กมธ.ต่างประเทศถกผลศึกษา MOU44 ย้ำต้องคุย เขตแดนก่อนแบ่งทรัพยากรทะเล ค้านแนวคิดทำประชามติ MOU43–44 ชี้เรื่องละเอียดอ่อน กระทบกฎหมาย–ความมั่นคง–ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
วันที่ 30 ต.ค.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร โดยมี น.ส.สรัสนันท์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธาน กมธ. เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณารายงานผลการศึกษาเรื่อง “การบริหารจัดการพื้นที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในหลายทวีปทับซ้อน (MOU 44)” ของคณะอนุกรรมาธิการที่มี นายธนาธร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง พรรคเพื่อไทย เป็นประธานคณะอนุฯ
น.ส.สรัสนันท์ เปิดเผยว่า รายงานฉบับนี้ใช้เวลาศึกษา 6 เดือน โดยมุ่งเน้นเฉพาะ MOU 44 ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิ์ทางทะเล และได้เสนอผลการศึกษาเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ กมธ. ซึ่งมีมติให้ส่งรายงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรับความเห็นชอบในบทสรุปภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนนำกลับมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะเสนอไปยัง นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อไป
ประธาน กมธ.การต่างประเทศกล่าวถึงแนวคิดที่ให้จัดทำประชามติในประเด็น MOU 43 และ MOU 44 ว่า ไม่ใช่แนวทางที่ดีที่สุดเพราะทั้งสองฉบับเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีความละเอียดอ่อนทางกฎหมาย อธิปไตย และความมั่นคง อีกทั้งการยกเลิกฝ่ายเดียวไม่สามารถทำได้ ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 1 ปีในการแสดงเจตจำนงยกเลิกข้อตกลง ซึ่งต้องมีเหตุผลรองรับอย่างชัดเจน
“การให้ประชาชนลงประชามติจะเกิดคำถามในหลายมิติ ทั้งด้านกฎหมายระหว่างประเทศ ความมั่นคง การเมือง และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่ประชาชนจะต้องมาตัดสินใจใช่หรือไม่ใช่” น.ส.สรัสนันท์ กล่าว
ด้าน นายธนาธร โล่ห์สุนทร ประธานคณะอนุกรรมาธิการ กล่าวว่า การศึกษาครั้งนี้พิจารณาใน 2 กรณี คือ หากยังคงมี MOU 44 และกรณีที่ไม่มี MOU 44 โดยไม่ได้เสนอให้ยกเลิกหรือไม่ยกเลิก แต่ให้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจของฝ่ายนโยบาย ซึ่ง MOU 44 เป็นกรอบที่ ล็อกไว้ ว่าการเจรจาระหว่างไทย–กัมพูชา ต้องพูดคุยทั้งเรื่องเขตแดนทางทะเลและการใช้ทรัพยากรทางทะเลไปพร้อมกัน ไม่สามารถพูดเรื่องการแบ่งผลประโยชน์ก่อนแล้วค่อยกำหนดเขตแดนภายหลังได้ ดังนั้น หากเข้าใจว่า MOU นี้เป็นการแบ่งผลประโยชน์โดยตรง ถือเป็นความเข้าใจผิด
นายธนาธร ระบุว่าข้อดีของการคง MOU 44 คือมีกรอบชัดเจนในการพูดคุยว่าประเด็นใดต้องทำก่อน–หลัง แต่ถ้ายกเลิกจะทำให้แต่ละฝ่ายต่างคุยในพื้นที่อ้างสิทธิ์ของตนเอง ไม่มีตัวกลางในการเจรจา และการทำประชามติยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 เป็นเรื่องซับซ้อนเกินกว่าที่ประชาชนทั่วไปจะเข้าใจได้ครบถ้วน เพราะมีรายละเอียดทางเทคนิคและความลับทางราชการ จึงเห็นว่า รัฐบาลควรเป็นผู้ตัดสินใจแทนประชาชน

