ข่าวปนคน คนปนข่าว
++ "หนู” จะพูดเพื่อ? อยากนามสกุล “หลีกภัย” แต่กลับได้ “เจอภัย” แทน
วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ รัฐบาลถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานแก้ปัญหาล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมาติดต่อกัน ทั้งช่วงเวลาที่น้ำท่วม และหลังน้ำลด กำลังเข้าสู่โหมดเยียวยา และฟื้นฟู รัฐบาลก็ยังทำงานแบบ “รูทีน”ใช้กลไกราชการซึ่งก็เจอทั้งระเบียบ-ขั้นตอน ทำให้การเยียวยาและฟื้นฟู เป็นไปชนิด “เรือเกลือ” ยังเร็วกว่า
มีรายงานว่า วันแรกของการจ่ายเงินเยียวยา ครัวเรือนละ 9,000 บาท ให้แก่ประชาชนใน 3 จังหวัด สงขลา, สตูล และ ปัตตานี เพิ่งจะใส่เงินเข้าบัญชีให้ผู้ประสบภัยได้ 26,000 ครัวเรือน คิดเป็นเงินงบประมาณ 234 ล้านบาท
แน่นอนว่า การเยียวยาด้วยเม็ดเงินน้อยนิด พร้อมกับความอืดอาด ขั้นตอนยุ่งยากนี้ ถูกชาวโซเชียลฯ นำไปเปรียบเทียบกับ ครม.อนุมัติงบประมาณ 4,000 ล้านบาท จัด “Moto GP” ชนิดรวดเร็วสายฟ้าฟาด ที่ก็รู้ว่าใคร ได้ประโยชน์ไปเต็มๆ
ความล้มเหลว บริการจัดการวิกฤต ตลอดจนเยียวยาห่วยแตกงานนี้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล ย่อมต้องรับไปเต็มๆ เช่นกัน โบ้ยใครไม่ได้อีกแล้ว เพราะเป็นทั้งนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
แต่การจัดการ สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดที่ต้องทำหน้าที่ ได้อย่างไม่เอาอ่าวเอง เช่น กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่ต้องรับผิดชอบเงินเยียวยาให้ผู้ประสบภัย
ปภ.ก็วางเงื่อนไขหลักเกณฑ์ต่างๆ ตามสไตล์ราชการทำงานตั้งรับ ทั้งๆ ที่วิกฤตใหญ่หลวง ยกตัวอย่าง บ้านที่จะได้รับเงินช่วยเหลือ จะต้องเป็นที่อยู่อาศัยประจำ ถูกน้ำท่วมขังไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย , ถูกน้ำท่วมขังเกิน 7 วันขึ้นไป และถูกน้ำล้อมรอบจนส่งผลกระทบทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ตามปกติติดต่อกันเกิน 7 วันขึ้นไป
ผู้ประสบภัยต้องลงทะเบียน และผ่านการตรวจสอบ ที่สามารถลงทะเบียนออนไลน์ หรือ ใช้หลักฐานยืนยันตัวตนกับเจ้าหน้าราชการ
คำถาม คือ ผู้ประสบภัยที่เดือดร้อนแสนสาหัส โดยเฉพาะที่ "หาดใหญ่" เขารอการช่วยเหลือ ต้องผ่านเกณฑ์ดังกล่าวนี้ และต้องลงทะเบียน ภาพที่เห็นๆ ก็เห็นกันอยู่ ทำไม? ปภ.ไม่ทำงานเชิงรุก สำรวจเอง กลับให้เป็นภาระของประชาชน!
มหาดไทย มีข้อมูลทุกอย่างของประชาชนและครัวเรือนในท้องที่อยู่แล้วมิใช่หรือ ?
เรียกว่า ทำงานไร้วิสัยทัศน์ตั้งแต่นายกฯ ก็คือ “อนุทิน” และ รมว.กระทรวงมหาดไทยก็เป็น “อนุทิน” นั่งถ่างขาควบอยู่
มิหนำซ้ำชาวบ้านต่อว่ากันขรม แต่ “อนุทิน” ยังแสดงลีลานักการเมือง ไม่ลดละ
ฟังว่า เมื่อวาน (1ธ.ค.) อนุทิน ชาญวีรกูล ไปเป็นประธานในงานมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2570
ตอนหนึ่งพูดว่า “ช่วงเวลาที่รัฐบาลของผมได้บริหารประเทศ ตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงปัจจุบัน ผมอยากนามสกุล “หลีกภัย” แต่กลับได้นามสกุล “เจอภัย” แทน ทั้งภัยเศรษฐกิจ ภัยความมั่นคง ภัยสังคม และภัยธรรมชาติ ..”
นามสกุลหลีกภัย ใครๆ รู้กันว่า เป็นของ "ชวน หลีกภัย" อดีตนายกรัฐมนตรี อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
“อนุทิน” จะโชว์สำบัดสำนวนโวหารให้ดูเท่ ดูตลกขบขันแบบนักการเมือง ก็ไว้กันไป แต่มันใช่ถูกที่ถูกเวลาแล้วหรือ !?
ปรากฏว่า ชาวโซเชียลฯ ขนรถทัวร์มาลงกันตรึม และ ถามกันมา..เอานามสกุล"ชวน" มาล้อเล่น อยาก "หลีกภัย" คิดว่าตลกเช่นนั้นหรือ ? ...หรือเสียงในหัวมันเรียกร้องว่า เป็นนายกฯ พูดจาอะไรก็ได้!
แทนที่จะแก้ไขตัวเองรีบ "กู้ภัย-กู้ศรัทธา" หนู-อนุทิน มาพูดแซะนามสกุล "ชวน หลีกภัย" เพื่อ?.
++ “มานพ” อดีต ผบ.ซูเปอร์คุก ฮึดสู้ ก๊อปปี้ “โจ๊กโมเดล” กูตาย มึงต้องตายด้วย !!
“มานพ ชมชื่น” อดีต ผบ.เรือนจำกรุงเทพมหานคร ที่อื้อฉาวที่สุด ที่สร้างความเสื่อมเสียขั้นสุด ออกมาเคลื่อนไหวกร้าวๆ ผ่านสื่อ
ตอบโต้ข้อกล่าวหา เรื่อง“เปิดช่อง” รับสมัครเมมเบอร์ในคุก ให้นักโทษจีนเทาเสพสม ว่า เป็นเรื่องของ “คนดีที่ถูกกลั่นแกล้ง” เพราะต้องการขจัดทุจริต คอร์รัปชัน จึงไปโยกย้ายลูกน้องชั่ว ที่มีพฤติกรรมหาเงินส่งส่วย ให้กับบิ๊กๆ ในกรมราชทัณฑ์และ กระทรวงยุติธรรม
พร้อมเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมยุติการสอบสวนเขา และต้องส่งคดีไปยังป.ป.ช. สถานเดียว!
เรื่องนี้คนในกรมราชทัณฑ์ เห็น วิธีการตอบโต้ ของ “มานพ ชมชื่น” ก็รู้เลยว่า นี่กําลังก๊อบปี้ "บิ๊กโจ๊กโมเดล" จากวิธีการเอาตัวรอด คดีพัวพันส่วย และฟอกเงินของ “พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล” ที่โดนไล่ออกจาก รอง ผบ.ตร.
ตอกย้ำความเป็นยุคเสื่อมของสังคมข้าราชการ ที่ใช้ความ “ใจกล้าหน้าด้าน” เป็นอาวุธ แค่คนแรกก็มากพอแล้ว ดันมีคนที่สองโผล่มาอีก
“มานพ” เขียนจดหมายน้อยถึงสื่อ เปิดโปงเรื่องราวเกี่ยวกับคดีที่เขาโดนอยู่ในเวลานี้ โดยยืนยันว่า ว่าเขาไม่ได้เป็นผู้กระทำผิด แต่เรื่องทั้งหมดเป็นการกลั่นแกล้งให้พ้นจากตำแหน่ง
โดยมีสาเหตุมาจากการที่เขาเคยเบิกความในคดีสำคัญ ซึ่งอาจกระทบต่อผู้บริหาร ในกระทรวงยุติธรรม
ซึ่งนัยยะแฝง ของ “มานพ ชมชื่น” ก็น่าจะหมายถึง “คดีนักโทษเทวดาชั้น 14” ทั้งที่ คําให้การของ มานพ ส่วนใหญ่ก็เป็นลักษณะโบ้ยว่า ไม่รู้เรื่อง อ้างว่าตัวเองมาเป็น ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังเกิดเรื่องไปแล้ว
“มานพ” ยังอ้างกับสื่อด้วยว่า ได้โยกย้ายเจ้าหน้าที่ ที่มีพฤติการณ์ เรียกรับผลประโยชน์หลายคน ซึ่งได้ส่งส่วยไปยังผู้บริหารในกรมราชทัณฑ์ และกระทรวงยุติธรรม ทำให้มีผู้ไม่พอใจอย่างมาก จึงนำมาสู่การกลั่นแกล้ง แก้แค้น และตัดตอน ไม่ให้ “มานพ” ตรวจสอบการกระทำหลายเรื่องทุจริตในกรมราชทัณฑ์
รูปประโยคนี้ต้องบอกว่า โคตรจะ “ก๊อปปี้ บิ๊กโจ๊ก” คงเพราะ “มานพ” เห็นว่า การพูดใหญ่พูดโตแบบ “บิ๊กโจ๊ก” มันปั่นกระแสความเชื่อของผู้คนได้ โดยเฉพาะโซเชียลฯ ที่ไร้สติ ไหลไปตามกระแส แยกแยะคนดี คนชั่วไม่ออก
“มานพ” แจ้งต่อสื่อด้วยว่า เขายินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่ต้องให้ป.ป.ช. เป็นผู้พิจารณา พร้อมกันนี้เขาให้ทนาย ส่งหนังสือถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ- อธิบดีกรมราชทัณฑ์- ปลัดกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ให้ยุติการสืบสวนสอบสวน ทั้งหมด
วิธีการนี้ก็คือ ลอกบิ๊กโจ๊กเต็มๆ เช่นกัน เพราะป.ป.ช.ยุคเสื่อม อย่างทุกวันนี้ ได้กลายเป็นที่พึ่งที่หวังของคนทำผิดกฎหมายไปเสียฉิบ แทนที่จะกลัว กลับรัก ป.ป.ช.ตามๆ กัน
ความเคลื่อนไหวนี้ของ “มานพ” เผยให้เห็นตัวตนของเขาว่า เขาเป็นคนที่ จำแนกแยกแยะถูกผิดไม่ได้เลย อีกทั้งยังพุ่งเป้าล้างแค้นคนที่นำทีมจับกุม แบบว่า “กูตาย มึงก็ต้องตายด้วย”
ซึ่งตรงนี้ก็ต้องโทษกระทรวงยุติธรรมเอง ซึ่งส่งเสริม “มานพ” ให้มารับตำแหน่งสำคัญอย่าง ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทั้งที่ “มานพ” เองไม่เคยผ่านงานการเป็นผู้คุมมาก่อน ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สําคัญมาก ของ ผบ.คุกทุกแห่ง
ข้ออ้างของ “มานพ” ที่ว่าเขาถูกกลั่นแกล้ง เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น เพราะการส่งสาวไปบริการทางเพศให้กับนักโทษนั้น มันไม่มีใครจะเข้าไปจัดฉากได้ แม้แต่ทีมที่บุกเข้าไปลุยค้น ก็รู้แค่ว่า มีเบาะแสในเรื่องนี้ แต่ไม่รู้ว่าจะค้นเจออะไร ซึ่งผลก็คือ เจอทั้งสาว ทั้งถุงยาง ทั้งทิชชูเลอะสารคัดหลั่ง
อีกทั้งในวันเกิดเหตุ เป็นวันอาทิตย์ ซึ่งจะเป็นวันห้ามเยี่ยมนักโทษในทุกกรณี แต่ก็ยังมีการปล่อยสาวสวยเซ็กซี่ เข้าไปในคุก โดยที่ “มานพ” ก็ขยันจัด เดินทางมาที่คุกในวันอาทิตย์ อีกต่างหาก!!
ในทางสืบสวนของกรมราชทัณฑ์ ทราบแล้วว่า “มานพ” ไม่ได้จัดการเรื่องนี้โดยลำพังคนเดียว แต่มีมือไม้สำคัญ เป็นระดับผู้อำนวยการส่วน ซึ่งเป็นคนประเภทศีลเสมอกัน กับ “มานพ”
จะร่ายลีลาเว่อวังอย่างไร สุดท้ายกรรม หรือการกระทำของคนพวกนี้ จะตามไปไม่เลิกรา ไม่ว่าจะ “บิ๊กโจ๊ก” หรือ “มานพ” !!

