึงข่าวหัวข้อ "รัฐประหารเงียบ" คุณประชาไท หรือชื่อเล่นว่า คุณเบิ้ม กล่าวสรุป คุณเบิ้มได้รับทราบมาว่า ในวันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร แล้วท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีการเรียก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ เข้าไปพบ มี ส.ส.ภาคใต้กลุ่มหนึ่งเข้าไปคุยโขมงโฉงเฉงเสียงดังเข้าหูผม (คือคุณเบิ้ม) ว่าเดี๋ยวจะมีงบประมาณมานะพวกเรา มีงบประมาณมาโครงการละ 50 ล้าน สำหรับพวกเราในช่วงปิดสมัยประชุมช่วง 1-2 เดือนนี้ อาจจะเป็นงบกลางของสำนักนายกฯ เอามาให้พวกเรา ส.ส.พลังประชารัฐ จะได้ลงพื้นที่กัน ก็ปรากฏว่ามีการอ้างอิงว่าในการประชุมที่เรียก ส.ส.ไปพบนั้น สุชาติ ชมกลิ่น หรือเสี่ยเฮ้ง คู่รักที่แนบชิดสนิทกายของสนธยา คุณปลื้ม ปัจจุบัน นั่งอยู่ด้วย


นายกฯ ก็เลยถามว่า เอ๊ะ จะเอาอย่างไรพวกเรา ตกลงจะเอาอย่างไรดี เอาลุงตู่ หรือลุงป้อม ส.ส.ก็บอกว่า ลุงตู่ภาพลักษณ์ดีกว่าลุงป้อม ก็เลยทำให้มีคำพูดออกมาว่า ถ้าอย่างนั้นอยู่กับผมนะ ต่อไปต้องเรียกว่าคนของลุงตู่ ไม่ใช่คนของลุงป้อม คุณประชาไท ยืนยันว่ามันมีซุ่มเสียงกันแบบนี้ แล้ว ส.ส.พรรคพลังประชารัฐสายใต้ก็ออกมาพูดเหมือนกันหมด เป๊ะ

ท่านผู้ชมครับ คุณเบิ้ม ประชาไท บอกว่ามันมีข่าวออกมาว่าเดี๋ยวจะมีโครงการให้ ส.ส.คนละ 50 ล้าน จากงบกลาง อันนี้กฎหมายทำไม่ได้นะ เพราะงบ ส.ส.มันไม่มีแล้ว ไม่รู้ว่าเขาจะซิกแซกกันอย่างไร คุณประชาไท พูดต่อว่า ถ้า ส.ส.ได้คนละ 50 ล้าน พลังประชารัฐมี 97 คน คูณเข้าไป ก็ 4,850 ล้าน และมีข้อแม้ข้อตกลงกันว่า 2 เดือนนี้จัดทำงบให้ แต่ยังไม่ได้ ถ้าใครไม่เอางบก็จะได้ 2.5 ล้านบาท เผอิญจังหวะเดียวกันกับ ส.ส.มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ชื่อเล่นชื่อ เต้ ออกมาพูดในโพสต์ของตัวเองว่า "นายกฯ บอกอย่าให้พระรามต้องแผลงศรบ่อย ในรามเกียรติ์พระรามแผลงศร แต่ปัจจุบันพระรามแผลงศรกล้วยแทน ทบทวนความจำ ก็นายกฯ เคยแสดงบทพระรามแผลงศรกล้วย เมื่อต้น ก.ย.64 นี่ได้ผลเลย รองบ๊วยไงเลยได้อยู่ต่อ มีแค่ 4-5 คน ไม่ถูกศรกล้วยยิงใส่ ตอนนี้เห็นว่าครานี้พระรามจะแผลงศรกล้วย 2 ดอก มัดจำก่อนนี่ จริงไหม???" นี่คือสิ่งที่ ส.ส.มงคลกิตติ์ ระบุ

คุณเบิ้ม ประชาไท ก็เลยบอกว่า พี่เต้ไปได้ยินมาว่า 2 ดอก 2 ล้าน ส่วนผม (คุณเบิ้ม) ได้ยินมา 2.5 ดอก 2.5 ล้าน แต่ว่ามีเงื่อนไข คือจะได้หลังจากผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจเดือนพฤษภาคม ไปแล้ว แต่ถ้าผ่านศึกไปแล้วไม่ได้ จะไปทวงกับใคร ก็ไม่รู้ล่ะ

นอกจากนี้แล้ว ในวันจันทร์ที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ยังโพสต์ข้อความเพิ่มเติมอีกว่า "พระราม ในวรรณคดี เวลาแผลงศร ใช้ศรตัวเอง แต่เหตุไฉนพระรามปัจจุบัน ใช้ศรภาษีประชาชนมาแผลง แบบนี้มันผิดกฎหมายนะ" "เอ!!! สงสัยจัง ทำไม ลุงแก่ๆ ไม่มาติดต่อขอเสียงจากผม ฝ่ายค้านคนนี้บ้าง เห็นติดต่อแต่ท่านอื่นๆ ใกล้เดือน พ.ค.65 จะโหวตกันแล้ว 1 เสียง เท่ากับ ทองคำ 17.64 กก. ขั้นต่ำๆ นะ"

สรุป ท่านผู้ชมครับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผมมาเล่าให้ฟังนี้ มันเป็นรัฐประหารเงียบหรือเปล่า ซึ่งคุณเบิ้ม ประชาไท ตั้งหัวข้อว่า "รัฐประหารเงียบ" ลุงตู่ยึดอำนาจลุงป้อมแล้ว เรียก ส.ส.มา ไม่ให้ไปเจอลุงป้อม แล้วลุงป้อมก็ไม่รู้เรื่อง ลุงป้อมน้อยใจ 18 กุมภาพันธ์ ลุงป้อมจัดไปตรวจราชการที่เพชรบุรี แล้ว ส.ส.ตามไปกันเป็นพรวน กลับดึกเลย หมายความว่าลุงป้อมไม่เข้าสภาฯ แล้ว ส่วนลุงตู่ก็รัฐประหารเงียบพรรคพลังประชารัฐ อย่างไรพรรคพลังประชารัฐคือพอข้ามหัวลุงป้อมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็จะเป็นคนของลุงตู่


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นเรื่องนี้มันอยู่ตรงไหน นี่คือเรื่องแรกนะ ประเด็นเรื่องนี้ก็คือ เรื่องการแผลงศร ศรกล้วย หรือจะลิงกินกล้วย หรืออะไรก็แล้วแต่ ท่านผู้ชมจำได้หรือเปล่าเมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2565 ตอนที่ 124 ผมเอาเรื่อง "วาระปราบโกง" วาระแห่งชาติด้านการต้านคอร์รัปชันในช่วง 8 ปี สมัยที่รัฐบาล คสช. และ พล.อ.ประยุทธ์ พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง คือซ้ำไปซ้ำมา ซ้ำไปซ้ำมา สุดท้ายอันดับและดัชนีคอร์รัปชันประเทศไทยกลับตกต่ำลงเรื่อยๆ ซึ่งจริงๆ ไม่ต้องอ้างอิงดัชนีก็ได้ ในความเป็นจริงเราก็สัมผัสได้ว่า ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ปัญหาคอร์รัปชันมันไม่ได้ถูกแก้ไข และนับวันจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยเหตุนี้ ในรายการเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ผมจึงเสนอหนทางหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้แบบทันที คือการนำยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนักการเมือง ข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐ ประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ซึ่งมีปีละหลายแสนคน ยื่นมาให้เข้ากับตัวเลขการจัดเก็บภาษีอากรของแต่ละคน เพื่อพิจารณาว่าสอดคล้องกันไหม ยกตัวอย่างเช่น สมมุติคุณมีรายได้เข้ามา 100 บาท และภาษีอากรที่คุณเสียไป ไม่ได้เสียบนฐานของ 100 บาท อาจจะเสียบนฐานแค่ 10 บาท แต่หลักฐานข้อเท็จจริงที่คุณไปแจ้ง ป.ป.ช. ว่าคุณมี 100 บาท แสดงว่าคุณเสียภาษีแค่ 10 บาท แล้วอีก 90 บาท คุณต้องเสียภาษีหรือเปล่า นี่คือวิธีการ ก็คือว่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเสียภาษีถูกต้องไหม พิจารณาย้อนหลังไป 5 ปี ตัวเลขการเสียภาษีสอดคล้องกับจำนวนทรัพย์สิน-หนี้สินที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงหรือเปล่า

นอกจากนักการเมืองแล้ว เพื่อให้เกิดความเข้มข้น ยังสามารถสาวไปถึงผัว-เมีย ลูกที่ไม่บรรลุนิติภาวะ บุคคลใกล้ชิด คนในครอบครัว ว่ามีความผิดปกติเรื่องทรัพย์สิน หนี้สิน และการเสียภาษีอีกหรือไม่ ผมก็เลยย้อนเรื่องกลับไปเมื่อปี 2557 สมัยที่คุณพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดิน เคยมีนโยบายให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินใช้มาตรการทางภาษีอากรเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตและคอร์รัปชัน

พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส
ผมเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้ว ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ได้มีการส่งรายชื่อของนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงจำนวน 100 คน เข้ามา ให้ สตง. สตง.เอารายชื่อและทรัพย์สิน บัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของคน 100 คนมา ค้นพบว่า มีจำนวน 55 คน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก แต่ว่ายื่นแบบแสดงรายการภาษีน้อยกว่าความเป็นจริง คุณพิศิษฐ์ ในฐานะเป็นผู้ว่าฯ สตง. ก็เลยแจ้งให้สรรพากรดำเนินการประเมินเรียกเก็บภาษีพร้อมเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม แต่กรมสรรพากรไม่ดำเนินการ และผมก็พูดต่อไปว่า เมื่อมีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) ชุดใหม่ กลับมีการยกเลิกสำนักตรวจสอบรายได้ภาษีอากร โดย คตง. ทำหน้าที่ผู้กำหนดนโยบายและกรอบหน้าที่ ให้ผู้ว่าฯ สตง. นำไปปฏิบัติ ก็คือว่า ยกเลิกไปเลยสิ่งที่คุณพิศิษฐ์ทำอยู่

ในวันนั้น ในรายการตอนนั้น ผมแสดงหลักฐานให้เห็นว่า คตง.ชุดที่มีคำสั่งให้ยกเลิกสำนักตรวจสอบรายได้ภาษีอากร คือ คตง.ชุดที่ได้รับแต่งตั้งในวันที่ 26 กันยายน 2560 ซึ่งประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ชื่อ พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ปัจจุบันอายุ 65 ปี เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 15 จปร. รุ่น 26 เป็นรุ่นเดียวกับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา องคมนตรีปัจจุบัน และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร. ตลอดจนเป็นรุ่นเดียวกับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์


ท่านผู้ชมครับ สี่วันหลังจากที่รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เผยแพร่ออกไปเมื่อวันศุกร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ประธาน คตง. ได้ส่งจดหมายยาว 2 หน้า ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ มาให้ผม สนธิ ลิ้มทองกุล สรุปใจความได้อย่างนี้ครับ ท่านบอก ข้อที่หนึ่ง ท่านเป็นบุคคลต้นแบบในความซื่อตรงแห่งศูนย์คุณธรรม ร่วมสำนักงานตรวจการแผ่นดิน กรรมาธิการวุฒิสภา ก่อนได้รับสรรหาเป็น 1 ใน 7 คณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2560

ข้อที่สอง ท่านยืนยันว่ารัฐบาลไม่ได้เกี่ยวข้อง แทรกแซง ชี้นำใดๆ และไม่เกี่ยวกับการเรียน จปร. หรือเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับใคร

ข้อที่สาม ท่านบอกว่า คตง. เป็นการบริหารงานแบบองค์กร กลุ่มที่ต้องมีการรับผิดชอบร่วมกัน ประธาน คตง. ไม่มีอำนาจ ไม่อาจใช้คำสั่งยกเลิกสำนักตรวจสอบภาษีอากรได้แต่ลำพัง ท่านก็พูดต่อว่า การให้ข้อมูลดังกล่าวของผม จึงเป็นการให้ความรู้ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง


ข้อที่สี่ ท่านยอมรับว่าความเปลี่ยนแปลงในเรื่องนี้ สำนักตรวจสอบรายได้ภาษีอากรเกิดจากรัฐธรรมนูญ 2560 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2561 มีการปรับเปลี่ยนขอบเขตหน้าที่ อำนาจต่างๆ ของคณะกรรมการ จึงต้องมีการพิจารณาปรับโครงสร้างใหม่ภายในสำนักงานคณะกรรมการ คตง. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยุบและเกลี่ยคนในสำนักงานตรวจสอบรายได้ภาษีอากร ให้ไปรวมอยู่สำนักงานตรวจสอบและดำเนินการ

ข้อห้า มีการพิจารณาว่าการประเมินภาษีเงินได้ของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.นั้น การที่ สตง. เข้าไปทำหน้าที่ในเรื่องดังกล่าวอาจจะเป็นการทำหน้าที่ซ้ำซ้อนกับ ป.ป.ช.ได้ ท่านบอกว่า หาก สตง.เข้าไปทำหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว นอกจากเป็นการกระทำนอกขอบเขตอำนาจ ยังเป็นการทำงานที่ซ้ำซ้อนกับหน้าที่ ป.ป.ช. หากเกิดความเห็นแตกต่างกันจะเป็นการขัดขวาง และไม่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพในการทำงานแต่อย่างใด พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ พูดนะครับ (ผมจะเอาจดหมาย 2 หน้านี้ขึ้นให้ท่านผู้ชมดู)

ท่านผู้ชมครับ และ พล.อ.ชนะทัพ ครับ ผมจะขอเรียนชี้แจงอย่างนี้ อย่าถือว่าเป็นการตอบโต้ท่านเลย ถือว่าเป็นการเบิกเนตรท่านดีกว่า ไม่ได้ตอบโต้

ข้อแรกที่ท่านอ้างว่าท่านได้รับรางวัลและเป็นบุคคลต้นแบบแห่งความซื่อตรง และได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหา และได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา จากนั้นคณะกรรมการด้วยกันก็ลงมติแต่งตั้งให้ท่านเป็นประธานนั้น ไม่ผิดหรอกครับ เป็นความจริงที่ท่านอ้าง แต่ความจริงอีกด้านหนึ่งที่ท่านไม่ได้พูด และท่านไม่กล้าพูด คือ คณะกรรมการสรรหาก็ดี สมาชิกวุฒิสภาก็ดี บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเป็นกรรมการ คตง. ก็ดี ล้วนแต่มีต้นกำเนิดจาก คสช.ทั้งสิ้น หรือระบอบเผด็จการ ไม่มีกระบวนการใดที่ยึดโยงอำนาจของประชาชนเลย ซึ่งถ้ากระบวนการสรรหาไม่ได้เกิดขึ้นในช่วง คสช.ยึดอำนาจ สืบทอดอำนาจ ผมยังไม่แน่ใจว่าถ้าเป็นอย่างนั้น พล.อ.ชนะทัพ จะได้รับเลือกหรือเปล่า เพราะคนที่มีความสามารถ มีประสบการณ์ ตรวจเงินแผ่นดิน และมีชื่อเสียงในความซื่อสัตย์สุจริต ก็มีตัวตนให้เห็นอยู่มาก ไม่ใช่แค่ท่าน ที่ท่านได้รับคำชมเชย ก็เพราะว่าท่านได้รับคำชมเชยในยุคที่ใช้อำนาจเผด็จการมาตรา 44 อยู่

ข้อที่สอง พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ตลอดจนคณะกรรมการ คตง. คงจะทราบดีเหมือนกับที่ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ อย่างเดียวกับผม อย่างเดียวกับข้าราชการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนั้น หัวใจภารกิจสำคัญก็คือ ตรวจผลประโยชน์ของแผ่นดินว่าเป็นรายได้หรือรายจ่ายโดยถูกต้องตามกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ตลอดจนมีความสมควรในการรับและจ่ายเพียงใด หรือไม่ และเมื่อทราบถึงภารกิจดังกล่าว ก็ต้องทราบด้วยว่าหน่วยงานของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนั้น มีกลไกประหนึ่งแขน 2 แขน แขนข้างซ้ายมีภารกิจในการตรวจสอบรายได้แผ่นดินว่ามีการจัดเก็บรายได้ถูกต้อง ครบถ้วนตามจำนวนที่ต้องจัดเก็บหรือไม่ นั่นคืออำนาจในการตรวจสอบการจัดเก็บภาษีอากรและค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต้องตรวจสอบการทำงานของกรมสรรพากร กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ ว่าได้ทำหน้าที่จัดเก็บภาษีครบถ้วน ถูกต้อง จริงหรือไม่ เพราะรายได้แผ่นดินนั้น หากจัดเก็บไม่ถูกต้องครบถ้วน ก็จะเกิดความรั่วไหล เกิดความเสียหายกับแผ่นดิน เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ผู้เสียภาษี ซึ่งวงเงินรายได้แผ่นดินจากภาษีอากรดังกล่าวนี้ มีจำนวนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินงบประมาณแผ่นดิน จึงเป็นภารกิจที่สำคัญมาก และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินก็มีหน่วยงานเฉพาะเพื่อทำภารกิจนั้น นั่นคือสำนักงานตรวจสอบภาษีอากร

แขนข้างขวา มีภารกิจในการตรวจสอบรายจ่ายแผ่นดินที่กระทรวง ทบวง กรม รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานของรัฐต่างๆ ว่าได้จ่ายไปถูกต้องตามกฎหมาย ตามระเบียบในการใช้จ่ายเงินแผ่นดินหรือไม่ ซึ่งเป็นความสำคัญพอๆ กับภารกิจในการตรวจสอบรายได้แผ่นดิน


ท่านประธาน คตง. พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ และคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ท่าน พล.อ.ชนะทัพ เป็นประธานนั้น ทราบหรือเปล่าว่าภารกิจแขนซ้าย-ขวา มีความสำคัญและมีความจำเป็น และเป็นหน่วยงานที่รักษาผลประโยชน์ของชาติมากมายเพียงใด ผมเชื่อว่าท่านต้องรู้และมีความเข้าใจ หากท่านไม่รู้เรื่องนี้ก็ถือว่าท่านไร้เดียงสา ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นกรรมการตรวจเงินแผ่นดินเลย และถ้าท่านรู้ถึงภารกิจอันสำคัญนี้ ทั้งท่านและคณะกรรมการชุดนี้ ต้องพิทักษ์รักษา ส่งเสริมการปฏิบัติราชการของหน่วยงานสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ทั้งแขนซ้ายและแขนขวาดังกล่าว ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ดีมากขึ้นกว่าเดิม ท่านมาอ้างรัฐธรรมนูญ 2561 ได้เปลี่ยนขอบเขตหน้าที่และอำนาจความสำคัญของคณะกรรมการ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ขึ้นใหม่นั้น ข้อความนี้เปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็มีอยู่ตั้งแต่คณะกรรมการชุดก่อนแล้ว

โดยสรุปคือ กำหนดให้มีคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน กำหนดให้มีผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน กำหนดให้มีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ท่านผู้ชมครับ พล.อ.ชนะทัพ ครับ ... แต่ไม่มีบทบัญญัติใดยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงภารกิจหรือหน้าที่การตรวจเงินแผ่นดิน ทั้งรายได้ของแผ่นดิน และรายจ่ายของแผ่นดิน ทั้งแขนซ้าย-แขนขวา ซึ่งทางคณะกรรมการที่ท่านเป็นประธาน ไม่แตะต้อง ไม่ยกเลิก โครงสร้างการปฏิบัติภารกิจของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แต่กลับให้การสนับสนุน ให้การปฏิบัติงานตรวจเงินแผ่นดินทั้งด้านรายรับและรายจ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น มีกำลังคนมากขึ้น มีค่าใช้จ่ายและเบี้ยเลี้ยงให้มากขึ้น ให้เพียงพอต่อการปฏิบัติภารกิจ ย่อมมีประโยชน์ต่อการปฏิบัติราชการของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ใช่หรือไม่

แต่ปรากฏว่าท่านและคณะกรรมการชุดของท่าน กลับไปยกเลิกองค์กรและภารกิจในการตรวจเงินแผ่นดินในภาครายได้ ซึ่งมีภารกิจในการตรวจสอบรายได้แผ่นดินในแต่ละปีกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณแผ่นดิน เท่ากับว่าท่านได้ตัดแขนซ้ายข้างหนึ่งของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน โดยท่านได้คำนึงถึงความเสียหายแก่แผ่นดินหรือไม่ ท่านและพวกเท่านั้นที่จะตอบได้ แต่สำหรับภาคประชาชน ไม่มีความสงสัยใดๆ ว่าการกระทำเช่นนั้นก่อให้เกิดความเสียหายแก่แผ่นดินอย่างร้ายแรง ทำให้การตรวจสอบรายได้แผ่นดินตั้งปีละ 80 เปอร์เซ็นต์ ของงบประมาณแผ่นดินทำไม่ได้ ก่อให้เกิดความรั่วไหลอย่างกว้างขวางและรุนแรงในการจัดเก็บภาษี เป็นเหตุสำคัญที่ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐทุจริตคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาติ จนประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศในแนวหน้าสุดที่มีการทุจริตคอร์รัปชันมากที่สุดในโลก อยู่อันดับ 110 จาก 180 ประเทศ และนี่คือผลที่เกิดจากการกระทำของพวกท่าน ประธาน คตง. และคณะกรรมการ คตง.

ที่ท่านอ้างว่ามาตรา 86 ของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน บัญญัติว่า ไม่ให้ใช้อำนาจประเมินการจัดเก็บภาษีอากร หรือวินิจฉัยอำนาจประเมินของผู้มีอำนาจประเมินนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ก็คือพูดง่ายๆ ว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินไม่มีหน้าที่จะต้องไปประเมินจัดเก็บภาษีอากร ท่านประธานครับ ท่าน พล.อ.ชนะทัพ ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า กฎหมายไม่ได้บัญญัติให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจในการประเมินภาษี หรือวินิจฉัยอำนาจประเมินของผู้มีอำนาจประเมินแต่ประการใด นี่เป็นความจริง ท่านก็รู้ดี เช่นเดียวกับประชาชนทั่วประเทศรู้ว่าการประเมินภาษีนั้น เป็นอำนาจของกรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ตลอดจนองค์กรปกครองท้องถิ่นที่มีอำนาจในการประเมินภาษี ไม่เคยมีกฎหมายใด ไม่ว่าก่อนหน้าหรือหลังกฎหมายที่ท่านกล่าวอ้าง ให้อำนาจสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินประเมินภาษีเลย เพราะฉะนั้นการยกเลิกสำนักงานตรวจสอบภาษีฯ เพราะไม่มีอำนาจในการประเมินภาษีอากร จึงเป็นการเข้าใจผิดของท่าน หรือท่านมโนขึ้นมา ท่านจะหลอกคนที่ไม่รู้เรื่อง แต่หลอกคนอย่างผมไม่ได้หรอก

ท่านประธานครับ ถ้าสำนักตรวจสอบภาษีฯ ถ้าหากตรวจพบว่ามีการจัดเก็บภาษีไม่ถูกต้อง ไม่ครบถ้วน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินมีอำนาจแค่ไหน ? แค่นี้เอง แจ้งหน่วยงาน คือกรมสรรพากร ให้จัดเก็บภาษี ทำการจัดเก็บภาษีให้ถูกต้องครบถ้วนเท่านั้น เหมือนกับที่ท่านผู้ว่าการฯ คนเก่า คุณพิศิษฐ์ ได้แจ้งสรรพากรให้ทราบว่ามีให้ตรวจสอบภาษีนี้หน่อย เพราะว่ารายได้การเสียภาษีไม่ตรงกับทรัพย์สินที่มีอยู่ อำนาจการวินิจฉัยและการประเมินภาษีอยู่ที่กรมสรรพากร ท่านไม่มีเหตุใดจะมาอ้างเรื่องนี้เพื่อยกเลิกสำนักงานตรวจภาษีฯ เพราะแม้แต่เด็กที่เรียนกฎหมาย ย่อมรู้ว่าเมื่อหน่วยงานที่มีอำนาจประเมินภาษีได้ทำการประเมินภาษีแล้ว การวินิจฉัยอำนาจประเมินนี้ เป็นอำนาจเฉพาะของกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ภาษีตามกฎหมาย และถ้าผู้เสียภาษีไม่เห็นด้วยกับคณะกรรมการประเมินภาษี ก็ย่อมมีสิทธิจะนำคดีอุทธรณ์ต่อศาล และนี่คือบทบัญญัติของกฎหมาย ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร หรือใครก็ตาม ไม่อาจอ้างว่าไม่ทราบ เพราะฉะนั้นการที่ท่านตีขลุมว่ามีกฎหมายยกเลิกอำนาจการประเมินภาษีและยกเลิกอำนาจวินิจฉัยการประเมินภาษีของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และอ้างตรงนี้เป็นเหตุยุบสำนักงานตรวจเงินภาษี จึงเป็นข้ออ้างที่ไม่ตรงกับความจริง ควรหาเหตุอื่นมาอ้างจะดีกว่า เพราะเมื่อไม่มีกฎหมายให้อำนาจสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินประเมินภาษีและวินิจฉัยการประเมินภาษี จะอ้างว่ามีการยกเลิกอำนาจนี้ได้อย่างไร มันไม่มีอยู่แล้ว คุณจะไปยกเลิกอำนาจนี้ได้อย่างไร ท่านเข้าใจผิด ไม่สมควรใช้เหตุมาอ้างเพื่อยุบเลิกสำนักงานตรวจเงินภาษี

ท่านตัดแขนของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินไปแล้ว ประเทศชาติ ผลประโยชน์ของชาติเสียหายยับเยิน นี่คือผลการกระทำของท่านและคณะกรรมการของท่าน ท่านประธานครับ คนเราจะซื่อตรงหรือไม่ซื่อสัตย์สุจริตจริงหรือไม่ การกระทำและผลเป็นเครื่องบอกชัดเจน ท่านไม่ต้องมาโอ้อวดว่าท่านซื่อสัตย์ ซื่อตรง ไม่ต้องมาโอ้อวดเลย พระพุทธเจ้าตรัสว่า "สุทธิ อสุทธิ ปัจจัตตัง" แปลว่า ความบริสุทธิ์ และความไม่บริสุทธิ์ เกิดจากเหตุปัจจัย ตำแหน่งหน้าที่ใดๆ แม้ชาติตระกูล ไม่ใช่เครื่องพิสูจน์ความบริสุทธิ์หรือความโสโครก แต่ยืนยันได้ประการหนึ่งว่า การตัดแขน การตรวจรายได้แผ่นดินของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินนั้น ทำให้ผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเสียหายยับเยิน ทำให้เกิดการทุจริต โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐกลาดเกลื่อนไปทั่วแผ่นดิน ทำให้การทุจริตคอร์รัปชันเต็มไปทั้งบ้านทั้งเมือง จนประเทศไทยถูกจัดอันดับอยู่ในแนวหน้าประเทศขี้โกงของโลก และท่านคือส่วนหนึ่งของการสนับสนุนให้มีการคอร์รัปชัน จนประเทศไทยติดอันดับขี้โกงของโลก

ท่านผู้ชมครับ พล.อ.ชนะทัพ ครับ ตอนต้นเรื่องนี้ผมอธิบายในเรื่องของการแจกกล้วยให้กับ ส.ส. ของสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการประชุมสภาฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เรียก ส.ส.เข้ามาพบ และบอกว่าจะให้คนละ 50 ล้านบาท พล.อ.ชนะทัพ ครับ ท่านควรลงไปตรวจสอบว่างบกลางดังกล่าวของสำนักนายกฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ได้มีการใช้ไปอย่างถูกต้องเหมาะสมหรือไม่ หรือถูกใช้เพื่อเอื้อประโยชน์ทางการเมืองให้ใคร ทำไมท่านไม่ไปล่ะครับ งบกลางไง ตั้งกี่ปีมาแล้ว ถ้าท่านซื่อสัตย์ต่อชาติบ้านเมืองจริง ถ้าท่านทำจริงโดยที่ท่านไม่ต้องพึ่งพาอาศัยใคร และท่านอ้างว่าท่านไม่ได้มาเป็นตำแหน่งนี้ ท่านไม่ได้เกี่ยวข้อง หรือเป็นเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านตรวจสิครับ งบกลาง ตรวจสิ แต่ท่านก็ไม่กล้าตรวจ เพราะท่านไม่แน่จริงเหมือนอย่างที่ท่านคุยโวโอ้อวด

นี่คือคำตอบของผมต่อจดหมาย 2 หน้า ที่ท่านส่งมา ขอให้ถือว่าเป็นการเบิกเนตรท่านก็แล้วกัน นี่ผมพูดอย่างเกรงใจแล้วนะ เกรงใจมากๆ นะ

ศาสตราจารย์พิเศษ ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม
ผมมีอีกหนึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงความแตกต่างระหว่างท่าน กับท่านประธาน คตง.คนก่อนหน้า ท่านประธาน คตง.คนก่อนหน้า ชื่อ ศาสตราจารย์พิเศษ ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ท่านเป็นประธานกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน ชุดที่ 3 ท่าน พล.อ.ชนะทัพ เป็นชุดที่ 4 นี่เป็นข่าวเมื่อปี 2560 ก่อนชุดท่านจะมารับตำแหน่ง

14 กันยายน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ทำหนังสือแจ้งถึงนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร ให้ตรวจสอบยันข้อมูลบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่นักการเมืองกลุ่มนี้แจ้งต่อ ป.ป.ช. ในช่วงเวลา คือ รายการทรัพย์สินก่อนเข้ารับตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่ง พ้นจากตำแหน่ง 1 ปี พบว่านักการเมือง 60 คน มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลงเป็นจำนวนมาก แต่มายื่นภาษีสรรพากรต่ำกว่าความเป็นจริง

ตัวอย่างนักการเมืองรายหนึ่งแสดงทรัพย์สินสุทธิวันรับตำแหน่ง 540 ล้านบาท วันพ้นจากตำแหน่งทรัพย์สินเพิ่มเป็น 628 ล้านบาท มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสุทธิ 88 ล้านบาท คู่สมรสมีหนี้สิน ณ วันรับตำแหน่ง 370 ล้านบาท แต่วันพ้นตำแหน่งหนี้หายไปเลย สรุป นักการเมืองและคู่สมรสรายนี้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นสุทธิ ณ วันพ้นตำแหน่ง รวมเบ็ดเสร็จ 458 ล้านบาท เพื่อนำข้อมูล ป.ป.ช. มาสอบยันกับข้อมูลกรมสรรพากร พบว่ายื่นแบบ ภ.ง.ด.โดยแสดงเงินได้พึงประเมินเพียงปีละ 1.5 ล้านบาท เสียภาษี 1 แสน 5 หมื่นบาท

พล.อ.ชนะทัพ ครับ อาจารย์ชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธาน คตง.จึงสั่งการให้ สตง.ส่งรายชื่อนักการเมือง 60 คน ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นและหนี้สินลดลงอย่างจำนวนมาก แต่ยื่นแบบแสดงรายการเงินได้ไว้เพียงเล็กน้อย ให้กรมสรรพากรตรวจสอบ

ท่านผู้ชมครับ นี่คือการทำงานของประธาน คตง.ในยุคก่อนที่ท่าน พล.อ.ชนะทัพ เข้ามา ถ้าท่าน พล.อ.ชนะทัพ มองว่า สตง.ไปทำงานซ้ำซ้อน ป.ป.ช. หรือไม่เหมาะสม ไม่ควรจะทำ ท่านชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ท่านเป็นผู้พิพากษาเก่า ความรู้ทางกฎหมายท่านเก่งกว่าท่าน พล.อ.ชนะทัพ มาก คนละเรื่อง ท่านชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ท่านยังสั่งให้ สตง.ไปจัดการเรื่องนี้ แต่พอมาถึงยุคท่าน ท่านกลับบอกว่าให้เลิกสำนักงานที่ตรวจสอบทรัพย์สินและภาษีอากรแบบนี้

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมตัดสินเองก็แล้วกันว่าใครรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองแน่นอน ภาษาอังกฤษ ถ้าผมเป็นทนายในศาล ผมก็จะบอกว่า I rest my case ผมไม่มีอะไรจะซักพยานอีกต่อไปแล้ว จบ


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ผมได้พูดถึงปฐมบทวิบากกรรมของนายทักษิณ ชินวัตร ก่อนจะร่วงสู่เหวลึกกู่ไม่กลับ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ทำไมผมต้องพูดเรื่องนี้ ? ผมเป็นคนที่เชื่อในเรื่องของบุญและเรื่องของกรรม เชื่อครับ เพราะว่าผมเป็นลูกศิษย์ของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เน้นมาตลอดว่ามนุษย์เราหนีกรรมไม่ได้ ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่ยิ่งใหญ่กว่ากรรม เราเป็นไปตามกรรมที่เราทำ กรรมดี กรรมชั่ว ถ้ามีกรรมชั่ว เราก็เป็นไปตกต่ำเหมือนกับกรรมชั่วที่กดเราอยู่ ผมเชื่อมากในเรื่องนี้ ท่านผู้ชมอาจจะไม่เชื่อ หรือบางท่านที่เป็นแฟนทักษิณ ชินวัตร อาจจะไม่เชื่อ แต่ผมคิดว่า ก็ช่างท่านก็แล้วกัน แต่ผมเชื่อ

ที่ผมพูดเรื่องนี้เพราะผมต้องการให้เห็น และผมต้องการสื่อถึงทักษิณ ชินวัตร ด้วย ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับคุณ เป็นเรื่องของกรรมทั้งสิ้นที่คุณได้สร้างไว้ ปฐมบทแห่งวิบากกรรมที่คุณะได้ทำเอาไว้ ครั้งแรกก็คือเรื่องของการทำบุญประเทศ ซึ่งผมได้พูดไปแล้วเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ที่มาพูดต่อ ไม่ได้มาฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่ผมต้องการให้คนรุ่นหลัง หรือคนที่ไม่รู้เรื่องนี้ ได้เข้าใจเรื่องนี้ ไม่ใช่เป็นการตามล้างตามเช็ดทักษิณ ชินวัตร ไม่ใช่ แต่จะอธิบายหลักทางธรรมให้รู้ว่าพวกเราหนีกรรมไม่ได้

วันนี้ผมจะพูดเรื่องวิบากกรรมเรื่องที่สอง ที่ทักษิณได้ทำกับตัวเอง คือเรื่องการยึดอำนาจสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เรื่องนี้เป็น 1 ใน 3 ของวิบากกรรมที่หนักหนาสาหัสให้กับทักษิณ จนกระทั่งไม่มีแผ่นดินจะอาศัยอยู่ ต่อเนื่องมาร่วม 15 ปีแล้ว และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนสองเรื่องที่เหลือ แต่เผอิญผมนำมาเรียงเป็นเรื่องที่สองของเรื่องชุดนี้ ก็เพื่อให้เข้าใจในเรื่องอื่นที่เข้าใจได้ง่ายกว่า นั่นคือการทำบุญใหญ่ประเทศ ซึ่งได้กล่าวไว้ในตอนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 และพอจะเห็นเค้าได้ว่า มีไอ้โม่งที่ขับเคลื่อนเรื่องเหล่านี้อย่างโหดเหี้ยมอำมหิต มิได้คิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่บ้านเมืองและสถาบันต่างๆ ได้เลย และเมื่อเข้าใจในเรื่องการทำบุญประเทศแล้ว ก็จะเป็นทางให้เข้าใจเรื่องต่างๆ ได้ง่ายขึ้น


ท่านผู้ชมครับ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงเป็นที่เคารพสักการะยิ่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และรัชกาลปัจจุบัน เพราะว่าทรงเป็นพระพี่เลี้ยงเมื่อครั้งพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงบรรพชาอุปสมบท และทรงเป็นพระอนุศาสนาจารย์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลปัจจุบัน เมื่อครั้งทรงผนวช พระองค์เป็นพระมหาเถระทั้งฝ่ายอรัญวาสี และฝ่ายคามวาสี ทรงพรหมจรรย์อันบริสุทธิ์มาตลอดพระชนม์ชีพ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงพระปาติโมกข์ ทรงแสดงธรรมเป็นอนุสาสนีปาฏิหาริย์ จึงทรงเป็นพระอาจารย์ของพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ด้วย


สมเด็จพระญาณสังวร ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และเพราะเหตุที่ทรงบำเพ็ญอิทธิบาท 4 อยู่เนืองๆ จึงทรงพระชนมายุยืนยาวและทรงมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ ทรงความเป็นอาวุโสสูงสุดในสมเด็จพระราชาคณะ และกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหลาย แม้ว่าทรงมีวัยสูงกว่า ตั้งแต่ระดับ 30 ปี ถึง 10 ปี

ขณะเดียวกันนั้น เป็นที่รู้กันไปว่า ครอบครัวของทักษิณนั้น เคารพนับถือสมเด็จพุฒาจารย์ หรือสมเด็จเกี่ยว วัดสระเกศ มาช้านานแล้ว ถึงกับมีการยุยงในหนังสือพิมพ์เป็นระยะๆ ว่า คุณทักษิณมีวาสนามาก วันหนึ่งก็จะมีพระสังฆราชของตระกูลชินวัตร ซึ่งคุณทักษิณก็ไม่ได้เออออห่อหมกด้วย เพราะใครๆ ก็ย่อมเข้าใจได้ว่า การยุยงแบบนี้มีแต่นำความพินาศฉิบหายมาสู่ตัว


ท่านผู้ชมครับ ในห้วงเวลาตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา ได้เกิดกรณีธรรมกายขึ้นครึกโครม ทั้งในเชิงพุทธพาณิชย์ ที่ค้าสวรรค์ นิพพาน และการบิดเบือนพระธรรมวินัย แต่มีรายได้มากมายมหาศาล เพราะยิ่งมีคนโง่มากเท่าไร การทำมาหากินกับคนโง่ก็จะยังมีรายได้มากขึ้นเท่านั้น เรื่องราวของธรรมกายก็ขยายวงเข้าสู่มหาเถรสมาคม และวงในของรัฐบาลที่มีอำนาจกำกับดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ล้วนร่ำรวย อู้ฟู่ตามๆ กัน ถึงขั้นที่เจ้าสำนักได้รับสมณศักดิ์ถึงขั้นเทพ โดยการสนับสนุนของกรรมการมหาเถรสมาคมที่ทรงอิทธิพล จนเกิดกรณียักยอกสมบัติของวัดธรรมกาย และเป็นคดีอื้อฉาว


ท่านผู้ชมครับ ในช่วงนั้น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงมีพระสังฆราชาวินิจฉัยว่า ผู้ประกอบกรรมนั้นต้องอาบัติปาราชิก ต้องสึกจากความเป็นภิกษุ และมีพระบัญชาให้เจ้าคณะที่มีผู้เกี่ยวข้องทำการสึก แต่เชื่อไหมท่านผู้ชม มีการบิดเบือนพระบัญชา และไม่ปฏิบัติตามพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช มีการรวมตัวกันในหมู่กรรมการมหาเถรสมาคม และฝ่ายการเมือง ที่ร่วมสังฆเวรสังฆกรรมในเรื่องพุทธพาณิชย์ จนไม่มีใครยอมปฏิบัติตามพระบัญชา เป็นเหตุให้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช มีพระลิขิตถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ว่าจะไม่ทรงเข้าร่วมประชุมอีกต่อไป ซึ่งเป็นท่าทีที่นุ่มนวลและศักดิ์สิทธิ์ ที่สมเด็จพระสังฆราชทรงธรรมจะทำได้ แต่พวกผีเปรตที่เกาะพระศาสนาหากินกันไม่สำนึก ยังคงดึงดันคุ้มครองผู้เป็นปาราชิกอยู่ตลอดไป จนในที่สุดก็หายสาบสูญไปจนถึงทุกวันนี้


ท่านผู้ชมครับ การที่สมเด็จพระสังฆราชไม่ทรงเข้าร่วมประชุมนั้น ผู้สนใจในพระพุทธศาสนาก็รู้ดีว่า นั่นคือการปฏิเสธคณะที่ประชุมกันนั้นโดยวิถีของพระพุทธวิธี คือไม่ร่วมสังฆกรรมกับผู้มีศีลไม่เสมอกัน ซึ่งเข้าใจได้ชัดว่าบรรดาพวกที่สังฆกรรมกันอยู่นั้น ล่วงละเมิดศีล ล่วงละเมิดธรรมวินัย จนพระสังฆราชาทรงรังเกียจ ไม่เข้าร่วมสังฆกรรมด้วย

เพราะฉะนั้น เมื่อถึงคราวประชุมมหาเถรสมาคมคราวใด ก็เป็นข่าวใหญ่ทุกคราวไปว่า ไม่ทรงร่วมสังฆกรรมด้วยกับพวกสกปรก ไม่บริสุทธิ์ด้วยศีล จึงเกิดแรงกดดันที่จะต้องหาทางให้พระองค์ทรงพ้นไปจากหน้าที่ และจะทำให้อำนาจทั้งหลายของสมเด็จพระสังฆราชไปตกอยู่กับคนห่มเหลืองบางกลุ่มที่สุมหัวคิดกับนักการเมืองมืออาชีพ ที่แฝงอยู่ในอำนาจยาวนาน เพื่อทำมาหากินกับพระศาสนาต่อไป ดังนั้น จึงมีการปล่อยข่าวเป็นระยะๆ ว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงประชวรหนักบ้าง ทรงพระชราภาพมาก ไม่ควรจะทรงแบกพระราชธุระมากเกินไปบ้าง มีแม้กระทั่งกระแนะกระแหนว่าเรื่องราวที่เป็นปัญหามากหลายในวงการพระศาสนาเกิดขึ้นเพราะสมเด็จพระสังฆราชทรงพระชราภาพ ไม่สามารถบริหารกิจการพระศาสนาได้ แต่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงมั่นในขันติธรรม ทรงดำรงอุเบกขาธรรม มิได้หวั่นไหวด้วยโลกธรรมอันกระทบ พวกภูตผีปีศาจในวงพระศาสนาจึงขยับคิดทำอนันตริยกรรมเพื่อให้พระองค์ทรงพ้นจากหน้าที่

ท่านผู้ชมเชื่อไหมครับ จู่ๆ วันที่ 15 มกราคม 2547 สำนักพระพุทธศาสนาฯ ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และรองนายกรัฐมนตรี ที่มีบันทึกข้อราชการไปขอรับพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราชให้ทรงแต่งตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่พระสังฆราช โดยยกเหตุผลแวดล้อมจิปาถะ สรุปว่าทรงพระชราภาพมากแล้ว ไม่สมควรปฏิบัติสมณกิจในหน้าที่พระสังฆราช ซึ่งมีภาระหน้าที่มาก หากจะทรงทำหน้าที่ก็จะกระทบต่อพระสุขภาพอนามัย หากไม่ทูลให้ทรงปฏิบัติหน้าที่ก็จะเสียหายและเสียพระเกียรติ และอ้างอิงถึงการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาแห่งองค์สมเด็จพระมหากษัตริย์ด้วย จึงมีข้อความแบบนี้ออกมา ว่า รัฐบาลได้พิจารณาเห็นว่า... ก็เลยขอความเห็นชอบให้ทรงมีพระบัญชาตั้งคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งหนังสือตัวเดิมนั้นไม่ปรากฏว่าผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาฯ คือใคร ลงชื่อกราบทูล แต่เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ ใครอยู่เบื้องหลังสั่งการ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่แค่ระดับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะคิดอ่านทำการเพียงลำพัง


มีรายงานข่าวว่า ในช่วงที่มีการประกาศข่าวเรื่องนี้ ระหว่างที่ประกาศว่าสมเด็จพระสังฆราชทรงไม่มีความสามารถที่จะปฏิบัติงานได้ ระหว่างนั้น เวลานั้น ขณะนั้น สมเด็จพระสังฆราชกำลังทรงประทานประกาศนียบัตรให้แก่เด็กนักเรียนในพระอุโบสถวัดบวรฯ ท่านผู้ชมครับ ดูความเลวทรามต่ำช้า การทำอนันตริยกรรมของไอ้คนพวกนี้

หนังสือนี้สมเด็จพระสังฆราชทรงบันทึกว่า เมื่อส่งให้พระองค์ท่านดู พระองค์ท่านบอกว่า ทราบและเห็นชอบ ท่านผู้ชมครับ สังเกตว่าลายพระหัตถ์นั้นคมกริบและเป็นระเบียบ มิใช่เป็นตัวหนังสือของผู้สูงวัยปกติเลย และทรงใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ให้มีการเพิ่มหรือปลอมข้อความใดๆ ได้ ทรงพระลิขิตไว้ชิดกับมุมบนสุด ซึ่งต่อมามีการลงวันที่ข้างท้ายว่าทรงมีพระบัญชาเมื่อวันที่ 26 มกราคม 2547

ท่านผู้ชมครับ ทันทีที่ข่าวนี้ปรากฏออกไป คนทั้งหลายก็รุมกันด่า สาปแช่งทักษิณ ว่าคิดกำเริบ หวังจะตั้งสังฆราชของตระกูลชินวัตรเสียเอง บ้างด่าถึงขนาดว่าปล้นอำนาจสมเด็จพระสังฆราชกลางวันแสกๆ เพราะขณะนั้นยังแข็งแรง สมบูรณ์ ยังทรงปฏิบัติภารกิจและพระภาระในตำแหน่ง สกลมหาสังฆปริณายก ได้อย่างดียิ่ง เป็นแต่ไม่ทรงทำสังฆกรรมกับผู้ที่มีศีลบกพร่องที่นั่งอยู่ในมหาเถรสมาคมต่างหาก และครั้งนั้น คุณทักษิณดูจะเดือดร้อนเป็นอันมาก เพราะเป็นการใหญ่โตมาก แน่นอนที่สุด ทำให้ผู้คนเลื่อมใสศรัทธาในสมเด็จพระสังฆราช เกลียดชังคั่งแค้นต่อคุณทักษิณ และตระกูลชินวัตร เป็นอันมาก ซึ่งในฐานะที่เป็นนักการเมืองและเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงตั้งสติคิดนิดเดียวเท่านั้น ก็จะเห็นว่าเรื่องนี้ไม่คุ้มกันเลย และถ้าไม่ใช่เป็นการสั่งการของคุณทักษิณ แล้วใครกันแน่เป็นไอ้โม่งจัดการเรื่องนี้ และไอ้โม่งนี้จะเป็นคนเดียวกันกับคนที่ก่อกรรมวางกับดักทักษิณ ในเรื่องการทำบุญใหญ่ประเทศด้วยหรือไม่

ท่านผู้ชมครับ ต่อมาในปี 2548 เป็นมหามงคลสมัยที่พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ครองสิริราชสมบัติครบ 50 พรรษา เป็นพระราชพิธีใหญ่ ซึ่งทักษิณ ชินวัตร ได้จัดงานใหญ่ น้อมเกล้าฯ ถวายให้เป็นที่ประจักษ์มาแล้ว และถือว่าเป็นงานใหญ่ที่สุดในรัชกาลเสียด้วยซ้ำ ในงานนี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี ได้จัดพิมพ์หนังสือ "วิมุตตะมิติ มหัศจรรย์แห่งโลกภายใน" ซึ่งเป็นแบบแผนกรรมฐานวิธี 36 แบบ มีเนื้อหา 638 หน้าพิมพ์ มีต้นฉบับเกือบ 2 พันหน้า และมีปัญหาในการจัดพิมพ์ เพราะตอนนั้นคนที่เขียนหนังสือเล่มนี้คือ คุณไพศาล พืชมงคล เป็นชาวบ้าน จัดพิมพ์หนังสือแบบนี้น้อมเกล้าฯ ถวาย หาควรไม่ คุณไพศาลก็เลยยืนยันถึงความถูกต้องของการเขียนหนังสือเล่มนี้ เพราะได้ทุ่มเท ใช้เวลานานมาก และได้ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการมาก่อนถึง 2 ปี ซึ่งตอนนั้นผมเป็นคนสั่งให้ลงตีพิมพ์เอง


ในที่สุด ก็เลยให้สมเด็จพระสังฆราชเป็นคนชี้่ขาด ถ้าทรงเห็นชอบก็พิมพ์ได้ พล.อ.ชวลิต จึงมีหนังสือไปกราบทูลขอพระกรุณาให้ทรงตรวจต้นฉบับ ซึ่งในขณะนั้นขบวนการอสูรได้ยึดพระอำนาจของพระองค์ท่านไปแล้ว ตามข้อหาว่า ทรงพระชราภาพ และทรงพระประชวร สมเด็จพระสังฆราชทรงมีพระเมตตาโปรดให้อ่านต้นฉบับถวายทุกวันต่อเนื่อง ทุกวันเลย เกือบสองเดือน บางครั้งก็ทรงยิ้ม บางครั้งฟังแล้วพระองค์ท่านทรงพนมมือ บางครั้งทรงหลับพระเนตร ประหนึ่งว่าทรงทบทวนข้อความในหนังสือนั้น บางครั้งทรงพยักหน้า ในที่สุดแล้ว สมเด็จพระสังฆราช สมเด็จญาณสังวร ทรงเห็นชอบ ทรงประทานพระวรธรรมคติสำหรับเชิญหนังสือพิมพ์ลงในหนังสือนี้ และทรงพระราชทานพระฉายาลักษณ์ที่ทรงฉายร่วมกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้ลงพิมพ์ด้วย

ท่านผู้ชมครับ นี่คือหนังสือที่คุณไพศาล พืชมงคล ได้เขียนขึ้นมา เป็นเวลา 2 ปี แล้ว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นำไปถวายขอความเมตตาจากสมเด็จพระสังฆราช สมเด็จญาณสังวร เพื่อพิจารณาว่าสามารถตีพิมพ์ได้หรือไม่


ท่านผู้ชมครับ ประเด็นอยู่ตรงนี้ ถ้าสมเด็จพระสังฆราชทรงพระประชวรอย่างที่พวกขบวนการมหาโจร พวกที่กระทำอนันตริยกรรม กล่าวอ้าง ไม่มีทางที่พระองค์จะสามารถทรงตรวจต้นฉบับหนังสือวิมุตตะมิติ ซึ่งมีเนื้อหาจำนวนมากมายได้เลย พระอาการทั้งหลายยามตรวจหนังสือ ทรงมีพระสติสมบูรณ์ยิ่ง ทรงเจริญสติ ทรงเจริญสมาธิ สดับฟังการอ่านจนเสร็จสิ้น ท่านผู้ชมครับ ความเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร เพราะในขณะที่ทรงอ่านหนังสือถวายนั้น มีเจ้าหน้าที่จากสำนักราชเลขาธิการมาประจำอยู่เป็นระยะๆ ด้วยเหตุนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จึงทรงทราบเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น ครั้นสมเด็จพระสังฆราชทรงเห็นชอบ และทรงประทานพระวรธรรมคติลงพิมพ์ในหนังสือนี้แล้ว พล.อ.ชวลิต ก็เลยนำหนังสือกราบบังคมทูลขอพระบรมราชานุญาตจัดพิมพ์หนังสือน้อมเกล้าฯ ถวาย และขอรับพระราชทานพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อเชิญลงพิมพ์ในหนังสือดังกล่าว ท่านผู้ชมเชื่อไหม พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเตรียมพระบรมฉายาลักษณ์ไว้ถึง 10 ภาพ แล้วพระราชทานมาพิมพ์ลงในหนังสือเล่มนี้เป็นกรณีพิเศษ ในข้อนี้จึงยืนยันว่าในขณะที่มีการยึดพระอำนาจสมเด็จพระสังฆราชนั้น พระองค์ท่านมิได้ทรงประชวร หรือทรงชราภาพจนปฏิบัติราชการไม่ได้ดังที่อ้างในการยึดอำนาจ

สมเด็จพระสังฆราชทรงดำรงพระชนมายุจนถึงปี 2556 สิ้นพระชนม์ในขณะที่ทรงมีพระชนมพรรษาได้ 100 ปี

ท่านผู้ชมครับ หลังจากการยึดอำนาจมหาเถรสมาคมในครั้งนั้น ก็เกิดปรากฏการณ์ตำแหน่งในคณะสงฆ์ และตำแหน่งปกครองต่างๆ ก็เกิดขึ้นอย่างครึกโครม แม้กระทั่งการซื้อตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ ให้พระเกย์ พระตุ๊ด เป็นอุปัชฌาย์ และหาโอกาสเสพสุขกับพระเถระหนุ่ม ซึ่งเป็นความจริง เป็นที่น่าสังเวชยิ่ง จนในที่สุด สมเด็จเกี่ยว สมเด็จพระพุฒาจารย์ ก็มรณภาพไปก่อน

สมเด็จพระพุฒาจารย์(สมเด็จเกี่ยว)
ขบวนการดังกล่าวก็วางแผนลักหลับกันตอนตีสอง เพื่อแต่งตั้งให้สมเด็จช่วง เป็นสมเด็จพระสังฆราช

สมเด็จช่วง
แต่ในที่สุดก็เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่า รัฐบาลได้ตรากฎหมายคืนพระราชอำนาจ สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช และสมเด็จพระราชาคณะ ตลอดจนกรรมการมหาเถรสมาคม จากนั้นจึงสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ให้เป็นที่ชื่นอกชื่นใจของชาวพุทธทั่วโลกมาจนถึงปัจจุบัน

ท่านผู้ชมครับ นี่คือคำตอบว่า ทำไมในยุครัชกาลที่ 10 ถึงมีการล้างบางมหาเถรสมาคม ท่านผู้ชมครับ ผมพูดไม่ผิด "ล้างบาง" และถึงจัดการกับขบวนการธัมมชโยอย่างจริงจัง จริงใจ และตั้งใจ

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องลึกลับ เบื้องหลังการเมืองที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซ่อนปมที่ทำให้ผู้ตกเป็นเหยื่อพินาศวายวอด ล้มหายตายจากไปแล้วเป็นจำนวนมาก แต่ไอ้โม่งตัวจริงของเรื่องนี้จะยังเสวยอำนาจ เสวยสุขอยู่เพียงไหน ก็เป็นเรื่องสาธุชนทั้งหลายต้องติดตามจับตาดูกันต่อไป "ไอ้โม่ง" ยังอยู่ในรัฐบาลชุดนี้ ดำรงตำแหน่งๆ หนึ่ง ผมไม่เอ่ยชื่อก็แล้วกัน ท่านคงเดาออกว่าเป็นใคร แต่ขอให้เชื่อว่ากฎแห่งกรรมนั้นไม่ละเว้นกับผู้ใด ต่อให้เจ้าเล่ห์แสนกล เจ้าปัญญาสาไถยสักเพียงไหน ก็ไม่มีวันล่วงพ้นกฎแห่งกรรมไปได้สักวันหนึ่ง

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะจบเรื่องนี้ผมขอเอาข้อเท็จจริงบางอย่างมาเปิดเผยให้ดู ผมเอารูปของคุณทักษิณ กับคุณพจมาน ชินวัตร ที่วัดพระธรรมกาย สาขาลอนดอน ในปี 2551 ขึ้นมาให้ดู ให้รู้ถึงความใกล้ชิด หรือความเป็นลูกศิษย์ หรือสาวกของวัดธรรมกาย ของตระกูลชินวัตร และคุณหญิงอ้อ


2542 ยี่สิบสามปีที่แล้ว เมื่อมีประเด็นเรื่องวัดธรรมกาย หรือพระธัมมชโย สมเด็จญาณฯ ได้มีพระลิขิตที่ถูกเผยแพร่จำนวน 5 ฉบับ 3 ฉบับที่เป็นทางการ ได้รับการรับรองอย่างสมบูรณ์จากที่ประชุมมหาเถรสมาคม อีก 2 ฉบับ ซึ่งทางวัดธรรมกายอ้างว่าเป็นพระลิขิตปลอม ประเด็นวัดธรรมกายเป็นเรื่องข้องใจของสังคมเป็นอย่างยิ่ง ว่าทำไมกลไกต่างๆ ที่คุ้มครองพิทักษ์พระพุทธศาสนาจึงไม่ทำงาน ทั้งๆ ที่มีความผิดอย่างร้ายแรง อาบัติถึงขั้นปาราชิก พระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชว่า ต้องปาราชิก 2 ประการ คือ หนึ่ง บิดเบือนคำสอนให้สงฆ์แตกแยก สอง เอาทรัพย์สินที่คนจะให้วัดโอนเป็นชื่อของตัวเอง




นับจากปี 2542 เรื่องก็ดำเนินล่วงไปจนกระทั่งถึงปีเลือกตั้ง 2544 ที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้ง มาจนถึงปี 2547 ซึ่งสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว) มีอาวุโสทางสมณศักดิ์สูงสุดกว่าบรรดาพระสมเด็จมหาเถรสมาคม จึงเข้าตรงกับบทบัญญัติในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ไทย 2535 มาตรา 10

หลังจากนั้น ในวันที่ 13 มกราคม 2547 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ผู้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ลงนามแต่งตั้งสมเด็จพระพุฒาจารย์ ขึ้นดำรงผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช ท่านผู้ชมครับ นี่คือเกร็ดที่ผมต้องเล่าให้ฟัง

วิษณุ เครืองาม
การกระทำดังกล่าวถูกต่อต้านจากคณะพระวัตป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยมีหลวงตามหาบัว หรือ พระธรรมวิสุทธิมงคล ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด เป็นประธาน หลวงตากล่าวโทษสมเด็จเกี่ยว ว่า ทำการช่วงชิงสิทธิอันเป็นของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก โดยมีไถยเจตนา คือ มีจิตคิดขโมย พระป่า 5 พันรูป ประกาศปรับอาบัติปาราชิกต่อสมเด็จพระพุฒาจารย์


แต่สมเด็จพระพุฒาจารย์ทำตัวเป็นพระเตมีย์ใบ้ ไม่รับ ไม่ตอบ ใครอยากว่า ว่าไป เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ลืมบอกไปว่าท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม เป็นคนใต้ สมเด็จเกี่ยว เป็นคนสมุย สองคนนี้สนิทสนมกันอย่างมากๆ มากๆ

วันที่ 20 กรกฎาคม 2547 มหาเถรสมาคมซึ่งมีสมเด็จพระพุฒาจารย์เป็นประธานในที่ประชุม ก็รับลูกเหมือนนัดหมายกับรัฐบาลไว้แล้ว ออกมติมหาเถรสมาคม แต่งตั้งตัวเอง ให้สมเด็จพระพุฒาจารย์ ได้ดำรงตำแหน่งประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช จนกว่าสมเด็จพระสังฆราชจะมีพระพลานามัยสมบูรณ์ สามารถปฏิบัติภารกิจได้

ท่านผู้ชมครับ ผมรับทราบเรื่องราว เริ่มต่อสู้เรื่องดังกล่าวในขณะที่จัดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ออกอากาศเป็นประจำทุกวันศุกร์ 4 ทุ่ม ถึง 5 ทุ่ม ที่ช่อง 9 เนื่องจากว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล


ในการออกรายการครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2548 ก่อนจะถูก อสมท. สั่งปิดรายการ ผมได้พูดชัดเจนว่า เรื่องของสมเด็จญาณฯ สมเด็จพระสังฆราช เมื่อประมาณวันที่ 13 มกราคม ได้มีการแต่งตั้งสมเด็จเกี่ยว วัดสระเกศ ขึ้นมารักษาการ รัฐบาลโดยนายวิษณุ เครืองาม บอกว่าสมเด็จญาณฯ สมเด็จพระสังฆราช นั้นทรงพระประชวร ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ก็เลยตั้งขึ้นมา พอตั้งขึ้นมาแล้วให้ระยะเวลา 6 เดือน ครบ 6 เดือนก็ออกเป็นพระราชกำหนดต่อไป โดยมาแจ้งว่าพระองค์ทรงประชวรอยู่ โดยสำนักนายกฯ มาเล่าให้ฟังว่าประชวร แต่ไม่มีหลักฐานจากทางการแพทย์ แพทย์ที่ทำการรักษาสมเด็จพระสังฆราช ที่แพทย์จุฬาฯ ไม่ได้ระบุมาเลยว่าพระองค์ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ คือพูดง่ายๆ ว่าอยู่ในสภาวะที่เงียบ พระองค์ท่านไม่อยากพูด นี่ด้วยเหตุส่วนตัว ด้วยตรรกะเมื่อพระองค์ท่านไม่ปฏิบัติหน้าที่ ไม่ได้มีรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ก็มีสิทธิที่จะทำได้ถ้าอยากจะทำ

ท่านผู้ชมครับ ทำไมผมถึงรู้ว่าพระองค์ท่านปฏิบัติหน้าที่ได้ ? เพราะว่าพี่ชายผม นายแพทย์ศักดิ์ชัย ลิ้มทองกุล ก็เป็นหนึ่งในคณะแพทย์ที่ดูแลรักษาพระองค์ท่านอยู่ แล้วปรากฏว่ากาลเวลาผ่านไป มีข้อพิสูจน์ว่าพระองค์ทรงประชวรแล้วหายหรือยัง เวลาหนึ่งปีที่ผ่านมา มีเหตุการณ์บ่งชี้ว่าอาการประชวรของสมเด็จพระญาณสังวร ไม่ได้หนักหนาสาหัสถึงกับปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ 18 กรกฎาคม 2547 พระองค์ท่านมาปฏิบัติศาสนกิจตามปกติ ณ วัดบวรนิเวศวิหาร คือลงมาทำวัตรเย็น ผมบวชมาแล้ว การทำวัตรเช้า วัตรเย็น จะต้องมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ปฏิบัติในการบำเพ็ญภาวนาสวดมนต์ พระองค์ท่านสวดมนต์ด้วยพระพักตร์ที่ผ่องใส ภาพปรากฏในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ 19 กรกฎาคม 2547


20 กรกฎาคม 2547 สำนักพระราชวัง พอพระองค์ท่านลงมาทำวัตร วันที่ 20 สำนักพระราชวังออกข้อปฏิบัติต่อสมเด็จพระสังฆราช กรณีแขกที่มาเข้าเฝ้า การลงพระนามในหนังสือ นี่แปลว่าอะไร ? แปลว่าสำนักพระราชวังเล็งเห็นแล้วว่าสมเด็จพระสังฆราชนั้น ท่านปฏิบัติหน้าที่ได้ ถึงมีกติกาว่าใครจะเข้าเฝ้า ให้ปฏิบัติตนอย่างไร ถ้าทรงพระประชวรหนักจะเข้าเฝ้าได้ไหม ? ไม่ได้ ยังไม่พอ 14 สิงหาคม 2547 เวลา 18.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินพร้อมกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในขณะนั้น ทรงเยี่ยมสนทนาธรรมกับสมเด็จญาณสังวร ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เป็นเวลานานถึง 30 นาที พอพระองค์ท่านเสด็จกลับ ไม่ปรากฏว่าคณะแพทย์หลวงได้แถลงการณ์เกี่ยวกับพระอาการประชวรของพระองค์แต่อย่างใด

วันที่ 16-18 สิงหาคม 2547 สมเด็จญาณฯ ได้มีพระบัญชาให้พระเทพสารเวที เลขานุการในพระองค์ เป็นผู้ปฏิบัติแทนสมเด็จพระสังฆราช ไปถวายสักการะอดีตสมเด็จพระสังฆราช และบูรพาจารย์ของพระองค์ ตามสถานที่ต่างๆ จนครบถ้วน

3 มิถุนายน 2548 เวลา 16.00 น. สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เสด็จพระราชดำเนินไปวัดประดู่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม ทอดพระเนตรพิพิธภัณฑ์เครื่องราชศรัทธาในรัชกาลที่ 5 และหุ่นปั้นดินสอพอง รูปเจ้าอาวาสวัดประดู่ตั้งแต่ในอดีต รวมทั้งเก๋งเรือพระราชทาน เป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมงเต็ม คนที่ประชวร ไม่สบาย ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ จะไปดูพิพิธภัณฑ์ได้เป็น 2 ชั่วโมงได้อย่างไร ถ้าไม่สบาย ปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ ไปดูตั้ง 2 ชั่วโมงได้อย่างไร โทรทัศน์ก็ออก

6 มิถุนายน เสด็จฯ ไปร่วมพิธีเคารพศพหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ลูกศิษย์สายหลวงปู่มั่น ที่ จ.หนองคาย เป็นเจ้าอาวาสวัดอรัญบรรพต จ.หนองคาย ไปเพื่อที่จะเคารพศพที่วัดเทพศิรินทร์


19 มิถุนายน 2548 เวลา 16.00 น. พระองค์ท่านเสด็จฯ เป็นองค์ประธานในการพระราชทานน้ำหลวงสรงศพหลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย ประธานสงฆ์วัดเขาสุกิม อ.ท่าใหม่

ผมจำได้ผมพูดวันนั้น ผมพูดถึงรองฯ วิษณุ เครืองาม ท่านรองฯ วิษณุ ท่านพูดอย่างไร รู้ไหม ตอนที่ท่านตั้งผู้รักษาการสมเด็จพระสังฆราช ท่านพูดว่า ในนามของรัฐบาล ผมเรียนให้ทราบเลยนะครับว่า รัฐบาลนี้ไม่มีวันหรอกครับ และเชื่อว่าไม่มีรัฐบาลไหน ก็ไม่มีทางที่จะทำอะไรขัดต่อ 3-4 ประการ หนึ่ง จะไม่มีทางกระทำสิ่งใดขัดสิ่งที่มีชื่อว่าเป็นพุทธประสงค์ รองฯ วิษณุ ท่านทำขัดไปแล้ว สอง ไม่มีทางเลยที่จะทำขัดต่อพระธรรมวินัย รองฯ วิษณุ ท่านทำขัดไปแล้ว พระธรรมวินัยไม่ได้ให้ท่านมาตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ต้องสงฆ์ดำเนินการกันเอง สาม จะไม่กระทำการสิ่งใดขัดต่อพระราชอำนาจ นี่ต้องพูดเสียหน่อย ต้องพูดระวัง เดี๋ยวท่านนายกฯ บอกว่า ถ้าไม่เข้าใจ พูดไปแล้วเดี๋ยวเหาขึ้นหัว

พระราชอำนาจในการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ก่อน พ.ศ. 2535 เป็นพระราชอำนาจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่หลัง 2535 มีการแก้กฎหมาย ให้รัฐบาล และมหาเถรสมาคม ตั้งและส่งไปให้พระองค์ท่านลงนาม เอาล่ะ ในหลักจารีตประเพณี สมเด็จญาณฯ เป็นพระพี่เลี้ยงของพระเจ้าอยู่หัว ตอนพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวช


สมเด็จญาณฯ เป็นพระพี่เลี้ยง ความใกล้ชิดสนิทสนมของสมเด็จญาณฯ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 นั้น สนิทสนมกันมาก เมื่อสนิทสนมกันมากแล้ว โดยจารีตประเพณี สมมุติว่าเราเห็นว่าสมเด็จญาณฯ ทรงพระประชวรหนัก จำเป็นต้องมีคนมารักษาการ ควรหรือไม่ควร รองฯ วิษณุ ที่รัฐบาลจะต้องมีคนขอเข้ากราบบังคมทูลเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้พระองค์ท่านฟัง แล้วขอให้พระองค์ท่านทรงมีพระราชวินิจฉัย ตามมารยาทของประเพณี ก็คือไปเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แล้วกราบเรียนท่าน รองฯ วิษณุไม่ทำอย่างนี้เลย

ถามว่าวันนี้พิสูจน์ชัดไหม นี่คือคำพูดของผมในวันที่ผมออกรายการ ว่าสมเด็จพระสังฆราชไม่ได้ประชวร ปฏิบัติหน้าที่ได้ รัฐบาลทำไมถึงไม่ยกเลิกตำแหน่งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช หรือว่ารัฐบาลต้องการจะให้สมเด็จวัดสระเกศเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ต่อไป ถึงแช่เรื่องนี้เอาไว้ ปรากฏว่าวันนี้เรามีสมเด็จพระสังฆราช 2 พระองค์ สมเด็จญาณฯ และรักษาการสมเด็จพระสังฆราช

ท่านผู้ชมครับ นี่คืออนันตริยกรรมที่ทักษิณ ชินวัตร และผมพูดตรงๆ เลย วิษณุ เครืองาม เป็นคนสร้าง วิษณุ เครืองาม เป็นคนดำเนินการจัดการการทำบุญประเทศให้ทักษิณ ชินวัตร นั่นคือปฐมวิบากกรรมอันแรก และวิษณุ เครืองาม คือคนที่อยู่เบื้องหลังในการตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช นี่คืออนันตริยกรรมที่ทักษิณ และวิษณุ เครืองาม ได้สร้างเอาไว้ ผมไม่ต้องการให้สังคมไทย ไม่ต้องการให้ประชาชนคนไทย ไม่ต้องการให้คนที่รักความเป็นธรรม หลงผิด เข้าใจผิด ข้อเท็จจริงเป็นอย่างนี้ สักวันหนึ่ง คุณวิษณุ เครืองาม วันที่ท่านใกล้เสียชีวิต ท่านจะรู้สึกตัวว่าอนันตริยกรรมที่ท่านทำนี้ มันหนักหนาสาหัสมาก คุณทักษิณ และคุณวิษณุ ครับ ผมบวชเรียนมาแล้ว 2 ครั้ง ผมเป็นลูกศิษย์หลวงตามหาบัว พ่อแม่ครูอาจารย์สั่งสอนผมมาตลอด ตอนที่คุณไปทำอนันตริยกรรมกับสมเด็จพระสังฆราช พ่อแม่ครูอาจารย์ผม หลวงตามหาบัว สั่งให้ผมออกไปต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมให้สมเด็จพระสังฆราช ท่านผู้ชมที่เคยร่วมชุมนุมมากับผมจะรู้ว่าผมเคยพูดเรื่องนี้มาหลายครั้งบนเวที วันนี้ผมต้องทำประวัติศาสตร์ให้ถูกต้อง เอาหลักฐานมาวางไว้ให้คนไม่ลืม คนชื่อ ทักษิณ ชินวัตร และ วิษณุ เครืองาม


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ในขณะซึ่งมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยไม่มีการลงคะแนน มันมีเรื่องเก่าเรื่องหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ที่จะพูดเพื่อเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงในเรื่องของ ครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ และคนที่นำเรื่องนี้มาพูดคือ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล

รังสิมันต์ โรม อภิปรายต่อที่ประชุมสภาฯ ถึงประเด็นปัญหาค้ามนุษย์ ก็คือสรุปง่ายๆ ว่า รัฐบาลชุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร นั้น ไม่ได้ทำงานจริงจังในการที่จะปกป้องหรือล้มล้างขบวนการค้ามนุษย์

ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมดูรายการทุกเรื่อง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เป็นประจำ จะทราบดีว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมได้พูดอยู่บ่อยครั้ง ผมส่งทีมไปหาข้อมูล เอารายละเอียดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์จากประเทศเพื่อนบ้าน ลักลอบนำแรงงานเถื่อนเข้ามาในประเทศไทยอยู่ตลอดเวลา ผมตีแผ่ไปหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นขบวนการค้ายาเสพติด ค้าของเถื่อน ขบวนการขนนักพนันออนไลน์ บ่อนพนันออนไลน์ แรงงานเถื่อน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ตำรวจภูธรภาคที่ 2 ภาคที่ 5 ภาคที่ 6 ภาคที่ 7 และผมชี้ให้เห็นว่ามันเชื่อมโยงกันอย่างไร เพราะฉะนั้นแล้ว การตีแผ่ และการปราบปรามขบวนการค้าแรงงานเถื่อน ขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างเต็มที่ และสนับสนุนการกระชากหน้ากากคนที่อยู่เบื้องหลังออกมา

อย่างไรก็ดี ในการนำเสนอข้อมูล ไม่ว่าจะผ่านหน้าสื่อมวลชน ในสภาฯ หรือที่ไหน ทั้งหมดต้องยืนอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ไม่ควรจะเชื่อมโยงบุคคลหรือสถาบันที่เขาไม่เกี่ยวข้อง โดยใช้คำพูดหรือข้อความคลุมเครือ อย่างเช่น มีการกล่าวอ้างสาวถึงปลาใหญ่

กลับมาถึงการอภิปรายในวันศุกร์ที่ 18 นายรังสิมันต์ กล่าวย้อนไปถึงการสืบสวนกลุ่มขบวนการค้ามนุษย์ในปี 2558 หรือ 6-7 ปีที่แล้ว ที่ พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 อดีตหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ทำคดีและเปิดเผยข้อมูล จนต้องลี้ภัยไปอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย โดยที่นายรังสิมันต์ โรม เปิดเผยคำให้การ พล.ต.ต.ปวีณ ให้ไว้กับรัฐบาลออสเตรเลียเพื่อขอลี้ภัย ก่อนที่จะต่อเรื่องนี้ผมจะพูดให้ฟังนิดหนึ่ง


พล.ต.ต.ปวีณ เป็นตำรวจคนเดียวที่อยู่ในราชการในประวัติศาสตร์ตำรวจที่ขอลี้ภัย ไม่ใช่อดีต พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพราะออกจากตำรวจไปแล้ว หรือสมัยหนึ่งที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ขอลี้ภัย ออกจากราชการไปแล้ว

นายรังสิมันต์ โรม อภิปรายว่า ในการตรวจสอบของ พล.ต.ต.ปวีณ นั้น ขยายผลออกหมายจับ พบหลักฐานการโอนเงินคนค้ามนุษย์ เช่น เจ๊ง้อ เจ๊ง้อ มีสายสัมพันธ์กับนายทหารอดีต ผบ.ทบ.ที่อยู่ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน หลังจากที่ขยายผลออกหมายจับ พบว่ามีนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง อดีตนายก อบจ.สตูล ด้วย แต่ว่าโกโต้ง เลือกที่จะมอบตัวให้ พล.ต.อ.จัรกทิพย์ ชัยจินดา สมัยที่อยู่เป็นรอง ผบ.ตร. เพราะเคยเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ดูแลพื้นที่สงขลา และสตูล ปี 2554-2555 โดยที่นายรังสิมันต์ โรม พูดกำกวมว่า ไม่ทราบว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ สำรวจพื้นที่หรือไม่ว่าเคยมีค่ายโรฮิงญากี่แห่ง


การอภิปรายตรงจุดนี้ นายรังสิมันต์ โรม พยายามเชื่อมโยงเพื่อกล่าวหาว่า จักรทิพย์ ชัยจินดา มีความเกี่ยวพันกับขบวนการค้าโรฮิงญา ซึ่งเรื่องนี้ ท่านผู้ชมใช้สามัญสำนึกคิด เป็นเรื่องตลก คดีนี้เป็นคดีใหญ่ระดับประเทศ และระดับสากล เรื่องเลวๆ อย่างนี้ คนดีๆ ที่มีปัญญา ไม่มีใครกล้าทำหรอก และสิ่งที่พนักงานสอบสวนชุด พล.ต.ต.ปวีณ ซึ่ง พล.ต.ต.ปวีณ นั้น มีหัวหน้าที่รายงานโดยตรง ชื่อ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ในขณะนั้น ก็ทำได้จนสั่งฟ้อง เพราะ พล.ต.อ.จักรทิพย์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายความมั่นคง ในขณะนั้น หนุนให้เดินหน้าเต็มที่

นายรังสิมันต์ อภิปรายด้วยว่า ส่วนกรณีของ พล.ท.มนัส คงแป้น อดีตผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก จำเลยคดีค้ามนุษย์โรฮิงญา ตามคำให้การของ พล.ต.ต.ปวีณ ระบุว่า หลังออกหมายจับไม่กี่วัน ก็ได้รับสายจากนายตำรวจคนสนิทของ พล.อ.ประวิตร อ้างว่าต้องการให้ปล่อยตัว หลังจากนั้น พล.ท.มนัส ได้มอบตัวกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. ในขณะนั้น ใน กทม. เมื่อถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ส่งตัวตรงจากกรุงเทพฯ ไปหาดใหญ่ เมื่อ พล.ท.มนัส ทราบว่าพนักงานสอบสวนไม่ให้ประกันตัว ก็ไม่พอใจอย่างยิ่ง อ้างผู้หลักผู้ใหญ่ว่าอนุญาตให้ประกันตัว

พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ - พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์
เรื่องดังกล่าว พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.สมัยนั้น ซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงของ พล.ต.ต.ปวีณ เขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ ระบุว่า ได้ยิน พล.ต.อ.สมยศ พูดกับ พล.ท.มนัส ว่า เป็นพี่น้องกัน จะให้ความเป็นธรรม เมื่อสอบสวนแล้วจะให้ประกันตัวไป เมื่อไม่ได้ประกันตัว พล.ท.มนัส ก็เลยโวยวาย ท่านผู้ชมครับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เรียนเตรียมทหารรุ่น 15 ส่วน พล.ท.มนัส เรียนเตรียมทหารรุ่น 16 เป็นพี่น้องกันจริงๆ ตามที่ พล.ต.อ.สมยศ บอก การไปมอบตัวกับ ผบ.ตร.หากเป็นอาชญากรรมทั่วไปคงไม่ได้รับเกียรติ นอกจากนี้ กรณี ผบ.ตร. และ พล.อ.ประวิตร ต้องการให้ พล.ท.มนัส ได้ประกันตัว เป็นความพยายามที่ไม่เคารพกฎหมาย ใช้เส้นสายเพื่อช่วยพวกพ้อง เพราะคดีนี้เป็นคดีกระทำเกี่ยวเนื่องนอกราชอาณาจักร คนที่จะสั่งให้ประกันตัวหรือไม่นั้น คืออัยการสูงสุด (นายรังสิมันต์ เป็นคนพูดทั้งหมดนี้)

ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่ผมจะเดินหน้าต่อไป ต้องขอชี้แจงนิดหนึ่ง ผมเป็นคนที่วิพากษ์วิจารณ์พี่น้อง 3 ป. มาตลอด แต่เรื่องอะไรที่ผมคิดว่าไม่เป็นความจริง ผมคิดว่าผมจำเป็นต้องออกมาพูดความจริงให้ฟัง ผมคิดว่าเรื่องที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ โทรศัพท์ไปบอกตำรวจว่าให้ประกันตัว พล.ท.มนัส ไม่เป็นความจริง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจจะเคยใช้งาน พล.ท.มนัส คงแป้น แต่ว่าระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้น ในขณะนั้น พล.ท.มนัส คงแป้น เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ ยศพลโท คนแรกและคนเดียวในคดีค้ามนุษย์ ที่ถูกจับได้


พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ใช่คนที่ไร้ปัญญาหรือโง่เขลา เหลวไหลถึงขั้นที่จะโทรบอกตำรวจให้ประกันตัวไป ผมคิดว่าการจะให้ประกันตัวหรือไม่ให้ประกันตัวนั้น ขึ้นอยู่กับตำรวจ และผมคิดว่าถ้าหลักฐานมีมากไม่แน่นหนาพอ ตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.ต.อ.สมยศ ในฐานะเป็นนักเรียนรุ่นน้องของ พล.ท.มนัส ก็คงจะให้ประกัน แต่ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นหลักฐานซึ่งปฏิเสธไม่ได้ และ พล.ต.อ.สมยศ ก็ต้องปกป้องตัวเองเอาไว้ ฉะนั้นการที่ไม่ได้ประกันตัวนั้น ไม่ได้เกี่ยวเลยแม้แต่นิดเดียวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

และอีกประการหนึ่ง (ที่พูดนี่ไม่ได้ปกป้อง พล.อ.ประวิตร แต่อะไรถ้าเป็นความจริง ก็ต้องพูดความจริงมา) ผลประโยชน์จากการค้ามนุษย์ก็คือ ค่าหัว ค่าหัวที่ต้องจ่ายให้ จะเข้าฝ่ายปกครอง ฝ่ายตำรวจ เท่าไร จำนวนเงินมันไม่เยอะเลย แล้วมันจะตกมาถึงมือ พล.อ.ประวิตร เป็นเศษสตางค์ ผมคิดว่า พล.อ.ประวิตร ไม่เอาหรอก ที่พูดเช่นนี้่ไม่ได้แปลว่า พล.อ.ประวิตร ต้องการเงินก้อนใหญ่ๆ นะ แต่เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่เป็นเรื่องระดับชาติ และเป็นเรื่องระดับสากล ผมไม่คิดว่า พล.อ.ประวิตร จะกล้าที่จะเข้ามารับเงินรับทองในเรื่องการค้ามนุษย์ ถ้าสมมุติว่าจะรับเงินรับทองจริง มันมีเรื่องราวเยอะแยะไปหมดในสังคมไทยที่ พล.อ.ประวิตร สามารถจะรับได้ และรับได้เยอะกว่าด้วย นี่ผมพูดเป็นสมมติฐานนะครับ ผมไม่ได้แปลว่า พล.อ.ประวิตร จะรับเงิน แต่ผมคิดว่าตรงนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับ พล.อ.ประวิตร


พล.ท.มนัส นายรังสิมันต์ โรม พูดบอกว่า เมื่อถูกมอบตัวก็ข่มขู่พยานสำคัญ และข่มขู่ พล.ต.ต.ปวีณ ว่าเป็นคนมีพวก ให้ระวังตัว หลังจากนั้นแล้ว นายรังสิมันต์ โรม ก็พูดว่า พล.ต.ต.ปวีณ ยังถูกกดดันจากตำรวจและทหาร มีนายตำรวจปัจจุบันเป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. คนปัจจุบัน เคยคุมเรื่องตำรวจราบ บอกว่าทหารไม่พอใจที่ออกหมายจับ พล.ท.มนัส แต่ พล.ต.ต.ปวีณ ออกหมายจับนายทหารบก 3 นาย ทหารเรือ 1 นาย แต่เมื่อรายงานให้ พล.ต.อ.เอก ในฐานะผู้บังคับบัญชาทราบ พล.ต.อ.เอก ก็สั่งให้เก็บหมายจับ ไม่ให้สื่อรู้ แล้วส่งจดหมายไปเงียบๆ ผลที่ตามมาก็คือ พล.ต.อ.เอก ถูกย้ายออกนอกสังกัดตำรวจ ไปสังกัดปลัดสำนักนายกมนตรี

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้ถ้าไม่อยากให้สิ่งที่ทำมาสูญเปล่า พล.ต.ต.ปวีณ ต้องสอบสวนเรื่องนี้เสร็จก่อนที่ พล.ต.อ.เอก จะถูกย้าย 30 กันยายน ซึ่งทีมสอบสวนของ พล.ต.ต.ปวีณ นั้น สรุปเรื่องส่งอัยการสูงสุดได้ 699 แฟ้ม ออกหมายจับ 153 คน ซึ่งคดีความตอนนี้อยู่ถึงขั้นศาลอุทธรณ์แล้ว


พล.ต.ต.ปวีณ เมื่อทำงานชิ้นนี้เสร็จ ก็อยู่เข้าฤดูโยกย้ายแต่งตั้ง เท่าที่ทราบมา พล.ต.ต.ปวีณ อยู่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้มีการสอบถามผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ภาค 9 ว่าจะเอา พล.ต.ต.ปวีณ ไหม ปรากฏว่าผู้บัญชาการฯ ภาค 8 ภาค 9 ไม่มีใครต้องการ พล.ต.ต.ปวีณ จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมไม่ทราบ อาจจะเป็นเพราะว่าทำงานไม่เข้าขากัน หรืออาจจะเป็นเพราะว่าไม่ค่อยชอบ พล.ต.ต.ปวีณ พล.ต.ต.ปวีณ ก็เลยถูกย้ายไปรักษาราชการ ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ โดยที่ตัวเองไม่ได้สมัครใจ เพราะกลัวว่าพื้นที่ชายแดนภาคใต้เป็นพื้นที่ขบวนการค้ามนุษย์แน่นหนา อยู่ภายใต้อิทธิพลของทหารที่ไม่พอใจ พล.ต.ต.ปวีณ ก็เลยกลัวว่าจะถูกเอาคืน คุณรังสิมันต์ โรม ก็บอกว่า ถาม พล.อ.ประวิตร ว่า ต้องการให้ พล.ต.ต.ปวีณ จบชีวิตที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ใช่หรือไม่

อีกล่ะ ท่านผู้ชมครับ ผมก็ไม่อยากจะปกป้อง พล.อ.ประวิตร นะ แต่ข้อเท็จจริงมันมีอย่างนี้ ตำรวจระดับนายพลที่ถูกย้ายไปปฏิบัติการชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่มีแค่ พล.ต.ต.ปวีณ คนเดียว พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ อยู่ภาคใต้ 13-14 ปี สะพายปืน M-16 เดินนำหน้าลูกน้อง เพื่อปราบปรามผู้ก่อการร้าย


และมีอีกหลายคนที่ไปอยู่ทางภาคใต้ เขาไม่ได้อ่อนปวกเปียกเหมือน พล.ต.ต.ปวีณ เลยแม้แต่นิดเดียว ต้องย้ายไป ก็ย้ายไป ไม่เป็นไร คือประเด็นที่สำคัญที่สุด พล.ต.ต.ปวีณ นั้น เป็นคนที่ทำงานชิ้นนี้ ในฐานะตัวเองเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และคิดว่าตัวเองนั้นทำสำเร็จ ก็เลยต้องการจะขึ้นเป็นตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาค 8 หรือภาค 9 แต่เผอิญผู้หลักผู้ใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือคนที่ทำงานเป็นผู้บังคับบัญชาของ พล.ต.ต.ปวีณ นั้น ไม่เห็นด้วย จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ผมไม่ทราบ อาจจะเป็นเพราะว่านิสัยใจคอของ พล.ต.ต.ปวีณ หรืออาจจะเป็นเพราะว่า อย่างที่รังสิมันต์ โรม ว่า คุณจักรทิพย์ ชัยจินดา ได้ให้เหตุผลการย้าย พล.ต.ต.ปวีณ ว่า ได้รับคำแนะนำจาก พล.ต.ท.เทศา ศิริวาโท ผู้บัญชาการตำรวจภููธรภาค 8 แนะนำ เพราะเชี่ยวชาญคดีความมั่นคง แต่หลังจากที่คุณปวีณ ลี้ภัยไป 1 เดือน คุณเทศา ก็บอกว่า เพราะไม่มีวินัย ไม่เชื่อฟัง และอีกอย่างหนึ่ง พล.ต.ต.ปวีณ ก็บอกว่า พล.ต.ท.เทศา คือเพื่อนร่วมรุ่นของ พล.ท.มนัส

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา - พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์
คุณรังสิมันต์ โรม พูดต่อ ผมได้คุยกับ พล.ต.ต.ปวีณ ส่วนตัว เขาบอกว่าคดีนี้สืบสวนได้อีกมาก ขบวนการค้ามนุษย์ขนาดใหญ่ที่คนจำนวนมากลงเรือเข้าน่านน้ำไทย แต่จับทหารเรือยศแค่นาวาโท 1 คน ทหารบกอีก 2 คน เป็นไปได้หรือที่นาวาโทคุมทั้งทะเลอันดามัน เปิดทางให้เข้ามาได้ หากได้สืบคดีนี้ต่อไป เชื่อว่ากองทัพเรือภาค 3 จะได้ละลายทั้งภาค หรือบ้านของ พล.ท.มนัส ที่ไม่ได้สืบขยายผลค้นหาหลักฐานอะไร น่าคิดว่ามีทหารเรือ ทหารบกรายอื่น สมคบหรือไม่ หรือสนับสนุนทั่วกองทัพหรือไม่ และนายรังสิมันต์ โรม ยังพูดต่อว่า พล.ท.มนัส ที่เสียชีวิตและซัดทอดใครไม่ได้ ทั้งที่ผมได้ข้อมูลจากคนที่เคยร่วมห้องขัง พล.ท.มนัส ว่า ตอนรับผลประโยชน์ทุกคน ตอนโดนทำไมโดนคดี หากออกไปได้จะเอาคืนทั้งหมด ไม่แน่ใจว่าเป็นสาเหตุให้ พล.ท.มนัส แข็งแรง หัวใจวายตาย นายรังสิมันต์ โรม อภิปราย

ท่านผู้ชมครับ คุณรังสิมันต์ โรม ครับ คุณพูดผิดคนแล้ว สนธิ ลิ้มทองกุล นี่ล่ะครับ นอนข้างๆ พล.ท.มนัส คงแป้น อยู่ที่เรือนจำคลองเปรม อยู่ที่แดน 7 กินข้าวด้วยกันทุกวัน กินเช้า กินเที่ยงด้วยกันทุกวัน เดินออกกำลังกายด้วยกันทุกวัน ผมไม่เคยเห็นเลยว่า พล.ท.มนัส จะพูดในลักษณะที่คุณรังสิมันต์ โรม พูดเช่นนั้น ว่าทุกคนได้ประโยชน์หมด ทำไมตอนโดน โดนคนเดียว พล.ท.มนัส ยืนยันในความบริสุทธิ์ของตัวเอง แต่ไม่เคยพูดว่า ทุกคนได้เงินกันหมด แล้วทำไมมาลงที่ตัวเองคนเดียว พล.ท.มนัส สู้คดี ผมเป็นคนพูดกับ พล.ท.มนัส เอง ระหว่างที่ พล.ท.มนัส ถูกส่งเข้ามาในเรือนจำที่คลองเปรม ที่แดน 7 ผมบอกว่า เฮ้ย แป้น (ผมเรียกว่า พล.ท.มนัส คงแป้น ว่า แป้น) พี่ว่าเรื่องนี้ถ้าแป้นทำใจได้ แป้นสารภาพไปเลยดีกว่า สารภาพไปเลยว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ต้องสู้อุทธรณ์ ไม่ต้องสู้ฎีกา แล้วแป้นก็พัฒนาตัวเองให้เป็นนักโทษชั้นดี ชั้นเยี่ยม ถึงเวลาจะมีการพระราชทานอภัยโทษ ก็จะได้ลดโทษไปเรื่อยๆ แป้นอยู่ก็ไม่เกิน 6-7 ปี ก็ออกแล้ว พล.ท.มนัส พูดกับผมว่าอย่างไรรู้ไหมท่านผู้ชม ? บอกว่า พี่ครับ ผมจะสู้ เพราะผมไม่ผิดเรื่องนี้ ผมสู้ แล้วเขาก็สู้ถึงชั้นต้น แล้วเขาก็โดนลงโทษหนัก แล้วเขาก็สู้ต่อศาลอุทธรณ์

ทีนี้ การตายของ พล.ท.มนัส คงแป้น ผมจะเรียนให้คุณรังสิมันต์ โรม และ พล.ต.ต.ปวีณ ทราบ อย่ามโน อย่าไปโยงว่ามีคำสั่งจากข้างบนสูงสุด คือทำให้คนเข้าใจว่าคนที่ไม่ควรจะเอ่ยชื่อนั้น อยู่เบื้องหลังและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ คุณจะบ้าหรือเปล่า ไอ้เศษสตางค์เงินการค้ามนุษย์ การค้ามนุษย์ที่สกปรกแบบนี้ คนที่มีศักดิ์มีศรีใครเขาจะอยากเข้าไปร่วมด้วย และผมจะบอกให้รู้ สมัยอยู่แดน 7 มันมีลู่วิ่ง อยู่ข้างหลังที่ทำการของผู้บังคับแดน ไอ้แป้นนี่ล่ะ พล.ท.มนัส จะวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง มันเป็นคนบ้าออกกำลังกาย ไม่หยุดเลย วิ่งเป็นชั่วโมงๆ คนเตือนแล้วไม่ฟัง และในที่สุดมันก็ล้มหัวฟาดลงไป หัวใจเกือบหยุดเต้น หน้าแหกไป จนกระทั่งต้องส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าคนที่ส่งไอ้แป้นไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ชื่ออะไร ? สนธิ ลิ้มทองกุล ไปกับเจ้าหน้าที่ นั่นคือครั้งแรกนะ

ครั้งที่สอง ย้าย พล.ท.มนัส คงแป้น ไปอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพราะอายุมากแล้ว และผมก็ไปรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ อยู่ห้องตรงกันข้ามกัน แล้วข้างๆ ห้องก็มีห้องออกกำลังกาย มีลู่วิ่ง ไอ้แป้นก็วิ่งเหมือนเดิม วิ่งตลอดเวลา ไม่หยุด จนเขาเตือนมาแล้ว มันเป็นลมตั้งไม่รู้กี่ครั้ง มันก็ไม่หยุด จนกระทั่งในที่สุดมันหัวใจวายตาย เพราะวิ่ง มันไม่ได้ถูกลอบสังหาร มันไม่ได้ถูกทำให้ตาย เฮ้ย พวกคุณนี่โคตรมโนเลย แล้วคุณก็พยายามโยง แล้วก็ให้ไอ้พวกที่ไม่ชอบเจ้าเชื่อว่ามีการสั่งมาจากข้างบนให้ไอ้แป้นตาย ตลก คุณปวีณ เรื่องของเรื่องนะคุณปวีณ คุณหลับตาวาดภาพแล้วกัน ผมสรุปย่อเรื่องของคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮิงญาให้ฟังง่ายๆ ก็แล้วกัน ท่านผู้ชมจะได้เข้าใจ


มีนาคม 2558 ตำรวจ สภ.อ.หัวไทร นครศรีธรรมราช จับกุมชาวโรฮิงญาที่ถูกขบวนการค้ามนุษย์ซุกซ่อนมากับรถปิกอัพ แล้วมีชาวโรฮิงญามาแจ้งความตำรวจ สภ.อ.หัวไทร ขอความช่วยเหลือ มีญาติ 2 คน ชื่อ รอฟิก และ คาซิม ถูกควบคุมตัวในค่ายกักกันแห่งหนึ่ง อยู่กลางป่าชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยมีนายหน้าชาวโรฮิงญาที่ร่วมมือกับนายหน้าชาวไทย ติดต่อให้ไปจ่ายค่าหัว 8 หมื่นบาท ถ้าไม่จ่ายจะทำร้าย ตำรวจ สภ.อ.หัวไทร ก็เลยประสานไปยังสงขลา ร่วมตรวจสอบจนไปเจอนายรอฟิก หลบหนีออกจากค่ายกักกันในป่าได้จริง ส่วนนายคาซิม ถูกฆ่าตาย เมื่อได้เบาะแสแล้ว ตำรวจก็เลยสนธิกำลังทหาร ฝ่ายปกครอง ไปตรวจสอบที่ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา ทำให้ชาวโลกได้เห็นค่ายกักกันชาวโรฮิงญาจำนวนหลายสิบหลัง เป็นเพิงพักปลูกสร้างง่ายๆ เรียงรายอยู่ชายป่า มีชาวโรฮิงญาถูกทอดทิ้งและป่วยหนัก เมื่อตรวจสอบรอบๆ ค่ายจะพบหลุมฝังศพ 32 หลุม ศพทั้งหมดส่วนใหญ่ป่วย อดอาหารจนเสียชีวิต มีบางศพพบร่องรอยถูกทำร้าย


ช่วงนั้น ผบ.ตร. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ตั้ง พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร. ในขณะนั้น เป็นหัวหน้าชุดคลี่คลายคดีการค้ามนุษย์ ให้ประสานกับเจ้าหน้าที่ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ภาค 9 และมีการดึง พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์ นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 35 รอง ผบช.ภ.8 มาเป็นหัวหน้าชุดพนักงานสอบสวน เมื่อสอบสวนแล้ว ตำรวจก็ทยอยออกหมายจับ คนที่อยู่ในขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติชุดแรกเกือบ 50 ราย มีนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือ โกโต้ง นักธุรกิจใหญ่ อดีตนายก อบจ.สตูล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เรือมนุษย์โรฮิงญามาจอดรอขึ้นฝั่ง และมีนายบรรจง ปองผล หรือ โกจง อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ อ.สะเดา และยังมีนายสุวรรณ แสงทอง หรือ โกหนุ่ย นักธุรกิจใหญ่พวกที่มีกิจการแพปลาที่ระนอง

ท่านผู้ชมครับ โกโต้ง โกจง โกหนุ่ย นอนห้องข้างๆ ผม Exclusive ผมอยู่ รู้ในที่นั้นเขาคุยกันเรื่องอะไร เขาอธิบายเรื่องอะไร ผมรับรู้หมดเลย เพราะผมเป็นรุ่นพี่เขา และเขาเรียกผมว่าอาจารย์ เพราะฉะนั้นแล้ว ข้อเท็จจริงที่ พล.ต.ต.ปวีณ พูด ตลอดจนนายรังสิมันต์ โรม อ้างเรื่อง พล.ต.ต.ปวีณ พูดนั้น มีความจริงอยู่เพียง 50 เปอร์เซ็นต์ อีก 50 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ อ๋อ แน่นอนที่สุด คนพวกนี้เขาไม่ยอมรับผิด เขาบอกว่าเขาไม่ผิด แต่เผอิญในการเข้าไปตรวจค้นหลักฐานต่างๆ ในบ้านโกหนุ่ย และพบสลิปการโอนเงินรวมแล้ว 14 ล้านบาท ซึ่งเส้นทางการโอนเงินนั้น โอนไปที่ พล.ท.มนัส คงแป้น ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และเขาเคยเป็นผู้บังคับการจังหวัดทหารบกชุมพร อดีต ผบ.มทบ.42 ค่ายเสนาณรงค์ อ.หาดใหญ่

พอสื่อมวลชนรายงานเข้าไป พล.ต.ต.ปวีณ ทราบเรื่อง ก็ไปไล่บี้หลักฐานชิ้นดังกล่าวจากชุดตรวจค้น แล้วก็เลยออกหมายจับ พล.ท.มนัส ได้สำเร็จ ศาลชั้นต้นจำคุก พล.ท.มนัส 27 ปี


ตรงนั้นล่ะที่ผมได้คุยกับแป้น ตอนที่เขาถูกพิพากษาแล้วเข้ามาอยู่ที่คลองเปรม ผมบอก แป้น 27 ปี มันดูนาน ก็นานนะ มันดูไม่นาน ก็ไม่นาน ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะหยุดตรงนี้ หรือจะสู้ต่อ แป้นไม่เชื่อผม เพราะบอกว่าตัวเองไม่ผิด เมื่อไม่เชื่อเขาก็เลยยื่นอุทธรณ์ ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์ตัดสินทั้งสองคดีเลย ทั้งฟอกเงิน และค้ามนุษย์ จำคุก 40 ปี กับ 82 ปี เพราะผมอ่านเกมแล้ว ให้มันจบที่ 27 ปี ดีกว่า ถ้าโชคดีก็ได้ลดโทษหนึ่งในสาม จาก 27 ปี ก็ลด 9 ปี อีก 2-3 ปี ได้ลดอีกหนึ่งในสาม ก็ลดอีกประมาณ 6 ปี ก็เหลือ 12 ปี อยู่ 8-10 ปี ก็ออกแล้ว และในที่สุดแล้ว พล.ท.มนัส เสียชีวิตด้วยอาการหัวใจล้มเหลวอย่างที่ผมเล่าให้ฟัง ไอ้แป้นมันเป็นคนบ้าออกกำลังกาย บ้าบอคอแตกหมดเลย เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อย่ามโน และอย่าไปโยงผู้ใหญ่คนโน้นคนนี้เข้ามา เรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ระดับสากล


การที่ พล.ท.มนัส คงแป้น ถูกจับแล้ว ผมจะวิเคราะห์ให้ฟัง พล.ท.มนัส คงแป้น เป็นทหาร นายทหารระดับพลโทคนเดียว เมื่อถูกจับข้อหาค้ามนุษย์ รับเงินรับทองการฟอกเงิน ก็เป็นเหตุที่ทำให้รัฐบาลสามารถอ้างกับทางสากลได้ ใช่ไหม ว่าแม้กระทั่งพลโทยังจับเลย ไม่มีข้อยกเว้น เพราะฉะนั้นแล้ว พล.ท.มนัส คงแป้น ก็เลยเป็นคนที่ซวย เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางได้รับการประกันตัว เพราะเขาต้องการเอา พล.ท.มนัส คงแป้น เป็นตุ๊กตาแสดงออกให้กับสากลเห็นว่าระดับพลโทของกองทัพบก ยังถูกจับได้ และไม่ให้ประกันตัวด้วย เพราะฉะนั้นไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องโทรศัพท์ไปบอกตำรวจให้ประกันตัว แป้นพยายามยื่นเรื่องต่อศาลตั้งไม่รู้กี่ครั้งเพื่อขอประกันตัว ทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ก็ไม่สำเร็จ นี่คือข้อเท็จจริง

ท่านผู้ชมครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จริงๆ แล้วธรรมดาสามัญมาก ถามว่าตำรวจมีการจับผิดตัวไหม ? มี กวาดแบบเหวี่ยวแหกวาด อัยการก็กวาดแบบเหวี่ยงๆ แห ก็มีคนที่บริสุทธิ์หลายคน ซึ่งในศาลชั้นต้นก็มีการยกฟ้องไปหลายคนเช่นกัน แต่หลายคนมีส่วนเกี่ยวข้อง ปฏิเสธไม่ได้ และอย่างที่ผมเรียนให้ทราบ ท่านผู้ชมครับ คดีโรฮิงญาเริ่มต้นที่ สภ.อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช แล้วขยายผลไปถึงสงขลา คุณปวีณ เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจภาค 8 มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง ที่ต้นทาง ส่วนสงขลาเป็นแค่ปลายทาง ทำไมคุณไม่จัดการให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ปล่อยให้มีปัญหา ถ้าตามที่คุณรังสิมันต์ โรม พูด คาราคาซังมาเป็นสิบปี ก็ถ้าคุณตั้งใจทำงานจริงที่หัวไทร น่าจะจบที่หัวไทร มาที่สงขลาได้อย่างไร แล้วคดีนี้เป็นคดีที่ผิด ความผิดนอกราชอาณาจักร ตาม ป.วิ. อาญา มาตรา 20 อัยการสูงสุดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ไม่ใช่ตำรวจ เพราะฉะนั้นแล้ว พล.ต.ต.ปวีณ ไม่ได้เป็นคนทำงานคนเดียว

ตามหลักการจะจัดการกับ พล.ต.ต.ปวีณ คนเดียว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง ยุติเรื่องราวได้ ก็คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าสมมุติว่าสิ่งที่คุณปวีณพูด ถูกต้อง เขาฆ่าคุณปวีณ เพราะคุณปวีณทำอยู่ มันเปลี่ยนเรื่องไม่ได้ เพราะว่ามันเป็นคณะกรรมการ อัยการเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ปวีณ เป็นแค่หนึ่งในนั้น ท่านผู้ชมต้องเอาความจริงมาพูดตรงนี้

คุณปวีณ บอกว่าตลอดเวลา 5 เดือนของผม ตำรวจทุกคนในคณะทำงานร่วมกันสืบสวนสอบสวนคดี จนทำสำนวนคดีเป็นเอกสารหกร้อยกว่าแฟ้ม ท่านผู้ชมครับ เอกสารสามแสนกว่าแผ่น แต่พอเอาเข้าจริงๆ ผมเช็กแล้ว ตอนแถลงที่ศาล ไม่มีใครไปแถลงที่ศาล ไม่ว่าจะเป็นเจ้านาย พล.ต.ต.ปวีณ คือ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือแม้กระทั่งตัว พล.ต.ต.ปวีณ เอง ที่อ้างเครดิตทั้งหมด คดีนี้คนที่ไปแถลงต่อศาล คือ พล.ต.ต.ดาวลอย เหมือนเดช ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 8


คดีนี้เป็นคดีที่ซับซ้อน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าทนายความทั้งหมดกี่คน ? ทนายความ 99 คน ท่านผู้ชม ไม่ใช่คดีธรรมดา

ข้อเท็จจริงคือ โรฮิงญาอยู่รัฐยะไข่ แต่พม่าไม่ต้องการ ทำให้พวกนี้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ ยอมจ่ายเงินไปอยู่ในประเทศที่ดีกว่า และเขาใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน

ถามว่าตำรวจเลวๆ มีไหม ? มี ขบวนการทำมาหากินกับชาวโรฮิงญาในเมืองไทยก็มีพวกนายหน้า เก็บค่าเหยียบแผ่นดิน ถ้ามาเลเซียมีออร์เดอร์ให้เข้า เข้าไปได้ ถ้าไม่มี ก็ต้องรออยู่ที่ค่ายในประเทศไทยที่แอบสร้างไว้ในป่า แล้วตำรวจที่เลวๆ ก็รับเงินรับทอง ปิดหูปิดตา ทุกวันนี้ตำรวจกับฝ่ายปกครองยังรับเงินรับทองขบวนการค้ามนุษย์ เอาแรงงานต่างชาติ พม่าเข้ามาในเมืองไทย มีไหม ? มี ไปดูกองบัญชาการตำรวจภาค 6 สิ ที่อยู่แม่สอด แม่สาย พวกนี้มีทั้งนั้น ตำรวจรับเงิน หลายๆ คนรับเงิน ไม่ใช่ไม่มี


แต่การที่ พล.ต.ต.ปวีณ บอกว่าการถูกส่งไปประจำที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ยุติธรรม เพราะ พล.ต.ต.ปวีณ คิดว่าตัวเองทำงานตรงนี้อย่างสุดความสามารถ แต่ถูกโยกย้ายไปอยู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีพรรคพวกผู้ต้องหาค้ามนุษย์ และรู้สึกไม่ปลอดภัย

ท่านผู้ชมครับ หน้าที่ตำรวจคือการปราบปรามอาชญากรรม การโยกย้ายเป็นเรื่องธรรมดา อย่างที่ผมเรียนให้ทราบแล้วว่านายพลที่เป็นใหญ่เป็นโตหลายคนในปัจจุบันนี้ ถูกย้ายไปประจำ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างที่ผมเล่าใหัฟังแล้ว พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ อยู่ 13-14 ปี มานานแล้ว แต่ผมไม่เห็น พล.ต.อ.สุชาติ จะต้องยื่นเรื่องขอลี้ภัยไปต่างประเทศ

ท่านผู้ชมครับ ผมอยากพูดถึง พล.ต.ต.ปวีณ ในประเด็นเรื่องขอลี้ภัยไปออสเตรเลีย


จริงๆ ผมว่าเป็นสิทธิของคุณ ไม่ผิด แต่ถ้าคุณเชื่อสิ่งที่ถูกต้องจริง ควรจะยืนหยัดต่อสู้ คุณปวีณครับ คุณกลัวเขาฆ่าคุณ (ขอโทษนะครับ อย่าโกรธผม) ไอ้ห่า แล้วกูไม่กลัวหรืออย่างไร ผมโดนยิงไป 200 นัด วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2552 ทำไมผมไม่หนีล่ะ ทำไมผมไม่ลี้ภัยล่ะ แล้วก็อีกเหมือนกันล่ะ นี่ก็ต้องขอพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ เหมือนกัน พล.อ.ประยุทธ์ ท่านก็พูด กลับมาเถอะ หาช่องทางทางกฎหมายร้องเรียน ช่วยเหลือเต็มที่ พล.อ.ประยุทธ์ ครับ ผมถูกยิงมาตั้ง 12 ปี ช่องทางทางกฎหมายก็ยังตามจับคนที่ยิงผมไม่ได้ ในด้านหนึ่ง พล.ต.ต.ปวีณ ก็ไม่มีตรรกะ อีกด้านหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มโน เชื่อมั่นในช่องทางทางกฎหมาย ก็ผมนี่โดนยิง 12 ปีแล้วยังจับใครไม่ได้เลย ออกได้แต่หมายจับ คนที่ทำคดีผม พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ พอทำจะจบจะสาวถึงตัวการใหญ่ ก็ถูกคุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ดูแลตำรวจ และอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งย้ายออกจากหัวหน้าพนักงานสอบสวน ก็เลยทำให้คดีผมไปไหนไม่รอด อ้าว ช่องทางทางกฎหมายที่ พล.อ.ประยุทธ์ พูด มันหายไปไหนแล้วล่ะ แต่ผมก็ไม่หนี ท่านผู้ชม

ประเด็นที่ผมต้องการพูดก่อนจบเรื่องนี้ก็คือ ทั้งคุณรังสิมันต์ โรม และคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช คือความพยายามสร้างความคลุมเครือด้วยการพูดหรือสร้างภาพในทำนองดึงสถาบันเบื้องสูงลงมาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ เฮ้ย พวกคุณนี่ใช้ไม่ได้จริงๆ นี่เป็นเรื่องที่เลอะเทอะมาก ทั้งในส่วนของคุณรังสิมันต์ โรม พรรคก้าวไกล คุณปวีณ เป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่ถูกหยิบขึ้นมาเพื่อด้อยค่า ดิสเครดิตสถาบันเบื้องสูง เพราะคุณรู้ว่าสถาบันเบื้องสูงตอบโต้คุณไม่ได้เลย ได้แต่นั่งเงียบ


ผมยกตัวอย่างคลิปท่อนหนึ่งจากที่พรรคก้าวไกลเผยแพร่หลังจากการอภิปรายของนายรังสิมันต์ โรม เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ในคลิปพูดอย่างนี้

"นาทีนั้น คุณปวีณ รู้ตัวว่า ไม่มีสถาบันใดในประเทศนี้ที่เขาจะเชื่อมั่นได้อีกแล้ว และตัวเองไม่สามารถอยู่บนแผ่นดินไทยได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป จึงได้ตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ ในฐานะผู้ลี้ภัย จนถึงทุกวันนี้"

ก็คือพูดง่ายๆ ว่า เบื้องหลังคือคุณปวีณ ได้ไปเขียนใบสมัคร ขอสมัครเข้าไปเป็นตำรวจในราชสำนัก แต่ปรากฏว่าไม่ได้เข้า ก็เลยพูดออกมา ในทำนองว่า ขนาดทำงานแบบนี้ จับผู้ต้องหาได้ แล้วไม่อยากอยู่ทางภาคใต้ เพราะว่ากลัวโดนลอบสังหาร กลัวโดนล้างแค้น ก็เลยขอสมัครเป็นตำรวจในราชสำนัก พอเข้าไม่ได้ รังสิมันต์ โรม พูดว่า "รู้ตัวว่า ไม่มีสถาบันใดในประเทศนี้ที่เขาจะเชื่อมั่นได้อีกแล้ว และตัวเองไม่สามารถอยู่บนแผ่นดินไทยได้อย่างปลอดภัยอีกต่อไป จึงได้ตัดสินใจเดินทางออกนอกประเทศ"


นอกจากนั้นยังมีความพยายาม ในคลิปนี้พยายามปั้นน้ำเป็นตัวว่า การที่ พล.ท.มนัส ตาย เพราะข้างบนสั่งมา ก็เป็นเรื่องที่ปั้นน้ำเป็นตัว ก็ผมอธิบายให้ฟังแล้วไงท่านผู้ชม พยานนั่งอยู่นี่ สนธิมันเห็นแป้นมันล้มกับตัวเอง มันเป็นโรคหัวใจ แต่มันยังบ้าออกกำลังกาย

สมัยคุณช่อ พรรณิการ์ วานิช พูดเรื่อง 1MDB เมื่อปี 2563 ต้นปี โยงคนโน้นคนนี้ ออกสื่อไปทั่ว แต่พอถามหลักฐานชัดๆ คุณช่อก็ได้แต่แบ๊ะๆๆๆ แฉออกมากลายเป็นเรื่องเงียบ ไม่มีอะไรมาตามต่อ เพราะเป็นเรื่องจริง 20 เปอร์เซ็นต์ เรื่องเท็จ 80 เปอร์เซ็นต์


ผมถามจริงๆ เถอะคุณรังสิมันต์ โรม พวกคุณเลิกนิสัยแบบนี้เสียทีได้ไหม เพราะหลายคนที่คุณพาดพิง เขากำลังเตรียมเรื่องจะฟ้องกลับเหมือนกัน ท่านผู้ชมครับ สรุปแล้วงานนี้ผมยืนยันได้ว่า สถาบันไม่ได้เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ ไม่ได้เกี่ยวข้องเลยแม้แต่นิดเดียว คุณจะบ้ากันหรือเปล่า ขบวนการสกปรกแบบนี้ คุณโยงสถาบันเกี่ยวข้อง แต่คุณพูดจาคลุมเครือให้คนเข้าใจ ทำให้สาวกคุณ พวกเด็กๆ หลายคนที่ฟังรายการคุณอยู่ เชื่อโดยสนิทใจ คุณก็รู้ว่าเจ้าไม่มีปากที่จะมาเถียงคุณหรอก ได้แต่นั่งเงียบ รับคำมโนของคุณ แล้วไม่รู้จะทำอะไรกับพวกคุณ แต่เผอิญ มันเผอิญมีพยานตัวเอกเลย คือตัวผมอยู่ในนั้น ทั้งโกโต้ง โกจง โกหนุ่ย ผมรู้จักหมด และทั้งแป้น มนัส คงแป้น ผมก็เลยรู้เลยว่าสิ่งที่คุณปวีณพูด กับสิ่งที่คุณรังสิมันต์ โรม อ้างคุณปวีณมาพูด มโนเสียส่วนใหญ่ ไม่เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น แป้นไม่เคยพูดกับผมเลยว่าน้อยอกน้อยใจ ทำไมประกันตัวไม่ได้ พูดได้อย่างเดียวว่าเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกันมาให้กำลังใจ มาเยี่ยมที่เรือนจำคลองเปรม บอกว่า เฮ้ย เขาพยายามช่วยอยู่นะ พยายามให้ประกันตัวขั้นศาล แต่ศาลก็ไม่ให้ประกันตัว ถ้าผู้ใหญ่มีอิทธิพลจริง และช่วยจริง คุณก็ได้ประกันตัวแล้วสิ คุณไม่ได้ประกันตัว โกโต้งไม่ได้ประกันตัว โกหนุ่ยไม่ได้ประกันตัว โกจงไม่ได้ประกันตัว เพราะคดีนี้มันเป็นคดีใหญ่เทียมฟ้าที่สากล ต่างประเทศจับตาดู เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณอ้างในรายการอภิปรายไม่ไว้วางใจนั้น โกหกเสียส่วนใหญ่

ท่านผู้ชมครับ ผมเผอิญอยู่ในเหตุการณ์ นอนข้างๆ พล.ท.มนัส คงแป้น เมียจะเป็นคนที่ส่งอาหารเข้ามาให้ทาน อาหารใต้ วันดีคืนดีแป้นก็ทำอาหารใต้กินเอง ผมจำได้ติดตา ผมส่งมนัส คงแป้น เข้าโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ตอนล้มครั้งแรก และตอนที่มาเป็นลมครั้งที่ 2 ครั้งที่ 3 ตอนที่อยู่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ด้วยกัน ผมก็อยู่ในเหตุการณ์ แป้นตายเพราะว่าออกกำลังกายมากจนเกินไป


ท่านผู้ชมครับ เรื่องรัสเซีย กับยูเครนนั้น ท่านผู้ชมไม่ต้องกังวล เราจะติดตามเรื่องนี้ตลอด แล้วถ้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เราจะออกไลฟ์สดที่ Sondhi App แล้วค่อยเอามาลงที่เฟซบุ๊ก หรือยูทูปทีหลัง ถ้าท่านผู้ชมอยากจะรับทราบเรื่องรัสเซีย กับยูเครน แบบสดๆ และวิเคราะห์แบบตรงไปตรงมา คอยดาวน์โหลด Sondhi App ลงทะเบียน เสร็จเรียบร้อยแล้วคอยรับข้อมูลข่าวสารที่ไม่มีที่ไหนให้ท่านผู้ชมได้ นอกจากที่นี่ ยังมีเรื่องอีกเยอะ เบื้องหน้าเบื้องหลัง ถือว่าเป็นการเรียนประวัติศาสตร์ร่วมสมัยในระหว่างที่ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรงที่สุด มีอยู่ที่เดียว ก็คือ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ใน Sondhi App ที่จะรายงานให้ท่านผู้ชมได้ทราบ ท่านผู้ชมยังจะดูเฟซบุ๊กต่อก็ไม่เป็นไร แต่จะได้รับฟังช้ากว่า Sondhi App หลายวันเลยทีเดียว ท่านผู้ชมครับ วันนี้เอาเพียงแค่นี้่ก่อน สัปดาห์หน้ามีเรื่องราวที่สนุกสนานมาก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" จะไปพูดเรื่องซีรีส์เกาหลี กับซีรีส์ละครไทย ข้อแตกต่าง แตกต่างกันอย่างไร ทำไมถึงแตกต่างอย่างมหาศาล เพราะอะไร และแน่นอนที่สุด ก็เป็นการอัปเดตเรื่องยูเครนเช่นกัน สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น