ฝรั่งจับปลานกแก้วออกมาขอโทษแล้ว อ้างเห็นมีขายในตลาด ไม่คิดว่าผิดกฎหมาย ด้านท็อป-วราวุธ รมว.ทส.เร่งล่าตัว ระบุใครจับในเขตอุทยานฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงเนรเทศกลับหากเป็นต่างชาติ
จากกรณีชาวต่างชาติคนหนึ่ง ถือปลานกแก้วเป็นพวงประมาณ 5 ตัว และปลาไหลมอเรย์ อยู่บนเรือนำเที่ยวบริเวณทะเลเกาะพีพี จ.กระบี่ และโพสต์คลิปลง Tik Tok พร้อมข้อความภาษาไทยว่า
...ต้องดำน้ำ 30 เมตรเพื่อจับตัวนี้ โดยใช้วิธีการจับปลา แบบยิงฉมวก สเปียร์ฟิชชิ่ง (spearfishing) ซึ่งเป็นวิธีการตกปลา ที่ใช้ปืนลูกซองและสลิงแบบยืดหยุ่นหรือปืนสเปียร์ที่ขับเคลื่อนด้วยแก๊สอัดเพื่อโจมตีปลา...
หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้กลายเป็นประเด็นถกเถียงในโลกโซเชียล โดนส่วนใหญ่ตำหนิการกระทำดังกล่าว พร้อมตั้งคำถามว่าผิดกฎหมายหรือไม่ จนเกิดแฮชแท็ก #ฝรั่งจับปลานกแก้ว ติดเทรนด์ทวิตเตอร์
ต่อมาชาวต่างชาติดังกล่าวหลังปรากฏเป็นข่าวโด่งดังและทางเจ้าหน้าที่สืบทราบพิกัด ได้ออกมาโพสต์ชี้แจงว่า
“ทุกคน ได้โปรดเข้าใจผมด้วย ผมเป็นนักจับปลามืออาชีพแบบยิงฉมวก ที่ตระเวนไปทั่วโลก เพื่อจับปลา และผมไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวในกลุ่ม (ที่จับปลาในเหตุการณ์นั้น)
ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะก่อเหตุร้ายแรงเช่นนี้ ผมขอโทษสำหรับสิ่งที่ผมกระทำลงไป ซึ่งสิ่งที่ทำให้ผมคิดว่า ผมสามารถทำแบบนี้ได้ เป็นเพราะว่าผมเห็น 'ปลานกแก้ว' วางขายในตลาดครับ”
อย่างไรก็ดีล่าสุด วันนี้ (12 ส.ค.) นายฑีฆาวุฒิ ศรีบุรินทร์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า ได้ตรวจสอบภาพดังกล่าวพบว่าชายหนุ่มในคลิปยืนถือปลานกแก้ว 3 ตัว ปลาไม่ทราบชนิด 2 ตัว และใช้มีดแทงหัวปลาไหลทะเล 1 ตัว พื้นที่เกิดเหตุอยู่บริเวณเกาะพีพีเล ใกล้กับอ่าวมาหยา ต.อ่าวนาง อ.เมืองกระบี่ เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่
เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการรวบรวมหลักฐานเปรียบเทียบพิกัดที่เกิดเหตุตามภาพดังกล่าว ซึ่งทราบว่าเรือที่ก่อเหตุชื่อเรือ “เอวาริน” และ ทราบชื่อคนขับเรือแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายและกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป เบื้องต้นแจ้งให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.เกาะพีพี แล้ว
ด้านนาย “วราวุธ ศิลปอาชา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) หลังทราบเรื่องดังกล่าว ได้มีการสั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้หาตัวคนทำมาลงโทษตามกฎหมาย พร้อมทั้งได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก บัญชีรายชื่อ “TOP Varawut - ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา” ระบุว่า
ทำไม? ผมถึงอยากรณรงค์ให้ #หยุดบริโภคปลานกแก้ว 🐠
ถึงแม้ปลานกแก้ว จะไม่ได้อยู่ในบัญชีรายชื่อสัตว์คุ้มครอง หรือสัตว์สงวน แต่ปลานกแก้วมีถิ่นอาศัยอยู่ในแนวปะการัง และแนวปะการังแทบทั้งหมดในประเทศไทย อยู่ในพื้นที่ที่มีกฎหมายคุ้มครอง ดังนั้น เราจึงอนุมานได้ว่า ปลานกแก้ว ที่จำหน่ายอยู่ในท้องตลาดทั้งหมด มีที่มาที่ผิดกฎหมาย
ปลานกแก้ว กำลังตกอยู่ในภาวะเสี่ยง เนื่องจากความสวยงามและความนิยมบริโภคของคนบางกลุ่ม ทำให้ถูกคุกคามจากการถูกจับ/ล่า มาตลอด
แต่รู้ไหมครับว่า ปลานกแก้ว มีคุณประโยชน์ต่อระบบนิเวศในทะเล หากเราปล่อยให้เขาได้มีชีวิตอยู่ในทะเลต่อไป มากกว่าที่ตาเห็น
ปลานกแก้ว 1 ตัว จะกินซากปะการังที่ตายแล้ว และถ่ายออกมาเป็นทรายได้ถึงปีละ 90 กิโลกรัม กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของหาดทรายบนชายฝั่งที่เรายืนอยู่
ปลานกแก้ว ยังบริโภคสาหร่าย ที่ขึ้นคลุมแนวปะการังตาย จากปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว ทำหน้าที่เป็นผู้ทำความสะอาดซากปะการังเก่า เพื่อให้ตัวอ่อนปะการังใหม่ ได้มีพื้นที่ลงเกาะและเติบโตทดแทนปะการังเดิมที่ตายไป
ถ้าไม่มีปลานกแก้ว อัตราการเกิดใหม่ของแนวปะการัง ที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์ทะเลหลายๆชนิด ก็คงลดน้อยตามลงไปด้วยอย่างแน่นอนครับ
นอกจากนี้ อย่างที่กล่าวไปข้างต้น การล่าหรือจับปลานกแก้วในพื้นที่ที่มีกฎหมายคุ้มครอง เช่น อุทยานแห่งชาติ ยังมีความผิดตามกฎหมายด้วย
อย่างเช่น กรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่ได้โพสต์วิดีโอ Tik Tok จับปลานกแก้ว ในเขตอุทยานฯ ขณะนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้าร้องทุกข์แจ้งความ และเร่งติดตามมาดำเนินคดีแล้ว โดยจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งผมได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งติดตามโดยเร็วที่สุด เพื่อที่เขาจะไม่ทำความเสียหายให้กับทรัพยากรของประเทศไทยไปมากกว่านี้ ถ้าจับได้ต้องเนรเทศครับ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ https://m.facebook.com/100064855293851/posts/432994948872345/?d=n
การกระทำใด ที่มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ก็ขอให้ชั่งน้ำหนัก พิจารณา และละเว้น ที่จะไม่ทำมันเถอะนะครับ ช่วยกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติที่สมบูรณ์ไว้ เพื่อพวกเรา และเพื่อลูกหลานเราในอนาคตครับ 🙏