"สส.ปชน." รุมถล่ม "รัฐบาล" ไม่จริงจังปราบสแกมเมอร์ ต้องปลด "ธรรมนัส" หลังเลี่ยงชี้แจงข้อเท็จจริง ขณะที่ญัตติแรร์เอิร์ธ ชี้ไทยเสียเปรียบ จี้ให้ยกเลิก
วันนี้ (30ต.ค.) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานถึงการพิจารณาญัตติด่วน จำนวน 3 ญัตติ ที่สส.พรรคฝ่ายค้านเสนอ พบว่าในการอภิปรายได้เน้นในประเด็นของการเสนอแนวทางการปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมไซเบอร์ การค้ามนุษย์ และการฟอกเงิน เพื่อส่งให้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนฐานะวาระแห่งชาติ
โดยสส.ที่ลุกอภิปรายส่วนใหญ่เป็นของพรรคประชาชน ซึ่งพบประเด็นที่เรียกร้องให้ นายอนุทิน เอาจริงเอาจังต่อการปราบแก๊งอาชญากรข้ามชาติ ทั้งนี้ช่วงหนึ่งของการอภิปรายของนายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน เรียกร้องให้รัฐบาลปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากถูกตั้งข้อสังเกตว่ามีความเกี่ยวโยงกับแก๊งสแกมเมอร์ และหลบเลี่ยงการชี้แจงต่อกรรมาธิการของสภาฯ ที่เชิญให้เข้าร่วมเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงหลายครั้ง
“ขาดรองนายกฯ ไปสักคนไม่เป็นไร เพราะยังไงก็เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะเก็บไว้เพื่อให้เป็นสายล่อฟ้าทำไม ในพรรคไม่มาโหวตกฎหมายให้ ดังนั้นหากรัฐบาลจะเอาจริงต่อการปราบเรื่องนี้ต้องเร่ิมจากการปลดคุณธรรมนัสก่อน จากนั้นต้องร่วมทำงานกับโลกต่อการปราบปรามแก๊งอาชญากรรมออนไลน์ ขึ้นแบล็กลิสต์คนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง” นายชุติพงศ์ อภิปราย
ขณะที่ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ในช่วงปิดสมัยประชุม อยากให้รัฐบาลจริงจังต่อการปราบแก๊งสแกมเมอร์ เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของคนไทย และเป็นทางที่จะยุติความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา เชื่อว่ารายได้กำลังหล่อเลี้ยงเครือข่ายผู้มีอิทธิพลที่ใกล้ชิดกับผู้นำกัมพูชา และที่สำคัญจะทำให้ไทยฟื้นบทบาทในเวทีโลกโดยเฉพาะการจับตาในเวทีเอเปก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ญัตติที่เสนอความเห็นต่อการลงนามเอ็มโอยูระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา ต่อการลงทุนในแร่หายากนั้น พบว่ามีผู้อภิปรายที่เน้นสาระสำคัญ คือ ให้ทบทวนรายละเอียดเพราะมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อความมั่นคงของประเทศ รวมไปถึงเสี่ยงต่อการทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างมลพิษให้กับพื้นที่ที่ถูกชี้ว่าเป็นจุดสำรวจแร่
ทั้งนี้ช่วงหนึ่งของการอภิปรายของ ว่าที่ ร.ต.สมชาติ เตชถาวรเจริญ สส.ภูเก็ต พรรคประชาชน ตั้งข้อสังเกตว่า การลงนามเอ็มโอยู อาจทำให้ยกเว้นข้อกำหนดบางประกาศในสนธิสัญญาเพื่อให้ต่างชาติเข้ามาประกอบกิจการเหมืองแร่ได้โดยไม่ผิดหรือขัดแย้งกับกฎหมายของไทยที่บัญญัติให้เป็นข้อห้าม สนธิสัญญาไมตรีเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐอเมริกา-ไทย เป็นกฎหมายพิเศษ เมื่อปี 2509 ยกเว้นพลเมืองอเมริกาให้เข้ามาถือหุ้นบริษัทที่จดทะเบียนภายใต้กฎหมายไทย ถือครองหุ้นได้ 100%โดยไม่ต้องขอใบประกอบกิจการคนต่างด้าว
ทั้งนี้การลงนามเอ็มโอยู เปิดประตูให้ประเทศมหาอำนาจยกเว้นข้อห้ามที่เคยห้ามไม่ให้มายุ่งกับทรัพยากรธรรมชาติ แต่วันนี้เปิดช่องให้ประเทศมหาอำนาจที่ต้องการแสวงหาและแทรกแซงทรัพยากรธรรมชาติใช่หรือไม่ เห็นได้ชัดในเอ็มโอยูระบุถ้อยคำการแลกเปลี่ยนทางเทคโนโลยี การสนับสนุน และเพื่อความมั่นคงของแร่ แต่ที่สอดไส้อยู่ คือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน อุตสาหกรรมแร่ ซึ่งเสี่ยงที่ทำให้เกิดการล้วงลูกการประกอบกิจการแร่หายาก กินรวบทรัพยากรธรรมชาติของไทย ซึ่งตนมองว่าเป็นสิ่งที่ทำให้ไทยเสียเปรียบ ขอให้ยกเลิก

