xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : "สนธิ" หงายไพ่การเมืองทุกใบปี 2565 - ทำไม "ทักษิณ" ถึงมั่นใจจะได้กลับบ้านปีนี้?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 7 ม.ค.65 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยประเด็นที่เล่าในวันนี้ เป็นมหากาพย์การเมืองไทย 2565 โดยจะหงายไพ่การเมืองทุกใบ ทั้งเบื้องลึก เบื้องหลัง ครบทุกมิติ และ "ทักษิณ" จะกลับบ้าน เป็นไปได้ไหม อะไรทำให้มั่นใจว่าจะได้กลับบ้าน รับรองว่าไม่เคยได้ฟังจากที่ไหนมาก่อน ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.119



[คำต่อคำ] SONDHI TALK : "สนธิ" หงายไพ่การเมืองทุกใบปี 2565 - ทำไม "ทักษิณ" ถึงมั่นใจจะได้กลับบ้านปีนี้?

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK

สวัสดีปีใหม่ครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์แรกของปีพุทธศักราช 2565 วันที่ 7 มกราคม ซึ่งเป็นรายการแรกของปีนี้ ก็จะเล่าเรื่องบางเรื่องให้ฟังนะครับ ที่ท่านผู้ชมยังไม่ทราบ หรือว่ารับทราบไว้บ้างแล้ว ศุกร์นี้ เป็นศุกร์ที่ผมขออนุญาตเล่าเรื่องการเดินทางไปปฏิบัติธรรมที่อุดรธานี สกลนคร และนครพนม ในช่วงหยุดหลายวัน ซึ่งผมไปตั้งแต่วันที่ 27

ไปปฏิบัติธรรม ก็แผ่เมตตาให้กับท่านผู้ชมทุกท่านที่ดูรายการนี้่อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้ชมที่เป็น FC เรา แล้วก็เป็นคนที่ร่วมทำบุญด้วย ผมแผ่เมตตาให้หมด ผมไปกราบหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาด แล้วก็ไปปฏิบัติธรรม แล้วก็ไปนั่งสมาธิในห้องนิพพานของท่าน ซึ่งก็ได้รับความเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์เปิดห้องให้ไปนั่ง


พลังของหลวงตามหาบัว ก็แรงมาก เข้าไปนั่งแล้วขนลุกซู่ตลอดเวลา พอปฏิบัติธรรมที่อุดรธานีจบ มีเวลาเหลือก็เดินทางต่อไปสกลนคร

ที่สกลนครนั้นตั้งใจอยู่แล้ว จะไปกราบหลวงปู่มั่น ที่วัดป่าสุทธาวาส แล้วก็ไปกราบหลวงปู่ฝั้น ที่วัดป่าอุดมพร เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินทางจากสกลนคร ไปที่นครพนม เพื่อไปไหว้พระธาตุพนม

ในช่วงจังหวัดสกลนครนั้น ก็ได้ไปกราบและนั่งสมาธิภาวนาต่อหน้าพระธาตุเชิงชุม ซึ่งอยู่ในอำเภอเมืองสกลนคร


เป็นพระธาตุที่ศักดิ์สิทธิ์มาก พระธาตุเชิงชุมนั้น เป็นรอยพระบาทขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ แล้วเขาสร้างเจดีย์องค์เล็กๆ มาทับพระบาทเอาไว้ ข้างๆ เจดีย์จะมีหินก้อนหนึ่ง กลมๆ เกือบๆ เท่าลูกฟุตบอล หนักมาก ตำนานว่าเป็นข้าวที่พระแม่โพสพถวายพระพุทธเจ้า แล้วสมัยก่อนนั้นเขาปั้นข้าว เนื่องจากคนสมัยก่อนตัวใหญ่มาก ก็เลยปั้นข้าวเป็นก้อนใหญ่ แล้วกลายเป็นกิน


ก็มีคนไปปิดทองกันเยอะแยะไปหมด ผมก็ได้มีโอกาสได้รับความเมตตาจากพ่อแม่ครูอาจารย์ที่วัดที่พระธาตุเชิงชุมตั้งอยู่ ได้เปิดให้ผมเข้าไปนั่งสมาธิภาวนาต่อหน้ารอยพระบาทของพระพุทธเจ้า แล้วพ่อแม่ครูอาจารย์ท่านก็เล่าให้ฟังว่า หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี องค์พระอรหันต์ทั้งหลาย เคยมานั่งตรงที่ผมนั่งอยู่ เดี๋ยวจะเอารูปให้ดูนะครับ


แล้วก็มานั่งอธิษฐานจิต เพราะว่าพระธาตุเชิงชุมนั้น เป็นพระธาตุที่สำคัญรองลงมาจากพระธาตุพนม เพราะว่าคนลาวนั้น เดือนกุมภาพันธ์ เขาจะเปิดโอกาสให้คนลาวเข้ามาในประเทศไทยโดยที่ไม่ต้องมีเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น เพื่อมานมัสการพระธาตุพนม และพระธาตุเชิงชุม ซึ่งคนลาวจะเข้ามานมัสการพระธาตุพนมก่อน แล้วก็เดินทางมาที่สกลนคร ซึ่งห่างกัน 90 กิโลเมตร เพื่อมานมัสการและกราบไหว้บูชาพระธาตุเชิงชุม ก็ถือว่าเป็นสิริมงคลเป็นอย่างยิ่ง กุศลผลบุญที่ได้มาก็มอบให้กับท่านผู้ชม

หลังจากนั้นผมก็เลยเดินทางไปเพื่อที่จะไปกราบกุฏิของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ซึ่งอยู่ที่วัดนาคนิมิตร เป็นกุฏิเก่าที่หลวงปู่มั่นท่านเคยไปจำพรรษาอยู่ที่วัดนาคนิมิตร


เข้าใจว่าคงจะจำพรรษาอยู่ 2 พรรษา นี่คือตามคำบอกเล่าของพ่อแม่ครูอาจารย์ที่นั่น

หลวงปู่อว้าน ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ท่านอายุ 90 กว่าแล้ว ท่านอาพาธอยู่ ท่านมีคำสั่งให้ยกกุฏิของหลวงปู่มั่น ซึ่งอยู่ในป่าลึก ที่วัด ออกมา ยกมาเลยทั้งกุฏิ แล้วมาตั้งไว้ข้างหลังโบสถ์ ก็ปรากฏว่าผมก็ได้ขึ้นไป แล้วปรากฏว่าเห็น แล้วก็ขนลุก เพราะว่ากุฏินั้น ไม้กระดานกุฏิคือของเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แล้วผมก็นึก จินตนาการว่า ตรงนี้ ที่หลวงปู่มั่นท่านได้นั่ง แล้วก็ล้อมรอบด้วยพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นหลวงปู่ฝั้น หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ชอบ ฐานสโม มานั่งฟังธรรมของหลวงปู่มั่น หลวงปู่มั่นท่านจะแสดงธรรม ท่านจะสอนลูกศิษย์ลูกหา ผมก็เลยนึกในใจว่า ตายล่ะ ไม้กระดานนี้เป็นไม้กระดานที่พระอรหันต์ทั้งสิ้นนั่ง รวมทั้งหลวงปู่มั่นด้วย


ผมก็เลยนั่ง ตั้งจิตอธิษฐาน ตั้งสมาธิ เอาหน้าลงไปวางบนไม้กระดาน ขอให้พลังพลานุภาพ อำนาจบารมี เมตตามหานิยมของพ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งหลาย เผื่อแผ่มาให้ผมด้วย

หลังจากนั้นผมก็ไปวัดป่าอุดมพร ก็คือเป็นวัดของหลวงปู่ฝั้น อาจาโร หลายคนไปที่พิพิธภัณฑ์ของหลวงปู่ฝั้น ผมเคยไปมาแล้ว แต่ผมไปที่วัดป่าของท่านเลย ก็ไปที่ศาลาฉัน


ก็ปรากฏว่าไปเจอพระหลายรูป ท่านก็บอกว่าข้างบนนั้นเป็นที่ฉันของหลวงปู่ฝั้น เขากั้นที่เอาไว้แล้ว ก็ไปไหว้รูปเหมือน ไปกราบรูปเหมือนท่าน รูปเหมือนท่าน เหมือนท่านมากเลย หน้าตาเมตตามหานิยมสูง แล้วท่านก็มีเก้าอี้ตัวหนึ่ง เก้าอี้นั่งเทศน์ เบาะที่รองอยู่คือเบาะที่หลวงปู่ฝั้นนั่งประจำเวลาท่านเทศน์ หลังจากที่ท่านฉันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านก็เทศน์ให้กับพวกญาติโยม อุบาสก อุบาสิกา ฟัง ก็เหมือนเดิมครับท่านผู้ชม ผมก็เอาหัวผมวางบนเบาะนั้น


ขอให้พลังพลานุภาพของหลวงปู่ฝั้น เข้ามาหาผม หลังจากนั้นก็เดินทางเข้าไปในวัด ลึกเข้าไปอีก ไปเจอกุฏิของท่าน ก็จะมีโต๊ะที่ท่านเคยนั่งเล่น แล้วก็เลยไปอีกนิด จะเป็นศาลาริมน้ำที่หลวงปู่ฝั้นท่านละสังขาร นิพพาน เขาจัดทำห้องไว้เรียบร้อย มีเก้าอี้ให้ดู ว่านี่คือเก้าอี้ที่หลวงปู่ฝั้นนั่งอยู่

สรุปแล้ว บุญกุศลครั้งนี้ก็รับมาด้วย แล้วก็เผื่อแผ่ไปให้พ่อแม่ครูอาจารย์ และเผื่อแผ่ไปให้พ่อแม่พี่น้อง และท่านผู้ชมทั้งหลายที่ดูรายการนี้อยู่ และไม่มีโอกาสไป ก็เล่าให้ท่านผู้ชมฟังว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่รู้สึกตัวว่า พลังพลานุภาพของพ่อแม่ครูอาจารย์นั้นยังอยู่ในสถานที่ต่างๆ ที่ผมแวะไป ผมอยากจะบอกให้ท่านผู้ชมหลายท่านให้รู้ด้วยว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องมโน เป็นเรื่องจิตวิญญาณที่ผมรู้สึกและสัมผัสได้ด้วยตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ 2565 มกราคม ตอนนี้รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มีแอปพลิเคชันสมบูรณ์แบบแล้ว แอปพลิเคชันนี้ใช้ชื่อว่า Sondhi App แอปพลิเคชันนี้ท่านผู้ชมดาวน์โหลดได้ที่ iOS ที่ Apple Store และ Google Play ใช้ได้ทั้ง iOS ของ iPhone และ Android ของ Google หรือโทรศัพท์ที่ใช้ Android ได้หมด


เมื่อท่านผู้ชมดาวน์โหลดแล้ว ในช่วงนี้ยังไม่คิดเงิน ท่านผู้ชมเข้าไปดูได้เลย มีหลายหัวข้อมาก มีรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ของเก่าๆ หลายรายการ รายการของคุณโสภณ องค์การณ์ คุณนงวดี ถนิมมาลย์ อาจารย์สุดารัตน์ แล้วเราก็จะมีรายการ Sondhi Express ก็คืออีกหน่อย ท่านผู้ชมหลายท่านบอกว่า รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" นั้น หนึ่งอาทิตย์มันช้าไป เรากำลังเตรียมตัวที่จะจัดวันกลางอาทิตย์ ประมาณวันพุธ ขึ้นมา เป็น Sondhi Express จะไม่ยาว จะครึ่งชั่วโมง แต่จะเอาประเด็นสดๆ ร้อนๆ ที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราออกรายการวันศุกร์แล้ว เสาร์-อาทิตย์-จันทร์-อังคาร และพุธ มีอะไรบ้าง เราก็จะมาคอมเมนต์ โดยตัวผมเป็นคนทำ Sondhi Express จะออกทุกๆ วันพุธ แต่ว่ากำลังจะจัดคิวให้ลงที่แอปพลิเคชันอย่างเดียว ในเฟซบุ๊กไม่ลง

เรื่องที่มีคนเข้ามาขอแสดงความยินดีด้วย คุณสโรชา พรอุดมศักดิ์ จะกลับมาร่วมงานกับเราอีกครั้งหนึ่ง มีคุณเก๋ อุษณีย์ เอกอุษณีย์ มีการผนึกข่าวต่างประเทศที่ท่านผู้ชมจะหาชมที่ไหนไม่ได้เลย เรากำลังมีการเจรจากับทีมผลิตอีกหลายทีม มีเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ข่าวคราวเกี่ยวกับประเทศจีน และมีรายการสุขภาพของอาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ที่พูดเรื่องราวเกี่ยวกับโรคระบาด และการดูแลตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมา โดยที่ไม่ต้องเกรงใจว่าเฟซบุ๊กจะบล็อก หรือยูทูปจะบล็อก ไม่ต้องอ้อมไปอ้อมมาอีกแล้ว แล้วก็มีรายการกีฬา เราก็มีครับ ของอาจารย์สุวัฒน์ กลิ่นเกษร หรือที่เขาเรียกกันว่า น้าติง มิหนำซ้ำ แอปฯ นี้มีรายการสอนภาษาอังกฤษให้กับลูกหลานของท่าน ชื่อว่า Happy English มีการสอนพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน มีการสอนภาษาอังกฤษเพื่อการสอบ GAT/PAT และ SAT ด้วย

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีรายการข่าวต่างๆ ที่ผมและทีมงานคัดกรองมาให้โดยเฉพาะว่าท่านผู้ชมต้องรู้ เป็นทั้ง Text และภาพ ที่กล่าวมานี้เป็นเพียงเนื้อหาในช่วงเริ่มต้น Soft Launch เท่านั้น แอปพลิเคชันนี้สามารถจะเพิ่มหมวดหมู่ เพิ่มรายการในรูปแบบไลฟ์ ไลฟ์ปั๊บ ชมย้อนหลังได้อีก ไม่อั้น ซึ่งทางผมและทีมงานจะใส่เข้าไปเพิ่มมากขึ้น ท่านผู้ชมถามว่าแอปพลิเคชัน Sondhi App คืออะไร ? มันคือ Netflix ทางปัญญาครับท่านผู้ชม แล้วก็เป็นเจ้าเดียว เจ้าแรกในประเทศไทยที่ทำแอปพลิเคชันแบบนี้


ท่านผู้ชมจะเข้ามาดูได้ฟรีจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ถ้าท่านผู้ชมรักผม และอยากจะได้ปัญญา ผมขอเดือนละ 99 บาท นะครับ 99 บาท วันละ 3.30 บาท เพื่อแลกกับเรื่องราวต่างๆ ที่จะเสริมปัญญาให้ แล้วอีกหน่อยเราก็จะจัดคิว ทุกวันนี้เราออก "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ในขณะนี้ รายการ ณ เวลานี้ ที่แอปฯ ก็ออกอยู่ เหมือนกันเป๊ะ เราใช้ระบบ streaming ของบริษัท เทนเซ็นต์ (Tencent) ซึ่งคุณภาพ ภาพ เสียง สี เป๊ะ แล้วท่านผู้ชมสามารถใช้ miror ขึ้นทีวีได้ทันทีเลย ขึ้นจอทีวีได้ทันทีเลย

ในปี 2565 นี้ มีเหตุการณ์ทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี นวัตกรรม อย่างรวดเร็วมาก Sondhi App จะเอาเรื่องราวต่างๆ เหล่านี้มาส่งถึงมือถือของท่านผู้ชมได้ตรงจุด ตรงประเด็น และทันท่วงทีที่สุด ทั้งหมดนี้ผมขอรับประกันด้วยประสบการณ์ในแวดวงสื่ออันยาวนานของผม ถึงห้าสิบกว่าปี ซึ่งท่านผู้ชมทราบอยู่แล้วว่า ผมเป็นคนที่ยืนไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่ ฝนจะตก ฟ้าจะร้อง แดดจะออก พายุจะมา ฟ้าฝนกระหน่ำมองไม่เห็นทาง แต่พอฟ้าแจ้งอีกครั้งท่านผู้ชมจะเห็นผมยืนอยู่ตรงนี้ ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

ท่านผู้ชมครับ หลายๆ เรื่องที่แอปฯ นี้มาลง จะไม่มีปรากฏในเฟซบุ๊ก ทำไมต้องทำเช่นนี้ ? เนื่องจากช่วงหลังเฟซบุ๊กมีนโยบายเปลี่ยนไป เฟซบุ๊กจะส่งเสริมการขายของหน้าเฟซบุ๊ก โดยที่เขาจะลดการมองเห็นลงมา สมมุติว่า โดยเฉลี่ยแล้ว ทุกๆ EP. ทุกๆ รายการวันศุกร์ จะมีคนเข้ามาดูเราประมาณ 2 ล้านคน ตอนนี้ยอดเราลดเหลือ 1.5 ล้าน เพราะว่าคนที่มาดูจำนวน 1.5 ล้านคน เป็นคนที่ดูประจำ เขาไม่ได้เปิดกว้างให้คนที่ไม่เคยดู เข้ามาดู มันก็เลยทำให้ยอดฟอลโลว์ของเรายังคงที่ ที่ 3 ล้าน 4 แสน 7 หมื่น ฟอลโลว์ ซึ่งนิ่งมาตลอด เหตุผลที่นิ่งมาตลอดเพราะว่าคนที่เข้ามาดูคือแฟนเก่าๆ ทั้งสิ้น คนที่มีฟอลโลว์ แล้วก็มีเสียงเตือนเข้ามา ส่วนคนที่เข้ามาใหม่ ไม่มี เพราะเขาปิด แล้ววิธีการให้คนดูเห็นมากขึ้น ต้องทำอย่างไร ? ต้องจ่ายเงินเฟซบุ๊ก เสียเงินค่า boost ทุกวันนี้คนที่ขายสินค้า ที่เคยมีคนเข้ามาดูประมาณสัก 1 แสนกว่าคน เหลือ 1 หมื่นกว่าคน โวยวายกันใหญ่ แต่ตัวเองต้องขายของ ก็เลยต้องเอาเงินก้อนหนึ่งไปจ่ายเฟซบุ๊ก เฟซบุ๊กก็จะ boost ยอดคนดูให้ ไม่ใช่เกิดขึ้นกับผมอย่างเดียว ทุกเว็บ ทุกเพจ ไม่ว่าจะเป็นเพจ STANDARD เพจอีจัน หรือเพจอะไร ยอดตกหมด ถ้าใครต้องการที่จะ boost ให้คนดูมากขึ้น ต้องเอาเงินจ่ายเฟซบุ๊ก ของผมไม่เคยจ่ายเฟซบุ๊ก และไม่คิดที่จะจ่าย

ด้วยเหตุนี้ ผมโดนเฟซบุ๊ก กับยูทูป บล็อกมาหลายครั้งแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องวัคซีน เรื่อง ฟทจ. และจะมีเรื่องอีกหลายเรื่องในอนาคตข้างหน้า ที่เราจะพูดความจริง แต่ผมคิดว่าอาจจะเป็นนโยบายเฟซบุ๊ก ยูทูป ไม่ยอมรับ เขาก็จะใส่โค้ดลงไปในปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ของเขา ถ้ามีเรื่องนี้ขึ้นปั๊บ เขาก็จะบล็อกทันที ผมก็เลยคิดว่าเราขอยืมจมูกคนอื่นหายใจไม่ได้ นั่นคือที่มาของการพัฒนาแอปฯ ของเรา การทำแอปฯ นี้ค่าใช้จ่ายสูงมาก เราพัฒนามาปีกว่าแล้ว กว่าจะสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง แล้วติดต่อเทนเซ็นต์มา สรุปเบ็ดเสร็จทำมา 1 ปี 4 เดือน เพิ่งจะเสร็จ แล้วก็ทดสอบระบบอยู่ ระบบตอนนี้ประมาณ 98 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 2 เปอร์เซ็นต์ แก้ความผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่สำคัญ เราต้องการความชัด เสียงดี ทุกอย่าง

ท่านผู้ชมครับ คิดเสียว่าเป็นการซื้อปัญญา เดือนละ 99 บาท ที่ท่านหาที่ไหนไม่ได้แล้ว ลำพังแค่ท่านผู้ชมที่มีลูกหลานที่ต้องการเรียนภาษาอังกฤษ ก็เข้าแอปฯ นี้ดู เรียนภาษาอังกฤษได้เลย ซึ่งเรามีอยู่ 30-40 ตอน เราแอบทำมาเงียบๆ ซุ่มเงียบๆ ทำ แล้วข่าวต่างประเทศของเราจะโด่งดังมาก ซึ่งไม่มีใครสู้เราได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตลอดจนข่าวร้อน Breaking News ในอนาคต ก็จะขึ้นมาทันทีให้ท่านผู้ชมรับทราบว่ามีข่าวสดเข้ามาแล้ว ข่าวด่วนเข้ามาแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมคิดว่าในชีวิตประจำวันจะขาดไม่ได้


อีกอันหนึ่ง คือดาราของเรา News1 คือคุณนพรัฐ พรวนสุข หรือคุณนก ก็จะเอารายการของคุณนก ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "ข่าวลึกปมลับ" หรือ "ถอนหมุดข่าว" หรืออีกหลายต่อหลายเรื่อง "คุยบางเรื่องกับนพรัฐ พรวนสุข" เอามาลงในที่นี้ด้วย และเราก็จะมีอีกหลายรายการที่ในเฟซบุ๊กเราไม่ลง ในยูทูปไม่ลง

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมที่เข้ามาดูเรา ประมาณ 1 ล้านกว่าคน ทุกวันนี้ ผมเชื่อว่าเป็น FC ของเรา เป็นแฟนพันธุ์แท้ ท่านผู้ชมครับ ช่วยสนับสนุนกันหน่อย วันที่ 1 มีนาคม เราไม่ใช่ได้ 99 บาท นะครับ เราโดนหักไปประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ จากแอปฯ ต่างๆ เหล่านี้ เราได้จริงๆ ประมาณ 70 บาทต่อท่านผู้ชม 1 ท่าน เพราะฉะนั้นแล้วค่าใช้จ่ายเราสูงมาก เนื่องจากเรามีทีมงานที่ใหญ่ แล้วค่าใช้ streaming ของเขาเดือนละเป็นล้าน แต่เราจำเป็นต้องทำ เพราะว่าเราไม่สามารถจะพึ่งจมูกของเฟซบุ๊กและยูทูปหายใจได้อีกต่อไป เราต้องหาทางเลือกของเรา แล้วมีความเป็นไปได้ไหมท่านผู้ชม อีกหน่อยพอเรามีท่านผู้ชมสมัครเป็นสมาชิกมาก เราก็อาจจะไม่ออกที่เฟซบุ๊ก กับยูทูป อีกต่อไป ก็จะออกที่แอปฯ นี้ที่เดียว เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมต้องการจะเป็นคนที่ได้ปัญญา อย่าลืม ท่านผู้ชม สมัครเป็นสมาชิกของ Sondhi App เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม จากวันนี้จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ยังดูฟรีอยู่ครับ

ท่านผู้ชมครับ รายการวันนี้จะเป็นรายการเดียวเลย ไม่พูดเรื่องอื่นเลยแม้แต่นิดเดียว วันนี้ผมจะมาเล่าเรื่อง มหากาพย์ทางการเมือง ให้ท่านผู้ชมได้ฟัง เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ทางการเมือง จะมีอะไรบ้าง แล้วแต่ละเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น มีที่มาที่ไปอย่างไร วันนี้ผมทำหน้าที่เป็น "ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง" คือผมเอาเรื่องต่างๆ มาเล่าให้ฟัง ท่านผู้ชมครับ การเล่าเรื่องของผมวันนี้จะเป็นการเล่าเรื่องอย่างตรงไปตรงมาที่สุด ไม่เข้าข้างใครเลยแม้แต่นิดเดียว เป็นอย่างไร ใครพบอะไร ใครตกลงอะไรกับใคร แล้วทิศทางจะเป็นอย่างไร ท่านผู้ชมต้องตัดสินใจเอาเอง ผมไม่มีหน้าที่จะไปบอกว่าใครเลว ใครดี แต่ผมเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง ท่านผู้ชมฟังให้ดีๆ แล้วท่านผู้ชมก็เอาไปตัดสินใจด้วยตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ ถ้าผมจะสรุปสถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้ ผมจะวิเคราะห์บนพื้นฐานของความเป็นจริง ในช่วงไตรมาสแรกนี้ มกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม พรรคใหญ่ๆ ก็พยายามที่จะระดมทุนทรัพย์ ตลอดจนสะสมกำลัง การสะสมพละกำลังนั้น ส่วนหนึ่งคือการเจรจาเพื่อชักชวนให้คนที่ตัวเองคิดว่ามีโอกาสที่จะได้เป็น ส.ส. มากที่สุด ให้เข้ามาอยู่กับตัวเอง

ท่านผู้ชมครับ การชักชวนนั้น ชักชวนด้วยลม ก็ได้ลม เพราะฉะนั้นแล้วต้องมี "สิ่งที่แนบไปด้วย" อย่างน้อยที่สุดต้องชวนด้วยเงินมัดจำไว้ก่อน แต่ถ้าจะเอาแน่นอนเลย และกลัวว่าคนอื่นจะชิงเอาไป ก็ต้องจ่ายทั้งก้อน ราคาที่จ่าย ณ วันนี้ คือ 30-50 ล้านบาทต่อหัว แล้วแต่ความสำคัญของบุคคลนั้น ลักษณะแบบนี้ พรรคเล็กๆ ที่เป็นพรรคสัมภเวสี ที่ท่านผู้ชมเคยชินกัน ที่เกิดขึ้นโดยอุบัติเหตุของรัฐธรรมนูญ 2560 พรรคที่ไม่ได้ ส.ส. แต่ได้ปาร์ตี้ลิสต์ 1 คน เพราะมีคนเลือกเข้ามา เข้าสัดส่วนที่สามารถมีปาร์ตี้ลิสต์ได้ มีหลายพรรคครับ พรรคพวกนี้ไม่สามารถจะทำได้เหมือนพรรคใหญ่ ประกอบกับการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะทำให้พรรคสัมภเวสีพวกนี้หายใจไม่ออกเลย ตอนนี้ก็เลยเกิดกระบวนการที่หัวหน้าพรรคสัมภเวสีทั้งหลายพยายามแอบเจรจา แอบตกลงกับพรรคใหญ่ๆ ซึ่งไม่น่าจะสำเร็จเท่าไรนัก เพราะ ส.ส. พรรคเล็กพวกนี้ส่วนใหญ่จะมาจากผลพลอยได้ของระบบปาร์ตี้ลิสต์ของรัฐธรรมนูญ 2560 ก็คือว่า ตัวเองไม่ใช่ดาวฤกษ์ เขาเรียกว่าดวงดาวบนฟ้าแล้วพลิกผันกลายเป็นมีแสงในตัวเอง เพราะมีจำนวน ส.ส. และทำให้ตัวเองได้เป็นปาร์ตี้ลิสต์


ท่านผู้ชมครับ เราเข้ามาคุยถึงสถานภาพของพรรคใหญ่กันบ้าง ก่อนอื่นผมขอทำความเข้าใจก่อนนะครับ ให้ท่านผู้ชมทำความเข้าใจนิดหนึ่ง ท่านผู้ชมคงจะเคยชินกับการได้ยินคำให้สัมภาษณ์หรือการแถลงของตัวแทนพรรคใหญ่ที่ออกมาให้ข่าวกันว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะมีโอกาสได้คะแนนเสียงมากถึงมากที่สุด

การให้สัมภาษณ์ในช่วงครึ่งปีแรก จากมกราคม จนถึงมิถุนายน จะเป็นการให้สัมภาษณ์ที่เชื่อถืออะไรไม่ได้เลย ทำไมผมถึงพูดอย่างนั้น ? มันเหมือนกับการเป่าปี่ตีกลอง แสดงความฮึกเหิม เพื่อสร้างราคาให้ตัวเอง บางพรรคมีเสียงปี่เสียงแตรดังขึ้นมา ก็เลยนึกว่าตัวเองมีความฮึกเหิมต่อชัยชนะ แต่แท้ที่จริงแล้ว เมื่อเราดูลงไปลึกๆ แล้ว เราจะเห็นว่า เมื่อประเมินข้อมูลทุกด้านแล้ว น่าจะเป็นเสียงปี่พาทย์และเสียงแตรในงานศพมากกว่า

พรรคที่ถูกอ้างอิงและเล่าขานกันว่าจะมีเลือดไหลไม่หยุด ก็คือพรรคเพื่อไทย แรกๆ ก็มีบอกว่า ส.ส. จะทิ้งพรรคเพื่อไทยไปเพราะว่าหลายคนก็ทิ้งไปแล้ว แต่ท่านผู้ชมครับ สถานการณ์ที่พัฒนาต่อมา ทำให้เห็นทิศทางว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้เสียงระหว่าง 200-280 เสียง ท่านผู้ชมครับ นี่คือจากการประเมินภายในของผม จากการคลุกคลีกับคนที่อยู่ในวงการ และจากการพูดคุยกับคนที่ทำโพลลึกๆ ตอนนี้ทุกพรรคทำโพลกันหมด พรรคที่ทำโพลมากที่สุดก็คือ พรรคเพื่อไทย ตอนนี้กลายเป็นว่า แทนที่เลือดจะไหลออกจากพรรคเพื่อไทย กลับมีเลือดใหม่ และเลือดเก่าของพรรคเพื่อไทย ที่หลบซ่อนตัวอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคอื่นๆ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นของพรรคพลังประชารัฐ เริ่มไหลกลับเข้าไป หรือแสดงเจตจำนงขอกลับไปบ้านเก่าอีกครั้งหนึ่ง


มาถึงตรงนี้ ถ้าเอาพรรคพลังประชารัฐ กับเพื่อไทย มาประกบคู่กัน จะเห็นว่าพรรคเพื่อไทย ได้เปรียบพรรคพลังประชารัฐ หลายขุม จะเสียเปรียบตรงไหน ? เงินที่ใช้ในการเลือกตั้งไม่ได้มีมากมายเหมือนพรรคพลังประชารัฐ เพราะพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรครัฐบาล มีโครงการต่างๆ ที่ต้องจ่ายเงินจ่ายทองให้พรรค พรรคก็เก็บเงินเก็บทองเอาไว้ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถึงพรรคเพื่อไทยจะมีมากสู้พลังประชารัฐไม่ได้ แต่ก็ยังมีมากพอ เพราะผมเชื่อว่างวดนี้เป็นงวดที่วัดดวงของทักษิณ ชินวัตร ทักษิณ ชินวัตร


คงจะต้องกล้าควักมากกว่าเก่า จากสมัยก่อนที่ไม่ควักเลย และประกอบกับความไม่พอใจที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลชุดนี้ ที่ชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ อีกครั้ง ก็จะทำให้ถึงแม้พรรคเพื่อไทย จะมีเงินสู้พรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้ แต่ความไม่พอใจของประชาชนจะเป็นตัวเสริมจำนวนเงินที่ขาดไป

ท่านผู้ชมครับ มีโอกาสสูงมากที่ ส.ส. สังกัดพรรคพลังประชารัฐ ที่เคยอยู่พรรคเพื่อไทยเก่าๆ หลายคน อาจจะต้องทิ้งพรรคพลังประชารัฐ มีข่าวออกมาในหน้าหนังสือพิมพ์ว่า กลุ่มของคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน หรือกลุ่มสามมิตร สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กำลังติดต่อเพื่อกลับไปสู่พรรคเพื่อไทย


ถึงแม้ว่าคุณสมศักดิ์ เทพสุทิน จะปฏิเสธในทางสื่อมวลชนว่าเป็นข่าวลือ แต่ในทางส่วนตัวแล้ว คุณสมศักดิ์ ได้พูดกับคนใกล้ชิดว่า ขณะนี้กลุ่มสามมิตร ผูกขาตัวเองไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ผูกไว้กับ พล.อ.ประวิตร เพราะสมศักดิ์ เทพสุทิน พูดชัดเจนเลย กับคนใกล้ชิด ว่า เขาไม่สามารถจะทำงานร่วมกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้


เหตุผลเพราะว่าเขาไม่ไว้ใจ ประสบการณ์ที่ผ่านมาในการทำงานกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เขาไม่มั่นใจในความที่มีสัจจะวาจาว่า ตกลงกันแบบนี้ แล้วจะต้องทำกันแบบนี้ และในที่สุดก็ไม่ได้เป็นไปอย่างนี้

พรรคพลังประชารัฐ เป็นศิษย์เก่าเพื่อไทย คุณสมศักดิ์ นอกจากจะกลับพรรคเพื่อไทยแล้ว อาจจะมีบางส่วน อาจจะไม่กลับพรรคเพื่อไทย คุณสมศักดิ์ บอกว่า ผูกขาตัวเองเอาไว้กับ พล.อ.ประยุทธ์ คือเขากำลังดูว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะคว่ำหรือไม่คว่ำ จะเดินหน้าต่อไปหรือเปล่า จะมีโอกาสไหม ที่จะมีเสียงเป็นเอกฉันท์ที่จะชู พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นนายกฯ และจะมีโอกาสไหมที่พรรคพลังประชารัฐจะเป็นแกนนำการจัดตั้งรัฐบาล ถ้าเงื่อนไขต่างๆ ไม่ตรงตามที่คุณสมศักดิ์ พูด คุณสมศักดิ์ ก็พร้อมที่จะทิ้ง พล.อ.ประยุทธ์ คุณสมศักดิ์ ไม่ใช่นักการเมืองฝึกหัด เขาเรียกว่า เซียนเหยียบเมฆคนหนึ่ง

ส.ส. บางคนในพรรคพลังประชารัฐ อาจจะไม่กลับเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย จึงเป็นอีกเป้าหนึ่งที่ศิษย์เก่าเพื่อไทยพวกนี้จะเข้าไปพึ่งใบบุญ


เรามาที่พรรคประชาธิปัตย์บ้าง ไม่ว่าหัวหน้าพรรค นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ หรือโฆษกพรรค จะออกโหมโรง พูดถึงความยิ่งใหญ่ของพรรคที่จะกลับมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ก็อีกล่ะครับท่านผู้ชม จากการวิเคราะห์องค์ประกอบต่างๆ เจาะลึกถึงข้อมูล สถานภาพแล้ว ลึกๆ แล้วพรรคประชาธิปัตย์ถึงแม้มีเงินมีทองมากมายเหลือเกินตอนนี้ แต่ความที่ผู้ใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ที่มีโอกาสสัมผัสเงินทองพวกนี้ เป็นคนที่ซ่อนเงินเก่งมาก และชอบแกล้งทำจนตลอดเวลา เพราะฉะนั้นโอกาสที่ผู้ใหญ่ในพรรคจะควักเงินควักทองที่ได้มาระหว่างการทำงานมาต่อสู้ในเชิงทางการเมือง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ กลับเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะว่านอกจากซ่อนเงินเก่งแล้ว แกล้งจนแล้ว ยังเค็ม จนกระทั่งไอเกลือขึ้นเกาะตัวเลย ผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์เป็นอย่างนี้จริงๆ ถามทีไรก็บอกว่า จน ไม่มีเงินไม่มีทอง ถามทีไรก็บอกว่า จน

อีกประการหนึ่ง ท่านผู้ชมครับ ถ้า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า บอกว่าภาคเหนือ ... นี่ผมกำลังวิเคราะห์การเมืองที่เป็นจริงนะครับ ภาคเหนือ ร.อ.ธรรมนัส บอกว่าพร้อมจะยึดหมด แต่ในความเห็นของผมแล้ว ยึดได้ไม่หมดหรอกครับ เพราะว่าต้องมีเพื่อไทยร่วมแข่งขันกันยึด แล้วก็มีตัวอย่างมาแล้ว ในการเลือกตั้งนายก อบจ. คนที่แล้ว คราวที่แล้วของเชียงใหม่ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ไป นายก อบจ. สายพรรคเพื่อไทยได้ไป แสดงว่าอิทธิพลและบารมีของทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ยังมีมากพอที่จะทำให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ขวัญสลายได้เช่นกัน แต่จะเป็นอย่างไรก็ตาม ค่อนข้างจะแน่ชัดว่า ทางภาคเหนือตอนบน หรือตอนล่าง แทบจะไม่มีที่ยืนให้กับพรรคประชาธิปัตย์เลยแม้แต่นิดเดียว ผมไม่ประหลาดใจถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้สักเสียง ในภาคเหนือตอนบน และตอนล่าง อาจจะมีหลุดออกมาบ้าง อย่างมากก็ 1-2 คน สูงสุด ไม่มากไปกว่านั้น เรียกว่าหลุดออกมาประเภทมีช่องว่างแล้วโผล่พลุบเข้ามา เหมือนหนูวิ่งเข้ารู แล้วไปโผล่อีกรูหนึ่งโดยบังเอิญ

ทีนี้ ลองหันมาดูทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบน อีสานเหนือ ตอนล่าง อีสานใต้ ตอนล่างผมมั่นใจว่าน่าจะเป็นของพรรคภูมิใจไทย


พรรคภูมิใจไทย เป็นพรรคที่มาเงียบๆ แต่ดุดันและเด็ดขาด และการบริหารจัดการเฉียบมาก ตั้งแต่มีพรรคภูมิใจไทยมา ผมดูพรรคการเมืองแล้ว มีพรรคนี้ที่มีมารยาทในการดูแลพรรคพวกของตัวเองมากที่สุด ก็คือว่า ไม่มีใครโวยวาย ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ไม่มีการขู่ ไม่มีการโน่น ไม่มีการนี่ คืออยู่ในระเบียบวินัยของพรรคภูมิใจไทยสูง ส่วนอีสานเหนือนั้น ส่วนใหญ่ สำหรับผมแล้ว น่าจะได้กับพรรคเพื่อไทย เพราะว่าอีสานเหนือ พรรคเพื่อไทยแรงมาตลอด นั่นคือเหตุผลว่าทำไม พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงขึ้นไปอีสานเหนือ ไปที่อุดรฯ แต่ขึ้นไปครั้งเดียวไม่มีความหมายหรอกครับ เพราะฉะนั้นแล้ว อีสานเหนือก็จะเป็นพรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ และมีพรรคภูมิใจไทยแทรกแซมเข้ามาได้บางที่ ประชาธิปัตย์ ลืมไปเลย วิฑูรย์ นามบุตร อดีตรัฐมนตรีในนามพรรคประชาธิปัตย์ทางอีสาน ก็ย้ายพรรคเข้ามาเพื่อไทยแล้ว ชัดเจน


เพราะฉะนั้น เมื่อวิเคราะห์แล้ว ทางเหนือ ทางอีสาน อีสานเหนือ อีสานใต้ เหนือตอนบน เหนือตอนกลาง พรรคประชาธิปัตย์ปิดประตูตัวเองหมด ผมไม่แคร์ว่าจะส่งใครก็ตาม แม้กระทั่งฐานเสียงของคุณจุติ ไกรฤกษ์ ที่จังหวัดพิษณุโลก ก็อาจจะรักษาไม่ได้เสียด้วยซ้ำ

พอเราลงมาทางภาคกลาง อุทัยธานี อ่างทอง อยุธยา สระบุรี ภาคกลางนี่ประมาทพรรคชาติไทยพัฒนา ของบรรหาร ศิลปอาชา ไม่ได้ ที่เขาเพิ่งส่งไม้ต่อให้ลูกชายของเขา วราวุธ ศิลปอาชา ก็ยังคงมีอิทธิพลและมีบทบาทสูงอยู่ เพราะฉะนั้นแล้ว พรรคชาติไทยพัฒนาต้องรักษาแชมป์เอาไว้ และในที่สุดแล้ว นอกจากรักษาแชมป์แล้ว ยังจะต้องพยายามขยับขยายให้ได้เสียงมากขึ้น ผมก็ยังมองไม่เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไปเอาเสียงจากภาคกลางตรงไหน


ท่านผู้ชมครับ นี่ผมวิเคราะห์เป็นพรรคให้ฟัง ทางใต้นั้น ประชาธิปัตย์ถูกเจาะไข่จนพรุนไปหมดแล้ว ไม่ว่าพลังประชารัฐ หรือภูมิใจไทย ล้วนแล้วแต่ได้ไปปักหมุดเอาไว้อยู่ที่หลายจังหวัด หลายจังหวัดเลย หลายครั้งที่พรรคพลังประชารัฐยืนยันว่ายกจังหวัด แล้วผมก็เชื่อว่าเขายกได้จริง พรรคประชาธิปัตย์ก็จะเหลือแค่ กทม. กรุงเทพมหานคร

ท่านผู้ชมครับ กรุงเทพมหานคร เป็นสนามแห่งความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งของพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และก้าวไกล แต่ท่านผู้ชมครับ นาทีนี้ ถ้าพูดอย่างไม่เข้าข้างใคร จำนวน ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ที่อยู่ใน กทม. น่าจะได้ลดน้อยลง ส่วนจะลดน้อยลงแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ เพราะการชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาเป็นนายกฯ อีกครั้ง ขณะที่ยังมีคนรักและเป็นติ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ แต่ตัวเลขนิ่ง ไม่เพิ่ม แต่คน กทม. ที่เกลียด พล.อ.ประยุทธ์ กลับมีมากขึ้นกว่าเดิมเยอะ เพราะฉะนั้นแล้ว พรรคพลังประชารัฐจะเจอปัญหานี้อย่างหนัก พรรคประชาธิปัตย์ ใน กทม. ในการสูญพันธุ์คราวที่แล้ว สูญพันธุ์เพราะเบื่อหน่ายพรรคประชาธิปัตย์ เบื่อหน่ายผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ ตลอดจนลักษณะคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นคนหิวแสง เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่กล้ารับผิดชอบ เก่งในเรื่องวาทกรรม แต่ไม่มีผลงานอะไรที่เข้าตาคน กทม. นี่คือเหตุผลของการสูญพันธุ์คราวที่แล้ว


และการสูญพันธุ์คราวที่แล้ว ก็ด้วยอีกสาเหตุหนึ่ง ก็เพราะว่า คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอกว่าจะไม่เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะไม่เห็นด้วยกับเผด็จการทหาร แต่คุณจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ กลับพลิกประเด็น ยินดีเข้าร่วม ในวาทกรรมที่ทุกคนใช้ "เพื่อเข้ามาช่วยชาติ" เพราะฉะนั้นแล้ว ถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะได้รับโอกาสจากคน กทม. อีกครั้งหรือเปล่า ? ต้องโยนหัวโยนก้อยกันแล้ว เพราะถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจ ก็จะสูญพันธุ์ไปอีกเช่นเคย หรืออาจจะหลุดเข้ามาสัก 1-2 คน เป็นลักษณะสัมภเวสี ก็เป็นไปได้

ท่านผู้ชมครับ ที่น่าสนใจที่สุดคือ พรรคก้าวไกล จำนวน ส.ส. ใน กทม. ปริมาณคนรุ่นใหม่ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย การเลือกตั้งคราวที่แล้ว มาจนถึงการเลือกตั้งคราวหน้าที่จะมี อาจจะมีปลายปีนี้ หรือต้นปีหน้า ต้นปี 66 ช่วง 2-3 ปีนี้ คนรุ่นใหม่เกิดขึ้นเยอะมาก


คนที่มีสิทธิในการเลือกตั้ง พวกนี้จะเป็นพลังเงียบของพรรคก้าวไกล ซึ่งพรรคก้าวไกลอาจจะสูญเสียพื้นที่ในภูมิภาคไปเยอะพอสมควร เพราะว่าพื้นที่ภูมิภาคนั้นไม่ใช่พื้นที่ที่พรรคก้าวไกลจะลงไปต่อสู้กับเจ้าถิ่น ประเภทนักเลงโบราณ สู้พวกเพื่อไทย สู้พวกพลังประชารัฐ สู้ชาติไทยพัฒนา ภูมิใจไทย ไม่ได้ เพราะพวกนี้เล่นลูกโหด ตีนติดดิน เป็นไปได้อย่างมากว่าพรรคก้าวไกลในภูมิภาคที่เคยมีอยู่ อาจจะหายไปเยอะ จากที่มีอยู่ แต่ผมเชื่อว่าจะได้เพิ่มจาก กทม. และการได้เพิ่มนั้น เพิ่มจากส่วนของ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ที่สูญหายไป

ส่วนคนเลือกตั้งที่เป็นคนรุ่นใหม่ที่จะเข้ามานั้น เป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้เลย บางคนอาจจะไม่เห็นด้วยกับการประท้วงของม็อบสามนิ้ว แต่ระหว่างม็อบสามนิ้วที่ตัวเองไม่ชอบ กับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ตัวเองไม่ชอบมากกว่า ก็อาจะต้องตัดสินใจเลือกพรรคก้าวไกล เพื่อประท้วงพรรคพลังประชารัฐ และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นี่คือวิธีเดียวที่จะประท้วงได้ ถึงแม้ตัวเองจะไม่ชอบม็อบสามนิ้ว แต่ชั่งน้ำหนักแล้ว ถ้ามาชูพรรค พล.อ.ประยุทธ์ เลือกพรรคก้าวไกลดีกว่า

ท่านผู้ชมครับ เหมือนกับที่ผมได้พูดไปแล้วเมื่อกี้นี้ ว่า คนรัก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ใช่ว่าไม่มี ... มี แต่ปริมาณไม่เพิ่มขึ้น ในมุมกลับ คนเกลียดคุณประยุทธ์ กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เอาตัวเลขผลการสำรวจของนิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ที่ไม่เข้าข้างใครเลย ตรงไปตรงมา ซึ่งเป็นโพลเดียวที่ผมเชื่อถือได้ โพลบ้าที่เหลือผมไม่เชื่อถือ โพลรับจ้างทั้งนั้น เอามาวัดกัน จะเห็นได้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ เคยมีคะแนนนิยมถึง 60 เปอร์เซ็นต์ ตอนนี้ตกรูดมาเรื่อยๆ จนถึงวันนี้คะแนนนิยมเหลือเพียง 17 เปอร์เซ็นต์


ถึงแม้ติ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จะบอกว่า ถึงจะ 17 เปอร์เซ็นต์ ก็ยังอันดับหนึ่ง อันดับสอง 16 เปอร์เซ็นต์ แต่ประเด็นที่ติ่ง พล.อ.ประยุทธ์ พูด หรือทีมงาน พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้ดู ก็คือว่า เกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ บอกว่ายังหาใครที่เหมาะเป็นนายกฯ ไม่ได้ ยังหาใครไม่ได้ ตัวเกือบ 40 เปอร์เซ็นต์ นี่เป็นตัวที่น่ากลัวมาก

เพราะฉะนั้นแล้ว ที่คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ ตกไปที่ 17 เปอรเซ็นต์ ก็จะเป็นโอกาสที่พรรคพลังประชารัฐในกรุงเทพมหานครอาจจะสูญเสียเก้าอี้ไปหลายเก้าอี้อย่างคาดไม่ถึง

ก็เลยเป็นไปได้สูงที่พรรคก้าวไกลจะมี ส.ส. ใน กทม. เพิ่มขึ้นกว่าเดิม บนความสูญเสียของพรรคพลังประชารัฐ และปิดประตูไม่ให้พรรคประชาธิปัตย์กลับเข้ามา นี่คือหลักๆ ที่ผมอธิบายให้ฟัง

เอาล่ะ ท่านผู้ชมครับ ภาพรวมที่ผมพูดเมื่อกี้ ก็น่าที่จะเป็นอะไรบางอย่างที่ท่านผู้ชมพอจะเข้าใจสถานการณ์ ตอนนี้เรามาพูดถึงเรื่ององค์ประกอบและตัวแปรทางการเมือง ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ผมอธิบายไปนั้น คือสิ่งที่เป็นไปอยู่ แต่ว่าทุกอย่างในโลกนี้มันมีความไม่แน่นอน อะไรบ้างที่เป็นตัวแปรและองค์ประกอบทางการเมืองที่มีความไม่แน่นอน ?

ท่านผู้ชมครับ ตัวแปรทางการเมือง คือปัญหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะได้อยู่ต่อหลังเดือนสิงหาคม หรือเปล่า เพราะตามกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ได้มีบางมาตราที่เขียนออกมา ชี้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้น ใครก็ตามเป็นนายกรัฐมนตรีติดต่อกันถึง 8 ปี พอถึงสิงหาคมนี้ ก็หมดสิทธิ์ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก ทางฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ใช้ฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎร คือสภาผู้แทนราษฎรก็มีฝ่ายกฎหมาย เสนอความเห็นเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ของนายกฯ ว่าสามารถที่จะดำรงอยู่ต่อไปได้ ก็เกิดกระแสคัดค้านอย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเองก็ออกมาปฏิเสธว่า ที่ฝ่ายกฎหมายพูดไปนั้นไม่ได้ผูกพันกับสภาฯ นะ เป็นความเห็นของฝ่ายกฎหมายสภาฯ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าได้รับงานใครมาเพื่อให้มาพูดเรื่องนี้ จริงๆ แล้วไม่ใช่หน้าที่ของสภาฯ ที่จะมาพูดเรื่องนี้


คุณวิษณุ เครืองาม ผมต้องเอาเรื่องราวของท่านรองนายกฯ วิษณุ พูดขึ้นมา งานนี้ ท่านผู้ชมอาจจะเข้าใจหลายๆ อย่าง จะเริ่มเห็นจุดแต่ละจุดที่ผมจะเชื่อมให้ดู ท่านรองนายกฯ วิษณุ ท่านพูดออกมาว่า เรื่องท่านนายกฯ จะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อนั้น หลังสิงหาคม ต้องจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ ก็คือว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องชี้ออกมาชัดเจน

ทีนี้ ท่านผู้ชมครับ ศาลรัฐธรรมนูญนั้น จากบทบาทที่เคยเห็นกันมาตลอดเวลา ที่ คสช. ได้ตั้งศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ขึ้นมาโดยผ่านคณะ ส.ว. ที่บงการโดย คสช. ทำทั้งเรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ แต่เรื่องใหญ่ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้มักจะมีมติออกมาในทิศทางที่ฝ่ายรัฐบาลต้องการ ก็เลยเป็นที่ครหานินทา และเกิดความไม่ไว้วางใจในศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ แน่นอนที่สุด ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้มีมติเสียงข้างมากว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถเป็นนายกฯ ต่อไปได้หลังสิงหาคม ซึ่งเป็นกำหนดครบ 8 ปี ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พอมีมติชิ้นนี้ออกไป ก็จะเป็นหลักการที่ต้องมีคนคัดค้านกันอย่างกว้างขวางเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ในแวดวงกฎหมาย เพราะว่ามาตรา 158 ในรัฐธรรมนูญนั้น เป็นมาตราที่ชัดเจน อ่านแล้วตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะตะแบงและตีความกันออกไป

ด้วยเหตุนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญมีมติชี้ออกมาว่าอยู่ต่อไปได้ ท่านผู้ชมเชื่อผม ความแตกแยกจะเกิดขึ้นมากกว่าเก่าจนอาจจะเยียวยาไม่ได้ เพราะว่าในที่สุดกลายเป็นว่าศาลรัฐธรรมนูญนั้นรับใช้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในที่สุด สถานการณ์ถ้านายกฯ อยู่ต่อได้อีกหลังเดือนสิงหาคม ก็ยิ่งเป็นการเติมฟืนเติมไฟ เอาน้ำมันไปราดให้กับฝ่ายตรงข้ามที่จะคัดค้านการดำรงอยู่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกรัฐมนตรี และจะเป็นแรงผลักดันมหาศาลที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล จะได้รับคะแนนนิยมมากขึ้นกว่าเก่าอย่างมากมายอย่างเกินความคาดหมายอีก ทั้งๆ ที่ก็จะได้รับมากอยู่แล้ว แต่ถ้ามติศาลรัฐธรรมนูญออกมาแบบนี้ ถ้ามีเลือกตั้งปีหน้า ปี 66 รับรองว่าคนที่ไม่มั่นใจในแลนด์สไลด์เพื่อไทย จะเห็นแลนด์สไลด์เพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ก็จะได้คะแนนเสียงเข้ามา นี่คือวิธีการสั่งสอนรัฐบาลของประชาชนที่ลงคะแนนเสียง

ท่านผู้ชมครับ แต่ถ้าเกิดศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถจะเป็นนายกฯ ต่อไปได้หลังสิงหาคม มันก็จะเกิดความวุ่นวายอีกแบบหนึ่ง ซึ่งประเด็นนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพราะย่อมมีความเป็นไปได้ว่าผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญอาจจะมีอยู่หลายคนที่ไม่กล้าฝืนข้อกฎหมายที่ชัดเจนเช่นนี้

ท่านผู้ชมครับ คนเรา เป็นตำรวจก็จะมีศักดิ์ศรีของตำรวจ เป็นทหารก็จะศักดิ์ศรีของทหาร ผู้พิพากษาก็มีศักดิ์ศรีของผู้พิพากษา ถ้าไปวางเกมตามรัฐบาลที่แอบทาบทามหรือแสดงท่าทีว่าอยากอยู่ต่อ ก็จะเป็นตราบาปติดตัวผู้พิพากษาท่านที่มีมติเห็นด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อได้ และผมจะเอาปริศนาธรรมของท่านรองนายกฯ วิษณุ เครืองาม ที่ได้พูดออกมากลางเดือนธันวาคม ที่ผ่านมานี้ ซึ่งวันนั้นทุกคนที่อยู่ในวงการประหลาดใจ ทำไมคุณวิษณุ ถึงพูดเช่นนั้น เมื่อทบทวนคำพูดของรองฯ วิษณุ ในวันที่ 15 ธันวาคม 2564


ท่านอวยพรปีใหม่ให้ประชาชน ส่วนหนึ่งของคำอวยพรท่านพูดอย่างนี้ ผมจะอ่านให้ฟัง "ขอส่งความปรารถนาดีมายังทุกคนในช่วงปีใหม่ 2565 โดยจะเป็นปีที่มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้น ทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง นอกจากสถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิดแล้ว อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ และวิถีชีวิตใหม่ ที่สำคัญคือ จะมีกิจกรรมระดับประเทศชาติเกิดขึ้นหลายกิจกรรม ดังนั้น ขอให้ทุกท่านเข้มแข็ง อดทน ถือเอาทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในปีเก่าเป็นบทเรียน ก้าวสู่ปีใหม่ที่มั่นคง ยั่งยืน ตลอดไป" นี่คือคำพูดของท่านรองฯ วิษณุ ทีนี้ ถ้าท่านผู้ชมจับคำพูดของรองฯ วิษณุ และพยายามตีความระหว่างบรรทัด ก็พอจะสรุปได้ว่า ปีนี้ (2565) จะเป็นปีที่วุ่นวายที่สุด ให้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ ท่านผู้ชมครับ เป็นไปได้ไหมที่รองฯ วิษณุ พูดเช่นนี้ เป็นไปได้ไหมที่ศาลรัฐธรรมนูญจะไม่ทำตามคำขอร้องของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ท่านผู้ชมครับ ในการติดต่อองค์กรอิสระ อย่างเช่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ติดต่อเองหรอก แต่จะส่งกระบี่มือหนึ่ง ในกรณีนี้ก็คือ คุณวิษณุ เครืองาม ไปทาบทาม ไปแสดงท่าทีว่านายกฯ อยากอยู่ต่อ หรือไปโยนหินถามทางว่า มีโอกาสไหมที่จะให้นายกฯ อยู่ต่อได้ แล้วก็อาจจะเป็นเพราะว่ามีคำตอบออกมาแล้ว ทำให้ไม่เป็นที่พอใจของสิ่งที่ทีมงานของ พล.อ.ประยุทธ์ หวังไว้ รองฯ วิษณุ ก็เลยต้องออกมาพูดแบบนี้ ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนะ ท่านผู้ชม คิดตามผมมา หรือ ... นี่อีกข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในการพูดของผมวันนี้ รองฯ วิษณุ อาจจะได้ข่าวมาว่าจะมีโอกาสที่พรรคเพื่อไทย กับพรรคพลังประชารัฐ ที่จะต้องถึงเวลาจับมือกัน เพราะถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเป็นนายกฯ ต่อไปได้ ความผูกพันและวาจาที่ พล.อ.ประวิตร ให้การยืนยันว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ตลอดไป ท่านผู้ชมครับ ไม่จำเป็นต้องทำแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญทำให้เรียบร้อยแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีสิทธิ์แล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่จำเป็นต้องแบ็ก พล.อ.ประยุทธ์ แล้วสิ ที่เหลือก็เป็นเรื่องการเมืองล้วนๆ ที่ต้องตกลงกันตามผลประโยชน์ที่เจรจากันให้ลงตัวกันในที่สุด


เรื่องบางเรื่องที่ท่านผู้ชมเห็นในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์นั้น ท่านอาจจะตื่นเต้น ฮือฮากับมัน สนุกสนานกับมัน เอาจริงเอาจังกับข่าว อย่างกรณีข่าวของคุณสิระ เจนจาคะ หรือกรณีของข่าวคุณปารีณา ไกรคุปต์ ท่านผู้ชมครับ ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาไปอย่างนั้นอาจจะถูกใจท่านผู้ชม แต่ว่านี่เป็นเรื่องเล็กมาก เป็นเรื่องเล็ก เป็นเรื่องของมดปลวก แต่เรื่องใหญ่ที่สำคัญคือเรื่องพรรคพลังประชารัฐ พรรคเพื่อไทย เรื่องของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่กำลังจะเกิดขึ้น ในการเลือกตั้งครั้งนี้ บทบาทของ พล.อ.อนุพงษ์ จะสูงมาก


เพราะท่านเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สามารถดลบันดาลให้ผลการเลือกตั้งแปรเปลี่ยนไปได้หลายรูปแบบ ท่านผู้ชมสังเกตหรือเปล่า ยังไม่ทันไรเลย ที่ชุมพร การเลือกตั้งซ่อมก็มีการโวยวายกันแล้วว่ามีการส่งทหารเข้าพื้นที่ไปกดดัน

ด้วยเหตุนี้ ผมเชื่อว่าการโกงการเลือกตั้งครั้งหน้าคงต้องมีคนคิดอยู่แล้ว แต่คนที่คิดก็คงจะหนีไม่พ้นฟากฝั่งรัฐบาล เพราะฝ่ายค้านคงไม่คิดจะโกงการเลือกตั้ง เพราะไม่มีอำนาจรัฐ คนที่ยึดการโกงการเลือกตั้ง ตามประวัติศาสตร์แล้ว ฝ่ายรัฐบาลทั้งสิ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพรรคพลังประชารัฐ ยิ่งข่าวออกมาว่าเพื่อไทยจะแลนด์สไลด์ สายพรรคพลังประชารัฐต้องใช้วิชามารทุกรูปแบบ ผ่านอำนาจรัฐที่ตัวเองคุมอยู่อย่างแน่นอนที่สุด ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้ และทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จนั้น ก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตาดูกันต่อไป รวมทั้งมีกระบวนการที่กดดันให้ กกต. ต้องยุบพรรคเพื่อไทย และยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งเท่าที่ทราบมา อยู่ในแผนสำรองของเขาอยู่แล้ว และการยุบพรรคนั้นก็จะเกิดขึ้นระหว่างที่มีการเลือกตั้ง หาเสียง เพื่อสร้างความสับสนกับประชาชน จะไม่เกิดขึ้นก่อนการเลือกตั้ง หมายความว่า พอมีกฤษฎีกาการเลือกตั้งปั๊บ หาเสียงติดป้ายโฆษณากัน โน่นนี่นั่น กกต. จะมีมติยุบพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล เพราะว่าทำผิด 1..2..3.. และพรรคเพื่อไทยก็ทำผิดกติกาเยอะ เพราะถูกครอบงำโดยทักษิณ ชินวัตร แต่คำถามคือ กกต. จะกล้าพอที่จะตัดสินแบบนั้นหรือเปล่า ?


ท่านผู้ชมครับ การพูดเรื่องการเมืองในปีนี้ เราไม่พูดถึงทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้เลย ถามว่า ทักษิณ ชินวัตร วันๆ นอกจากออกข่าวมาในทางสาธารณะแล้วว่าตัวเองอยากกลับมาบ้าน ตัวเองพร้อมจะมาเล่นกอล์ฟกับ พล.อ.ประยุทธ์ ตัวเองนั้นยินดีที่จะกลับมาทำงานให้กับชาติบ้านเมือง ขอโอเลี้ยงแก้วเดียว นั่นคือการเปิดหน้าพูด แต่ในทางลับ ทักษิณ ชินวัตร มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆ อยู่แล้ว ผมเชื่อว่าแน่นอนที่สุด ที่พลาดไม่ได้คือ ต้องมีการติดต่อกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นแล้ว บัตรเลือกตั้งสองใบที่ผ่านวุฒิสภาไป ในการเลือกตั้งคราวหน้า คงไม่สามารถผ่านวุฒิสภาได้ เพราะว่าบัตรเลือกตั้งสองใบนั้น ทำให้พรรคเพื่อไทยมีประโยชน์ ได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะว่านอกจากคะแนน ส.ส. เขตแล้ว ยังมีคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ บัตรเลือกตั้งลงสองใบ ใบหนึ่งลง ส.ส. ที่สมัคร อีกใบหนึ่งลงพรรคการเมืองที่ตัวเองเลือก และนี่คือที่มาของการประเมินว่า พรรคของพรรคเพื่อไทยนั้น โอกาสที่จะได้ ส.ส. ตั้งแต่ 200 เสียง ถึง 280 เสียงนั้น สูงมาก ผมให้กลางๆ ก็แล้วกัน 250 เสียง

ท่านผู้ชมอย่าไปคิดว่าโอกาสที่พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะไม่มีทางที่จะรวมกับพรรคเพื่อไทย อย่าไปคิดแบบไร้เดียงสาแบบนั้น ท่านผู้ชมครับ การเมืองเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ลงตัว เมื่อดูองค์ประกอบของพรรคพลังประชารัฐแล้ว มีจำนวนไม่น้อยเลย คือศิษย์เก่าพรรคเพื่อไทยทั้งสิ้น อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ แม้กระทั่งคนอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็เคยเป็นเด็กในคาถาของเจ๊แดง หรือเยาวภา วงศ์สวัสดิ์

เอาล่ะ เรามาตั้งโจทย์เลขง่ายๆ สมมุติว่าพรรคเพื่อไทยจะได้เสียง ส.ส. เข้ามาสัก 260 เสียง บวกก้าวไกล อีก 30 เสียง ก็รวมเป็น 290 เสียง ถ้าสามารถจะดึงอีก 1-2 พรรคมาให้มีเสียงถึง 350-400 เสียง เสียง ส.ว. 250 เสียง ที่มีบทบาทเลือกนายกฯ ก็จะด้อยค่าลงไป


และอีกประการหนึ่ง ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า ส.ว. 250 เสียงนั้น จะลงคะแนนเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้ง 250 เสียง ทำไมผมถึงพูดอย่างนั้นล่ะ ? เพราะการพ่ายแพ้ในการลงคะแนนเสียงเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบ กับบัตรเลือกตั้งใบเดียว อย่างแน่นอน เป็นเครื่องชี้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ นั้น มีเสียง ส.ว. อยู่ในมือไม่ได้มากกว่าอย่างที่หลายคนเข้าใจ

เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการให้ใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ ให้ใช้เพียงใบเดียว แต่ว่า พล.อ.ประวิตร พลังประชารัฐ และเพื่อไทย ชูสองใบ เหตุผลที่ชูสองใบอาจจะเป็นเพราะว่าได้มีการตกลงกันไว้เรียบร้อยแล้ว และก็ต้องผ่านวุฒิสภา และวุฒิสภาสาย พล.อ.ประวิตร ก็ยกมือให้ชนะสายของ พล.อ.ประยุทธ์ ไป

อาจจะเป็นตรงนี้ได้ไหมท่านผู้ชม ที่ทักษิณ ชินวัตร เริ่มแสดงบทบาท แสดงความมั่นใจหลายๆ อย่าง ว่าตัวเองคงจะได้มีโอกาสกลับมาประเทศไทย


เพราะนาทีนี้ถ้าไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยน่าจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล และถ้าพรรคพลังประชารัฐเกิดเข้าร่วมด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ท่านผู้ชม ก็จะมีกระบวนการ ขั้นตอน เคลียร์ทุกอย่างในการนิรโทษกรรมเพื่อให้ทักษิณ กลับมาอย่างเท่ๆ เป็นไปได้ เดี๋ยวผมจะพูดเรื่องนี้อีกทีในตอนท้ายรายการ

ที่ผมพูดออกมาอย่างนี้ ท่านผู้ชมครับ ติ่งทั้งสองฝ่ายจะเริ่มรับไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เกลียดทักษิณ เกลียดการจำนำข้าว ไม่ว่าจะเป็นคุณหมอเหรียญทอง หมอวรงค์ สนธิญาณ สนธิญา ทีมงาน Top News ทั้งหลาย ถ้ามันเป็นอย่างนี้มันเหมือนฟ้าผ่าตอนกลางวันแจ้งๆ เลยนะ ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมบางคนอาจจะหัวเราะว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ท่านผู้ชมครับ การเมืองเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทั้งสิ้น เมื่อผลประโยชน์ลงตัว ถ้าจะโทษ ต้องโทษ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่คิดว่าจะตีกินได้ง่ายๆ ด้วยการลอยตัวเหนือทางการเมือง ทำตัวเป็นดาวค้างฟ้าที่ทุกคนไม่มีทางเลือก แต่ต้องเลือก พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกฯ

ท่านผู้ชมครับ เรามามองย้อนหลังกันนิดหนึ่ง วันที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะโค่นล้ม พล.อ.ประยุทธ์ ในสภาฯ ด้วยการยกมือไม่ไว้วางใจ มีความเป็นไปได้สูงว่า พล.อ.ประวิตร รับทราบและหนุนหลังให้ ร.อ.ธรรมนัส ทำเช่นนั้น


อาจจะมีการตกลงกับทักษิณ ทางลับ เพราะว่าถ้า พล.อ.ประยุทธ์ หลุดจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพื่อไทย และพลังประชารัฐ ก็จะจับมือและชู พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีทันที ท่านผู้ชมเชื่อผมสิครับ การเมืองเบื้องหลังแบบนี้มีอยู่ตลอดเวลา มีแต่ท่านผู้ชมคนข้างนอกเท่านั้นที่ไม่รู้

ที่แน่ๆ และคิดว่าไม่น่าจะผิดพลาดไปในทางทฤษฎี ผมเชื่อว่า พล.อ.ประวิตร กับทักษิณ ชินวัตร ได้พูดคุยทางการเมืองกันตลอดเวลา โดยจะผ่านคนกลาง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ใช้งานมานานแล้ว จะเป็นใคร ลองไปเดาดูเองก็แล้วกัน

สำหรับทักษิณ ชินวัตร แล้ว สิ่งที่เขากลัวที่สุดมีอยู่ 2 เรื่อง คือ เขากลัวว่าเขาจะถูกยุบพรรค เพราะถ้ายุบพรรคระหว่างเลือกตั้ง หาเสียง จะสร้างความสับสนให้กับคนลงคะแนนเสียง อีกประการหนึ่งที่ทักษิณ ชินวัตร กลัว คือการปฏิวัติรัฐประหารอีกครั้งหนึ่ง

ท่านผู้ชมครับ วิเคราะห์การเมืองปีนี้ ที่จะเกิดขึ้น ถ้าไม่พูดถึงเรื่องการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. การวิเคราะห์ปีนี้ และรายการนี้ จะไม่สมบูรณ์ ผมกำลังบอกว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มันมีผลกระทบต่อการเมืองระดับชาติมาก มีการยืนยันทั้งจาก พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ว่า ปี 2565 มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงขนาดว่าอีก 4-5 เดือนเองมั้ง ไม่น่าจะเป็นไปได้ท่านผู้ชม อาจจะมีการเลือกตั้ง ส.ก. สมาชิกสภา กทม. ก่อน แต่ผู้ว่าฯ กทม. นั้น คงจะต้องเลื่อนต่อไป จนกว่าสถานการณ์ของพรรคพลังประชารัฐจะดีขึ้น

ที่ว่า "สถานการณ์จะดีขึ้น" หมายถึงอะไร ? หมายถึงคะแนนนิยมล่าสุด เลือกตั้งพรุ่งนี้ คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ก็จะมาทันที แล้วมาแบบชนะขาดด้วยนะ เลือกวันไหน ก็แพ้วันนั้น เพราะคะแนนนิยมชัชชาติ นั้น เวลาผ่านไป ยิ่งผ่านไปยิ่งแรงขึ้น และที่สำคัญ เวทีเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. มันสะท้อนภาพของเวทีระดับชาติให้เห็นได้ชัดเจน


คุณชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เคยบินไปหา ทักษิณ ชินวัตร ที่ดูไบ ขอให้พรรคเพื่อไทยอย่าส่งผู้สมัคร กทม. ลง เพราะเขาต้องการจะลงเป็นผู้สมัครอิสระ ทักษิณ ชินวัตร ก็เห็นด้วยและสั่งมาทางพรรคเพื่อไทย ว่า ไม่ให้ส่งผู้ว่าฯ กทม. และนี่คือเหตุผลสำคัญที่สุดที่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ต้องถอนตัวออกจากพรรคเพื่อไทย เหตุผลเพราะว่า คุณหญิงสุดารัตน์ นั้น ความเข้มแข็งของเธออยู่ที่เสียงสนับสนุนของประชาชน และจะอยู่ในพื้นที่ กทม.


เดิมทีมีอยู่พักหนึ่ง คุณชัชชาติ เงียบหายไปหลายเดือน อาจจะเป็นเพราะว่ามีความพยายามจะผลักดันคุณชัชชาติ ให้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลังจากคุณสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ลาออกไป เพราะว่าพรรคเพื่อไทยยังขาดหัวหน้าพรรค แล้วคุณชัชชาติ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่เผอิญทุกคนลืมนึกไปว่า เจ้าของพรรคเพื่อไทย คือ ทักษิณ ชินวัตร และคุณหญิงอ้อ พจมาน ณ ป้อมเพชร

เพราะฉะนั้นแล้ว การปรับกระบวนทัพของพรรคเพื่อไทยใน 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้ ที่เอาคุณหมอชลน่าน ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค แล้วเอาอุ๊งอิ๊ง ขึ้นมาเป็นประธานที่ปรึกษานั้น มันพิสูจน์ชัด คนที่วางแผนให้คุณชัชชาติ มาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อจะให้ดูดีขึ้นนั้น ก็เป็นฝันสลายไป


นั่นคือเหตุผลว่าทำไมคุณชัชชาติ ถึงหายไป 2-3 เดือน พอตอนหลังชัดเจนแล้วว่าตัวเองจะต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง ยืนบนลำแข้งตัวเอง ก็เลยตัดสินใจกลับมาหาเสียงอีกครั้งหนึ่ง ถึงขนาดนั้นคะแนนเสียงก็ยังนำคู่ต่อสู้มาก

สมัยก่อนมีคู่แข่งที่พอที่จะสู้กับคุณชัชชาติได้ ก็คือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แต่พอถอนจักรทิพย์ ชัยจินดา ออกไปแล้ว ไม่ยอมลง ความห่างระหว่างชัชชาติ กับ อัศวิน ขวัญเมือง ที่ลึกๆ แล้วอยากจะลง แต่ยังสงวนท่าทีอยู่มากมาย เห็นได้ชัดมาก


ท่านผู้ชมครับ พรรคพลังประชารัฐ เดิมทีตกลงกันระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ กับ พล.อ.ประวิตร ที่จะให้สนับสนุน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ลงสมัครอิสระ แต่เกมนี้เปลี่ยนไป เพราะว่าเมื่อ พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. อย่างไม่เป็นทางการ ก็เลยเกิดกระบวนการ "เท" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ทิ้งไป จากการที่ ร.อ.ธรรมนัส เรียกประชุมพวก ส.ก. สมาชิกสภา กทม. ของ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ทุกคน แล้วบอกให้ ส.ก. ของ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ที่อยู่ในกรุงเทพมหานครนั้น ให้ลงสมัคร ส.ก. ในนามของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งบรรดา ส.ส. สายพรรคพลังประชารัฐ ไม่มีทางเลือก เพราะว่าข่าวออกมาแรงมากว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะเป็นผู้กำหนดใครบ้างจะได้ลง ส.ส. ทุกคนก็เลยต้องยอมทำตาม

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และพร้อมที่จะเอา ส.ก. สาย ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ทุกคน มาสนับสนุนอัศวิน ขวัญเมือง


ซึ่งอัศวิน ขวัญเมือง ก็อาจจะลงในนามอิสระ แต่ว่าในข้อเท็จจริงแล้ว มีธรรมนัส พรหมเผ่า อยู่ข้างหลังอัศวิน ขวัญเมือง เพราะว่าทั้งสองคนมีความใกล้ชิดสนิทสนมและมีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อันนี้เป็นข้อเท็จจริง เบื้องหลังจริงๆ

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา มีความรู้สึกว่าถูกหักหลัง เพราะว่าที่ได้รับคำมั่นสัญญาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั้น ก็คือว่า จะส่ง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ปรากฏว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มาแปลงสารของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือเปล่า ผมไม่รู้ แปลงหรือไม่แปลง ไม่รู้ รู้แต่ว่า ส.ก. ที่สังกัด ส.ส. พรรคพลังประชารัฐนั้น รวมหัวกันเทเสียงให้กับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ตามคำสั่งของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

แต่ยุทธศาสตร์นี้ก็ล้มเหลว เพราะในที่สุดแล้ว พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ถูกเปิดโปงออกมาว่าแท้ที่จริงแล้วข้างหลังของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ก็คือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลยทำให้แผนนี้เริ่มจะไม่เป็นไปตามที่ ร.อ.ธรรมนัส และนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ วางแผนเอาไว้

ท่านผู้ชมเข้าใจหรือยังครับ นี่คือเหตุผลว่าทำไม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ถึงตัดสินใจถอนตัว ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แล้วก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า มองหน้ากันไม่ติดจนทุกวันนี้ ถึงแม้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะออกมาว่าเคารพนับถือพี่แป๊ะอยู่ ไม่มีอะไรกัน นั่นเป็นภาพออกในทางสาธารณะ แต่ลึกๆ แล้วไม่เผาผีกันเลย


ท่านผู้ชมครับ พรรคพลังประชารัฐก็เลยพยายามแก้เกม ให้คนไปติดต่อท่านผู้ว่าฯ หมูป่า ท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ปัจจุบันเป็นผู้ว่าฯ ปทุมธษนี ปล่อยข่าวทางโซเชียลมีเดียและสื่อมวลชน จนทำให้ข่าวลือเหมือนจะเป็นข่าวจริง ทุกคนก็พากันงงเป็นไก่ตาแตก หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เป็นไปได้อย่างไร ท่านผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ทำไมถึงคิดสั้นอย่างนั้น แต่ในที่สุดแล้ว ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ก็ลงมาสยบข่าวลือทั้งหลาย ดับฝันและความทะเยอทะยานของ ร.อ.ธรรมนัส ด้วยการออกมาแถลงอย่างเป็นทางการว่า ไม่สนใจที่จะลง และไม่ต้องการที่จะลง


ท่านผู้ชมครับ ตราบใดที่พรรคพลังประชารัฐยังไม่สามารถหาคนที่จะมาลงสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมีโอกาสสู้กับชัชาติได้ การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ก็จะไม่เกิดขึ้น เพราะว่าถ้าตัวแทนพรรคพลังประชารัฐพ่ายแพ้ให้กับชัชชาติ แบบฉีกกระดาษแคว่ก ย่อมสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่น และสั่นคลอนจิตใจของคนที่ทำงานอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ ตลอดจนพวก ส.ส. ทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส. ใน กทม. ที่มีโอกาสที่จะหลุดจากตำแหน่ง ส.ส. ในการเลือกตั้งงวดหน้า ถ้ามีในปีหน้า

เพราะฉะนั้นแล้ว การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในปี 66 ถ้าผู้ว่าฯ กทม. เป็นชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และพรรคเพื่อไทยเกิแลนด์สไลด์ได้มามากจริงๆ ตามคาดการณ์เอาไว้ ก็จะเป็นจุดจบของพรรคพลังประชารัฐ และแน่นอนที่สุด ก็เป็นจุดจบของ 3 ป. เช่นกัน

ท่านผู้ชมคงสงสัยว่าทำไมผมถึงพูดว่าเป็นจุดจบของพรรคพลังประชารัฐ ? พรรคพลังประชารัฐ จริงๆ แล้วเป็นพรรคเฉพาะกิจจริงๆ เกิดขึ้นเพราะ คสช. โดยกลุ่ม 3 ป. ต้องการจะสืบทอดอำนาจ หลังจากยึดอำนาจมาแล้ว ก็ต้องหาโอกาสให้มีเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าได้คืนประชาธิปไตยให้กับประชาชน ในขณะที่ยังร่างรัฐธรรมนูญปี 2560 อยู่นั้น กลุ่ม 3 ป. และที่ปรึกษาทางการเมือง 3 ป. มองว่ารัฐธรรมนูญปี 2560 ต้องเป็นรัฐธรรมนูญที่เอื้อประโยชน์ ให้มีการสืบทอดอำนาจได้ และนั่นคือที่มาของ ส.ว. 250 เสียง ที่เป็นผนังทองแดง กำแพงเหล็ก ป้องกันไม่ให้ใครสั่นคลอนการสืบทอดอำนาจได้


ท่านผู้ชมครับ เพียงแต่ว่าเสียง ส.ว. 250 เสียง คนที่อยู่เบื้องหลังก็จะมี พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการแต่งตั้ง มันก็เลยเกิด ส.ว. สาย พล.อ.ประยุทธ์ และ ส.ว. สาย พล.อ.ประวิตร ขึ้นมา แต่เผอิญบุคลิกของ พล.อ.ประวิตร และคนห้อมล้อม พล.อ.ประวิตร นั้น ก็พยายามดึงเกม ส.ว. ให้มาอยู่ในค่ายของ พล.อ.ประวิตร มากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ท่านผู้ชมครับ จะเห็นได้ว่าหลายๆ ครั้งมีการวัดกำลังกัน สาย พล.อ.ประวิตร จะชนะสาย พล.อ.ประยุทธ์ ในอัตราส่วนเกือบจะเป็น 2 ต่อ 1 ทุกครั้ง ที่เห็นได้ชัดคือการลงคะแนนรับหลักการการเลือกตั้งโดยใช้บัตรสองใบในการเลือกตั้ง ที่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องการ ต้องการใช้บัตรใบเดียว แต่ พล.อ.ประวิตร ต้องการเพราะได้มีการทาบทามพรรคเพื่อไทยเข้ามาร่วมพรรคพลังประชารัฐ ในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งต่อไป

ข้อเสียเปรียบของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สู้ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ คือการเข้าไปคลุกคลีตีโมงกับ ส.ส. ทั้งหลายในพรรคพลังประชารัฐ อย่างใกล้ชิด ของ พล.อ.ประวิตร ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำตัวลอยเหนือความขัดแย้งในพรรคทุกประการ ปล่อยให้ พล.อ.ประวิตร บริหารจัดการพรรคไป ขณะที่ตัวเองบริหารจัดการประเทศชาติไป ตามที่ทราบกันอยู่จากคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ในทางสาธารณะ ส่วน พล.อ.ประยุทธ์ นั้น มีความเชื่อมั่นว่าชื่อเสียงของตัวเองนั้นขาวสะอาด ในขณะเดียวกัน สายตาของประชาชนบางส่วนและคนใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ มองว่ากลุ่ม พล.อ.ประวิตร นั้นเป็นสีเทา

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเลือกนายกรัฐมนตรี พลังประชารัฐก็รู้อยู่แล้วว่า ถ้าชู พล.อ.ประวิตร เป็นนายกฯ ก็จะไม่สำเร็จ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ภาพลักษณ์จะเป็นที่ยอมรับจากสังคมทางการเมือง และพรรคการเมืองอื่นๆ ที่พร้อมจะเข้ามาร่วมรัฐบาล

แต่ปัญหาก็เริ่มเกิดขึ้น เพราะในแปดปีที่ผ่านมา คะแนนนิยม พล.อ.ประยุทธ์ เริ่มถดถอยจาก 60 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียง 17 เปอร์เซ็นต์ ล่าสุด ผมได้พูดไปแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์ ความศักดิ์สิทธิ์นั้นถดถอยลงไป กลายเป็นว่า ชู พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ ไม่ชูก็ได้ และก็เป็นไปได้ว่าอาจจะชูคนเป็นนายกฯ ถึง 3 คน งวดนี้ คือ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วก็คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อีกคนหนึ่ง


และใครก็ได้อีกคนหนึ่ง ซึ่งก็จะตรงกันข้ามกับความต้องการของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการให้ชู พล.อ.ประยุทธ์ เพียงคนเดียว แต่ถ้าชู 3 คน พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะไม่ยอมลงสมัครเป็นนายกรัฐมนตรี และนี่ก็เป็นตัวแปรอีกตัวหนึ่งซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้

ตอนนี้การชู พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้ ไม่ชูก็ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนรุ่นใหม่ที่ไม่ใช่พวกสามกีบ ส่วนใหญ่ กว่า 70-80 เปอร์เซ็นต์ ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ อีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นแล้ว ศาลรัฐธรรมนูญเกิดมีมติว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อไม่ได้ ก็เป็นการเปิดทางให้มีการรวมตัวของพรรคเพื่อไทย กับพรรคพลังประชารัฐ แล้วก็ชู พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีแทน มีความเป็นไปได้อย่างสูง ท่านผู้ชม ถึงแม้ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติว่า พล.อ.ประยุทธ์ สามารถจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ต่อไปอีก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเส้นทางการเป็นนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะราบเรียบเหมือนอดีตที่ผ่านมา เพราะถ้าตัวเลขของพรรคเพื่อไทยซึ่งจะมาแบบเกิน 200 กว่าเสียง รวมกับพรรคก้าวไกลอีกจำนวนหนึ่ง หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องใช้บริการของ ส.ว. 250 เสียง ที่จะตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และพรรคที่เหลือทุกพรรคต้องรวมตัวกันเพื่อบวก 250 เสียงของ ส.ว. ให้ชนะพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล นี่ยังไม่นับถึงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นจากสาย ส.ว. ของ พล.อ.ประวิตร ที่จะเป็นใครสั่งก็ตาม แต่ถ้าเกิดตัดสินใจไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ ล่ะ ? เพราะฉะนั้นแล้ว การคำนวณ ในประเด็นนี้ผมเชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ คิดอยู่แล้วในสมอง พูดได้อย่างฟันธงได้เลยว่า ในขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองจะเล่นต่อหรือเปล่า หลังจากหมดเทอมนี้แล้ว อย่างน้อยให้ผ่านการเป็นประธานการประชุมเอเปกไปก่อน เพื่อเป็นเกียรติประวัติให้กับตัวเอง

เอาล่ะ ท่านผู้ชม ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ผ่านอุปสรรคที่วุ่นวายนี้ไป แล้วเป็นนายกฯ ต่ออีกครั้ง สถานภาพและสถานการณ์การบริหารจัดการรัฐบาลก็จะไม่เหมือนเดิม ท่านผู้ชม ความขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ กับ พล.อ.ประยุทธ์ จะยิ่งสูงมากขึ้นกว่าเก่า เพราะความแค้นของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ ปลดโดยใช้มาตรา 170 ถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้โปรดเกล้าฯ มีพระบรมราชโองการปลด ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล คำถามมีอยู่ว่า ถ้าพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล บวกเสียง ส.ว. แล้วจัดตั้งได้ คำถามมีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเอา ร.อ.ธรรมนัส ไว้ที่ไหน ? เพราะแน่นอนที่สุด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ต้องขอรางวัลคืน เพราะทั้งสองคนถือว่าได้ทำงานสำเร็จและสามารถชู พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ได้


แต่ท่านผู้ชมครับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นคนเสนอให้ปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี โดยใช้มาตรา 170 เสนอไปให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระบรมราชโองการปลด คำถามมีอยู่ว่า การแต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ อีกครั้งหนึ่ง จะทำกันอย่างไร ? ในเมื่อได้ปลดไปแล้วตามมาตรา 170 แล้วจะกลับไปขอให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการแต่งตั้งอีกครั้งหนึ่ง มันจะย้อนแย้งกันมากเกินไปหรือเปล่า

นี่ยังไม่นับถึงข้อเรียกร้อง ผมเชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะเรียกร้องให้ตัวเองนั่งรัฐมนตรีว่าการ ไม่ใช่รัฐมนตรีช่วย และนางนฤมล ก็จะเรียกร้องให้กลับไปเป็นรัฐมนตรีที่กระทรวงการคลัง เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ รัฐบาลชุดต่อไปของ พล.อ.ประยุทธ์ จะง่อนแง่นมาก และจะถูกกดดันหนักกว่าทุกๆ ครั้งจาก ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ความสงบในพรรคพลังประชารัฐนั้น จะไม่มีเลย

ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ 2567 หลังเลือกตั้ง ถ้าเลือกตั้งปี 66 ไปอีก 1 ปี พฤษภาคม 2567 วาระของ ส.ว. ผนังทองแดง กำแพงเหล็ก ชุดนี้ก็จะหมดแล้ว ส.ว. ชุดใหม่ที่ตั้งเข้ามาจะไม่ใช่เป็นการตั้งแบบเดิมแล้ว ต้องเอามาจากทุกสาขาอาชีพ เพราะฉะนั้นสถานภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จะยิ่งกว่าง่อนแง่นกว่าเดิมเข้าไปอีก

ท่านผู้ชมสังเกตสิครับ มีพระราชบัญญัติหลายฉบับที่พร้อมจะเข้าสภาฯ แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่กล้าเอาเข้าสภาฯ เพราะเมื่อเข้าสภาฯ แล้ว ส่งต่อไปวุฒิสภา เข้าสู่กระบวนการพิจารณา แล้วถ้าวุฒิสภาตีตก ก็หมายความว่า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องหมดสภาพจากการเป็นนายกฯ

ท่านผู้ชมเห็นหรือยังครับว่าการเมือง ถ้าวิเคราะห์กันให้จริงๆ แล้ว มันมีภาพหลายภาพ แต่ละภาพแปลว่าอะไร และนี่คือหน้าที่ของผมที่จะต้องเอาภาพต่างๆ เหล่านี้มาเล่าให้ท่านผู้ชมฟัง

ท่านผู้ชมครับ เรามาพูดถึงบทเรียนของการยึดอำนาจและการพยายามต่อยอดอำนาจ การยึดอำนาจนั้น ถ้ายึดอำนาจเพื่อทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แล้วปูพื้นฐาน ปรับโครงสร้างของประเทศ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และแก้ไขความขัดแย้งเก่าๆ เดิมๆ ให้หมดสิ้นไปหรือให้ลดน้อยลง และกำหนดกติกาที่เป็นธรรมกับทุกฝ่ายในการสรรหาผู้บริหารประเทศ


สมัย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ในปี 2549 ที่ยึดอำนาจ แล้วมีการรีบเร่งให้มีการเลือกตั้งภายใน 1 ปี แล้วทหารก็ถอนตัวออกไป แต่ว่าหนึ่งปีนั้นมันสั้นเกินไปกว่าที่จะปรับโครงสร้างหลายโครงสร้างเพื่อมารองรับสิ่งที่กล่าวไปแล้วเมื่อกี้นี้ ถ้ายุคของ พล.อ.สนธิ ใช้เวลา 2-3 ปี ในการปรับโครงสร้างอย่างที่เสนอแนะไป หลายๆ อย่างก็น่าจะดีขึ้น เพราะว่าลักษณะของ พล.อ.สนธิ นั้น ไม่มีความประสงค์จะสืบต่อยอดอำนาจ ไม่เหมือนกับกลุ่ม 3 ป. ซึ่งวางแผนมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งมาวางแผนนี้ วางแผนมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลชุดยิ่งลักษณ์ ก่อนรัฐบาลชุดยิ่งลักษณ์ เสียอีก

ข้อผิดพลาดอย่างร้ายแรงของ คสช. คือ การที่กลุ่มทหาร เมื่อเข้ามายึดอำนาจแล้ว พวกนี้ทำตัวเป็นเจ้าของประเทศ ทำตัวเป็นเทพเจ้ากำหนดชะตาชีวิต วิถีชีวิตของคนไทยทั้งประเทศ ให้เป็นไปตามความคิดที่คับแคบและอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง โบราณแบบตกขอบ และคิดว่าตัวเองจะต้องมีอำนาจต่อเนื่องไปจนกว่าในความเห็นของตัวเองนั้น ประเทศชาติจะดีขึ้น ซึ่งในข้อเท็จจริงแล้วเป็นอันตรายต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง ท่านผู้ชมจำยุทธศาสตร์ 20 ปี ได้ไหม


ที่วางไว้ เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่านี่คือความเห็นแก่ตัว เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ กำหนดว่าประเทศไทยต้องเดินหน้าไป 20 ปี ในรูปแบบที่ตัวเองต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตลกขบขันที่สุด และในที่สุดประวัติศาสตร์ต้องจารึก แน่นอนที่สุดว่าคนที่ทำให้ชาติยิ่งแตกแยก แตกสามัคคีกันมากขึ้น และพังพินาศลงไป คือกลุ่มทหารในชุด คสช. นี้

ท่านผู้ชมครับ ผมเป็นนักประวัติศาสตร์ ผมไม่รีบร้อน วันนั้นที่ผมพูดถึง ก็ใกล้จะเข้ามาถึงแล้วใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ คนพวกนี้ก็อายุมากแล้วกันทุกคน เมื่อแก่ตัวลง สติปัญญาก็เสื่อมถอย สุขภาพไม่ให้ อาจจะนั่งอยู่กับบ้าน หรือเดินกระย่องกระแย่งไปตีกอล์ฟท่ามกลางความพินาศฉิบหายของชาติบ้านเมืองที่ตัวเองเป็นคนสร้างขึ้นมาในภาวการณ์ที่หลงในอำนาจ และปฏิเสธธรรมขั้นสูงของพระพุทธเจ้า คือ ทุกอย่างเป็นอนิจจังไปหมด ไม่มีอะไรอยู่ยงคงกระพัน รวมทั้งยุทธศาสตร์ 20 ปี ด้วย


เมื่อกลุ่ม 3 ป. ต้องการต่อยอดอำนาจ นอกจากการร่างรัฐธรรมนูญด้วยตัวเองได้ต่อยอดอำนาจได้ต่อไปอีกระยะยาว ก็เลยจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองมารองรับในการสร้างความชอบธรรม ในการที่จะใช้ช่องว่างทางรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นมาเป็นนายกฯ ความที่พรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่พรรคการเมืองที่เกิดขึ้นจากอุดมการณ์และความเชื่อมั่น แต่เป็นพรรคการเมืองที่ตั้งขึ้นมาเพื่อรองรับอำนาจที่ตัวเองต้องการจะมี ก็เลยเกิดสภาวการณ์ใช้กลิ่นอายของการเป็นเผด็จการทหาร ทำให้นักการเมืองหลายๆ ฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายเพื่อไทย ที่ตอนนั้นเริ่มมองไม่เห็นอนาคตของตัวเอง พากันแตกแยก แตกสลาย มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งสามารถจะมองเห็นอนาคต 3-4 ปีข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร เพราะในขณะนั้น ทักษิณ ชินวัตร และเครือข่าย รวมทั้ง ส.ส. หลายคน ถูก คสช. กดดันด้วยคดีความ ทำให้ต้องย้ายบ้านเข้าไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อแลกกับการไม่ถูกดำเนินคดีในเรื่องเก่าๆ แม้กระทั่งคนอย่าง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งเป็นคนสนิทของเจ๊แดง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือจะพูดว่าอยู่ภายใต้อาณัติของเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ก็ย่อมได้ วิรัช รัตนเศรษฐ ขาใหญ่ที่เมืองโคราช ที่มีเครือข่ายเป็น ส.ส. และมีอิทธิพลอย่างมากที่สุด กลุ่มสามมิตร ของสมศักดิ์ เทพสุทิน แห่งลุ่มแม่น้ำยม


และอีกหลายต่อหลายกลุ่ม ทั้งหมดนี้เข้ามารวมตัวกันเพราะเขาเชื่อว่าอิทธิพลของทหารยังคงมีอยู่ และวิธีเอาตัวรอดของพวกนักการเมืองที่ไม่มีหลักการ คือเข้ามาร่วมกับผู้มีอำนาจ และจะมีโอกาสมีอำนาจต่อไปตามรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ร่างขึ้นมาเพื่อเป็นการต่อยอดอำนาจ

ท่านผู้ชมครับ ด้วยเหตุนี้ ที่ผมอธิบายมาในตอนต้น ท่านผู้ชมจะเห็นว่าสี่ปีแรกของการเข้ามาใช้อำนาจเผด็จการปกครองประเทศนั้น ไม่ได้มีการปรับปรุงโครงสร้างของประเทศเลย โครงสร้างเศรษฐกิจที่เอื้อแต่คนรวยอย่างเดียว ไม่ได้แตะต้อง โครงสร้างทางการเมืองที่เน้นความโปร่งใสของการเล่นการเมืองในประเทศไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลง โครงสร้างในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง กำจัดการฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่เป็นปัญหาเรื้อรัง กลับมีแต่วาทกรรมเฉยๆ ในการพูดว่าต่อต้านการคอร์รัปชัน แต่ในข้อเท็จจริง รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาล คสช. เป็นรัฐบาลที่สร้างปัญหาการคอร์รัปชันมากที่สุด โครงสร้างข้าราชการที่นับวันมีแต่อำนาจมากขึ้น ข้าราชการระดับสูงเอื้ออำนวยความสะดวกในงานทางราชการที่เป็นประโยชน์กับเครือข่ายของกลุ่มทหารที่มีอำนาจ ไม่ได้ปรับโครงสร้างทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กไทยในการสร้างปัญญาและเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง ไม่ได้มีการลดความเหลื่อมล้ำในเรื่องรายได้ ไม่ได้ปรับโครงสร้างพลังงานที่ประชาชนต้องแบกรับต้นทุนทางพลังงานที่สูงเกินกว่าความเป็นจริงอย่างมากมาย

นอกจากนั้นแล้ว ยังใช้อำนาจเผด็จการตามมาตรา 44 ในนามของความมั่นคง ทำเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษ การตั้งระเบียงเศรษฐกิจ EEC หรือแม้การตั้งนิคมอุตสาหกรรมจะนะ และอีกหลายต่อหลายอย่าง

ท่านผู้ชมครับ นี่้คือหลักฐานที่ฟ้องในวันนี้ให้เห็นว่าการปฏิวัติรัฐประหาร ยึดอำนาจครั้งที่ผ่านมานี้ ไม่ได้ทำเพื่อแก้ไขปัญหาประเทศชาติ แต่ทำเพื่อผ่องถ่ายอำนาจจากนักการเมือง คือ นอมินีของทักษิณ ที่ใช้เผด็จการรัฐสภา อย่างพรรคเพื่อไทย เข้ามาสู่อำนาจใหม่ คือกลุ่มอำนาจทหารที่เข้ามายึดอำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ของเครือข่ายตัวเอง หรือคนที่มาติดต่อหาประโยชน์จากประเทศชาติโดยมีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน

นี่คือความล้มเหลวที่ คสช. ต้องเผชิญกับมโนธรรมของตัวเอง และความอับอายขายหน้าหลังจากที่ข้อเท็จจริงในประวัติศาสตร์ ซึ่งอีกไม่นานก็จะถูกเปิดเผยออกมา

ด้วยเหตุนี้ การที่ใครก็ตามในพรรคพลังประชารัฐ เที่ยวพร่ำพูดว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เขาคนนั้นคือคนที่กำลังผายลมทางปาก ท่านผู้ชมจำได้ไหมครับ ตอนที่เขายึดอำนาจใหม่ๆ คสช. มีท่านผู้ชมถามผมว่า ทหารเข้ามา แปลว่าอะไร ผมตอบไปคำเดียว แล้วผมก็ทำเสื้อยืด เขียนว่า "สมบัติผลัดกันชม" ตอนนี้จำได้หรือยังครับ "สมบัติผลัดกันชม" คืออะไร


ท่านผู้ชมครับ การเมืองไทยจากนี้ไปจะวุ่นวายแบบนี้และไม่มีวันสงบ ถ้าจะพูดอย่างไม่เข้าข้างใคร นี่คือผลงานของ คสช. ที่ต้องการเข้ามาและผายลมทางปากว่าจะทำให้ประเทศชาติดีขึ้น แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว เลวลงไปเรื่อยๆ

ท่านผู้ชมครับ ก่อนจะจบรายการนี้ ผมต้องพูดเรื่องคุณทักษิณ ชินวัตร ต้องการจะกลับบ้าน และก่อนที่พูดถึงประเด็นนี้ ขอพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผม กับ ทักษิณ ชินวัตร นิดหนึ่ง


สิ่งที่ผมพูดออกไปนี้ เป็นความจริงทั้งสิ้น ไปถามคุณทักษิณก็ได้ ผมมักจะถูกกล่าวหาอยู่ 2-3 เรื่อง เรื่องแรกก็คือ ผมไม่ได้ในส่งที่ผมต้องการจากคุณทักษิณ ผมถึงออกมาโจมตีคุณทักษิณ เรื่องที่สอง คือเรื่องที่ผมไม่ได้ใบอนุญาตในการทำสถานีโทรทัศน์ใหม่ ก็เลยออกมาโจมตีคุณทักษิณ ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ท่านผู้ชมครับ ในชีวิตจริง ในความจริง ผมไม่เคยเอาเงินคุณทักษิณมาเลยแม้แต่บาทเดียว มีแต่ผมให้คุณทักษิณ ท่านผู้ชมครับ "มีแต่ผมให้คุณทักษิณ" คุณทักษิณ ถ้าฟังอยู่ก็รู้ว่าเป็นความจริง

สมัยก่อนผมกับคุณทักษิณรู้จักกันทางอ้อม เพราะว่าหลายสิบปีมาแล้ว คุณทักษิณ กับผม ไปแลกเช็คกับผู้ใหญ่คนหนึ่ง ชื่อ เสี่ยพะ ชื่อจริงชื่อ สุวิทย์ มหาแถลง เป็นคนสุโขทัย เป็นเอเยนต์ใหญ่รถอีซูซุ แต่ก่อนตรงซอยอโศกจะมีเวิ้งๆ หนึ่ง มีภัตตาคารจีน เรียกว่า ภัตตาคารไต้ท้ง คุณสุวิทย์จะนั่งอยู่ที่นั่นประจำ คนที่เข้าไปใช้ ขอยืมเงินคุณสุวิทย์นั้น มีหมดทุกคน แม้กระทั่งคุณสอง เซียนหุ้น ก็ไปขอยืมเงินคุณสุวิทย์ไปเล่นหุ้น แล้วคุณสุวิทย์ก็เล่นด้วย หลายๆ คน คุณทักษิณไปแลกเช็คกับเสี่ยพะ ผมทำธุรกิจอยู่ ก็ไปแลกเช็คกับเสี่ยพะ นั่นคือการรู้จักกัน แต่แบบนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกัน มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือไปแลกเช็ค

ต่อมาผมทำธุรกิจ ผมทำหนังสือพิมพ์ แล้วในที่สุดหนังสือพิมพ์ของผมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ คุณทักษิณก็ไปได้สัมปทาน AIS จากองค์การโทรศัพท์ฯ แล้วไปได้สัมปทานดาวเทียม แล้วผมก็มีโอกาสไปประมูลบริษัทที่บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ทิ้ง ไม่ทำต่อแล้ว เช่น บริษัท IEC ชื่อเต็มคือ International Engineering

IEC นั้นเป็นเอเยนต์ขายโนเกียเจ้าใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ความที่คุณทักษิณทำโทรศัพท์มือถือ GSM 900 ขององค์การโทรศัพท์ฯ ผมก็คิดว่าจะดึงคุณทักษิณเข้ามาเป็นหุ้นส่วน ก็เลยเอาหุ้น IEC ซึ่งมูลค่าหุ้นตอนนั้น 250 บาท ในตลาดฯ ให้คุณทักษิณ ในราคาพาร์ คือ 10 บาท จำนวนหนึ่ง เป็นเงินหลายร้อยล้านบาท เพื่อดึงคุณทักษิณ เพื่อให้ AIS ให้ใช้โทรศัพท์มือถือโนเกีย ซึ่งผมเป็นเอเยนต์ขายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ท่านผู้ชมครับ ผมไม่เคยเอาเงินคุณทักษิณ ผมให้เงินคุณทักษิณ ให้หุ้นคุณทักษิณในราคาต้นทุน (พาร์) แทนที่ผมจะขายทิ้งในตลาด ในราคา 250 บาท นี่คือความจริง ถ้าผมไม่พูดความจริง ขอให้ผมพินาศฉิบหายตายโหงตายห่าไปเลย

เรื่องใบอนุญาตของสถานีโทรทัศน์นั้น ไม่มีครับ ไม่เป็นความจริง ไม่มีการให้ใบอนุญาตใดๆ ทั้งสิ้น ผมรับงานต่อช่วงมาทำ News1 ที่สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 โดยที่คนซึ่งไปติดต่อสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 นั้น มาว่าจ้างผมอีกทีในการทำเรื่องทำราว แล้วพอต่อมาช่อง 11 ไม่มีนโยบาย ก็ปิดทิ้งไป ไม่ได้มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะฉะนั้นแล้ว เรื่องที่กล่าวหาผมนั้น เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เป็นเรื่องที่สร้างเรื่องเพื่อให้เห็นว่าการที่ผมออกมาประท้วงคุณทักษิณนั้น เป็นเพราะว่าผมไม่ได้ผลประโยชน์ตามที่ผมต้องการ เป็นการโกหกอย่างบัดซบและทุเรศที่สุด ไม่เป็นไร นี่คือเรื่องที่เราต้องทำความเข้าใจกันก่อน ไหนๆ ก็จะพูดเรื่องนี้แล้ว ก็ถือโอกาสเล่าความจริงให้ฟัง


ผมจะเล่าเรื่องคุณทักษิณจะกลับบ้าน คุณทักษิณต้องการที่จะออกความเห็นออกมาในช่วงที่ตัวเองเริ่มมีกระแส แล้วคิดว่าตัวเองกำลังจะได้เปรียบ แน่นอนที่สุดครับ คุณทักษิณพูดชัดเจน กับคนใกล้ชิดคุณทักษิณ คนที่ผมรู้จักด้วย สนิทกับคุณทักษิณมาก พูดให้ผมเข้าใจว่า ทักษิณ ชินวัตร อยากกลับมาอยู่บ้านเลี้ยงหลาน อายุมากแล้ว 70 กว่าแล้ว พอกันที แต่การกระทำของทักษิณ ชินวัตร ไม่ได้มีลักษณะอยากกลับมาเลี้ยงหลาน ทุกวันนี้ จนถึงวันนี้แล้ว คงไม่มีใครปฏิเสธอีกแล้วว่าพรรคเพื่อไทยนั้นเป็นของตระกูลชินวัตร ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว จะตั้งหมอชลน่าน แล้วเอาลูกสาวตัวเองมาเป็นประธานที่ปรึกษา เอาน้องสาวตัวเองขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี มีนอมินี ตั้งแต่สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ไปจนถึงสมัคร สุนทรเวช เป็นนอมินีของตัวเอง


บริหารจัดการ แล้วอยู่นอกประเทศ ชักใยทุกเรื่อง อยู่เบื้องหลังกลุ่มเสื้อแดงหลายกลุ่มในอดีต จนกระทั่งช่วงหลังเงินทองที่เคยสนับสนุนพวกกลุ่มเสื้อแดงก็หดหายไปทีละนิดๆๆ เสื้่อแดงตัวไหนที่มีประโยชน์ ที่อยู่เมืองนอก ก็ยังจะให้เงินทองใช้อยู่เหมือนปัจจุบัน พักหนึ่ง คนที่หนีคดี 112 ไปอยู่ต่างประเทศนั้น ได้รับเงินช่วยเหลือจากคุณทักษิณทั้งสิ้น เอาล่ะครับ ไม่เป็นไร

ผมสนใจอย่างหนึ่งว่า คุณทักษิณจะกลับบ้าน ผมก็มานั่งคิดสะระตะ ตามประสาคนที่ศึกษาทางการเมืองและรู้เรื่องราวต่างๆ ผมยังสงสัยว่าคุณทักษิณจะกลับมาได้อย่างไร ถึงแม้คุณทักษิณ โดยพรรคเพื่อไทย จะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ใครก็ตามที่เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ กล้าพอไหมที่จะออกพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมทางการเมืองย้อนหลัง ทุกกรณี


ซึ่งจะครอบคลุมถึงคุณทักษิณ ผมคิดว่า พล.อ.ประวิตร ไม่กล้า หรือแม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยเองก็ไม่กล้า ถึงพรรคเพื่อไทยมีตัวแทนเป็นนายกฯ อาจจะกล้า ถ้าลูกสาวเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ผมคิดว่าเรื่องนั้นคงเป็นเรื่องที่ยังอยู่ในขั้นเพ้อฝันอยู่

เอาล่ะ สมมุติว่ากล้าทำกัน คำถามมีอยู่ว่า พระราชบัญญัตินี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระองค์ท่านจะลงพระปรมาภิไธยหรือเปล่า ผมไม่แน่ใจ แต่มีแนวโน้มสูงว่าพระองค์ท่านคงจะไม่ลงพระปรมาภิไธย เพราะอะไร ? เพราะคุณทักษิณเจอข้อหากรณีทุจริตต่อชาติบ้านเมือง ศาลฎีกาฯ ได้พิพากษาตัดสินไปแล้ว แล้วก็โทษจำคุกทับถมกันจนถึงประมาณ 10 ปีแล้ว ตรงนี้จะล้างอย่างไร เพราะถ้ามีใครล้างอันนี้ได้ในทางกฎหมาย ในทางสภาฯ ถึงจะเอาสภาฯ ล้างก็ตาม คำถามมีอยู่ต่อไปว่า ถ้าคุณจะล้างตรงนี้ คุณจะล้างยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ด้วยหรือเปล่า ที่ทำให้ชาติเสียหายด้วยเงินจำนำข้าว 7 แสนล้านบาท มีใครกล้าไหม ?


ไม่มีใครกล้าหรอกครับ แล้วถ้ากล้าทำ คำถามมีต่อว่า วงการผู้พิพากษา วงการยุติธรรมทั่วประเทศไทย จะคิดอย่างไร คุณทักษิณไม่ได้โดนข้อหาขับรถชนคนตายโดยประมาท หรือใช้เอกสารเท็จ อย่างผมโดน แต่คุณทักษิณโดนข้อหาทุจริต ใช้อำนาจหน้าที่ทุจริต นี่คือข้อหาการทุจริตนะครับ เพราะฉะนั้นที่คุณทักษิณโดน ก็ไม่ได้ต่างจากที่คุณยิ่งลักษณ์โดน ไม่ได้ต่างกับที่บุญทรง เตริยาภิรมย์ โดน คือทุจริต ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย นี่คือการทุจริตที่ทำให้ชาติบ้านเมืองเสียหาย

ท่านผู้ชมครับ วิสัชนาข้อหาตรงนี้ให้ดีๆ ถ้าสภาฯ ทำเรื่องนี้แล้วนิรโทษกรรมย้อนหลังคุณทักษิณได้ ระบบกระบวนการยุติธรรมพังพินาศฉิบหายหมด ถ้าจะนิรโทษกรรมในเรื่องของการเดินขบวน ในเรื่องของการเข้าไปในสถานที่ราชการต่างๆ ไม่เป็นไร เพราะนั่นคือการปฏิบัติการทางการเมือง ความเชื่อมั่นทางการเมือง แต่นี่้คือการกระทำที่พิสูจน์แล้ว มีหลักฐานแล้ว ว่าได้ทุจริต คนละเรื่องกันนะครับ ถ้าจะนิรโทษกรรมเสื้อแดง เสื้อเหลือง เสื้อน้ำเงิน กปปส. ข้อหาเดินขบวนทางการเมืองโน่นนี่นั่น แม้กระทั่ง กปปส. อาจจะนิรโทษกรรมได้ทุกเรื่อง อาจจะยกเว้นเพียงเรื่องเดียวเท่านั้นที่นิรโทษกรรมไม่ได้ ก็คือการไปขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง ซึ่งผิดกฎหมายอย่างชัดเจน แต่การเดินขบวน การผิด พ.ร.บ. การผิดมาตรา 116 โน่นนี่นั่น นิรโทษฯ ได้หมด


ผมก็เลยยังมองไม่เห็น คุณทักษิณบอกว่าจะกลับมาอย่างเท่ๆ จะมาตีกอล์ฟกับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วบอกว่าจะมารับใช้ประเทศไทย ท่านผู้ชมครับ อันนี้ก็ตำหนิใครไม่ได้ เราก็ต้องตำหนิ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้ประเทศไทยมันเป็นอย่างนี้ เสื่อมลงๆๆ ในทางเศรษฐกิจ ทางการเมือง ก็เลยทำให้คนโหยหาคุณทักษิณ พอโหยหาเขาไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือว่า เมื่อโหยหาแล้ว ก็เลยลืมพื้นฐานความผิดของคุณทักษิณไปหมดเลย ว่าคุณทักษิณผิดตรงไหนบ้าง ตรงนี้ล่ะครับที่ผมบอกว่าคุณทักษิณคงจะกลับลำบาก

ทั้งหมดนี้มีนัยทางกฎหมายทางการเมืองการปกครอง ถ้ามีการนิรโทษกรรมทักษิณ ไปถึงรากฐานสังคมอีกมากมายมหาศาล เพราะฉะนั้นแล้ว ผมไม่คิดว่าคุณทักษิณจะกลับมาได้ แต่ทำไมทักษิณถึงพูดเช่นนี้ ? พูดเพื่อสร้างความฮึกเหิม ให้กำลังใจคนที่จะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งว่าช่วยกันเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาเยอะๆ เพื่อทักษิณจะได้กลับบ้านได้ ผมคิดว่าประเด็นมีอยู่ตรงนี้มากกว่า ท่านผู้ชมครับ

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นการร่ายยาวมหากาพย์ทางการเมืองที่ผมเชื่อว่าไม่เคยมีใคร หรือรายการไหน พูดแบบที่ผมพูด เรื่องที่ผมพูดวันนี้สามารถดูซ้ำย้อนหลังได้ ปีหน้าดูก็ยังไม่ล้าสมัย อีก 5 ปี ดูก็ยังไม่ล้าสมัย เพราะตัวละครยังอยู่ อาจจะมีบางคนตาย ล้มหายตายจากไป แต่ยังคงอยู่ในสัจธรรมที่ผมพูดออกมาวันนี้ยังมีอยู่ว่า ถ้าการเมืองมีผลประโยชน์ตกลงกันได้ ความเป็นไปไม่ได้ที่เราเคยคิด มันก็จะเป็นไปได้ ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นรายการเดียวตั้่งแต่มีมา ที่พูดเรื่องนี้เรื่องเดียวมาตลอดเลย แล้วไม่ได้หยุด ใช้เวลาประมาณเกือบสองชั่วโมง ชั่วโมงกว่าๆ เรื่องราวต่างๆ แบบนี้ไม่ใช่พูดกันง่ายๆ


ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับ แอปฯ Sondhi App ที่ผมพูดไปตอนต้น ท่านผู้ชมรีบไปดาวน์โหลด เข้า Google Play พิมพ์ Sondhi App หรือเข้า App Store ของ Apple ระบบ iOS ดาวน์โหลดมาใช้ได้เลย จะมีเรื่องราวต่างๆ อีกเยอะแยะที่ท่านผู้ชมจะไม่ได้ดูในเฟซบุ๊ก หลายเรื่อง ทั้งความลับ ทั้งเบื้องหลัง ทุกอย่าง อาทิตย์หน้าวันที่ 14 เราค่อยเจอกันอีกที สวัสดีครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น