MGR Online - พระราชทานอภัยโทษ ราชทัณฑ์ปล่อยผู้ต้องขัง ทั่วประเทศ 35,000 คน “สรยุทธ” ถอด EM “ตู่ จตุพร” จ่อออกคุก “ภูมิ-เสี่ยเปี๋ยง-บุญทรง” เข้าเกณฑ์ได้ลดโทษ
วันนี้ (27 ก.ค.) นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2564 พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ทั่วประเทศ ที่มีความประพฤติดีให้ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษและปล่อยตัว ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ คือ ผู้ต้องกักขัง ผู้ทำงานบริการสังคม หรือทำงานสาธารณประโยชน์แทนค่าปรับ ผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ ผู้ต้องราชทัณฑ์ที่เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี รวมถึงผู้พิการ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรง และชราภาพ เป็นต้น และกลุ่มผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษลดโทษ ได้แก่ ผู้ต้องราชทัณฑ์นอกเหนือจากกลุ่มแรก โดยจะได้การลดโทษในอัตราส่วนมากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับชั้นและฐานความผิด เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป
นายอายุตม์ เผยว่า พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ได้เพิ่มอาการของโรคที่เป็นเงื่อนไขสำหรับผู้เจ็บป่วยให้ครอบคลุมกับสภาวการณ์ปัจจุบันมากขึ้น โดยได้เพิ่มเติมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะติดเตียงไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ รวมทั้งผู้เจ็บป่วยด้วยโรคอัมพาต โรคสมองเสื่อม โรคสมองพิการ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังขั้นรุนแรง โรคโลหิตจางจากไขกระดูกไม่สร้างเม็ดโลหิต และโรคตับวายเรื้อรัง เป็นต้น ตลอดจนให้ผู้เจ็บป่วยที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 60 ปีบริบูรณ์ ที่จำเป็นต้องรักษาพยาบาลอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 1 ปี ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับให้อยู่ในข่ายได้รับการปล่อยตัวในครั้งนี้ด้วย
“ส่วนของผู้ต้องราชทัณฑ์ที่ไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ประกอบไปด้วย 1. ผู้กระทำความผิดซ้ำและไม่ใช่นักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม 2. นักโทษเด็ดขาดชั้นต้องปรับปรุงหรือชั้นต้องปรับปรุงมาก 3. ผู้กระทำความผิดในคดียาเสพติดรายใหญ่ ที่ได้รับโทษจำคุกภายหลังพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2564 (เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 63) และ 4. นักโทษประหารชีวิตที่เคยได้รับพระราชทานอภัยโทษแล้ว ทั้งนี้ พระราชกฤษฎีกานี้ ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 28 ก.ค. 64 เป็นต้นไป โดยระบุให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องขังที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษจากเรือนจำทั่วประเทศ มีจำนวน 35,000 คน ซึ่งขณะนี้ทุกเรือนจำอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายชื่อผู้ต้องขังที่อยู่ในเงื่อนไขได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพื่อส่งให้คณะกรรมการตรวจสอบผู้ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษพิจารณาก่อนปล่อยตัว ซึ่งครั้งนี้มีคนดังที่เข้าเงื่อนไขได้รับพระราชทานอภัยโทษกรณีเป็นผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ คือ นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ซึ่งก่อนหน้านี้ นายสรยุทธ ได้รับพระราชทานอภัยโทษมาแล้ว 2 ครั้ง และเข้าเงื่อนไขการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ จึงได้รับการติดกำไลอีเอ็ม เป็นเวลา 14 เดือน ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. 64 - 20 พ.ค. 65 และต้องรายงานตัวจนกว่าจะพ้นโทษ คือ วันที่ 26 ก.ค. 66 รวม 2 ปี 4 เดือน ก็จะพ้นโทษและได้รับการปลดกำไรอีเอ็มทันที โดยพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ค.) นอกจากนี้ ยังมี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่เข้าเกณฑ์เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และจะได้รับการปล่อยในเดือน ส.ค.นี้ หลังจากเข้ารับการอบรมโคกหนองนาโมเดล
นอกจากนี้ ยังมีผู้ต้องขังบิ๊กเนม ที่ได้รับการพระราชทานอภัยโทษ ลดโทษ ประกอบด้วย นางจุฑามาศ ศิริวรรณ อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวฯ ที่มีโทษจำคุก 50 ปี ได้ลดวันต้องโทษเหลือโทษจำคุก 17 ปี, น.ส.จิตติโสภา ศิริวรรณ บุตรสาวนางจุฑามาศ คดีรับสินบน 60 ล้านบาท จัดเทศกาลภาพพยนต์นานาชาติกรุงเทพ โทษจำคุก 40 ปี, นายภูมิ สารผล ผู้ต้องขังคดีทุจริตจำนำข้าว โทษจำคุก 38 ปี ได้ลงวันต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 13 ปี, นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ผู้ต้องขังคดีจำนำข้าว โทษจำคุก 48 ปี แต่ได้ลดวันต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 16 ปี, นายครรชิต ทัพสุวรรณ อดีต ส.ส.ปชป.ได้ลดวันต้องโทษเหลือโทษจำคุก 11 ปี และ นายอภิชาต จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง โทษจำคุก 48 ปี คดีทุจริตจำนำข้าวได้ลดวันต้องต้องโทษ 1 ใน 3 เหลือโทษจำคุก 9 ปี