xs
xsm
sm
md
lg

[คำต่อคำ]SONDHI TALK : รีวิวอย่างไรให้พัง ทัวร์ลงอย่างไรให้ปัง?

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



วันที่ 24 ก.ย.64 นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ คุยทุกเรื่องกับสนธิ และช่องยูทูป Sondhitalk โดยสิ่งที่จะเล่าในวันนี้เป็นเรื่องร้อนในโซเชียลที่ทุกคนพูดถึงคงหนีไม่พ้น ดรามาร้านน้ำพริกนิตยา ย่านบางลำพู ที่ "คำผกา" เรียกทัวร์ลง เรื่อง 2พส.รีวิวสินค้า จะเป็นอย่างไร "รีวิวอย่างไรให้พัง ทัวร์ลงอย่างไรให้ร้านปัง !" และยังมีเรื่องที่ ก.อ.สั้งตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง นายเนตร นาคสุข อดีตรอง อสส.ที่สั่งไม่ฟ้อง "บอส วรยุทธ"คดีขับรถชนตำรวจตาย รวมถึงยังมีเรื่องต่างประเทศที่ไม่ได้พูดมาหลายสัปดาห์ ทั้งเรื่อง การตั้งพันธมิตร AUKUS ระหว่างสหรัฐฯ-อังกฤษ-ออสเตรเลีย สงครามด้านการเงินระหว่างจีนกับสหรัฐ และเบื้องหลังการจัดการกับดาราดัง "เจ้าเหว่ย" ของรัฐบาลจีน ติดตามได้ใน SONDHI TALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep.104



[คำต่อคำ]SONDHI TALK : รีวิวอย่างไรให้พัง ทัวร์ลงอย่างไรให้ปัง?

ช่องทางการรับชมรับฟัง "คุยทุกเรื่องกับสนธิ"หรือ SONDHI TALK
เฟซบุ๊กแฟนเพจ : คุยทุกเรื่องกับสนธิ
YouTube : Sondhitalk
เว็บไซต์ : www.sondhitalk.com
Podcast หรือ podbean : SONDHI TALK


สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564 ท่านผู้ชมครับ ศุกร์นี้เป็นศุกร์พิเศษหน่อย ท่านผู้ชมคงยังไม่รู้ และอาจจะนึกไม่ถึงว่าศุกร์นี้เป็นศุกร์ที่รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ออกอากาศมาครบรอบ 2 ปี พอดี นั่นก็คือ 104 ตอน 52 อาทิตย์ คูณ 2 เป็น 104 เราเริ่มออกอากาศครั้งแรกในวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562 แล้วเดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับว่าได้เกิดอะไรขึ้นในรอบ 2 ปีนี้

ศุกร์นี้ เราจะเริ่มด้วยการอธิบายเรื่องการทำบุญก่อน เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา วันที่ 20-24 กันยายน มูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน และเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้นำ ฟทจ. และขิงผง ไปมอบให้หน่วยงาน องค์กร และชุมชนต่างๆ และส่งให้โรงพยาบาลสนามที่แสดงเจตจำนงต้องการรับ ฟทจ. และขิงผง ทั้งส่งทางไปรษณีย์ และส่งคนลงไปแจก ยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ โรงพยาบาลธัญบุรี และโรงพยาบาลสนามวิทยาอาชีวปทุมธานี ส่งไป 3,000 กระปุก โรงพยาบาลปทุมธานี 3,000 กระปุก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดปัตตานี 6,500 กระปุก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส 6,500 กระปุก เทศบาล 1 ตำบลสะเตง อ.เมือง จ.ยะลา 6,000 กระปุก ศูนย์ราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา 1,000 กระปุก โรงพยาบาลแกลง จ.ระยอง 2,000 กระปุก นอกจากนั้นยังมีชุมชนและบุคคลทั่วไปในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศอีก 10,000 กระปุก ยอดแจก ฟทจ. ของเราตอนนี้แจกไปแล้ว 320,000 กระปุก หรือราวๆ 25.6 ล้านแคปซูล ไปแล้ว เป็นการแจก ฟทจ. ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมา


นอกจากนั้นแล้ว เครื่องผลิตออกซิเจนช่วยหายใจ High Flow ที่เราสั่งซื้อมา 20 เครื่อง เครื่องละ 200,000 บาท ซึ่งเป็นเครื่องเหมือนผู้ช่วยชีวิตสำคัญของผู้ป่วยโรคระบาดที่มีอาการหนัก สัปดาห์นี้เราได้บริจาคให้กับโรงพยาบาลโพธาราม ราชบุรี 2 เครื่อง พร้อมกับ ฟทจ. อีกจำนวนหนึ่ง ท่านผู้ชมอนุโมทนาบุญกับการบริจาคเงินที่ท่านผู้ชมได้ร่วมบริจาคมาเพื่อให้เราไปจัดหา ฟทจ. และขิงผง และอุปกรณ์ในการช่วยชีวิตหลายอย่าง กุศลผลบุญ อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ อานิสงส์นี้ทำให้ท่านปลอดภัย มีสุขภาพที่แข็งแรง ครอบครัวที่ดี และท่านจะได้มีความสุข อิ่มเอิบใจ ที่สำคัญที่สุดก็คือ อิ่มเอิบใจที่ได้ทำบุญช่วยชีวิตคน ท่านผู้ชมครับ ไม่มีการทำบุญอะไรที่ไหนที่จะยิ่งใหญ่เท่ากับการทำบุญช่วยชีวิตคนนะครับ

ท่านผู้ชมครับ สำหรับท่านผู้ชมที่ฉีดวัคซีนแล้ว ฉีด 2 เข็มแล้ว เป็นระยะเวลา 1 เดือน ต้องการจะตรวจสอบภูมิคุ้มกันของร่างกายตนเองว่าภูมิคุ้มกันขึ้นหรือยัง เพื่อจะทราบว่าหลังจากการฉีดครบ 2 เข็มแล้ว ระดับภูมิคุ้มกันต่อโรคระบาดนี้สูงขนาดไหน เพราะตัวเลขระดับภูมิคุ้มกันยิ่งสูง จะช่วยยับยั้งการรุกรานของไวรัสได้ ทำให้ถึงแม้มีการติดเชื้อ ก็สามารถลดระดับความรุนแรงจากการติดเชื้อลงไปได้ ท่านที่สนใจจะตรวจสอบ เช็กภูมิคุ้มกัน เช็กได้ที่ MW Clinic ไปได้เลยนะครับ ก่อนไปตรวจไม่จำเป็นต้องงดน้ำ งดอาหาร นะครับ เดี๋ยวผมจะขึ้นช่องทางติดต่อไว้บนจอให้ดู


ท่านผู้ชมครับ อาทิตย์นี้จะเป็นอาทิตย์ที่มีเรื่องหลายๆ เรื่อง เยอะพอสมควร 6-7 เรื่อง เป็นเรื่องที่น่าสนใจทุกเรื่อง เราจะเริ่มกรณี "2 พส." หรือพระมหาไพรวัลย์ กับพระมหาสมปอง กรณีรับรีวิวสินค้า ลองดูความเห็นของผมอาทิตย์นี้ว่าเป็นอย่างไร

เรื่องที่สามก็คือ เป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่อง แต่ก็เป็นเรื่องขึ้นมา คือ คุณคำผกา หรือคุณลักขณา ปันวิชัย หรือว่า คุณแขก ได้ประกาศให้ทัวร์ไปลงที่ร้านน้ำพริกนิตยา กรณีที่ปฏิเสธไม่ให้คุณแขก คำผกา ถ่ายรายการ

เรื่องที่สี่ คณะกรรมการอัยการมีมติเอกฉันท์ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรง รองอัยการสูงสูง เนตร นาคสุข และน่าจะมีการดำเนินการต่อด้วยคดีอาญาด้วย ในขณะที่คณะกรรมการ ก.ตร. ที่นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ท่านก็ยังนิ่งเฉยอยู่กับผลการตรวจสอบกรณีตำรวจประพฤติมิชอบ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ 157 ในกรณีการช่วยเหลือนายบอส อยู่วิทยา ก็ยังเงียบอยู่ เดี๋ยวฟังเหตุผลและสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วลองเปรียบเทียบดูว่าระหว่างประธาน ก.อ. ท่านพชร ยุติธรรมดำรง กับประธาน ก.ตร. ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว คนไหนที่ใช้แต่วาทกรรม แล้วคนไหนที่ลงมือปฏิบัติอย่างจริงจังเพื่อแก้ภาพพจน์ขององค์กรของตัวเอง

เรื่องที่ห้า เป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก เป็นข่าวต่างประเทศที่หลายๆ ท่านอาจจะได้ข่าวมาแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจดี สหรัฐฯ อังกฤษ ออสเตรเลีย เปิดตัว AUKUS เป็นพันธมิตรใหม่ จับมือต้านจีน โดยที่มีการส่งต่อเทคโนโลยีเรื่องเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ที่อเมริกา และอังกฤษ จะมอบให้กับออสเตรเลีย เพื่อให้ออสเตรเลียสร้างแสนยานุภาพทางใต้น้ำที่เป็นพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อที่จะมายับยั้ง หรือคานการเจริญเติบโตของจีน ซึ่งผมก็มีมิติมุมมองอีกมุมมองหนึ่ง ซึ่งผมเชื่อว่าท่านผู้ชมหลายท่านอาจจะคิดไม่ถึงว่าบทสรุปมันเป็นอย่างไร

เรื่องที่หก เป็นเรื่องทางเศรษฐกิจ ที่จีนตอบโต้สหรัฐฯ กับแนวรบสงครามทางเศรษฐกิจ และการเงิน ซึ่งผมคิดว่าหลายๆ ท่านอาจจะไม่ได้สังเกต แต่ผมสังเกตมาและผมสามารถจะคำนวณออกมาได้ว่า เรื่องนี้ สงครามได้เปลี่ยนสนามรบจากกองเรือต่างๆ ขีปนาวุธต่างๆ มาที่เงินตราต่างประเทศ แล้วก็มีเงินเฟ้อเข้ามาเกี่ยวข้อง สงครามครั้งนี้ บทสรุปของผมก็คือว่า สหรัฐฯ กำลังเสียเปรียบมาก อุปมาอุปไมยเหมือนคนเล่นไพ่อยู่ 2 มือ จีนถือเห่า ก็คือตอง A (AAA) และคู่คิง (KK) ส่วนอเมริกานั้นมีหน้าไพ่ที่เละเทะไปหมด

สุดท้าย เรื่องที่จีนได้ลบอดีต ตัดอนาคต สั่งสอน "เจ้าเหว่ย" รวยได้ ดังได้ แต่อย่าซ่า และมีเอี่ยวคอร์รัปชันด้วย ซึ่งเรื่อง เจ้าเหว่ย เป็นข่าวที่เกิดขึ้นมาประมาณเดือนหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่มีใครทำเรื่องนี้ลึกซึ้งถึงแก่น ให้รู้ว่าเบื้องหลังจริงๆ ของ เจ้าเหว่ย นั้น ไม่ใช่เป็นเรื่องของการโกง แต่เป็นเรื่องของการมีส่วนเอี่ยวกับคอร์รัปชันของทีมงานเก่า ของอดีตประธานาธิบดีเจียง เจ๋อหมิน และเจ้าเหว่ย สนิทสนมกับแจ๊ก หม่า อะลีบาบา ซึ่งในขณะนี้เป็นจำเลยของรัฐบาลจีนอยู่

แล้วก็จบด้วยวาระครบรอบ 2 ปี รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มีเรื่องราวต่างๆ ที่ผมจะเล่าให้ฟัง รวมทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังการทำงาน มีใครบ้างที่มาร่วมทำงานกัน และเราทำกันอย่างไร และผลที่ทำมา 2 ปีนั้น เป็นอย่างไรบ้าง


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว วันที่ 17 กันยายน ผมได้พูดถึง พส. 2 ท่าน คือ พระมหาสมปอง และพระมหาไพรวัลย์ วัดสร้อยทอง ศุกร์ที่แล้วที่ผมพูดไป มี FC ของผมหลายๆ ท่านก็ไม่พอใจผม หาว่าผมไปเข้าข้างสามกีบ เขาบอกว่าพระ 2 องค์นี้เป็นพวกสามกีบ หรือพวกสามนิ้ว หรือพวกที่ต้องการจะล้มล้างสถาบันกษัตริย์ ผมก็ออกมาชี้แจงว่า อย่าไปผลักพระให้เป็นพระล้มเจ้าเลย

การแสดงความเห็นของผมในครั้งนี้ ผมให้ข้อคิดต่างๆ โดยผมไม่ได้ขัดข้อง ผมมองว่ายุคสมัยเปลี่ยนไป วิธีการนำเสนอก็อาจจะต้องเปลี่ยนไป ตราบเท่าที่พระ 2 รูปนั้นยังสามารถดำรงแก่นแท้ของธรรมะไว้ได้ เพื่อที่จะมอบให้กับคนที่เข้ามาฟัง ถึงจะมีการหัวเราะกันเป็นครั้งเป็นคราว ผมก็ยังไม่ติดใจอะไรมากมายนัก ผมถือว่าเป็นการใช้องค์ประกอบเพื่อดึงให้คนรุ่นใหม่เข้ามาฟังธรรม ซึ่งผมต้องขอโทษ FC ของผมหลายท่าน ตลอดจนท่านผู้ชมหลายท่าน ที่หวังว่าอาทิตย์ที่แล้วผมคงจะออกมาเข่นฆ่าพระ 2 รูปนี้ ให้อาสัญไปเลย ซึ่งไม่ใช่

ท่านผู้ชมครับ พระมหาสมปอง และพระมหาไพรวัลย์ ครับ ผมเป็นคนที่ใช้ธรรมนำหน้า ทั้งท่านพระมหาไพรวัลย์ และท่านพระมหาสมปอง ให้จำเอาไว้ ถึงผมจะเป็นฆราวาส แต่ผมก็เป็นคนที่ปฏิบัติธรรมอย่างหนัก พ่อแม่ครูอาจารย์ของผมสอนมาตลอดเวลาว่าผมทำอะไรก็ตาม สนธิ ให้ใช้ธรรมนำหน้า แล้วผมก็ใช้ธรรมนำหน้าทุกๆ เรื่องที่ผมทำมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม เพราะ "ธรรม" คือความจริง เมื่อเราพูดความจริงแล้ว อะไรๆ มันก็ไม่ผิด

แต่วันนี้ถึงวันที่ผมจะต้องพูดถึงท่าน 2 องค์ อีกครั้งหนึ่ง ผมไม่พูดไม่ได้แล้ววันนี้ เพราะว่าท่านได้ปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกับสมณสารูป กิริยามารยาทของท่านในฐานะพระสงฆ์ เป็นสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านจะพูดในเรื่องของการตลกขบขัน แล้วท่านสอดแทรกธรรมะไป ผมเฉยๆ แต่วันนี้ท่านมาแนะนำสินค้า ออกมามีข้าวของวางอยู่บนโต๊ะ ท่านอ้างว่าเป็นของที่ญาติโยมส่งมาให้ แล้วนำสินค้ามาวางบนโต๊ะระหว่างไลฟ์สด มีคนที่อยู่ในโซเชียลมีเดียวิพากษ์วิจารณ์ความเหมาะสมว่า ท่านไม่ได้ต่างไปจากพ่อค้าออนไลน์แล้ว ไลฟ์ขายของที่นำไปสู่คำถามว่า นี่เป็นกิจของสงฆ์หรือเปล่า ?

ถ้าท่านจะวิพากษ์วิจารณ์การเมืองว่าการเมืองมันทำให้ประชาชนยากลำบาก ผมยังพอรับได้ เพราะนั่นเป็นธรรมอย่างหนึ่ง แต่การที่ท่านรับเงินรับทองมา แล้วผมก็เชื่อ ผมคิดว่าท่านพระมหาสมปอง ท่านเป็นพระที่มีปัญหาแล้วตอนนี้ ท่านพระมหาไพรวัลย์ ผมสังเกตดู ท่านยังไม่ค่อยอินเท่าไรกับการไลฟ์สด และที่สำคัญที่สุด การรีวิวยาสีฟันของท่าน ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับคุณโฟกัส จะระกุล


ผมไม่ได้ขัดข้องกับคุณโฟกัส จีระกุล คุณโฟกัส ไม่ชอบรัฐบาลชุดนี้ ไม่เป็นไร ผมขัดข้องอยู่เรื่องเดียว คือใครก็ตามที่มุ่งทำลายสถาบันกษัตริย์ ผมยอมไม่ได้ เพราะผมอธิบายมาหลายครั้งแล้วว่าสถาบันกษัตริย์มีความจำเป็นอย่างไร แต่เผอิญคุณโฟกัส จีระกุล ออกมาในยุคที่พวกสามนิ้วกำลังมีเรื่องมีราวกับรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีเรื่องมีราวกับสถาบันกษัตริย์ แม้กระทั่งจำเลยบางคนที่อยู่ในม็อบสามนิ้ว ออกมาจากคุกก็ยังประกาศว่ายืนหยัดอยู่เหมือนเดิม คือ 1. นายกฯ ต้องออกไป 2. จะต้องแก้รัฐธรรมนูญ ร่างรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อประชาชน และ 3. ที่สำคัญที่สุด ต้องปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ซึ่งคำว่า "ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์" นั้น พวกสามนิ้วก็เปลี่ยนทิศทาง จากที่เคยแรงมาว่า ต้องให้พระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ พระมหากษัตริย์จะต้องไม่ออกมาพูดจาอะไร ห้ามออกมาพูดกับประชาชนตามที่พวกนายปิยบุตร หรือพวกพรรคก้าวไกล หรือพวกเพนกวิน พวกรุ้ง ยืนยันมาในหลักนี้ เปลี่ยนคำพูดให้มันอ่อนลงว่า "ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์"

ท่านผู้ชมครับ คุณโฟกัส จีระกุล ก็เลยกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ยืนข้างพวกสามนิ้ว ซึ่งพวกสามนิ้วต้องการที่จะทำลายล้างสถาบันกษัตริย์ แล้วท่านพระมหาสมปอง กับท่านพระมหาไพรวัลย์ ท่านเอายาสีฟันคุณโฟกัส จีระกุล ออกมาไลฟ์สด ผมคิดว่าตรงนี้ถึงท่านจะไม่มีเจตนา คนทั้งหลายก็จะเข้าใจท่านผิดล่ะ หรือว่าเข้าใจท่านถูก ? ผมไม่รู้นะครับ ผมยังยืนหยัดในเรื่องเก่าที่ผมพูดเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ว่าสิ่งที่ท่านทำ เอาองค์ประกอบของการพูดจาในการแสดงธรรมให้มันสนุกสนานมากกว่าการขึ้นธรรมาสน์เทศน์ตามพระไตรปิฎกนั้น ยังมีความจำเป็น และเหมาะสม ผมถือว่าโอเคสำหรับผม ผมอาจจะผิดก็ได้ แต่ผมคิดว่าในความเห็นของผมส่วนตัว ใช้ได้ แต่พอท่านเริ่มเอาสินค้าต่างๆ มาวางขายแล้ว ท่านก็รู้ใช่ไหมครับ ศีล มุสาวาทาเวระมะณี สิกขาปะทัง สะมาทิยามิ พระอย่าโกหก ท่านบอกผมหน่อยซิ บริษัทต่างๆ ซึ่งผมมีลิสต์รายชื่ออยู่เยอะเลย ผมไม่จำเป็นต้องอ่านให้ท่านฟังหรอกครับ มันเยอะเหลือเกิน ผมถามว่าบริษัทต่างๆ พวกนี้ได้ถวายปัจจัยให้ท่านด้วยใช่ไหม ? ก็อาจจะบอกว่า การถวายปัจจัยโดยที่เอาเงินนั้นไปอุดหนุนบำรุงพระพุทธศาสนา ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม


ปัจจัยที่ญาติโยมเอามาถวายนั้น น่าจะเป็นปัจจัยเพื่อที่จะไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา แล้วญาติโยมที่มาถวายปัจจัยนั้น ก็น่าจะเป็นญาติโยมที่ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากพระสงฆ์องค์เจ้า นอกจากซาบซึ้งในพระธรรมคำสั่งสอน แต่ในลักษณะนี้ผมคิดว่าไม่ใช่แล้ว

ผมรู้จักคุณไพศาล พืชมงคล ดี คุณไพศาล ก็บอกว่า ท่านรับทราบแล้ว ท่านคงจะไม่ทำต่อ ผมไม่รู้ว่าท่านทำต่อหรือเปล่า แต่ว่าท่านได้ทำไปแล้ว กรรมเป็นเครื่องส่อเจตนา ผมไม่อยากจะหลับตาวาดภาพที่พ่อแม่ครูอาจารย์ผม หลวงตามหาบัว ท่านเทศน์อยู่ที่วัดป่าบ้านตาด แล้วจู่ๆ ท่านก็หยิบสินค้าชิ้นหนึ่งขึ้นมา แล้วบอก เอ้า ไปซื้อกัน อันนี้ดีนะ หลวงตาใช้แล้ว ดีมาก ไม่มีใครเขาทำกันหรอกครับ

แล้วสินค้าท่านมีทุกประเภท ท่านมียาสีฟัน ท่านมียาบำรุงกำลัง ท่านมีอาหารเสริม เยอะแยะไปหมด ชื่อบริษัทเต็มไปหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริมควบคุมน้ำหนัก มีแม้กระทั่งเซรัมบำรุงใบหน้า สมุนไพรน้ำมันกัญชง เครื่องดื่มสมุนไพร ถั่งเช่าสกัด น้ำสมุนไพร พริกไทยดำสกัด แล้ววันที่ 18 กันยายน ท่านมีสเปรย์เพิ่มประสิทธิภาพแอร์ ฆ่าเชื้อในอากาศ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาสีฟัน สมุนไพรน้ำมันกัญชง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม น้ำผสมวิตามิน เครื่องดื่มกระชายขาว น้ำผสมวิตามินสตรอว์เบอร์รี โสมแดงสกัดเกาหลีผสมถั่งเช่า เครื่องดื่มสมุนไพรถั่งเช่าสกัด น้ำสมุนไพร พริกไทยดำ สเปรย์เพิ่มประสิทธิภาพแอร์ ฆ่าเชื้อในอากาศ เยอะแยะไปหมด

ท่านพระมหาทั้งสองรูปครับ ถ้าท่านยังไม่หยุดเรื่องนี้ ผมผิดหวังในตัวท่านมาก เพราะถ้าท่านยังไม่หยุดเรื่องนี้ แสดงว่าท่านมีเจตนาที่จะทำเรื่องที่น่าฟัง สนุกสนาน ให้คนเข้ามา เพื่อให้มีแฟนเพจเยอะๆ แล้วก็เป็นช่องทางให้บริษัทห้างร้านต่างๆ มาใช้ท่านเป็นสะพานในการโปรโมต


ท่านผู้ชม ท่านพระมหาทั้งคู่ ผมเกิดมาผมยังไม่เคยเห็นพระออกมาไลฟ์สดแล้วขายของแบบนี้เลย นี่เป็นครั้งแรก อันนี้ผมถือว่าไม่ใช่กิจของสงฆ์แล้ว ถ้ากิจของสงฆ์ จำเป็นต้องพูดความจริง ใช้ธรรมพูด พูดถึงประชาชนยากไร้ เดือดร้อนมากจากนโยบายรัฐบาล อันนี้เป็นธรรรม เพราะเป็นความจริง แต่ถ้าท่านบอกว่าใช้ยาสีฟันนี้แล้วปากหอม หวาน สะอาด มันไม่ใช่ความจริง เพราะมันเป็นสินค้าชิ้นหนึ่ง นานาจิตตัง มันไม่ใช่สัจธรรม บางคนอาจจะชอบยาสีฟันคุณโฟกัส บางคนอาจจะไม่ชอบ แต่พอพูดถึงเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนที่ท่านเทศน์ออกมาแล้ว นี่เป็นความจริง เพราะว่าคนเห็นกับตา คนรู้สึกสัมผัสได้ เพราะฉะนั้นแล้ว ข้าวของที่ท่านวางอยู่บนโต๊ะ เป็นของปลอมทั้งนั้น

ท่านผู้ชมครับ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า มนุษย์เราต้องใช้สมมุติให้เป็น ทุกอย่างเป็นเรื่องสมมุติทั้งนั้น แต่ระหว่างที่เป็นเรื่องสมมุตินั้น ต้องใช้สมมุติให้เป็น พระต้องสมมุติเป็นว่าเทศน์เป็น ถ้าพระจะเทศน์แล้วต้องการให้คนมาฟังมาเทศน์มากขึ้น จะมีองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ทำให้มันสนุกสนาน แต่ในที่สุดแล้วหลักมันก็ยังอยู่ที่แก่นธรรม อันนั้นผมถือว่าผมรับได้ ผมถือว่าเป็นการเอาธรรมนำหน้าเช่นกัน แต่พอท่านบอกว่ายาสีฟันอันนี้ใช้ดี อาหารเสริมนี้ใช้ดี ผมว่าไม่ใช่แล้วท่าน ท่านถอดจีวรออกมาดีกว่า ท่านถอดจีวรออกมาทั้งคู่เลย ท่านสึกออกมาซะ แล้วท่านก็ใช้คำว่า "อดีตพระ" ก็ได้ อดีตพระมหาไพรวัลย์ อดีตพระมหาสมปอง จะแสดงธรรมเทศนาในสไตล์ของความสนุกสนาน เสริมด้วยแก่นของธรรม พอท่านพูดจบเรียบร้อยแล้วท่านก็บอกว่า วันนี้ผมมีสินค้ามา 3-4 อย่าง จะแนะนำให้รู้จัก อย่างนั้นไม่เป็นไร เพราะท่านใช้สมมุติของท่าน ในฐานะท่านเป็นฆราวาส แต่สมมุติของท่านในฐานะที่ท่านเป็นพระ ท่านทำได้ถึงระดับหนึ่ง เพียงแค่ทำให้การเทศน์ของท่านนั้นสนุกสนาน แค่นั้นเอง พอเริ่มมีเจ้าของสินค้าถวายปัจจัย ถึงจะอ้างว่าบำรุงพุทธศาสนานั้น มันฟังไม่ขึ้น

เพราะฉะนั้นแล้ว ด้วยความเคารพ ผมคิดว่าท่านเริ่มมาดีแล้ว แต่ท่านอย่าทำลายตัวเอง ความศักดิ์สิทธิ์ ความน่าเชื่อถือของท่านทั้งสอง อยู่ตรงที่ว่าท่านเสนอธรรมออกมาให้เป็นแก่นอย่างตรงไปตรงมา ถึงจะมีองค์ประกอบที่ทำให้สนุกสนาน แต่พอท่านเริ่มเข้ามาสู่โลกียะ ในเรื่องของกิเลส เพราะถ้าท่านเทศน์อย่างนี้ได้ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็มีคนมาถวายปัจจัยท่านเรื่อยๆ แล้วผมก็ไม่รู้ว่าปัจจัยนี้มันเข้าวัด เข้าทำนุบำรุงศาสนา หรือเข้าตัวท่านเองทั้งสอง อันนี้เป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก ขอประทานโทษ ผมเป็นคนพูดจาตรงไปตรงมา ผมไม่ได้ตำหนิท่าน แต่ผมให้ข้อคิดท่าน หลายอย่างท่านก็รู้ ในชีวิตคนเรา ไม่มีคำว่าถูก หรือผิด ในหลายๆ ครั้ง แต่จะมีแค่คำว่า "ควร" หรือ "ไม่ควร" ผมคิดว่าที่ท่านออกมาแล้วแนะนำสินค้าต่างๆ นั้น เป็นเรื่องที่ไม่ควรเป็นอย่างยิ่ง ผมไม่ได้ตำหนิพวกพ่อค้าทั้งหลาย เพราะว่าคนพวกนี้ยังมีกิเลส มีรัก โลภ โกรธ หลง อยู่มากมาย ก็อยากจะโลภ อยากให้สินค้าของตัวเองขายได้ ก็เพราะว่ามีคนเข้ามาฟังไลฟ์สดของท่านตั้ง 2 แสนคน นี่เป็นโอกาสทองที่จะฉกฉวยได้ ถ้าท่านยังคิดจะทำอย่างนี้ต่อ ขอเถอะครับท่าน ถอดจีวรแล้วสึกออกมาเลยดีกว่า ผมก็มีเรื่องจะเตือนท่านเพียงแค่นี้ล่ะครับ


ท่านผู้ชมครับ ที่ทำงานของผมอยู่ที่บางลำพู ผมเป็นคนที่ชอบทานน้ำพริกนิตยา บางลำพู ผมไม่รู้จักเจ้าของร้านหรอก ผมรู้แต่ว่าของเขามีคุณภาพและอร่อย อ้าว ตายล่ะ กลายเป็นผมรีวิวสินค้าให้ แต่ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้นุ่งผ้าเหลืองเหมือนพระมหาไพรวัลย์ หรือพระมหาสมปอง ผมเป็นฆราวาส ผมเป็นรีวิวได้

ท่านผู้ชมครับ ผมชอบซื้อน้ำพริกมันกุ้ง เวลาทำข้าวผัดกุ้ง ผมจะใส่มันกุ้งจากร้านน้ำพริกนิตยา เข้าไปคลุก อร่อยมาก ผมนึกไม่ถึงว่าร้านที่ผมซื้อของประจำ เมื่อวันที่ 21 กันยายน เกิดมีเรื่องมีราวใหญ่โตขึ้นมา ก็คือคุณลักขณา ปันวิชัย หรือคุณแขก มีอีกชื่อหนึ่งว่า คำผกา พร้อมกับคุณจรรยา วงศ์สุรวัฒน์ หรือโรซี่ พี่สาวของนายจอห์น วิญญู วงศ์สุรวัฒน์ จะเดินเข้าไปไลฟ์สดในร้านเพื่อออกในรายการช่องออนไลน์ ชื่อ Spokedark คือเรื่องมืดๆ ทุกคนมาที่ร้านน้ำพริกนิตยา ตั้งอยู่บนถนนจักรพงษ์ ย่านบางลำพู เพื่อเตรียมตัวทำงานเพื่อออกไลฟ์สด ปรากฏว่าพอเข้าไป คุณนิตยา ลักษณวิสิษฐ์ เจ้าของร้าน ออกมาขอโทษและไม่อนุญาตให้ถ่ายทำ กลางรายการไลฟ์สดเลย ไลฟ์ไปแล้วนะ แล้วออกมาขอโทษว่าไม่ให้ทำ โดยคุณนิตยา บอกว่าต้องขอดูรายการก่อนแล้วจะตัดสินใจอีกที คุณคำผกา ท่านก็ออกมาโวยวายว่า ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไรค่ะ ปรากฏว่าคุณคำผกา ก็ออกมา แล้วกลับไป แล้วคุณคำผกา ก็ชี้แจง พูดผ่านทางช่องทางของเธอ บอกว่าเรื่องนี้เป็นไปได้อย่างไร ก็คุยกันมาเป็นเดือนแล้ว ถึงมาให้สัมภาษณ์ พอมาแล้ว จู่ๆ ก็ไม่ให้สัมภาษณ์เลย ก็เลยมีคำพูดคำหนึ่งที่หลุดออกมาว่า "ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงนะคะ" นั่นคือสิ่งที่คุณคำผกา พูด หรือนัยหนึ่งก็คือบอกคนเสื้อแดงให้เอาทัวร์มาลงร้านนิตยา ท่านผู้ชมครับ หยุดตรงนี้ก่อน เพื่อความเป็นธรรม


ผมเชื่อว่าคุณคำผกา ไม่ได้โกหก และผมก็เชื่อว่าคุณนิตยา ก็ไม่ได้โกหก ทั้งสองคนคงคุยกันเรียบร้อยแล้ว แต่จะด้วยเหตุผลอะไรผมไม่ทราบ คุณนิตยา ไม่อยากจะไลฟ์สดในรายการของคุณคำผกา ก็เป็นไปได้ที่จะมีคนมาบอกว่ารายการของคุณคำผกา นั้น เป็นรายการของคนเสื้อแดง หรือว่าคุณโรซี่ ซึ่งเป็นพี่สาวของคุณจอห์น วิญญู นั้น ก็เป็นคนละฝ่าย หรือว่าคุณนิตยา อาจจะมีจุดยืนทางการเมืองบางอย่าง แต่คุณป้าไม่ยอมเล่าให้ใครฟัง คุณก็เลยตัดปัญหา ไม่เอาดีกว่า และผมเชื่อว่าได้มีการคุยกันเรียบร้อยแล้ว งานนี้ผมไม่ตำหนิคุณคำผกา เพราะถ้าไม่มีการคุยกันเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ จะเดินเข้ามาไลฟ์สดได้อย่างไร แต่ขณะเดียวกัน คุณป้าเองก็ไม่ผิด เพราะคุณป้าเป็นเจ้าของร้าน คุณป้ามีสิทธิ์ที่จะเปลี่ยนใจได้ เรื่องก็ควรจะจบเพียงแค่นี้ ควรจะจบ และคุณคำผกา หรือคุณแขก ก็ควรจะทำใจได้ เอาเถอะ ไม่อยากให้สัมภาษณ์ก็ไม่เป็นไร ช่างมัน ถือว่าเราซวยไปแล้วกัน โดนหลอก โดนคนแก่หลอก ไปหาเจ้าอื่นทำดีกว่า แต่คุณคำผกา ดันไปพูดว่า "ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงนะคะ ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนรักประชาธิปไตยนะคะ คุณผู้ชมคะ เขาไม่ต้อนรับคนเสื้อแดงอย่างแขกที่จะมาถ่ายรายการ สวัสดีค่ะคุณป้า แล้วไม่ต้องเอาของกินมาให้แขกกินฟรีนะคะ ไม่รับ เพราะว่ามีแฟนคลับพร้อมจะส่งของกินมาให้เยอะมากที่บ้านนะคะ โอเคค่ะ เราไปท่องเที่ยวบางลำพู ขอบคุณค่ะ บ๊ายบาย"


เท่านั้นเองครับท่านผู้ชม ก็มีคนเข้ามาถล่มคุณป้าในเพจของคุณป้าเยอะแยะไปหมดเลย คุณแขก ครับ นี่เป็นลักษณะนิสัยของพวกสามนิ้ว ที่ชอบเอาทัวร์ไปลงกิจการ ถ้ากิจการไหนดูแล้วพูดจาไม่ดี หรือกิจการไหนไม่สนับสนุนการทำงานของพวกสามนิ้ว นี่คือลักษณะพฤติกรรมของพวกสามนิ้ว จริงๆ คุณแขก พลาดไปอย่างแรงเลย ถ้าคุณมีสตินิดหนึ่ง เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมไม่อยากให้คุณต้องกระอักเลือด เพราะหลังจากที่คุณแขกออกไปแล้ว มีทัวร์มาลงแล้ว ท่านผู้ชมครับ ผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ ก็ปรากฏว่า ยอดไลก์ของเฟซบุ๊กร้านของคุณป้า คือ ร้านน้ำพริกนิตยา ก่อนที่คุณแขกจะบอกทัวร์มาลง ยอดไลก์มีอยู่ 5,000 พอคุณแขกประกาศว่า เขาไม่ต้อนรับคนเสื้่อแดง ไม่ต้อนรับคนที่รักประชาธิปไตย คุณแขก มันเกี่ยวอะไรกัน ระหว่างคนรักประชาธิปไตย หรือไม่รักประชาธิปไตย ผมคิดว่าเอะอะอะไรคุณเอาคำว่าประชาธิปไตยมาใช้กันพร่ำเพรื่อมาก 


คนก็เลยสนับสนุนคุณป้าด้วยการทำยอดไลก์ขึ้นมา 25,000 จาก 5,000 นะ พอคุณแขก บอกทัวร์มาลง มาเลย 25,000 แล้วเมื่อวานนี้ (23 กันยายน) เพิ่มมาเป็น 70,000 คน จาก 5,000 ไลก์ กลายเป็น 70,000 ไลก์ ประมาณอีก 1,500 เปอร์เซ็นต์ 15 เท่า คุณแขกครับ คนเข้ามาซื้อของในร้านจนกระทั่งทางร้านต้องบอกว่าตอนนี้สินค้าหลายอย่างขายหมดแล้ว คุณแขก มันมีเจ้าของร้านหลายร้านติดต่อผมมา เขาบอกให้คุณแขก ช่วยเอาทัวร์ไปลงเขาหน่อยได้ไหม


ด้วยความเคารพ คุณแขก หลายคนบอกเลย คุณแขก เป็นคนที่เรียกแขกได้ดีมาก อีกประการหนึ่งมันก็เป็นอะไรบางอย่างที่มันพิสูจน์ได้ชัดนะ คุณแขก ต้องยอมรับอย่างหนึ่งนะ ว่า กำลังซื้อมันไม่ได้อยู่กับคนที่คุณแขก เชียร์ เพราะฉะนั้นแล้ว ยิ่งมาแบบนี้ยิ่งทำให้ร้านขายดี เอ้า ผมยกตัวอย่างให้ฟังง่ายๆ คุณแขก คุณจำป๋าเทพ ได้ไหม ป๋าเทพ โดนขนมเปี๊ยะชั้นเทพ ของเทพ โพธิ์งาม


เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 ออกมาพูดเรื่องการเมือง ให้กำลังใจคนทำงาน ชมนายกรัฐมนตรี มองว่าเป็นคนที่เหมาะสมตอนนี้ แล้วแกก็วิพากษ์วิจารณ์เด็กรุ่นใหม่ที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง อย่างรุนแรง ถูกกระแสบอยคอตธุรกิจขนมเปี๊ยะในโซเชียลมีเดีย หลายคนคิดว่าป๋าเทพ คงจะลำบากล่ะ ป๋าเทพ ก็บอกว่าต้องโดนทัวร์ลง คนที่อยากแบนธุรกิจขนมเปี๊ยะ เอาเป็นว่า ใครอยากกินก็กิน ไม่อยากกินก็ไม่บังคับ ป๋าเทพ บอกว่า ตอนที่ไม่แสดงจุดยืนของป๋าเทพ ขายได้วันละ 200-300 บาท พอหลังจากทัวร์มาลงแล้ว เป็นข่าว ขายได้วันละแสนกว่าบาท "ช่วงมีข่าว มันยิ่งด่ากู กูยิ่งขายดีเลย ทำไม่ทันเลย"


หรือจะเอาเจนนิเฟอร์ คิ้ม ยอด Follow พุ่งกระฉูด หลังจากที่มีกระแสแบน ที่เจนนิเฟอร์ คิ้ม ออกมาปกป้องในหลวงรัชกาลที่ 9 เจนนิเฟอร์ คิ้ม บอกว่า โพสต์ IG ไปล่าสุด ยอดลด 1,000 ดีใจบอกไม่ถูก ยอดตกลงแต่คุณค่า IG กูสูงขึ้น อันฟอลได้ ไม่ต้องประชด ไม่ต้องบอกว่าบาย ... รำคาญ แต่วันถัดมายอด Follow ที่ 372,000 คน ของเจนนิเฟอร์ คิ้ม กลับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุด สัปดาห์นี้ ก่อนออกรายการนี้ ผมเช็กยอด Follow IG ของเจนนิเฟอร์ คิ้ม เพิ่มขึ้นเป็น 472,000 คนแล้ว เพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง 1 แสนคน


เอ้า ต่อมา "ห่อหมกแม่คุณม้าอรนภา" ม้า อรนภา โพสต์ข้อความวิจารณ์การชุมนุมของนักเรียน จนกระทั่งถูกกระแสโซเชียลกดดัน ช่อง 3 ก็บ้าจี้ บีบจนม้าต้องขอลาออกจากการเป็นพิธีกรไป ต่อมาเธอก็โพสต์เฟซบุ๊กขาย "ห่อหมกแม่คุณม้าอรนภา" วัย 95 ปี ถูกโพสต์เข้ามาด่าอย่างหยาบคาย ท่านผู้ชมครับ คุณแขกครับ ห่อหมกแม่คุณม้าอรนภา กลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า คนซื้อรอจองคิวกัน ช่วงแรกๆ รอคิวกันเป็นเดือน ถึงวันนี้เปิดจองผ่านเฟซบุ๊กทีไร คนก็เข้าไปจองกันถล่มทลาย

เอ้า มาฝั่งของกลุ่มสามนิ้ว หรือกลุ่มที่อยู่ใกล้เคียงคุณแขก ธุรกิจกลับซบเซา กลุ่มม็อบที่อ้างว่าเรียกร้องประชาธิปไตย แต่กลับสร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับบ้านเมือง ลามถึงสถาบันชั้นสูง กลับกลายเป็นว่าส่วนหนึ่งของสินค้าและบริการกลับขายได้ลดลง เพราะกลุ่มคนที่ไม่ชอบกลุ่มสามนิ้วพร้อมใจกันไม่ซื้อหาหรือใช้บริการต่อ เห็นชัดๆ นมแดรี่ โฮม (Dairy Home)


27 สิงหาคม ในทวิตเตอร์มีการตั้งบัญชีชื่อว่า No Salim Shopping List ก็คือเที่ยวไปด่าคนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง ว่าเป็นสลิ่ม คือพูดง่ายๆ ว่า ถ้าเป็นสลิ่มแบบนี้แล้ว อย่ามาซื้อของๆ เขา ในที่สุดแล้ว รวมนมไม่สลิ่ม เนื่องจากอินโฟนมที่ลงไปก่อนหน้านี้ มีคนสับสน แอดมินแก้ไขแล้วนะ ในที่สุดแล้วแอดมินต้องมาแก้ไข เพราะว่ายอดคนลงมาซื้อน้อยมาก เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัด

มีเสียงสะท้อนจากผู้สนับสนุนและคนมีแนวคิดทางการเมืองตรงกันข้าม โจมตีว่า ไม่ควรจะเอาแบรนด์ลงมาเล่นการเมือง การค้าขายโยงวาทกรรมความขัดแย้งทางสังคมเป็นเรื่องไม่สร้างสรรค์ น่าเสียดายที่เกษตรกรโคนมตั้งใจทำ แต่กลับเอาแบรนด์มาเล่นการเมือง ถือว่าไม่มีความเป็นมืออาชีพ


ภายหลังแบรนด์แดรี่โฮม (Dairy Home) โพสต์ข้อความขออภัย ระบุว่า แดรี่โฮม เราเป็นนมออร์แกนิกที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรโคนม ต้องการช่วยลดมลพิษสิ่งแวดล้อม เราใส่ใจทุกกระบวนการผลิตจนถึงมือผู้บริโภค หากผิดพลาดประการใด แอดมินขออภัยมา ณ ที่นี้ ด้วย หากการกระทำดังกล่าวเป็นการนำองค์กรมาเล่นการเมืองจนเกินไป ความผิดทั้งหมด แอดมินผิดเอง คุณแขก เห็นหรือยังครับ

ต่อมาอีกเจ้าหนึ่ง Cubic Bread มีแบรนด์ขนมปัง ชื่อ Cubic Bread โพสต์ข้อความว่า ขอฝากขนมปังคิวบอกด้วยนะคะ ทานได้ไม่เป็น ... ค่ะ สามารถสั่งซื้อกับเราโดยตรงไม่ผ่านใคร โดยแอดไลน์ @cubicbread แล้วมีแฮชแท็กว่า #ร้านนี้ปลอดเชื้อสลิ่ม แน่นอนค่ะ ปรากฏว่ามีคนที่มีแนวคิดสนับสนุนการเมืองตรงข้าม ตามไปคอมเมนต์ที่เพจว่า จะเลิกซื้อเช่นกัน


สินค้า 2 แบรนด์นี้ เจอบทเรียนจากกระแสต่อต้าน ผู้ซื้อ ผู้บริโภคทั่วไป ทำให้ยอดขายตก ไม่มีท่านผู้ชมลองไปสังเกตดูหรือ ไปดูสิท่านผู้ชม ตาม shelf ซูเปอร์มาร์เก็ต เหลือเต็มเลย Cubic Bread บางทีก็หายไปเลย ทำให้หลายแบรนด์ไม่กล้าเอาสินค้ามาเสี่ยงประกาศสนับสนุนสามนิ้วอีกต่อไป

ท่านผู้ชมครับ คุณแขก ครับ ร้านอาหารสนับสนุนใคร มันเป็นปกติธรรมดา สินค้าแบรนด์สนับสนุนใคร ก็เป็นปกติธรรมดา แต่ไม่ควรแสดงจุดยืนออกมา ถ้าแสดงจุดยืนออกมา เขาก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ซื้อ เหมือนกับแดรี่โฮม และ Cubic Bread แต่ร้านอาหารที่แสดงตัวชัดเจนว่าชอบคุณทักษิณ เป็นพวกเสื้อแดง อย่างเช่น ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวรสเยี่ยมเชียงราย ติดรูปทักษิณ เต็มร้านเลย ข้าวซอยเสมอใจ เชียงใหม่ ติดรูปทักษิณ ไม่เป็นไร คุณแขก อร่อยแค่ไหนผมก็ไม่กิน เพราะว่าเขามีจุดยืนชัดเจน และผมไม่สบายใจที่จะเข้าไปกิน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หน้าตาอย่างผมเข้าไป เขาก็รู้ ดี/ไม่ดีเขาเอาชามข้าวซอยตีกบาลผมอีก ฉะนั้นผมก็ไม่กิน และผมก็เชื่อว่ามีคนเยอะเลยที่ไม่ชอบคุณทักษิณ ก็ไม่เข้าไปกิน แต่ก็เช่นกัน หัวหินก็มี ของกลุ่มเสื้อเหลือง ครัวกรรณิการ์หัวหิน ไก่ทอด ก๋วยเตี๋ยวเป็ดหัวหิน เขาก็ชัดเจน ชัดเจนว่าเขายืนข้างฝ่ายผม พวกเสื้อแดง ถ้าชอบ เขากิน ก็เดินเข้าไป เขาไม่ว่าอะไร แต่อย่าไปแสดงอาการอะไร เพราะเขาก็ปฏิเสธที่จะบริการคุณได้

เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่าอย่างนี้ดีกว่า ผมคิดว่าผมอยากจะให้คุณแขก ยอมรับเสียที ที่ผมพูดมานี้ผมไม่ได้เข้าข้างป้านิตยา ผมเชื่อว่าคุณแขก พูดจริงว่าได้มีการคุยกันไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่อย่างนั้น คุณแขก กับคุณโรซี่ ไม่มาทำ ถ่ายไลฟ์สดทันทีเลย แต่ประเด็นมันคือว่า ถ้าเขาไม่เต็มใจ ไม่ว่าด้วยเรื่องอะไรก็ตาม เดินไปเถอะ หนีออกไปเลย ไปเที่ยวบางลำพู บ๊ายบาย อย่าไปมีสร้อยตามว่า ร้านนี้ไม่ต้อนรับคนเสื้อแดง ร้านนี้ไม่ต้องการคนรักประชาธิปไตย ไม่ได้ คุณแขก นี่เป็นบทเรียนนะครับ ผมคิดว่าบางครั้งอย่าไปคิดว่าตัวเองมีอิทธิพลมาก เป็น Influencer มาก เพราะวันนี้เหตุการณ์ที่เกิด ยอดไลก์ กับร้านน้ำพริกนิตยา เป็นเรื่องที่พิสูจน์ชัดเจนแล้ว ผมใช้ทีมงานของผมลงไปที่้ร้านนิตยา คึกคักมาก คนมาเต็มเลยคุณแขก แล้วของไม่มีขายด้วย


ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมยังจำกรณีคดีนายบอส อยู่วิทยา หรือวรยุทธ อยู่วิทยา ได้ไหม ที่ท่านอดีตรองอัยการสูงสุด นายเนตร นาคสุข นั้น ได้ถูกตั้งให้เป็นจำเลยในกรณีที่ประพฤติปฏิบัติมิชอบ คดีนี้ค่อนข้างจะยึกยักๆ ยืดเยื้อมานานพอสมควร มีการเปลี่ยนประธานคนสอบมาตั้ง 3 คน และมีคนที่ไม่สนใจจะเข้ามาเป็นกรรมการ คือพูดง่ายๆ ว่า รวมตัวกันเพื่อช่วยนายเนตร นาคสุข แล้วก็ล่าสุด คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงที่มีนายกายสิทธิ์ พิศวงปราการ ซึ่งท่านเป็นกรรมการ ก.อ. ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน ท่านได้สรุปสำนวนการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว เห็นว่านายเนตร มีความผิดวินัยไม่ร้ายแรง เพราะไม่พบความทุจริต แต่เป็นความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่ ก็คือมีมติว่า ควรจะงดเว้นบำเหน็จ หรือไม่เลื่อนชั้นเป็นเวลา 2 ปี และไม่เสนอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นอัยการอาวุโส และจะเสนอเรื่องเข้าไปในที่ประชุม ก.อ.


แต่ท่านผู้ชมครับ เผอิญประธาน ก.อ. เปลี่ยนมือจากนายอรรถพล ใหญ่สว่าง อดีตประธาน ก.อ. คนเก่า มาเป็นท่านพชร ยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุด ท่านมาเป็นประธาน ก.อ. ท่านพชร ท่านกล่าวมากับคนใกล้ชิดทุกคนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของความน่าเชื่อถือและความมั่นใจที่ประชาชนจะมีต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ท่านตั้งใจจะทำเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด โดยที่ไม่เห็นแก่หน้าใคร

วันที่ 21 กันยายน ประมาณไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ท่านพชร ยุติธรรมดำรง ประธานคณะกรรมการอัยการ ได้เป็นประธานการประชุม ก.อ. เกี่ยวกับผลสรุปสอบสวนทางวินัย พอหลังประชุมแล้ว ท่านพชร พูดจาชัดเจน ท่านบอกว่า กรณีนายเนตร นาคสุข ที่ประชุมมีมติ 9 เสียง ว่า "นายเนตร ขาดความรอบคอบ ประมาทเลินเล่ออย่างค่อนข้างร้ายแรง ซึ่งจะต้องตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรงต่อไป โดยวินัยร้ายแรงมีโทษทางข้าราชการ โทษสูงสุดคือการไล่ออก หากผู้เสียหายไม่พอใจ ไม่เห็นด้วย สามารถฟ้องต่อศาลปกครองได้ ทั้งนี้ ตามระเบียบ แม้ในอนาคตหากนายเนตร จะลาออกจากราชการ ก็ยังสามารถสอบสวนวินัยร้ายวแรงได้ แต่มีระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน"


เท่าที่ทราบ คณะกรรมการ ก.อ. มีอยู่ 15 ท่าน 9 เสียง มีมติว่าให้ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง 4 เสียง งดออกเสียง อีก 2 เสียง ไม่ยอมมาประชุม ก็คือพูดง่ายๆ ว่าใน 15 เสียง 6 เสียง ประกอบด้วย 4 ไม่ออกเสียง 2 ไม่มาประชุม ก็เท่ากับ 9 ต่อ 0 มีมติว่าต้องให้เป็นสอบสวนวินัยร้ายแรง ท่านผู้ชมครับ คำว่า "วินัยร้ายแรง" ร้ายแรงอย่างไร ?

ร้ายแรงมาก เพราะถ้าวินัยร้ายแรง ถ้าผิดตามที่เขาบอก คณะกรรมการมีมติ โทษคือไล่ออก งดบำเหน็จบำนาญ และยังอาจจะต้องพ่วงต่อด้วยคดีอาญาเสียด้วยซ้ำ เพราะนี่ก็คือการทำลายชีวิตรับราชการของนายเนตร นาคสุข ซึ่งรับราชการมาตลอดจนกระทั่งใกล้เกษียณอายุ หรือเกษียณอายุแล้ว พังทลายพินาศ ไม่เหลือเลยแม้แต่นิดเดียว ทำให้ชีวิตและวงศ์ตระกูลต้องสูญเสียศักดิ์ศรี

ที่ประชุม ก.อ. ได้ตั้งนายธนพิชญ์ มูลพฤกษ์ อดีตอธิบดีสำนักงานอัยการคดีพิเศษ เป็นประธานกรรมการ แล้วก็อีก 2 คน ก็จะเป็นคนหากรรมการ และอีก 2 คน และเลขานุการ 1 คน


ท่านธนพิชญ์ ท่านพูดว่าอย่างไร ? ท่านบอกว่า "ในฐานะที่ได้รับมอบหมายให้เป็นประธานสอบวินัยร้ายแรง ผมจะทำในสิ่งที่ถูกต้อง ตรวจสอบได้อย่างที่ตนเคยทำ ระหว่างการสอบจะให้ใครมาแทรกแซงการสอบไม่ได้ จะมาขอรู้ผลขอทราบความคืบหน้า ไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกติกา ตนเป็นนักกฎหมาย นักกฎหมายทำอะไรตามกฎ เมื่อมีกฎมีข้อบังคับ ก็ทำตามนั้น สำหรับนายเนตร นาคสุข เป็นอัยการรุ่นน้อง และเป็นรุ่นน้งอสมัยเรียนมัธยมด้วย เขาเป็นคนเงียบๆ เรียบร้อย ก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน ก็รักกัน แต่ว่าถึงคราวจะต้องสอบ เราก็ต้องสอบ"

เพราะฉะนั้นแล้ว ผมคิดว่าเรื่องที่ ก.อ. จะสอบนายเนตร นาคสุข เปลี่ยนจาก "ผิดวินัยไม่ร้ายแรง" มาเป็น "ผิดวินัยร้ายแรง" นั่นคือการพลิกฟ้าคว่ำดินเลยนะท่านผู้ชมครับ

ท่านพชร บอกว่า กรณีมีอัยการเกี่ยวข้องกับเรื่องการเปลี่ยนแปลงความเร็วของรถนายบอส ทางคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงนายเนตร ที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ก็จะสอบสวนในประเด็นนี้ไปด้วย หลังจากนั้นก็จะเสนอผลสอบให้ ก.อ. พิจารณาลงโทษอัยการคนนั้นด้วย ท่านผู้ชมจะเห็นได้ว่า อัยการยุคท่านพชร ยุติธรรมดำรง เป็นประธาน ก.อ. นั้น เข้ามาบริหารจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว เดินหน้าตรวจสอบโดยยึดหลักความถูกต้อง ท่านผู้ชมสังเกตไหม พอท่านพชร มานั่ง ทั้งนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ และนายเนตร นาคสุข ต่างตบเท้าลาออก ไม่ยอมเป็นอัยการอาวุโส แสดงว่ารู้กิตติศัพท์มาอย่างดี


ท่านผู้ชมครับ ขอข้ามฟากไปหน่อย จากสำนักงานอัยการฯ ไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ระหว่างท่านพชร ยุติธรรมดำรง ประธาน ก.อ. กับท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธาน ก.ตร. สถานภาพเหมือนกัน เพราะว่ามี ก.ตร. คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ เหมือนกับ ก.อ. คณะกรรมการอัยการ ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีส่วนร่วมกระทำความผิดในคดีบอส อยู่วิทยา ประธานฝั่งตำรวจ ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านก็ยังเงียบ ท่านไม่มีปฏิกิริยาอะไร พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ก็เงียบ ไม่มีอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง เรื่องนี้ไปถึง ป.ป.ช. แล้ว คุณสุภา ซึ่งเป็นประธานในการสอบสวน บอกว่าเรื่องนี้มีคนเกี่ยวข้องเยอะ ต้องขอเวลา ใช้เวลา 1 ปี กับ 4 เดือน ท่านระบุมาชัดเจน ขอเวลา 1 ปี 4 เดือน จึงจะเสร็จสิ้นได้ แล้วท่านจะเร่งให้เสร็จภายใน 1 ปี 4 เดือน แต่ท่านพูดมาคำหนึ่งว่า มีคนเกี่ยวข้องเยอะ มีพลตำรวจเอกตั้ง 2 คน และมีตำรวจอีกหลายคน


นัยก็คือว่า มีตำรวจหลายคนที่โกหก รายงานเท็จ และมีตำรวจระดับปฏิบัติการ โรงพัก และกองบังคับการ ที่ช่วยเหลือนายบอส หาจำเลยมา ซึ่งเป็นคนขับรถของที่บ้าน เอามาเป็นจำเลยแทนนายบอส เปลี่ยนตัวผู้ต้องหา และยอมรับสารภาพว่าทำจริง แต่ยังไม่มีการลงโทษ มีการประชุมกันหลายครั้ง แต่ว่าคุณสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ท่านก็เก็บเรื่องนี้เอาไว้นิ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ท่านก็ไม่ถามอะไรทั้งสิ้น ท่านมีแต่วาทกรรมอย่างเดียว เวลาท่านเอ่ยวาทกรรมอะไรมาแล้ว เชื่อขนมกินได้เลยว่า ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ผมเคยเรียนให้ท่านผู้ชมฟังแล้วว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับคดีนายบอส ได้ดีกันทุกคน ไม่เชื่อไปฟังรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ตอนเก่าๆ ที่ผมพูดถึงเรื่องนี้มา ผมพูดมาสัก 2-3 ครั้งแล้ว ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดว่าความเน่า พชร ยุติธรรมดำรง รู้ว่าเรื่องนายบอส ถ้าไม่ทำความจริงให้กระจ่าง แล้วทำถูกให้มันถูก ผิดก็คือผิด ความน่าเชื่อถือของอัยการจะตกต่ำมาก พชร ยุติธรรมดำรง เห็นแก่องค์กร คือ สำนักงานอัยการสูงสุด ก็เข้ามาล้างบางหมด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประธาน ก.ตร. ท่านไม่เดือดเนื้อร้อนใจบ้างเลยหรือ เรื่องนี้ นี่เปรียบเทียบการทำงานให้เห็นชัด


ท่านผู้ชมที่เป็นติ่ง พล.อ.ประยุทธ์ อย่าโกรธผม นี่คือความจริง ท่านยอมรับความจริงได้ไหม ว่าคนที่ท่านชอบ เก่งแต่วาทกรรม มีอยู่แค่นั้นเอง เทียบดูระหว่างสำนักงานอัยการสูงสุด กับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้อแตกต่างกันฟ้ากับเหว ด้วยเหตุนี้ ท่านผู้ชมยังคิดที่จะหวังพึ่งความถูกต้อง ความมีคุณธรรม ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธาน ก.ตร. อยู่อีกต่อไปได้หรือครับ ?

ท่านผู้ชมครับ ผมไม่ได้พูดเรื่องต่างประเทศมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่ว่าเมื่อประมาณสัก 9 วันที่แล้ว มันมีเหตุการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งผมคิดว่าหลายท่านอาจจะไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ผมเล่าให้ฟังก็แล้วกัน ที่สำคัญ ผมมีข้อคิด มิติ มุมมอง ของเหตุการณ์นี้ เพื่อให้ท่านผู้ชมรับทราบ เอาไปวิเคราะห์กันเป็นส่วนตัวได้

เมื่อ 9 หรือ 10 วันที่แล้ว 11 วันที่แล้วก็แล้วกัน วันที่ 15 กันยายน 3 ใน 5 ชาติพันธมิตร Five Eyes "พันธมิตร Five Eyes" คืออะไร ? พันธมิตร 5 ตา มีอังกฤษ มีอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ก็คือ 5 ประเทศที่พูดภาษาอังกฤษ ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก เพราะคนพวกนี้เป็นพวกเชื้อสายแองโกล-แซกซอน (Anglo-Saxon) คือพูดภาษาอังกฤษกัน

3 ประเทศจากพันธมิตร 5 ประเทศ ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และออสเตรเลีย เขาประกาศหลักการร่วมมือด้านความมั่นคง เป็นประวัติศาสตร์ของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งการประกาศแบบนี้ ความร่วมมือแบบนี้ เป็นความพยายามในการคานอำนาจจีน ใช้ชื่อว่า "ออคุส" (AUKUS)


AUKUS คือ AU = Australia (ออสเตรเลีย) + UK = United Kingdom (อังกฤษ) + US = United States (อเมริกา)

ออคุส เป็นความร่วมมือด้านกลาโหมที่ใหญ่ที่สุดของ 3 ประเทศนี้ ในรอบหลายสิบปี นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 มา ไม่มีครั้งไหนใหญ่กว่าครั้งนี้แล้ว ความร่วมมือครั้งนี้จะครอบคลุมไปในเรื่องของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI : Artificial Intelligence) ไซเบอร์และเทคโนโลยีควอนตัม ที่สำคัญที่สุด ข้อตกลงนี้ ออสเตรเลียจะถูกอเมริกาและอังกฤษช่วยเหลือในการสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้เทคโนโลยีจากอเมริกา

เรือดำน้ำนิวเคลียร์ มีความหมายอย่างไร ? ขีดความสามารถของทหารและความเข้มแข็งของจีนที่เพิ่มขึ้นทุกปี ตลอดจนการครอบครองเรือบรรทุกเครื่องบิน กองเรือดำน้ำ ทำให้เหล่าประเทศมหาอำนาจเดิมเกิดความกังวลต่อกองทัพปลดแอกของจีน รัฐบาลจีนถูกกล่าวหาว่าทำให้เกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้น บริเวณดินแดนที่เป็นข้อพิพาทต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทะเลจีนตอนใต้ นอกจากนั้นแล้ว จีนยังได้ลงทุนมหาศาลในกองเรือลาดตระเวนชายฝั่ง ที่เขาเรียกว่า Coast Guard ในช่วงไม่กี่ปีนี้มานี้ ซึ่งนักวิเคราะห์ วิเคราะห์ว่าในทางพฤตินัย กองเรือลาดตระเวนชายฝั่ง ก็คือกองเรือทหารของจีนนั่นเอง

ท่านผู้ชมครับ ชาติตะวันตกหลายชาติกังวลต่อการลงทุนของจีนตามเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก และการคว่ำบาตรการค้าที่จีนกระทำต่อหลายประเทศ อย่างเช่น จีนกระทำต่อออสเตรเลีย สหรัฐฯ โดยที่ออสเตรเลียบอกว่า นี่คือการข่มขู่ทางเศรษฐกิจ

ท่านผู้ชมครับ แล้วเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์มีความสำคัญอย่างไร ? เทคโนโลยีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์นั้น ทำให้เรือดำน้ำสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่า ตรวจจับได้ยากกว่าเรือดำน้ำที่ใช้พลังงานแบบดั้งเดิม สามารถอยู่ใต้น้ำเป็นเวลาหลายเดือน เดินทางได้ไกลกว่า และบรรทุกน้ำหนักได้มากกว่า

นักวิเคราะห์ทางการทหาร ระบุว่า การมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ประจำการอยู่ในออสเตรเลียมีความสำคัญต่ออิทธิพลของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้ ถือว่าเป็นการแบ่งปันเทคโนโลยีเรือดำน้ำของสหรัฐฯ เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ก่อนหน้านี้ อเมริกาจะแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีนี้กับอังกฤษเท่านั้น


ข้อตกลงครั้งนี้จะทำให้ออสเตรเลียเป็นชาติที่ 7 ในโลก ที่มีเรือดำน้ำขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ ต่อจากสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส จีน อินเดีย และรัสเซีย

ท่านผู้ชมคงอ่านข่าวแล้วว่ามีผลกระทบต่อฝรั่งเศส ฝรั่งเศสเรียกทูตฝรั่งเศสจากอเมริกาและออสเตรเลียให้กลับประเทศ เพราะว่าออสเตรเลียได้เคยไปทำข้อตกลงในการให้ฝรั่งเศสสร้างเรือดำน้ำให้ แล้วจู่ๆ มูลค่าประมาณ 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 2 ล้านล้านบาท เลยต้องยกเลิกสนธิสัญญานี้ไป ฝรั่งเศสก็เลยโกรธ เรียกทูตกลับจากวอชิงตัน ดี.ซี. และแคนเบอร์รา แล้วยังบอกว่า อเมริกา และออสเตรเลีย เป็นจอมโกหก ขี้จุ๊

หลังจากนั้นแล้ว บทความนิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า ความไม่พอใจของฝรั่งเศส เกิดจากการที่ฝรั่งเศสเพิ่งจะรู้ในนาทีสุดท้ายว่าพันธมิตรใกล้ชิดทั้งสองประเทศเจรจาเรื่องเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์แบบลับๆ มาหลายเดือนแล้ว แต่ยังมาว่าจ้างให้ฝรั่งเศสสร้างเรือดำน้ำให้ในมูลค่า 60,000 ล้านเหรียญ แล้วจู่ๆ ก็มายกเลิก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ฌอง-อีฟว์ เลอ ดริยอง (Jean-Yves Le Drian) ระบุว่า คำสั่งของประธานาธิบดีแอมานุแอล มาครง ที่ให้เรียกทูตกลับประเทศนั้น สืบเนื่องจากความร้ายแรงของปัญหาที่เกิดขึ้น

รัฐบาลออสเตรเลียประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน ว่าจะขอยกเลิกสัญญาสั่งผลิตเรือดำน้ำแบบดั้งเดิมที่ทำกับบริษัทในฝรั่งเศส หันไปสร้างเรือดำน้ำนิวเคลียร์ อย่างน้อย 8 ลำ ด้วยเทคโนโลยีของอเมริกา และอังกฤษ ทำให้ฝรั่งเศสออกมาแถลงว่า ถูกแทงข้างหลัง แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่มีการเรียกทูตกลับไป

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส บอกว่า การกระทำของออสเตรเลีย เป็นสิ่งที่ฝรั่งเศสรับไม่ได้

ท่านผู้ชมครับ ยุทธิวิธีที่มองกันก็คือว่า อเมริกาจะผ่องถ่ายภาระรับผิดชอบในการลาดตระเวนเพื่อยันกับอำนาจของจีน กองเรือจีน ในมหาสมุทรแปซิฟิก โดยให้ออสเตรเลียเป็นคนที่ทำงานด้านนี้ เพื่อมาเสริมอเมริกาซึ่งมีฐานทัพอยู่ที่โอกินาวา และกวม ด้วยเรือดำน้ำออสเตรเลีย ถ้ามีอยู่ 8 ลำ ในอนาคต จะ 5-6 ปี หรือ 7 ปีข้างหน้า หรืออย่างไร ผมไม่รู้ แต่ว่ากว่าจะสร้างเสร็จลำหนึ่ง ต้องมีเวลาอย่างน้อย 3-4 ปี จากนี้ไป ก็สามารถจะเคลื่อนเรือดำน้ำนิวเคลียร์ ซึ่งก็อาจจะติดขีปนาวุธด้วย แล้วใครจะเป็นคน supply ให้ ? ก็ต้องอเมริกา กับอังกฤษ แน่นอนที่สุด ก็คือพูดง่ายๆ ว่า อเมริกา กับอังกฤษ สามารถจะเดินเรือดำน้ำนิวเคลียร์วิ่งใต้น้ำมา อย่างที่บอกว่าสามารถอยู่ใต้น้ำได้หลายเดือน แล้วมากบดานอยู่นอกฝั่งจีน หรือกบดานอยู่ใกล้ๆ ไต้หวัน จีนเองมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์อยู่ 8 ลำ คนที่มีเรือดำน้ำนิวเคลียร์มากที่สุด คือ สหรัฐอเมริกา

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้น ประเด็นคือ คนออสเตรเลียจะเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดตอนนี้ จากการกระทำของผู้นำออสเตรเลีย คือ นายสกอตต์ มอร์ริสัน ซึ่งค่อนข้างจะโง่ อวดดี แต่ในที่สุดก็ยอมทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ของอเมริกา


ท่านผู้ชมครับ ไม่มีเหตุผลอะไรที่ออสเตรเลียจะต้องมาทะเลาะกับจีน ออสเตรเลียมาทะเลาะกับจีน จุดเริ่มต้นก็เพราะว่าไปเชื่อนายทรัมป์ โดยกล่าวหาจีน ว่าจีนเป็นผู้ที่เผยแพร่เชื้อโรค โรคระบาดครั้งนี้ ทำให้จีนโกรธ จีนก็เลยสั่งสอนออสเตรเลียด้วยการที่จะลดการสั่งสินค้าของออสเตรเลียเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นไวน์ ไม่ว่าจะเป็นโน่นเป็นนี่ ทำให้ออสเตรเลียสูญเสียมูลค่าการส่งออกไปอย่างน้อย 30-50 เปอร์เซ็นต์ ของมูลค่าการส่งออก

ท่านผู้ชมครับ ถ้าออสเตรเลียเป็นประเทศออสเตรเลียที่ต้องการอยู่ในพื้นภูมิภาคแปซิฟิก แล้วตัวเองก็ดันอยู่เสียไกล ถ้าอยู่ดูแลออสเตรเลียแล้วเน้นในเรื่องการค้า ไม่ไปทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ของประเทศอย่างอเมริกาในสมัยนายทรัมป์ แล้วต่อเนื่องมาถึงนายโจ ไบเดน วันนี้ออสเตรเลียก็จะมีแต่ความมั่งคั่ง ค้าขายกับจีน ค้าขายกับทุกคนได้ แต่วันนี้ออสเตรเลียได้ตกหลุมพราง กับดัก กลายไปเป็นสุนัขรับใช้ของอเมริกา ยังไม่พอ ยังรับหน้าที่เป็นทัพหน้าออกมาประจันกับจีน

ผมจะบอกให้ ท่านผู้ชม ประเทศจีนเขาทำอย่างไร ? เขาไม่ทำอะไรหรอก อย่างมากที่สุด สองเรื่องที่เขาทำ เรื่องแรกก็คือ เขาก็ต้องพัฒนาขีปนาวุธ หรือเรือที่สามารถทำลายล้างเรือดำน้ำที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ได้ เทคโนโลยีมันเปลี่ยนแปลงไปเสมอ ไม่ว่าคุณจะใช้ระดับไหนก็ตาม มันก็จะมีอาวุธออกมาเพื่อที่จะป้องกันจุดนั้นได้ เพราะฉะนั้นกว่าออสเตรเลียจะพัฒนากองเรือดำน้ำนิวเคลียร์ได้จบ จีนก็คงจะมีอาวุธ หรือรัสเซีย กับจีน พัฒนาอาวุธ เพื่อจะปราบเรือดำน้ำที่เดินด้วยพลังงานนิวเคลียร์ได้ นั่นข้อแรก


ข้อที่สอง สำคัญกว่าข้อแรกมาก ท่านผู้ชมมีญาติพี่น้องอยู่ออสเตรเลีย หรือมีคนออสเตรเลียเป็นเพื่อน บอกเขาด้วย ว่า สนธิ ลิ้มทองกุล เตือนเขามา จีนไม่ต้องทำอะไรมาก วันนี้จีนได้ใส่ชื่อออสเตรเลียเป็นศัตรูกับประเทศจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว การใส่ชื่อลงไป แปลว่าอะไร ? แปลว่าจีนเขาตั้งข้อสมมติฐาน Simulation มีเรียบร้อย ว่าถ้าเขาปะทะกับอเมริกา ถ้ามีการปะทะกับอเมริกาที่ช่องแคบไต้หวัน ปะทะกับอเมริกาที่ใกล้ๆ เกาะกวม ปะทะกับอเมริกาที่ทะเลจีนตอนใต้ จีนจะใช้ขีปนาวุธอะไรบ้างที่จะต่อสู้กับอเมริกา ไม่ว่าจะถล่มกองเรือที่ 7 ที่อยู่ที่กวม หรือว่ายิงขีปนาวุธไปตกที่โอกินาวา วันนี้จีนเพิ่มเป้าอีกเป้าหนึ่งคือออสเตรเลีย ท่านผู้ชมเชื่อผม ถ้าเมื่อใดเขาปะทะกับอเมริกา จีนจะกดปุ่มทันทีเลย ไปถล่มออสเตรเลีย

นี่เขาเรียกว่าไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เพราะเชื่อผู้นำงี่เง่าอย่างสกอตต์ มอร์ริสัน จีนก็ไม่มีทางเลือก เพราะเขาถือว่า สกอตต์ มอร์ริสัน ตัดสินใจในฐานะเป็นรัฐบาลออสเตรเลีย เท่ากับว่ารัฐบาลออสเตรเลียต้องการจะเป็นศัตรูกับจีนแล้ว ในทางยุทธศาสตร์แล้ว ทหารจีนก็ต้องวางแผนใหม่หมดเลย ไม่ต้องใหม่หมด เพิ่มศัตรูเข้าไปอีกประเทศหนึ่ง เขาก็ต้องพิจารณาว่าพิกัด พิสัยขีปนาวุธของเขา ขีปนาวุธของเขาที่มีชื่อ อย่างเช่น ตงเฟิง เขาจะจัดอีกสัก 200-300 หรือ 400 ไซต์ ที่ตั้งเป้าไว้ที่ออสเตรเลีย คือถ้าปะทะกันเมื่อไร ก็กดปุ่มทันทีเลย นี่คือรางวัลที่ออสเตรเลียได้จากการเป็นสุนัขรับใช้ของอเมริกา

ท่านผู้ชมครับ วันนี้ใครจะว่าผมอวยจีน ผมเฉยๆ ผมไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น จีนวันนี้เงียบลูกเดียว เพียงแต่ว่ากระบวนการอาวุธของเขา อานุภาพ พลานุภาพ อาวุธของเขา ถูกปรับเปลี่ยนแล้วก็เพิ่มเป้าหมายไปอีกประเทศหนึ่ง และประเทศนั้นก็คือออสเตรเลีย

ท่านผู้ชมครับ เวลาผมพูดเรื่องจีน กับเรื่องสหรัฐอเมริกา ผมมักจะอธิบายปัญหาข้อขัดแย้งในทะเลจีนตอนใต้ ข้อขัดแย้งของจีนและอเมริกานั้น กลายเป็นว่าตอนนี้ต่างฝ่ายต่างพยายามโชว์กล้ามของตัวเอง อเมริการะดมพันธมิตรต่างๆ เพื่อมาร่วมในการยันจีนเอาไว้ ดึงอังกฤษเข้ามา อังกฤษส่งเรือบรรทุกเครื่องบินควีนเอลิซาเบธเข้ามาในทะเลจีนตอนใต้ มีบางลำก็วิ่งเข้ามาเพื่อขอมาซ้อมรบร่วมกับประเทศไทย ออสเตรเลียก็เข้ามา ออสเตรเลียล่าสุดกลายเป็นคนที่รับใช้อเมริกาเต็มตัว อเมริกาก็เลยใช้ออสเตรเลียเป็นตัวยันจีนด้วยการมอบหมายเทคโนโลยีทางด้านเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้กับทางด้านออสเตรเลียไป นั่นคือแนวรบทางด้านอาวุธ กำลัง ต่างฝ่ายต่างโชว์กล้าม

มันมีอีกแนวรบหนึ่ง ซึ่งท่านผู้ชมอาจจะคิดไม่ถึง แล้วหลายๆ ท่าน นักวิเคราะห์ต่างๆ ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย

ผมไปเจอข้อมูลหลายข้อมูลซึ่งน่าสนใจมาก ข้อมูลแรก ในขณะนี้ทางจีนปฏิเสธที่จะซื้อพันธบัตรของอเมริกาอีกต่อไป ปฏิเสธเลย นอกจากไม่ซื้อแล้ว ยังทยอย ค่อยๆ ขายพันธบัตรอเมริกาที่จีนยังถืออยู่เป็นจำนวนล้านๆ เหรียญสหรัฐ ทยอยขายออกไป ในขณะนี้ค่าเงินดอลลาร์ในทางสากลค่อนข้างอ่อน ขณะที่เงินหยวนนั้นแข็งเอาๆ วันนี้จีนได้เปิดแนวรบทางเศรษฐกิจกับอเมริกาแล้ว เป็นเศรษฐกิจมหภาค ท่านผู้ชมตามผมมา เรื่องนี้ฟังดูอาจจะซับซ้อน แต่ผมมั่นใจว่าไม่ซับซ้อนถ้าผมอธิบายให้ฟัง


ประการแรก อเมริกาสมัยก่อนพอมีเงินเหลือก็ให้จีน หรือขอให้จีนซื้อพันธบัตรมา จีนซื้อพันธบัตรเสร็จ อเมริกาก็เอาเงินที่กู้จากจีนในรูปแบบพันธบัตร ที่ได้เงินจากค่าซื้อพันธบัตรที่จีนเอาไปเก็บเอาไว้ เอาไปปล่อยให้กับธุรกิจ เอาไปปล่อยให้กับธนาคาร หรือที่เขาเรียกว่า กลุ่มวอลล์สตรีท พวกนี้จะมีเงินเหลือเยอะ เงินที่เหลือเยอะจะทำอย่างไรล่ะ พวกนี้ก็ผ่องเงินออกมาลงทุนในต่างประเทศ การผ่องเงินออกมาลงทุนในต่างประเทศ ในโลกขณะนี้มีประเทศจีนประเทศเดียวที่พวกนี้เข้ามา แล้วได้เป็นกอบเป็นกำ เพราะว่าตลาดประเทศจีนใหญ่มาก ท่านผู้ชมจำได้ไหม ไม่ว่าจะเป็นอะลีบาบา ไม่ว่าจะเป็นเทนเซ็นต์ ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่ทำในเรื่องการเรียกแท็กซี่ของจีน หลายแห่ง ไฮเทคของจีนนั้น เงินเฮดจ์ฟันด์พวกนี้ก็มาลงทุน เงินก็ออกมา มาทิ้งที่จีน แต่ตอนนี้ตลาดจีนเริ่มแห้งแล้ว เพราะว่าตั้งแต่ประเทศจีนเริ่มมาเขกกบาล แจ๊ก หม่า อะลีบาบา จัดการกับบริษัทไฮเทคทั้งหลาย เอาเรื่องของความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้มูลค่าของบริษัทไฮเทคต่างๆ เหล่านี้่หายไปจากตลาดเป็นจำนวนเงินเกือบ 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ นั่นคือเงินใครขาดทุนล่ะ ? เงินที่นักเล่นหุ้นทางวอลล์สตรีท หรือพวกที่เรียกว่า เฮดจ์ฟันด์ เอามาลง เจ๊งหมด ปรากฏว่าตอนนี้เงินที่อเมริกาเหลือ เงินที่คนพวกนี้เหลือ แต่ไม่กล้ามาลงทุนในบริษัทไฮเทคในจีนอีกต่อไป เพราะว่าลงทุนแล้วหาย ลงแล้วหายๆ นั่นเรื่องที่สองแล้ว

เรื่องที่สาม ท่านผู้ชมครับ อเมริกาตอนนี้เงินเฟ้อขึ้นเร็วมาก เงินเฟ้อ ก็คือ ของแพงขึ้น แต่มูลค่าของของได้เท่าเดิม เหมือนกับสมัยก่อน สมัยผมเด็กๆ เรากินก๋วยเตี๋ยวชามละ 5-10 บาท วันนี้ก๋วยเตี๋ยวชามละ 50-60 บาท แต่ได้เหมือนเดิม ได้เส้นเท่าเดิม ได้ลูกชิ้นปลาเท่าเดิม ได้ถั่วงอกเท่าเดิม ส่วนต่างตรงนี้คือ "เงินเฟ้อ" ด้วยเหตุนี้ จีนต้องการจะส่งเงินเฟ้อนี้คืนไปให้อเมริกาให้หมด วิธีการที่จีนทำ เมื่อปีที่แล้ว หรือประมาณปีนี้เอง ผมเคยพูดในรายการนี้แล้วว่า จีนเป็นผู้ส่งออกเหล็กรายใหญ่ที่สุดในโลก


ต่อมาภายหลังจีนระงับการส่งออกเหล็ก ทำให้มูลค่าเหล็กขึ้นมาสูงมาก พอมูลค่าเหล็กในโลกนี้สูงมาก ก็ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างสูงตามไป นั่นคือที่มาของต้นทุนการก่อสร้างของอเมริกาสูงขึ้นมากว่าเดิม เพราะว่าเหล็กเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในการก่อสร้าง ในการเป็นองค์ประกอบในการก่อสร้างทั้งหมด ต้องใช้เหล็กเยอะมาก แล้วยิ่ง โจ ไบเดน พยายามจะขอเงินจำนวน 1.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากสภาคองเกรส เพื่อเอามาพัฒนาปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ถนน สนามบิน สะพาน ต้องใช้เหล็กทั้งนั้น เพราะฉะนั้นต้นทุนของอเมริกาจะสูง นี่ก็อีกข้อหนึ่ง

อีกข้อหนึ่งที่ชัดเจน แต่ไม่มีใครพูด ท่านผู้ชมครับ จีนส่งออกไปอเมริกาในช่วงที่อเมริกาตั้งเป้าเอาไว้ว่าจะเพิ่มภาษีจีน จีนก็ใช้วิธีการลดต้นทุนของตัวเองลงมา คือพูดง่ายๆ ว่า ให้มีกำไรที่เคยกำไร 10 บาท ลดกำไรเหลือแค่บาทเดียว ให้กำไรน้อยที่สุด แต่ขอให้ยังส่งออกต่อ ท่านผู้ชมครับ จีนล่าสุด สั่งดัดหลังอเมริกาแล้ว ดัดหลังอย่างไร ?

จีน หลังจากที่มีสงครามทางเศรษฐกิจกับนายทรัมป์ จนกระทั่งต่อมานายไบเดน จีนเห็นว่าห่วงโซ่อุปทาน หรือที่เขาเรียกว่า Supply Chain นั้น ที่คนกังวลว่าโลกนี้ หรืออเมริกา ต้องพึ่งสินค้าที่นำเข้าจากจีนเยอะมากจนเกินไป อเมริกาก็เลยไปส่งเสริมให้เวียดนามผลิตสินค้าที่จีนผลิต ส่งเสริมให้ไทยทำ ส่งเสริมให้ฟิลิปปินส์ทำ ให้คนโน้นคนนี้ทำ ท่านผู้ชมครับ ความที่จีนมันใหญ่มาก จีนมีฉายาว่าเป็น World Factory เป็นโรงงานอุตสาหกรรมของโลก


ไปส่งเสริมใครก็ตาม ห่วงโซ่อุปทานที่ไปส่งเสริมมาแทนสินค้าจีน แทนได้ไม่ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ สูงสุด แปลว่าอีก 80 เปอร์เซ็นต์ อเมริกายังต้องพึ่งสินค้าที่นำเข้าจากจีน

ทีนี้่ พออเมริกาขึ้นภาษีปั๊บ จีนก็ลดราคาของตัวเองลงมา เพื่อให้กำไรของตัวเองน้อยลง ณ วันนี้ จีนบอกไม่ต้องลดราคาแล้ว ให้ตั้งราคาตามอัตราเงินเฟ้อของอเมริกา คือถ้าเงินเฟ้ออเมริกาขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ ก็เพิ่มอีก 3 เปอร์เซ็นต์ เลย อเมริกาไม่มีทางเลือก ต้องซื้อ เพราะว่าห่วงโซ่อุปทานพวกนี้คือสินค้าที่อเมริกาต้องสั่งของจีนตลอดเวลา สังเกตได้อย่างหนึ่งท่านผู้ชม เมืองท่า ท่าเรือที่เมืองลองบีช แคลิฟอร์เนีย มีเรือจีนอยู่ประมาณ 70-80 ลำ ลอยทะเลอยู่ รอส่งสินค้าเข้าอเมริกา รออยู่


แสดงว่าอเมริกายังต้องการของพวกนี้มาก สิ่งที่จะเกิดขึ้น ก็คือเงินเฟ้ออเมริกาก็จะเริ่มพุ่งสูงขึ้นๆ มีเงิน ขอกู้เงินจีนโดยผ่านการขายพันธบัตร จีนไม่ซื้อ ดอลลาร์อ่อนตัวลง ต้นทุนของการสั่งสินค้าสูงขึ้น และไม่มีทางทำ แล้วไบเดน ไม่กล้าลดภาษีที่ทรัมป์ ตั้ง เพราะการเมืองในสหรัฐอเมริกา เพราะรีพับลิกันกำลังจับตาดูไบเดน ถ้าไบเดน จะแก้เกมด้วยการลดภาษีของสินค้าจีน หนึ่ง จีนไม่สนใจลดหรือยัง ลดหรือไม่ลดภาษี แต่จีนบอกให้ตั้งราคาตามเงินเฟ้อของอเมริกา เพราะฉะนั้นแล้ว จะลดภาษีหรือไม่ลด ก็ไม่มีความหมาย ก็คือเงินเฟ้อเท่าไร ก็บวกเข้าไปในราคาสินค้านั้น

ท่านผู้ชมครับ นี่คือแนวรบทางมหภาค ท่านผู้ชมต้องรู้นะครับ ท่านผู้ชมลองคุยกับคนที่รู้เรื่องทางเศรษฐศาสตร์ว่า ระเบิดนิวเคลียร์ลูกหนึ่งยังไม่น่ากลัวเท่ากับเงินเฟ้อ ยุโรปนี่กลัวเงินเฟ้อจนใจแทบขาด เหตุผลหนึ่งที่อเมริกาเงินเฟ้อต่ำมาก ก็เพราะว่าเขาส่งออกเงินเฟ้อในรูปของการลงทุนด้วยเงินดอลลาร์มาที่ประเทศจีน ให้ประเทศจีนรองรับไป เท่ากับว่าจีนแบกรับภาวะเงินเฟ้อของอเมริกา เพื่ออเมริกาจะได้ไม่ต้องมีเงินเฟ้อ วันนี้จีนบอกว่า อั๊วไม่เอาแล้ว เลียะพะกับลื้อได้แล้วงานนี้ นี่ล่ะครับท่านผู้ชม นี่คือแนวรบที่กำลังเกิดขึ้น ถ้าท่านผู้ชมไม่สังเกต ให้จำรายการนี้ไว้ว่า ผมได้เตือนเอาไว้แล้ว พูดไว้แล้ว แล้วระยะยาวอเมริกาแพ้แน่นอน


เมื่อไม่นานมานี้เอง ก็มีข่าวคราวเกี่ยวกับประเทศจีนได้ลงดาบสั่งสอนดาราภาพยนตร์และคนที่อยู่ในแวดวงการบันเทิงหลายต่อหลายราย มีหลายรายถูกตำรวจจับข้อหาข่มขืน เช่น คริส วู หลายราย อย่างเช่นรายแรกที่โดนอย่างจะๆ เลยก็คือ ฟ่าน ปิงปิง ข้อหาหนีภาษีเงินได้ จากรายได้ที่ได้มา ล่าสุดที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ที่ผมเล่าให้ฟังนี่ ผมเจาะจงดึงเอาเฉพาะบางคนมาเล่าให้ฟัง แต่จริงๆ แล้วโดนไปเยอะมากเลย อย่างเช่น ผู้หญิงชื่อ เจิ้ง ส่วง

เจิ้ง ส่วง
เจิ้ง ส่วง นี่ไปจ้างคนอุ้มบุญที่อเมริกา แล้วก็ละทิ้ง ไม่ยอมรับผิดชอบ ซึ่งผิดกฎหมายจีนในการจ้างคนอุ้มบุญ หรือดาราชายที่อยู่ในเครือข่ายของ เจ้า เหว่ย ดันไปเที่ยวศาลเจ้าที่เป็นที่เก็บศพ หรือเก็บวิญญาณของพวกในฐานะจีน ประเทศจีนมองว่าเป็นอาชญากรสงคราม ทหารญี่ปุ่นที่เคยไปรบแล้วไปฆ่าคนจีนตายเป็นเบือ


ที่ผมจะเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ฟังก็คือว่า จริงๆ แล้วจากการค้นคว้าของผมเอง และทีมงาน อย่างละเอียดถี่ถ้วน ก็พบว่าคนที่น่าจะมาพูดเรื่องนี้มากที่สุด น่าจะเป็น เจ้า เหว่ย หรือที่เราเคยรู้จักเธอในนามของ "เจ้าหญิงกำมะลอ" เพราะว่า เจ้า เหว่ย ถูกตั้งว่าเป็นนักแสดงผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีน มีทรัพย์สินประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท หรือประมาณ 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เจ้า เหว่ย ได้เงินได้ทองมาเยอะแยะขนาดนี้ ไม่ใช่ได้มาจากการทำธุรกิจทางด้านการบันเทิง หากแต่เธอเป็นนักปั่นหุ้นตัวยง และเป็นคนที่ฟอกเงินอยู่ในเครือข่ายที่จีนมองว่าเขากำลังฟอกเงินอยู่

สิ่งที่จีนลงดาบ เจ้า เหว่ย ก็คือ วันที่ 26 สิงหาคม ประมาณเดือนกว่าๆ ที่ผ่านมานี้ เกือบๆ เดือน รัฐบาลจีนได้ดำเนินการแบบฟ้าผ่ากับซูเปอร์สตาร์ชาวจีนที่ชื่อ เจ้า เหว่ย


เจ้า เหว่ย ชื่อเล่นคือ เหวย เหวย หรือที่เขาเรียกกันอีกทีว่า เสี่ยว เหวย จริงๆ เป็นคนอันฮุย ชื่อของ เจ้า เหว่ย ถูกลบออกจากผลงานทั้งหมดที่เคยทำ ไม่ว่าจะเป็นเครดิตนักแสดง ผู้กำกับการแสดง หรือผู้อำนวยการสร้าง ลบออกหมดเลยท่านผู้ชม กับกลุ่มผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมมิงจีน หลักๆ ก็มีเทนเซ็นต์ อ้ายฉีอี้ และโหยวคู้ ซึ่งโหยวคู้ ก็คือเป็นคล้ายๆ กูเกิล ของประเทศจีน แพลตฟอร์มทั้งหมดที่ผมเอ่ยให้ฟังนี่ ลบเรื่องเกี่ยวกับ เจ้า เหว่ย ออกจนหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่เธอร่วมแสดง ผลงานการแสดงคลาสสิกยอดฮิต เช่น องค์หญิงกำมะลอ ทุกอย่าง จนกระทั่งในที่สุดแล้วเธอก็กลายเป็นคนที่ไม่มีตัวตนเลยในสังคมโซเชียลมีเดีย หรือในสังคมออนไลน์ ไม่มีภาพยนตร์เธอให้ดูอีกต่อไป ไม่ว่าคนอยากจะดู องค์หญิงกำมะลอ เหมือนกับชื่อของเธอต้องหายไปเลย ทั้งๆ ที่ เจ้า เหว่ย ในขณะนี้อายุเธอ 45 ปี


เจ้า เหว่ย มีผลงานภาพยนตร์หลายผลงาน ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่คลาสสิกที่สุด ที่เธอเล่นโด่งดังและพวกเราก็พากันจำได้ อย่างเช่น Shaolin Soccer นักเตะเส้าหลิน ปี 2544 หรือปี 2551 เธอเล่นสามก๊ก ตอนโจโฉแตกทัพเรือ หรือที่เราเรียกกันว่า Red Cliff หน้าผาสีแดง ปี 2551 แล้วเธอก็เล่นเรื่อง พลิกตำนานโปเยโปโลเย แล้วปี 2552 เมื่อประมาณสิบสองปีที่ผ่านมา เธอเล่นบท มู่หลาน เธอร่วมเล่นกับดาราดังๆ อย่างเช่น กง ลี่, หลิว เต๋อ หัว, จาง เหว่ย เจี้ยน, เฉิน คุน (ผมจะเอารูปต่างๆ ที่เธอเล่น เอามาให้ท่านผู้ชมได้ดู)

ท่านผู้ชมครับ ในช่วงหลายปีหลัง เจ้า เหว่ย ผันตัวจากนักแสดง เธอกลายเป็นผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง และนักลงทุน จนเรียกได้ว่าเป็นดาราที่มีสถานะเป็นเศรษฐินีคนหนึ่งของประเทศจีน และการร่วมลงทุนของเธอนั้น ก็คือการเล่นหุ้นนั่นเอง


ความร่ำรวยฟู่ฟ่าของ เจ้า เหว่ย นั้นถึงขนาดที่เธอมีเครื่องบินส่วนตัว บินไปซื้อไร่องุ่นที่ไร่องุ่น Château Monlot ใน St. Emilion ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส ในปี 2554 หรือประมาณสิบปีที่แล้ว มิหนำซ้ำเธอยังได้แนะนำให้ แจ๊ก หม่า ซึ่งเธอสนิทสนมกับ แจ๊ก หม่า ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งอะลีบาบา เข้าไปซื้อไร่องุ่นในฝรั่งเศสด้วย


จนกระทั่งการเข้าไปซื้อไร่องุ่นในฝรั่งเศสนั้นกลายเป็นกระแสนิยมของเศรษฐีจีน ผมจะเอารูปให้ดู มีรูปที่วงให้ดู ทางซ้ายสุดคือสามีของเธอ ส่วนทางขวามือ เจ้า เหวยเหวย ยืนอยู่คู่กับ แจ๊ก หม่า อะลีบาบา


ว่ากันว่า เจ้า เหว่ย สนิทสนมกับ แจ๊ก หม่า มาก และได้รับคำแนะนำในการลงทุนในหุ้นต่างๆ และในที่สุดแล้ว เจ้า เหว่ย ก็ได้เข้าไปถือหุ้นในบริษัท อาลีบาบา พิคเจอร์ส ของ แจ๊ก หม่า เธอเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับสอง มีมูลค่าหุ้นหลายพันล้านหยวน ในบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่ของจีน มิหนำซ้ำ เธอยังถือหุ้นอยู่ในบริษัท และ หลายบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ของจีนด้วย

ก็เลยไม่เป็นที่น่าประหลาดใจ เมื่อ แจ๊ก หม่า โดนรัฐบาลจีนเพ่งเล็งอย่างหนัก แล้วก็ลดบทบาทของ แจ๊ก หม่า ดับแสงของ แจ๊ก หม่า โดยที่ปฏิเสธการเข้าตลาดหลักทรัพย์ของกลุ่ม ANT Finance กลุ่มบริษัทการเงิน ANT ที่กำลังจะเข้าไปในตลาดหลักทรัพย์ แล้วก็โดนรัฐบาลจีนสั่งห้าม ทำให้สูญเสียมูลค่าไปเป็นเงินหลายหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ สามีของ เจ้า เหว่ย ชื่อ หวง โหย่วหลง มีทรัพย์สินประมาณ 30,000 กว่าล้านบาท


ความโด่งดัง ความร่ำรวยของ เจ้า เหว่ย ดาราสาวเบอร์ใหญ่ระดับต้นในวงการบันเทิงจีน กลับมาโป๊ะแตกใน พ.ศ. นี้ว่า ความร่ำรวยของเธอนั้นไม่ได้มาจากที่เธอทำงานหนักในวงการบันเทิง หรือการลงทุนเพียงอย่างเดียว เธอมีเส้นสายสัมพันธ์โยงใยไปเครือข่ายนักธุรกิจและผู้มีอำนาจในรัฐบาลจีน ซึ่งเกี่ยวพันกับปัญหาทางคอร์รัปชันที่หยั่งรากลึกในประเทศจีนมาตั้งแต่ยุคหลังจากที่ เติ้ง เสี่ยวผิง ทำการเปิดประเทศจีนในช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 และ 1980 ด้วย

ก่อนจะไปถึง เจ้า เหวยเหวย ผมคิดว่าน่าจะเล่าเรื่องเก่าๆ ที่ท่านผู้ชมอาจจะรับทราบมาแล้ว แต่ไม่ละเอียดนัก ของสาวน้อย สาวสวยที่ก็ไม่น้อยแล้ว ปีนี้ก็สี่สิบกว่าแล้ว คือ ฟ่าน ปิงปิง


ฟ่าน ปิงปิง เป็นดาราระดับซูเปอร์สตาร์ ที่ถูกทางการจีนเล่นงานไปก่อนที่จะมาเล่นงาน เจ้า เหวยเหวย เพราะว่าเธอถูกกล่าวหาว่าเธอหลีกเลี่ยงภาษี เธอมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ฟ่าน ปิงปิง เคยรับบท บูเช็กเทียน มีแฟนคลับมากมาย เปิดธุรกิจโปรดักชันของตนเอง ช่วงที่ ฟ่าน ปิงปิง โด่งดังอย่างสุดๆ จู่ๆ เธอก็หายตัวไปเลย หายเงียบไปจากวงการบันเทิง งานที่ตกลงจะแสดงไว้ ก็มีคนอื่นมาแสดงแทน ก็คือสรุปง่ายๆ ว่าเธอโดนทางการจีนกักตัว หรือที่เขาเรียกว่า House arrest ว่ากันว่า เธอถูกบังคับให้ใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ในสถานที่หนึ่ง โดยที่ไม่ให้พบปะผู้คน ไม่สามารถจะโทรศัพท์ติดต่อใครได้

หลังจากผ่านไป 3 เดือน คงจะมีการเจรจากันเรียบร้อยแล้ว ทางการจีนก็ได้ออกข่าวว่า รัฐบาลจีนสั่งปรับเงิน ฟ่าน ปิงปิง 130 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,200 ล้านบาท ข้อหาหลบเลี่ยงภาษี เพราะตรวจสอบว่า ฟ่าน ปิงปิง หลบเลี่ยงภาษี การหลบเลี่ยงภาษีของ ฟ่าน ปิงปิง นั้นก็คือมีการทำสัญญา ที่เขาเรียกว่า "สัญญาหยิน-หยาง" สัญญาหยิน ก็คือสัญญาหนึ่งซึ่งทำกับบริษัทที่เป็นเจ้าของภาพยนตร์แล้วมาจ้างให้ทำ หยาง ก็คือ อีกสัญญาหนึ่งซ่อนเอาไว้ ว่าบริษัทนี้ สมมุติว่าเขาจ้าง ฟ่าน ปิงปิง 10 ล้านหยวน นั่นคือสัญญาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีอีกสัญญาหนึ่งที่ต้องจ่ายใต้โต๊ะให้ ฟ่าน ปิงปิง อีก 20 ล้านหยวน เพื่อ ฟ่าน ปิงปิง จะได้เสียภาษีน้อยลง

จริงๆ แล้วคดีเลี่ยงภาษีอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่สุด แต่สื่อทางจีนรายงานว่า การลงดาบ ฟ่าน ปิงปิง นั้นคงเกี่ยวข้องกับการให้กู้ยืมเงินที่ผิดกฎหมาย การให้สินบน ฟอกเงิน ปั่นหุ้น หรือแม้กระทั่งการร่วมทุจริตกับข้าราชการ จึงเกิดการเชือดไก่ให้ลิงดู ในยุคที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กำลังดำเนินนโยบายที่จะกดดันดาราวงการบันเทิง แล้ว ฟ่าน ปิงปิง จะทำอย่างไรกับการที่ถูกสั่งให้เสียภาษี 4,000 กว่าล้านบาท ? ปรากฏว่า ฟ่าน ปิงปิง เป็นผู้หญิงที่ฉลาด ลึกซึ้งเหมือนกับบทที่เธอเล่นใน บูเช็กเทียน เธอยอมรับโดยดี ออกมาโพสต์จดหมายขอขมาลาโทษในบัญชีเวย์ปั๋ว (Weibo) ของตัวเอง (เวย์ปั๋ว คือโซเชียลมีเดียของจีน คล้ายๆ ทวิตเตอร์)


วันที่ 3 ตุลาคม 2561 เธอโพสต์บอกว่า "ความสำเร็จในทุกๆ ย่างก้าวของฉัน ล้วนได้มาจากการสนับสนุนของประเทศชาติ" ก็คือพรรคคอมมิวนิสต์ เธอพูดต่อนะครับ ฟังดูให้ดีๆ "ช่วงที่ผ่านมาได้คิดทบทวนต่อการกระทำที่ตัวเองได้ทำลงไปแล้ว รู้สึกละอายใจมาก และขอโทษทุกๆ คนอย่างจริงใจจริงๆ หลายปีมานี้ฉันไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ สังคม เอาแต่ประโยชน์ตนเป็นหลัก ใช้เล่ห์อุบายแบ่งแยกสัญญาค่าจ้างรายได้เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ช่วงที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่สรรพากรได้สอบสวนฉัน และตรวจสอบบริษัทของฉัน ระหว่างนั้นฉันได้ทบทวนตัวเองและรู้สึกละอายใจมาก ในฐานะที่เป็นบุคคลสาธารณะ จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและเป็นแบบอย่างที่ดีของวงการและสังคม ไม่หลงละโมบไปกับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ ย่อหย่อนในการดูแลการจัดการธุรกิจ จนเข้าขั้นฝ่าฝืนกฎหมาย ดังนั้นจึงขออภัยต่อสังคม เพื่อนๆ ที่รักและห่วงใยฉัน ประเทศชาติ และกรมสรรพากร"

ฟ่าน ปิงปิง จบลงด้วยคำว่า "ความสำเร็จในทุกๆ อย่าง ทุกก้าวของฉัน ล้วนได้มาจากการสนับสนุนของประเทศชาติและประชาชน หากไม่มีนโยบายสนับสนุนจากพรรคฯ และประเทศชาติ ไม่มีความรักใคร่ชื่นชมของประชาชน ก็ไม่มี ฟ่าน ปิงปิง"

ท่านผู้ชมครับ นี่คือข้อเท็จจริงอันหนึ่งซึ่งพวกเราหลายคนที่ติดตามข่าวต่างประเทศไม่เข้าใจ คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังในประเทศจีน อย่าง ฟ่าน ปิงปิง, เจ้า เหว่ย หรือคนที่ร่ำรวยอย่างเช่น แจ๊ก หม่า อะลีบาบา หรือเจ้าของเทนเซ็นต์ หรือเจ้าของ JD.com พวกนี้


เขารวยขึ้นมาได้เพราะรัฐบาลซึ่งถูกกำกับโดยพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศจีน ส่งเสริมให้เขารวย ท่านผู้ชมครับ จีนเป็นประเทศที่บล็อกเฟซบุ๊ก บล็อกยูทูป บล็อกกูเกิล แล้วมันก็เลยทำให้เกิด เทนเซ็นต์ ขึ้นมา เกิด เวย์ปั๋ว ขึ้นมา เกิดหลายๆ แอปพลิเคชันซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่คนจีนใช้กันมากมาย เกิด โหยวคู้ ก็คือกูเกิลของประเทศจีน ถ้าประเทศจีนไม่ได้มีวิสัยทัศน์มองว่าแพลตฟอร์มต่างชาติ ซึ่งอเมริกาเป็นเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นกูเกิล เฟซบุ๊ก หรือยูทูป นั้น เข้ามาในประเทศจีน คนพวกนี้ก็จะเหมือนกับแพลตฟอร์มที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ก็คือว่า เจ้าของแพลตฟอร์มคือบริษัทแม่ที่อยู่ต่างประเทศ ที่อยู่อเมริกา จะเป็นผู้กำหนดทิศทางในการเดินของความคิดความเห็นต่างๆ และสามารถจะบล็อกหลายๆ ความคิดความเห็น ถ้าไม่ตรงกับนโยบายของบริษัทแม่ ซึ่งแน่นอนที่สุด ก็จะล้อเลียนกับปรัชญาทางการปกครอง ปรัชญาในการพึ่งพาตัวเอง ปรัชญาเรื่องการเงินการทอง ปรัชญาทางสาธารณสุข ในประเทศหลัก คือสหรัฐอเมริกา

เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าปราศจากความเข้มงวดที่ประเทศจีนมีให้ โหยวคู้ ซึ่งจริงๆ แล้ว ขอโทษทีครับผมพูดผิดไป ก็คือ ยูทูป ก็จะไม่มีวันเกิดขึ้น ตอนนี้ โหยวคู้ ในประเทศจีน ก็คือ ยูทูปในประเทศจีน ซึ่งมีคนเข้ามาดูและเล่นประมาณเป็นพันล้านคน ส่วน เวย์ปั๋ว ก็คือเฟซบุ๊ก เป็นกึ่งๆ เฟซบุ๊ก กึ่งทวิตเตอร์ ผสมผสานกันระหว่างทวิตเตอร์ กับเฟซบุ๊ก ก็จะไม่เกิดขึ้น ท่านผู้ชมครับ แม้กระทั่งท่านผู้ชมที่เดินทางเข้าประเทศจีนทุกวันนี้ ท่านผู้ชมก็รู้ใช่ไหมว่าท่านผู้ชมใช้ไลน์ (LINE) ไม่ได้ เขาไม่ให้ไลน์เกิดขึ้นในประเทศจีน ถ้าท่านผู้ชมต้องการที่จะพูดคุยกับคนจีน ท่านผู้ชมต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน วีแชต (WeChat) ซึ่งเป็นของ เทนเซ็นต์ เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมจะเห็นว่า ถ้าปราศจากนโยบายรัฐบาลจีนแล้ว คนร่ำรวยในจีน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ รวยขนาดไหนก็ตาม จะไม่มีวันเกิดขึ้นมาได้ แจ๊ก หม่า ก็เกิดขึ้นไม่ได้ เพราะประเทศจีนต้องการที่จะทดสอบ ทดลอง ทฤษฎีของการเอาทุนนิยมเข้ามาในประเทศจีน แต่ตอนหลัง แจ๊ก หม่า ได้ทำผิดกติกาไปเยอะ แจ๊ก หม่า ซ่า แจ๊ก หม่า ลืมตัว แจ๊ก หม่า ไปที่ไหนก็มีแต่คนชื่นชม แล้ว แจ๊ก หม่า ก็ทำตัวเป็นประเทศจีนเอง เป็นปากกระบอกเสียงของประเทศจีน วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลจีน


ล่าสุดที่ถูกบล็อกในเรื่องของบริษัทเงินทุน ANT Finance ที่ไม่ให้เข้าตลาดหลักทรัพย์ เพราะ แจ๊ก หม่า ไปวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินจีนว่าล้าหลังเหมือนโรงรับจำนำ ก็เลยโดนฟาดไป จากวันนั้นถึงวันนี้ แจ๊ก หม่า ก็ยังกักตัวอยู่ ไม่กล้าออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรเลย

เพราะฉะนั้นท่านผู้ชมจะเห็นได้ว่า ในยุค สี จิ้นผิง นั้น เขารู้ว่าดารานักแสดง ทั้งคนและกระแสทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิงนั้น ทรงอิทธิพลต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีหรือไม่ดี เหมาะสมหรือไม่เหมาะสม เพราะเขามองว่าดาราพวกนี้ไม่ได้เกิด ไม่มีทางโด่งดังได้ ไม่มีทางร่ำรวยได้เลย ถ้าไม่มีพรรคคอมมิวนิสต์ และไม่มีประเทศชาติที่มั่นคงและเข้มแข็ง

ด้วยเหตุนี้ เขาก็เลยมีการแบนดารากันเยอะแยะไปหมด ท่านผู้ชมนึกๆ ดูก็แล้วกันนะครับ กรณีดาราหนุ่มยอดฮิต จาง เจ๋อฮั่น โดนแบล็กลิสต์จากเหตุที่ลบหลู่จีน หลังจากเขาได้ถูกขุดภาพเก่าๆ เมื่อสามปีก่อน ไปเยือนศาลเจ้ายาซูกูนิ


ที่ผมเล่าให้ฟัง ศาลเจ้าที่เก็บศพอาชญากรสงครามที่กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น ระหว่างเดินทางไปงานแต่งงานของเพื่อนที่ประเทศญี่ปุ่น ศาลเจ้ายาซูกูนิ เป็นศาลเจ้าลัทธิชินโต เป็นลัทธิสัญลักษณ์ ลัทธิการทหาร อีกเป็นที่สถิตดวงวิญญาณของทหารญี่ปุ่นที่เสียชีวิตในสงคราม รวมทั้งกลุ่มนายทหารญี่ปุ่นที่ถูกศาลโลกตัดสินว่าเป็นอาชญากรสงคราม จากการก่อสงครามโลกครั้งที่ 2

ล่าสุด ท่านผู้ชมคงอ่านข่าวแล้ว นายคริส วู หรือ อู๋อี้ฟาน นักร้องแรปเปอร์ชื่อดัง อดีตสมาชิก EXO วงบอยแบนด์จีนชื่อดัง โดนสอบสวนข้อหาข่มขืนชำเราแฟน


ท่านผู้ชมครับ เรามาดูเบื้องหน้าเบื้องหลังของ เจ้า เหว่ย นิดหนึ่ง ตามข่าวที่ผมได้ตามสืบเสาะมาจากทุกๆ จุด ทุกๆ แพลตฟอร์มของประเทศจีน และที่ไม่เคยมีใครทำเรื่องนี้มาก่อน ผมไปรวบรวมทุกอย่างมาเพื่อให้ท่านผู้ชมได้เข้าใจ

เจ้า เหว่ย - แจ๊ก หม่า กับเงินคอร์รัปชันของแก๊งเซี่ยงไฮ้ ที่ผมเล่าให้ฟังเมื่อกี้ ช่วงต้น หลายคนเริ่มสงสัยว่า แจ๊ก หม่า มหาเศรษฐีชาวจีน ไปเกี่ยวข้องอะไรกับการแบน เจ้า เหว่ย ของรัฐบาลจีน ? วิธีการแบนของรัฐบาลจีนนั้นเด็ดขาด ถึงขนาดที่ว่า นอกจากจะลบผลงานออกแล้ว ยังดำเนินการลบทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนดาราคนนั้นไม่มีตัวตนอีกต่อไปแล้ว เช่น ลบผลงานในแพลตฟอร์มต่างๆ ทั้งหมด ลบชื่อเสียงเรียงนามจากนักแสดง ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง เพื่อนดาราที่เคยโพสต์ภาพ โพสต์ข้อความดาราคนเก่า ต้องลบชื่อและภาพทั้งหมดที่เคยกล่าวถึงคนๆ นั้น ในกรณีนี้คือ เจ้า เหว่ย และห้ามพูดถึงคนๆ นั้นอีกต่อไป แบรนด์ต่างๆ ที่เคยจ้างงาน ทำงานร่วมกับดาราคนนั้น ต้องลบข้อมูลภาพ ข้อความทั้งหมดของดาราคนนั้นไป เป็นหน้าที่ที่เจ้าของแบรนด์ต้องทำ ไม่อย่างนั้นแล้วผิด การถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ต้องถูกถอน ลบล้างข้อมูลออกไปด้วย สมมุติว่า เจ้า เหว่ย ถือหุ้นอยู่ในบริษัทนี้ ถึงจะเป็นชื่อเธอก็ตาม ต้องลบชื่อเธอออกไปเลย ส่วนจะเป็นชื่อใคร เขาไม่สนใจ ต้องไม่มีชื่อ เจ้า เหว่ย ก็คือว่าเป็นคนที่ไม่มีตัวตนแล้ว


บัญชี เวย์ปั๋ว ซึ่งเป็นบัญชีเฟซบุ๊กของจีน ของ เจ้า เหว่ย ซึ่ง เจ้า เหว่ย มีคนติดตาม 85 ล้านคน แม้จะยังไม่ถูกลบออก แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวโพสต์ใดๆ มาตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา การสั่งแบน เจ้า เหว่ย นั้นมีเงื่อนงำที่ลึกลับ ซับซ้อน และซ่อนเงื่อนกว่าที่หลายคนคาดคิด ตามข่าวที่ผมไปติดตามมา บางส่วนอ้างอิงข้อมูลที่รวบรวมจากวงใน ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทางการจีนได้ซุ่มสะสมเก็บข้อมูลที่จะจัดการกับ เจ้า เหว่ย มานานหลายปีแล้ว โดยการจัดการแบบ ยิ่งเงียบเท่าไรยิ่งหมายถึงว่า เบื้องหลังจะต้องมีเรื่องราวที่ใหญ่โตมโหฬารมาก มีการคาดการณ์ว่า สาเหตุที่เธอถูกแบน ถูกเล่นงานนั้น มี 2 ประการใหญ่ๆ

ประการแรก เธอลบหลู่จีน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดย เจ้า เหว่ย สวมชุดเดรสที่มีลวดลายเป็นธงอาทิตย์อุทัยของกองทัพญี่ปุ่น ถ่ายแบบลงนิตยสาร โดยเหตุที่ลบหลู่จีนของ เจ้า เหว่ย เกิดขึ้นในช่วงที่เธออายุ 20 ปีต้นๆ เพิ่งแจ้งเกิดเป็นดาราจากบทบาท เสี่ยวเยี่ยนจื่อ ในซีรีส์ "องค์หญิงกำมะลอ"

2544 เธอได้รับเชิญจากนิตยสารแฟชั่นจีน ไปถ่ายแบบชุดแฟชั่นขึ้นปกในเกาะแมนฮัตตัน สหรัฐอเมริกา หนึ่งในชุดที่เธอสวมถ่ายแบบในครั้งนั้นคือชุดเดรสพิมพ์ลายธงอาทิตย์อุทัย


เมื่อภาพ เจ้า เหว่ย สวมชุดลายธงอาทิตย์อุทัยของกองทัพญี่ปุ่นเผยแพร่สู่สาธารณะ ก็จุดกระแสโกรธเกรี้ยว ดังระเบิดลูกใหญ่ ซัดลงมาถึงขั้นลูกหลานเหยื่อชาวจีนผู้เสียชีวิตในสงครามญี่ปุ่น เอาอุจจาระปาใส่ เจ้า เหว่ย ขณะที่เธอสวมชุดเดรสสีขาว เดินทางไปงานฉลองที่จัดโดยสถานีโทรทัศน์ที่หูหนัน เมื่อปี 2544

ท่านผู้ชมครับ เรื่องของการแสดงออกให้เข้าถึงจิตวิญญาณญี่ปุ่นนั้น ในประเทศจีนถือว่าเป็นเรื่องที่รุนแรงมาก รับกันไม่ได้ จิตวิญญาณญี่ปุ่น หรือที่เขาเรียกว่า จิงรื่อ เป็นศัพท์บัญญัติทางการเมืองและสังคมของจีนที่มีความหมายเหยียดหยาม ต่ำช้ามาก เพราะถือเป็นการยกย่องลัทธิทหารญี่ปุ่นที่ก่อสงครามรุกรานเพื่อนบ้านอย่างโหดเหี้ยม ดังเช่นสงครามเมืองนานกิง ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่นำความเกลียดชังและลบหลู่จีน

ทุกวันนี้ประเทศจีนภายใต้การนำของ สี จิ้นผิง กำลังบุกตลุยก่อการปฏิวัติกระบวนการวัฒนธรรมใหม่หมดเลย โดยดาราดังในวงการบันเทิงจีนตกเป็นเป้าหมายใหญ่ในการกวาดล้างพฤติกรรมที่เลวร้าย เสื่อมศีลธรรมถึงขั้นผิดกฎหมาย การลบหลู่ประเทศชาติที่เชื่อมโยง เจ้า เหว่ย ยังครอบคลุมไปว่า หนึ่ง 2557 ระหว่างเธอผันตัวไปเป็นผู้กำกับการแสดงในการสร้างภาพยนตร์ เรื่อง No Other Love เธอได้เชื้อเชิญนักแสดงชายชาวไต้หวัน ไต้ ลี่ เหริน หรือ ไลอ้อน ไต้ ซึ่้งถูกระบุว่ามีการเคลื่อนไหวเรียกร้องอิสรภาพให้ไต้หวัน จน เจ้า เหว่ย จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวนักแสดงนำชาย

นักแสดงนำหญิงในภาพยนตร์เรื่องเดียวกัน ชื่อ กิโกะ มิซูฮาระ หลังจากที่ถูกเสนอชื่อเป็นนักแสดงในภาพยนตร์แนวรัก ตลก เรื่องนี้ชาวจีนได้ออกมาโจมตีว่ากิโกะ ดาราดังเลือดอเมริกัน-ญี่ปุ่น มีพฤติกรรมลบหลู่จีน จากการโพสต์ข้อความหลายครั้ง กรณีล่าสุด จาง เจ๋อ ฮั่น ดาราหนุ่มที่ถ่ายรูปที่ศาลเจ้ายาซูกูนิ เข้าสังกัดบริษัทบันเทิงของ เจ้า เหว่ย

ท่านผู้ชมครับ นี่คือเหตุผลข้อที่หนึ่ง จะว่าใหญ่ก็ใหญ่ แต่จะว่าคอขาดบาดตายถึงขั้นรัฐบาลจีนต้องประหารชีวิตวงการบันเทิงของ เจ้า เหว่ย หรือไม่ก็ ไม่น่าจะใช่ เพราะหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว กรณีสวมชุดธงชาติญี่ปุ่น เกิดขึ้นยี่สิบปีที่แล้ว กรณีเลือกดาราไต้หวันและญี่ปุ่นมานำแสดงในภาพยนตร์เรื่อง No Other Love เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ก็เลยมีการขุดค้นลึกลงไปอีก แท้ที่จริงแล้ว เบื้องหลังการตัดสินใจดังกล่าวมาจากประเด็นการคอร์รัปชันและการจัดการกลุ่มแก๊งทางการเมืองภายในประเทศจีนเสียมากกว่า และนั่นคือสาเหตุข้อที่สอง

การปั่นธุรกิจ การสร้างความมั่งคั่ง เหตุคอร์รัปชัน และความอื้อฉาวในตลาดหุ้น สื่อจีนชี้ว่า ถือเป็นความผิดที่หนักหนาที่สุดที่ซุป' ตาร์เศรษฐินีโดยข้อสงสัยในกระทงความผิดนั้น เกี่ยวพันไปยังหวงโหย่ว หลง สามีของเธอ ปัจจุบันสามีของเธอถือสัญชาติสิงคโปร์ และเครือธุรกิจอะลีบาบา ของมหาเศรษฐี แจ๊ก หม่า ด้วย

ท่านผู้ชมครับ 2557 มีข่าวโด่งดังในเมืองจีน คือ เจ้า เหว่ย และ หวงโหย่ว หลง (สามี) ใช้เงินกว่า 3,100 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือคิดเป็นเงินไทย 13,000 ล้านบาท ซื้อหุ้นจำนวน 1.93 พันล้านหุ้น ของบริษัท อาลีบาบา พิคเจอร์ส ทำให้เธอกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่กว่า 9.2 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท อาลีบาบา พิคเจอร์ส

นอกจากนี้ แจ๊ก หม่า ยังเกี่ยวพันสนิทสนมกับ เจ้า เหว่ย ในเรื่องการแนะนำการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ หลายบริษัททำกำไรให้เธอมากมายหลายร้อยล้านหยวน จน แจ๊ก หม่า ตั้งฉายาให้ เจ้า เหว่ย ว่า เป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett) ฝ่ายหญิง อย่างไรก็ตาม คำถามสำคัญคือ เจ้า เหว่ย กับสามี เอาเงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้มาจากไหน ? จากวงการบันเทิง ? หรือสามีรวยอยู่แล้ว หรือเป็นมหาเศรษฐี ? หรือได้รับความช่วยเหลือจากผู้อื่น ?

ท่านผู้ชมครับ เมื่อมีการสืบค้น ขุดลึกลงไป พบว่า เส้นทางจำนวนเงินมหาศาลที่ซุป'ตาร์สาวชาวจีนกับสามีนำมาลงทุนนั้น มีความเชื่อมโยงกับการคอร์รัปชันของแก๊งเซี่ยงไฮ้ ที่ภาษาจีนเขาเรียกว่า Shanghai Bang โดยแก๊งเซี่ยงไฮ้ ถือเป็นกลุ่มการเมืองสำคัญของอดีตผู้นำจีนรุ่นที่ 3 คือ นายเจียง เจ๋อหมิน ซึ่งกุมอำนาจีนตอนที่จีนเพิ่งเปิดประเทศ ต่อจาก เติ้ง เสี่ยวผิง และพรรคคอมมิวนิสต์จีนต้องการเร่งพัฒนาเศรษฐกิจจีนให้มีอัตราการเจริญเติบโตอย่างเร็วที่สุด

เจียง เจ๋อหมิน
ท่านผู้ชมครับ ตั้งแต่ปลายปี 2557 ถึง 2558 ตั้งแต่ สี จิ้นผิง ผู้นำรุ่นที่ 5 (รุ่นที่ 3 คือ เจียง เจ๋อหมิน รุ่นที่ 4 คือ หู จิ่นเทา และรุ่นที่ 5 คือ สี จิ้นผิง) สี จิ้นผิง ได้กวาดล้างนักการเมืองคอร์รัปชันจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองระดับบิ๊กของแก๊งเซี่ยงไฮ้ ไม่ว่าจะเป็น โจว หย่งคัง หรือ โป่ ซีไหล ต่างทยอยถูก สี จิ้นผิง เช็กบิลไปหมด


ในกรณี เจ้า เหว่ย นั้น มีหลักฐานความเชื่อมโยงกับนักการเมืองในแก๊งเซี่ยงไฮ้ ชื่อ นายสี่ว์ จงเหิง เขาเป็นอดีตนายกเทศมนตรีเมืองเซินเจิ้น (เซินเจิ้น เป็นเมืองที่รวยมาก อิทธิพลสูง การเงินการทองเยอะมาก) นายคนนี้ดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีเมืองเซินเจิ้น ปี 2548-2552 ท่านผู้ชมครับ นายกเทศมนตรีเมืองใหญ่ๆ ของจีนมีอำนาจมาก มีอิทธิพลสูง มีตำแหน่งทางการเมืองสูง ถูกจับดำเนินคดีข้อหาคอร์รัปชันในเดือนมิถุนายน 2552 และเขาถูกตัดสินประหารชีวิต จากหลักฐาน ศาลจีนพิจารณาแล้วระบุว่า ระหว่างที่นายสี่ว์ จงเหิง ดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายการจัดตั้งองค์กรแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์ประจำเซินเจิ้น รองนายกรัฐมนตรีเซินเจิ้น และนายกรัฐมนตรีเซินเจิ้น นายสี่ว์ จงเหิง ได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวกอบโกยผลประโยชน์เป็นมูลค่าหลายสิบล้านหยวน เพื่อช่วยให้บริษัท บุคคลต่างๆ ได้รับผลประโยชน์ เช่น ปรับเปลี่ยนแผนการใช้ที่ดินของรัฐบาล ชนะการประมูลสัญญาโครงการก่อสร้าง และอีกหลายๆ อย่าง

นายสี่ว์ จงเหิง
อย่างไรก็ตาม ท่านผู้ชมครับ การขุดคุ้ยว่าจริงๆ แล้วเงินที่นายสี่ว์ จงเหิง คอร์รัปชันนั้น คอร์รัปชันไปมากกว่าหลายสิบล้านหยวน คาดคะเนว่าคอร์รัปชันไปเป็นพันๆ ล้านหยวน แต่ว่ามีการถ่ายโอนให้บุคคลอื่น บุคคลที่ต้องสงสัยอย่างมากที่สุดแล้วหลักฐานชี้ไปที่นั่น คือ นายหวงโหย่ว หลง ซึ่งเป็นสามีของ เจ้า เหว่ย นั่นเอง กับมีข่าวลือพูดออกไปว่า เจ้า เหว่ย นั้น สมัยนั้นเป็นภรรยาน้อยของอดีตนายกเทศมนตรีเมืองเซินเจิ้น ส่วนหวงโหย่ว หลง นั้นก็คือคนขับรถของนายสี่ว์ จงเหิง เป็นคนที่อดีตนายกเทศมนตรีเซินเจิ้น ฝากเงินคอร์รัปชันเอาไว้ และยังมีข่าวอีกกระแสหนึ่งอ้างว่า หวงโหย่ว หลง ซึ่งปัจจุบันอายุ 44 อายุเท่ากับ หรือน้อยกว่า เจ้า เหว่ย 1 ปี เกิดที่มณฑลหูหนาน ประเทศจีน ตอนหลังเปลี่ยนสัญชาติเป็นคนสิงคโปร์ เป็นหลานชายของนายหวง ลี่หม่าน อดีตเลขาธิการพรรคฯ ประจำนครเซินเจิ้น ร่ำลือว่าเป็นคนที่ใกล้ชิดกับอดีตประธานาธิบดี เจียง เจ๋อหมิน

ท่านผู้ชมครับ ประเด็นสำคัญที่สุด คือ เจ้า เหว่ย และสามี คือนายหวงโหย่ว หลง เอาเงินมาจากไหนตั้งเกือบหมื่นล้านหยวน เอามาซื้อหุ้นอาลีบาบา พิคเจอร์ส รวมทั้งหุ้นบริษัทอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ของจีน


นักข่าวและหนังสือพิมพ์เจาะลึกของจีน พูดถึงความเป็นไปได้ว่า เจ้า เหว่ย กับสามี ร่วมกันใช้วงการบันเทิงจีน เป็นการฟอกเงินคอร์รัปชันที่อดีตนายกเทศมนตรีเซินเจิ้น ฝากเอาไว้

ที่สำคัญอีกข้อหนึ่งคือ แจ๊ก หม่า รู้จักกับบุคคลทั้งสอง ร่วมมือกับบุคคลทั้งสอง ก็เลยใช้อาลีบาบา พิคเจอร์ส เป็นแหล่งให้ฟอกเงิน วิธีการฟอกเงินของคนในวงการบันเทิงจีนเขาทำกันอย่างไร ? หนึ่ง เขาโฆษณาต่อสาธารณะไว้โดยตั้งวงเงินสูงๆ ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านหยวน แต่การลงทุนจริงอาจจะแค่ 100 ล้านหยวน พอเข้าฉายจริงๆ เงินจากการเข้าฉายและอื่นๆ มา 500 ล้านหยวน ก็บอกว่าภาพยนตร์นี้ขาดทุน 500 ล้านหยวน แต่จริงๆ แล้วภาพยนตร์เรื่องนี้กำไร 400 ล้านหยวน แถมเจ้าของเงินยังสามารถฟอกเงินได้อีก

ท่านผู้ชมครับ นอกจากนั้นข่าวอีกด้านหนึ่งที่ผมค้นมาก็คือว่า แม่ของ เจ้า เหว่ย คือ Wei Qiying มีส่วนเกี่ยวข้อง เธอเข้าไปถือหุ้นมูลค่ากว่า 500 ล้านหยวน ในกองทุนๆ หนึ่ง ชื่อ Yumfeng Capital ที่สำคัญกองทุนนี้ แจ๊ก หม่า กับ เดวิน หยู ก่อตั้งขึ้นมาและมีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ANT Financial ซึ่งถูกทางการจีนระงับ ไม่ให้ทำ IPO ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ตอนแรก ANT Financial มีการประเมินว่าจะมีมูลค่าสูงถึง 37,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ท่านผู้ชมคงจำในรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ได้ ตอนที่ 67 ผมออกอากาศเมื่อวันศุกร์ที่ 8 มกราคม 2564 ต้นปีที่ผ่านมา ผมพูดว่า เมื่อ สี จิ้นผิง เชือดแจ๊ก หม่า ไว้ ในตอนนั้นผมเล่าว่า สาเหตุหนึ่งในสาเหตุที่จีนต้องเชือดแจ๊ก หม่า เพราะ แจ๊ก หม่า พอดัง รวย แล้วซ่า

ในวันที่ 24 ตุลาคม 2563 ในการประชุม The Bund Summit แจ๊ก หม่า ขึ้นเวทีสั่งสอน วิพากษ์วิจารณ์ธนาคารกลาง และผู้ควบคุมธนาคารกลาง ว่าสถานการณ์การเงิน ระบบการเงินการคลังของจีนนั้น จะต้องเปลี่ยนแปลงแล้ว จากกระบวนทัศน์คอนเซปต์ที่เป็นโรงรับจำนำ ต้องพึ่งพาการพัฒนาระบบสินเชื่อ ซึ่งปัจจุบันนี้อยู่ภายใต้การควบคุม อย่างเข้มงวดของจีน รัฐบาลไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของผู้บริโภค นอกจากนั้นยังขัดขวางการสร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเงิน

ท่านผู้ชมครับ ความปากพล่อยของ แจ๊ก หม่า เป็นกระแสร้อนแรงไปทั่ววงการ ถึงกับพูดบอกว่า แจ๊ก หม่า เป็นคนที่ชอบพูดให้ตัวเองดูดี ดูเท่ ชอบใช้คำคม แสดงความเก่งกาจ แต่พูดคราวนี้เธอสะดุดหัวแม่เท้าของตัวเอง เพราะต้องทำให้เสียเงิน เสียโอกาส ทำให้ IPO ของ ANT Financial ต้องหยุด นาทีสุดท้ายหุ้นของอะลีบาบา ร่วงไป 10 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชมรู้ไหมว่า 10 เปอร์เซ็นต์ เป็นยอดเงินเท่าไร 10 เปอร์เซ็นต์ ของเงินที่หายไป คือ 76,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินไทย 2.3 ล้านล้านบาท เกือบเท่างบประมาณแผ่นดินของไทย

หลังจากนั้น แจ๊ก หม่า เลยหายตัวไปเลย 2-3 เดือน กลุ่มอะลีบาบา ก็เลยถูกทางการจีนเช็กบิลอย่างต่อเนื่อง ปรับโครงสร้าง ห้ามโน่นห้ามนี่ รวมไปถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อะลีบาบา ประกาศเลยว่าจะตั้งกองทุนการกุศล บริจาคเงินมูลค่า 1 แสนล้านหยวน คิดเป็นเงินไทยคือ 5 แสนล้านบาท เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ

อย่างไรก็ดี วิบากกรรมของ แจ๊ก หม่า ดูท่าจะไม่สิ้นสุดเพียงแค่นี้ เมื่อพิจารณาชะตากรรมของดาราสาว เจ้า เหว่ย แล้ว ข่าวคราวทั้งหมดที่เธอไปเกี่ยวข้อง มี แจ๊ก หม่า เข้าไปเกี่ยวข้อง


เรื่อง เจ้า เหว่ย กับ แจ๊ก หม่า เกี่ยวพันปัญหาระดับชาติของจีน ทั้งการเมืองภายใน การคอร์รัปชัน การสั่งสอนมหาเศรษฐีชาวจีน การปฏิรูปจัดระเบียบวงการบันเทิง รวมทั้งการปรับโครงสร้างทางสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรมของจีน ให้เป็นไปตามแนวทางที่ผู้นำอย่าง สี จิ้นผิง และพรรคคอมมิวนิสต์จีน เห็นว่าถูกต้องและควรจะเป็น เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ ผมพูดได้ต่อไปว่า กรณีของ เจ้า เหว่ย และ แจ๊ก หม่า อะลีบาบานั้น ยังไม่จบครับ และนี่เป็นเบื้องหลังที่ลึกที่สุดที่ท่านผู้ชมได้เคยฟังมา ในเรื่องของ เจ้า เหว่ย และ แจ๊ก หม่า

ท่านผู้ชมครับ วันนี้เป็นวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564 รายการวันนี้เป็นรายการที่ 104 เป็นครั้งที่ 104 เป็นวาระครบรอบ 2 ปีเต็ม ของการจัดรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมจัดรายการนี้ครั้งแรกวันที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2562 หลังจากที่ออกจากเรือนจำ หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ 2 ปี 11 เดือน กับ 27 วัน ออกมาวันที่ 4 กันยายน 2562 ตอนแรกก็เป็นการไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ รายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" มีคนกดไลก์เพียง 68,000 คน แล้วตอนหลังเราก็เริ่มดำเนินการในแพลตฟอร์มยูทูปที่ชื่อ SONDHI TALK คู่ขนาน ไลฟ์สดผ่านทั้งสองแพลตฟอร์มเลย

ท่านผู้ชมครับ ขออนุญาตเอาตัวเลขมาเล่าให้ฟังกัน เพื่อท่านผู้ชมจะได้รู้สึกภูมิใจและดีใจที่ได้มาชมรายการนี้ แน่นอนที่สุดครับ คนที่มาชมรายการนี้ เพราะอยากได้ความรู้เพิ่มเติม ชมเพราะว่าเป็น FC ของผม และชมเพราะว่าอยากจะรู้ว่าผมพูดอะไรบ้าง เพื่อที่จะมาตอบโต้ผม หรือว่าจะมาด่าทออย่างหยาบคาย

2 ปีที่แล้ว เฟซบุ๊ก SONDHI TALK มีคนกด Follow 68,000 คน วันนี้มีคนกด Follow 3,414,073 คน (ตัวเลข ณ วันที่ 19 กันยายน 2564) ส่วนยูทูปของ SONDHI TALK มีคน Subscribe ณ วันนี้ (ตัวเลข ณ วันที่ 19 กันยายน เช่นกัน) มีคน Subscibe 1,163,000 คน รวมทั้งสองแพลตฟอร์มแล้ว มีคนเข้ามาดู ติดตาม และ Subscribe ทั้งหมด 4,577,103 คน ซึ่งถ้าเป็นไปอย่างนี้เรื่อยๆ ก็จะมีคนเข้ามาดูทั้งสองแพลตฟอร์มเกิน 5 ล้านคน ภายในสิ้นปีนี้


ก่อนที่ผมจะเข้าไปสู่เรื่องวิธีการทำงานของผม เล็กๆ น้อยๆ เรามาดูสถิติที่น่าสนใจกันบ้าง สถิตินี้เป็นสถิติที่ทั้งเฟซบุ๊ก และยูทูป ได้มีอยู่ใน Backoffice สามารถจะเปิดเข้าไปดูได้สำหรับคนที่ทำงาน มีคนชมวิดีโอไปแล้วกว่า 390 ล้านครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ชมวิดีโอมากกว่า 1 นาที เป็นต้นไป รวมแล้วมีคนชมวิดีโอทั้งหมด 2 ปีนี้ 3,000 ล้านนาที ผู้ชม engagement คือคนที่เข้ามาดู เข้ามาฟัง เข้ามาออกความเห็น คอมเมนต์ เข้ามากดไลก์ เข้ามากด Follow นี่คือ Engagement ซึ่งสำคัญมาก ผู้ชม Engagement 445.2 ล้านครั้ง และเข้าถึงคน คือ Reach 75.5 ล้านคน รายการในเฟซบุ๊กไม่มีการ boost เลยแม้แต่นิดเดียว เป็นตัวเลขที่เป็นออร์แกนิกทั้งสิ้น รายการนี้ไม่เคยจ่ายเงินค่า boost จำนวนคนเข้ามาดูในเพจนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

2 ปีที่ผ่านมา ยูทูปอย่างเดียว มีคนเข้าไปชมแล้วมากกว่า 236 ล้านวิว คิดเป็นเวลารายการชมรวมมากกว่า 56.7 ล้านชั่วโมง น่าสนใจ ท่านผู้ชมครับ กลุ่มผู้ชมตามอายุน่าสนใจมาก ท่านผู้ชมรู้ไหมครับ กลุ่มคนที่ชมมากที่สุด อายุมากที่สุด 23.5 เปอร์เซ็นต์ คือคนที่อายุ 25-34 ปี คนวัยทำงานทั้งสิ้น รองลงมา 21.5 เปอร์เซ็นต์ ก็คือ 35-44 ปี 17.2 เปอร์เซ็นต์ 45-54 ปี อีก 14.6 เปอร์เซ็นต์ อายุระหว่าง 55-64 ปี


ท่านผู้ชมครับ อายุคนที่เกิน 65 ก็ไม่น้อย 11.7 เปอร์เซ็นต์ ท่านผู้ชมครับ ทั้งหมดนี้ ในปี 2564 มีคลิปทางยูทูปและทางเฟซบุ๊กที่มีคนชมเกิน 1 ล้านวิว มีทั้งหมด 50 คลิป มีหลายอย่าง ผมยกตัวอย่างมาแล้วกันนะครับ Top30 "ถลกหนังหน้าเสี่ยนักบุญ" ตอนที่ 72 มี 8,250,000 ผู้ชม "เครือข่ายตั๋วช้าง" 4.4 ล้าน "ไม่มีราคา" ผมพูดถึงคุณณวัฒน์ อิสรไกรศีล 3.9 ล้าน "แหล่งผลิตยาเสพติดของเอเชีย" 3.8 ล้าน "เปิดที่แรก เสี่ยโป้ควงปืนไล่ถล่มคู่ต่อสู้ที่ร้านนวดย่านราชพฤกษ์" 3.19 ล้าน "แถได้โล่" 2.9 ล้าน "โจรยานรกซัดทอดบิ๊กตำรวจ" 2.9 ล้าน "ใหญ่ตัดใหญ่ สุชาติ ต่อ ต่อศักดิ์" 2.6 ล้าน "บิ๊กแป๊ะ พูดน้อยแต่ต่อยหนัก" 2,489,000 ฯลฯ อีกเยอะครับ ผมไม่จำเป็นต้องอ่านให้ครบ มันมาก ทั้งหมด 30 รายการ แม้กระทั่งข่าวต่างประเทศ


ข่าวต่างประเทศ "มึงแน่จริงไสม้าเข้ามา" คือการตั้งรับของจีนต่อการรุกรานของสหรัฐฯ และพันธมิตร 1,668,670 วิว มีอีกเยอะแยะไปหมด ทั้งของยูทูปก็มีอยู่ทั้งหมด ยูทูปมีผู้ชมเกินกว่า 1 ล้านวิว มีทั้งหมด 35 คลิป เยอะมากครับ ผมคงจะไม่เล่าให้ฟังก็แล้วกัน

สรุปง่ายๆ ว่า 2 ปีที่ผ่านมานี้ ยอดที่มันขึ้นมา มันเป็นยอดที่สูงมาก สูงมากจนกระทั่งผมมีข้อคิดอยู่บางประการในเรื่องของการทำรายการแบบนี้ ท่านผู้ชมครับ จะต้องเล่าปรัชญาการทำงานของผมเสียก่อน เหตุผลที่มีท่านผู้ชมเข้ามาชมรายการนี้มาก ก็เพราะว่าเป็นรายการเดียวในประเทศไทยที่กล้าพูดความจริง เหมือนที่ผมเรียนให้ท่านผู้ชมทราบว่า ผมเอาธรรมนำหน้า "ธรรม" คือความจริง พูดโดยที่ไม่เกรงกลัวใคร เพราะผมคิดว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่ขาดความจริง ผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้มากจนเกินไป เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าผมไประรานเพื่อนสื่อมวลชนคนอื่นเขา แต่ผมคิดว่าเหตุผลหนึ่งที่สำคัญที่สุด การที่มีท่านผู้ชมเข้ามามากขนาดนี้ ก็เพราะว่า ท่านไม่สามารถจะหารายการที่ท่านสามารถจะรับทราบองค์รวมทั้งหมด เรื่องราวต่างๆ ที่มีในวงการ โดยมีการวิเคราะห์เจาะลึก หาข้อมูลให้เพียบพร้อมอย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

รายการนี้เกิดมาจากแรงบันดาลใจของผม ตอนที่ผมออกมาปี 2563 ปลายปี 2562 แล้วผมเริ่มทำมา กันยายน ปี 2562 วันที่ 27 กันยายน มาจนถึงวันนี้ ช่วงนั้นผมอายุเพียง 72 ปี ปีนี้ผม 74 แล้ว ผมได้ปวารณาตัวผมเองมาตลอดว่า ผมไม่อยากจะแก่เพราะกินข้าว เฒ่าเพราะอยู่นาน ผมอยากเอาประสบการณ์ในชีวิตผมที่จะหาคนมีประสบการณ์อย่างผมหาได้ยากมาก ที่ผ่านการศึกษามาระดับสูงจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อในต่างประเทศ ได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์มาถึง 2-3 มหาวิทยาลัย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านคุกผ่านตะรางมา ผ่านการฟ้องร้องมา ผ่านการลอบสังหารมา เห็นมาหมดทุกอย่าง เห็นเนื้อแท้ ตัวตนที่แท้จริงของนักการเมืองทุกคน ว่าทุกคนหิวแสงหมด แล้วนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันนี้เป็นคนที่พูดความจริงยังไม่ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือเป็นการสร้างจิตวิทยามวลชนเพื่อให้คนเข้ามาเห็นด้วย

ท่านผู้ชมครับ คนไทยเป็นคนที่สมาธิสั้น เรื่องบางเรื่องเกิดขึ้นมาแล้วท่านมีอารมณ์ทันที แต่พอผ่านไปสักพักหนึ่ง ท่านก็ลืมเรื่องพวกนี้ไปแล้ว ผมเป็นคนที่ไม่ลืม แล้วผมเคยพูดกับท่านผู้ชม จำได้ไหม ท่านผู้ชมที่ดูผมมาตลอดจะรู้ว่าผมพูดว่า อะไรไม่สำคัญเท่ากับต้องเข้าใจป่าทั้งป่า ที่มาที่ไปมันมีหมด แล้วมิติมุมมองนั้นขึ้นอยู่กับท่านผู้ชมมองปัญหานี้ด้วยมิติใด ผมมีหน้าที่เปิดมิติใหม่ๆ มุมมองใหม่ๆ ให้ท่านผู้ชมได้เอามาคิด และที่สำคัญที่สุด ผมมั่นใจว่าผมน่าจะเป็นคนเดียวในประเทศไทย ที่เอามุมมองทางต่างประเทศ ที่คนอื่นไม่มี เพราะว่าหลายคนใช้มุมมองทางต่างประเทศ มุมมองจากสำนักข่าวตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น CNN ไม่ว่าจะเป็น BBC แต่ผมเอามุมมองทางประวัติศาสตร์ที่ผมเรียนมา มุมมองของสำนักข่าว ไม่ว่าจะเป็นของทางรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นของทางตะวันออกกลาง ของอัลจาซีรอห์ ของโกลบอล ไทม์ ของจีน ของพีเพิลเดลี ของจีน ของ CNN ของทุกอัน เอามาขยำรวมกันแล้วก็ใช้ความรู้ ปัญญาของผมที่สั่้งสมกันมาตั้งแต่ผมเป็นหนุ่ม เรียนจบมหาวิทยาลัยมา ร่วมเกือบๆ 50 ปี แล้วสังเคราะห์มันออกมา แล้วก็วิเคราะห์ให้ท่านผู้ชม

ทุกวันนี้ท่านผู้ชมฟังข่าว ก็คือข่าว ใคร อะไร ที่ไหน เมื่อไร แม้กระทั่งอย่างไร และทำไม แทบจะไม่มี ส่วนผมกลับอธิบายเรื่องอย่างไร และทำไม ทำไมเรื่องมันเกิดขึ้น ฯ เกิดขึ้นอย่างไร ? แล้วจะมีผลอย่างไรบ้าง

ท่านผู้ชมครับ สิ่งที่ผมภูมิใจมากใน 2 ปีที่ผ่านมานี้ ท่านผู้ชมก็รู้ที่ติดตามมา รายการผมเป็นจุดเปลี่ยนแปลงหลายๆ เรื่องที่เกิดขึ้น ท่านผู้ชมจำได้ไหมว่าการลดค่าไฟ สมัยที่คุณสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประกาศลดมา ก็เกิดเพราะความกดดันจากรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เดิมทีการไฟฟ้าฯ จะลดให้แค่ 3 เปอร์เซ็นต์ แล้วบอกว่าสำหรับคนที่ใช้ไฟไม่เกิน 5 แอมป์ ผมก็บอกว่า 5 แอมป์ มันไฟศาลพระภูมิ ก็เลยกลายเป็น 15 แอมป์ ทีหลัง นี่ยกตัวอย่างให้ฟัง

ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัด หลายๆ เรื่องจะเกิดเพราะความกดดัน คดีบอส อยู่วิทยา ก็เป็นคดีที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง แต่ผมขุดถึงเบื้องลึก ท่านผู้ชมจำได้ไหม คดีบอส ตอนนั้นผมออกรายการจันทร์-พุธ-ศุกร์ เพราะอะไร ? เพราะว่าทันทีที่สำนักงานอัยการสูงสุดแถลงข่าวออกมา ผมต้องออกมาไลฟ์สดเพื่อที่จะจับโกหกอัยการสูงสุด คือคุณวงศ์สกุล ที่กำลังจะเกษียณอายุแล้วจะไม่ยอมรับตำแหน่งอะไรอีกต่อไป

ผมเป็นคนตั้งคำถามเรื่องคุณเนตร จนกระทั่งวันนี้คณะกรรมการ ก.อ. คณะกรรมการอัยการ มีมติแล้วว่าจะสอบสวนคุณเนตร ในกรณีวผิดวินัยร้ายแรง ถ้าผิดอย่างนั้นจริง ก็ต้องให้ออกจากราชการเลย ทำให้ประวัติคุณเนตร ด่างพร้อย เรื่องตำรวจ มีใครกล้าพูดบ้าง เรื่องยาไอซ์ 1,500 กิโลฯ มีใครกล้าพูดบ้าง ก็กลายเป็นผมกล้าพูดอยู่คนเดียว เพราะสำหรับผมแล้ว ความยุติธรรมในสังคมมันมีไม่ได้ ถ้าความยุติธรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ


เรื่องทนายคำสิงห์ ท่านผู้ชมจำได้ไหม ที่น้องโดนข้อกล่าวหาเกี่ยวกับซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์สามี ซึ่งเอาไปส่งยาบ้า แล้วน้องไม่รู้ ไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยเลย น้องติดคุกฟรีมาเกือบ 20 เดือน ต้องขุดเรื่องนี้ขึ้นมา ต่อสู้ให้น้อย ต่อสู้ให้ทนายคำสิงห์ จนกระทั่งน้องได้รับคำพิพากษาจากศาลฎีกาว่าน้องไม่ผิด แล้วก็ต่อสู้เพื่อให้ได้รับเงินชดเชยจากกองทุนกระทรวงการยุติธรรม และน้องก็เป็นคดีแรกในประวัติศาสตร์ที่เป็นคดียาเสพติด ที่ศาลพิพากษาแล้วว่าไม่ผิด ในที่สุดแล้ว กระทวงยุติธรรมก็ตัดสินใจจะจ่ายเงินค่าชดเชยให้กับน้อง ยังมีอีกหลายเรื่อง ท่านผู้ชม

ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราทำอะไร ท่านผู้ชมได้ดูรายการแล้ว มันเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นไหม แล้วหลายๆ เรื่องที่ผมพูดนั้นก็เกิดความเปลี่ยนแปลงในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงแต่ผมไม่เคยอ้างเครดิต เพราะผมรู้ว่านายกฯ คนนี้ท่านเป็นคนที่เสียหน้าไม่ได้ แต่ทุกอย่าง หลายอย่างที่ผมพูดออกไป ท่านก็แอบเอาไปทำ แต่ผมไม่เคยทวง ไม่เป็นไร ขอให้มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ผมก็มีความสุขใจ

สิ่งที่ผมกังวลที่สุดในขณะนี้ ท่านผู้ชมครับ คืออำนาจรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐราชการ มีอำนาจล้นฟ้า ท่านผู้ชมดู ศบค. สิ ท่านผู้ชมดูกระทรวงสาธารณสุขสิ ท่านผู้ชมดูบรรดาหมอที่เป็นอธิบดีต่างๆ สิ ท่านผู้ชมดูกระทรวงต่างๆ สิ ทุกคนใหญ่คับฟ้าหมด ประชาชนต่ำต้อย เรี่ยดิน ผมต้องลุกขึ้นมาสู้ให้กับประชาชนที่ไม่ได้รับความยุติธรรมจากหน่วยงานราชการ ซึ่งเรื่องราวต่างๆ นี้มีจนนับไม่ถ้วน ทุกวันนี้ผมได้รับคำร้องเรียนมา จนกระทั่งผมทำไม่ทัน แล้วผมก็ต้องค่อยๆ คัดทีละเรื่อง แล้วผมจะดูว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบในวงกว้างอย่างไร ยิ่งกระทบในวงกว้าง ผมก็ยิ่งต้องเอาเรื่องนี้ขึ้นมาพูด หลายคนเอาเรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรม ทะเลาะเบาะแว้งกัน ศาลพิพากษาให้เขาแพ้คดี ผมจะไม่ค่อยยุ่งกับเรื่องพวกนี้ เพราะว่าเป็นเรื่องส่วนตัว ทะเลาะกันเรื่องมรดก กล่าวหาว่าศาลนั้นเข้าข้างฝ่ายโจทก์ ศาลนั้นเข้าข้างฝ่ายจำเลย ผมจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ แต่เรื่องอะไรก็ตาม ถ้ามันกระทบสังคมโดยส่วนรวม ผมเป็นคนที่ไม่ได้มีจุดยืนตายตัวว่า เรื่องอย่างนี้ผมจะไม่เปลี่ยนแปลง เรื่องอย่างนี้ผมจะเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่ ผมเอาธรรมน้ำหน้า ธรรม ก็คือ ความจริงมันอยู่ที่ไหน แล้วผมพิจารณาจากสิ่งแวดล้อม องค์ประกอบ เช่น วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี เหมือนกับการออกมาต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบันกษัตริย์ เพราะผมเห็นว่าสถาบันกษัตริย์นั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นที่สังคมไทยต้องมีอยู่

แล้วผมก็มาต่อสู้ในเรื่องของ พ.ศ. 2475 คณะราษฎร ที่ผมบอวก่า ในที่สุดแล้วคณะราษฎร ก็คือคณะโจร เท่านั้นเอง แล้วผมก็เอาข้อมูลต่างๆ มายืนยันสิ่งที่ผมพูด ว่า "คณะราษฎร" คือ "คณะโจร" จนกระทั่งอย่างน้อยที่สุด ผมภูมิใจว่าประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มรู้แล้วว่าคณะราษฎร 2475 ที่เด็กๆ เชิดชูกัน ที่แท้คือคณะโจร หรือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ที่เป็นวีรบุรุษในสายตาของเพนกวิน ที่แท้ก็คือโจรคนหนึ่ง


จนกระทั่งช่วงหลังแล้วพวกเด็กสามนิ้วก็ไม่พูดถึงคณะราษฎร 2475 อีกต่อไป นี่คือสิ่งที่ผมภูมิใจที่ผมได้ทำไป ผมภูมิใจที่เอาความจริงมาเสนอ และผมภูมิใจที่จะเล่าให้ท่านผู้ชมหรือพี่น้องประชาชนที่ดูรายการผม ให้เห็นว่า ข้อเท็จจริงคุณสนธิ เสนอมา ว่าอย่างนี้ ไหนดูอีกฝั่งหนึ่งเขาว่าอย่างไร ในที่สุดแล้วข้อเท็จจริงของผมก็มักจะชนะ

ท่านผู้ชมครับ ถ้าท่านผู้ชมติดตามผมมาตลอด ผมเป็นคนแรกที่พาพวกเกรียนคีย์บอร์ดขึ้นศาล ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมบอกแล้วว่า ถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์ผม ไม่เป็นไร แต่กรุณาใช้ภาษาชาวบ้านที่สุภาพ แต่ให้ของลับผม พูดจาหยาบคายกับผม พาดพิงไปถึงบิดามารดาผม ด่าผม ด่าผมเป็นหมูเป็นหมาเป็นวัว เป็นควาย ให้ของลับผม ให้หน้าผมเป็นหน้าอวัยวะผู้หญิง เรื่องนี้ผมรับไม่ได้ ผมต้องสั่งสอนคนปากเสีย หยาบคาย ให้มีมารยาทในสังคมโซเชียล ผมต้องสั่งสอน และผมก็ฟ้องมาไม่รู้กี่รายแล้ว จนกระทั่งหลายคนตอนช่วงหลังเห็นว่าผมออกมาแล้วฟ้อง ก็เลยรวบรวมความกล้าที่จะออกมาฟ้องบ้าง จนกระทั่งวันนี้การฟ้องเกรียนคีย์บอร์ดกลายเป็นงานประจำงานหนึ่งไปแล้ว ถึงกับมีคนตั้งชมรมขึ้นมาเพื่อช่วยฟ้องร้องเกรียนคีย์บอร์ด ดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อย แล้วเรียกค่าบริการไป นี่คือสิ่งที่ผมได้ทำให้กับสังคมนี้

ที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ท่านผู้ชมเป็นคนที่มีบุญคุณกับผมมาก มีบุญคุณกับสังคมไทย ท่านผู้ชมดูรายการผมแล้วท่านผู้ชมแชร์ออกไปเรื่อยๆ แชร์ไปมากมาย เยอะแยะไปหมดเลย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมคนที่ดูรายการผมมีอยู่ทั่วประเทศ มีอยู่หลายจุดที่ผมเองยังไม่รู้เลยว่าไปถึงขนาดนั้นแล้ว บ่อยครั้งที่ผมเจอคนที่บอกว่าเป็น FC ผม ดูผมประจำ ขอบคุณมาก ที่ช่วยเอาความจริงมาพูดให้เข้าใจ อันหนึ่งที่ผมมีคุณสมบัติ ผมยอมรับ ผมไม่ปฏิเสธ ผมสามารถพูดเรื่องที่มันสลับซับซ้อน ยุ่งยาก ให้เป็นภาษาชาวบ้าน

ท่านผู้ชมครับ การทำงานของผมเป็นการทำงานที่ค่อนข้างจะหนัก ท่านผู้ชมอย่าคิดว่าการที่ผมมาออกไลฟ์สดนี้เหมือนกับชาวบ้านทั่วๆ ไปที่ทำกัน มีกล้องอยู่ ตั้ง แล้วนึกจะพูดอะไรก็พูดไป ไม่ใช่ ผมประชุมทุกวันจันทร์ตอนเช้า ทุกวันศุกร์ วันนี้พูดจบแล้ว เดี๋ยวตอนเที่ยงทานข้าวกัน ผมทานกับทีมงาน คำถามที่ผมถามคำแรกคือ อาทิตย์หน้าจะคุยกันเรื่องอะไร แต่ละคนก็เสนอมา ผมก็มีความคิดของผม แล้วเราก็ค่อยๆ ตกผลึกไปเรื่อยๆ ว่าในที่สุดเราจะเอาเรื่องอะไรบ้าง


ผมมีทีมงานที่เก่ง ขยันขันแข็ง ผมมีหลานชาย คุณอ๊อบ วริษฐ์ ลิ้มทองกุล และภรรยาของเขา คือ คุณดวงพร ลิ้มทองกุล (ปอ) เขามีศักดิ์เป็นหลานผม เขาเป็นลูกพี่ชายผม แต่ว่าเขาเป็นทีมงานค้นคว้าวิจัยของผม และคุณหยก สิยาพัฐ คูศรี และคุณสุปราณี คงนิรันดรสุข สี่คนนี้คือทีมงานค้นคว้าวิจัยให้ผม โดยที่ค้นคว้วิจัยไปในแนวทางที่ผมกำหนด ผมฟังเรื่องแล้วผมรู้ว่าทิศทางของข่าวจะต้องไปอย่างนี้ จะต้องหาข้อมูลตรงไหนบ้าง ตรงไหนให้ไปค้นมาเพื่อมาสนับสนุนคำพูดของผมที่ผมจะพูดในประเด็นนี้ ทั้งสี่คนนั้นทำงานกันอย่างหนัก แทบจะไม่มีวันหยุด หลายครั้งทำงานข้ามคืนเพื่อจะส่งข้อมูลมาให้ผม เพื่อให้ผมมาซึมซับ และผมมีทีมงานทางด้านฝ่ายผลิต นำโดยคุณธีรธวัช หรือชื่อเล่นว่า ใหม่ และอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น นพ ไม่ว่าจะเป็น เก่ง ไม่ว่าจะเป็น ปอ ไม่ว่าจะเป็น บอล ซึ่งเป็นทีมงานอยู่กับผมมาตลอด แล้วคนพวกนี้ทำงานหนักมาก ตัดต่อคลิปต่างๆ ออกมา เรื่องบางเรื่องที่ผมพูด 2 ชั่วโมง 10 นาที บางครั้งอาจจะต้องตัดต่อเป็นคลิป ออกมาได้ 7-10 คลิป เพราะว่าท่านผู้ชมบางท่านจะไม่ชอบดูทีเดียว 2 ชั่วโมงกว่า แต่ชอบดู 15-20 นาที แต่โดยเฉลี่ยแล้ว ท่านผู้ชมครับ หลังจากที่ผมออกรายการแล้ว พอจบรายการก็จะมีคนเข้ามาดูเฉลี่ยประมาณ 5-7 แสนคน ทุกอาทิตย์ นอกจากเป็นเรื่องอะไรที่น่าสนใจ อย่างเรื่องอาชญากรรม เรื่องโน้นเรื่องนี้ ยอดอาจจะขึ้น 8-9 แสน


เพราะฉะนั้นแล้ว ท่านผู้ชมครับ งานที่พวกผมทำนี้ไม่ใช่สุกเอาเผากิน โชคดีที่ผมเป็นคนที่มีองค์ความรู้เยอะ ผมเป็นคนชอบอ่านหนังสือ ต้นฉบับที่ทีมงานส่งมาให้ผมดูนั้น ก็เป็นต้นฉบับที่ผมจะต้องซึมซับเข้ามา เมื่อผมอ่านแล้วผมเห็นว่าตรงนี้ไม่น่าจะใช่ ตรงนี้ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม ผมจะยกหูโทรศัพท์ทันที ไปหาทีมงานของผม ไปหาหลานชายผม คุณวริษฐ์ ลิ้มทองกุล หรือภรรยาของเขา คุณดวงพร ลิ้มทองกุล อธิบายให้เขาฟังว่าตรงนี้ยังขาดข้อมูลอะไรบ้าง เขาก็รีบหามาให้ทันทีเลย

ท่านผู้ชมครับ นี่คืองานทั่วๆ ไปที่เราทำอยู่ทุกอาทิตย์ ท่านผู้ชมครับ 104 อาทิตย์ ทำงานโดยไม่มีวันหยุดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีอาทิตย์ไหนที่หยุด จากคนที่อายุ 74 ปีนี้ ถามว่าเหนื่อยไหม ? เหนื่อย แต่ถามว่าภูมิใจไหม ? มีความสุขมากกว่า มีความสุขที่ได้ทำอะไรที่ให้เป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ผมเสียใจไหมที่ผมโดนยูทูปบล็อก 3 ครั้ง ? เสียใจ ผมว่าอะไรเขาไหม ? ไม่ว่า เพราะว่าเป็นกติกาที่เขากำหนดมาตั้งแต่ต้น ด้วยเหตุนี้ ท่านผู้ชมจำได้ไหม ผมบอกว่าไม่เกินตุลาคมนี้ เดือนหน้าเราจะเริ่มทดลองแอปพลิเคชัน SONDHI TALK ซึ่งเราใช้สตรีมมิงของเทนเซ็นต์ จะเป็นแอปพลิเคชันที่ไม่เกี่ยวกับยูทูป แต่ว่าจะมีการถ่ายทอด "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" เหมือนเฟซบุ๊ก และยูทูป และจะมีมากกว่านั้นอีกเยอะ ที่ไม่สามารถจะมาลงในเฟซบุ๊กและยูทูปได้ ท่านผู้ชมต้องการดูความหลากหลาย ดูความจริง ดูความหลากหลายในเรื่องราวต่างๆ เข้ามาที่แอปพลิเคชันนี้ได้ แล้วจะประกาศให้อย่างเป็นทางการ


ท่านผู้ชมครับ ผมเชื่อว่าคนที่เป็นฮาร์ดคอร์ของผมจริงๆ จริงๆ เลยก็มีอยู่ประมาณ 1 ล้านคน ผมหวังว่าท่านทั้ง 1 ล้านคน จะมาเป็นสมาชิกแอปพลิเคชันนี้ แล้วอีกหน่อย ถ้าสมมุติว่าเราจำเป็นต้องพูดอะไรที่มันไม่ใช่นโยบายของบริษัทฝรั่งที่เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม เราก็สามารถจะมาพูดในแอปพลิเคชันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องเกี่ยวกับโรคระบาด เรื่องเกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศ เรื่องเกี่ยวกับความจริงที่เกิดขึ้นในความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว นักหนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ คนจัดรายการส่วนใหญ่ จะฟังข่าวจาก CNN จะฟังข่าวจาก BCC แต่ไม่ใช่ผม ผมจะไม่ฟังข่าวจากพวกเขาคนเดียว แล้วผมจะมีมุมมองที่ผมจะชี้ให้เห็นว่า บางครั้งประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา ที่หลายๆ คนเทิดทูนอย่างกับเป็นบิดาบังเกิดเกล้า ว่าเป็นเจ้าลัทธิประชาธิปไตย แท้ที่จริงแล้ว ก็คือเป็นประเทศที่เลวทรามต่ำช้าที่สุดประเทศหนึ่งตามประวัติศาสตร์

ท่านผู้ชมครับ ขอบพระคุณมากครับที่ติดตามรายการผมมาเป็นเวลา 2 ปี 104 อาทิตย์ ไม่มีวันหยุดเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มี แล้วก็จะเป็นต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าผมจะสิ้นลมหายใจ ขอบพระคุณมากครับท่านผู้ชม
กำลังโหลดความคิดเห็น