สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบล่าสุดที่เมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฝูเจี้ยนทางชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้จีน เชื้อกลายพันธุ์เดลต้าได้จู่โจมอย่างหนักในโรงเรียน เด็กติดเชื้อฯกันระนาว รายงานสถานการณ์ล่าสุด(20 ก.ย.) เผยเด็กๆที่ต้องเข้ารับการรักษาในสถานกักโรค มีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 81 รายแล้ว อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดในมณฑลฝูเจี้ยนชะลอตัวลงแล้วส่งสัญญาณความหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
คณะกรรมาธิการสุขภาพแถลงจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ในมณฑลฝูเจี้ยนระหว่างวันอาทิตย์(19 ก.ย.) มี 28 ราย ถือว่าเป็นตัวเลขผู้ป่วยรายวันที่ต่ำสุดในรอบ 7 วันมานี้ เทียบกับวันก่อนหน้าที่มีเคสผู้ป่วยรายใหม่ในมณฑล เท่ากับ 43 ราย
อนึ่งมณฑลฝูเจี้ยนกายเป็นแหล่งแพร่ระบาดเชื้อกลายพันธุ์เดลต้า โดพบเคสแรกเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา จากข้อมูลนับถึงนับวันอาทิตย์(19 ก.ย.) ตัวเลขผู้ป่วยสะสมในการระบาดรอบล่าสุดนี้ เท่ากับ 363 ราย โดยไม่มีผู้เสียชีวิต
ในวันเสาร์(18 ก.ย.) เจ้าหน้าที่จีนได้แถลงเกี่ยวกับบทเรียนที่ต้องโน้ตไว้ในการระบาดที่ฝูเจี้ยนครั้งนี้คือ การแพร่ระบาดในโรงเรียน หลังจากการแพร่ระบาดโควิดที่อู่ฮั่นแล้ว นี่นับเป็นครั้งแรกที่โรงเรียนกลายเป็นแหล่งแพร่ระบาดใหญ่ เนื่องจากอายุที่น้อย เด็กๆจำนวนมากไม่ได้ฉีดวัคซีน นอกจากนี้ระหว่างอยู่ในโรงเรียนเด็กๆไม่สวมหน้ากากอนามัย มีการรวมกลุ่มเด็กจำนวนมาก เวลาอยู่ในชั้นเรียนสัมผัสใกล้ชิดกันมาก เลิกเรียนก็เล่นสนุกสนานตามประสาเด็ก ดังนั้นเมื่อมีเชื้อโรคระบาดหลุดรอดเข้าไปจึงสามารถ “จู่โจมอย่างหนัก” ได้อย่างง่ายดาย
ที่เขตผูเถียนซึ่งเป็นจุดที่มีการแพร่ระบาดหนักสุดแห่งหนึ่งของมณฑลฝูเจี้ยน กว่า 40 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยเด็กที่ยืนยันผล อายุต่ำกว่า 12 ขวบ สำหรับผู้ป่วยที่ยืนยันผลที่อายุน้อยที่สุด วัยเพียง 3 ขวบ
มีชาวเน็ตบางคนได้ถ่ายภาพเด็กเดินทางไปกักตัวในกลางดึก เด็กเล็กวัยเพียง 3-4 ขวบ ลากกระเป๋าไปสถานกักโรค ทำให้ผู้คนที่เห็นภาพรู้สึกสะเทือนใจไปตามๆกัน
“แม้แต่เดินยังเดินไม่แข็ง ทั้งยังต้องสวมชุดป้องกันเชื้อโรคแพร่ระบาด ต้องมาเผชิญหน้ากับวิกฤตภัยอันตรายในโลกโดยลำพัง”
