xs
xsm
sm
md
lg

‘ไบเดน’ ขู่ทำสงครามด้วย ‘อาวุธจริง’ กับชาติมหาอำนาจ หากสหรัฐฯ ถูกโจมตีทางไซเบอร์อย่างหนัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:



ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ออกมาเตือนวานนี้ (27 ก.ค.) ว่า หากอเมริกาจะต้องทำ “สงครามด้วยอาวุธจริง” กับ “ชาติมหาอำนาจ” ในวันใดวันหนึ่ง ก็คงจะเป็นผลมาจากการโดนโจมตีทางไซเบอร์อย่างหนักหน่วง ซึ่งเป็นถ้อยแถลงที่สะท้อนมุมมองของวอชิงตันต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์จาก “จีน” และ “รัสเซีย”

ความมั่นคงทางไซเบอร์กลายเป็นวาระสำคัญอันดับต้นๆ ของรัฐบาลไบเดน หลังจากที่มีหน่วยงานและองค์กรต่างๆ ตกเป็นเหยื่อแฮกเกอร์อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่โซลาร์วินด์ส (SolarWinds) บริษัท โคโลเนียล ไพพ์ไลน์ ผู้ประกอบการส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางท่อรายใหญ่ของสหรัฐฯ เจบีเอส ผู้ผลิตเนื้อสัตว์รายใหญ่ของโลก และบริษัทซอฟต์แวร์ คาเซยา (Kaseya) เป็นต้น ซึ่งหลายครั้งที่ปฏิบัติการโจมตีเหล่านี้ไม่ได้สร้างความเสียหายแก่ทางบริษัทเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงอุปทานเชื้อเพลิงและอาหารการกินในบางภูมิภาคของสหรัฐฯ ด้วย

“ผมคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่เราอาจจะต้องทำสงครามในที่สุด และเป็นสงครามที่มีการยิงกันจริงๆ กับชาติมหาอำนาจ และนั่นจะเป็นผลมาจากการโจมตีทางไซเบอร์ที่สร้างความเสียหายใหญ่หลวง” ไบเดน กล่าวขณะปราศรัยเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงที่สำนักงานผู้อำนวยการข่าวกรองแห่งชาติ (ODNI) ซึ่งกำกับดูแลหน่วยงานด้านข่าวกรองทั้งหมด 17 แห่งของสหรัฐฯ

ระหว่างประชุมซัมมิตที่นครเจนีวาเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ไบเดน ได้แจ้งให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียทราบถึงรายชื่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญต่างๆ ที่สหรัฐฯ ถือว่าจะมีผู้กระทำที่เป็นรัฐ (nation-state actors) เข้ามา “แตะต้องไม่ได้”

ทำเนียบขาวยอมรับว่า ตั้งแต่นั้นมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติได้มีการติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเครมลินอยู่เสมอเกี่ยวกับเรื่องที่สหรัฐฯ ถูกโจมตีทางไซเบอร์

ไบเดน ยังเน้นย้ำเรื่องภัยคุกคามจากจีน โดยเอ่ยถึงประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ว่า “มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำให้จีนกลายเป็นมหาอำนาจทางทหารอันดับ 1 ของโลก และเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่โตที่สุดในโลก ภายในกลางทศวรรษ 2040”

ผู้นำสหรัฐฯ ยังกล่าวขอบคุณประชาคมข่าวกรองสหรัฐฯ พร้อมกับรับปากว่าจะไม่นำ “การเมือง” เข้าไปแทรกแซงการทำงานของพวกเขา

“ผมจะไม่เอาการเมืองเข้าไปก้าวก่ายงานของพวกคุณ ผมขอรับปากในข้อนี้” ไบเดน กล่าว “เพราะมันสำคัญกับประเทศของเรามาก”

คำประกาศของ ไบเดน ถือเป็นการปลีกตัวชัดเจนจากนโยบายของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งไม่ค่อยจะลงรอยกับประชาคมข่าวกรองอเมริกันสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะกรณีที่หน่วยข่าวกรองออกมาประเมินว่ารัสเซียช่วยให้ ทรัมป์ ชนะศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2016 และยังมีส่วนเปิดโปงเรื่องที่ ทรัมป์ ล็อบบี้รัฐบาลยูเครนให้ขุดคุ้ยความผิดของ ไบเดน ด้วย

ที่มา : รอยเตอร์
กำลังโหลดความคิดเห็น